回 " จ้ า ว ธ า ร า " 回 » » » » » » » » [ Sample ! ตอนพิเศษ! P.101 ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 回 " จ้ า ว ธ า ร า " 回 » » » » » » » » [ Sample ! ตอนพิเศษ! P.101 ]  (อ่าน 890027 ครั้ง)

ออฟไลน์ Buppha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
    • https://m.facebook.com/buppha.manisaeng?refid=13
ข้ารอจ้างทิวันเสมอมา เข้ามาส่องเช้า กลางวัน เย็น ดุจดังคนบ้า  :ling1: มาต่อเร็วๆน๊าาาาาาา คิดถึงพี่ไกรจะแย่แล้วววววว  :hao5:

tachibanramen

  • บุคคลทั่วไป
จ้ากกก เราว่าแล้วเชียว
อาพันวังจะแค้นใครเราไม่ว่า แต่ปล่อยหลานวันไว่้ได้มั้ยจ้ะ ㅠㅠ

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
สงสารเจ้าพี่แสนตา ยังเป็นจรเข้ อบอุ่นจนวินาทีสุดท้ายย

พันวังก็เนอะ จะรักใครทั้งที เป็นอันต้องอกหัก อยู่เรื่อย


ตอนหน้าเจอพี่วันแล้ว คิดถึงจังง

ออฟไลน์ four4

  • รักนี้ชั่วนิรันด์
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
รอจ้าาาาาาาาาาาาาา

ออฟไลน์ zvonek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ท่านอาาาาาา โฮ ร่ำไห้
ไม่โกรธท่านอาแล้ว เข้าใจท่านอาแล้วแง่ง

สองวันที่จมอยู่กับจระเข้ฝูงนี้นี่มัน
เห็นมานานพึ่งได้มาอ่าน มันดีมากจริงๆ ค่ะ //ซับ

นั่งรอพี่วันกลับมานะคะ

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อะไร ทำไมคนอื่นถึงเห็นใจพันวัง
แค้นแล้วไง ฆ่าโคจรกับบุหลันไปแล้วนี่
แล้วทำร้ายทิวันทำไม เด็กไม่เกี่ยวสักหน่อย
อีกอย่างแสนตาตายเพราะทิฐิ ไม่ใช่โคจรฆ่า
พันวังแค่อยากโยนความผิดใส่ใครสักคน
โทษคนที่ทำให้แสนตาอ่อนแอลงหรือก็คือโคจร
แถมโทษแบบเหมาเข่ง ว่ามนุษย์เลวร้ายทั้งหมด
"การเจอเรื่องเลวร้าย ไม่ใช่เหตุผลในการทำร้ายคนอื่น"
มันไม่น่าสงสาร สมเพชมากกว่า

ออฟไลน์ whitedudoom.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านแล้วน้ำตาไหลเลย TT
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
สงสารพันวัง โถ่ เข้าใจแล้วทำไมถึงเกลียดมนุษย์แบบนั้น
แต่นุ้งไกรไม่ใช่หนึ่งในนั้นนะะะะะะะะ แง

อะไรนะ พี่วันจะกลับมาแล้ว
รอฟังนะคะพี่วัน ว่าหายไปไหนมาาาา

ออฟไลน์ 9cats

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
เข้ามาอ่านตอนแรก ร้อง อะเจ๊ยย! เพราะวันนี้เพิ่งคิดพล็อตของตำนานเมืองพิจิตรนี้เอง แต่ไหนๆก็มีนักเขียนมากฝีมือจัดการไปก่อนแล้ว งั้นแมวขอเป็นผู้อ่านอย่างเดียวแล้วกันเน้ออ สำนวนเขียนดี๊ดี ชอบมากค่า ปลื้มมม

ออฟไลน์ QGisuz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่ได้เม้นหลายตอน มาเม้นอีกทีตอนจบปฐมบทเลย
ดีใจที่พันวังรู้หัวใจตัวเอง รู้ว่ารักจ้าวแสนตา
แต่มันก็สายเกินไปที่จะมาบอกรักในวันที่จ้าวแสนตาจะตายแล้ว ฮือTT
เศร้าอ่ะ เศร้ามากๆเลย อ่านตอนนี้แล้วทำให้รู้เหตุผลที่อาพันวังทำลงไป
รู้แล้วว่าทำไมต้องฆ่าจ้าวโคจรและบุหลัน ก็สมควรแล้วล่ะ
มนุษย์ก็ใจร้ายเกินไปแล้ว จระเข้บางตัวก็ไม่ได้ร้ายเสมอไปนะ ทำไมถึงต้องทำขนาดนี้
จ้าวโคจรก็ด้วย ทำไมไม่ยอมไปช่วยเพื่อน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนเพื่อนตายว่าควรทำอะไรบ้าง เหอะ
สมควรแล้ว สมควรแล้วจริงๆ อยากอ่านตอนหน้าแล้ว พี่วันจะคัมแบคแล้วใช่มั้ยคะ รอน้าาา><

ออฟไลน์ yummiie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
เมื่อไหร่พี่วันจะมา :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yumijung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :m15:อ่านจบแล้วก็ให้กังขาเหมือนพันวังว่า.
ท่านรำไพนึกยังไงถึงอยากให้จรเข้แปลงร่างเป็นมนุษย์
เพราะต่างวิถีต่างเผ่าพันธุ์ต่างความคิด
ก้าวก่ายข้ามสปีชี่ส์มันก็ยุ่งชะนี้แล..เฮ้อออ..
ปล.คิดถึงนุ้งไกรละค่าาาา

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
กงเกวียน กงกรรม...

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
อ่านแล้วน้ำตาไหลจริงๆนะ ;--;   จ้าวโคจรกับเเม่หญิงบุหลันอะ สุดๆไปเลยคือบั่บ.....     เข้าใจเหตุผลของท่านอาพันวังเเล้ว  มันพูดยากเนอะคือจ้าวโคตรจรกับแม่หญิงบุหลันผิดที่ทำแบบนั้น  แล้วที่อ้ายพี่เเสนตาต้องตายมันก้ไม่ใช่แค่สาเหตุมาจากแค่จ้าวโคจรจรกับแม่หญิงบุหลัน  มันเพราะมนุษย์ด้วย เหมือนหลายเรื่องถาโถมเข้ามาพร้อมกันท่านอาพันวังที่เป็นคนใสใส ทำตัวดีมาตลอดต้องเจออะไรแบบนี้ก็ถึงกับไปไม่เป็นจัดการความรู้สึกหลายอย่างไม่ได้  ถึงได้แค้นมากมายขนาดนี้  แต่พี่วันก้รุ่นลูกแล้วอ่าเนอะจะต้องมาซวยไปด้วยก็ดูจะไม่ยุติธรรมกับพี่วัน-น้องไกร ไปหน่อย

ออฟไลน์ ozaka

  • ตัว "โอ" เป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1818/-38
    • ozaka's blog




ช่วงเวลาห่างเหินที่ห่างหาย
พลันเลื่อนลายสัมพันธ์ดั่งภาพเผลอ
ไร้หวนคืนไร้แตะต้องไร้พบเจอ
คราเผลอเรอร่ำร้องทุกครั้งครา




จวบจนสิ้นกลิ่นน้ำตาร้างกันแสง
หอบเรี่ยวแรงน้อยนิดระเห็ดหา
มิหวั่นไหวใช่ชาติหน้าเจอพี่ยา
จักชาตินี้จวบพาลาจนสิ้นกาล




พลิกแผ่นดินฟื้นน้ำธาราสมุทร
จนที่สุดขอบฟ้ามหาศาล
ที่แห่งใดที่แห่งนั้นใครบันดาล


สองเราพาลประสบพบ..ได้จบเจอ











-๓๐-










   “พิจิตร?”


   “เออ” ผมรับคำ “พิจิตร”
   อีกคนกระพริบตาปริบๆ “พิจิตรนี่มีวัดอะไรให้แมชเชอร์บ้างวะ?  กูแม่งไม่เคยไปเลยว่ะ…”
   “คนไทยป่ะวะ  เที่ยวในไทยยังไม่ครบเรียกตัวเองคนไทยได้ไง”
   “หรือมึงเคยไป?”
   “เหอะ” ผมไหวไหล่ “ไม่เคย”
   “ถุ้ย!”

   “แต่กูรีเสิร์ชมา  พิจิตรก็เป็นจังหวัดเก่าแก่เลยนะเว้ย  เป็นหัวเมืองหนึ่งสมัยอาณาจักรสุโขทัย  หมายถึง..มันก็มีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ไม่น้อย” ผมพยายามโน้มน้าว  แม้ว่าตัวเองจะไม่แม่นเรื่องประวัติศาสตร์อะไรนักก็ตาม “แถวนั้นน่าสนใจออก”

   “ก็โอเคนะ  ไกลดี..จะได้เที่ยวระหว่างทางด้วย” แตงโมว่า “คนอื่นว่าไง?”
   “…’ไกล’นี่เป็นข้อดีเรอะ?”
   “ไหนบอกตอนแรกอยากไปทะเลไง”
   “นั่นล้อเล่นหรอก”
   “กูไปคุยกับอาจารย์คงมา” ผมรีบชักจูงทันทีที่เห็นว่ามีคนสนับสนุน “แกบอกว่าโอเคนะ  แต่ยังไงเราก็ไม่ได้จะไปแมชเชอร์วัดดังๆอยู่แล้วนี่นา”
   “มึงไปคุยกับอาจารย์คงมาเมื่อไหร่วะ?”
   “เมื่อวาน”
   “คนเดียว?”
   ผมเลิ่กลั่ก “พอดี..แกเรียกไปช่วยงานอ่ะ  เลยถามเรื่องนี้เลย”
   “อ้อ”
   “แล้วทำไมถึงต้องเป็นพิจิตร?”


   คำถามพร้อมการหรี่ตามองด้วยความสงสัยเสียเต็มประดาของไอ้โป็ยทำให้ผมกลืนน้ำลายเอื้อก  แอบคิดอยู่แล้วว่าไอ้เพื่อนรักแม่งต้องแอบจับไต๋อะไรได้สักอย่างเป็นแน่  แต่ก็ทำได้แค่หลบตามันฉับด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติ  (ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ทำผิดอะไรเลยก็เถอะ…)


   เคราะห์ดีที่แตงโมสนับสนุนต่อ “ก็ดีนะแก  พิจิตร..คนคงไม่ค่อยไปแมชเชอร์อ่ะ”
   “แล้วไปไง?”
   “รถมั้ย?  เราเพิ่งได้ใบขับขี่มา”
   “แล้วแกขับคนเดียวไหวรึไง?”
   โป๊ยยังขมวดคิ้วเพ่งผมอยู่  แต่ก็หันไปบอก “กูช่วยขับได้  กูก็มีใบขับขี่…แต่ไม่มีรถว่ะ”
   “เดี๋ยวเราถามป๊าก่อนล่ะกันเอารถไปได้รึเปล่า”
   “ตามนั้น”
   “แล้วจะไปวันไหน?”
   “เสาร์อาทิตย์มะ  วันจันทร์ไม่มีเรียนนี่?”

   “แก้วมีนี่  มีตอนบ่ายใช่ป่ะ?” แตงโมหันไปหาเพื่อนรัก “ใช่ป่ะแก้ว..?”



   แก้วไม่ได้พูดอะไร

   เธอมองผม  และผมเดาไปเองว่าในดวงตากลมโตคู่นั้นมีประกายแห่งความหวังซ่อนอยู่..ลึกๆ



   “เฮ้แก้ว!”


   “อ..อื้อ!?” แก้วสะดุ้งนิดๆ  หันไปหัวเราะ “ว่าไงนะโม  เมื่อกี้เราเหม่อไปหน่อย”
   “จ้ะ  จ้ะ  ยัยจอมเหม่อ” แตงโมก็ค่อนแคะไปตามประสา “รู้ป่ะเนี่ยว่าเค้าจะไปพิจิตรกัน”
   “เรื่องนั้นน่ะได้ยินแล้วน่า”
   “แล้ววันจันทร์แก้วมีเรียนใช่ป่ะ?”
   “ใช่จ้ะ  ตอนบ่าย  แต่ไม่ได้ซีเรียสนะ  โดดได้แหละ”
   “งั้นเสาร์อาทิตย์นะ  ตกลงกันไว้ก่อน”
   “คืนนี้ไปหาๆกันมาละกันว่าอยากแมชเชอร์วัดไหน” ผมแจงรายละเอียดสุดท้าย “พรุ่งนี้มาคุยกัน”
   “โอเค”





   ..จะให้เป็น ‘หมอปราบจระเข้’


   อย่ามาพูดให้ตลกหน่อยเลยน่า…





   ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่บ้ามาก  บ้าถึงขนาดที่ควรจะส่งชื่อเข้าชิงรางวัลเรื่องบ้าๆระดับจักรวาล  และถ้าผมตกลงกับข้อเสนอสุดโต่งแบบนั้นผมคงจะบ้ามากกว่าอีก  คำว่า ‘หมอปราบจระเข้’ น่ะ  ผมเองก็เพิ่งรู้ความหมายที่แท้จริงของมันได้ไม่นาน  และไม่ว่านี่จะเป็นความคิดที่มาจากอคติล้วนๆหรืออะไร  ผมก็ไม่คิดจะเข้าไปอยู่ในวงการนั้นอย่างเต็มตัวแน่ๆ
   สรุปก็คือ…ผมบอกอาจารย์คงไปว่าผมไม่มีความคิดที่จะทำแบบนั้น  ผมยังรักชีวิตตัวเอง..อย่างน้อยก็ยังพอใจกับชีวิตที่ไม่จำเป็นต้องมีสีสันอะไรแบบนี้ก็พอแล้วล่ะ

   และสิ่งที่เขาตอบกลับมามันทำให้ผมรู้สึกดียิ่งกว่า

   ‘ดีแล้ว’

   คำสั้นๆนั้นทำให้ผมรู้ว่า…หากผมตอบตกลงไป  อาจารย์คงคงจะผิดหวังในตัวผมไม่น้อยทีเดียว


   และถึงผมปฏิเสธก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่อยากเจอ…แต่มันต้องไม่ใช่ทางนี้  หลังจากนั้นผมก็ค่อยๆคิดและบางทีอาจจะใช้เวลานานไปหน่อย  คือ5นาที  เพื่อปรึกษาอาจารย์คงในเรื่องที่สมควรสักทีคือเรื่อง ‘รายงาน’  ถึงจะมีเจตนาแฝงอยู่ชัดเจนก็เถอะ  แต่จารย์คงก็เหมือนจะเข้าใจและไม่ได้จับผิดอะไรเรื่องนั้น  ซ้ำยังเห็นด้วยเป็นอย่างดีอีก




   ..เพราะผมตั้งใจจะออกตามหาพี่วันให้ถึงที่สุด

   และออกสตาร์ทที่เบาะแสเดียวว่าเขาเป็นจระเข้ผู้ดีที่สืบเชื้อสายมาจาก ‘พิจิตร’




   ….ซึ่งให้ตายเถอะ
   ยอมรับจริงๆว่าแม่งเป็นความคิดที่งี่เง่ามาก…



   นอกเหนือจากความเห็นที่ว่าพิจิตรก็ไม่ใช่จังหวัดที่มีขนาดเล็กอะไรแล้ว  ยังมีประเด็นที่ว่าเขาจะกลับไปที่นั่นทำซากหินปูนอะไร  และถ้าผมจะเริ่มหา..ก็ต้องเริ่มจากที่ๆเขาหายไปจริงมั้ย  โชคร้ายหน่อยที่เขาจมหายไปในแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของประเทศ  จะย้อนขึ้นไปที่ปิงวังยมน่านหรือออกอ่าวไทยทะเลจีนใต้ดีล่ะ…นี่มันบ้าไปแล้ว!

   คิดในแง่บวกก็คือ…อย่างน้อยด้วยขนาดตัวเขาคงเข้าไปหลบๆซ่อนๆในคูคลองเล็กๆไม่ได้  ตัดตัวเลือกไปได้นิดหน่อย  แล้วก็ไม่มีข่าวไหนออกว่าพบเจอจระเข้น้ำจืดขนาดยักษ์ด้วย  ถือเป็นข่าวดีได้มั้ยวะเนี่ย




   และผมก็วางแผนอย่างแยบยลครับ…ในที่สุดพวกเราทั้งสี่  อันประกอบด้วย..ผม  ไอ้โป๊ย  แตงโม  และก็แก้ว  ก็ตกลงว่าจะเดินทางไปทำรายงานอภิมหากาพย์สามภาคกันที่จังหวัดพิจิตรดังกล่าว  และเรื่องที่เยี่ยมไปกว่านั้นก็คือแก้วเองก็รู้ข้อมูลนี้ด้วย  เธอถึงได้มีปฏิกิริยาแปลกๆตอนที่เราประชุมกัน

   และไม่ว่าเธอจะช่วยผมหาตัวไอ้พี่วันหรือไม่..แต่กว่าครึ่งของหัวใจผมก็โล่งอกอย่างมากกับข้อเท็จจริงที่ผมควรจะรู้นานแล้วที่ว่า….




   …..ผมไม่ได้อยู่คนเดียว






   ไม่เคย…สักครั้ง…










+++++++++++++++++++










   ไม่นานก็ถึงวันศุกร์ที่รอคอย

   แรกทีเดียวพวกเราตั้งใจว่าจะออกเดินทางกันในวันเสาร์  แต่อาจารย์เลื่อนคลาสไปสอนทบคาบในวันศุกร์หน้า  พอว่างก็คิดว่าควรรีบๆไปให้มันจบๆ  เวลามีเหลือ..ถ้าขาดเหลืออะไรก็ยังพอช่วยๆกันตามเก็บได้  เพราะไม่ใช่ว่าเราจะได้ไปกันบ่อยๆเสียที่ไหน
   นั่นเป็นข้ออ้างของพวกเพื่อนๆนะ

   ส่วนผมก็แค่…อยากจะไปทำตามแผนให้เร็วที่สุดมากกว่า




   พวกเรานัดรวมกันที่หน้าหอผมกับแตงโมตอนตีห้าครึ่ง  แล้วรีบออกเดินทางกันโดยทันที  ไอ้โป๊ยบ่นออดแอดว่ามันเพิ่งนอนไปได้2-3ชั่วโมงเท่านั้น  แหงล่ะฟะ…ใครให้มันไปดื่มกับพวกไอ้บอลเมื่อคืนล่ะ (แถมไม่ชวนตูอีกเอ้า!)
   ระยะทางจากกรุงเทพไปพิจิตร  ยังพอจะสามารถไปเช้าเย็นกลับได้ครับ  แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็เตรียมเสื้อผ้าติดรถไปแล้วละเผื่อค้างคืนอะไรยังไง  ซึ่งจากสมมติฐานพบว่าเราคงไม่สามารถเก็บข้อมูลได้เสร็จภายในวันเดียวได้หรอกครับ
   แตงโมเป็นมือขับแรกก่อน  แก้วนั่งหน้าข้างๆ  ส่วนไอ้โป๊ยแม่งก็นอนพังพาบอยู่ข้างๆผมท่าทางจะตายแหล่มิตายแหล่
   ผมหยิบมือถือขึ้นมากดหาแผนที่พิจิตรอีกครั้งหนึ่ง  ทั้งที่เมื่อคืนก็นั่งดูแม่งทั้งคืนแล้วแท้ๆ

   ผมไม่มั่นใจเลยครับ
   ไม่มั่นใจเลยว่าจะหา ‘เขา’ เจอได้ยังไง…จากสภาพในตอนนี้


   ….ท้อแท้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยสิกู




   แตงโมกับโป๊ยทำหน้าที่ทะเลาะกันไปตลอดทางครับ  ซึ่งแม้มันจะทำท่าสลึมสลือตลอดเวลาแต่ก็ยังมีสติพอจะเถียงโน่นนี่นั่นด้วย  พอสายๆหน่อยมันก็ตื่นละ…พร้อมกับคำถามแรกที่ทำเอาเราทุกคนอยากตะเพ่นกบาลมันสักที
   “วัดอะไรนะ?”

   แก้วหลุดขำทันที  ขณะที่แตงโมร้องลั่น
   “วัดนครชุมไง  แค่ชื่อวัดที่จะแมชเชอร์แกก็จำหน่อยสิวะโป๊ย”

   “อ้าว  ชื่อมันก็คล้ายๆกันไปหมดอ่ะใครจะไปรู้เล่า”
   “ไม่ใส่ใจว่ะ”
   “อ้าวเฮ้ย  คนเพิ่งสร่างเมานะ” มันว่า  แกล้งทำปากยื่นปากงอ “แกอยากพักเมื่อไหร่ก็บอกนะไอ้โม  เดี๋ยวแวะปั๊มหน้ากูขับให้ก็ได้”
   “ได้เสีย  เราชักเมื่อยๆไหล่ละ”
   “กินกาแฟมั้ย?”
   “ก็ดีนะ  เอาปั๊มที่มีอเมซอนละกัน”
   “นี่แกเป็นตัวแทนจำหน่ายอเมซอนเหรอ…”
   “บ้าสิ!”

   “พวกมึงจะว่าอะไรมั้ยถ้ากูอยากไปเมืองเก่าด้วย”

   นั่นเป็นคำถามแรกของผมที่ขัดขึ้นมาระหว่างบทสนทนาเชิงหยอกล้อนั้น..ที่แอบคิดได้หลังจากที่พูดไปแล้วว่ามันคงไม่ถูกที่ถูกเวลาเท่าไหร่

   ทำเอาทุกคนในที่นั้นต้องเงียบไปชั่วอึดใจ..ก่อนจะถาม
   “เมืองเก่าไหน?”

   “อุทยานเมืองเก่าอ่ะ  ข้างๆเมืองเลย  ไม่ไกลมาก” ผมว่า  ใช้วาจาพยายามโน้มน้าวทุกสิ่งอออกไป “เสร็จแล้วจะได้แวะหาข้าวกินกันในเมือง  ถ้ายังไงก็หาที่พักด้วยล่ะมั้ง…หมายถึง เอ่อ ถ้ามันไม่เสร็จ  หรือยังไงก็ได้”

   แรกทีเดียวผมคิดว่าที่ตัวเองแสดงออกไปนั้นมันดูลนลานมาเกินไปไหม  เพราะความเงียบที่เกิดขึ้นมันสร้างความกระวนกระวายให้ผมไม่น้อย
   ก่อนที่โป๊ยกระพริบตาปริบๆ  ชะโงกหน้าเข้ามาดูในมือถือผม “ไหนๆ  กูช่วยดูทาง”
   แล้วแตงโมก็เสริม “ก็ดีนะแก  จะได้ไม่ได้มาทำงานอย่างเดียว  ฮ่าๆๆ”
   “เออว่ะ  ก็อยู่ติดกันเลยนี่” เพื่อนรักผมว่า  พลางเขี่ยๆแผนที่ในมือถือแล้วถือวิสาสะแย่งไปดูเอง “ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  เสิร์ชหาร้านอร่อยเลยก็แล้วกัน”
   “ไม่พลาดนะแก”
   “หรือจะไม่กิน?”
   “กินสิกิน”
   “อยากกินไรกัน?”
   “อะไรก็ได้”
   “ส้นตีนมั้ย..”
   “ไอ้โป๊ย!  แกนี่ต้องหัดไปเรียนรู้วิธีการปฏิบัติกับผู้หญิงใหม่แล้วนะยะ  พูดจาหยาบคายจริง”
   “…’โทษที” คนถูกดุกระแอมกระไอ “แค่เคยชินว่ะ..”
   “เพราะแบบนี้ไงแกเลยไม่มีแฟน  ฮ่าๆๆ”
   “โหยเฮ้ย  พูดยังกะแกมีอ่ะ”
   “อ้าวไอ้นี่  เคยได้ยินป่ะ ‘ยังไม่เคยคิดเรื่องนั้นค่ะ  อยากให้โฟกัสที่ผลงาน’ ….”
   “ถุย!”
   “หยาบคายจริงโป๊ย!  ไม่เกรงใจเราก็เกรงใจแก้วบ้างดิ๊”
   “อ้าวเหรอ” มันกลอกตา “…’โทษทีแก้ว”
   “ฮะๆ  ไม่เป็นไรจ้ะ” แก้วหัวเราะ  หันมามองพวกเราแปปนึง “ตลกดีนะ”
   “โป๊ย  แก้วหาว่าแกเป็นตัวตลกว่ะ”
   “เราไม่ได้พูดอย่างนั้นนะโม!”
   “ฮ่าๆๆๆ”



   ผมกระพริบตาสองครั้ง  พยายามยิ้มกับบรรดามุขทั้งหลายเหล่ที่พวกเขาผลัดกันเล่น  แต่ขณะที่กำลังจะเบือนสายตามองออกไปนอกหน้าต่างแบบเดิมนั้นเอง  จึงตระหนักได้ว่ามือถือตัวเองยังอยู่กับไอ้โป็ย

   และเหนือสิ่งอื่นใดนั้นเอง…มันกำลังแอบดูมือถือผมอยู่!!!


   “ไอ้สัส!”

   ผมร้อง  พยายามทำให้เสียงตัวเองเบาที่สุดแล้วแย่งมือถือนั้นมา

   ส่วนอีกคนสิทำหน้าเหรอหรา  ด้วยท่าทางที่คล้ายกับว่าดูเรื่องต่างๆในเครื่องมือสื่อสารนั้นเรียบร้อยหมดแล้ว
   โป๊ยเขยิบเข้ามาใกล้ผม  แล้วป้องปากกระซิบ





   “…นี่มึงยังโทรหาพี่เค้าอยู่ทุกวันเลยเหรอ?”





   ..นั่นคงเป็นข้อมูลจากบันทึกการโทร  และมันทำให้ผมชะงัก

   แรกคิดว่าตัวเองควรจะเขินหน้าแดงหรือาจจะฟาดปั๊กเข้าที่ไหล่  สะบัดตีนขึ้นมายันให้หน้าหงาย  หรืออะไรก็ตามแต่  แต่ผมเหนื่อยเหลือเกินกับการที่ต้องปฏิเสธว่าไม่ได้รู้สึกอะไรเลย  ทั้งที่ข้างในมันไม่ใช่แบบนั้น
   “เออ” มันคือการยอมรับ “ก็แค่โทร”
   “แล้วติดป่ะ?”
   “ไม่”
   “ขึ้นว่าไร?  เค้าไม่รับ?”
   “ยกเลิกให้บริการ” ผมถอนหายใจ “ตอนแรกๆก็เหมือนปิดเครื่อง  ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว”
   “แล้วมึงยังจะโทร?”
   “ถามจริงเหอะ…มีคนปกติธรรมดาที่ไหนเค้าหายตัวไปกันง่ายๆแบบนี้บ้างวะมึง” ผมว่า “ต่อให้ไม่ใช่กู  หรือต่อให้เป็นมึงก็เถอะ…มึงไม่คิดจะสงสัยอะไรบ้างเลยเหรอที่จู่ๆเค้าก็หายตัวไปง่ายๆแบบนี้?”
   “กูสงสัย”
   “นั่นไง”

   “..แต่ทุกครั้งที่กูสงสัย  อยากจะรู้เรื่องอะไร  มึงก็ชอบทำเหมือนมีความลับบางอย่างกับกูทุกที” มันเปรยเสียงเรียบ  จ้องหน้าผมคล้ายกับไม่ต้องการคำตอบ “แล้วถามจริงเหอะ…จะให้กูสงสัยไปทำไมวะ  ถ้ากะอีแค่ความจริงมึงก็ยังไม่บอกกูเนี่ย”

   คำพูดพวกนั้นทำให้ผมเงียบไปสนิทใจ

   ขณะที่มันก็ยกมือเกาหัว
   “เอาเถอะ  ลืมไป…กูว่ากูจะไม่พูดเรื่องนี้ละ”



   ผมรู้ว่ามันคงโกรธไม่ใช่น้อยครับกับเรื่องนี้
   …แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีเหมือนกัน…

   จะให้บอกทุกเรื่องที่ผมรู้ออกไปงั้นหรือ?  จะให้ฉุดไอ้โป๊ยลงมาจากชีวิตของคนธรรมดาที่แสนวิเศษนั่นลงมาพะว้าพะวงกับเรื่องมหัศจรรย์ลี้ลับไร้ตรรกะแบบนี้อย่างนั้นหรือ?
   เพราะงั้นผมถึงทำได้แค่เงียบ  แล้วเก็บทุกอย่างเอาไว้กับตัวอยู่แบบนี้




   …เพราะคนที่โชคร้ายแบบนั้น…มีแค่ผมคนเดียวก็พอแล้ว










+++++++++++++++++++


ออฟไลน์ ozaka

  • ตัว "โอ" เป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1818/-38
    • ozaka's blog









   วัดนครชุม
   ในอดีตหมายถึง  วัดที่เป็นที่ชุมนุมของผู้คน

   ก่อนที่พวกเราจะมาถึงนี่  ได้แวะกินอาหารมื้อหนึ่งก่อนเที่ยงเล็กน้อยที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งริมถนนใหญ่
   พวกเราทั้งสี่นั่งเงียบๆอยู่ในร้านอาหาร  ไม่รู้เพราะตอนอยู่ในรถขามาปล่อยมุขกันไปจนหมดพลังแล้วหรือยังไงก็ตามแต่  หรืออาจจะเป็นที่ผมคนเดียวที่นั่งเงียบก็เป็นได้  มากับไอ้โป๊ยและสาวๆอีกสองคนก็ใช่ว่าจะคุยขโมงกันได้ทั้งวัน
   ตอนนั้นผมกลัวว่าโป๊ยจะคิดมากอยู่เหมือนกัน  ถึงได้แอบชำเลืองมองอีกฝ่ายบ่อยเกินพอดี  แต่หน้าตามันก็เหมือนไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว  คำพูดที่ได้ยินเมื่อครู่ก็อาจจะเป็นเพียงแค่ลมปากที่ชอบพูดจาพล่อยๆของมันก็ได้
   …และอย่างว่า  ถึงผมจะแคร์  ก็ไม่ได้หมายความว่าผมรู้ว่าควรทำยังไง



   และตอนนี้เราก็มาถึงจุดหมายแล้ว
   ผมเป็นคนแรกที่ก้าวเท้าลงจากรถ  มันอาจจะเพราะบรรยากาศเงียบสงบนี้ที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจเล็กๆ  นึกถึงตามทางที่ขับรถผ่านมานั้นก็มีเพียงทุ่งนากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา  กับบ้านคนเล็กๆน้อยๆเพียงเท่านั้นทั้งที่เข้าอำเภอเมืองมาแล้ว
   เป็นตัวอย่างของคำว่า ‘ต่างจังหวัด’ ที่ทำให้ผม(ซึ่งเป็นคนนนทบุรีนั้น)เริ่มจะเห็นชัดเจนขึ้นมาทีเดียว



   พวกเราแยกย้ายกันไปทำงาน  แตงโมและแก้วไปพูดคุยกับคนในท้องที่  ส่วนโป๊ยไปคุยกับเจ้าอาวาส  ส่วนผม..ก็หยิบกล้องมาถ่ายรูปอุโบสถตามมุมต่างๆ

   ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงกว่าๆ  น่าแปลกทั้งๆที่พระอาทิตย์ก็ตกลงกลางหัวแล้วแท้ๆ  แต่พวกผมเองก็ไม่ได้รู้สึกร้อนอะไรมากมาย  อาจเพราะต้นไม้ดกครึ้มรอบๆอาณาบริเวณนี่  หรือเพราะว่าไม่มีใครแถวนี้เดินพลุกพล่านแย่งออกซิเจนกันเหมือนในกรุงเทพฯก็เป็นได้




   ข่าวดีก็คือ..ท่าทางความขยันขันแข็งของพวกเราจะทำให้งานสำเร็จลุล่วงเร็วกว่าที่คิด

   ข่าวร้ายก็คือ…อ้าวไอ้สัส  งี้ตรูก็มีเวลาตามหาไอ้พี่วันแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองน่ะสิ




   “โอเคยัง?”
   “เช็ครูปก่อนแปปนึง”
   “เดี๋ยวๆ  เซลฟี่กันก่อนสาวๆ”
   แชะ!
   “แทคมาด้วยนะแก”
   “เออน่ะ”
   “แต่งรูปด้วยนะ”
   “เรื่องเยอะจริงนะมึง”
   “แล้วไกรจะไปไหนต่อนะจ้ะ?”

   “อุทยานเมืองเก่าไง”

   ผมหมุ่นคิ้ว  กดๆดูรูปในกล้องเทียบไปกับสมุดจดเล่มเล็กที่ลิสต์รายการเอาไว้พร้อม  นั่งติ๊กไล่ไปทีละรายการอย่างขะมักเขม้น  ระหว่างที่โป๊ยเขี่ยๆเกมในมือถือรอฆ่าเวลา
   แก้วนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผม..เธอจ้องผมอยู่ทั้งๆที่มือยังจับดินสอแน่นไม่ปล่อย  และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ  เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เธอพูดได้เลย
   แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้า  แล้วเปลี่ยนมากดจิ้มๆมือถือ
   ซึ่งไม่นานข้อความในไลน์เธอก็เด้งเข้ามือถือผม




KAEW* : ไกร
KAEW* : มาตามหาพี่วันที่นี่ใช่มั้ยจ้ะ?




   ..ตลอดหลายวันของการเตรียมการ  เราสองคนไม่เคยคุยกันเรื่องนี้

   มันน่าประหลาดตรงที่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอตัดสินใจถามมันออกมา  และรู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรจะคุยต่อหน้าแตงโมหรือโป๊ย  แต่ผมขี้เกียจเกินกว่าจะพิมพ์ตอบเธอ  เลยพยักหน้าตอบไปตามตรง
   “ใช่ครับ”

   และเธอก็พยักหน้าตอบกลับมา  ลอบยิ้มบางๆก่อนจะพิมพ์ต่อ




KAEW* : จะไปที่เมืองเก่าก่อนเหรอ?
KAEW* : ให้เราช่วยอะไรมั้ย?



   ผมรู้สึกดีขึ้นมาก  เลยยิ้มออกไป “ขอบใจนะแก้ว”
   “มีอะไรก็บอกนะจ้ะ” เธอกล่าว “ถ้าเราช่วยได้…เราก็จะช่วย”
   “ขอบใจนะ”
   “พูด ‘ขอบใจ’ บ่อยเกินไปแล้ว  ไม่สมเป็นไกรเลย”

   การที่เธอหัวเราะออกมามันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก  ผมยิ้มรับ..นึกถึงวันที่เธอบอกผมว่าเธอชอบพี่วันมากแค่ไหน  นึกถึงวันที่ผมรู้ใจตัวเอง  นึกถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีต  และสุดท้ายก็มานึกถึงว่า…แก้วเองจะรู้สึกอย่างที่ผมรู้สึกตอนนี้ไหม


   จะเหงาบ้างมั้ย  เป็นห่วงมากมายแค่ไหน  ทำอะไรก็รู้สึกเฉื่อยชาไปซะหมด  เอาแต่ชะเง้อคอยมองหา   กระวนกระวายจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ….เวลาที่ไม่มีเขา…



   …เวลาที่ไม่มีเขา..แล้วเหมือนเราจะตายรึเปล่า?



   เขาว่ากันว่าในเวลาที่จริงจังแบบนี้ผู้หญิงจะเข้มแข็งกว่าผู้ชาย  ถึงแม้ว่าเราจะชอบคนๆเดียวกัน  แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมไม่อยากมีเพื่อนที่รู้สึกแบบเดียวกันในตอนนี้  แต่แก้วทำเหมือนกับว่าเธอลืมได้แล้ว  เธอตัดใจ..ได้แล้ว
   ยอมรับว่าตัวผมเองไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์แบบนี้เท่าไหร่หรอกครับ

   …ว่าไอ้ที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้…มันเรียกว่า ‘เกินไป’ รึเปล่า?




   หลังจากนั้นเราก็ประชุมกันว่าจะเอายังไงต่อ  โป๊ยเสนอว่าค้างสักคืนเถอะ  ค่อยกลับพรุ่งนี้เช้ายังได้  แน่นอนว่าผมเห็นด้วยกับโป๊ยแบบสุดพลัง

   “จะได้หาอะไรกินตอนเย็นด้วยไง”
   มันบอกแตงโม  ยกสารพัดข้ออ้างมาสาธยาย
   “แกก็ขับรถมานานคงเหนื่อยอ่ะ  ไหนๆก็มาแล้วทั้งที  อยู่ให้มันคุ้มไปเลยเป็นไง”

   …ซึ่งจริงๆแล้วผมว่ามันหวังเที่ยวอ่ะนะ…



   พวกเราออกจากวัดตอนบ่ายแก่ๆ  ผมเอาโน้ตบุ๊คมาด้วยจะได้เริ่มเรียบเรียงงานเลย  หากขาดเหลืออะไรจะได้เริ่มลงมือทำในวันพรุ่งนี้


   แต่พับเรื่องงานไว้ก่อนครับ  พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปยังอุทยานเมืองเก่าที่อยู่ไม่ไกลมากนัก (ซึ่งยอมรับเถอะ  ผมแอบหวังว่ามันจะไกลกว่านี้เสียหน่อย)




   โป๊ยเป็นมือขับตอนที่เราผ่านหน้าประตูเข้ามาตามถนนหลักเล็กๆ  สองข้างทางคือต้นไม้สูงใหญ่อายุหลายสิบปี  สร้างความร่มรื่นให้กับทั้งเราทั้งบริเวณโดยรอบ  เราขับรถช้าๆจ้องออกไปนอกหน้าต่าง  ผมไล้สายตาไปตามซากโบราณสถานที่เคยเป็นกำแพงเมืองเก่าวิ่งไล่เลียบกันมากับถนน  และพื้นดินสีแดงอิฐดูชุ่มฉ่ำจากบ่อน้ำที่อยู่ไม่ไกลนัก

   ผมจ้องป้ายแผนที่บอกตำแหน่งของโบราณสถานต่างๆภายในวัดอยู่สักครู่ใหญ่ๆ  ก่อนจะโบกมือให้โป๊ยขับต่อได้เลยเพราะจำสิ่งเหล่านั้นได้ขึ้นใจ  ของแบบนั้นในอินเตอร์เน็ทก็มีครับ  และที่น่าหงุดหงิดก็คือผมดันหาข้อมูลเรื่องนั้นมาพร้อมแล้ว  เผลอๆอาจจะมากกว่ารายงานที่ต้องส่งเสียอีก

   แต่ถึงจะค้นคว้ามากมายขนาดไหน  ผมก็ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นเรื่องแบบนี้ที่จุดไหนดี
   …ถึงอย่างนั้นก็ยังมา




   หัวใจของผมเต้นระรัวเหมือนกลองจนต้องยกมือกดเอาไว้  อะไรบางอย่างสร้างความร้อนแตะอยู่ที่ขอบตา  จนผมต้องรีบกลืนมันลงไป

   ความตื่นเต้นที่ผิดแผกเช่นนั้นทำให้ผมกังวล


   ..และผมไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง




   “เฮ้ไกร”


   โป๊ยเรียกผม  ด้วยเสียงที่ไม่ดังมากแต่ก็ทำให้ผมสะดุ้งเฮือกได้
   แต่โชคดีที่มันไม่สังเกต
   “มึงจะดูอะไรวะ?”

   ผมคิดว่าผมตอบคำถามนั้นไม่ได้  และผมไม่คิดว่าโป๊ยจะถามออกมาเลยใช่เวลานานนิดหน่อยกว่าจะตอบเขาไปได้ว่า…
   “ไม่รู้..เหมือนกัน”
   …ด้วยเสียงอ่อนๆแบบนั้นแหละ


   เพื่อนรักผมดูเหวอไปนิดนึง  แต่มันก็ไม่ได้ว่าอะไรเมื่อเห็นผมจดๆจ้องๆอยู่แต่กับหน้าต่าง  แทบจะแนบหน้าไปชิดเสียให้ได้  ด้วยไม่อยากให้เค้าเห็นพิรุธเต็มแก่  แต่เพิ่งมานึกขึ้นได้ทีหลังว่าแบบนี้แหละที่โคตรจะชัดเจน

   สุดท้ายมันเลยว่า
   “เดี๋ยวกูจอดตรงนี้ให้มึงออกไปรำก็ได้นะ”

   “ตลกละสัส”
   “เฮ้ย  เราเห็นด้วยกับโป๊ยนะ” แตงโมชะโงกหน้ามาท่าทางสนับสนุน “ไหนๆก็มาแล้วลงเดินสักหน่อย  บรรยากาศดีออก”
   “…อ้าว  นึกว่าเห็นด้วยเรื่องจะลงไปรำ”
   “รำห่าไร”
   “เดี๋ยวครับคุณแตงโม  บอกให้กระผมพูดจาสุภาพ  ฉไนสตรีเหล็กอย่างคุณถึงพูดจาแบบนั้นล่ะครับ!”
   “ถามจริง  นี่หาเรื่องกันใช่มั้ย?”

   “อ๊า!”
   พอเห็นทั้งสองคนตั้งท่ารบ  แก้วเลยชี้เปิดทางขึ้นมาเหมือนเตรียมบทพูดไว้ล่วงหน้า  ซึ่งให้ตายเถอะ..ผมนึกขอบคุณเธอจริงๆ
   “งั้นเข้าไปจอดตรงนั้นละกันจ้ะเดี๋ยวแวะสักการะศาลหลักเมืองกันสักหน่อยเนอะ”



   ทุกคนเข้าสู่ความสงบทั้งแตงโมทำเสียงจิ๊จ๊ะ  ก่อนโป๊ยจะหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปจอดเทียบศาลานั่งเล่น  ส่วนอาคารสีขาวหลังเล็กที่เป็นศาลหลักเมืองนั้นตั้งอยู่ในบริเวณที่ร่มไม้เข้าไม่ถึงพอดีครับ
   แล้วผมก็ก้าวเท้าลงจากรถเป็นคนแรกทั้งที่ยังใจเต้นโครมครามอยู่  จึงค่อยปราดมองไปรอบๆสัมผัสบรรยากาศของที่ที่ตั้งใจจะมาในครั้งแรก


   วันนั้นเป็นวันธรรมดา  ไม่แปลกนักที่จะไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นนอกจากพวกเรามาที่แห่งนี้สักเท่าไหร่  มีเพียงเด็กชายตัวเล็กผิวดำสองคนกำลังวิ่งแข่งกันหน้าลานอย่างไม่กลัวเกรงรังสียูวี  กับคุณป้าที่น่าจะเป็นผู้ปกครองของพี่น้องสองคนนั้นนั่งประจำการอยู่ในเต้นใกล้ๆศาลหลักเมือง  เสียงนกการ้องจิ๊บๆอยู่บนกิ่งไม้ดังคลอเคล้ากับสายลมยามบ่ายแก่ๆ


   ...เงียบสงบ…จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเผลอหลับตาตอนนี้จะหลังไปเลยรึเปล่า…




   กำลังชื่นชมบรรยากาศดิบดี…ไอ้โป๊ยแม่งเดินมาต๊อกที่เข่าซะงั้น
   “ลุกลี้ลุกลนห่าไรมึง  โน่น  โมกับแก้วเดินไปโน่นแล้ว!”

   …ไอ้สัส
   …อย่าเพิ่งได้มั้ยคนกำลังถ่ายมิวสิควีดีโอ


   ผมสะบัดหน้าค้อนใส่มันวงเบ้อเร้อ  แล้วก้าวเท้าฉับๆเดินตามโมกับแก้วที่กำลังซื้อดอกไม้ธูปเทียนอยู่ใกล้ๆ  พอไปถึงด้านหน้าก็ล้วงๆหยิบแบงค์ยี่สิบมาหยอดใส่ตู้บริจาค  แล้วหยิบดอกไม้ธูปเทียนเดินตามไปบ้าง




   ข้าแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย…

   ขอให้ผลบุญใดๆก็ตามที่ข้าพเจ้าทำทั้งชาตินี้และชาติก่อน  จงดลบันดาลให้ข้าพเจ้าได้พานพบสิ่งที่ปรารถนา...หรืออย่างน้อยก็เพียงรู้ถึงความเป็นไปของ ‘จ้าวหัวใจ’ ของข้า  ว่าอยู่อย่างสงบมีสุขดีรึไม่





   …เพียงอยากรู้…ว่าเขาเป็นตายร้ายดีเพียงใด…






   สิ้นถ้อยคำเหล่านั้น  ไม่รู้ทำไมร่างกายผมถึงสั่นขึ้นมา
   …เพราะน้ำตาหนึ่งหยดนี่น่ะหรือ?

   ผมรีบปาดมันออกไปก่อนที่ใครจะทันสังเกต  พอเงยหน้าขึ้น..ปรากฏว่าเพื่อนทั้งหลายยังก้มหน้าก้มตาภาวนากันอยู่  เออ..พวกมึงจะขอพรอะไรกันนักหนาวะ  ยอมรับครับว่าปกติผมก็ไม่ค่อยได้สวดภาวนาอะไรมากนักหรอก  แต่เหมือนกับว่าเรื่องแบบนี้…คงต้องลองพึ่งสิ่งที่มองไม่เห็นดูสักตั้ง

   ถ้าจระเข้ที่กลายร่างเป็นคนได้มีอยู่จริง  บรรดาคาถาอาคมทั้งหลายแหล่มีอยู่จริง  คงไม่แปลกถ้าบรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผมสวดไปเมื่อครู่นี้จะมีอยู่จริงบ้าง
   …สาธุฯ



   ผมปักธูปเรียบร้อย  จึงถัดขาถอยหลังมาลุกขึ้น  แล้วยืนเกาะขอบราวทอดสายตามองไกลออกไป  สีขาวที่ทาอาคารศาลหลักเมืองนี้สว่างจนต้องหยีตา  ภาพตรงหน้าท่ามกลางหมู่ไม้ก็ไม่ชัดเจนนัก
   ผมยังคงเห็นเด็กชายผิวเข้มสองคนวิ่งเล่นกันอยู่  เห็นคุณป้าคนนั้นขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถอยู่บนเก้าอี้ชายหาด  ได้ยินเสียงนกร้องเรียกหากิน  ได้ยินเสียงสายลมที่ตีพัดจนใบไม้ด้านบนปลิวไหว





   แล้วลมกรรโชกหนึ่งก็พัดผ่านมา…






   ผมหลับตา  ยกมือป้องหน้ากันลมวูบนั้น…ถึงค่อยลืมตาขึ้นมาใหม่

   …และมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากก่อนหน้านี้





   เด็กหนุ่มที่ดูคล้ายกับเพิ่งผ่านพ้นช่วงวัยเด็กชายไม่นานยืนอยู่ตรงศาลานั่งพักใกล้ตัวรถซูซูกิสวิฟท์สีขาวของแตงโม  เขายืนอยู่ตรงนั้นนานคล้ายลังเล  ก่อนจะสะบัดหัวกลมดิ๊กมองไปรอบๆ  แล้วเดินผละออกหลบไปยังเงาของต้นไม้ที่บังตา

   ที่ทำให้ผมแทบหยุดหายใจนั้นคือ…เพราะเขามีรูปร่างที่คุ้นตานัก


   ทั้งเรือนผมสีอ่อนหยักศกเคลียลงมาข้างดวงหน้าเล็ก  หรือรูปร่างผอมบางเหมือนเด็กชายที่ยังโตไม่เต็มที่  และผิวกายขาวละเอียดราวกับว่าไม่เคยต้องแสง  แม้ว่าเวลาที่เขาขยับตัวหรือวิ่งห่างออกไปจะไม่ได้ทำให้ผมเห็นเค้าหน้านั้นชัดเจนนักก็ตาม





   ตอนนั้นเองที่ลำคอของผมแห้งผากขึ้นมา  ผมรู้สึกร้อนไปหมดไม่ว่าจะขอบตา  ดวงหน้า  หรือร่างกาย  ราวกับมีใครเอาถ่ายร้อนมาลนที่ฝ่าเท้า  เร่งเร้าให้ผมเคลื่อนไหว

   และกว่าจะรู้ตัว…ผมก็ออกวิ่งตามเขาไปเสียแล้ว





   “เฮ้ย! ไกร!”
   “จะไปไหนน่ะ?!”


   ..เดี๋ยวกูมา..!


   ผมตอบมัน  แต่น่าแปลกนักที่ถ้อยความเหล่านั้นดันออกมาแค่เพียงในมโนสำนึก  ผมไม่อยากเสียเวลากระทั่งจะหันกลับไปตอบเพื่อนรักที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันด้วยซ้ำ


   ไม่อยากเสียเวลาละสายตาจากร่างเล็กๆที่เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วขนาดนั้นแม้สักเสี้ยววินาทีด้วยซ้ำ









   มาลา







   ..ผมสาบานได้เลย  นั่นไม่ใช่ภาพลวงตาแน่ๆ











TBC





======================



ลืมหน้าไอ้พี่วันกันไปอ่ะยังงงงงงงง
//ลืมเรื่องหลักไปจริงๆแล้วก็สารภาพกันมานะคะ ถถถถถ

ไม่รู้ทำไม เดี๋ยวนี้รู้สึกตัวเองภูมิต่ำมากค่ะ
หลายโรครุมเร้าเหลือเกิน ทั้งที่ปกติก็แข็งแรงดีแท้ๆ
นักอ่านทุกคนก็อย่าลืมรักษาสุขภาพ หาเวลาดูแลตัวเองกันด้วยนะ!



ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ค่ะ


ozakaoxygenz*



 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
โอ๊ยยยยย เค้าค้างงงงงงงงง  :ling1:
โถ่ๆๆๆๆๆ จะเจอมาลาอยู่แล้วเชียววววววว
ใจเต้นตึกตักลุ้นไปกับไกร

ออฟไลน์ MIkz_hotaru

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-4
ว่าแล้วพี่วันต้องเล่นตัว ยังไม่มาให้เจอง่ายๆ
เจอน้องมาลาไปก่อนก็ได้
ไกรสู้ๆ

ออฟไลน์ corn_rain

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
หรืออ้ายพี่วันจักโดนทางการจับไปครั้งน้ำท่วมเปนแน่
ยังติดกะภาพพีเรียดอยู่เลย :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ppoi

  • When nothing goes right... GO LEFT.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 720
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-12
แอบอ่านมาซักพัก และกะจะเม้นท์แรกตอนจบปฐมบท...

จริงอย่างที่คุณ ozaka ว่า... คือเราลืมเรื่องหลักไปแล้วล่ะ!!!  :a5: 555 สารภาพตรงนี้เลยว่าอินกะปฐมบทจนหน้ามืดอ่ะ

คือพอไกรโผล่มานี่แบบ... ห้ะ อะไรยังไง แล้วน้องพันวังทำไงต่อ แล้วนางมีลูกได้อย่างไร แล้วอิโคกะนางกากี (คือเคืองพวกนางจนเปลี่ยนชื่อให้เสร็จ) ได้มีรู้สึกผิดกันบ้างไม๊ ปฐมบทจบแค่นี้จริงง่ะ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :serius2:

แงงงงง ข้าสิรักและคิดถึงน้องพันวังกะอ้ายพี่แสนตา   :o12: ขอตอนพิเศษที่พวกนางพอจะมีความสุขเล็กๆด้วยกันก่อนเกิดเหตุหน่อยเท้อออออออออออออ (ได้ข่าวเรื่องหลักยังไม่จบ กรีดร้องขอตอนพิเศษ...)   :o7:

...หายใจลึกๆ และพยายามปรับโหมดกลับมาที่อิพี่วันกะน้องไกร... ขอให้พวกเทอได้เจอกันนะ //เสียงไร้อารมณ์ 555  :o10:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
 :mew3:มาลา อยุ่ที่นั่จริงๆหรอ แล้วพี่วันละ อยู่ไหน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ว่าแล้วว่าต้องเจอมาลา...
วิ่งเข้าลูก วิ่งงงงงง วิ่งให้สมกับลาพักร้อน(?)จรลีหายไปให้พี่พันวังมาแทนตั้งนานหน่อยยยยย
เอ้าวิ่งงงงงงง
 :katai4:

ออฟไลน์ vassalord4822

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6

ออฟไลน์ squall

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ยังไม่สะใจ อยากดูตอนพันวังฆ่าไอ้อีสองตัวที่ทรยศ แบบก่อนตายอยากให้นังตะกวดตัวเมียเจ็บปวดสุดๆ
(แค้นมันมาก แม่ไอ้พี่วันโคตรตอแหล ทำเป็นใสซื่อ นังอสรพิษหน้าด้านนนน :z6: :m31: :fire: :angry2: :beat:)

ป.ล. ไม่อยากจะหยาบคายแตมันสุดจะทนจริงๆ ค่ะ

ออฟไลน์ 28016

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ยอมรับว่าพึ่งอ่านปฐมบทไปได้ไม่กี่ตอนเพราะกลัวสำลักผงชูรสตายคาหม้อมาม่า(?)
และได้ห่างหายไปนานจนเกือบลืมเนื้อเรื่องหลักแล้ว...
แต่มาอ่านตอนนี้ก็ยังอินนะคะ :hao7:
พี่วันยังคงเป็นพ่อพระเอกค่าตัวร้อยล้านเหมือนเดิม
ตอนที่โป๊ยพูดกับน้องไกรคือเจ็บอยู่นะ แต่ก็ตามนั้น แคร์แต่ไม่รู้จะทำยังไง
เอาจริงๆตอนที่เห็นว่ามีเด็กวิ่งเล่นตรงศาลคือมโนไปแล้วว่าเด็กน้อยอาจเป็นจระเข้ ฟฟฟฟ
มาลาก็ยังน่ารักน่าฟัดเหมือนเดิม //คงความติ่งอย่างเสมอต้นเสมอปลาย (ได้ข่าวว่าโผล่มานิดนึงบทพูดก็ไม่มี)
ช่วงนี้ฝนตกบ่อย คุณโอก็ต้องรักษาสุขภาพด้วยนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ไหนล่ะพี่วัน  :o12:

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
ได้เจอน้องมาลาแล้ว รอแต่พี่วัน

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
กลับมาครั้งนึง ก้อทำให้หัวใจเต้นไม่ปกติครั้งนึง

บ้าจิง มันจะเกิดเรื่องร้ายๆอีกมั้ยเนี่ย T^T

ออฟไลน์ toou

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
เจอพี่วันเร็วๆน้าาาาาา :call:

ออฟไลน์ QGisuz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ลุ้นมาก ไกรจะได้เจอพี่วันมั้ย
รีบตามมาลาไปเร็วๆนะไกร!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด