[ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57  (อ่าน 67169 ครั้ง)

ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
«ตอบ #120 เมื่อ03-03-2014 01:24:24 »

24


 
            ผมกลับมาที่บ้านของตัวเองหลังจากที่ไม่ได้กลับมาหลายอาทิตย์ บ้านยังคงเงียบสนิท ผมคงคิดผิดไปที่จะมาหาหญิงที่บ้านของตัวเองทั้งๆที่รู้ว่าน้องหญิงโกรธผมมากขนาดไหนที่นาทีเลือกที่จะรักผมไม่ใช่รักเธอ ผมนั่นแหละที่เป็นตัวการของเรื่องทั้งหมด
            รองเท้าถูกถอดไว้ด้านหน้า ก่อนขายาวๆของผมจะก้าวเข้าไปในตัวบ้าน ผมวางกุญแจบ้านลงบนโต๊ะกินข้าวก่อนจะนั่งลงที่โซฟาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
            ทำไมน้องหญิงถึงต้องกินยาระงับประสาทด้วยนะ
            ผมถอนหายใจก่อนจะมองฝ่ามือที่ซีดเผือดของตัวเอง สภาพแบบนี้จะไปช่วยใครเขาได้ ยังไม่รู้เลยว่าน้องหญิงอยู่ไหน ร่างกายของตัวเองก็อ่อนแอขึ้นทุกวัน
            ผมเลือกที่จะเดินขึ้นไปที่ห้องนอนก่อนจะนอนแผ่ลงบนเตียงแล้วก่ายไปมา จู่ๆลางสังหรณ์บางอย่างก็ทำให้ผมลุกขึ้นจากเตียงพลางเดินไปที่หน้าต่างของห้องนอน เมื่อมองลงไปจากหน้าต่างห้องนอน ทำให้ผมเกิดอาการจุกกับสิ่งที่เห็นด้านล่างขึ้นมาดื้อๆ
            ใบหน้าเรียวที่ซีดเซียวราวกับคนขาดสารอาหาร ริมฝีปากสีแดงสดกับดวงตากลมบวมช้ำมองขึ้นมาที่ผมราวกับว่าเธอรอผมมานานแสนนาน ผมยาวสีน้ำตาลที่รับพอดีกับใบหน้าหวานนั่นยังคงเรียบร้อยเหมือนเดิมทุกครั้ง เธอเหมือนตุ๊กตาที่ถูกทิ้ง
            ผมมองภาพตรงหน้านั่นราวกับโดนไฟฟ้าช็อต ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตัวเองต้องรีบลงไปหาคนๆนั้น ผมวิ่งไม่คิดชีวิตเพื่อออกไปที่หน้าบ้านก่อนจะไปที่ประตูรั้ว
            ร่างที่ยืนอยู่เมื่อกี้หายไปแล้ว!
หายไปไหน!!?
            เมื่อกี้หญิงอยู่ตรงนี้นี่!!!
            “หญิง!!! หญิง!!!” ผมตะโกนเรียกชื่อน้องหญิงก่อนจะออกวิ่งไปมา ไม่มีวี่แววของร่างเล็กนั่นแม้แต่นิด ผมหอบหายใจแล้วนั่งลงที่ริมรั้วของสนามเด็กเล่น
            หรือว่าผมจะตาฝาดกันแน่…
            ผมอาจจะคิดมากไป
            จนคิดว่าน้องหญิงจะต้องนั่งร้องไห้คนเดียว…
            เธอจะต้องเครียดมากแน่ๆ
            ผมสงสารหญิง … สงสารจริงๆ
            เธอทำตัวเอง…
           
            ผมเลือกที่จะกลับมาที่คอนโดของนาทีหลังจากผ่านไปสองสามชั่วโมง ก่อนจะเคาะประตูหน้าห้องนั่นเพื่อรอให้คนด้านในออกมาเปิด เมื่อกี้ผมโทรเช็คแล้วนาทียังอยู่ที่ห้อง แล้วทำไมถึงเปิดประตูช้าแบบนี้วะ? เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ว่าแล้วผมก็เคาะประตูรัวๆลงไปอีกหลายครั้ง
            “นาที!!!! เปิดประตูดิ!!!!”
            จู่ๆ ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมร่างผมที่ถูกกระชากเข้าไปในห้อง ริมฝีปากสีซีดกดจูบอย่างแรงบนริมฝีปากผมอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ
            “ไอ้บ้า เล่นอะไรเนี่ย!!!” ก่อนจะดีดหน้าผากคนตรงหน้าที่หัวเราะร่า
            “เลิกเรียนไวจัง” นาทีว่าแล้วจูงแขนผมให้ไปนั่งที่โซฟา ร่างโปร่งนั่งข้างๆแล้วจับมือผมเอาไว้
            “อะไรของมึง?” เหมือนคนตรงหน้ามันต้องการจะทำอะไรบางอย่าง นาทียิ้มบางๆราวกับว่ามันซ่อนอะไรเอาไว้แต่ไม่อยากให้ผมรู้
            “นาที…”
            “เมื่อกี้กูรื้อของในตู้เสื้อผ้า เลยเจอกับอันนี้” นาทีหยิบผ้าบางอย่างที่วางอยู่หลังโซฟาขึ้นมาถือเอาไว้ เพราะว่ามันถูกขยำอยู่ในฝ่ามือของนาทีผมเลยดูไม่ออกว่ามันคืออะไร
            “อะไรวะ?”
            คำตอบปรากฏตรงหน้าเมื่อนาทีคลี่สิ่งนั้นออกมา ผมเลือดแทบขึ้นหน้าเมื่อเห็นว่ามันคืออะไร
            สิ่งของตรงหน้าเป็นสีขาวลายการ์ตูน มีหู มีตาและมีจมูกสีดำ
มันคือกางเกงในลายมิกกี้เม้าส์!!!!
            “เหมาะกับมึงม๊ากมาก”
            “ปัญญาอ่อน!!!!” ผมแทบจะถีบคนตรงหน้าออกไปทันทีแต่ไอ้นาทีไวกว่า มันคว้าร่างผมให้นอนราบลงกับโซฟาก่อนจะใช้มือรวบข้อมือสองข้างผมขึ้นไปเหนือหัวแล้วเอาเน็คไทที่วางอยู่ที่พื้นมามัดเอาไว้!!! ผมเบิกตากว้างพลางดิ้นพล่าน
            “ไอ้เวร มึงขี้โกง!!!”
            “ช. ม .ด ช่วยไม่ได้” ไอ้นาทีหัวเราะในลำคออย่างชั่วร้าย สายตามันที่มองไปทั่วร่างกายของผมทำเอาผมรู้สึกเหมือนว่ากำลังจะตกนรก!!! มือข้างหนึ่งของมันจับแขนของผมไม่ให้ยกขึ้นมาฟาดหัวมัน ก่อนอีกข้างจะทำหน้าที่ปลดกระดุมกางเกงยีนส์ตัวเดิมที่เกือบจะโดนถอดออกไปเมื่อตอนอยู่ที่โรงพยาบาล!
            “นาที!!!! มึง กูไม่เล่นนะ!!!”
            “กูไม่ได้เล่นนี่” คนด้านบนตอบกลับมาอย่างกวนตีนก่อนกางเกงยีนส์สีซีดของผมจะโดนกระชากจนลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า ผมดิ้นเร่าๆเป็นปลากระดี่!
            “อย่านะมึง ห้ามเอาไอ้หนูติงต๊องนั่นมาใส่ให้กูนะ!!!!”
            “ก็เปล่าจะใส่ให้” นาทีว่า ก่อนจะกระชากกางเกงในตัวที่ปกปิดช่วงล่างเป็นสิ่งสุดท้ายออกจากขาของผม ผมเบิกตากว้างพลางเม้มริมฝีปากด้วยความโกรธจัด
            “อ้ากกกกกกก มึง!!! ทำบ้าไรวะ!!!” ผมใช้แรงเฮือกใหญ่ผลักไอ้นาทีออกจากตัวแล้วดึงเสื้อเชิ้ตให้ยาวลงมาปิดของรักของหวงเอาไว้ เชี่ย! เย็นไปหมดแล้วเนี่ย!!!
            “ฮ่าๆ” นาทีหัวเราะพลางมองร่างกายของผมด้วยสายตากรุ้มกริ่ม มันเดินไปหยิบกางเกงในของผมที่วางอยู่ที่พื้นแล้วเดินไปที่ถึงขยะ พร้อมกับโยนกางเกงในสีขาวของผมลงไปในนั้น!!!
            “ไอ้เชี่ยย!!!!!!” ผมร้องลั่นอย่างเหลืออด นาทีนั่งลงที่โซฟา อารมณ์ดีจนหน้าบาน
            “เอาล่ะ จะใส่ตัวนี้ดีๆ หรือจะยอมให้คนห้องข้างๆเห็นน้องป่านน้อยของมึง” นาทีกลายเป็นผู้คุมเกมส์เมื่อมันถือรีโมทผ้าม่านที่ปิดกระจกใสๆกับกระจกของห้องข้างๆเอาไว้ ผมเบิกตากว้าง
            “อย่าแม้แต่คิดเชียว!!!”
            ขืนเปิด ผมก็ได้อายตายห่าพอดีสิวะ!!!
            ถึงผมจะกล้าโชว์กับเพื่อนด้วยกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะอนาจารโชว์ในที่สาธารณะนะเว้ยยย!!!
            “อ้อ หรือว่าตัวนี้ไม่ชอบ มีอีกตัวนะ” นาทีว่าก่อนจะคว้าอีสีเหลืองๆที่อยู่ที่พื้นขึ้นมาถือให้ผมดู ผมเบิกตาโพลงจนตาแทบถลนออกมาเมื่อเห็นว่ามันคือกางเกงในอีกตัว
            แต่ตัวนี้เป็นสีเหลืองอ๋อย
            หมีพูห์
            ไอ้เวร
            ติงต๊องเป็นบ้า!
            กูไม่ได้ชอบอะไรแบบนี้เลย!!
            “มึงอยากใส่ก็ใส่เองดิวะ มาบังคับกูได้ไง!!” ผมบ่นไอ้นาที ก่อนจะขยับตัวเพื่อที่จะวิ่งเข้าไปในห้องนอน แผนของผมคือวิ่งเข้าไปหากางเกงตัวใหม่ใส่แล้วล็อคประตูใส่หน้านาที แต่เหมือนนาทีจะรู้ไต๋
            “อ่ะๆ อย่าขยับ ขยับอีกก้าวเดียว มึงโดนข้อหาอนาจารแน่” นาทีว่า พลางขู่ผมด้วยรีโมทเปิดผ้าม่าน ผมแทบจะร้อง
            “แองจี้ซื้อให้กูแต่กูไม่ชอบ ดูมันเข้ากับมึงดี”
            ห่า ยิ้มเข้าไป ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูแล้วมึง!
            “ชักจะมากไปนะมึง”
            “เลือกเอา ชอบตัวนี้ ตัวนี้ หรือไม่เอาซักตัว” นาทีไปยืนอยู่ที่ถังขยะอีกครั้ง มันตั้งใจจะโยนกางเกงในที่เป็นที่เลือกสุดท้ายของผมลงไปในถังขยะนั่น
            ทำไงดี… วะ แม่งงงงง!!!
            “นับ 1”
            โอ้ย ไอ้ป่าน  มึง…
            “นับ 2”
            ไม่ไหวนะ กางเกงในติงต๊องแบบนั้น…
            “นับ…”
            “เออกูใส่ก็ได้!!!” ผมวิ่งไปคว้ากางเกงในตัวสีขาวลายมิกกี้เม้าส์มาสวมก่อนจะกอดอกมองหน้านาทีที่หัวเราะร่า ยังไงมันก็ดีกว่าอิสีเหลืองนั่นน่ะนะ แม่ง หลอนประสาทแล้วไง ไอ้ทีมันเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนจะตีก้นผมอย่างแรง ผมสะดุ้งสุดตัวแล้วพยายามจะเดินหนีแต่มือของมันก็คว้าเอวผมเข้าไปใกล้
            “ลามปามแล้วมึง!!!”
            “น่ารักที่สุด ขอจูบพ่อมิกกี้หน่อย”
            “จูบตีนพ่อมิกกี้ก่อนแล้วกัน!!!”
 
            *
 
            หลังจากฟัดกันจนเหนื่อย ห้องแทบพัง ซึ่งส่วนมากผมจะเป็นคนอยู่ด้านบนแล้วสวนหมัดลงบนหน้าของไอ้นาทีมากกว่า หน้ามันเลยมีรอยช้ำที่มุมปากเหมือนกับว่าเอาเมคอัพมาเติมแต่ง ผมเดินไปนั่งบนรถสปอร์ตคันเดิมแล้ววางกระเป๋าเป้ไว้ด้านหลัง
            “จะปิดเทอมหรือยัง?” นาทีถามขึ้น ผมที่เคี้ยวขนมตุ้ยๆพยักหน้า
            “อาทิตย์หน้าก็สอบปลายภาคแล้ว” ผมว่า นาทียิ้มมุมปาก
            “เดี๋ยวขอป๊าไปญี่ปุ่น ไปด้วยกัน”
            “กูไม่มีเงินนะ”
            “กูออกให้”
            “ไปทันทีเลยจ่ะ”
            ผมร้องเยสในใจ นี่แหละข้อดีของการมีแฟนรวย จงภูมิใจซะป่าน อย่างน้อยมึงก็ไม่ต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน ค่ากิน ค่านอน ค่าอยู่ สบายแฮร์
            ทำให้ได้อย่างเดียวคือ
            มึงสอบให้ผ่านก็พอ
            แต่สำหรับผมมันง่ายอยู่แล้ว ก็ผมมันเด็กอัจฉริยะ หึหึ
            รถสปอร์ตขับไปตามทางเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านขายดอกไม้แห่งหนึ่ง นาทีบอกว่าจะซื้อดอกไม้ไปเยี่ยมพี่นารา พี่นาราชอบดอกไม้มาก โดยเฉพาะดอกเดซี่ที่หายากและไม่ค่อยมีขาย ผมนั่งรออยู่ในรถพลางกดโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะนึกถึงเรื่องที่คุณพ่อของน้องหญิงพูดเอาไว้
            รูปของเจ้าลูกชายคนเล็กของบ้านนั้นน้องหญิงเอาไปเผาทิ้งหมดเลย เปลี่ยนเป็นเอารูปป่านขึ้นแทนเต็มห้องไปหมด
            หมายความว่ายังไงกันนะ…
            ‘ก๊อกๆ’
            นาทีหอบดอกไม้ช่อโตสองช่อมายืนอยู่ที่ประตูฝั่งคนขับ มือหนาเคาะกระจกเพื่อให้ผมเปิดประตูรถให้ ผมเอื้อมตัวไปเปิดประตูรถให้นาที ก่อนนาทีจะเข้ามาในรถพร้อมกับดอกเดซี่ช่อใหญ่เป็นพุ่มๆสวยเหมือนกับในภาพที่ผมเคยเห็น
            “อ้าว แล้วอีกช่อนี่เอาไปให้ใครวะ?” ผมถามขึ้นเมื่อนาทีวางช่อดอกเดซี่ลงที่คอนโซนรถ เหลือช่อดอกกุหลาบสีขาวอยู่ในมือของมัน นาทีหันมายิ้มบางๆให้ผม
            ก่อนจะยื่นช่อดอกกุหลาบสีขาวนั่นมาตรงหน้าผม
            “ปกติกูไม่ค่อยให้ดอกไม้ใคร แล้วกูก็คิดว่าอันนี้เหมาะกับมึง” ผมมองนาทีอย่างอึ้งๆก่อนจะกะพริบตาปริบๆ มือก็ยื่นออกไปเพื่อรับช่อดอกไม้นั่นอย่างตกใจ คงเป็นเพราะผมไม่ได้ชอบดอกไม้มากมายอะไรนักเลยไม่เกิดความรู้สึกใดๆที่ได้มันมา
            นอกจากตกใจ
            ผมกำช่อดอกกุหลาบในมือแน่น ก่อนจะมองหน้านาทีที่มองอยู่เหมือนกับลุ้นอะไรบางอย่าง ผมขมวดคิ้วพลางมองลงไปที่แกนกลางของช่อดอกกุหลาบ กล่องกำมะหยี่สีดำสนิทถูกซ่อนอยู่ในพุ่มของมัน
            … นี่มัน
            ผมค่อยๆแหวกดอกกุหลาบสีขาวออกก่อนจะหยิบกล่องกำมะหยี่นั่นออกมาเปิด
            สิ่งที่เห็นทำให้หน้าผมร้อนผ่าวจนแทบจะกลายเป็นบ้าตายไปซะ
            แหวนเกลี้ยงสีดำสนิทถูกวางไว้อยู่ในกล่อง เห็นคำที่เขียนอยู่ตรงขอบกล่องผมก็พอจะรู้ว่าไอ้เจ้านี่มันทำมาจากไข่มุกสีดำ ผมหายใจไม่ค่อยถนัดก่อนจะหันไปมองนาทีที่เกาหัวแก้เก้อแล้วพลิกตัวไปมา
            “เอ่อ ดูข้างใน” นาทีว่าพลางชี้ให้ผมดูขอบด้านในของแหวน ผมหยิบมันออกมา ปากยังคงอ้าค้างพูดอะไรไม่ออกอยู่แบบนั้น
            ผมมองตัวอักษรที่ถูกสลักอยู่ขอบด้านในของแหวน
            You are my angel
            แม้จะเป็นประโยคที่ไม่วิเศษวิโสอะไร แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกร้อนหน้าขึ้นมาทันที
            “กูไม่ใช่คนโรแมนติกอะไร ครั้งนี้ครั้งเดียวพอ เขินตายห่า ถือว่าเป็นของขวัญแล้วกันนะ ครั้งหน้าถ้าจะขอแต่งงานจะยัดใส่ไว้ในกางเกงในแล้วปาใส่หน้ามึงแน่” ไอ้นาทีพูดแก้เก้อออกมาเป็นพรืดแล้วนั่งอยู่ไม่สุข
            ผมชะงักไป
            “แต่งงาน? มึงกับกูยังคบกันไม่ถึงเดือนเลยนะ”
            “กูพูดผิด … ใช้ชีวิตด้วยกัน” นาทีรีบแก้คำผิดก่อนจะเก๊กขรึม ผมหัวเราะออกมา
            เพราะรู้ว่าการแต่งงานอาจจะเป็นอะไรที่ผู้ชายยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยเฉพาะครอบครัวของนาที แต่สำหรับผมที่ไม่มีครอบครัวแล้ว มันก็อาจจะทำได้ แต่ก็ยังไม่อยากผูกพันกันมากขนาดนั้น แล้วอีกอย่าง เราสองคนก็ยังไม่ถึงขนาดรู้ใจกันขนาดที่จะทำเรื่องแบบนั้นได้ ก็แค่คนที่คอยพึ่งพา จนกลายเป็นความรู้สึกขาดกันไม่ได้
            เราอาจจะอยู่ด้วยกัน แต่ไม่แต่งงาน แค่อยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะตลอดไปมั้ย
            แต่ผมก็ยอมรับแหวนวงนี้นะ
            คนข้างๆยังคงสมาธิสั้นเหมือนเด็กๆ ผมยิ้มออกมาบางๆ ไม่รู้จะพูดอะไร
            ดีใจที่ไอ้ทีทำแบบนี้ให้เหมือนกัน แต่ความรู้สึกข้างในมันก็แบบ
            เลี่ยนว่ะ ฮ่าๆ
            ผมหันไปจับแขนนาทีก่อนจะคว้าคอของคนด้านข้างเข้ามาแล้วกดจูบลงไปบนริมฝีปากสีซีด ร่างโปร่งจูบตอบกลับทันที ก่อนผมจะหัวเราะออกมาแล้วมองแหวนที่ถืออยู่
            “รู้ด้วยนี่ว่ากูไม่ชอบพวกแหวนเงินแหวนทอง”
            “ดูนิสัยมึงก็รู้”
            ผมจ้องดวงตาสีเทาของนาที ก่อนที่นาทีจะยกแหวนที่ตัวเองสวมใส่อยู่ที่นิ้วชี้ข้างขวาขึ้นมาให้ดู
            “ใส่นิ้วนางไม่ได้ว่ะ คับ”
            ผมหัวเราะพรืดออกมาแทบจะทันที
            “เออ เรื่องของมึง!”
            ผมยิ้มก่อนจะหยิบแหวนนั่นมาสวมที่นิ้วนางข้างขวา มันพอดีกับนิ้วของผมจริงๆ
            ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นที่แรกที่ไอ้บ้าตรงหน้ามันให้
            ไม่สิ … ชิ้นที่สองหลังจากไอ้กางเกงในปัญญาอ่อนนั่นต่างหากเล่า!
            มือของนาทียื่นมาจับมือผมเอาไว้ก่อนจะบีบแน่นแล้วค่อยๆเคลื่อนรถออกไป ผมมองช่อกุหลาบสีขาวในมืออย่างเอียนๆ ผมเป็นแมนแท้ๆ และไม่ชอบดอกกุหลาบสีขาวเลยให้ตาย
            ถ้าเป็นดอกไม้ปลอมผมอาจจะเก็บมันเอาไว้ แต่นี่คือดอกไม้จริง แอบเสียดายเล็กน้อย แต่ขืนเก็บไว้ มันก็จะต้องกลับคืนสู่ธรรมชาติเข้าซักวัน
            “กูทิ้งได้ป่ะวะ เห็นแล้วขนลุก” ผมหันไปถามนาที ไอ้ทีทำปากเบะ
            “แพงนะมึง”
            “เงินกูหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ คิดไงวะที่ซื้อดอกไม้มาเนี่ย คิดนานป่ะ?” ผมถามพลางกลั้วหัวเราะ
            “ไอ้พีทบอกต่างหากว่ะ”
            “อ่อเหรอ” ว่าแล้ว ลำพังไอ้นาทีคงคิดอะไรแบบนี้ไม่ได้ คงคิดได้แต่แบบว่า เอาแหวนยัดใส่เค้กแล้วให้ผมกินเข้าไป ก่อนจะบอกว่ามึงกลืนแหวนลงไปแล้วนะแล้วพาผมไปผ่าท้องเอาแหวนออกมาอะไรแบบนี้
            ดูโง่ๆนะ
            “มึงจะทิ้งก็ได้ กูไม่เสียใจหรอก กูเองก็ไม่ชอบดอกไม้” นาทีโพล่งขึ้นมา ผมพยักหน้าแล้วกดกระจกรถก่อนจะปาเจ้าช่อดอกกุหลาบสีขาวออกไปนอกตัวรถแทบจะทันที
            “แต่กูชอบกางเกงในมากกว่า”
            “ควาย ทะลึ่ง!”
            ผมผลักหัวคนข้างๆเบาๆก่อนจะสังเกตอะไรบางอย่างที่คอนโซนรถ รูปภาพของครอบครัวของนาที มีทั้งพ่อ นาที พี่วิน พี่นารา และผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่สวมชุดกระโปรงสีครีมอ่อนๆ
            จะว่าไป
            ผมยังไม่เคยเจอแม่ของนาทีเลย
            ถ้าผมถามออกไป คนข้างๆจะร้องไห้อีกมั้ยนะ
            “ที … กูถามอะไรอย่างได้มั้ย” ผมเลือกที่จะขออนุญาต นาทีร้องฮืมในลำคอ
            “กูยังไม่เคยเจอแม่มึงเลย”
            ‘เอี๊ยด’
            รถกระตุกเพราะคนขับเหยียบเบรกกะทันหัน คนนั่งอย่างผมแทบจะพุ่งทะลุออกนอกกระจกรถไป โชคดีแค่ไหนที่ไม่มีรถวิ่งตามมา ผมลูบอกตัวเองอย่างใจหายใจคว่ำก่อนจะก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
            มันต้องไม่พอใจแน่ๆ
            แน่ๆเลย
            “เออลืมบอกไปเลย แม่อยู่ญี่ปุ่นไง ที่บอกว่าจะไปญี่ปุ่นก็เพราะจะพาไปหาแม่”
            หะ … หา
            ผมหันขวับไปมองหน้านาทีทันที เจ้าตัวยิ้มร่าแล้วเหยียบคันเร่งไปต่อ
            ผมกะพริบตาปริบๆ
            “ทำไมเหรอ? หรืออยากไปฝากตัวเป็นสะใภ้ไวๆ”
            ‘ผลั่วะ’
            แล้วฟาดมือลงบนหัวของไอ้ทีอย่างแรง
            “โอ้ย ตบบ่อยๆสมองกูรวนนะ”
            “สัด หมั่นไส้!” ผมเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความโล่งใจ ไม่รู้แม่งจะตีหน้าเศร้าทำห่าอะไร
            ไอ้เราก็นึกว่าแม่ไม่อยู่แล้ว
            โว๊ะ แฟนใครวะแม่ง กวนตีนเป็นบ้า




TBC
ไม่ได้มาอัพหลายวัน :m15: ฮึก เลาขอโทษ

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
«ตอบ #121 เมื่อ03-03-2014 01:40:21 »

บ๊ะ...ตอนนี้หวาน

ส่วนตอนหน้า........ก็ไม่รู้สินะ :m21:

ออฟไลน์ grimace

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
«ตอบ #122 เมื่อ03-03-2014 03:28:10 »

ป่านนาที ติดตามตั้งแต่อยู่ในเด็กดีแล้ว ดีใจมากที่เอามาลงให้อ่านกันที่นี่ impress2:

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
«ตอบ #123 เมื่อ03-03-2014 07:44:01 »

 :m20: กางเกงในลายมิกกี้เม้าส์

ให้แหวนกันด้วยน่ารักจริงๆ

รอสุ้นเรื่องหญิงต่อไป

ออฟไลน์ mapreaw

  • เคยคิดว่า "รักแท้มีอยู่จริง"
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 615
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
«ตอบ #124 เมื่อ03-03-2014 07:56:40 »

มุ้งมิ้งกันไปก่อนค่อยจัดหนักทีหลังใช่มั้ย

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
«ตอบ #125 เมื่อ03-03-2014 08:14:23 »

เราว่าถ้าน้องหญิงมีอาการทางประสาทจริง อาจจะแบบเคยถูกข่มขืนหรือเป็นอาการขาดความรักอะไรซักอย่าง


น้องก็น่าจะฝังใจจริงๆกับป่านมากกว่านาทีแหละค่ะ  เพราะตามแนวแล้วป่านเป็นคนเดียวที่รัก ถนอมและทำเพื่อเธอโดยไม่หวังอะไรมาตลอดชีวิต

แล้วที่ชอบนาทีก็คงเป็นอารมณ์แบบอยากเอาชนะน่ะค่ะ คือนาทีดูเป็นของส่วนรวม ถ้าเป็นผู้หญิงที่มีอาการต้องการความรักอย่างสูงก็คงรู้สึกดีถ้าได้ครอบครองผู้ชายแบบนั้น เลยกลายเป็นอาการหลงใหล

ส่วนเรื่องที่ไม่ได้รู้ตัวว่าชอบหรือฝั่งใจกับป่านคงเพราะคิดว่าป่านจะอยู่กับตัวเองตลอดไป

ทีนี้พอมาเจอว่าป่านโดนนาทีแย่ง ทีนี้ชีเลยปรี๊ดแตกรู้ตัว

จกที่อยากได้นาทีคงกลายเป็นเกลียดเพราะนาทีเป็นฝ่ายแย่งป่านที่เป็นของตัวเองมาตลอดไป อีกอย่างนาทีพูดประโยคประมาณว่า ต่อไปนี้ป่านเป็นของนาทีแล้ว หญิงไม่มีสิทธิ์ยุ่งอีกไปด้วยมั้ง เลยโครมใหญ่ ชียิ่งแค้นหนัก

เราเดานะคะ แต่คิดว่าน่าจะแนวๆนั้นล่ะค่ะ


คู่นี้มันส์ดีค่ะ จะว่าไงดีนอกจากเรื่องน้องป่านขาว ไม่ได้บ้องแบ๊วน่ารัก ตัวสูงและไซส์ตัวพอๆกับนาที มากยังไม่เคยมีบรรยายหน้าตาน้อง อยากรู้เหมือนกันนะคะเนี่ย..

แต่น่าจะหล่อ

ติดตามต่อนะคะ สนุกมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
«ตอบ #126 เมื่อ03-03-2014 23:44:02 »

รู้สึกแปลกๆตั้งแต่ชีไปโวยวายตอนป่านอยู่กับนาทีแล้ว  :ling1:

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
«ตอบ #127 เมื่อ04-03-2014 11:15:55 »

แม่ของที
อยู่ญี่ปุ้น
ไม่ใช่ว่าตายแล้วหนา  :ruready :ruready

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep24] 3/3/57
«ตอบ #128 เมื่อ05-03-2014 22:10:01 »

ตอนนี้เหมือนมีปมมากขึ้นในส่วนของป่าน  ทำไมป่านต้องกินยา โรคที่หมอเคยบอก ทำไม เลือดไหลมากไม่ได้  อยากรู้สุดๆอ่ะ หรือตอนจบป่านจะเดี้ยงตามน้องแองจี้ไปอีกคน ม่ายน้า!! อย่าจบมาม่าก็แล้วกัน>__<

ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep25] 6/3/57
«ตอบ #129 เมื่อ06-03-2014 20:09:20 »

25

            “หมาทีที่” พี่นารากางแขนออกเมื่อนาทีกับผมเดินเข้าไปในห้อง ลูกชายคนเล็กสุดของบ้านวิ่งเข้าไปกอดพี่ชายคนรองเบาๆเพราะกลัวว่าพี่นาราจะเจ็บ ผมวางของเยี่ยมไว้ที่โต๊ะข้างเตียงก่อนจะไหว้พี่นาราเล็กน้อย
            วันนี้พี่นาราดูมีสีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่ก็ยังไม่สามารถลุกจากเตียงได้ สายน้ำเกลือยังระโยงระยางเพราะหมอกลัวว่าพี่นาราจะมีอาการแทรกซ้อนอะไรหรือเปล่า แต่เท่าที่เห็นคงปลอดภัยดีแล้วล่ะ
            “ไงเรา” พี่นาราหันมาทักผม ผมยิ้มบางๆให้คนตรงหน้า
            “พี่โอเคหรือยังครับ” ก่อนจะเดินไปยืนที่ข้างเตียง มือเรียวยกขึ้นมาแตะหน้าผมเบาๆ
            “แข็งแรง สบายหายห่วง”
            เจ้าตัวว่า ก่อนจะไอค่อกแค่กออกมา ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองอาการสาหัสขนาดไหนตอนที่ถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาล แต่ผมยอมรับว่าพี่นาราเป็นคนที่เข้มแข็งมากจริงๆ
            ผมเดินไปนั่งข้างพี่วินที่นอนหลับคาห้องไปแล้ว พี่วินดูจะเป็นคนนอนเก่งมาก แถมช่วงนี้ได้ข่าวคราวมาว่าวงของพี่วินหรือในนามไอริสก็พักงานกันอยู่ พี่วินเลยมาดูแลพี่นาราได้
            “รู้ตัวคนทำหรือยัง?” พี่นาราถามขึ้น นาทีเงยหน้ามองผมแทบจะทันที
            ผมส่ายหน้าไม่ให้นาทีบอกอะไรพี่นารา ไม่อย่างงั้นเขาอาจจะกังวล เขายังไม่หายดี
            “ไม่อ่ะ ตำรวจกาก” นาทีบ่น พี่นาราหัวเราะเบาๆก่อนจะดึงผ้าขึ้นมาห่มตัวเอาไว้
            “ขอให้คนทำมันไม่ตายดี”
            ผมสะอึกไปก่อนจะมองพี่นาราที่นอนหลับตาไปแล้ว หัวใจเต้นระรัวด้วยความรู้สึกประหลาด นาทีเดินมาหาผมก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ
            “มึงตัดใจจากผู้หญิงคนนั้นได้แล้วใช่มั้ย” นาทีถามขึ้น ผมมองหน้านาทีนิ่งๆ
            “ไม่มีใครสามารถตัดใจจากคนที่เรารักมานานได้ง่ายๆหรอก” ผมว่า “เหมือนมึงกับจี้”
            ใช่ มันกลายเป็นสัจธรรมของโลกไปแล้ว
            ไม่งั้นจะมีคำพูดออกมาว่าความรักทำให้คนตาบอดเหรอ
            เพียงแค่ว่าตอนนี้ ผมกำลังจะหายตาบอดก็แค่นั้นเอง
            “แต่มึงไม่ได้คิดถึงเธอแล้วใช่มั้ย” นาทีถามขึ้น เสียงนิ่งๆเรียบๆราวกับว่ากำลังน้อยใจ ผมมองหน้านาที จับมือของมันเอาไว้แล้วดึงเข้ามาแนบไว้ที่อกด้านซ้าย
            “ถ้าเป็นตรงนี้น่ะไม่”
            ก่อนจะดึงมือนาทีให้วางไว้ที่หัวของตัวเอง
            “แต่ถ้าเป็นตรงนี้น่ะใช่”
            ใจกับสมอง
            ใจผมไม่คิดถึงหญิงแล้ว
            แต่สมองผมกับวิ่งวุ่นไปเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะเธอ
            “กูสัญญานะว่าวันนึงจะรักมึงให้เหมือนที่มึงรักกู” ผมพูดเสียงแผ่ว นาทีลูบหัวผมเบาๆ
            “ได้ กูจะรอ…”
            “แต่งงานกันไปเลยเถอะ!” เสียงพี่วินแทรกขึ้นมาพร้อมกับเจ้าตัวที่ลุกขึ้นจากโซฟา สายตาเอือมระอาถูกส่งมาให้ผมกับนาทีก่อนเจ้าตัวจะบิดขี้เกียจแล้วหาววอดๆ
            “ยังไม่ตื่นอีกเหรอ นอนนานไปแล้วนะ” พี่วินเดินเข้าไปหาพี่นารา มือหนาบีบจมูกของน้องชายแล้วโยกไปมาก่อนจะท้าวคางมองร่างที่นอนนิ่งแต่อกยังกระเพื่อมเพื่อบ่งบอกว่ายังมีชีวิตอยู่และหลับสบายมากด้วย ผมมองภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ
            ราวกับว่าเขาเป็นครอบครัวของผมเองยังไงอย่างงั้น
            “ตื่นขึ้นมาแล้วรอบนึง เอาแต่หลับจะไปรู้ได้ไง” นาทีบ่นพี่ชาย ผมหัวเราะในลำคอ
            “ก็มัวแต่ยุ่งเรื่องตำรวจกับคดีน่ะแหละ” พี่วินว่า แต่ดูตัวเขาไม่ได้ใส่ใจผมอีกต่อไป เขาคงจะพยายามเข้าใจว่าผมกำลังตัดใจจากหญิง
            เป็นเขานี่เองที่ทำให้ตำรวจไปโผล่ที่บ้านน้องหญิง
            ผมไม่ได้โกรธเลย
            ไม่ได้มีความรู้สึกใดๆแม้แต่นิด
            “ป่าน … มึงคงไม่ได้กำลังติดต่อกับหญิงอยู่หรอกนะ?” นาทีโพล่งขึ้น พี่วินเงยหน้ามองผม ผมส่ายหน้ายิกๆก่อนจะหันไปจ้องตานาที
            “อะไรที่ทำให้มึงคิดแบบนั้น กูอยู่กับมึงตลอดนี่”
            “สีหน้ามึงบอก”
            ผมเหวอไปชั่วขณะ…
            “ล้อเล่น” ก่อนนาทีตบหลังผมเบาๆแล้วเอาหัวซุกที่ไหล่ของผม
            ที่ผมตกใจไม่ใช่อะไร นาทีเป็นคนดูคนเก่งมาก เหมือนตอนที่ผมโกหกว่าผมชอบมัน แต่มันรู้มาตลอดว่าผมเข้าหามันเพราะต้องการสิ่งอื่นที่ไม่ใช่หัวใจ
            “ถ้าหญิงติดต่อมาเมื่อไร บอกกูด้วยนะป่าน ถ้ามึงไม่บอก กูจะโกรธไม่คุยกับมึง” นาทีว่าแล้วกอดเอวผม ผมพยักหน้าตอบกลับ
            แต่ไม่ได้ให้สัญญาใดๆ
            น้องหญิงต้องการจะทำร้ายนาที ไม่ใช่ผม…
            ถ้าขืนผมบอกนาทีออกไป นาทีจะเป็นอันตราย
            ผมมองกลุ่มผมสีดำสนิทของนาทีก่อนจะเอื้อมมือไปกอดไหล่ของนาทีเอาไว้แล้วกดจูบลงบนกลุ่มผมของนาทีเบาๆก่อนจะค้างอยู่แบบนั้น กลิ่นแชมพูที่คุ้นเคยติดอยู่บนตัวนาทีและตัวผมเพราะใช้ยี่ห้อเดียวกัน ก่อนผมจะค่อยๆหลับไปเพราะความเย็นของเครื่องปรับอากาศในห้องพร้อมกับร่างโปร่งข้างๆ
            ไม่รู้ทำไม
            ผมถึงเป็นห่วงผู้ชายคนข้างๆเหลือเกิน
            ความเป็นห่วงนี่ มันรวมอยู่ในคำว่ารักหรือเปล่านะ
           
            *

            ผมตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะความเย็นจัดของเครื่องปรับอากาศภายในห้อง ก่อนจะกะพริบตาเมื่อไล่ความมึนหัวออกไป แสงที่ลอดเข้ามาจากด้านนอกห้องภายในโรงพยาบาลทำให้เห็นพี่วินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงแล้วฟุบหน้าอยู่ข้างแขนของพี่นารา ผมมองผ้าห่มที่อยู่บนตัวของตัวเองก่อนจะหันไปมองนาทีที่นอนคุดคู้อยู่ริมกำแพง
            เอาผ้าห่มมาให้กูแล้วนอนหนาวเนี่ยนะ
            จริงๆเล๊ย
            ผมลุกขึ้นยืนพลางเดินไปห่มผ้าให้นาทีก่อนจะเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาบนใบหน้าให้ขึ้นไป
            คิ้วนาทีขมวดเป็นปมวุ่นไปหมด ผมใช้นิ้วจิ้มๆให้มันคลาย แต่แปปๆก็กลับมาผูกเป็นโบว์ใหม่
            “นอนแล้วยังจะเครียดอะไรอีกวะ”
            “ป่าน…อย่าทิ้งกูไป…” คนตรงหน้าละเมอออกมาเสียงแผ่ว ผมบีบมือนาทีแน่น
            “ป่าน … อย่า … กูรักมึง …” ผมชะงักไปก่อนจะค่อยๆปาดบางสิ่งบางอย่างที่ไหลลงมาบนโหนกแก้มของตัวเอง ผมใช้แขนเสื้อเช็ดมันออกไปก่อนจะเงยหน้าไล่น้ำใสๆพวกนั้นให้กลับเข้าไปในตา
            ทั้งๆที่นาทีรักผมมากขนาดนี้
            แต่ทำไมผมถึงไม่เคยรักนาทีตอบกลับเลย
            “ป่านไม่ทิ้งทีไปหรอก” ผมเอื้อมตัวไปกระซิบข้างหูของนาที ก่อนคิ้วที่ขมวดนั่นจะค่อยๆคลายลง
            มึงผูกกูไว้ด้วยแหวนนี่ไม่ใช่เหรอ
            ดังนั้นกูไปไหนไม่ได้หรอก
            จะอยู่ข้างๆตลอดจนกว่ามึงไม่ต้องการนั่นแหละ
            “อือ” เสียงครางของคนที่นอนอยู่ข้างเตียงคนไข้ดังขึ้น ผมพึ่งสังเกตว่าพี่วินไม่ได้มีอะไรห่มร่างกายเลย ผมเดินไปปรับเครื่องปรับอากาศก่อนจะหยิบเสื้อคลุมของนาทีแล้วเดินไปวางคลุมตัวของพี่วินเอาไว้ ผมมองมือของพี่วินที่จับมือพี่นาราอยู่หลวมๆก่อนจะยิ้มออกมา
            ผมเคยฝันว่าอยากมีพี่น้อง
            เคยฝันว่าอยากมีพ่อแม่
            พวกเขาดูสมบูรณ์แบบจริงๆ
            ผมเดินกลับมานั่งที่โซฟาอีกครั้ง จับมือของนาทีเอาไว้ ก่อนจะปิดตาแล้วปล่อยใจไปกับความมืด
            พักผ่อนก่อนแล้วกัน
            …
            “ป่าน!!!”
            เสียงเรียกดังลั่นพร้อมกับผมที่สะดุ้งตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นหลังจากลืมตาขึ้นมาคือใบหน้าของนาทีที่อยู่ภายใต้แสงสว่างของแสงอาทิตย์ เช้าแล้วเหรอ ผมมองนาทีนิ่งๆ ใบหน้าของมันแสดงความว้าวุ่นอย่างเห็นได้ชัด อาการปวดหัวตุบๆทำให้ไม่อยากจะลืมตาเอาซะเลย
            “ป่าน!!! อย่าหลับตานะ” นาทีตะคอกแล้วตบหน้าผมเบาๆ ผมขยี้ตาก่อนจะมองหน้านาที
            “เออไม่หลับ ปวดหัวว่ะ”
            “เลือดมึงไหล!!!” ร่างโปร่งตะโกนลั่นก่อนที่พี่วินจะเดินเข้ามา นาทีหลีกทางให้พี่วินแล้วร่างสูงก็เอาผ้าเปียกเช็ดที่จมูกของผม ผมที่อยู่ในอาการงงมองพี่วินอย่างไม่เข้าใจก่อนจะสังเกตเห็นได้ว่าเสื้อของนาทีเปื้อนเลือดเป็นวงกว้าง!
            “เฮ้ย เลือด!!” ผมเบิกตากว้างแล้วชี้ไปที่นาทีแต่พี่วินบอกให้ผมจับถุงน้ำแข็งแล้วประคบที่จมูก กลิ่นคาวๆที่พึ่งจะประดังเข้ามาทำให้ผมขมวดคิ้ว
            “ไม่ใช่เลือดกู เลือดมึง” นาทีจับมือผมแล้วบีบแน่นก่อนจะใช้อีกมือชี้ที่จมูกของตัวเองเพื่อเป็นกระจกให้ผม พี่วินเช็ดเลือดที่จมูกของผมเบาๆก่อนจะถอนหายใจ
            “เลือดกำเดาออกตอนนอนน่ะแหละ นอนคว่ำหน้าเลยออกมาเยอะผิดปกติ” ร่างสูงว่า ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมมองนาทีอย่างโล่งอก
            ตกใจหมดนึกว่าเลือดของมัน…
            “กูหัวใจแทบวาย ตบหน้ามึงจนแดงไปหมดแล้วเนี่ย ไม่ตื่นซักที” นาทีลูบแก้มผมเบาๆผมหัวเราะแหะๆ
            “มึงเป็นแบบนี้บ่อยมั้ยป่าน?” คนตรงหน้าถาม ผมส่ายหน้า
            “ตอนเด็กๆเป็นบ่อย แต่โตขึ้นก็ไม่ค่อยแล้วว่ะ”         
            ผมค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นก่อนจะยันตัวเองลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อจะไปที่ห้องน้ำ แต่เพียงแค่ยืนตัวตรงแค่นั้นแหละความมืดก็แทรกเข้ามาในจอประสาทตาจนทำให้ผมทรุดร่วงลงไปนั่งที่โซฟาอีกรอบ
            “ป่าน!!”
            ผมสะบัดหัวไล่ความมืดพวกนั้นก่อนปรับสายตาให้ชินกับแสงที่เกิดขึ้นมาอีกครั้ง
            “เชี่ย มึง เป็นอะไรเนี่ย!!” นาทีถามด้วยความตกใจผมส่ายหน้า
            “คิดมาก กูแค่ลุกเร็วไปเลยหน้ามืดต่างหากล่ะ”
            โกหกอีกแล้ว
            อาการแบบนี้ … มันไม่ใช่หน้ามืด
            แต่เป็นเพราะว่าเสียเลือดมากเกินไปต่างหากล่ะ
            บ้าเอ้ย… อย่ามาเป็นอะไรตอนนี้นะไอ้ป่าน…
            ไม่อย่างงั้นมึงจะปกป้องนาทีได้ยังไง
           
            *
 
            “มึงโอเคนะ?” ผมเดินออกมาจากโรงพยาบาลแล้วพยักหน้าให้นาที ผมต้องไปโรงเรียน ผิดกับไอ้นาทีที่ว่างตลอดศก โดนไล่ออกมาแล้วนี่ แถมพอพี่มันจะพาไปสมัครเรียน ก็เสือกบอกว่าไม่มีอารมณ์เรียน เออ เอาเข้าไป บ้านรวยจ้า ทำอะไรก็ไม่ผิด
            “โอเค สิบล้อชนไม่ตาย” ผมพูดติดตลกแล้วขึ้นรถแท็กซี่ วันนี้นาทีไม่ได้ไปส่งเพราะว่ามันต้องเข้าไปหาพ่อที่บริษัท ผมเลยไม่อยากเป็นภาระ
            “มีอะไรโทรหากูเลยนะ” นาทีว่า ผมพยักหน้าอีกครั้ง
            “ครับคุณคร้าบ สั่งจังอื้อ”
            “กูเป็นห่วงมึง…” ผมยิ้มรับ นาทีขยี้หัวผมแล้วปิดประตูรถก่อนจะทำท่าโทรศัพท์ ผมพยักหน้าตอบก่อนจะบอกพี่คนขับแท็กซี่ให้ตรงไปที่โรงเรียน
            ไม่เป็นอะไรหรอกน่า
            เครียดไปได้
            ผมลงจากรถเมื่อมาถึงโรงเรียนก่อนจะจ่ายเงินค่าแท็กซี่เสร็จสรรพแล้วเดินเข้าไป ทางผ่านต้องผ่านห้องสภานักเรียนผมเลยอยากทักไอ้กี้ซักหน่อย ไม่รู้ป่านนี้หงอยไปหรือยังไม่มีพวกผมมาคอยกวนตีน
            “กี้!” เปิดประตูผ่างเข้าไปด้านในห้องก่อนจะเจอกับภาพอันน่าตกใจ
            ไม่มีไรหรอก แค่ไอ้หัวหมูหยองมันนอนหลับอยู่ที่โซฟาน้ำลายยืดก็แค่นั้น ผมค่อยๆเดินเข้าไปในห้องก่อนจะถอดแว่นตาให้ไอ้กี้ ข้อดีของประธานสภาคือไม่ต้องเคารพธงชาติ แต่ข้อเสียคือต้องมาเช้าเพื่อที่จะมาเช็คงานพร้อมกับพวกอาจารย์
            หลับโดยลืมถอดแว่น
            เอ๋อตลอด
            ผมหันหลังเพื่อที่จะเดินออกไปจากห้องก่อนจะชะงักกับโทรศัพท์ของไอ้กี้ที่สั่นครืด ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเลยไปนั่งยองๆแล้วกดดูข้อความเข้า
            ‘แมลงเม่า’
            ห่ะ
            ใครวะแมลงเม่า
            เห็นชื่อของคนส่งข้อความแล้วก็อดส่ายหน้ากับความปัญญาอ่อนของเพื่อนสนิทไม่ได้ ผมเลื่อนดูข้อความที่ส่งเข้ามา ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่บรรทัดสุดท้ายที่มีชื่อของใครบางคนถูกพิมพ์ลงมาด้วย ผมกระแทกมือถือเสียงดังจนไอ้กี้สะดุ้งตื่น ก่อนที่ผมจะมองหน้าไอ้กี้ด้วยความหงุดหงิด
            ไอ้กาฬอีกแล้ว
            ไอ้กี้มองหน้าผมงงๆที่ผมเข้ามาอยู่ในห้อง แถมยังทำเสียงดังรบกวนมัน ผมลุกขึ้นยืนสะบัดตัวออกไปแล้วบ่นพึมพำ
            “ไหนบอกว่าเป็นแค่เพื่อนไงวะ แม่ง!”
            ผมเดินขึ้นไปที่ห้องเรียนแล้วชะงักไปเมื่อมีนักเรียนยืนมุงกันอยู่หน้าห้องของผม ผมค่อยๆแทรกตัวเข้าไปก่อนจะเจอกับหัวหน้าห้องที่ชื่อไอ้โอแล้วก็ไอ้ฟ้าที่ยืนกอดอกอยู่ ไอ้ฟ้าร้องออกมาเมื่อเห็นหน้าผมก่อนจะวิ่งปราดเข้ามากอดไหล่ผมเอาไว้
            “งานเข้าว่ะป่าน” ไอ้ฟ้าว่า ผมหันไปมองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ
            “อะไรวะ?”
            “มีคนเล่นของใส่มึงซะแล้ว”
            ผมเดินเข้าไปที่โต๊ะที่มีถังอะไรบางอย่างวางอยู่ ควันขโมงจากในถังนั่นบ่งบอกว่ามีอะไรไหม้อยู่ด้านใน มั่นใจว่านั่นคือโต๊ะเรียนของผมแน่ๆเพราะผมติดรูปสติ๊กเกอร์ที่ถ่ายคู่กับหญิงเอาไว้บนโต๊ะ ผมค่อยๆชะโงกหน้าเข้าไปดูสิ่งของในถังก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ
            นี่มัน…
            รูปเกือบร้อยใบกำลังถูกไฟลามอยู่ด้านในถัง บ้างก็ไหม้จนไม่เห็นอะไรแล้ว บ้างก็ยังเห็นเค้าโครงของรูปนั่นอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นรูปของใคร ผมหันไปเห็นขวดน้ำที่ไอ้ฟ้าถืออยู่ก่อนจะแย่งมันออกจากมือแล้วสาดลงไปในถังใบเล็กนั่นจนไฟดับ
            ผมใช้มือของตัวเองเกลี่ยเศษขี้เถ้าในถังนั่นก่อนจะคว้าได้รูปใบหนึ่งทั้งๆที่ยังร้อนอยู่ มือผมถูกลวกแต่ผมไม่สนใจ ผมสนใจไอ้สิ่งที่อยู่ในถังมากกว่า
            ใบหน้าที่ยิ้มแย้มปรากฏขึ้นแก่สายตาเมื่อผมพลิกรูปใบนั้นขึ้นมาดู รอยยิ้มที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นนอกจากผม ดวงตาสีเทายิ้มหยีอย่างมีความสุข กลุ่มผมสีดำสนิทที่หอมแชมพูเด็ก เค้าโครงใบหน้าที่หล่อเหลา …
            รูปของนาที…
            “ป่าน มึงเกินไปแล้ว” ไอ้ฟ้าวิ่งเข้ามาพลางจับมือของผม เพราะด้วยความที่ว่ารีบหยิบรูปตอนที่มันยังร้อนๆเลยทำให้มือผมเป็นแผลพอง ไอ้ฟ้าเทน้ำลงบนแผลของผมก่อนจะใช้ชายเสื้อของมันเช็ด
            “เวร มึงก็รู้ว่าเลือดไหลเยอะไม่ได้…”
            “มึง… มึงรู้หรือเปล่าว่าใครเอามาวางไว้?” ผมถามฟ้า ไอ้ฟ้าส่ายหน้า
            “พอเปิดประตูห้องมาก็เห็นวางไว้แล้ว”
            ผมมองถังนั่นนิ่งๆก่อนจะเบิกตากว้างเมื่ออะไรบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว
            “นาที…”
            “เฮ้ยป่าน!”
            “ฝากบอกอาจารย์ด้วยนะว่ากูไม่ค่อยสบาย” ผมว่าก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องด้วยความรวดเร็วท่ามกลางสายตาสงสัยของใครหลายคน มือก็กดโทรศัพท์ต่อสายตรงไปยังคนที่ผมเป็นห่วงมากที่สุดตอนนี้
            ‘เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้…’
            บ้าเอ้ยย!!!
            ไหนบอกว่าให้โทรหาไง แล้วปิดโทรศัพท์ทำไมวะ!!!
            ‘เลขหมายที่ท่านเรียกมะ…’
            แม่งเอ้ย!!!
            ผมวิ่งลงจากตึกเรียนก่อนจะออกไปหน้าโรงเรียน สายตาสอดส่องหารถแท็กซี่แต่ไม่มีผ่านเลยซักคัน อะไรวะ ผมกดโทรออกอีกครั้ง
            ‘เลขหมายที่ทะ…’
            “โว้ยย!!!!”
            ไหนมึงบอกให้กูโทรหาไงล่ะนาที!!!
            ผมเปลี่ยนเบอร์ไปโทรเข้าโทรศัพท์ของพี่วินแทน ไม่นานปลายสายก็รับ
            (ว่าไง)
            “พี่! นาทีอยู่ไหน!!!” ผมว่าพลางเริ่มออกวิ่ง ค่อยหาแท็กซี่ระหว่างทางก็ได้วะ
            (เห็นบอกจะออกไปซื้อข้าวให้นาราน่ะ มีอะไร?)
            “หญิงเอาถังที่เผารูปนาทีมาวางไว้ที่ห้องเรียนผม ผมโทรติดต่อนาทีไม่ได้!!!”
            (ว่าไงนะ!!!)
            “ผมไม่รู้จะทำยังไง!!” ผมว่าก่อนจะวิ่งต่อไปเรื่อยๆ ไม่ทันไรเสียงสายเข้าก็ทำให้ผมใจแทบร่วง ผมรีบกดตัดสายพี่วินก่อนจะกดสายเรียกซ้อนทันที
            (ซอรี่ แบตหมดน่ะ เพิ่งหาที่ชาร์จได้) เสียงอารมณ์ดีจากปลายสายทำให้ผมหยุดวิ่งแล้วโกยอากาศเข้าปอดอย่างเหนื่อยหอบ ใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก น้ำตาที่รื้นขึ้นมาถูกกลืนกลับเข้าไปเหลือแต่ความโมโหที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ
            “วันหลังก็หัดชาร์จซะบ้าง!!!! กูเป็นห่วงมึงจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม!!!!!”
            (ป่าน…)
            ไอ้บ้าเอ้ย
            ไอ้บ้า
            ไอ้นาทีบ้า!!!
            “กูจะบ้าตายเพราะรักมึงมากเกินเหตุเนี่ยแหละ ไอ้บ้าเอ้ย”






TBC

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep25] 6/3/57
« ตอบ #129 เมื่อ: 06-03-2014 20:09:20 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep25] 6/3/57
«ตอบ #130 เมื่อ06-03-2014 21:24:09 »

อ๊ากกกก ยัยชะนีหญิงจะทำอะไรอีกกกกกก  :beat: :beat:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep25] 6/3/57
«ตอบ #131 เมื่อ06-03-2014 21:44:09 »

ป่านเป็นโรคอะไร....โรคฮีโมฟีเลีย?

เราว่าให้หญิงโดนจับไปรักษาตัวสักทีเถอะ

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep25] 6/3/57
«ตอบ #132 เมื่อ06-03-2014 22:00:17 »

ป่านบอกรักแล้ว ดีใจ  :mew3:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep25] 6/3/57
«ตอบ #133 เมื่อ06-03-2014 22:19:53 »

นาทีต้องดีใจแหงๆ ป่านบอกรักแล้ว  :mew1:

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep25] 6/3/57
«ตอบ #134 เมื่อ09-03-2014 02:32:57 »

สรุปป่านรักหรือไม่รักนาทีกันแน่เนี่ย เรางง  :really2:

ป่านมีโรคประจำตัวหรือป่าวอ่ะ เลือดออกเยอะไม่ได้ด้วย

ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep26]
«ตอบ #135 เมื่อ12-03-2014 01:09:04 »

26

           
            “อยู่กับพี่วินแล้วใช่มั้ย”
            (อืม มึงรีบๆมา)
            “อืม เดี๋ยวไปหา”
ผมเดินตามถนนต่อไปเรื่อยๆ ในมือก็ถือโทรศัพท์คุยกับนาทีไปพลางๆจนกระทั่งนาทีบอกว่ามันอยู่กับพี่วินแล้วผมจึงโล่งใจ ถ้าพี่น้องอยู่กันสามคน มันปลอดภัยกว่าที่ใครคนหนึ่งจะออกไปข้างนอกเพราะผมไม่รู้เลยว่าหญิงจะทำอะไรกันแน่
            “เฮ้อ” ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วนั่งลงที่ริมทางเท้าอย่าหมดอาลัยตายอยาก
            เอาไงต่อดีวะเนี่ยป่าน โรงเรียนก็โดดมาแล้ว
            ผมมองนาฬิกาข้อมือที่เดินอย่างไม่คิดจะเหนื่อยพลางลุกขึ้นยืนแล้วออกเดินต่อ รถแท็กซี่ที่เข้ามาใกล้ทำให้ผมต้องยื่นมือออกไปโบก ท้องฟ้าที่เริ่มครึ้มเหมือนฝนจะตกทำให้ผมเลือกที่จะกลับไปที่บ้านก่อนที่จะเข้าไปโรงพยาบาล
            ผมอยากเจอหญิงอีกครั้ง
            ถ้าเธอยังรออยู่ที่บ้านผมอาจจะได้เจอเธอก็ได้
            ระหว่างที่นั่งแท็กซี่อยู่ผมก็ส่งเมสเซจเล่นกับนาทีไปพลางๆ ฝนเริ่มจะตกโปรยปรายลงมาแต่ก็ไม่หนักถึงกับฟ้ารั่ว ผมยื่นมือไปแตะเงาหยดน้ำฝนที่เกาะอยู่ที่กระจก ก่อนจะลากมันเบาๆ สายตามองผ่านลงไปที่ข้อมือก่อนจะไล่ขึ้นไปที่แขนของตัวเอง
            รอยเข็มเจาะยังคงไม่จางไป ผมต้องใส่เสื้อแขนยาวปิดมันตลอด ทุกครั้งที่ผมมีอะไรกับนาที ผมไม่เคยที่จะถอดเสื้อออกเลยซักครั้ง นอกจากปลดกระดุม ผมก็ไม่เคยถอดมันออกจากแขนเลย
            ผมมองที่แขนของตัวเองซักพัก ก่อนจะถอนหายใจ…
            ‘แหมะ’
            เลือดหยดหนึ่งหยดลงบนเสื้อของผม ก่อนจะมีหยดที่สองและสามตามมา ผมแตะเบาๆที่จมูกของตัวเองก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเลือดไหลไม่ยอมหยุด ผมพยายามใช้แขนเสื้อเช็ดมันจนกระทั่งคุณลุงที่ขับรถแกมองมาทางกระจกมองหลัง
            “เป็นอะไรน่ะ” คุณลุงถามด้วยความเป็นห่วง ผมหัวเราะนิดๆ
            “ไม่เป็นไรครับ เลือดกำเดาไหลน่ะ”
            “อ้อ” คุณลุงว่า ก่อนจะกลับไปตั้งใจขับรถฝ่าสายฝนเหมือนเดิม
            ผมเริ่มปาดเลือดที่ไม่ยอมหยุดไหลก่อนจะสูดมันเข้าไปจนแสบจมูก ผมไม่เคยกลัวสิ่งนี้เลย ไม่เคยกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นเลยตั้งแต่รู้ตัว แต่ทำไมกันนะ วันนี้ผมถึงได้กลัวจนอยากจะร้องไห้ออกมา
            ผมอยากขอโทษนาที
            ผมไม่เคยบอกเรื่องราวของผมให้นาทีฟังเลย
            ผมกลัว ว่านาทีจะรับไม่ไหว
            ‘ติ๊ดๆ’
            เสียงข้อความเข้าทำให้ผมยกมือถือขึ้นมาดู ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นชื่อของคนส่ง
            ‘หญิงขอโทษ มาเจอกันหน่อยได้มั้ย รออยู่ที่ไฟแดงข้างร้านข้าวที่ป่านชอบกิน’
            “ลุงครับ จอดรถที!!!” ผมว่าก่อนจะคว้าแบงค์ร้อยให้ลุงไป โชคดีที่ว่ารถติดไม่ขยับเขยื้อนมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ผมเลยยังมาไม่ไกลโรงเรียนมากนักเพราะร้านข้าวที่ผมชอบอยู่แถวๆโรงเรียน ผมเปิดประตูรถออกไปก่อนจะวิ่งกลับไปทางเดิมท่ามกลางสายฝน
            ผมต้องคุยกับหญิงให้รู้เรื่อง
            ไม่อย่างนั้น … ผมตัดเธอออกจากสมองไม่ได้จริงๆ
            ผมวิ่งไปพลางพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์อย่างไม่สนว่าน้ำจะเข้าหรือเปล่า ผมตั้งใจพิมพ์ข้อความนั้นเพราะเลือดที่จมูกไหลไม่ยอมหยุด เพราะสายฝนที่ไหลผ่านหน้าเลยทำให้มันดูจางลง แต่ผมรู้จากความคาวของเลือดที่คั่งอยู่ที่จมูกและไหลลงไปในคอ
          ‘กูมาหาหญิงที่หน้าโรงเรียน เคลียร์เสร็จแล้วจะกลับไปหานะ
          รักมึง … จากป่าน’

          เพราะรู้ว่าระยะทางจากโรงพยาบาลกว่าจะถึงโรงเรียนมันไกลโข แถมรถยังติดอีกต่างหาก ผมเลยมั่นใจว่านาทีจะมาถึงหลังจากที่ผมคุยเรื่องราวกับหญิงเสร็จแล้ว จะไม่มีการทะเลาะกันเกิดขึ้น หญิงจะต้องกลับไปรับโทษที่เธอสมควรจะได้รับ และผมก็จะกลับไปใช้ชีวิตปกติ
            ใช่…
            มันต้องเป็นแบบนั้นแหละ
            ผมวิ่งผ่านโรงเรียนก่อนจะตรงไปที่ร้านข้าวที่จำได้แม่น ฝนที่เริ่มตกแรงขึ้นเรื่อยๆทำให้ผมมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ผมวิ่งไปหยุดที่ไฟแดง ขาเขออ่อนล้าไปหมด กลิ่นคาวเลือดที่คาอยู่ที่จมูกเริ่มจางลงไปจนเหลือทิ้งไว้บางเบา ผมถึงรู้ว่าเลือดหยุดไหลแล้ว ผมยืนจับเสาไฟอยู่ที่ไฟแดงหน้าร้านข้าว
            ไม่มีวี่แววของหญิงเลย
            เธออยู่ที่ไหนกัน
            ผมยืนอยู่แบบนั้นเกือบสิบนาทีได้ นาฬิกาที่เปียกน้ำจนแทบจะพังทำให้เวลาชักจะเริ่มไม่ตรงขึ้นเรื่อยๆ ผมยืนอยู่ตรงนั้น รอคอยผู้หญิงที่ผมเคยรัก
            ผมมั่นใจว่าหญิงต้องมา …
            และผมต้องพูดกับเธอให้เข้าใจ
            พลันเงาบางอย่างก็ปรากฏขึ้นอีกฝั่งของถนน ผมมองภาพนั้นนิ่งๆปล่อยให้สายฝนผ่านใบหน้าและร่างกายไป น้องหญิงเดินออกมาจากร้านขายข้าวแล้วหยุดยืนอยู่ตรงข้ามกับผม ใบหน้าที่มีแววตาเศร้าสร้อย ริมฝีปากสีซีดคว่ำลงนิดๆ กลุ่มผมสีน้ำตาลที่ลีบลู่ใบหน้าเพราะเปียกปอนทำให้เธอดูน่าสงสาร
            ผมอยากจะเข้าไปกอดเธอ
            เธอเหมือนตุ๊กตาที่กำลังถูกทิ้งจริงๆ
            แต่นั่นมันก็เป็นความคิดในสมอง
            ใจผม … มันเลิกคิดที่จะทำแบบนั้นไปนานแล้ว
            ผมรู้สึกผิดที่เป็นแบบนี้ ทำไมกันนะ
            หญิงยิ้มบางๆก่อนจะเดินข้ามถนนมาทั้งๆที่สัญญาณไฟคนเดินยังเป็นสีแดงอยู่ ผมเบิกตากว้างเมื่อร่างเล็กจะข้ามมาทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามีรถพุ่งตรงมาหรือเปล่า ผมมองทางรถด้านขวา ไม่มีไฟหน้ารถใดๆที่บ่งบอกว่ารถจะขับตรงมาทางนี้ น้องหญิงเดินมาหยุดอยู่ตรงกลางถนน ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มบางๆอย่างเศร้าหมอง
            ผมรวดร้าวไปทั้งร่าง
            “หญิง…”
            ปิ้น!!!!!
            เสียงบีบแตรรถกับรถที่พุ่งตรงมาทำให้ผมใจหาย!!! เพราะไม่ได้เปิดไฟหน้ารถเลยทำให้ไม่มีอะไรเตือน เจ้าของรถอาจจะเห็นเงาของน้องหญิงเลยบีบแตรนั่น! ผมวิ่งเข้าไปหาร่างของน้องหญิงแล้วรวบตัวของเธอหลบรถที่พุ่งมา โชคดี ทันเวลาพอดิบพอดี รถคันนั้นบีบแตรไล่สองสามทีแล้วขับหายไปท่ามกลางสายฝนอย่างรวดเร็ว
            ผมคร่อมร่างเล็กเอาไว้ น้องหญิงเบิกตาโพลงพลางตัวสั่นระริก
            ไม่มีใครเดินผ่านบริเวณนี้ ราวกับว่าเป็นพื้นที่ร้างที่ไร้ผู้คน แต่ไม่ใช่หรอก คงไม่มีใครออกมาตากฝนที่ตกหนักขนาดนี้ให้ตัวเองไม่สบายเล่นแน่ นอกจากผมกับน้องหญิงแล้ว … ผมบีบแขนหญิงแน่นด้วยอารมณ์โมโหปนสงสาร
            “ทำแบบนี้ทำไม!!! ไม่รู้หรือไงว่าคุณแม่จะเสียใจขนาดไหน!!!” ผมตะคอกร่างเล็กทั้งๆที่เรายังนั่งอยู่บนพื้นริมฟุตบาท ร่างของน้องหญิงสั่นราวกับลูกนกที่ร่วงจากรัง
            “หญิงตอบป่านสิ!!! หญิงไม่สงสารแม่หรือไง!!!”
            “หญิงไม่ห่วงคุณพ่อหรือไง คุณพ่อถามถึงแต่หญิงนะรู้มั้ย!!!”
            ร่างเล็กร้องไห้โฮออกมาก่อนจะกอดเข่า ผมเสยผมด้วยความเครียดก่อนจะเกลี่ยปอยผมของร่างเล็กขึ้นไปทัดหู ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นก่อนที่ดวงตาสีแดงก่ำจะบ่งบอกให้ผมรู้ว่าเธอกำลังร้องไห้อย่างหนักแม้ว่าน้ำตาจะถูกกลืนไปกับหยดน้ำจากสายฝนก็ตาม
            “อย่าทำแบบนี้อีกนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหญิงต้องเข้มแข็ง”
            “หญิงเกลียดป่าน…” ร่างเล็กพึมพำออกมา ดวงตาแดงก่ำจ้องหน้าผม
            “หญิง…”
            “หญิงเกลียดป่าน!!! ฮือๆ” น้องหญิงร้องไห้โฮออกมาแล้วทุบตีร่างกายของผม ผมมองเธอด้วยแววตาสำนึกผิด ทั้งที่บอกตัวเองว่าตัดใจไปแล้ว แต่เหมือนกับโดนเข็มล้านเล่มแทงลงบนร่าง
            “ป่านขอโทษ…”
            “เพราะป่านคนเดียว ฮือ ถ้าป่านไม่ตามใจหญิง หญิงก็คงไม่เป็นแบบนี้ ฮึก”
            “ป่านแย่งคนที่หญิงรักไป นาทีรักป่านมากขนาดนั้น แล้วหญิงล่ะ ป่านทิ้งหญิงไปไม่สนใจหญิง ป่านปล่อยหญิงให้อยู่คนเดียวแล้วก็ทรยศไปรักกับคนที่หญิงรัก ฮือ!!!”
น้องหญิงสะอื้นจนตัวโยนแล้วพูดรัวออกมาเป็นชุด ผมคุกเข่าลงที่พื้น ร่างเล็กพยุงตัวลุกขึ้นนั่งแล้วขยี้ตาใหญ่ ผมดึงมือของน้องหญิงออกแต่เธอผลักผมอย่างแรงจนลงไปก้นจ้ำเบ้าที่พื้น
            “หญิงเกลียดป่าน!!!!”
            “ป่านขอโทษ … ป่านแค่…”
            “ไม่อยากฟัง!!! หญิงแค่จะมาบอกป่านว่าหญิงไม่อยากจะฟังอะไร อยากให้หญิงตายนักหญิงก็จะตาย!!! แต่พอหญิงจะตายป่านก็มาห้ามอีกแล้ว!!!!”
            “น้องหญิง…” ผมจับข้อมือของน้องหญิงที่เริ่มจะทึ้งหัวตัวเองออกก่อนจะกำมันแน่น ร่างเล็กกัดริมฝีปากจนช้ำไปหมด
            “น้องหญิงจะตายไม่ได้นะ…”
            “ทำไมล่ะ … ป่านทำร้ายหญิงจนหญิงเจียนตายขนาดนี้แล้วแท้ๆ…” ผมสะอึกไป
            “ป่านเป็นห่วงหญิง เลยไม่อยากให้หญิงคบกับนาที เพราะป่านเคย … เคยคิดว่านาทีมันเลว ป่านกลัวว่านาทีจะทิ้งหญิง ป่านกลัวว่าหญิงจะเจ็บ” ผมพูดเหตุผลให้น้องหญิงฟัง ร่างเล็กส่ายหน้าไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้นก่อนจะเริ่มตบตีผมอีกครั้ง
            “แต่สุดท้ายแล้วหญิงไม่ได้เจ็บเพราะนาที … แต่หญิงเจ็บเพราะป่าน!!! หญิงเจ็บเพราะป่านเข้าใจมั้ย เข้าใจมั้ย!!!!” น้องหญิงเขย่าร่างผมอย่างแรง อาการมึนหัวของผมเริ่มกลับมาเรื่อยๆ
            “นาทีเป็นคนรักของหญิง แต่นาทีจะต้องไม่ได้ของของหญิงไป ไม่มีใครจะได้ของของหญิงไป ครอบครัวนั่นต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำ ต้องชดใช้ที่เอาตัวป่านไปจากหญิง!!!!”
            ผมเม้มริมฝีปากแน่น
            ผมอยากจะบอกเธอเหลือเกิน ว่าพวกเขาไมได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย
            “หญิงต้องกินยาระงับประสาท หญิงว่าหญิงต้องกลายเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ หญิงควบคุมตัวเองไม่ได้ หญิงพยายามฆ่าตัวตายแต่พอเห็นหน้าป่านโผล่ขึ้นมาห้ามหญิงก็ทำได้แค่โยนมีดทิ้งไป!!! แล้วอย่างนี้ … อย่างนี้ … ไม่ … หญิงไม่ยกให้ใครทั้งนั้น ถ้าหญิงไม่ได้นาที ป่านก็ไม่ได้ ป่านต้องเป็นของหญิง!!!”
            “…”
            “ป่านต้องเป็นของหญิง ป่านรักหญิงไม่ใช่เหรอ” คนตรงหน้าเริ่มกรอกตาไปมา ริมฝีปากสีซีดเม้มเข้าหากัน มือของน้องหญิงเริ่มก่ายสะเปะสะปะ ผมอยากจะร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นสภาพของคนตรงหน้า
            เธอเริ่มพูดไม่รู้เรื่องแล้วจริงๆ
            ผมทำท่าจะกอดร่างเล็กเอาไว้ แต่น้องหญิงก็ผลักผมออกอีกครั้ง
            “อย่าทำเหมือนหญิงเป็นเด็กนะ หญิงไม่เด็กแล้ว!!! หญิงมีอะไรกับใครตั้งหลายคน ไม่มีกับนาทีหญิงก็มีกับคนอื่นได้!!! หญิงเก่งใช่มั้ยป่าน หญิงเก่ง…” ร่างเล็กเบิกตากว้างราวกับสติไม่ได้อยู่ตรงหน้าอีกแล้ว ผมร้องไห้ออกมาทันที
            “หญิงไม่ใช่เด็กแล้ว”
            “ป่านขอโทษ… ป่านขอโทษ”
            “หญิง … ขอโทษ …” คนตรงหน้าพึมพำออกมาพลางกอดตอบผมเบาๆ น้องหญิงสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของผม ก่อนท่าทางของเธอจะเปลี่ยนไป น้องหญิงจิกแขนผมจนเลือดออกซิบๆ
            “ไม่ให้อภัยหรอก หญิงไม่ให้อภัย คนที่แย่งป่านไป หญิงไม่ให้อภัยหรอก!!!” ร่างเล็กว่า ผมลูบหัวของเธอเบาๆ
            “นาทีไม่ได้แย่งป่านไป … แต่ป่านแย่งนาทีไปจากหญิงต่างหาก” ผมว่า ถอนกอดออกเล็กน้อยก่อนจะใช้มือไล้ใบหน้าของน้องหญิง คนที่ผมเคยเฝ้าทะนุถนอมมานาน
            “…”
            “นาทีไม่ผิดอะไรทั้งนั้น หญิงเลิกเถอะนะ การทำร้ายคนอื่นมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น…”
            “ทำไมป่านต้องแก้ตัวแทนมันด้วย … ป่านรักมันมากหรือไง” คำถามของน้องหญิงเล่นเอาผมตัวชาวาบ ผมมองใบหน้าที่เสียใจของน้องหญิงก่อนจะหลบสายตาของเธอ
            “ใช่ … ป่านรักนาที …”
            ‘เพี๊ยะ!!!’
            มือเรียวฟาดหน้าผมอย่างแรงก่อนน้องหญิงจะยกกระเป๋าที่เธอสะพายมาด้วยฟาดลงบนหัวผม ผมไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรอยู่ แต่นั่นทำให้ผมมึนหัวไปได้หนักเชียวล่ะ
            “น่าเกลียด … ทำไมทำตัวแบบนี้…”
            “ทำไมป่านถึงทำแบบนี้ ป่านรักหญิงไม่ใช่เหรอ ป่านรักหญิงไม่ใช่หรือไง!!!! ทำไม … ทำไมถึงทิ้งหญิงไป ทำไม!!! ทำไม๊!!!! ฮือ” น้องหญิงร้องไห้ออกมาอีกครั้ง พูดสิ่งๆเดิมที่ผมทำ
            ผมผิดที่สุดแล้ว
            ผมเลวที่สุดในเรื่องนี้จริงๆ
            ผมทำร้ายคนที่รักผม และกำลังทำร้ายคนที่ผมรัก
            “หญิงเกลียดนาที หญิงอยากจะเกลียดป่าน!!! แต่หญิงทำไม่ได้!!!! ป่านเป็นของหญิง ฮือ ป่านรักหญิง ฮือ หญิงเหงานะ เหงามากรู้มั้ย หญิงเหงา เหงาจะตายอยู่แล้ว ฮืออ”
            น้องหญิงพูดซ้ำอีกรอบแล้วตบผมด้วยความแรง ผมนั่งนิ่งให้เธอทำแบบนั้น ก่อนที่กลิ่นเลือดจะมากรังอยู่ที่จมูก ผมมองฝ่ามือตัวเองที่เปื้อนเลือดสีแดงสดอีกครั้งก่อนจะเงยหน้ามาน้องหญิงที่นิ่งไปด้วยความตกใจ
            “ป่าน… ป่านเป็นอะไร เลือด…” น้องหญิงปราดเข้ามาหาผมก่อนจะเขย่าตัวผมอย่างตกใจ ผมปล่อยน้ำตาให้ไหลไปกับสายฝนกับสิ่งที่ผมทำผิด
            พลางใบหน้าหนึ่งก็แทรกเข้ามาในโสตประสาท
            ราวกับว่าผมจะไม่ได้เจอนาทีอีกแล้ว…
            “ป่านขอโทษ …  ป่านขอโทษนะหญิง” ผมว่าก่อนจะร้องไห้เมื่อเลือดไหลออกมาจากจมูกไม่หยุด แผลตามตัวก็มีเลือดออกมาบ้างแต่ที่มากคงจะเป็นที่จมูก ราวกับน้ำไหลออกจากร่างกาย เลือดออกมากองจนผมแทบจะสำลัก
            “แค่กๆ”
            “ป่าน!!!”
            “ป่านขอโทษ … ป่านรักหญิงนะ อย่าทำร้ายตัวเองเลยนะ อย่าทำร้ายคนอื่นนะ” ผมพูดทั้งๆที่เลือดขังอยู่ในลำคอจนต้องไอแล้วบ้วนมันออกมา ผมหัวเราะกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
            น้องหญิงร้องไห้ออกมายกใหญ่ เธอรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นอะไรในเมื่อเราคบกันมานานขนาดนั้น
            “ป่านไม่เคยทิ้งหญิงเลย … ป่านรักหญิงมาตลอด…”
            น้องหญิงนิ่งไป ใบหน้าเรียวยู่ไปหมดเพราะร้องไห้
            ผมเริ่มพยุงตัวเองไม่อยู่เนื่องจากเลือดที่ไหลมากเกินไป ก่อนจะร่วงลงสู่อ้อมแขนของน้องหญิง
            “แต่ตอนนี้ป่านเจอคนที่รักป่านแล้ว … ป่านเจอ…” 
            “ป่าน!!!!!”
            เสียงทุ้มที่ตะโกนดังลั่นพร้อมกับร่างของใครซักคนที่ผมกำลังคิดถึงวิ่งเข้ามาคว้าร่างผมออกจากมือของน้องหญิง ผมหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้าของนาทีที่เป็นกังวล ดวงตาของนาทีเบิกกว้าง
            “มะ … มึงมาแล้ว แค่ก” ผมไอออกมาเป็นเลือดแต่ก็ยังหัวเราะฝืดๆอยู่ ดีใจจัง ... อย่างน้อยก็ยังได้เห็นหน้ามัน
            ให้ตาย…
            ผมยังไม่อยากตาย…
            “ป่าน มึง … มึงเป็นอะไร…” นาทีรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนใบหน้าให้ผม ผมได้ยินเสียงพี่วินแว่วๆมาด้านหลัง แต่คนตรงหน้าผมทำให้ผมละไปไหนไม่ได้ นาทีจับมือของผมแน่น ใบหน้าคมงองุ้มด้วยความเป็นห่วง ผมหัวเราะอีกครั้งและอีกครั้งพลางยื่นมือไปจับใบหน้าของนาที
            “มึงมาก็ดีแล้ว… แค่กๆ” ผมไอออกมาอีกครั้ง และอีกครั้ง นาทีลูบหัวผมเบาๆก่อนจะหันไปตะคอกใส่พี่วินที่ยืนอยู่ด้านหลัง
            “เฮีย!!!! เมื่อไรรถพยาบาลจะมาวะ!!!!”
            “โทรเรียกไปแล้ว ใจเย็นๆสิวะ!!!”
            “มึงอย่าเป็นอะไรนะป่าน มึงอย่าทิ้งกูไป มึงอย่านะ …” นาทีส่ายหน้ารัวแล้วก้มลงมาจูบหน้าผากผม ผมหัวเราะเหมือนคนบ้าพลางมองไปที่น้องหญิง
            “ป่านรักหญิงนะ … ป่านไม่เคยคิดจะทิ้งหญิงเลย” ผมว่าเสียงแผ่ว น้องหญิงยังนั่งร้องไห้โฮอยู่ข้างๆผม นาทีมองร่างเล็กด้วยสายตาที่ไร้แววตา ผมยิ้มบางๆ
            “ตอนนี้ป่านก็ไม่เลิกรักหญิง แต่ป่านรักหญิงแบบเพื่อน หญิงเป็นเพื่อนที่น่ารักของป่านเสมอ … แค่กๆ”
            “มึงหยุดพูดเถอะ…” นาทีห้ามผม ผมส่ายหน้า
            “กูอาจจะไม่ได้พูดอีกแล้ว”
            “อย่าพูดแบบนี้นะ ไม่เอานะ ฮือ ป่านห้ามเป็นอะไรนะ” น้องหญิงร้องโฮออกมา ผมส่ายหน้า
            “อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด …” ผมมองหน้านาทีนิ่งๆ
            “ไม่!!! มึงห้ามไปไหน มึงอย่าทิ้งกูไปนะป่าน!!!” นาทีร้องออกมาแล้วกอดผมแน่น
            “กู … แค่กๆๆๆๆ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้บอกนาทีผมก็ไอออกมาจนพูดอะไรออกมาไม่ได้แล้ว เลือดท่วมคอไปหมด ผมร้องไห้ออกมาก่อนจะยิ้มบางๆ
            “รักมึงนะ”
            ก่อนที่ดวงตาของผมจะดับมืดลง … พร้อมกับเสียงเรียกของนาทีที่ตราตรึงอยู่ในใจ
            “ป่าน!!!!”
            แย่จัง … ผมยังพูดอะไรกับนาทีไม่มากเลย
            ผมยังไม่ได้บอกความรู้สึกมากมายที่อยากบอก…
            ผมปากแข็งและถือตัว
            ผมไม่เคยเปิดใจรับนาทีซักครั้ง…
            จนกระทั่งวันที่ผมจะหลับไป
            ผมยังไม่มีโอกาสที่จะได้พูดมัน… ผมไม่มีโอกาสที่จะได้อธิบายอะไรซักอย่างกับคนที่ผมรัก…
            ผม …
            ยังไม่ได้บอกเลย …
            ว่าผมอยากจะใช้ชีวิตกับมัน … ไปตลอดชีวิต…





TBC

ออฟไลน์ Momichi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep26] 12/3/57
«ตอบ #136 เมื่อ12-03-2014 11:24:11 »

ม่ายยยยยยยยยยยย ป่านเป็นอะไร

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep26] 12/3/57
«ตอบ #137 เมื่อ12-03-2014 12:10:14 »

 :mew6: :hao5: น้องป่านนนนนน ตกลงเป็นโรคอะไรน่ะ สงสารสุดใจ

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep26] 12/3/57
«ตอบ #138 เมื่อ12-03-2014 12:41:00 »

 :sad4: ป่านอย่าเป็นอะไรน่ะ

narrybo

  • บุคคลทั่วไป
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep26] 12/3/57
«ตอบ #139 เมื่อ12-03-2014 13:13:58 »

น้องป่าน เป็น  โรคฮีโมฟีเลีย  หรือเปล่า นะ เป็น โรคที่มีความผิดปกติของระบบการแข็งตัวของเลือด

และเลือดไหล ไม่หยุด และหยุดยาก น่าจะใช่นะ  หุหุ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep26] 12/3/57
« ตอบ #139 เมื่อ: 12-03-2014 13:13:58 »





ออฟไลน์ karmdodcom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep26] 12/3/57
«ตอบ #140 เมื่อ12-03-2014 14:28:16 »

ป่านเป็นอะไรรรรรรร
อ๊ากกกกกกก อัพด่วนเถอะค่ะ ขอร้องงงงงงง T[]T
สารภาพว่า เลื่อนลงมาตอนท้ายๆ นี่ถ้าจบตอนนี้แล้วเจอคำว่า จบ นะ เราจะตามไปถล่มบ้านคนเขียนจริงๆด้วย
ฮืออออ T^T

ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
«ตอบ #141 เมื่อ19-03-2014 18:08:18 »

27

 
            หยาดฝนที่ร่วงโรยลงมาจากท้องฟ้า ราวกับว่าจะชะล้างทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ร่างที่แน่นิ่งของเจ้าของผิวขาวซีดผู้เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดสีแดงสดถูกวางลงบนเตียงสีขาว ดวงตาปิดนิ่งสนิทๆ ลมหายใจที่ขาดช่วงไป ริมฝีปากที่ปิดสนิทราวกับว่ากำลังจะหลับไปตลอดกาล
            ภาพสีขาวปรากฏขึ้นแทนที่ สีดำ สีขาว สลับไปมา
            ดอกไม้สีดำถูกวางลงที่ข้างกายของเขา ทั้งๆที่ผู้ชายคนนี้มีร่างกายสีขาว …
            แต่สีดำ …
            กลับกลมกลืนกับเขาเสียเหลือเกิน…
            ผมมองภาพตรงหน้าแน่นิ่ง ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น ใบหน้าที่นิ่งสงบและน้ำตาที่เหือดแห้งกลายเป็นคำตอกย้ำชั้นดีว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว เหลือผม … เพียงคนเดียว
            ร่างของผู้ชายเจ้าของผิวขาวซีดถูกเติมแต่งด้วยชุดสูทสีดำสนิท ผมสีดำที่ปรกลงมาที่หน้าผากถูกเก็บเรียบขึ้นไปเผยให้เห็นใบหน้าอย่างชัดเจน เขากลายเป็นเจ้าชาย …
            เจ้าชาย
            ที่หายไปจากโลกใบนี้แล้ว
            ร่างโปร่งถูกวางลงในโลงไม้อย่างดีสีดำสนิท ด้านในบุด้วยผ้ากำมะหยี่สีขาวสะอาดตา กุหลาบสีดำถูกเติมแต่งไปทั่วโลงนั่น ตอกย้ำอีกครั้ง
            และอีกครั้ง
            บทสวดเริ่มดังขึ้นพร้อมกับผู้คนและเสียงสะอื้น น้ำตา และความเสียใจ
            แต่ผม … กลับไม่มีน้ำตาซักหยดเลย
            พวกเขาต่างด่าว่าผมไม่มีความรัก … ด่าว่าผมเย็นชา
            ทั้งๆที่จริงแล้ว … พวกเขาไม่รู้สึกถึงความเสียใจของผม
            พวกเขาเสียใจไม่ถึงเสี้ยวของผมด้วยซ้ำ
            ดอกกุหลาบในมือของใครหลายคนถูกวางลงข้างตัวของเขา ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า น้ำตาและความโศกเศร้าเปรอะเปื้อนร่างกายของร่างโปร่งไปหมด
            ขาของผมก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้วิญญาณ …
            ก่อนที่ผมจะวางกุหลาบสีขาวที่เหมาะกับคนที่หลับใหลไปตลอดกาลไว้ตรงกลางของกุหลาบดำ
            ผมก้มลงจูบหน้าผากเขาแผ่วเบา เป็นสิ่งเดียวที่ผมสามารถทำให้เขาได้
            …
            ผมอยากจะบอกเขาอีกครั้งเหลือเกิน…
            ว่าเขาเป็นคนแรกและคนเดียวที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารักและอบอุ่น
            ผมรักเขา
            รัก
            แต่ไม่มีโอกาสได้พูดออกไปบ่อยครั้ง ไม่มีโอกาสที่จะได้บอกอย่างเป็นจริงเป็นจัง
            วันนี้ผมอยากจะพูดกับเขาเหลือเกิน
 
            “ผมรักพ่อครับ”
 
             สิ้นเสียงของตัวเองแสงสีแดงก็ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นจากความเศร้าโศกขึ้นมาเผชิญความเป็นจริง เครื่องปรับอากาศเสียงดังหึ่งๆกับแสงสีขาวนวลที่สาดผ่านผ้าม่านเข้ามาในตัวห้องอย่างบางเบาทำให้ต้องกะพริบตาถี่ๆเพื่อปรับม่านตา ผมมองไปทั่วห้อง ก่อนจะมองไปยังมือหนาๆที่กอบกุมมือของผมเอาไว้
            ความอบอุ่นที่มากกว่าส่วนอื่นของร่างกาย ผมมองตัวเองที่อยู่ในชุดคนไข้ของโรงพยาบาลพลางยิ้มออกมานิดๆ
            ผมใช้มือข้างที่เป็นอิสระหยิกเบาๆที่แก้มของตัวเองก่อนจะร้องซี้ดออกมา
            ไม่ได้ฝันไป…
            ก่อนจะนึกถึงความฝันที่ผมลืมตาตื่นจากมา
            ผมไม่ได้ไม่มีครอบครัว … แต่เพราะพ่อของผมเสียไปตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมเลือกที่จะปิดตายพวกท่านไว้ข้างหลัง ทิ้งพวกท่านเอาไว้ในซอกหลืบของความทรงจำส่วนลึก
            อยากจะขอโทษ … ที่เคยว่าด่าพวกท่านว่าทำไมถึงทิ้งผมไป
            ความตาย มันเป็นสัจธรรมของชีวิต เกิดเป็นมนุษย์ ก็ต้องยอมรับว่าวันหนึ่งเราก็ต้องกลับสู่ธรรมชาติที่สร้างเราขึ้นมา
            ผมมองกลุ่มผมของคนที่ผมจำได้แม่นก่อนที่ผมจะหลับไป คนที่ไม่มีแม้กระทั่งน้ำตาแต่มีเพียงใบหน้าที่บูดบึ้ง ริมฝีปากสีซีดที่คอยเรียกชื่อผมซ้ำๆเพราะกลัวว่าผมจะหลับไปตลอดกาล ผมวางมือลงบนกลุ่มผมสีดำเบาๆ ก่อนจะค่อยๆก้มหน้าไปรับความหอมจากแชมพูเด็กที่คิดถึงมานานแสนนาน แต่มีบางสิ่งบางอย่างขวางที่จมูก ผมดึงเครื่องช่วยหายใจออกไป ก่อนจะกดจูบลงบนกลุ่มผมของนาที แม้จะหลับไปแปปเดียว แต่ผมกลับคิดถึงแทบจะขาดใจ
            “อือ” คนที่นอนฟุบอยู่ที่เตียงครางออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม นาทีเปลี่ยนไปมาก ผมก็สั้นลงนิดหน่อยด้วย ขอบตางี้คล้ำเชียว ผมยิ้มบางๆให้นาทีที่กำลังเบิกตากว้างแล้วนิ่งไป
            “ป่าน…”
            “หืม”
            ‘หมับ!!!’
            ร่างโปร่งโผเข้ากอดผมอย่างแรงก่อนจะร้องออกมาเสียงดัง
            “ป่าน!!!!!!!!!!”
            “อะไรของมึงวะ” ผมบ่นอุบเมื่อนาทีชักจะเสียงดังไปแล้ว
            “มึง…” นาทีถอนกอดออกจากตัวผม ก่อนจะมองหน้าผมนิ่งๆ มือหนาเกลี่ยใบหน้าของผมอย่างทะนุถนอม นาทียิ้มออกมา แล้วหุบยิ้ม ก่อนจะยิ้มออกมา แล้วหุบยิ้มอีกครั้ง
            ริมฝีปากสีซีดกดจูบที่ริมฝีปากของผมแผ่วเบาแล้วถอนออก ก่อนนาทีจะตะโกนลั่นห้อง
            “มึงฟื้นแล้ว!!! ป่านฟื้นแล้ว!!!!” สิ้นเสียงของนาทีร่างของใครอีกหลายคนก็โผล่มาจากด้านหลังกำแพงที่คั่นอยู่ ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นพวกเขายืนมองหน้าผมอย่างตกใจ
            อะไรกัน ผมหลับไปแปปเดียวเองนะ
            นาทีปรับเตียงให้ผมลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเอาน้ำให้ผมกิน คอแห้งผากเหมือนอยู่กลางทะเลทรายเลยให้ตาย
            “ป่าน!!!!” ไอ้กี้วิ่งพรวดพราดเข้ามาหาผมก่อนจะกอดผมเอาไว้แน่น มันร้องไห้ฟูมฟายใหญ่เมื่อเห็นผมฟื้น หัวเล็กๆส่ายดิ๊กๆไปมาเหมือนหมาจริงๆ ไอ้หมูหยองมันตัดผมซะแล้ว ผมลูบหัวไอ้กี้แล้วหัวเราะเบาๆ
            “ไรวะ แค่นี้ทำร้อง ไม่อยากให้ฟื้นหรือไง” ผมเขกหัวไอ้กี้เบาๆแล้วยิ้มให้กับทุกคนที่อยู่ในห้อง
            ทั้งพี่วิน พี่กวาง พีท ริค พระกาฬ ไอ้กี้ ไอ้ฟ้า นาที … แล้วก็พี่นาราที่ทำไมถึงหายเร็วจัง (?)
            ทุกคนมีสีหน้าตกใจกันหมด
            “อะไร … หลับไปแปปเดียวตื่นขึ้นมาทำหน้าอย่างกับเห็นผี” ผมว่าแล้วยิ้มอย่างร่าเริง นาทีหันมาหาผมแล้วมองหน้าผมนิ่งๆด้วยสายตาที่บอกอารมณ์ไม่ถูก
            อะไรกัน
            “มึงหลับไปสองเดือนเต็มๆนะป่าน…”
            …
            ว่าไงนะ!!!!
            “พี่จะไปตามหมอให้” พี่วินว่าก่อนจะเดินออกไปข้างนอกห้องพร้อมกับพี่กวาง ผมเบิกตากว้างพลางมองทุกคนด้วยความไม่เข้าใจ อะไรกัน … สองเดือนอย่างนั้นเหรอ
            “อำเล่นหรือไง”
            “ไม่ … สองเดือนจริงๆ พี่นาราหายแล้วเห็นไหม” ไอ้กี้ว่าก่อนจะชี้ไปที่ร่างบางหน้าสวยที่ยืนยิ้มบางๆอยู่ข้างๆไอ้พีท พี่นาราดูปกติดีทุกอย่างแถมยังเดินได้คล่อง ผมมองหน้าทุกคนอย่างไม่เข้าใจ …
            “ไม่จริงน่า…”
            “มึงลองเดินดูก็ได้ ขาคงไม่มีแรงแล้วล่ะ” ผมเบิกตาโพลงมองหน้าไอ้ฟ้าที่โดนไอ้ริคลากไปปิดปาก ก่อนจะมองหน้านาทีที่เศร้าลงไป ผมเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะรีบเลิกผ้าห่มออกจากตัว
            แล้วเริ่มขยับนิ้วเท้า…
            ผมชะงักไป
            …
            ทำไม่ได้
            ผมมองหน้านาทีด้วยความไม่เข้าใจ นาทีเม้มริมฝีปากแน่นพลางมองหน้าผมนิ่งๆ ผมหันไปมองหน้าทุกคนในห้องอีกครั้งก่อนจะหันกลับมามองปลายเท้าของตัวเอง
            ขยับ … ไม่ได้เลย
            ทำไม
            “ที…”
            ผมจับมือของนาทีไว้แน่นแล้วพยายามขยับเท้าอีกครั้ง ขาไม่มีแรงเลย ขยับไม่ได้…
            ทำไม … ทำไม
            ผมมองขาตัวเองนิ่งๆอีกครั้ง นาทีกดจูบลงบนศีรษะของผมเบาๆ ผมมองร่างกายของตัวเองนิ่งๆ ก่อนจะบีบมือของนาทีที่เงียบไป ผมต้องเข้มแข็ง … ใช่
            ต้องเข้มแข็ง
            ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันก็ดีกว่าการที่ไม่ได้ลืมตาตื่นมามองโลกอีกครั้ง
            ดีกว่าทิ้งให้นาทีอยู่คนเดียว
            “ป่าน…” นาทีมองหน้าผมด้วยแววตาเศร้าสร้อย ผมส่ายหน้า
            “ไม่เป็นไร… ไม่เป็นไร … แค่นี้เอง ดีกว่าไม่ฟื้นขึ้นมา” ผมยิ้มบางๆให้นาที ผมไม่อยากให้นาทีเป็นห่วงไปมากกว่านี้ แค่การที่ผมเป็นอะไรแล้วไม่ได้บอกนาที ผมก็ว่าผมผิดแล้ว
            ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้นาทีเสียใจอีก
            ก่อนคุณหมอจะเดินเข้ามาในห้อง นาทีกอดผมที่เอาแต่ทุบขาตัวเองเอาไว้แน่น คุณหมอเริ่มตรวจอาการหลายๆอย่างก่อนจะหันไปคุยอะไรกับพี่วิน ผมรู้สึกราวกับว่าโลกของผมถล่มลงไปทั้งใบ แต่กำแพงที่ผมสร้างขึ้นสูงลิ่วในใจก็สั่งให้ผมเลือกที่จะเข้มแข็งไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
            คุณหมอว่าแค่นั้นแล้วเดินออกไปจากห้อง พี่วินมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด…
            “นาที … ฉันขอคุยกับแกหน่อย” พี่วินว่า ก่อนจะเรียกนาทีออกไปนอกห้อง นาทีผละออกจากผมที่กำลังสนใจกับขาตัวเองเพียงอย่างเดียวตอนนี้ … ทำไมกัน ทั้งๆที่มันไม่น่าจะเกี่ยวกันเลย
            โรคที่ผมเป็นมันไม่ได้ส่งผลแบบนี้
            ไม่มีทาง
            ผมไม่มีทางเป็นอัมพาต…
            ไม่จริง
            เสียงประตูเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างของนาทีที่เดินเข้ามาในห้อง นาทีนั่งลงข้างๆผมแล้วลูบหัวผมแผ่วเบา ผมมองตาของนาทีนิ่งๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมต้องยอมรับมันให้ได้
            “หมอบอกว่าไงบ้าง”
            “ขามึง …” นาทีว่าเสียงเศร้า ผมแทบจะตายไปซะตรงนั้น
            “กูเป็นอะไร?”
            “หมอบอกว่า…”
            ผมตั้งใจฟังคำของคนตรงหน้า …
            “หมอบอกว่ามึงจะขยับขาไม่ได้อีกแล้ว…”
            “!!!!!!!!” ว่าไงนะ
            “จริงเหรอ…” ผมมีสีหน้าเศร้าลงไปก่อนจะบีบขาตัวเองเบาๆ จู่ๆนาทีก็คว้าผมเข้าไปกอดแล้วโยกตัวผมไปมาเหมือนเด็กๆ ผมที่เหม่อลอยไปไกลถูกกระชากร่างกลับมาเพียงรวดเดียว
            “กูล้อเล่น!!!!”
            ?!! อะไรนะ…
            “ไอ้ห่า กูไม่เล่นนะ” ผมกร่นด่าคนตรงหน้าทันทีก่อนจะชกหมัดลงไปที่ไหล่ของไอ้ที หัวใจเต้นรัวอย่างไร้สาเหตุ ทั้งกลัวทั้งตกใจปะปนกันไป เพราะไม่มีแรง เลยทำให้มันกลายเป็นหมัดเบาๆลงไปซะอย่างนั้น
            “หมอบอกว่าเป็นปกติของคนที่นอนนานไป เลือดไปเลี้ยงไม่พอ ทำกายภาพบำบัดซักหนึ่งอาทิตย์ก็กลับมาเดินได้ปกติแล้ว”
             “เซอร์ไพรส์” นาทีว่าพลางหัวเราะ ผมเบะปากแล้วชกคนตรงหน้ารัวไม่ยั้งด้วยความโมโหที่มันเล่นไม่รู้เรื่อง ผมกลัวจริงๆ กลัวจะต้องสูญเสียขาของตัวเองไป แต่ที่กลัวมากกว่านั้น
            คือกลัวจะไม่ได้ตื่นขึ้นมา
            “ตกใจอ่ะดิ ไม่เห็นร้องไห้เลยว่ะ” ไอ้นาทีว่า ผมหันไปเบะปากใส่มัน
            “โง่” ผมทุบไอ้นาทีอย่างแรงแล้วก็แรงขึ้นเรื่อยๆ นาทีคว้าตัวผมเข้าไปกอดแล้วยังคงกลั้วหัวเราะอย่างมีความสุข ผมยิ้มออกมาบางๆ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเป็นภาระให้นาที แต่จะว่าไปถ้าผมเดินไม่ได้จริงๆ มันจะยอมดูแลผมเหรอ?
            “หน้าตึงจัง…” คนที่กอดผมอยู่พูดขึ้น ผมเลิกคิ้วสงสัย
            “ทำไม? ไปฉีกโบทอกซ์มาหรือไง”
            “เปล่า … ไม่ได้ยิ้มมาตั้งสองเดือน…” ผมชะงักไปก่อนจะมองหน้านาที ร่างสูงยิ้มบางๆแล้วกดจูบลงบนริมฝีปากผมเนิ่นนาน ผมหลับตาลงแล้วรับสัมผัสที่คิดถึงนั่นก่อนที่นาทีจะถอนจูบออกแล้วเกลี่ยปอยผมที่ยาวรุงรังของผมขึ้นไปทัดหู
            นั่นสินะ
            รอยยิ้ม … ที่มีให้ผมเพียงคนเดียว
            พอผมไม่อยู่ก็เลยไม่ได้ยิ้มเลย
            “ว๊า พี่ป่านผมยาวกลายเป็นฮิปปี้” ไอ้เด็กช่างตีมันล้อเลียนยกใหญ่ ผมจับผมตัวเองที่ยาวจนถึงคอ
            “หล่อเลยกู” ผมยิ้มบางๆแล้วมองดวงตาสีเทาของนาทีนิ่งๆ เรื่องที่จุกอกก็อยากจะพูดมันออกมา แต่อีกใจก็อยากจะเก็บมันไว้ข้างหลังแล้วเริ่มใหม่ต่อไป ไม่อยากขุดคุ้ย
            “มึงรู้แล้วใช่มั้ยว่ากูเป็นโรคอะไร…” ผมถามนาทีขึ้นมา นาทีขมวดคิ้วก่อนจะกอดผมเอาไว้
            “รู้…”
            “…” ผมนิ่งไป หมอคงบอกมันแล้ว…
            “มึงเป็นโรคขาดกูไม่ได้ไง”
            ทันทีที่มันตอบผมก็แทบจะชกมันให้ลงไปนอนกองที่พื้น ถ้าไม่ติดว่าแขนเองก็ไม่มีแรงจะขยับซักเท่าไร ผมนั่งนิ่งๆแล้วยิ้มมุมปากออกมา คนตรงหน้าหัวเราะร่า รอยยิ้มที่คิดว่าจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว
            อย่างน้อย … ผมก็ได้กลับมาเจอนาที
            ไม่เห็นต้องบอกเลยว่าผมเป็นอะไร…
            ในเมื่อหลังจากนี้ … มันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก
            “หมอรักษาให้มึงแล้วนะ แต่อาจจะยังไม่หายขาด มึงต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายเบาๆสม่ำเสมอ ห้ามเลือดออกเยอะ แล้วก็ห้ามออกแรงเยอะ” นาทีว่าแล้วดีดหน้าผากผม ผมพยักหน้าหงึกๆ
            เป็นเพราะว่าวันนั้นผมวิ่งแล้วก็วิ่ง ท่ามกลางแสงแดด เลือดเลยไหลไม่หยุด บวกกับว่าผมเป็นโรคเลือดแห้งช้าและเลือดจางเลยทำให้เป็นลมง่าย ยิ่งเสียเลือดก็ทำให้หมดสติง่ายเหมือนกัน
            ไม่ได้เป็นไรน่ากลัวขนาดพวกโรคมะเร็งเม็ดเลือดหรอก
            นะจ๊ะ
            “ทีหลังอย่าปิดบังอะไรกูอีก” นาทีพูดขึ้น สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด คิ้วสวยขมวดเข้าหากันจนกลายเป็นโบว์ขนาดใหญ่ ผมพยักหน้าแต่ก็อีฟไว้ด้านหลัง
            “กูมีชู้ว่ะนาที” ผมพูดติดตลก
            “หายดีแล้วมึงไม่ต้องลุกจากเตียง”
            “ไอ้ห่า ทะลึ่งตลอดล่ะมึง”
            “ทะลึ่งแต่ก็รัก” นาทีหัวเราะเบาๆแล้วนั่งลงข้างๆผม ผมเอามือแตะใบหน้าของนาทีอีกครั้งและอีกครั้ง ดวงตาที่สวยจนน่าหลงใหล จมูกโด่งที่คอยคลอเคลียเหมือนลูกแมว ริมฝีปากสีซีดที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ใบหน้าเรียวมน
            มองกี่ที ก็ไม่เคยเบื่อเลยจริงๆ
            "กูพูดจริงๆนะป่าน เป็นอะไรต้องบอกกู เพราะจี้ไม่บอกกูเลยเสียจี้ไป" ผมชะงักกึก นั่นสินะ
            "อืม" ก่อนจะตอบตกลงไป ไม่ใช่ขอไปที แต่ผมตั้งใจจะบอกจริงๆ นาทีขยี้หัวผมเบาๆ ผมแลบลิ้นใส่นาทีแล้วมองขาของตัวเอง ต้องกายภาพบำบัดหนึ่งอาทิตย์เลยเหรอ …
            ถ้าผมมีแรงฮึดซักอย่าง ไม่มีอะไรที่ไอ้ป่านทำไม่ได้หรอกว่ะ!
            ว่าแต่…
            “หญิงเป็นไงบ้าง?” ผมถามนาที คนตรงหน้าชะงักไปก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ที่เดิมที่ตอนตื่นมาผมเห็นมันนั่งอยู่ ผมมองหน้านาทีที่หลบสายตาอย่างไม่เข้าใจ
            “นาที…”
            “ถ้ากูบอก … มึงอย่าร้องไห้นะ” นาทีว่า ผมเงียบนิ่งอยู่เฉยๆ… รอฟังจากปากของคนตรงหน้า แม้หัวใจจะเต้นรัวด้วยความรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรเกิดขึ้นก็ตามเถอะ
            ก็ผมหลับไปตั้งสองเดือนนี่…
            “แต่มึงคงไม่ร้องหรอกมั้ง ขนาดขาเดินไม่ได้ยังกลั้นซะจนตาแดงไปหมด” ผมยู่ปากใส่คนตรงหน้า
            “มึงพูดความจริงนะ ไม่เอาเรื่องโกหก…”
            “อือ ไม่โกหก บาป” แหมะ พึ่งจะสำเหนียกสินะ
            “ว่ามาสิ”
            “น้องหญิงฆ่าตัวตายหลังจากที่มึงหลับไปเจ็ดวัน …”
 
             *
 
            สองเดือนต่อมา…
            ผมยืนอยู่หน้าป้ายสลักหินอ่อนสีสวยที่มีดอกไม้สดวางรายล้อม ผมยืนอยู่ในสวนสวยที่เอาไว้ฝังร่างกายของผู้ที่ตายแล้วเพื่อส่งกลับคืนธรรมชาติ สังเกตได้จากบริเวณนี้มีหญ้าที่เขียวสดตลอด เพราะร่างกายของมนุษย์ทำให้หญ้าบริเวณนี้เติบโต ป้ายถูกสลักชื่อของผู้หญิงที่ผมเคยรักและจะรักตลอดไป
            ผมวางดอกทิวลิปสีส้มลงตรงกลางของป้ายหลุมศพ
            ไม่มีน้ำตาซักหยด
            เหมือนครั้งที่พ่อหลับไป
            ไม่ใช่เพราะไม่เสียใจ … แต่ความเสียใจ มันร้องไห้อยู่ข้างในจนปวดร้าวไปหมด
            น้องหญิงฆ่าตัวตายหลังจากที่ผมหลับไปหนึ่งอาทิตย์ คุณพ่อกับคุณแม่แทบขาดใจเมื่อผมไปหาพวกท่านที่บ้าน พวกท่านเก็บจดหมายที่น้องหญิงเขียนให้ผม ผมเป็นคนแรกและคนเดียวที่จะได้อ่านมัน ส่วนเรื่องคดีที่เธอจงใจจะฆ่าลูกชายบ้านธาราทรัพย์ ก็ถูกปิดตายไปอย่างถาวรพร้อมๆกับลมหายใจของหญิงที่หายไปจากโลกใบนี้ ผมโทษอะไรเธอไม่ได้ ตัดพ้อไม่ได้ เพราะน้องหญิงเลือกทางเดินนั้นแม้ผมจะพร่ำบอกกับเธอว่าอย่าจากไปไหน ผมเสียใจ เสียใจจริงๆ
            ทั้งจดหมาย …
            มีแต่คำขอโทษแต่ขอให้ผมให้อภัยเธอ น้องหญิงไม่เคยคิดจะทำร้ายใคร แต่เพราะเธอมีผมเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เธอมีอยู่ เธอขอโทษที่ไม่เคยเห็นค่าความรักของผมเลยซักครั้ง เธอขอโทษที่ทำให้ผมต้องหวาดกลัวและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
            เธอคิดว่าการตายของเธอ อาจจะช่วยให้ใครหลายๆคนได้ฉุกคิด
            ว่าให้เรา หันมองคนที่รักเราบ้าง ไม่ใช่ไขว่คว้าหาแต่คนที่เรารักแต่เขาไม่เคยสนใจเรา
            คำขอโทษพร้อมกับกระดาษที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา
            ทั้งๆที่ผม เป็นคนที่สมควรพูดคำนั้นที่สุด
            ผมอาจจะเห็นแก่ตัวที่ทำลายชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งลงไป…
            แต่ผมกำลังมอบชีวิตใหม่ให้กับผู้ชายอีกคนหนึ่ง
            มือหนาๆของนาทีจับมือผมแผ่วเบา ผมมองใบหน้าของนาทีที่นิ่งสงบ เลือดที่ไหลวนอยู่ในร่างกายของผู้ชายคนนี้ ริมฝีปากที่มีสีเลือดจางๆ ลมหายใจที่ยังมีอยู่ ใบหน้าที่อิ่มเอิบ
            น้องหญิงทิ้งท้ายที่จดหมายไว้ว่า
            ในเมื่อหญิงยกป่านให้นาทีแล้ว บอกนาทีให้ดูแลป่านดีๆ
            อย่าทำให้ป่านเสียใจ เหมือนอย่างที่หญิงทำ

            และนาที … ก็รับรู้แล้ว
            ผมมองขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะปล่อยให้หยดน้ำตาไหลออกมาบางเบา ผมเชื่อว่าน้องหญิงต้องอยู่บนนั้น เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักและดีสำหรับผม ไม่ว่าใครจะมองแบบไหนก็ตาม
            “หลับให้สบายนะ …”
            ขอบคุณ ที่เกิดมาเพื่อให้ผมได้รู้จักปกป้องใครซักคน
            ขอบคุณ ที่เกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนกับผมคนแรก
            ขอบคุณ ที่ไม่ปล่อยให้ผมเดียวดาย
            ขอบคุณ ที่ไม่พรากนาทีไปจากผม
            ป่านรักหญิง
            ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
            เธอจะยังคงอยู่ในความทรงจำของผม
            ไปตลอดกาล…






TBC
เหลือบทส่งท้ายอีกหนึ่งตอนเรื่องนี้ก็จะจบลงแล้วนะคะ
ขอบคุณทุกๆคนมากเลยที่เข้ามาหาป่านกับนาที ถ้าเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนยิ้มกันออกหรือสนุกไปด้วย
ก็ถือว่าซี่ได้ทำหน้าที่ในฐานะคนโพสต์สำเร็จแล้วล่ะ 555 ขอบคุณพี่ jiwinil อีกครั้งที่ยอมให้นำนิยายมาเผยแพร่

ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
«ตอบ #142 เมื่อ19-03-2014 20:13:27 »

การหาทางออกของปัญหาแต่ละคน  :เฮ้อ:
อ่านแล้วหน่วงนิดๆ แต่ก็ชอบค่ะ ++

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
«ตอบ #143 เมื่อ19-03-2014 20:49:42 »

นึกว่าป่านจะตายเสียอีก



สองเดือนที่นาทีรอคอย





รออ่านบทส่งท้ายครับ

ออฟไลน์ killerofcao

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
«ตอบ #144 เมื่อ19-03-2014 21:11:22 »

ง่ะ

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
«ตอบ #145 เมื่อ19-03-2014 21:33:24 »

ตกใจมาก นึกว่าจะจบแบบเศร้าสะแล้ววว  :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
«ตอบ #146 เมื่อ19-03-2014 23:29:33 »

 :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
«ตอบ #147 เมื่อ21-03-2014 09:15:35 »

อ่านตอนแรกตกใจมากอ่ะ ใจหายแวบเลย

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
«ตอบ #148 เมื่อ29-03-2014 09:43:19 »

 :z10: ปมน้องหญิงยังไม่ค่อยเคลียร์

แต่เอาเถอะค่ะ ป่านสู้ๆนะคะ

ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep27] 19/3/57
«ตอบ #149 เมื่อ30-03-2014 00:14:06 »

28



 
กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น
            เพราะสัญญากันว่าถ้าปิดเทอมจะมาญี่ปุ่น ตอนนี้ผมกับนาทีก็เลยมาหยุดอยู่ที่หน้าบริษัทใหญ่โตแห่งหนึ่ง ผมกระชับผ้าพันคอให้เข้าที่ จัดการตัวเองให้ดูดีไม่มีที่ติก่อนจะมองขึ้นไปยังสิ่งก่อสร้างที่มีส่วนประกอบเป็นกระจกเกือบ 90 %
            บริษัทที่แม่ของนาทีทำงานอยู่
            “พร้อมยัง?” ร่างโปร่งเจ้าของดวงตาสีเทาหันมาถามผม ผมพยักหน้า
            พร้อมตั้งแต่ขึ้นเครื่องแล้วจ้า
            ว่าแล้วนาทีก็พาผมเดินเข้าไปในบริษัทหรูก่อนจะตรงไปที่ลิฟต์ ความตื่นเต้นและความกดดันที่จะได้เจอแม่นาทีเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนผมต้องกำมือแน่นในกระเป๋าเสื้อโค้ทที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นในหน้าหนาวของที่นี่  เพราะตั้งใจจะมาเจอคุณแม่ก่อนจะไปเที่ยว หลังจากลงเครื่องนาทีก็เลยพาผมตรงมาที่บริษัทแม่ทั้งๆที่แบกกระเป๋าเดินทางพะรุงพะรังมาด้วย
            แถมไอ้พวกลูกช่างย้ำมันก็ย้ำจัง ทั้งพี่วิน พี่นารา พ่อนาที และตัวไอ้นาทีเอง ทุกคนย้ำว่าคุณแม่เป็นคนที่ดุและน่ากลัวมาก แม้แต่พ่อยังกลัวคุณแม่เข้าไส้ ลูกชายยังไม่กล้าหือ ผมเลยรู้สึกกดดันเล็กน้อยแต่ก็คิดว่ามันน่าจะผ่านไปด้วยดี … เหรอวะ
            ปกติผมไม่กลัวอะไรนะเว้ย จริงๆนะ
            ‘ติ๊ง’
            ลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นที่เริ่มจะทำให้ผมหายใจไม่ทั่วท้อง นาทียิ้มให้ผมก่อนจะกดจูบเบาๆลงบนริมฝีปากผมอย่างรวดเร็วแล้วถอนออก
            “เชี่ย ทำไรไม่รู้ที่รู้ทาง” ผมบ่นอุบ นาทีทำหน้านิ่ง
            “ก็ปากมันอยู่ตรงนั้นพอดี”
            “สตอ” ผมว่าคนข้างๆก่อนจะค่อยๆเดินออกจากลิฟต์ หัวใจเต้นตุ้มๆต่อมๆเมื่อพบกับห้องกระจกมากหน้าหลายตา พนักงานหลายคนเดินพลุกพล่านยุ่งวุ่นวายไปหมด ทุกคนกำลังยุ่งกับหน้าที่ของตัวเอง
            บางทีอาจจะมารบกวนแม่ก็ได้
            “จะไม่รบกวนแม่มึงเหรอวะ?” ผมถามนาที นาทีส่ายหน้า
            “ไม่ …” ร่างโปร่งว่าก่อนจะสอดสายตาไปทั่วบริเวณ มันชะงักไปเมื่อสบตากับชายร่างเล็กคนหนึ่งผู้มีใบหน้าออกญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ผมมองร่างเล็กของผู้ชายวัยกลางคนที่เดินเข้ามาหานาที
            อย่ารัวเจเปนิสกับกูเด็ดขาดนะ สมองผมจะรวนได้
            “คุณชาย สวัสดีครับ!” สำเนียงภาษาไทยชัดแจ๋วของคนตรงหน้าทำให้ผมโล่งอกขึ้นนิดหน่อย นาทีก้มหัวให้ชายตรงหน้า
            แล้วไอ้คำเรียก คุณชาย นี่มัน … อะไรวะ
            “แม่ล่ะ?”
            “คุณผู้หญิงอยู่ทางนี้ครับ เชิญเลย”
ชายร่างเล็กว่าพลางผายมือตรงไปด้านหน้าเพื่อให้พวกผมเดินตามไป ทางปูด้วยพื้นพรมสีครีมดูหรูและสบายไปกับไฟสีส้ม กระจกบานใหญ่ที่ติดเรียงรายเผยให้เห็นความสวยงามของกรุงโตเกียวในค่ำคืนที่ลมหนาวปกคลุมไปทั่วบริเวณ ร่างเล็กของชายวัยกลางคนหยุดยืนที่หน้าห้องกระจกที่คั่นด้วยกระจกขุ่น ซึ่งอยู่ห่างจากจุดพนักงานทั่วไป ก่อนจะผายมือให้นาที
            “เชิญครับ”
            “ขอบคุณ” ท่าทีหยิ่งยโสของนาทีปรากฏขึ้นอีกครั้ง ผมส่ายหน้ากับมัน
            ปกตินาทีก็เป็นคนหยิ่งแบบนี้อยู่แล้ว แต่พออยู่กับผมแม่งกลายเป็นเด็กชายนาทีทันที
            มือหนาของนาทีเคาะลงบนกระจกขุ่นนั่นก่อนจะดันมันเข้าไป มืออีกข้างยื่นมาจับมือผมแล้วลากเข้าไปในห้อง ผมค่อยๆเดินเข้าไปเหมือนเพนกวินหัดเดิน ก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นแผ่นหลังของผู้หญิงร่างเพรียวในห้อง คุณแม่สวมชุดทำงานสีดำ มือของคุณแม่กำลังถือโทรศัพท์อยู่ คงจะคุยธุระอะไรซักอย่าง นาทีพาผมไปนั่งที่โซฟา
            ห้องนี่หรูเป็นบ้าเลย … อนาคตฝันว่าจะได้ทำงานที่นี่บ้าง
            “Thank you very much” สำเนียงภาษาอังกฤษดังขึ้นพร้อมกับมือเรียวที่กดวางสาย เจ้าของร่างเพรียวผู้มีผมยาวสีดำสนิทถึงกลางหลังค่อยๆหันหน้ามาแล้วมองนิ่งตรงมาที่โซฟา
            คนตรงหน้าผมมีดวงตาสีเทาอ่อนจนแทบจะเรียกได้ว่ากลายเป็นสีฟ้า ใบหน้าที่ราวกับผู้หญิงวัยแรกรุ่นนิ่งไป จมูกโด่งสวย คิ้วที่เรียวได้รูป ริมฝีปากรูปกระจับสีแดงแป้ดที่เจ้าตัวทาลิปสติกลงไป
            สวยโคตร…!!!!
            “แกเป็นใคร” คำพูดที่คุณแม่พูดออกมาทำเอาผมแทบจะสำลัก! นาทีนั่งพิงโซฟาแล้วเอาขาขึ้นมาไขว้อย่างไร้มารยาท ผมดึงขานาทีลงแต่มันก็ยังจะดึงดันที่จะวางไว้แบบนั้น
            “คนหล่อ” นาทีพูดแล้วยักคิ้ว ผมชักจะเริ่มไม่แน่ใจว่าใช่แม่ลูกกันจริงๆ
            เพราะคนตรงหน้าผม เป็นผู้หญิงที่หน้าเด็กอย่างกับคนอายุ 20 กว่าๆ
            “อุ้ยตาย ช่างกล้า” คุณแม่ว่า ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ทำงาน
            “ลืมลูกชายตัวเองไปแล้วหรือไง”
            “ฉันไม่เคยมีลูกชายหลงตัวเอง”
            ว้อท?!
            ราวกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านทั้งสองดังเปรี๊ยะๆ ผมนั่งนิ่งเป็นหุ่น
            “มาทำไม”
            “พาเมียมาโชว์” ผมตะครุบปากคนข้างๆแทบไม่ทันพลางหัวเราะแหะๆให้คุณแม่ ไอ้ห่านี่ปากปีจอ!!! คุณแม่เลิกคิ้วสงสัยก่อนจะกดปากกาในมือเล่นแล้วกวักนิ้วเรียกผมไปใกล้ๆ นาทีผลักผมให้เดินไป ผมลุกจากโซฟาแล้วเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานที่มีร่างเพรียวนั่งอยู่
            “ก้มหน้ามาใกล้ๆซิ” คนตรงหน้าให้ความรู้สึกแบบพี่นารายังไงชอบกล กดดันแปลกๆเหมือนตอนอยู่กับพี่วิน แถมยังดูมีอำนาจเหมือนกับคุณพ่อ ผมก้มหน้าลงไปใกล้คุณแม่ มือเรียวจับคางผมแล้วพลิกไปมาเหมือนกับจะสำรวจอะไร
            “ผิวดีนี่” คุณแม่ว่า ก่อนจะปล่อยคางผม
            “แต่ฉันอยากได้หลาน แล้วก็อยากได้คนไปช้อปปิ้งด้วย” ผมชะงักไปก่อนมือของนาทีจะโอบเอวผมเอาไว้จากด้านหลัง คางของนาทีวางลงบนไหล่ของผม
            “แต่ผมรักป่าน” นาทีว่าแล้วนิ่งไป ผมมองหน้าคุณแม่ที่เงยหน้ามองลูกชาย
            “แต่ฉันอยากได้ลูกสะใภ้”
            “อย่าเรื่องมากน่า ไม่เอาผู้หญิงแรดๆมาให้ก็ดีเท่าไรแล้ว!” นาทีเริ่มงอแง คุณแม่เบะปากอย่างไม่พอใจ
            “ฉันจะเอาลูกสะใภ้!!!!” คุณแม่ตบโต๊ะดังปัง!
            “จับป่านไปแต่งหญิงไง!!!!”
            “จะบ้าเหรอ!!!” ผมหยิกหูนาทีแล้วกระซิบเบาๆพอให้ได้ยินกันสองคน ความคิด ประสาทแล้ว!!!
            “ถ้าอย่างนั้น มาดูกันว่าแฟนแกจะร้อนแรงได้ขนาดไหน ถ้าแฟนแกทำได้ ฉันจะอนุญาตให้คบ!”
            ผมเบิกตากว้าง คำๆนี้คุ้นๆนะ … นาทียิ้มมุมปากแล้วหอมแก้มผม
            “ผมมั่นใจ ว่าป่านชนะขาดลอย!!!!”
            เฮ้ย…
            ผมยังไม่ได้
            ตอบตกลงเลยนะโว้ยยยยยยย!!!!!
 
            ผมมายืนนิ่งอยู่ที่ผับในโตเกียว ผับใต้ดินที่เขาว่ากันว่าเป็นศูนย์รวมของวัยรุ่น ร่างเพรียวหุ่นนางแบบของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของคนรักยืนอยู่ตรงหน้าภายใต้ชุดแซคสีดำอวดหุ่นเรียวสวย ผมกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ ไม่ได้คิดอะไรอกุศลกับแม่ของนาทีนะ แต่แบบ … ผู้หญิงคนนี้อายุปาเข้าไปจะห้าสิบแล้ว แต่ยังสวยเช้งกระเด๊ะ แถมอีกอย่าง …
ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้มีมาตรฐานในการคัดแฟนของลูกชายได้น่ากลัวแบบนี้!
            “ฉันจะให้เธอคบกับลูกชายฉัน” คุณแม่ว่าพลางรินวอดก้าแล้วยัดใส่มือผม ก่อนจะรินใส่แก้วของตัวเองแล้วกระดกรวดเดียว ผมมองคนตรงหน้าอึ้งๆ นี่มันคุณแม่ขาลุยนี่หว่า!
            “ถ้าเธอชนะใจคนดู” นิ้วเรียวชี้ไปยังบาร์น้ำที่อยู่ตรงกลางหมู่วัยรุ่นญี่ปุ่น ผมกลืนน้ำลายอีกครั้งแล้วมองนาทีที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงขาเดฟสีขาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมสวมเพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขาเดฟสีดำ พวกเราถอดเสื้อโค้ทไว้ที่ห้องฝากเสื้อด้านนอกเพราะด้านในนี้อุ่นจนแทบร้อน
            “ถ้าป๊อด ก็กลับบ้านไปกินนมซะ!”
            ยอมกลับดีไหมวะเนี่ย…
            “มึง…” นาทีดึงผมให้ออกห่างจากคุณแม่ ก่อนจะกระซิบข้างหูผม
            “ทำนะ ไม่งั้นแม่ไม่ให้มึงคบกับกูแน่” ผมมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเซ็งๆ นาทีอ้อนผมเล็กน้อย
            “กูไม่อยากคบแล้วไอ้สัด”
            “ป่าน” นาทีกดเสียงต่ำ ผมเบะปากแล้วแทบจะบีบคอคนตรงหน้า
            “กูทำไม่ได้”
            “มึงต้องทำได้ คิดถึงตอนที่มึงเต้นที่สนามแข่งรถดิวะ” ผมเบิกตากว้างพลางมองหน้านาที
            “มึงเห็น?”
            “อือ …” มือหนาจับเอวของผม ก่อนลมหายใจอุ่นๆจะเป่ารดที่ต้นคอ “มึงร้อนแรงมาก”
            “บ้าแล้วไง” ผมว่า ก่อนจะขยี้หัวอย่างเสียอารมณ์
            “กูรักมึงป่าน ทำให้แม่เห็นว่าแฟนกูไม่ใช่ไอ้ไก่อ่อน” นาทีว่าแล้วกดจูบที่ต้นคอของผมแรงๆ ผมนวดต้นคอของตัวเองเบาๆพลางพลิกไปมา
            “มีของตอบแทนหรือเปล่า?”
            “ถือว่าเป็นเดทแรกแล้วกัน”
            เอิ่ม..
            เดทแรกบ้านมึงให้กูเต้นยั่วโชว์เนี่ยนะ
            ใครเขาทำกันวะ!!!
            ก่อนนาทีจะผลักผมออกแล้วพยักพะเยิดหน้าไปที่บาร์น้ำด้านหน้าที่น่าจะเป็นจุดรวมความสนใจ ริมฝีปากสีซีดคลี่ยิ้มพร้อมกับยกแก้วเชียร์ให้ผม ผมหันไปมองคุณแม่ที่ยกแก้วเชียร์ให้ผมอีกคน ให้ตายเถอะ
            การจะเป็นแฟนของลูกชายบ้านนี้
            แม่งต้องถวายตัวจริงๆ
            ถ้าไม่ติดว่าผมรักไอ้นาทีล่ะก็ ผมไม่ยอมแน่
            ผมกระดกแก้ววอดก้าเข้าปากรวดเดียว ขมแสบไปถึงลิ้นปี่ ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดแรกแล้วดึงชายเสื้อออกมาจากกางเกง ไม่มีอะไรที่ไอ้ป่านทำไม่ได้ อยากเจอผมร้อนแรงงั้นเหรอครับคุณแม่สุดสวย งั้นเอาให้ฟลอร์มันไหม้ไปเลยแล้วกัน หึหึหึ
            ผมก้าวขาเดินไปตรงฟลอร์แถวๆบาร์น้ำ ก่อนจะมองไปรอบข้างที่มีวัยรุ่นเต้นกันราวกับเป็นเรื่องปกติ ผมค่อยๆเริ่มเต้นตามพวกเขาเหมือนกับตอนที่อยู่ที่สนามแข่งรถ ปล่อยให้หัวมันหมุนไปตามจังหวะเพลง รู้ตัวอีกที ก็กลายเป็นว่าผมกลายเป็นจุดเด่นของงานไปแล้ว

NATE PART
            ผมแท็คมือกับคุณแม่ก่อนจะกระดกวอดก้ารวดเดียวเข้าปากแล้วมองร่างโปร่งเจ้าของผิวขาวซีดที่ยืนเต้นอยู่กลางฟลอร์ เอวคอดๆที่เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ว่ามันมีผลต่อหัวใจของใครหลายคนกำลังส่ายไปมาเบาๆเหมือนเด็กหัดเต้น กล้าๆกลัวๆอยู่ตรงฟลอร์ที่มีวัยรุ่นญี่ปุ่นเต้นกันสุดเหวี่ยง ผมหัวเราะกับภาพตรงหน้าก่อนจะนั่งลงข้างคุณแม่
            “เล่นละครเก่งเหมือนเดิมนะป้า” ผมว่าพลางชนแก้ว คุณแม่หันมาดีดหน้าผากผม
            “เพราะแกขอต่างหากล่ะ เจ้าเด็กนั่นไปไม่เป็นเลย” คุณแม่ยิ้มแล้วจุดบุหรี่ขึ้นสูบ ผมยิ้มมุมปาก
            ใช่ ผมเป็นคนวางแผนให้แม่เป็นคนบอกป่านเองว่าถ้าป่านร้อนแรงไม่ถึงใจจะไม่มีทางได้เป็นลูกสะใภ้ ซึ่งก็แน่นอน ป่านต้องหลงรักผมเต็มๆแน่ถึงได้ไม่เถียงซักคำ
            น่ารักจังแฟนผม :)
            ผมมันเจ้าแผนการ ผมไม่บอกหรอกว่าผมทำอะไรไปบ้าง
            แต่ผมได้ป่านมาไว้ในครอบครองจนได้
            ผมรักป่าน เหมือนกับที่รักแองจี้ ในอดีตผมเคยคิดแบบนั้น แต่เมื่ออยู่ไปด้วยกันนานๆ ป่านกับจี้ไม่ได้คล้ายกันอย่างที่ผมเคยคิด ผมไม่เคยรักใครได้ขนาดนี้ ซึ่งป่านเป็นคนแรกที่ทำให้ผมหลงจนไม่อยากจะละไปไหนซักวินาทีเดียว ป่านมีความคิดเป็นของตัวเอง เข้มแข็งซะจนตัวผมเองยังอยากได้ความเข้มแข็งนั้น แม้กระทั่งตอนที่ป่านกำลังจะหลับไป ริมฝีปากยังคงคลี่ยิ้มและหัวเราะให้ผมอยู่เลย นั่นทำให้ผมอยากกอด อยากจูบ อยากสัมผัสป่านตลอดเวลาจนผมคิดว่าผมต้องกลายเป็นบ้าแน่ๆ
ผมสัญญา … สัญญาว่าผมจะรักหมอนี่ให้นานที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถทำได้
            เพลงจังหวะหนักๆถูกเปิดขึ้นมาพร้อมกับร่างของป่านที่เริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมนั่งนิ่งมองร่างโปร่งที่ผมหลงใหล ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ผมละสายตาจากใบหน้าหล่อๆของมันไปไม่ได้ ป่านไม่ใช่คนสวย ไม่ได้มีใบหน้าหวานเหมือนนารา แต่ป่านเป็นผู้ชายหล่อถึงหล่อมาก
            และหุ่นพอดีมือมากด้วย
            ร่างโปร่งเริ่มจะสนุกกับการเต้น ป่านเริ่มเลื้อยจนกลายเป็นว่าเต้นยั่วไปซะอย่างนั้น ผมไม่หวงแฟนถ้าไม่มีใครเข้ามายุ่ง แต่ผมอยากจะรู้ว่าแฟนผมร้อนแรงได้ขนาดไหน
            มองในมุมของผม ป่านเป็นแค่ผู้ชายเฉิ่มๆเชยๆที่มีทัศนคติที่ดีต่อโลก
            แต่ถ้ามองในมุมของคนอื่น ป่านอาจจะเป็นลูกนกที่พร้อมจะโดนขย้ำอยู่ตลอดเวลา
            ป่านเริ่มส่ายสะโพกแล้วยกมือขึ้นเหนือหัว ท่าทีผู้หญิงมักจะเต้นกลับมาปรากฏบนร่างกายของคนที่ผมรัก ไอ้แวนดิลคงสอนแฟนผมดีจริงๆ หึ ยั่วซะจนคนแถวนั้นเคลิ้มเชียว ป่านปีนเก้าอี้ตรงบาร์ก่อนจะขึ้นไปยืนอยู่บนบาร์น้ำ ชายเสื้อที่หลุดลุ่ยพร้อมกับผิวขาวนั่นตราตรึงใจหลายๆคน
            “ใช้ได้นี่…” คุณแม่ว่า ก่อนจะเดินหายออกไป แม่ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ท่านก็แค่มาผ่อนคลาย ยังไงคุณแม่ก็ยอมรับทุกสิ่งที่ผมจะทำอยู่แล้ว ไม่ว่าป่านจะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม
            ผมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ปรายสายตาไปมองคนที่เต้นจนทำให้ผับร้อนแรงไปหมด วัยรุ่นหลายๆคนเริ่มหยุดเต้นและหันมาสนใจคนที่ส่ายเอวอยู่บนบาร์น้ำ บ้างก็ร้องโห่ บ้างก็ยัดเงินให้กับป่าน เบียร์เย็นๆถูกสาดไปทั่วบริเวณจนร่างโปร่งเปียกโชก เสื้อเชิ้ตสีขาวลู่ลงกับผิวกาย สิ่งที่ปรากฏให้เห็น
            ทำให้ใครหลายคนร้องโฮออกมา
            ผิวขาวซีดภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวนั่น กับร่างกายที่ยั่วยวน
            ผมแทบคลั่งจนจะบ้า
            มือของหลายๆคนเริ่มสะเปะสะปะไปมาบนร่างกายของป่าน กระดุมถูกปลดออกจนหมดด้วยมือขาวซีดนั่น ใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีจัดเพราะอาการที่เริ่มจะเมาจากวอดก้าเพียว ผมกระตุกยิ้ม ก่อนจะมองจ้องเจ้ามือยุบยับที่คอยแต่จะรั้งป่านแล้วสัมผัสร่างกายป่าน มือของพวกผู้ชายที่ละจากการเต้นมายืนมองแฟนผมที่ส่ายเอาอย่างยั่วยวนบนบาร์น้ำ
            มือของใครคนหนึ่งเอื้อมไปเพื่อจะจับน้องป่านน้อยที่ผมเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว ผมปราดเข้าไปก่อนจะจับมือนั้นไว้แทบจะทันที เจ้าของมือหันมาเหมือนจะหาเรื่อง ผมเงยหน้ามองเจ้าของร่างโปร่งที่หยุดเต้น ดวงตาสีน้ำตาลของป่านจดจ้องมาที่ผม
ผมยิ้มมุมปากก่อนจะยื่นมือข้างซ้ายไปหาป่าน มือของป่านจับมือผมแล้วกระโดดลงมาที่พื้น ผมรั้งเอวป่านเข้ามาใกล้ด้วยมือซ้ายก่อนจะบดเบียดริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากสีส้มสุขภาพดีที่เผยอขึ้นด้วยความไม่รู้ตัวอย่างร้อนแรง ก่อนจะไล่จูบไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นคอ ยันไหปลาร้า และไหล่ขาวเนียนนั่น ป่านยังคงเต้นไปตามเพลง ผมจับเอวคอดๆนั่นไว้

            มือขวายังคงจับมือคนที่จ้องจะลวนลามแฟนผม ผมจูบที่ริมฝีปากของป่านเหมือนเด็กติดลูกอม เหมือนเด็กติดขนม แม้มันจะไม่หวาน แต่ก็ทำให้ยากต่อการที่จะละออก เหมือนป่านจะเริ่มหายใจไม่ออก มันใช้ฟันงับลงบนริมฝีปากผมจนเลือดซิบ ผมจึงละออกจากริมฝีปากที่แสนขี้โมโหนั่นแล้วเลียริมฝีปากของตัวเองพลางหันไปมองเจ้าของมือตัวเตี้ยที่มองผมอย่างไม่พอใจ ก่อนจะชกหน้ามันไปจนเกิดจราจลเล็กน้อย
          “Sorry man … He’s my boyfriend”
             เมียข้าใครอย่าแตะเว้ย!!!!
 
PARN PART
            “อ้วก!!!”
            ผมโก่งคออ้วกอยู่หน้าผับอย่างเหลืออด ปวดหัวตื้บๆเพราะวอดก้าเพียวที่กระดกไปไม่รู้กี่แก้ว มีนาทีคอยพยุงอยู่ด้านข้าง น้ำเปล่าถูกกระดกลงไปในลำคอของผมเพื่อกลั้วปาก เสื้อที่เปียกชุ่มด้วยเบียร์ถูกแทนที่ด้วยเสื้อโค้ทหนังสัตว์ราคาแพงเพื่อเพิ่มความอบอุ่น นาทีพาผมขึ้นรถสปอร์ตอีกคันของคุณแม่ที่ยกให้ระหว่างที่พวกผมอยู่เที่ยวที่โตเกียว
            บอกแล้วไง
            ว่าไอ้นาทีบ้านรวย
            แต่ลูกชายคนเล็กสันดารแย่มาก
            มันไปชกคนในผับจนเขาวุ่นวายกันไปหมดแล้วลากผมออกมาจากผับเพื่อหลบเท้าของคนด้านใน
            เป็นเดทที่น่าประทับใจจังเอ้ย
            “ปวดหัวว่ะ” ผมนั่งลงที่ข้างคนขับก่อนจะตกใจเมื่อนาทีปรับเบาะผมให้นอนราบ ร่างโปร่งเข้ามาทาบทับผมอย่างรวดเร็วอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากสีซีดมอบจูบอันเร่าร้อนให้ผมจนได้ยินเพียงแค่เสียงหอบหายใจ ผมตบหน้าไอ้ทีอย่างแรงจนมันร้องโอ้ยแล้วกุมปากก่อนจะยิ้มจนตาหยี
            “มึงสอบผ่าน”
            “เออ ลงทุนขนาดนั้น ไม่ผ่านให้มันรู้ไป” ผมบ่นอุบแล้วผลักนาทีออกแล้วปาดริมฝีปากของตัวเอง
            เป็นเดทแรกที่ผมขยาดมากที่สุดในโลกเมื่อนึกถึงมือที่เอื้อมมาเพื่อจะลวนลามร่างกายของผม
            ยี๋
            ขนลุก!
            “จำได้เปล่าว่ากูเคยสัญญาอะไรไว้” นาทีโพล่งขึ้นมา ผมหันไปมองหน้ามันนิ่งๆ
            “ไม่อ่ะ รกสมอง”
            “ป่าน ตกลงรักกูจริงหรือเปล่าวะเนี่ย” นาทีเบะปาก ผมหัวเราะ
            “โอ๋ไม่ร้องนะ รักดิ ว่าไงวะ กูอยากนอนแล้วปวดหัว” ผมว่าก่อนจะกระชับเสื้อโค้ทให้แนบเนื้อมากขึ้น เพราะหิมะเริ่มจะตกลงมาจากฟากฟ้าแล้ว สีขาว ผมไม่เคยเห็นเลย
            ตื่นเต้นว่ะ
            “อ่ะ!” นาทีโยนอะไรบางอย่างใส่หน้าผม กระแทกหน้าผมอย่างจัง ผมร้องโวยวายแล้วปารองเท้าใส่หน้าไอ้นาทีด้วยความโมโห ก่อนจะหยิบผ้าสีแรดๆของอะไรบางอย่างที่ตกอยู่ที่ตักของตัวเองขึ้นมาดู
            กางเกงในสีชมพูลายมินนี่เม้าส์!!!!!
            “ไอ้บ้านาที นี่มึง!!!” ก่อนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ภายใต้ผ้าสีชมพูนั่น ผมคลี่กางเกงในสีจี๊ดนั่นออกมาก่อนจะเจอกับสร้อยเชือกสีดำที่เข้ากับแหวนสีดำที่ผมสวมใส่อยู่
            ผมหันไปมองหน้านาทีนิ่งๆ นาทีกดจูบลงบนริมฝีปากผมเร็วๆและผละออก
            “รักมึง”
            ผมยิ้มออกมาบางๆก่อนจะยกสร้อยนั่นขึ้นมา นาทีโชว์สร้อยสีดำแบบเดียวกันที่สวมอยู่ที่คอของมัน
            “ทำตัวเป็นตุ๊ดไปได้… กูไม่ชอบใช้ของคู่หรอกนะ” ผมว่า ก่อนจะหยิบสร้อยขึ้นมาสวมแล้วหันไปกดจูบลงบนริมฝีปากของนาทีเร็วๆแล้วผละออกเหมือนกับที่มันทำ ก่อนจะชกหมัดลงไปแรงๆรัวๆที่แขนของไอ้นาทีจนมันร้องโอ้ยออกมา
            “ขอบคุณนะ รักมึง”
            “รักน้องจริงอย่าทิ้งน้องนะ”
            ไอ้ห่า เสี่ยวเกินไปแล้ว
นาทีทำท่าจะจับกางเกงผมกระชากลงอีกรอบ ผมหัวเราะแล้วตบหัวคนข้างๆก่อนจะเปิดประตูรถออกไปแล้ววิ่งหนีไอ้นาทีที่พยายามจะจับผมปล้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งๆที่บางครั้งมันก็โดนผมปล้ำกลับ แต่ดูเหมือนนาทีจะติดใจนะ
ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมา ผมรู้มีความสุขอย่างที่ไม่เคยได้มีมาก่อน
            “ไอ้บ้ากาม!!!”
            แม้จะเป็นคำพูดห้วนๆที่พูดให้กัน
            แม้จะไม่หวานเหมือนใครๆ
            แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรักกันได้ขนาดนี้
            แต่เพราะคำว่ารักมันไม่มีคำอธิบายสำหรับผม แค่รู้สึกดีๆที่อยู่ด้วย รู้สึกว่าถ้าขาดใครไปซักคนก็อาจจะเหมือนกับอะไรขาดไปซักอย่างจากร่างกายแต่ไม่ถึงกับตาย
            อนาคตผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วันนี้ วันพรุ่งนี้นาทีอาจจะหมดรักผม แต่ผมไม่เคยเสียใจเลย อย่างน้อยครั้งหนึ่ง คนที่ไม่เคยยิ้มให้ใครกลับยิ้มให้ผมเพียงคนเดียว คนที่ไม่เคยอ้อนใครกลับมาอ้อนผม
            แค่ที่เป็นอยู่ตรงนี้
            แค่การมอบชีวิตใหม่ให้นาทีในวันนี้
            ก็ทำให้ผมยิ้มออกมาทุกวัน
            จนคิดว่าตัวเอง
            ท่าจะบ้าไปแล้วแน่ๆ
            บ้ารักเนี่ยนะ?
            เมาแล้วไอ้ป่าน!
            “สนใจเอาเลือดหัวออกท่ามกลางหิมะสีขาวมั้ยวะ นาที!”
            ผมรักมันจริงๆนะ

            จะบอกให้





END
ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามมาโดยตลอดนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด