回 " จ้ า ว ธ า ร า " 回 » » » » » » » » [ Sample ! ตอนพิเศษ! P.101 ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 回 " จ้ า ว ธ า ร า " 回 » » » » » » » » [ Sample ! ตอนพิเศษ! P.101 ]  (อ่าน 889876 ครั้ง)

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 747
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
สงสารน้องพันวัง ทำไมอ้ายโคจรทำเฉกเช้่นนี้เบ่า

ออฟไลน์ vassalord4822

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ก็นะ ไปชอบคนมีเจ้าของ  แล้วไม่ใช่ไปทำร้ายเค้าเพื่อแย่งมานะ

ออฟไลน์ four4

  • รักนี้ชั่วนิรันด์
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดด ไม่น่าเชื่อความหลังของท่านอา "พันวัง" จะสนุกขนาดนี้ อิอิ

ออฟไลน์ QGisuz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เกลียดจ้าวโคจรมากกกกกกก สงสารพันวัง
เหมือนโคจรเห็นพันวังเป็นแค่สิ่งของอ่ะ
พันวังน่าจะกลับไปกับอ้ายแสนตา ทิ้งโคจรให้อยู่คนเดียวไปเลย!!
ยิ่งอ่านยิ่งดราม่าTT

ออฟไลน์ ZomZaa^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-0

ออฟไลน์ ozaka

  • ตัว "โอ" เป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1818/-38
    • ozaka's blog






ป ฐ ม บ ท ¬• จ้ า ว ธ า ร า

-๕-










   ใกล้ได้ฤกษ์แต่งงานจ้าวแสนตากับแม่หญิงบุหลัน

   ขบวนจระเข้แห่งพิจิตรนครจึงจัดเตรียมความพร้อมออกเดินทางไกล  ด้วยล่องไปตามลำน้ำเช่นนี้กว่าจะถึงอโยธยาคงจะเสียเวลาไปหนึ่งวันเต็ม  ทั้งสำรับปิ่นโตน้ำสะอาดอาหารแห้ง  ทิ้งเพียงอ้ายแม่พิกุล  อ้ายกล้า  และจระเข้อีกครึ่งกองพำนักต่อที่เรือน
   พันวังตระเตรียมห่อผ้าน้อยสะพายขึ้นบ่า  เดินลัดเลาะผ่านบรรดาจระเข้น้อยใหญ่ที่กำลังวุ่นวายในเวลาย่ำรุ่ง  ทุกผู้ตนต่างดูเร่งร้อนไปเสียหมดด้วยจ้าวโคจรท่าทางกระหายอยากจะไปมากกว่าใคร  แรกรับสั่งจะออกตอนรุ่งสาง  ฉไนยังไม่ทันจะอะไรดึก็ออกมาตีฆ้องร้องป่าว  เร่งเวลารัดขึ้นกว่าชั่วยาม


   “ยินว่าท่านจ้าวสิออกมาเดินเล่นเสียทั้งคืน” บ่าวหนึ่งกล่าว “มิได้หลับได้นอนรึไร”
   “แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรเล่า?”
   “ข้าสิท้องไม่ค่อยดี  ถึงได้ออกมาแทบทุกชั่วโมง” เขาอธิบาย “คราเห็นท่านจ้าวนั่งชมดาวอยู่บนแคร่ใหญ่  พอออกมาอีกครั้งจึงได้เปลี่ยนไปเดินจงกรมใต้ต้นโพธิ์  ท่าทางกระวนกระวายนัก”
   “คงจะตื่นเต้นกระมัง”
   “ตื่นเต้นอะไรกันเล่า  นี่มิใช่หนแรกที่จะออกเรือไปต่างเมืองเสียหน่อย”

   “บ๊ะ  แต่นี่สิเป็นหนแรก” อ้ายอินทรกล่าว  ด้วยวางภูมิรู้ใจจ้าวยิ่งกว่าใคร “หนแรกที่จ้าวแสนตาเพื่อนรักจะได้แต่งนางเข้าเรือน  เป็นเจ้าจักไม่ตื่นเต้นพร้อมแสดงความยินดีกับเกลอหรอกรึ?”

   “ข้าก็มิได้คลางใจอะไรนักดอก”
   “เออ  ก็ดี”



   “…แต่อย่าหาว่าอย่างนี้อย่างนั้นเลยอ้ายอินทร”
   หนึ่งในบรรดาเด็กรับใช้กระซิบกระซาบ


   “ตื่นเต้นเช่นนี้  หากมิบอกข้าคงจะคิดว่าจ้าวโคจรจะแต่งงานเสียเอง”




   “ชิชะดูพูดเข้า  จ้าวแสนตากับจ้าวโคจรเป็นเพื่อนเพเล่นหัวกันมาตั้งแต่เจ้ายังเป็นแค่ไข่  ฤๅจะรู้ความผูกพันของทั้งคู่ได้กระไรเล่า”
   “ยามอยู่ก็เห็นมีปากเสียงสรวลกันทุกเมื่อเชื่อวัน…”
   “ก็มิได้หมายความว่ามิได้ลงรอยกันเสียหน่อย” ชายวัยกลางเท้าสะเอว  เฉดหัวไอ้คนปากมากไปหนึ่งที “ดู  ยังจะมัวมาพูดเข้า  รีบหอบขบวนสำรับอาหารนี่ขึ้นเรือไปเสีย  ประเดี๋ยวท่านจ้าวก็จะลงมาแล้ว….แล้วอ้ายพันวังไปไหนเสียเล่า  พันวัง!  อ้ายพัน….”

   “ข้าอยู่นี่อ้ายพี่อินทร” เด็กหนุ่มร้องตอบ  รีบสาวเท้าเข้าหา “ข้าสิรอท่านเรียกมานานแล้ว  จะให้ข้าขึ้นไปเรียนท่านจ้าวแล้วกระนั้นรึ?”

   คนฟังหมุ่นคิ้ว “บ๊ะ  หากเจ้ารู้งานใยไม่เริ่มลงมือเลยเล่า”
   “ข้ารู้งาน  มิได้รู้เวลาสักหน่อย…”
   “เอ้า  ยังมิวายมาเล่นลิ้น…ไป  ไปเสีย  เรียนท่านจ้าวทราบ  ขบวนเรือพร้อมออกเดินทางแล้ว”



   เด็กหนุ่มอมยิ้มแก้มปริ  ละออกจากงานใต้โถงด้านล่างวิ่งทั่กๆขึ้นบันไดไป  สวนกับบรรดาพี่น้องที่หอบข้าวของลงมา  ด้วยจ้าวโคจรมีคำสั่งให้ตระเตรียมแก้วแหวนเงินทองเป็นของกำนัลจากแดนพิจิตรไว้พร้อม  ราวกับจะไปสู่ขอสาวนางใดก็มิปาน  และเมื่ออ้ายอินทรถาม…

   “คราวข้า…” นั่นเป็นคำตอบ “…อ้ายแสนตาคงทำเช่นเดียวกัน”

   ..จึงไม่มีข้อกังขาใดๆอีก



   ไม่นานก็สาวเท้ามาถึงหน้าเรือนใหญ่  เท้าเปล่าทั้งสองข้างเหยียบบนพื้นไม้ส่งเสียงดังตึกตักเพียงแผ่วเบากว่าจะไปถึงหน้าห้อง  ซึ่งประตูไม้สักบานใหญ่กลับเปิดออกก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปสัมผัสสลักประตูเสียอีก
   ร่างสูงใหญ่ก้าวเท้ามาเจอก็แทบผงะ  ก่อนจะเอ่ยถามเสียงอ่อน
   “ได้เวลาแล้วรึ?”

   เด็กหนุ่มคลางใจในกระแสเสียงนั้นเพียงเล็กน้อย  แต่ก็มิอาจทำสิ่งใดได้นอกจากรับคำง่ายๆ “ขอรับ”
   “ดี”
   “แล้วข้าวของของจ้าวพี่เล่าขอรับ?”
   “ให้เด็กยกไปตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว”
   “ดู…จ้าวพี่ตื่นเต้นนะขอรับ?”
   นั่นเป็นคำถามลองเชิง  และคนฟังก็ดูพร้อมที่จะตอบบ่ายเบี่ยงนัก
   “แน่สิ” ชายหนุ่มก้าวเท้านำออกไปก่อน “นั่นสหายข้า”

   คนฟังพยักหน้ารับคำ  แม้จะรู้สึกประหลาดกับพฤติกรรมที่แปลกไปของคนตรงหน้า  แต่ความจริงที่ว่ายิ่งตนรู้มากเท่าใดตนก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น  ไม่มีอะไรดีขึ้นนอกจากข่มอารมณ์หึงหวงไว้ในใจ
   และนั่งท่องทุกคืนหน้ากระจกใหญ่ว่าตนเป็นเพียงบ่าวรับใช้…หาใช่คู่ครอง


   ร่างโปร่งบางเดินตามร่างสูงกว่าลงมาที่หน้าชาน  สาวเท้าลงบันไดไปจนขึ้นเรือ  บรรดาบ่าวไพร่ทยอยตามประจำตำแหน่งพร้อม  ไม่นานหัวเรือจึงเป่าแตรร้อง…พร้อมออกเดินทาง


   เพลานั้นแสงตะวันยังไม่มีวี่แววจะขึ้น  อาศัยตะเกียงสลัวและแสงจันทร์อ่อนนำทางไปตลอดลำน้ำ  เสียงไม้พายเรือแจวแหวกในห้วงธาราดังเป็นจังหวะพร้อมเพรียงกัน  ขบวนเรือแจวนับสิบลำจึงเคลื่อนตัวแหวกหมู่น้ำไปด้านหน้า  เพียงเรือลำใหญ่ตรงกลางเท่านั้นที่มีนายพายมากกว่า  นั่นคือเรือจ้าว…อย่างมิต้องสงสัย
   อ้ายพันวังวางหอบของใช้ส่วนตัวของตนไว้ใต้ที่นั่ง  ซึ่งอยู่เยื้องไปทางด้านขวามือของที่จ้าว
   ก่อนจะหันไปเกาะขอบเรือมองไปรอบๆอย่างใคร่รู้

   ด้วยตนนั้นเกิดและโตที่เรือนในเพียงแห่งเดียว  แม้แต่ตลาดหรือวัดวาอารามก็ยังมิเคยแม้แต่จะมีโอกาสไป  จริงอยู่ที่ได้ออกมาพายเรือเก็บรากบัวกับอ้ายแม่พิกุลอยู่บ้าง  แต่ก็มิเคยไปไกลถึงต่างนครข้ามแดน  ด้วยเหตุนั้น...ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรให้กระวนกระวายใจก็ตาม  เด็กหนุ่มก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้จริงๆ



   “ยามนี้มองไปก็เห็นแต่ความมืดนัด” อ้ายรดินหัวเราะร่วน “เจ้าสิจักกลัวเสียเปล่า”

   คนถูกค่อนแคะมุ่ยหน้า “อ้ายพี่รดินก็ทำเป็นรู้  ข้าสิแค่ดูไปรอบๆเท่านั้น”
   “ดูทำไมกัน?”
   “ข-ข้าคอยระวังภัยยังไงเล่า!”
   “ระวังภัยกับผีสิ  หากเกิดเรื่องจริงเจ้าสิคงถูกนำไปอยู่กลางวง  มิได้คอยมารับมือเป็นทัพหน้าดอก  ยังจะปากแข็ง” ชายหนุ่มตาเดียวหัวเราะ  ก้าวเท้าข้ามที่นั่งไป “จะนอนเอาแรงก็ย่อมได้  รอให้ตะวันขึ้นก่อนจักเห็นอะไรมากขึ้น”
   “ยินว่าจะเลียบเลาะหลบหมู่มนุษย์มิใช่รึ?  ข้าคงมิเห็นอันใดนอกจากหมู่แมกไม้นานา  คงมิต่างจากท่องป่าเสียเท่าไหร่”
   “รู้กระนั้นเจ้าก็ยังตื่นเต้น?”
   “ข-ข้าสิเคยท่องป่าเสียที่ไหน”
   “นั่นประไรเล่า”
   “อ้ายพี่รดินจักไปไหนก็ไป!  ข้ามิพูดด้วยแล้ว”
   “ฮ่าๆๆๆ”
   “จะหัวเราะอะไรกันเล่า!”

   “ถึงจะมิต่างจากท่องป่า  แต่หากมองสูงขึ้นไปกว่านั้นก็มีอะไรเพลินตามิใช่น้อย”
   จ้าวโคจรเอ่ยมาประโยคแรก  ก่อนจะกวักมือเรียกให้อีกคนเข้าหา
   “เจ้าสิเห็นเหล่าวัดวาอาราม  ประดับแก้วเพชรตามยอดเจดีย์  ยามต้องแสงตะวันสดใสจึงได้งามจับตานัก  ฤๅจะพูดถึงทุ่งนาเขียวขจีไกลสุดลูกหูลูกตาดีเล่า  มิว่าจะสิ่งใดก็น่าประทับใจไปเสียหมด”


   รอยยิ้มนั้นทำให้เสี้ยวหนึ่งของดวงใจรู้สึกโล่งอก  ด้วยจ้าวพี่โคจรเอาแต่ตีหน้าเครียดจริงจัง  ไม่หยอกล้อหือรือกระไรตั้งแต่เมื่อคืนวาน  ครานี้จึงสบายนัก…ว่าจอมทะเล้นกะล่อนของตนได้กลับคืนมาแล้ว

   “จ้าวพี่เคยผ่านไปอโยธยากี่หนกันรึ?”
   “นับครั้งไม่ถ้วนเชียวล่ะ” มือใหญ่รั้งเอวบางให้ขึ้นไปนั่งบนตั่งด้วย “ก่อนนี้ตอนเจ้ายังเล็กนัก..เด็กกว่าอ้ายกล้าเสียด้วยซ้ำ  ข้าจึงมิได้พาไปด้วย”
   “ยินว่านครแห่งนั้นเคยเป็นเมืองหลวงมาก่อน…คงจะแตกต่างจากเมืองเรามิใช่น้อย”
   “แต่เดชะเราสิเป็นเผ่าจระเข้  เรือนของอ้ายโคจรจึงมิได้แตกต่างจากเรานัก”
   “….เช่นนั้นหรอกรึ…”
   เสียงหวานอ่อนลงพร้อมใบหน้าน่ารักที่เง้างอด  คนมองขยับยิ้มกว้าง  จับเชยคางมนให้ขึ้นมาสบตา
   “หากเจ้าทำตัวดี  ข้าสิพาไปชมเมืองด้วยตัวเอง”
   “จริงรึ!?” ดวงตาสีอำพันเป็นประกายระรื่นทันตา “จ้าวพี่สัญญาแล้วนะ?”
   “ข้าให้คำมั่นเช่นนั้น”
   “จ้าวพี่ช่างมีเมตตานัก  นี่สิบารมีจ้าวโคจรถึงได้ขจรขจายไกลนั---“

   “พอเลย  หากจะเยินยอประจบข้าจะมะเหงกให้  เอ้า  มาทางนี้”
   ร่างสูงตบตักตัวเองเบาๆ  ส่วนอีกคนกลับทำหน้าฉงนนัก  จนกระทั่งมือใหญ่ต้องรั้งลำคอระหงลงมานอนแนบตัก  แล้วขยี้ศีรษะเจ้าตัวเล็กอย่างเอ็นดูระคนหมั่นเขี้ยวเหลือครณา
   “นอนเสีย  อ้ายน้องพันวัง  การเดินทางไกลมันเหนื่อยและลำบากกว่าที่เจ้าคิดนัก”

   “แต่ข้ายังมิง่วงนี่…”
   “ใครสั่งใครสอนให้ต่อปากต่อคำกับข้ากันหืม?” นายเหนือหัวหมุ่นคิ้ว  แกล้งทำเป็นดุ “จ้าวสั่งให้นอน  เจ้าก็ต้องนอน”
   เด็กหนุ่มหน้างอ  เบ๊ะปากหันไปทางอื่น “ขอรับ…”
   อีกคนหัวเราะเบาๆ “แหน่ะ  ยังมาเง้างอน”
   “ข้าจะไปงอนอะไรได้เล่า”
   “แหน่ะ  ยังมิยอมนอนดีๆอีก”
   “จ้าวพี่นี่..!  ข้าอยากจะตีปากท่านนัก”
   “เอ้า  นอนเสีย  ข้าสิจะร้องเพลงกล่อมเจ้า”
   ชายหนุ่มขยับยิ้มหวาน  ค่อยบรรจงลูบผมอีกคนช้าๆ…ต้องยอมรับว่าน้องพันวังของเขาช่างน่ารักนัก  ไม่ว่าใครเห็นก็อดที่จะเอ็นดูเสียมิได้
   ก่อนจะเอ่ยปากขับเพลงออกมาแผ่วเบา  ดังเคล้าเสียงแจวเรือเป็นจังหวะนุ่มนวลไปเรื่อย  เด็กหนุ่มหัวเราะคิกคัก…ด้วยไม่เคยเห็นอีกคนร้องเพลงกล่อมนอนมาก่อน  พอเหลือบสายตาขึ้นไปสบกับดวงตาหวานล้ำนั่น..เลยยอมลดเสียงหัวเราะลงเสีย
   เสียทุ้มห้าวดังแผ่วๆท่ามกลางความเงียบงัน  เป็นท่วงทำนองที่ไม่ได้เพราะพริ้งนักแต่กลับจับใจ  คนฟังปรือตาลงช้าๆ…กำลังจะปล่อยให้ร่างกายตัวเองหลับใหลด้วยการหลับตา



   มันเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางที่แสนหอมหวาน  โดยที่พันวังไม่เคยรู้เลยว่า




   …อีกมิช้านานนี้…ชีวิตของเขาคงได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง










= = = = = = = = = =










   “อ้ายบักโคจรนี่  ดูสิ  ใยไม่หาหมวกเหมิกผ้าคลุมหัวมาสวมให้น้องเล่า  เดินทางตอนกลางวันเช่นนี้มิเป็นลมแดดเอาหรอกรึ!”


   นั่นเป็นคำทักทายแรกทันทีที่ขบวนเรือจระเข้แห่งพิจิตรเข้าเทียบท่า  เท่านั้นแหละคนฟังทั้งหลายถึงกับหัวเราะคิกคัก  ไม่เว้นแม้แต่คนถูกด่าที่ระเบิดหัวเราะลั่น  แล้วยกขาแทบจะถีบอีกคนไปเสียที

   “อ้ายนี่  ข้าสิเดินทางมาเหนื่อยยังจะมาว่า”
   “เจ้าเหนื่อย  น้องก็เหนื่อยมิแพ้กันดอก  ผิวน้องแดงหมดแล้วเจ้ามิเห็นรึ?”
   “อ้ายนี่  ยังมิเลิกมอง  น้องพันวังก็หาใช่จะอ่อนแอดั่งเจ้าเปรียบเปรย  หากเช่นนั้นคงไม่หอบหิ้วพาเดินทางไกลมาถึงนี่ดอก”

   “ถูกของจ้าวพี่โคจร  อ้ายพี่สิพูดจาประหลาดนัก” เด็กหนุ่มโพล่งขึ้นทันที  ดวงหน้าขาวโดนแดดระเรื่อจับสีชมพูจางๆ “ข้ามิได้อ่อนแอเช่นนั้นเสียหน่อย  แดดเพียงแค่นี้มิระคายผิว  ล่องมาตามลำน้ำสิเย็นชื่นใจ  จักห่วงกระไรเล่า”

   “เอ้า” จ้าวบ้านแสร้งทำเป็นฉงน  ทั้งรอยยิ้มกว้างยังฉาบอยู่บนใบหน้า “ไม่ห่วงเจ้าแล้วจะให้ข้าห่วงหมาแมวที่ไหน  จึงเฝ้าบอกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน…อ้ายโคจรดูแลเจ้าได้มิดีพอดอก”
   “ชะอ้าว  แล้วไอ้ที่เจ้าดูแลแม่หญิงบุหลันเล่า?  จักมาว่าอะไรข้าได้?”
   “เมียก็เมียสิ  พันวังก็พันวัง  ใช่สิ่งเดียวกันที่ไหน”
   “ชิชะ  ข้าคงต้องเด็ดดอกไม้ไปซับน้ำตาให้อ้ายแม่หญิงแล้วกระมังเช่นนี้”

   น้ำเสียงนั้นพยายามพูดให้ติดตลก  ซึ่งจ้าวแสนตาเองก็หัวเราะร่วนเช่นกัน  ราวกับไม่ได้รับรู้ถึงสีหน้าประหลาดบางอย่างของไอ้คนพูดสักนิด


   “มาเถิด  พวกเจ้าทั้งสอง”
   มือใหญ่ผายไปด้านหลัง  พยักเพยิดขึ้นเรือนหลัก
   “มายืนคุยตรงนี้เห็นจะไม่ดีนัก  ขึ้นเรือนพักผ่อนก่อนเทอด…ข้าให้คนเตรียมน้ำท่าไว้พร้อม  พวกเจ้าเองให้ปฏิบัติตัวตามสบาย  ที่นี่มิต่างจากบ้านอีกหลังหนึ่ง  จระเข้ด้วยกัน…ข้าพร้อมต้อนรับเต็มที่อยู่แล้ว”



   เรือนหมู่หลังนี้กว้างขวางโอ่โถงนัก  ด้วยรู้กันว่ากำลังของจ้าวแสนตาซึ่งสู้รบกับหมออาคมเป็นนิจนั้นยิ่งใหญ่กว่าชนพิจิตรเราเกือบเท่าเห็นจะได้  เสาไม้แดงหลักทุกตนดูราวกับถูกปลูกสร้างขึ้นมาใหม่มิช้านาน  ยินว่าเมื่อไม่กี่ขวบปีที่ผ่านมาเพิ่งโดนจู่โจมหนัก  คงบูรณะก่อร่างสร้างตัวสมัยนั้น  ต่างกับเมืองสระหลวง  ซึ่งอยู่มาเนิ่นนานไม่รู้กี่ร้อยปี  สภาพจึงเป็นไม้เก่าขึ้นเทาสวย…แต่ก็มีบรรยากาศที่แตกต่างกันไป

   ขอบรั้วของเรือนคือหมู่แมกไม้ดอกครึ้ม  เลยไปหน่อยจึงจะเป็นทุ่งนากว้างใหญ่  แตกต่างจากเมืองพิจิตรที่มีเพียงป่ารกกับท้องน้ำล้อมรอบ  นั่นเป็นเหตุผลที่เด็กหนุ่มตื่นตานักทุกย่างที่ก้าวเดิน  และเป็นสิ่งที่จ้าวแสนตาแอบลอบมองด้วยรอยยิ้มเล็กๆด้วย


   “เจ้าสินอนเรือนนี้” ชายหนุ่มผิวเข้มชี้ไปที่เรือนรับรองหลังใหญ่หลังหนึ่ง “ส่วนน้องพันวังจักได้นอนเรือนเล็ก”
   “เอ๋?  มิเป็นไรดอกอ้ายพี่แสนตา  ข้าสินอนรวมกับเรือนบ่าวได้”
   “ใยจึงกล่าวเช่นนั้นเล่าคนดี  เจ้าสิหาใช่บ่าวธรรมดาแล้วนะ”
   นิ้วกร้านเอื้อมมาหยิบจมูกเสียหนึ่งหนด้วยหมั่นเขี้ยว  คนฟังย่นจมูกใส่  รีบบอก
   “ก-ก็มิต่างกันมากมายดอก”
   “เอ้า  พวกเจ้านี่ขัดหูขัดตานัก  เห็นใจข้าบ้างจักตายรึไร?” จ้าวโคจรว่า “ไป  ไปพักผ่อนเสีย  ข้าสิจะนอนหลับสักตื่น  ฝากบอกให้คนนำสำรับมาให้ด้วยล่ะ”
   เจ้าบ้านตัวดีหัวเราะ “ขอรับท่านจ้าว”
   “บ๊ะ  เจ้านี่ก็กวนประสาท”
   “ใยจึงดูหงุดหงิดเช่นนั้นเล่าอ้ายโคจร  ข้าสิเพียงหยอกล้อ  ทำหน้าบูดเป็นตูดลิงไปได้”
   คนฟังยกมือลูบหน้าลูบตาแล้วเสยผมขึ้น  เขามองไปรอบๆ..ด้วยเหตุผลที่บ่าวคนสนิทรู้ดีว่าคิดอะไร  แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากแก้ต่างแก้ตัว
   “เดินทางไกลเพียงเหนื่อยนัก  สงสัยจะได้ไข้ขึ้น”
   “งั้นจงรีบไปพักผ่อนก่อนเถอด  ที่ขอไว้จะรีบให้เด็กรับใช้เตรียมให้โดยพลัน”

   จ้าวโคจรพยักหน้าหนึ่งครั้ง  เปิดบานประตูเข้าเรือนไป  ตามด้วยพลขนของอีกจำนวนหนึ่ง  เด็กหนุ่มยืนมองอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาอาวรณ์..จวบจนกระทั่งบ่าวรับใช้คนอื่นๆเดินออกมา…แล้วประตูก็ปิดลงอีกครั้งอย่างเงียบงัน
   ..เช่นเดียวกับหัวใจคนมอง…

   “..เจ้านั่นสิดูแปลกนัก” อ้ายพี่แสนตากล่าว “มิยิ้มแย้มสดใสเช่นเคย”
   “จ้าวพี่คงเหนื่อยกระมัง  เป็นเช่นนี้ตั้งแต่หัววัน” พันวังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะแก้ต่างให้อีกคนทำไม  แต่เขาก็ทำ “อ้ายพี่อย่าได้กังวลเลย”
   “มันเป็นเช่นนั้นมานานเท่าไหร่แล้วเล่า?”
   “ตั้งแต่อยู่พิจิตรกระมังขอรับ  หลังฤดูอ้ายพี่มิค่อยสบอารมณ์นัก…เป็นเช่นนี้ทุกปี”

   เขาโกหก
   ..มันเป็นคำโกหกที่น่าเกลียดที่สุดที่เขาเคยได้ยินมา..

   “นั่นสินะ…อากาศร้อน…” แต่อ้ายแสนตามิได้ติดใจเอาความอะไร  ซ้ำยังยื่นมือมาโอบเอวบางให้เดินเคียงคู่กันไปด้วย “..บางคราข้าก็เป็น  จิชักชวนลงไปแหวกว่ายเล่นในลำหนอง  ก็กลัวน้องจะเหนื่อยเกินไปเสียหน่อย”
   “อ้ายพี่นี่พูดจาน่าตีนัก  อย่างท่านลงไปเจ้ามนุษย์พวกนั้นคงจะตื่นตูมกันแน่”
   “จะว่าไปข้าก็มิได้คืนกลายมานาน  เผลอๆอาจจะลืมวิธีว่ายน้ำไปแล้วก็ได้กระมัง”
   เด็กหนุ่มหัวเราะ  เอามือฟาดแขนไปทีนึง “ตลกนักนะ”
   “เจ้าสุขข้าก็ดีใจ”
   “อ้ายพี่นี่พูดจาน่าตีนัก” เด็กหนุ่มย้ำคำเดิม “ตัวจะแต่งงานอยู่รอมร่อยังมีหน้ามาหยอดคำหวาน  อ้ายแม่หญิงมายินเข้าเห็นจะได้เข้าใจผิด  รังแต่จะรู้สึกแย่ทั้งสองฝ่าย”
   แสนตาผ่อนลมหายใจ “เจ้าเลิกพูดถึงอ้ายแม่หญิงเสียทีได้ไหม…”
   “ใยจึงพูดเช่นนั้นเล่า  อ้ายพี่หญิงเป็นเมี---“

   “ชี่”
   ปลายนิ้วหนึ่งกดลงมาที่ริมฝีปาก  บังคับให้อีกคนเงียบลง
   “เจ้าจักมิพูดจาขัดบรรยากาศสักหนมิได้รึ  ข้าสิอยากย้ำกายในตัวเจ้าสักหนให้รู้ว่าข้าคิดถึงเนื้อเนียนนี่แค่ไหน  แต่เจ้าสิ…ดูท่าทางไม่เคยนอนฝันคิดถึงข้าเสียสักคืน”

   “บ-บัดสินัก!” เด็กหนุ่มแก้มแดงนัก  ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนอีกคน “นี่ก็หมดฤดูมาหลายวันหลายคืนแล้วไซร้  ใยยังจะหื่นมิรู้เวลา”
   “ข้ามิได้คิดอะไรเสียหน่อย  เพียงนึกถึงเจ้า..แล้วกายข้าก็ร้อนรุ่มขึ้นมา”
   “หุบปากบัดเดี๋ยวนี้!  อ้ายพี่สิติดคำท่านจ้าวโคจรมารึไร”
   “เช่นนั้นที่ไหน  อยู่กับข้า…ใยจึงทำหมางเมินเช่นนั้นเล่า”



   “อ้ายพี่กำลังจะแต่งงาน”


   ร่างโปร่งย้ำ  ขืนกายออกมาได้สำเร็จ

   ดวงตากลมโตช้อนขึ้นสบตากับอีกคนนิ่ง  มือสองข้างวางไว้บนอกกว้าง..แนบมากพอได้ยินเสียงหัวใจของอีกคนที่ยังคงเต้นเป็นจังหวะ  แตกต่างจากเขานัก…ที่รู้สึกคล้ายว่าดวงใจดวงนี้คงหยุดเต้นไปแล้ว



   “…เรา…มิควรทำเช่นนี้”



   จระเข้มิใช่สัตว์ที่ถือคู่ครองผัวเดียวเมียเดียว

   แต่ด้วยอาศัยในร่างมนุษย์เสียนาน…วัฒนธรรมบางอย่างที่ซึมซับเข้าไปอย่างช้าๆทำให้อ้ายแสนตาเข้าใจความหมายของคำพูดนั้น  แม้จะไม่มากนัก  กระนั้นการถูกปฏิเสธทันทีที่ตนเข้าสัมผัสเช่นนี้ก็ทำให้ลำคอแห้งผาก  จนชายหนุ่มได้แต่อ้ำอึ้งมิรู้จะพูดสิ่งใดดี
   ก่อนจะตัดสินใจพยักหน้า
   “ข้าขอโทษ”

   “…มิใช่ความผิดท่านดอก” พันวังกล่าว  ก้มหน้าลงเล็กน้อย “ข้าสิปล่อยให้มันเกินเลยมาถึงขั้นนี้”
   “อย่าโทษตัวเองเลยน้องพันวัง”
   ท่าทางสลดเช่นนั้นทำให้เจ้าของนามอ้ำอึ้งนัก
   “อ้ายพี่…”
   “พอเทอดคนดี” จ้าวแสนตายกยิ้มที่มุมปาก..แม้ดวงใจจะบอบช้ำมากก็ตาม “ยิ่งเจ้าพูดข้ายิ่งรู้สึกผิดนัก  เจ้าไปพักผ่อนเทอด…นี่เรือนเล็กของเจ้า”
   ชายหนุ่มผายมือไปตรงหน้า  เป็นเรือนหลังเล็กที่ตั้งอยู่ระหว่างกลางของเรือนรับรองและเรือนหลักใหญ่
   “นี่เป็นเรือนของอ้ายน้องพันตรา…ญาติผู้พี่ของเจ้า  แต่จนบัดนี้มิมีบ่าวรับใช้ใดเทียบเคียงได้…ข้าจึง…”

   จู่ๆคำพูดก็หายไปจากปาก

   แสนตาหลับตาลง  ผ่อนลมหายใจ
   “….ขอโทษ  ข้า…ข้ามิรู้จะพูดเช่นไร  มัน…”

   “ข้ารู้สึกเป็นเกียรตินัก” เด็กหนุ่มสวนขึ้นมา  ด้วยมิอยากรู้สึกกระอักกระอ่วนกับสถานการณ์เคลือบแคลงเช่นนี้ไปมากกว่านั้น “ขอบคุณอ้ายพี่มาก   ข้า…ข้าคงต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อน…”
   “จ้ะ  ใช่…เอ่อ  ตามสบายนะ”
   “ขอรับ”
   “หากขาดเหลืออะไร  จักให้เด็กรับใช้สรรหามาให้…ไม่ว่าสิ่งใดก็ตาม”
   “เป็นความเมตตานัก  ขอบพระคุณขอรับ”

   เด็กหนุ่มก้าวเท้าถอยหลังไปที่หน้าประตูห้องช้าๆ  ยังคงเก้ๆกังๆกับกระแสเสียงประหลาดของอ้ายพี่แสนตาอยู่  กระนั้นเขาก็ทำอะไรไม่ได้  ถ้านี่เป็นสิ่งที่ถูกที่ควรแล้ว..พวกเขาสิควรเว้นระยะห่างกัน
   ไม่ว่าจะด้วยรู้สึกผิดต่อจ้าวโคจรก็ดี  ต่ออ้ายพี่หญิงบุหลันก็ดี

   …แต่กับความรู้สึกข้างในของตัวเองเนี่ยสิ…ที่หนักหน่วงกว่านั้นเยอะ




   “น้องพันวัง”
   สุรเสียงแหบทุ้มนั้นเรียกขึ้นมาเสียก่อน


   “เรายัง…เป็นพี่น้องกันได้ใช่รึไม่?”



   คำถามนั้นทำให้คนฟังชะโงกหน้าออกมาจากประตูห้องอีกครั้งหนึ่ง  แล้วพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มอ่อน
   “…เหมือนเช่นที่เคยเป็นมาขอรับ”





ออฟไลน์ ozaka

  • ตัว "โอ" เป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1818/-38
    • ozaka's blog






= = = = = = = = = =










   “..เจ้าคิดเหมือนที่ข้ากำลังคิดอยู่รึไม่อ้ายรดิน”
    “ข้าว่าเจ้าคงคิดเรื่องเดียวกันอยู่เป็นแน่”
   “บรรยากาศนี่ช่างประหลาดนัก”
   “เจ้าพูดถูก”
   “แล้วอ้ายอินทรเล่ารู้สึกเช่นเดียวกันรึไม่?”
   เจ้าของนามเงยหน้าขึ้นจากปั้นข้าวเหนียวในมือ “มีอะไรกันเล่า?”

   สองหนุ่มมองหน้ากัน  ด้วยรดินแห่งพิจิตรนครกับสหัสของชนอโยธยาเป็นเกลอกันมาแต่เล็ก  มิได้ต่างจากท่านจ้าวทั้งสองของคนทั้งคู่  และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ทั้งสองคนมองหน้ากัน  ด้วยมิรู้จะพูดเรื่องนี้ออกไปดีรึไม่

   “เจ้าพูดสิ” สหัสชิงก่อน
   “ใยข้าต้องพูดเล่า  เจ้าสิเป็นคนเป็นบทนะ”
   “ก็ข้าเปิดให้แล้วอย่างไรเล่า”
   “อ้ายอ้าวเวรนี่”
   “พวกเจ้าสิตลกนัก  กำลังพยายามเล่นอะไรอยู่รึ?” อ้ายอินทรขมวดคิ้ว “มีกระไรก็พูดก็รีบว่ามา  ก่อนข้านี่แหละจะเอาตีนยันเจ้า”
   “แค่ขู่ก็พอ  ใยต้องยกเท้าขึ้นมาเช่นนั้นด้วยเล่า!”
   รดินหน้าแหย  หันไปมองรอบวงเสียหนึ่งหนก่อนก้มลงมากระซิบกระซาบ
   “จ้าวแสนตาก็ดี  จ้าวโคจรก็ดี  นับแต่มานี่ยังมิได้โผล่หัวออกมาด้านนอกสักตน  พวกเจ้าสิมิรู้สึกประหลาดบ้างรึ?”
   “จริงสินะ” หนึ่งบ่าวกระซิบตอบ “ข้าจักเพิ่งสังเกตบัดเดี๋ยวนี้”

   “ยามปกติจ้าวทั้งสองสนิทสนมกลมเกลียว  อย่างคราที่แล้ว ณ เมืองพิจิตร…จ้าวสิลากคอข้าสองคนออกมาดื่มเหล้าตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน” สหัสเสริมต่อ “ยามนี้ดูแปลกตายัง  จะครบรอบวันอยู่แล้วยังมิออกมาสรวลเสเฮฮาดังเช่นเดิม”

   “ข้าก็ว่าประหลาดแท้  น้อยครั้งนักที่ท่านจ้าวแสนตาจะรับสั่งให้นำสำรับขึ้นไปถึงเรือน”
   “เช่นกัน  ข้าก็ว่าท่านจ้าวแห่งข้าสิเงียบหงอยลงอย่างชัด”
   “ฤๅจะมีเรื่องผิดใจ?”
   “หากมีสิเหตุใดเกิด  จ้าวโคจรจะถ่อเดินทางมาฉลองครานี้ด้วยเหตุใดเล่า”
   “นั่นสิ”


   “บ๊ะ  ไอ้พวกนี้…” อ้ายอินทรแทรกขัด  แม้ตัวเองจะรู้สึกคลางใจมิใช่น้อยกับเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นก็ตาม “จับกลุ่มนินทานายกันให้วุ่น  เรื่องของจ้าวท่านใช่บ่าวสู่รู้”


   “กระนั้นก็ตามอ้ายอินทร  ข้าจักพูดเพราะห่วงท่านจ้าวเพียงเท่านั้น”
   “ถึงอย่างนั้นก็เทอด…”


   “แล้วเจ้าเล่าอ้ายพันวัง?”
   ใครคนหนึ่งหันมาถามเข้า
   “เจ้าสิสนิทกับจ้าวทั้งสองมากที่สุด  พอจะรู้เหตุอันใดบ้างรึไม่?”


   เด็กหนุ่มรู้สึกข้าวเหนียวในปากช่างหวานเหลือเกิน  ถึงได้เพิ่งรู้ตัวว่าอมข้าวไว้เช่นนี้นานแค่ไหน  จึงรีบๆเคี้ยวแล้วรีบๆกลืนสิ่งนั้นลงคอ  ก่อนจะหยิบผ้าน้อยบนไหล่มาเช็ดหน้าเช็ดปากเสียหนึ่งที  แล้วหยิบเนื้อเค็มชิ้นน้อยมาถือเตรียมเอาไว้

   “ข้ามิรู้ดอก” เขาโกหกอีกครั้ง “จ้าวพี่โคจรคงเหนื่อยจากการเดินทางกระมัง”
   “แล้วจ้าวแสนตาเล่า?”
   “อ้ายพี่คงตื่นเต้น  อีกมะรืนนี้จะเข้าหอ  มิใช่เรื่องแปลกอะไรดอก”

   ทุกคนหันไปมองหน้ากัน  แล้วพยักหน้าเออๆออๆ

   คนพูดมองไปรอบๆ..พยายามควบคุมสายตาตัวเองไม่ให้เลิ่กลั่ก  แล้วเคี้ยงเอื้องชิ้นเนื้อเค็มช้าๆไม่มีมีสิ่งใดพิรุธไปมากกว่าคำพูดคำจาของตัวเอง



   ก่อนหัวข้อสนทนากลางวงข้าวนี้จะเปลี่ยนไป  เด็กหนุ่มจึงผลุนตัวลุกขึ้นแยกออก  อ้างว่าสิไปเดินย่อยอาหาร  แต่ก็นั่นแหละ..เพียงเขาปรารถนาจะอยู่เงียบๆ  และคิดทบทวนเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นอีกครั้ง  แม้ว่ามันจะซับซ้อนเหลือเกินก็ตาม
   ร่างโปร่งเดินขึ้นกระไดมาถึงเรือนด้านหลัง  จนกระทั่งเสียงหัวเราะจากเรือนบ่าวดังเพียงแค่ไกลๆ  เขาเงยหน้าขึ้นมองม่านฟ้า  วันนี้เป็นคืนเดือนมืด…ม่านผืนนั้นจึงคราคร่ำไปด้วยหมู่ดาวมากมาย  และ…ไร้ซึ่งแสงใดๆนอกจากเปลวไฟจากตะเกียง



   จ้าวพี่โคจร

   อ้ายพี่แสนตา

   แม่หญิงบุหลัน


   ..และ..ตัวเขา




   “...ดวงดาวเจ้าเอ๋ย  ขอให้ค่ำคืนแต่งงานนั้นมาถึงในเร็ววัน…”

   เสียงหวานภาวนา  สั่นพร่าจนจับสัมผัสได้…สองมือยกประนมที่กลางอก  ดวงตากลมโตจับจ้องที่เม็ดดาวบนท้องฟ้า  นั่งนับให้ครบเก้าสิบเก้าดวงตามคำที่เคยได้ยินมา
   “…ให้เรื่องเลวร้ายเช่นนี้…จบสิ้นลงเสียที…”





   “มีใครอยู่ตรงนั้นรึจ้ะ?”



   คำทักที่ทำเอาร่างโปร่งบางสะดุ้งเฮือกแทบเซล้ม  แต่ก็คว้าราวระเบียงเอาไว้ได้ทัน

   เด็กหนุ่มยันตัวขึ้นยืนไว้ได้สำเร็จ  ก่อนจะรีบหันไปรอบตัวเพื่อหาที่มาของเสียง  ซึ่งไม่ได้ยากเลย  กลางชานเรือนมีต้นโพธิ์ต้นใหญ่ตามความเชื่อของเรือนเก่าแก่  และคนพูดก็ยืนอยู่ใต้ต้นนั้นเอง  เธอกระชับผ้าคลุมไหล่ห่อตัวเองไว้เสียมิดชิด  เรือนผมสีดำสนิทถักเปียเคลียลงมาที่บ่าข้างหนึ่ง  และเค้าหน้าที่ยังคงมิได้ต่างจากเดิมสักนิดนับแต่วันที่เธอจากมา
   ไม่สิ  ถ้าให้พูดตามตรงแล้วพวกเขาก็ไม่ได้เจอหน้ากันเพียงสามสามอาทิตย์เท่านั้น
   จะเปรียบเปรยก็เพียงความเจ็บปวดที่แสนยาวนานนัก
   ..แต่กลับสั้นเพียงชั่วอึดใจ


   “สวัสดีขอรับอ้ายพี่หญิง”
   เขารีบชิงยกมือไหว้ก่อน
   “เป็นเช่นไรบ้าง…มิได้เจอกันเสียนาน  สบายดีรึไม่ขอรับ?”

   “สบายดีจ้ะ” เธอบอก  หันไปมองรอบๆคล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่าง  แต่ก็พูดต่อไป “ขอโทษที่ไม่ได้ลงไปรับเมื่อเย็นนะจ้ะ”
   “มิเป็นไรดอก  พักนี้อ้ายพี่หญิงคงยุ่งนัก”
   “ไม่สักเท่าใด...แล้วจ้าวพี่โคจรเล่า?”
   เด็กหนุ่มชะงัก..แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น
   “จ้าวพี่พักผ่อนอยู่ในเรือนนอนขอรับ”
   “เช่นนั้นเอง…”
   “อ้ายพี่หญิงมีเหตุอันใดรึ?”
   คู่สนทนาอึกอักเล็กน้อย  แต่ก็ทำเพียงส่ายหน้าช้าๆ “มิมีดอก  แค่ถามหาเท่านั้นด้วยมิได้เจอกันเสียนาน…แล้วเจ้าเล่า  สบายดีรึไม่?  เดินทางมาไกลคงเหนื่อยมิใช่น้อย”
   “มิเหนื่อยเท่าใดดอก  ข้าสิมิได้ทำสิ่งใด  นอกจากนั่งชมนกชมไม้ก็เพียงเท่านั้น”
   เธอยิ้มหวาน “เป็นเช่นไรเล่า..เมืองอโยธยา  งามตาดั่งที่ใครต่อใครเลื่องลือรึไม่”

   ..อ้ายพี่หญิงก็เป็นอ้ายพี่หญิงคนเดิม  ที่ทั้งอ่อนหวานอ่อนโยนกับตัวเขา
   ซ้ำยังแสดงอาการเอ็นดูเหมือนน้องชายอีกคนของนางก็มิปาน

   พันวังกร่นยิ้ม  ไม่แสดงอาการออกมาว่าฝืนใจ “อดีตเมืองหลวงนี้น่าอยู่นัก  ท้องนาเต็มไปด้วยทุ่งข้าว  อากาศมิแปรปรวนเช่นเมืองเหนือ  เรือนหลักนี่ก็กว้างโอ่โถง  ข้าสินึกอิจฉาอ้ายพี่หญิงอยู่นิดๆ  แต่ติดตรงที่ข้าคงชอบอยู่กับบ้านที่โน่นมากกว่ากระมัง”
   “เจ้าพูดคล้ายคิดถึงบ้าน?”
   “ข้ามิได้คิดถึงบ้านเสียหน่อย! ข..ข้าก็แค่เปรียบเปรยเพียงเท่านั้น”
   หญิงสาวหัวเราะเบาๆ “อย่าเพิ่งเสีย  ข้ากับจ้าวพี่แสนตายังมิได้พาเจ้าไปชมทั่วนครเลย  อยู่ที่นี่สักพักหนึ่งก่อนย่อมได้”
   “แน่นอนสิขอรับ..งานรื่นเริงของจ้าวแสนตากับแม่หญิงบุหลันเห็นจะได้จัดเลี้ยงไปถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนดังคำเล่า  ใยข้าต้องรีบกลับให้พลาดโอกาสสนุกด้วย” เด็กหนุ่มยิ้มหวาน  แก้มแดงระเรื่อ “ครานี้ข้าสิเตรียมเพลงขิมมาบรรเลงฉลอง  มิเคยเล่นถวายที่แห่งใด”
   “ข้ายินดีนัก  ขอบใจเจ้ามาก”

   “ข้ามิมีแก้วแหวนเงินทองจะมอบให้  หากอยากแสดงสิ่งนี้เพื่อแสดงความยินดีนัก  ถือเป็นกำนัลจากข้า”
   เด็กหนุ่มค้อมศีรษะลงเล็กน้อย  หลับตา..เอ่ยปากบอกออกไป  พยายามมากแค่ไหนเพื่อควบคุมไม่ให้เสียงตนสั่นสะท้าน




   “ข้าขอให้อ้ายพี่หญิงมีความสุข..กับอ้ายพี่แสนตา”






   …โปรดอย่าได้ระราน ‘ดวงใจ’ ข้าอีกเลย












TBC







=======================









คล้ายทุกคนจะชิงชังจ้าวพี่โคจรนัก
ยังมีเรื่องให้เกลียดจ้าวพี่ได้มากกว่านี้อีก 555555555555

อย่างไรก็ตาม ก็อยากจะเขียนแง่มุมดีๆของโคจรบ้าง
จริงๆแล้วเป็นคนอ่อนโยนนะ แต่ด้วยความเป็นจระเข้ มิรู้ถูกผิดเช่นมนุษย์เราดอก
พวกเจ้าสิอย่ากังวลไป


แอบคิดถึงไอ้พี่วันนิดๆแหะ ; ;
เดี๋ยวจะรีบลงปฐมบทให้จบโดยไวก็แล้วกันจ้ะะะ




ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์นะคะ

ozakaoxygenz*





 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:




ออฟไลน์ eye-lifestyle

  • พรุ่งนี้ไม่เคยมีจริง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0

ออฟไลน์ wi_OoO_wi

  • payaaa payaaa padazz taa
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
   …โปรดอย่าได้ระราน ‘ดวงใจ’ ข้าอีกเลย


 อู๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย มันเจ็บจุงเบยยยยยยยยยย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kitwiphat

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-7
จร้ารอติดตามนะคิดถึงพี่วันจัง

ออฟไลน์ Linea-Lucifer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆสิน่า T[]T โอ้ยยยยยยยยยย
หน่วงมากค่า

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
โว้ยยยยยยยยย มันอึดอัดขัดข้องใจยิ่งนักท่านโอ
ข้าน้อยมิอาจทนมองอ้ายน้องพันวัง ประสบเรื่องเช่นนี้ได้
แม้ท่านจ้าวทั้งสองและแม่หญิงก็คงอึดอัดมิได้ผิดแผกกัน ทว่าข้าน้อยเล็งเห็นว่าอ้ายน้องพันวังมิอาจเปลี่ยนแปลงอันใดได้


ข้าน้อยทำได้เพียงเสียน้ำตาให้อ้ายน้องพันวังเท่านั้นขอรับ

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ยิ่งอ่านยิ่งสงสารพันวัง   :เฮ้อ:


รอพี่วันอย่างเดียวเลย

ออฟไลน์ Buppha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
    • https://m.facebook.com/buppha.manisaeng?refid=13
คิดถึงพี่วันกับพี่ไกรแล้วนะคะพี่โอ มาต่อเถอะน๊าาาาาาาา  :ling1:  :mew2:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
พี่โคจรบอกตรงเบื่อพี่อ่ะ :z6:
ปล.พี่โอขาเอาพี่วันหนูมาได้แล้วววววววว :ling1: :angry2:
คิดถึงทิวันกับน้องไกร เพราะยิ่งอ่านปฐมบทไปยิ่งไม่ชอบโคจร :beat:

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
คนที่เธอรัก เขาก็ไม่รัก
แต่คนที่เธอไม่รัก เขาก็ยังรักกกกกกกเธอ
เธอก็ยังคิด คิดถึงแต่เขา
แต่คนที่ยังเหงาาาาาา ก็คือฉันไงเธอ

 :ling1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
โถ ๆ น้องพันวัง อยากให้คำขอน้องเป็นจริงนะ แต่คาดว่าคงจะไม่
เฮ้อ...สลับคู่กันซะก็คงจบเรื่อง
ทำไมจระเข้หนุ่ม ๆ เจ้าคารมเหลือหลาย มิน่าอิพี่วันถึงดูเจ้าชู้นัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2014 13:03:33 โดย malula »

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ที่จริงอะไรมันก็ตกลงกันได้ถ้าคุยกันนะ  :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ QGisuz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ช่างดราม่ากระไรเช่นนี้ สลับคู่กันไปเลยจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว ฮืออออออ
สงสารพันวังจริงๆ เกลียดจ้าวโคจรมากกกกก
เอาพี่วันกลับมาเร็วๆเถอะค่าาา คิดถึงงงงงงงมากกกกกกกก
แต่เดี๋ยวนะ พี่วันนี่ลูกจ้าวโคจรกับแม่บุหลันใช่มั้ยTOT แงงงงงง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Dark_Noah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-3
เรามิแคร์ดอกว่าจ้าวโคจรจักกระทำเลวทรามเช่นไร ขอเพียงอย่างเดียวอย่าย่ำยีดวงใจพันวังน้อยเป็นพอ มิเช่นนั้นคนอ่านจะมิทน น้ำตาไหลเป็นตุ่มไห  :hao5:

supery

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมทุกคนถึงเอาแต่สงสารพันวัง  ตอนนี้โคจรแค่แอบรักว่าที่เมียเพื่อน แต่พันวังน่ะนอกใจไปก่อนเรียบร้อยแล้ว 

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
สงสารพันวังจังเลย หน่วงใจ

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
สงสารพันวัง แต่จะโทษใครในเมื่อ เค้าทั้งคู่คิดเหมือนกัน

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
เหมือนดูหนังทั้งๆที่รู้ตอนจบ
 :mew6:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
รู้ทั้งรู้นะ ว่าปฐมบทเนี้ย ยังไงก็ดาม่าแน่นอน

แต่ก็แอบหวังอยู่ลึกๆ ว่าไม่อยากให้ใครเจ็บ

ต่อให้เปลี่ยนคู่กัน คนอื่นชู่ชื่น แต่อาพันวัง ก็คงไม่ เป็นเพียงคนเดียวที่ไม่สมหวัง

เจ็บจัง :ling3:


ถ้า พี่วัน เป็นลูกของ พี่โคจร กับ นางบุหลัน

งั้นก็แปลว่า อาพันวังต้อง เลี้ยงลูกของคนที่ตัวรัก กับผู้หญิงที่มาเอาหัวใจของคนที่เค้ารักไปสินะ

ทำไมนะ พอมารู้อดีตแล้ว โกธรอาไม่ลงเลยย

----

มันต้องใช้น้ําตาแค่ไหนต้องร้องไห้กี่ครั้ง ให้เขาและเธอทิิ้งขว้างความรักแล้วเลิกลา
ให้เธอเห็นว่ารักของผมให้เธอได้มากกว่า ต้องใช้สักกี่น้ําตาให้เธอเห็นใจ

ที่เคยบอกว่าให้รักใครไป สุดท้ายจะได้เหมือนกันกลับคืนมา
แต่เอาจริงๆเหมือนมันมีราคา ที่บางทีให้ทั้งใจก็ไม่มีความหมาย
ทุ่มเทให้เท่าไรเธอไม่ยอมขาย แล้วผมต้องทํายังไงพ่อช่วยผมที
บอกได้ไหม

ว่ามันต้องใช้น้ําตาแค่ไหนต้องร้องไห้กี่ครั้ง ให้เขาและเธอทิิ้งขว้างความรักแล้วเลิกลา
ให้เธอเห็นว่ารักของผมให้เธอได้มากกว่า ต้องใช้สักกี่น้ําตาให้เธอเห็นใจ

สุดท้ายมันคือราคาที่เธอไม่สนใจ

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
อ่านแล้วพูดไม่ออก
แต่ละฝ่ายก็แสดงอาการขนาดนี้
แก้วแหวนเงินทองที่เอามา ขอแต่งตัดหน้าเลยเพ่!! #โดนแม่ยกถีบ
 :ling3:

สงสารพันวัง พี่โคจรก็คิดถึงแต่แม่หญิงบุหลัน พี่แสนตาก็จะแต่งกับแม่หญิง
แม่หญิงนี่โชคดีเนอะ..
 :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้อ!! น่าสงสารจัง T^T คงจะเจ็บปวดยิ่งนัก

ออฟไลน์ four4

  • รักนี้ชั่วนิรันด์
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
คิดถึงพี่วันนนนนนนนนนนน

ออฟไลน์ Buppha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
    • https://m.facebook.com/buppha.manisaeng?refid=13
เมื่อใดอ้ายพี่หญิงโอจักเขียนเรื่องของจ้าวน้องไกรกับจ้าวพี่วันฤๅ  :กอด1: ตัวข้ารอมาหลายเพลาแล้วหนาท่านพี่หญิง  :heaven
รีบมาเถิดหทัยน้องนี่จักสบั้นแล้วเอย  :mew2: แหกตารอทุกวันเลยเจ้  :ling1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด