[ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep28-END] 30/3/57  (อ่าน 67232 ครั้ง)

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.10] 23/1/57
«ตอบ #30 เมื่อ25-01-2014 07:19:21 »

โอ้หญิงจะร้ายกาจขนาดนั้นจริงๆเหรอ


เรื่องราวซับซ้อนจังแล้วนาทีจะรักเหรอ

ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.11] 25/1/57
«ตอบ #31 เมื่อ25-01-2014 20:36:39 »

11

            ผมตื่นขึ้นมากลางดึกพลางมองไปยังเตียงด้านข้างที่มีร่างของนาทีนอนอยู่ ผมนอนไม่หลับ ให้ตายสิ พลางคว้านาฬิกาขึ้นมา ตอนนี้ประมาณตีสามครึ่ง ผมหัวถึงหมอนเมื่อตอนตีสองครึ่งหลังจากที่คุยกับไอ้นาทีเสร็จ บทสนทนาจบแค่ตรงนั้น … ตรงที่ว่ามันจะพาผมไปเจอกับความจริง
            มันจะงี่เง่าไปมั้ยถ้าผมไม่อยากจะรู้ความจริงอะไรนั่น
            ผมลุกขึ้นจากเตียงพลางเช็คว่าไอ้นาทีมันจะไม่ตื่นขึ้นมา ก่อนจะเปิดประตูห้องออกไปพร้อมกับใช้รองเท้ากั้นประตูไว้ไม่ให้มันล็อคอัตโนมัติ ผมเดินตรงไปที่ห้อง 249 ห้องของไอ้กาฬและไอ้พีท
            มือที่กำลังจะยกเคาะห้องชะงักกึกเมื่อมีมือหนาของใครซักคนสวมกอดผมจากด้านหลังเอาไว้ ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดต้นคอทำให้ขนลุกซู่ กลิ่นน้ำหอมที่เพิ่งติดจมูกเมื่อตะกี้แล่นเข้ามา ไม้แม่แต้จะต้องหันไปเลยผมก็รู้ว่าใคร
            นิ้วเรียวของไอ้นาทีชี้ไปที่ทางเดินด้านข้างที่มีไฟติดอยู่ ไอ้พีทยืนอยู่หน้าห้องอื่น มือของมันถือหมอนใบหนึ่ง เนื้อตัวยังอยู่ในชุดนอน ผมดึงมือของไอ้นาทีที่โอบตัวผมไว้ออก ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ามัน ผมไม่รอช้าเดินเข้าไปหาไอ้พีทที่ทำท่าเหมือนจะพังประตูอีกห้อง
            “พีท”
            “เฮ้ย! ไอ้เวร ตกใจหมดนึกว่าผี” ไอ้พีทจับหน้าอกตัวเองอย่างตกใจ
            “มึงมาทำไรห้องไอ้ริค” เป็นนาทีที่ถามขึ้น ผมขมวดคิ้วสงสัย
            “เอ่อ … คือ” ท่าทีอึกอักของไอ้พีททำให้ผมเริ่มจะรู้สึกแย่ มันทำท่าเหมือนกับว่าไม่อยากพูดให้ผมฟัง เหมือนมันอยากจะบอกเฉพาะนาทีคนเดียว ผมพยายามใช้สายตาคาดคั้นมันแต่มันก็หลบสายตา
            “กูค่อยฟังจากปากนาทีก็ได้!”
            “โอเคๆ หญิงมาขอเจอไอ้กาฬ กูเลยย้ายมานอนห้องไอ้ริค” ไอ้พีทใส่รัวไม่ยั้งทันทีเมื่อเห็นผมจะเดินออกไป แต่คำพูดนั้นถ้าเลือกได้ ผมขอไม่ฟังซะจะดีกว่า …
            ‘กริ๊ก’
            “อะไรวะไอ้สะ…” ไอ้ริคเปิดประตูแล้วชะโงกหน้าง่วงๆของมันออกมานอกห้อง มันทำท่าทางตกใจเมื่อเห็นผมกับนาทียืนอยู่ด้วย
            “พวกมึงมาทำอะ…” คาดว่าเรื่องนี้อาจจะไม่อยากให้ไอ้ริคพูดจบประโยค ทั้งไอ้พีทและผมก็โดนผลักเข้าไปในห้องของริคมันทันที
            “เฮ้ยๆ อะไรวะ นี่จะมายึดที่นอนกันหรือไง!!”
            “นอนด้วยนะจ๊ะที่รัก ม๊วฟ” ไอ้พีททำน้ำเสียงล้อเลียนพลางหัวเราะลั่นเมื่อไอ้ริคทำหน้าจะอ้วก มันเดินไปที่เตียง ล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปเลยทันที
            “เวร แล้วพวกมึงล่ะ ห้องตัวเองมีไมไม่ไปนอน พรุ่งนี้ลุยยาวนะเว่ย”
            “กูลืมเอาอะไรคั่นประตูไว้เมื่อกี้มันเลยล็อค” ไอ้นาทีว่า ผมหันไปทำปากพะงาบๆ
            “ทำไมมึงโง่จัง กูเอารองเท้ากั้นแล้วเอาออกทำไม”
            “กลัวมึงจะไปเคาะประตูแล้วเห็นภาพที่ไม่น่าเห็น ทนไม่ไหววิ่งกลับบ้านไปฟ้องแม่” เหมือนโดนลูกศรแทงกลางอก ผมก้มหน้าต่ำลงเมื่อไอ้นาทีพูดแบบนั้น ไอ้ริคเห็นแบบนั้นเลยกระทุ้งศอกใส่สีข้างไอ้นาทีแล้วเดินกลับไปที่เตียงพลางยื่นขาไปเตะไอ้พีทที่นอนกางแขนกางขาจองเตียงใหญ่
            ห้องนี้เป็นเตียงคู่ มิน่าล่ะไอ้ริคมันถึงจองคนเดียว โลภ เห็นแก่ตัว เหอะ
            นาทียื่นมือมาดึงแขนผมแล้วลากไปที่เตียง ผมสะบัดออกนิดๆแล้วทำตาขวางใส่ ไม่ต้องมาทำตัวเหมือนพ่อก็ได้มั้ง วันนี้ก็เปลืองตัวให้มึงพอแล้วจ้า ทั้งกอดทั้งจะจูบทั้งหายใจรด ไม่อ้วกใส่ก็บุญเท่าไรแล้ว
            ขนลุกซู่ซ่าแล้วคร้าบ
            ผมล้มตัวลงนอนข้างไอ้พีทที่นอนอยู่กลางเตียง ไอ้ริคนอนอยู่ด้านซ้ายริมสุด ก่อนที่ไอ้นาทีจะล้มตัวนอนลงข้างๆผม ตาผมเปิดเต็มที่ ไม่มีทีท่าว่าจะหลับแต่ก็เลือกที่จะไม่รบกวนใคร นอนนิ่งๆอยู่แบบนั้น
            “ถ้าไม่นอนพรุ่งนี้มึงจะไม่มีแรงปีนเขา”
            ผมหันขวับไปหาไอ้นาทีอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำว่าปีนเขา พลางทำตาวาววับ
            งานอดิเรกเชียวล่ะ!
            “นอนซะ”
            นาทีมันดีดนิ้วลงบนหน้าผากของผมอย่างแรงก่อนมันจะนอนหลับตาลง ผมมองนอนใบหน้าของคนที่ดูเหมือนจะไม่มีความผิดอะไรที่ต้องติดค้างกันอีกก่อนจะถอนหายใจ
            น้องหญิงมาหาพระกาฬ …แค่นี้ก็ตอบทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องพิสูจน์อะไรแล้ว
            แต่ผมก็ยังไม่อยากยอมรับ เจ็บชะมัด ที่รู้ว่าคนที่เรารักที่สุด เฝ้าดูแลไม่ให้เขามีตราบาป กลับหันหลังให้เราราวกับว่าสิ่งที่เราทำไม่เคยมีค่า เหมือนกับว่าไม่ใส่ใจ
            เจ็บเป็นบ้า
            “เลิกคิดได้แล้ว นอนซะ” มือของไอ้นาทีกระชากผมเข้าไปไว้ในอ้อมกอดก่อนมันจะซุกจมูกลงบนกลุ่มผมของผม ความร้อนที่ขอบตาทำให้ผมต้องกลั้นเอาไว้อย่างถึงที่สุด ความว้าเหว่อ้างว้างมันถาโถมเข้ามาจนจุกอกไปหมด
            ผมคงไม่ผิดใช่มั้ย ที่อยากได้อ้อมกอดจากใครซักคนในเวลานี้
            แม้จะเป็นสิ่งที่ผมต่อต้านมาตลอดก็ตาม…


           *
            ฝนตก…
            ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง เม็ดฝนกำลังโปรยปรายลงมาจากก้อนเมฆสีเทาดำกลุ่มใหญ่อย่างไม่ขาดสาย นาฬิกาเหนือโต๊ะเครื่องแป้งบ่งบอกเวลาสิบโมงครึ่งซึ่งเป็นเวลาที่พวกผมสมควรจะอยู่บนยอดเขาเพื่อทำกิจกรรมสานสัมพันธ์ แต่กลับต้องเปลี่ยนแผนมาอยู่กันที่พิพิธภัณฑ์สามมิติชื่อดังซึ่งปกปิดมิดชิดจากกลิ่นชื้นๆภายนอก เพียงแค่รอเวลาให้พระอาทิตย์ขึ้น เราก็ไม่รับรู้รสชาติของฝนแล้ว
            “อีกชั่วโมงเจอกันด้านหน้าพิพิธภัณฑ์นะครับเพื่อนๆ!” เสียงไอ้พีทดังเจื้อยแจ้วก่อนเจ้าตัวจะหันหน้ามาสบตากับผม ผมยิ้มบางๆให้มัน พีทเดินปรี่เข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว
            “ไอ้กาฬกับไอ้กี้ยังไม่ออกจากโรงแรม เหมือนว่าจะไม่มีรถว่ะ มึงไปรับมันเป็นเพื่อนกูที”
            “ทำไมต้องกู” ผมร้องถาม ไอ้พีทยิ้มตาหยี
            “ก็กูเหงา”
            นั่นใช่เหตุผลหรือไงเล่า!
            “แล้วไอ้ริคล่ะ?”
            “มันไปรับวิทยากรที่ห้องโถงใหญ่”
            “แล้วมึงไม่ต้องดูแลความปลอดภัยเหรอ…”
            ‘หมับ’ ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรกับไอ้ตี๋หน้าแป้นแล้นตรงหน้าต่อ มือหนาๆก็แตะลงบนบ่าของผม ผมหันไปมองหน้าคนที่เข้ามาใหม่ก่อนจะหันหน้ากลับมามองไอ้พีทเหมือนเดิม
            “มีอะไรเหรอ?” เป็นไอ้นาทีนั่นแหละที่เข้ามา ผมพยายามสอดสายตาไปทั่วว่ามันหลบมาจากน้องหญิงได้ยังไงในเมื่อตอนเช้าหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ น้องหญิงก็รีบปรี่ตรงเข้ามาลากไอ้นาทีออกไปกับเธออย่างรวดเร็ว จนถึงตอนนี้เพิ่งจะได้ห่างกันแค่ครั้งเดียวล่ะมั้ง
            “ไอ้กาฬกับไอ้กี้ติดอยู่ที่โรงแรม ฝนตกหนักไม่มีรถ หน้าพิพิธภัณฑ์มีรถสองแถว กูกับป่านเลยจะไปรับพวกมัน”
            นาทีทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะมองหน้าผม
            หน้ากูมีอะไรติดหรือไงวะ
            “กูไปกับป่านเอง มึงต้องช่วยไอ้ริค” พ่อสุดหล่อสุดประเสริฐมันเสนอข้อเสนอใหม่ ผมหันไปทำหน้าแหยๆใส่อย่างไม่เต็มใจ ในใจก็ไม่อยากจะออกไปสัมผัสกับความชื้นข้างนอกนั่น แต่อีกใจ ก็สั่งให้ไปเพื่อไปถามความจริงจากปากคนที่ไม่เคยพูดความจริง
            “อือ เดี๋ยวกูไปกับไอ้นาที มึงอยู่ช่วยริคเหอะ” ผมว่าก่อนจะลากแขนไอ้นาทีออกไปด้านนอกพิพิธภัณฑ์ทันที ไอ้นาทีเลิกคิ้วสงสัย คงเห็นผมว่าง่ายล่ะมั้ง
            “กูไม่ได้อยากออกมาเปียกนะ แค่อยากรู้ความจริงจากปากไอ้กาฬแค่นั้นเอง”
            ก่อนจะเดินไปบอกกับคุณลุงคนขับแล้วผมก็กระโดดขึ้นด้านท้ายของรถสองแถวขนาดเล็ก ไอ้นาทีเดินตามขึ้นมาแล้วนั่งลงตรงกันข้าม ท่าทางสุขุมนั่น เห็นแล้วหมั่นไส้ได้ตลอด=_=
            “ไม่ถามหน่อยเหรอว่าทำไม…”
            “ไม่ล่ะ ไม่อยากรู้” ผมพูดขัดคนตรงหน้าก่อนจะมองเลยออกไปด้านท้ายของรถที่ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากพิพิธภัณฑ์
            ไม่ได้ไม่อยากรู้หรอก
            แต่ไม่อยากจะเจ็บต่างหาก
            แค่ได้ยินชื่อของผู้หญิงคนนั้น ก็เจ็บจะตายอยู่แล้ว
            ผมกับนาทีนั่งเงียบกันตลอดทาง มีเสียงฟ้าร้องดังเป็นระยะๆ ผมมองสายฟ้าที่ผ่าลงตรงกลางทะเล มองแสงไฟแลบแปลบๆที่น่าสนใจบนท้องฟ้า ไม่มีอะไรในโลกจริงๆที่ผมกลัว
            ยกเว้นก็แต่ร่างกายของตัวเอง
            รถสองแถวจอดลงที่หน้าโรงแรม ไอ้นาทีพยายามติดต่อกับไอ้พระกาฬอยู่นานพอสมควรแต่ไม่มีใครรับโทรศัพท์ ผมเองก็ไม่มีเบอร์ไอ้กี้เพราะมันเพิ่งจะเปลี่ยนเบอร์เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
            ไอ้เวรกี้มันเปลี่ยนเบอร์บ่อยครับ เปลี่ยนบ่อยจนบางครั้งผมนึกว่าแม่งเป็นลูกเจ้าของเครือข่ายโทรศัพท์
            “เดี๋ยวกูขึ้นไปตาม รออยู่นี่แหละ” ไอ้นาทีเสนอตัวอีกครั้ง แต่ผมไม่ยอม ผมคว้าแขนที่คลุมด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำของมันเอาไว้พลางจ้องเข้าไปในตาสีเทานั่นเขม็ง
            เพราะจ้องบ่อยๆ เลยรู้ว่านัยน์ตาของคนตรงหน้าไม่ใช่สีดำสนิท
            “ทิ้งกูตลอดได้ไงวะไอ้ควาย!”
            ผมกับนาทีขึ้นลิฟท์มาที่ชั้นเดิมที่เราพักกันเมื่อคืน วันนี้ได้กำหนดเช็คเอาท์ ประธานสภาเลยมีหน้าที่จัดการเรื่องทั้งหมดเลยทำให้ไอ้กาฬกับไอ้กี้ไม่ได้ขึ้นรถไปพร้อมๆกับคนอื่นๆ ผมเดินตามหลังไอ้นาทีอยู่ ห่างช่วงพอสมควร ก่อนจะได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายมาจากมุมๆหนึ่งที่จำได้ว่าเป็นทางเดินไปห้องของไอ้พระกาฬ
            “นั่นปากเหรอ เพราะมีคนปากแบบนี้ไงชาติถึงไม่เจริญ!” และเสียงทุ้มออกแหลมที่ผมจำได้แม่น
            ไอ้หมาคุ้กกี้
            “แล้วมีใครเคยบอกมั้ยว่ามึงปากหมา”
            “ปากหมาแต่กูก็ไม่สันดารหมาพาผู้หญิงมานอนในห้องหรอกว่ะ นี่ถ้ากูไม่เข้ามาตรวจสอบห้องก่อน แล้วแม่บ้านมาเจอ โรงเรียนจะเสียชื่อขนาดไหน?!!”
            แค่ได้ยินไอ้กี้พูดแค่ประโยคเดียว ผมกับนาทีก็จับใจความได้พร้อมๆกัน ผมหน้าเสียไปนิดๆเมื่อได้ยินเรื่องที่ไม่ควรได้ยิน แต่พวกมันสองคนเล่นยืนเถียงกันอยู่หน้าห้อง แม้ห้องพักชั้นนี้บริเวณนี้จะเช็คเอ้าท์เพราะพวกผม แต่ไม่คิดหรือไงว่าแขกคนอื่นอาจจะเดินผ่านแล้วอาจจะได้ยิน
            ว่าแต่เขา มึงก็โง่เหมือนกันนะหมากี้
            “แล้วมึงจะเอายังไง? จับได้แล้วเหรอถึงมาบ่นอะไรกับกู? โรงเรียนมึงก็ไม่ใช่”
            เหมือนไอ้พระกาฬเริ่มจะหมดความอดทน มันทำท่าจะเดินเข้าไปใช้กำลังกับท่านประธานสภาผู้ทรงยศของผม ผมรีบปรี่ออกไปเพื่อเข้าไปขวางทั้งสอง ไอ้กี้ไม่ได้มีท่าทีตกใจ แต่ไอ้พระกาฬดูมีสีหน้าที่เลิกลั่กและกังวลอย่างเห็นได้ชัด
            กลัวหรือรู้สึกผิด…
            “กูไม่รู้หรอกนะว่าเถียงเรื่องอะไรกันอยู่ แต่ถ้ายังเห็นแก่ชื่อเสียงโรงเรียน พวกมึงไม่ควรจะมายืนเถียงกันตรงนี้” ผมพูดด้วยเหตุผล ไอ้กี้ถอนหายใจเสียยกใหญ่ผิดกับพระกาฬที่กำหมัดแน่น
            “บอกเพื่อนปากหมาของมึงเถอะป่าน น่าบีบให้คอหักชะมัด”
            “มึงมันก็ดีแต่ใช้กำลัง สมองกลวง โบ๋ เป็นรูเบ้อเริ่มมีแต่ขี้เลื่อย ควายไถนายังมีจิตสำนึกมากกว่ามึงอีก!!!”
            “ไอ้สัดกี้!!!”
            “พอ”
            เมื่อเห็นท่าทีว่าผมอาจจะห้ามไม่ได้เพราะความปากหมาของน้องหมากี้ที่เห่าบ๊อกๆอยู่ด้านหลังของผม ไอ้นาทีก็เป็นคนเข้ามาห้ามทัพแทน เท่านั้นแหลพระกาฬถึงกับชะงักกึกแล้วถอยหลังไปตั้งหลัก
            “จะเถียงกันไปเถียงในรถ”
            ก่อนพระกาฬจะฟึดฟัดแล้วเดินนำหน้าออกไป ผมมองหน้าไอ้นาทีนิ่งๆแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางหันไปหาไอ้กี้ ไอ้เตี้ยที่สูงเพียงแค่ไหล่ผมแต่มีศักดิ์สูงชะลูดค้ำหัวผม
            ไอ้กี้ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่สายตามันเหลือบไปมองไอ้นาทีด้านข้างพลางลากผมออกมาห่างๆจากนาทีแล้วดึงคอเสื้อผมลงไป ริมฝีปากสีส้มนั่นแนบกับหูผมพร้อมกับกรอบแว่นของไอ้กี้ที่ชนแก้มผมเบาๆ
            “กูเจอถุงยางในห้องของไอ้พระกาฬ”
            ผมกระตุก พลางมองใบหน้าของไอ้ลูกหมากี้ที่เหมือนจะรู้อะไรมาบ้าง แม้จะเป็นสิ่งที่มันไม่ควรรู้ก็เถอะ มือที่เล็กกว่ามือของผมจับแขนของผมบีบแน่น
            “แล้วกูก็รู้ด้วยว่าใครที่มาหาพระกาฬเมื่อคืน…”
            … งั้นเหรอ
“แล้วไง ไม่ใช่เรื่องของกูซักหน่อย…”
            ก่อนจะเลือกที่จะเมินเฉยกับเรื่องนั้นแล้วเดินล้วงกระเป๋าตามไอ้พระกาฬไปที่ลิฟท์ทันที
            ผมเดินขึ้นรถสองแถวพร้อมกับร่างของคนอีกสามคนที่ตามคนมา ทั้งรถเงียบกริบ สายฝนที่ยังเทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสายทำให้ผมต้องย่นจมูกกับความชื้นที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ แม้ร่างกายจะไม่เปียกฝน แต่ความรู้สึกที่สัมผัสผิวหนังก็สามารถทำให้รู้สึกว่าตัวเองออกไปยืนกลางสายฝนอย่างไงอย่างงั้น
            รถเคลื่อนออกจากตัวโรงแรมอย่างช้าๆ ผ่านทิศทางใหม่ที่ผมมั่นใจว่าไม่ใช่ทิศทางเดิมแต่อาจจะเป็นทางที่ลัดกว่าเดิมเพราะในตัวเมืองตอนนี้รถติดมาก ผมนั่งมองฝ่ามือที่ซีดเผือกของตัวเองพลางมองผ้าก็อตที่ยังคงพันอยู่ที่ฝ่ามือด้านขวา ความรู้สึกหนาวๆประดึงเข้ามา ก่อนสิ่งๆหนึ่งจะถูกโยนมาที่ตักของผม ผมเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม
            “คลุมซะ”
            ไอ้นาทีโยนเสื้อเชิ้ตของมันมาให้ผม ส่วนมันสวมเพียงแค่เสื้อกล้ามสีดำตัวเดียว ผมส่ายหน้า
            “ทำเป็นเก่งเหอะมึง ไข้แดกขึ้นมาอย่ามาโทษกู”
            “มึงสิบ่น คลุมซะแล้วเงียบปากไป”
            ผมอ้าปากพะงาบๆกับสิ่งที่คนตรงหน้าพูดออกมา แม้มันจะเป็นประโยคที่อาจจะดูฮาในสายตาคนอื่น แต่ผมรู้ว่าตอนนี้ไม่มีใครมีอารมณ์อยากจะขำออกมาหรอกโดยเฉพาะสองคนข้างๆที่นั่งจ้องหน้ากันเหมือนจะกินเข้าไปทั้งตัวแบบนั้น
            แต่นี่มัน โอ้โห เดี๋ยวนี้หัดต่อปากต่อคำกับกูขนาดนี้นะไอ้หมา
            ‘กึกๆ’
            รถกระตุกเล็กน้อยเพราะทางเป็นหลุมเป็นบ่อ ไอ้กี้ที่เหมือนจะรู้สึกถึงปรอยฝนที่สาดผ่านเข้ามาในตัวรถขยับเข้ามานั่งใกล้ผมมากขึ้น ผมไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจอะไร ปกติก็รู้ว่าไอ้กี้เกลียดฝนยิ่งกว่าอะไรดี
            ก็มันเป็นหมานี่ครับ
            ‘กึกๆ’
            เอ๊ะ มันชักจะยังไง
            ‘กึกๆ!!!’
            รถสั่นอย่างแรงเหมือนตกหลุมอากาศ ผมยึดคนข้างๆตัวเองไว้พลางเอื้อมมือไปจับขอบเหล็ก ก่อนที่เสียงเครื่องยนต์ของรถสองแถวขนาดมินิจะดับลง พวกผมสี่คนเบิกตากว้างพลางมองหน้ากันเลิกลักและรู้สึกมีลางสังหรณ์แปลกๆ…
            ‘ตึงๆ’
            เสียงเคาะที่ข้างรถพร้อมกับใบหน้าหลอนๆของลุงคนขับโผล่ฝ่าสายฝนมา ไอ้กี้แม่งสะดุ้งแล้วถอยกรูดส่วนผมยังมองหน้าลุงอึ้งๆ
            “อะไรเหรอลุง?”
            ไอ้พระกาฬถามขึ้น ลุงปีนขึ้นมาที่บันได
            “รถเสีย ตกหลุมซะลึกเชียวล่ะไอ้หนุ่ม”
            “หา!!!” เป็นไอ้กี้ที่ร้องจ้ากออกมา ผมลูบใบหน้าด้วยความเครียดที่เริ่มก่อตัวนิดๆ
            “แล้วอีกนานมั้ยกว่าจะยกขึ้นมาได้?” ไอ้นาทีถามขึ้น ลุงส่ายหน้า
            “ล้อมันจมโคลน เครื่องก็ดับ ลุงจะไปเรียกไอ้ต๊อดท้ายซอยมันมาช่วยเข็น พวกเอ็งรอได้มั้ยล่ะ?”
            ลุงแกมีสปิริตแรงกล้าถึงกับว่าจะไปตามคนท่ามกลางฝนที่ตกหนักอย่างกับฟ้ารั่วขนาดนี้ พวกผมมองหน้ากันอีกครั้งเพื่อขอความเห็น ถ้าพวกเราไม่ไปพิพิธภัณฑ์ตอนนี้ มีหวังไอ้พีท ไอ้ริคและวิทยากรเฉ่งตายแน่ๆ
            “ท้ายซอยของลุงนี่ตรงไหนเหรอครับ?”
            “ปู้นนู้นแหนะ อยู่หลังเขานู่น”
            “หา!!! หลังเขา!! พวกผมไม่มีเวลานานขนาดนั้นหรอกนะลุง!!” ไอ้กี้โวยวายใหญ่เล่นเอาลุงแกแทบจะยกมะเหงกมาเขกหัวมันให้โนซักสองลูก
            “ก็พอดีเห็นว่าพวกเอ็งรีบข้าเลยพาอ้อมเข้าทางลัดเพราะรถมันติด แต่รถดันมาเสียอีก วู้ว ถ้ารอไหวก็รอ ถ้าไม่รอลุงไม่คิดค่ารถ เดินไปข้างหน้านิดนึงจะมีศาลารอรถ คาดว่าน่าจะมีสองแถวคันอื่นขับผ่านนั่นแหละ!!”
            ว่าแล้วลุงแกก็ทิ้งพวกผมปล่อยเกาะท่ามกลางธรรมชาติอันน่าสะพรึง ผมมองซ้ายมองขวาไม่เห็นอะไรเลยนอกจากสายฝนเส้นสีขาวๆที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ พร้อมร่างของลุงที่วิ่งหายออกไป
            กรรมจังกู
            “เอาไงดีวะ?” ไอ้พระกาฬหันมาถามไอ้นาที พร้อมความเห็นจากปากผมและไอ้กี้ แต่เมื่อไอ้กาฬเห็นหน้าไอ้กี้มันก็หันขวับสะบัดหน้าหนี
            “เดี๋ยวกูโทรบอกไอ้พีทก่อน เมื่อกี้ลุงบอกว่ามีศาลาอยู่ข้างหน้า ไปรอมั้ยเผื่อรถจะมา?”
            เป็นคำถามที่…
            กูไม่อยากตอบเลยครับ
            “ไม่!!!! กูจะรอตรงนี้ จนกว่าลุงจะกลับมาไม่ก็ฝนหยุด!!!” ไอ้แว่นกอดอกประชดประชันไม่ยอมกระดิกตัว ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
            “เออพีท กูติดเกาะว่ะ รถเสีย อยู่ทางลัดตรงไหนไม่รู้…” นาทีคุยกับไอ้พีทผ่านทางโทรศัพท์ ผมนั่งรอคำตอบจากคนตรงหน้าเงียบๆพลางมองไอ้กี้ที่เริ่มตัวสั่นด้วยความกลัวจากเสียงฟ้าร้อง
            “กูพึ่งรู้ว่ามึงกลัวฟ้าร้อง”
            “ก็เออดิวะ” และนี่ก็คือข้อดีของมัน
            ไม่เคยปฏิเสธความป๊อดเลย
            “ไอ้พีทบอกให้หาทางกลับเอง วิทยากรตกบันไดขาหัก ไอ้พีทอยู่โรงพยาบาลกับไอ้ริคแล้วก็ตำรวจ คนอื่นๆขึ้นรถทัวร์กลับกันไปแล้วเพราะมีอุบัติเหตุ”
            “หา วิทยากรตกบันไดเนี่ยนะ?!”
            ผมร้องแหวอย่างประสาทเสีย
            อะไรมันจะซวยได้ขนาดนี้วะ!!?
            ผมถอนหายใจรอบที่ร้อยพร้อมๆกับไอ้นาที ผมมองหน้าคนตรงหน้าที่แม้แต่สถานการณ์ที่น่าจะคิดไม่ตกแบบนี้ก็ยังมีสีหน้าที่นิ่งเหมือนเดิม อยากรู้จัง ว่าแต่ละวินาทีที่มึงทำหน้าแบบนั้น
            แม้แต่วินาทีที่มึงพยายามที่จะบอกอะไรกู
            มึงกำลังคิดอะไรอยู่
            “กูไปรอศาลาล่ะ ประสาทจะแดก!!!”
            “เฮ้ยไอ้กาฬ!!!”
            จู่ๆไอ้พระกาฬก็วิ่งพรวดออกไปเล่นเอาไอ้นาทีหน้าเหวอ มันมองตามเพื่อนแล้วหันมามองผมที่นั่งนิ่งอยู่กับที่มีไอ้หมากี้ที่เบียดซะจนแทบจะเข้ามารวมร่าง
            “ไปเหอะ รอนี่กว่าลุงจะมาอีกนาน”
            ไอ้นาทีว่า ผมพยักหน้า แต่พอจะลุกมือของคนข้างๆกลับคว้าแขนผมไว้
            “กูไม่อยากไป”
            ไอ้กี้ทำหน้าตาน่าสงสาร ผมเห็นแล้วก็ต้องยอมใจอ่อน แต่คงไม่ปล่อยให้มันนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวนอนหนาวเพราะเป็นหวัดจากละอองฝนตายแน่ๆ
            “กลับไปซื้อช็อคโกแลตให้กูกล่องหนึ่งด้วยล่ะ”
            ผมว่าก่อนจะยื่นเสื้อเชิ้ตของไอ้นาทีให้กับไอ้กี้แล้วคว้าตัวไอ้กี้ขึ้นอุ้ม ไอ้หมาคุ้กกี้ครางเอ๋งๆเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวก เล่นเอาผมหัวเราะร่าออกมา
            “ใช้เสื้อเชิ้ตบังให้กูด้วย เห็นหน้าคนหล่อดีกว่ามองฝนพรำๆ”
            ก่อนผมจะเดินออกไปพร้อมกับมองหน้าไอ้นาทีที่มีสีหน้ามึนๆแล้วเตะขามันไปเบาๆ
            “ไปดิ รอให้ฟ้าผ่ากลางกบาลก่อนหรือไง!?”



TBC.

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.11] 25/1/57 P.2
«ตอบ #32 เมื่อ25-01-2014 22:38:26 »

อ่านไปคิดตามไปด้วย ยอมรับว่าคิดตามไม่ทัน เหมือนจะเป็นแบบนี้
แต่ไม่ใช่เป็นแบบนั้น เดี๋ยวจากแบบนั้น กลายเป็นแบบโน้นไปอีก
แต่ก็อยากติดตามไปเรื่อย ๆ แบบงง ๆ สงสัยเราจะแก่ไป

ออฟไลน์ Arancia

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-2
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.11] 25/1/57 P.2
«ตอบ #33 เมื่อ26-01-2014 01:09:34 »

สนุกดีนะคะ เพิ่งเข้ามาอ่าน ติดตามคะติดตาม
ทำไมเรื่องมันซับซ้อนจริงๆ น้องหญิงนี่โหดมากคะ ยังไงคะ ยังไง

รออ่านนะคะ

ออฟไลน์ mapreaw

  • เคยคิดว่า "รักแท้มีอยู่จริง"
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 615
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.11] 25/1/57 P.2
«ตอบ #34 เมื่อ26-01-2014 11:42:12 »

ความสัมพันธ์ช่างซับซ้อนกันจิงๆ  อ่ะติดตามกันต่อไป

ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.11] 25/1/57 P.2
«ตอบ #35 เมื่อ26-01-2014 16:16:23 »

แบบว่ามันพลิกไปพลิกมาหลายตลบ
น่าสนใจมาก รอตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.12] 29/1/57 P.2
«ตอบ #36 เมื่อ29-01-2014 17:19:08 »

12


             ผมวางร่างของไอ้กี้ลงบนเก้าอี้ศาลาเน่าๆที่หนึ่ง อับชื้น แฉะ แต่ก็พอนั่งได้ ไอ้พระกาฬนั่งอยู่ก่อนหน้า มันมองผมกับไอ้กี้ตาเขียวปั๊ด ผมที่ไม่รู้ว่าทำอะไรผิดนั่งลงข้างๆไอ้กี้ที่ยังปิดตาแน่นแล้วห่อตัวเองอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตแฉะๆ ไอ้นาทีวิ่งตามเข้ามาแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ผุๆในศาลา

            “โอย กูอยากจะบ้าตาย!!!!!” ไอ้กี้ร้องจ้าออกมาแล้วกอดตัวเองเอาไว้ ได้สายตาดุๆโหดๆมาจากไอ้พระกาฬเป็นอย่างดี
            “บ่นทำซากอะไร เดินก็ไม่ได้เดินมาเอง”
            “อิจฉาเหรอ?”
            “เปล่านี่”
            “แล้วแขวะหาพ่อ?!”
            ผมหลุดหัวเราะออกมาเมื่อไอ้พระกาฬหน้าเอ๋อไป อันที่จริงพวกมันต้องตะโกนแข่งกับสายฝนที่เสียงดังเป็นบ้า แถมฟ้าก็ยังผ่า ร้อง แลบสลับกันอย่างกับออเคสตร้า ผมนั่งปล่อยตัวสบายๆไปกับเก้าอี้พลางมองเสื้อยืดสีขาวของตัวเองสีแฉะไปหมด
            เฮ่อ
            เสื้อตัวโปรดของพี่ป่าน …เน่าซะแล้ว
            “แล้วเมื่อไรรถจะมาเนี่ย” ไอ้กี้บ่นพึมพำแล้วเกาะแขนผมเหมือนลูกหมาพันธุ์ปอมตัวเล็กๆหางฟูๆ
            ผมเคยบอกหรือเปล่าครับว่าผม กี้ แล้วก็ไอ้ฟ้าเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน แต่ไอ้กี้โดนแยกห้องไปช่วงหลังๆผมเลยไม่ค่อยได้คุยกับมัน อันที่จริงหลังจากที่กี้มันย้ายเข้ามาที่โรงเรียนผมมันก็ได้เป็นประธานสภาเลย เก่ง ฉลาด หน้าตาโอเค ใครๆก็เลยชอบมัน
            ยกเว้นผมกับไอ้ฟ้ามั้ง ที่ยังด่ามันว่าหน้าหมาทุกวัน
            เราเลยได้เป็นเพื่อนกัน …
            โคตรมีเหตุผล
            “มือมึงแฉะหมดแล้ว” ไอ้นาทีจับแขนขวาของผม ผมมองผ้าก็อตที่ชื้นแฉะ
            “กูจะโดนตัดมือทิ้งมั้ยเนี่ย” ผมล้อเล่นออกไป แต่ดูเหมือนไม่มีใครอยากจะเล่นด้วยซักเท่าไร
            “ป่านกูไม่ชอบเลย” เสียงงุ๊งงิ๊งของคนข้างๆตัวผมดังขึ้น ไอ้กี้ขดตัวเข้าหาผมเหมือนหมาต้องการความอบอุ่นจากจะซุกหน้าลงที่อกของผม
            ไม่แปลกหรอกครับที่มันจะทำแบบนี้ เพราะคนแปลกหน้า มันก็ไม่เคยจะแคร์ซักเท่าไร
            ไอ้กี้ถือคติ เสียใจ แต่ไม่แคร์…
            “เดี๋ยวมันก็หยุดแล้ว ประธานสภาอะไรวะกลัวฝน หมาดีๆนี่เอง”
“กูไม่ชอบ … ไม่ชอบฝน …” ไอ้กี้ว่าแล้วชะงัก ก่อนหางตามันจะเหลือบไปมองไอ้พระกาฬ
            “แล้วก็ไม่ชอบควายป่าด้วย ฮือๆ” มันทำเสียงร้องฮือๆเหมือนจะกวนตีนไอ้พระกาฬ ผมหัวเราะร่าออกมาอีกครั้ง ผมไม่ค่อยหัวเราะเป็นจริงเป็นจังซักเท่าไร นานๆทีได้หัวเราะก็รู้สึกดีแปลกๆแฮะ
            เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ หนังตาผมเริ่มจะปิดเข้าหากัน แม้ว่ามันจะยังไม่ใช่เวลาที่สมควรจะนอนเพราะนี่เพิ่งจะบ่ายสองกว่าๆแต่ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก ฟ้ายังร้องโครมคราม รถก็ไม่เห็นมีผ่านซักคัน จะเห็นก็แต่ทุ่งนา ทุ่งนา แล้วก็ต้นมะพร้าว แถมเหมือนสมาชิกที่ร่วมแชร์หลังคาศาลาเดียวกันก็เงียบนิ่งไปนานพอสมควร ผมซุกหัวลงบนกลุ่มผมของไอ้กี้ก่อนจะค่อยๆปิดเปลือกตาลง
            ผมอยากให้คนที่ผมกอดอยู่เป็นหญิง
            อยากให้น้องหญิงที่น่ารักคนเดิมกลับมา
            คนที่คอยยิ้มให้ผม และบอกว่าทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้นเอง
            …
            “อึก”
            ผมสำลักน้ำลายแล้วสะดุ้งขึ้นมาไอค่อกแค่กจนเจ็บปอดไปหมด ไอ้กี้นอนหลับคาอกผมไปแล้ว ผมยิ้มนิดๆกับท่าทีของมันที่จะให้บอกกี่ครั้งก็สามารถพูดได้ว่าน่าจะจับมันใส่กรงให้อาการเม็ดเพ็ดดีกรี
            ก่อนจะเงยหน้ามองสองคนตรงหน้าแล้วชะงักไป
            ไอ้นาทีนอนพิงไหล่พระกาฬแล้วหลับตาพริ้มในแบบที่ผมไม่เคยเห็น ในขณะที่ศีรษะของไอ้กาฬก็วางทับลงบนหัวมนๆของไอ้นาที มันอาจจะเป็นภาพที่ดูน่ารักและอบอุ่นสำหรับหลายๆคน เพราะผมเองก็รู้ว่าไอ้กาฬชอบนาที แต่ยังไม่รู้ว่าสาเหตุที่เลิกชอบนาทีว่าเป็นเพราะอะไร…
            แต่ทำไม ภาพตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้
            ไม่ใช่ความรู้อิจฉา หรือความรู้สึกอยากจะชกหน้าใครเพราะหึง หรือความรู้สึกที่เจ็บจี๊ด
            แต่เป็นความรู้สึกที่ว่า…
            เหมาะสม…
            เหมาะสมเกินไป
            แสงไฟที่สาดเข้ามาที่ตาของผมทำให้ผมต้องหยีตาจนแทบจะปิด แต่เมื่อนึกได้ว่านั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตเลยทำให้ผมได้สติลุกขึ้นยืน ก่อนจะวิ่งออกไปริมถนนแล้วโบกมืออยู่แบบนั้น
            ภาวนาขอให้คนขับเห็นผมท่ามกลางเม็ดฝนด้วยเถอะ!
            เหมือนพระเจ้าจะรับฟังคำขอของผม รถกระบะเก่าๆคันหนึ่งค่อยๆชะลอลงพร้อมกับคุณป้าท่าทางใจดีที่ยื่นหน้าออกมาจากด้านข้างคนขับ ผมยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ป้า
            “ผมกับเพื่อนขอติดรถไปลงที่ตัวเมืองได้มั้ยครับ พอดีรถเสียก็เลยติดอยู่ที่ศาลามาสองชั่วโมงกว่าแล้ว” ผมยกมือไหว้พอเป็นพิธี ป้าแกสอดสายตามองร่างของผมที่เปียกมะล่อกเหมือนลูกหมา
            “ป้าไม่ได้ไปตัวเมืองน่ะหนู แต่จะเข้าไปที่สวนก่อน ถ้าไม่ลำบากอะไรก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำที่สวนก่อนก็ได้” คุณป้าตะโกนแข่งกับเสียงฝน ผมเริ่มคิดหนัก
            ถ้ากลับไปตอนนี้ไอ้กี้อาจจะเป็นหวัด
            ไปทำให้ตัวแห้งก่อนแล้วค่อยหาทางกลับดีกว่า
            “ขอบคุณมากครับ ผมไปตามเพื่อนก่อนนะ ขอบคุณคุณลุงด้วยครับ” ผมยกมือไหว้คุณลุงที่เป็นคนขับ แม้หน้าตาแกจะดูดุแต่ก็มีมิตรไมตรีรับไหว้ผม
            ผมวิ่งกลับมาที่ศาลา ก่อนจะเขย่าตัวไอ้กี้เล็กน้อย
            “กี้ๆ ตื่น มีรถกระบะผ่านมา” ไอ้กี้นิ่งไป มันไม่ตื่น ผมรู้สึกทะแม่งๆเลยเอื้อมมือไปแตะหน้าผากมันก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อไอ้กี้ตัวร้อนจี๋!!!
            ไอ้บ้าเอ้ย ผมลืมไปได้ยังไงว่ากี้มันไม่สบายง่าย!
            “พระกาฬ นาที มึงตื่น!!!” ผมเข้าไปเขย่าไอ้กาฬกับไอ้นาทีอย่างแรง พวกมันสองคนสะดุ้งตื่นก่อนจะหัวจะกระแทกกัน ผมไม่ได้สนใจ
            “มีรถกระบะมา ไปพักที่บ้านป้ากับลุงก่อน ไอ้กี้ตัวร้อนจี๋เลย!” ผมว่าก่อนจะวิ่งเข้าไปช้อนตัวกี้แล้ววิ่งไปขึ้นท้ายกระบะแม้ฝนจะตกๆอยู่ ไอ้พระกาฬกับไอ้นาทีวิ่งตามขึ้นมาก่อนจะปิดท้ายกระบะแล้วรถก็ออกตัววิ่งตรงไปยังภูเขาลูกตรงหน้า
            “กี้!! กี้!!!”
            ผมพยายามเรียกคนไร้สติให้ตื่น มันหลับไปแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ ถ้ามันยังพอตื่นไหวก็แค่ให้กินยาแล้วเช็ดตัว แต่ถ้ามันตื่นไม่ไหวต้องพามันไปโรงพยาบาล
            “กี้!!!”
            “อะ อือ” ดวงตาที่ปิดสนิทภายใต้กรอบแว่นค่อยๆปรือขึ้นมาเหมือนคนหมดแรง ไอ้นาทีเองก็เข้ามาดูอาการของไอ้กี้เหมือนกัน ยิ่งรถวิ่งไป ความหนาวก็ทำให้ผมและอีกสามคนห่อตัว
            “มึงอย่าเพิ่งหลับ ห้ามหลับนะ!!”
            ไอ้กี้ส่ายหน้า
            “ง่วง ปวดหัว ปวดมากเลย”
            ดวงตากลมๆทำท่าจะปิดลงอีกครั้ง ผมก้มลงไปเอามือตบหน้ามันแรงๆ
            “หลับสิกูตบมึงคอหลุดแน่!!!”
            “หนาว…”
            แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงแรงบางอย่างที่ดึงของในมือผมออกไป
            “ชู่ว”
            ไอ้นาทียกนิ้วชี้ขึ้นแนบปากของตัวมันเอง ผมมองภาพตรงหน้าอึ้งๆ ไอ้พระกาฬดึงตัวไอ้กี้ออกไป มันดึงร่างของไอ้กี้ไปนั่งลงบนตักของมันแล้วกอดร่างนั้นเอาไว้แน่น ไอ้กี้ดูตัวเล็กจิ๋วไปทันทีเมื่อเทียบกับไอ้กาฬ ผมยังงงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนไอ้นาทีจะเป็นคนตอบคำถาม
            “ไอ้กาฬทำแบบนั้นตลอดแหละ”
            “ทำไม?”
            ผมเลิกคิ้วสงสัย แต่นาทีไม่ได้ตอบอะไร พระกาฬกอดไอ้กี้เอาไว้ สายตาที่มองเกินกว่าศัตรูนั่น ทำให้ผมเริ่มรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
            “อย่าบอกนะว่า…”
            “เปล่า…มันไม่ได้เป็นแฟนกัน” ไอ้นาทีปฏิเสธ ผมร้องเหวอทันที
            “แล้วทำไมมันถึงเอาเพื่อนกูไปกอดหน้าด้านๆได้ล่ะ ฮึ้ย!!!” ผมลุกขึ้นจะไปคว้าเพื่อนของผมกลับมา ไอ้นาทีล็อคคอผมเอาไว้ ส่วนไอ้พระกาฬหันมาทำหน้าเครียดๆใส่
            “ทำอย่างกับว่าตัวมึงอุ่นพอที่จะกอดมันอย่างงั้นแหละ ... มันไม่แข็งแรง ถ้าไม่ได้เปลี่ยนชุดแล้วกินยาก่อนมันตายแน่ๆ” ไอ้พระกาฬว่าแล้วกอดไอ้กี้แน่น ความอบอุ่นที่ตัวมันน่าจะมีมากกว่าผมทำให้ไอ้กี้ซุกหน้าเข้าใกล้แผงอกนั่นมากขึ้น
            ผมไม่เข้าใจว่าไอ้กาฬรู้ได้ไงว่าไอ้กี้ป่วยง่าย แถมถ้าป่วยทีคือจะเป็นหนักมากๆ
            “มันเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนน่ะ”
            แล้วก็เป็นไอ้หน้าหล่อที่ตอบคำถามผมอีกครั้ง ผมมองคนข้างๆที่เมินหน้าผมไป ไอ้นาทีพยายามจะจุดบุหรี่สูบ แต่มันแฉะไปทั้งกล่องมันเลยต้องโยนทิ้ง
            “ไว้กูค่อยเล่าตอนถึงบ้านของคุณป้าแล้วกัน”
         
           *

            รถกระบะจอดที่บ้านไม้หลังใหญ่ภายในสวนผลไม้แห่งหนึ่ง ไอ้พระกาฬรีบอุ้มไอ้กี้เข้าไปในบ้าน ส่วนผมก็ไปขอยาจากคุณป้ามาให้มันกิน ทั้งๆที่พยายามบอกว่าไม่ให้หลับ ไอ้กี้ก็ดื้อจะหลับตลอดเวลาจนผมต้องนั่งเฝ้ามันในขณะที่รอคนอื่นๆไปอาบน้ำ เพราะผมต้องมีหน้าที่เช็ดตัวให้กี้ ทั้งเช็ดหัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าที่คุณลุงเอามาวางไว้ให้จนตัวมันแห้งสนิท แล้วมันก็หลับไปเพราะฤทธิ์ยา
            “ตามึงแล้ว”
            ไอ้กาฬเดินออกมาจากห้องพักที่คุณป้าแกจัดไว้สำหรับพวกผมสี่คน ผมพยักหน้าแล้ววางผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นที่แปรเปลี่ยนเป็นน้ำเย็นก่อนจะลุกขึ้นยืน มือของไอ้กาฬแบกกะละมังอีกใบเอาไว้ คาดว่าน่าจะเป็นน้ำอุ่นผมเลยโล่งใจ
            แต่ยังไม่ทันจะเดินออกไปไกล ภาพที่ผมได้เห็นก็ทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ทั้งหมด
            สายตานั่น … มันไม่ใช่สายตาที่ใช้มองเพื่อนสนิท ผมรู้ดี …   ความเป็นห่วงที่มากเกินเหตุ แถมยังท่าทางที่ดูทะนุถนอมไอ้กี้เกินเพื่อนนั่น มันเกินกว่าที่ผมจะอธิบายได้
            “มึงไม่ได้ชอบนาที” ผมถามไอ้กาฬ ไอ้กาฬนิ่งไป
            เท่านั้นแหละผมรู้ทันทีว่ามันซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้
            “มึงโกหก”
            “กูโกหก … เพราะกูรู้ว่าถ้ามึงเข้าหาเพื่อนกู เรื่องไม่ดีจะต้องเกิดขึ้น…”
            ผมชะงักไปกับสิ่งที่ได้ยิน พลางหันไปมองหน้าพระกาฬ
            “กูจำเป็น… ไม่งั้นก็ผลักมึงออกไปไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นก็ด้วย”
            …
            อย่างนั้นหรอกเหรอ …
            เพราะรู้อยู่แล้วว่าผมต้องเข้าไปสร้างปัญหา พระกาฬมันถึงโกหกว่ามันชอบไอ้นาทีและทำเป็นผลักไสไล่ส่งผมทั้งๆที่จริงแล้วมันชอบคนอื่นอยู่ คนที่รู้อยู่ว่าเป็นใคร
            ที่มันทำไปทั้งหมด … ก็เพราะต้องการจะปกป้องเพื่อนสินะ
            หึ
            ชักจะน่าหมั่นไส้ไปแล้ว
            ผมเดินเข้าไปในห้องก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวและชุดใหม่ที่คุณป้าเอามาวางไว้ให้เข้าห้องน้ำไป มือขวาที่เป็นแผลเริ่มยุ่ยเพราะชื้นจากการโดนน้ำฝน ผมรีบทำความสะอาดตัวก่อนจะออกมาแล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นไอ้นาทีนั่งอยู่ที่ปลายเตียง
            “ไง”
            ทักทายเหมือนเดิมๆเพราะผมไม่มีอะไรจะพูด แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นกล่องปฐมพยาบาลที่อยู่บนตักของอีกคนผมก็รู้ทันที
            “ขอดูมือหน่อย”
            ไอ้นาทีว่า ผมพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆมัน มือของมันจับมือของผมไว้พลางหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์ออกมาเช็ดแผลที่ยุ่ยนั่น มันไม่เจ็บแล้ว แต่รู้สึกแปลกๆแค่นั้นเอง
            ผมนั่งเงียบและมองออกไปนอกหน้าต่าง ฝนที่เริ่มซาจนหยุดกลับถูกแทนที่ด้วยท้องฟ้ามืดๆมีแสงดาวส่องระยิบระยับ ผ้าก็อตถูกแปะลงบนฝ่ามือของผม ไม่แน่นมากนักเพื่อไม่ให้แผลอบ
            แปลกจัง … ที่ทำไมผมถึงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังเลย
            “หญิงไม่ได้โทรหามึงเหรอ?” ผมถามคนข้างๆ ไอ้นาทีเลิกคิ้วเหมือนกับเรื่องที่ผมพูดอยู่มันไร้สาระซะเต็มประดา
            “น้ำเข้า พังไปแล้ว” นาทียกโทรศัพท์ชุ่มน้ำขึ้นมาให้ผมดู หน้าจอดับสนิทจนเรียกได้ว่าอนาถ
            พอๆกับโทรศัพท์ของผม
            ที่ถึงแม้จะไม่ดับ แต่ก็ไม่มีแม้แต่สัญญาณโทรศัพท์
            “ที … หญิงโทรมาบอกอยากคุยกับมึง”
            จู่ๆไอ้กาฬก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง ผมมองโทรศัพท์ในมือของพระกาฬแล้วก็ใจหายวาบ ในขณะที่ไอ้นาทีลุกขึ้นไปหยิบมือถือแล้วเดินออกไปคุยด้านนอกห้อง ผมเลือกที่จะเดินออกไปที่ระเบียงบ้านที่แฉะไปด้วยน้ำฝน ควานหาผ้าแห้งๆเช็ดกับพื้นแล้วนั่งขุดคู้พิงไม้ฝาเชอร่า
            หน้าอกข้างซ้าย มันเจ็บราวกับโดนเข็มทิ่มแทง
            ทั้งๆที่ผมเป็นคนแรกที่น้องหญิงมักจะคอยถามถึงเสมอ แต่ตอนนี้ … มันไม่ใช่แล้ว
            ถ้าผมตายไป เธอก็คงไม่สนใจใยดี
            ผมเงยหน้าเหม่อมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวนับร้อยดวง อยู่ต่างจังหวัดเห็นดาวมากกว่าในเมืองจริงๆ ผมเอื้อมมือขึ้นไปเพื่อจะคว้าดาว แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับกลายเป็นหยดน้ำที่ร่วงมาจากหลังคา
            แย่ชะมัดเลย
            “คนโง่มักจะชอบออกมาตากน้ำค้าง ทำเป็นโรแมนติค” เสียงทุ้มๆดังขึ้นด้านหลัง ผมเลือกที่จะไม่เงยหน้ามองบุคคลที่เปิดประตูออกมานั่งข้างๆ แต่กลับเหม่อมองออกไปที่สวนมะพร้าวด้านหน้า
            ไอ้นาทีนั่งลงข้างๆผม ก่อนที่มันจะเบียดเข้ามาจนตัวแทบจะเป็นปาท่องโก๋ ผมยอมรับว่าอึดอัด แต่ก็ไม่ได้ถอยห่างเพราะหมดแรงที่จะหนี
            “มึงทำแบบนั้นกับทุกคนเลยหรือไง” นาทีถามขึ้น ผมหันไปเลิกคิ้ว
            “แบบไหน?”
            “แบบที่ทำกับกี้…”
            “อืม” ถ้าคนอ่อนแอ ผมก็ต้องช่วยเหลือเป็นธรรมดา ใครจะเมินนิ่งเฉยได้เหมือนคุณล่ะคร้าบคุณนาที พ่อนักรักรูปสลักทองเทวดารูปหล่อ เหอะ ถุ๊ย
            "สนิทกับกี้เหรอ?"
            “ไอ้กี้น่ะเป็นเพื่อนสนิทกูเมื่อปีที่แล้ว พูดง่ายๆว่าเหมือนน้องชายมั้ง แต่ก็นะ นิสัยกูกับมันน่ะคนล่ะแบบ กูน่ะมันพวกมือหนัก แต่ไอ้กี้น่ะมันปากจัด มันเคยด่าจนกูเกือบจะฆ่าตัวตายมาแล้ว”
            “เพราะปากแบบนั้นล่ะทำให้กูเป็นห่วงมันว่าซักวันจะมีคนเป่ากะโหลกกลวงๆนั่น”
            “ห่วงถึงขนาดต้องกอดกันแน่นขนาดนั้นเลย?”

            “อยากให้ทำบ้างหรืองะ…”
            ผมชะงักอย่างตกใจเมื่อพอจะหันไปคุยกับคนด้านข้าง จมูกโด่งๆของไอ้นาทีก็ใกล้เข้ามาจนชนกับจมูกของผมซะแล้ว ลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดริมฝีปากของผมทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ
            ก่อนที่ข้อมือสองข้างของตัวเองจะถูกตรึงเอาไว้ ริมฝีปากสีซีดที่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะคุ้นเคยสัมผัสลงที่ริมฝีปากของผม สัมผัสชื้นๆทำให้ต้องหดคอหนีแต่หนีไม่ทันไรท้ายทอยก็ไปชนกับโต๊ะที่วางอยู่ ผมถอยไม่ได้ เลยพยายามจะผลักคนตรงหน้าออกแต่ไอ้นาทีกลับรุกเร้าซะจนผมต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้
            ซะเมื่อไรล่ะ
            ‘ผลั่ก’
            “โอ้ย!”
            ผมยื่นฝ่ามือไปบีบคอคนตรงหน้าพลางผลักออกอย่างแรงจนหัวของร่างข้างๆกระแทกกับไม้ฝาเชอร่า อารมณ์โมโหเริ่มก่อตัวขึ้นทีละนิด ผมออกแรงบีบจนไอ้นาทีเหมือนจะหายใจไม่ออก
            “มึง … ทำแบบนี้ทำไม”
            เมื่อผมเห็นว่าไอ้นาทีเริ่มจะหน้าซีดเลยปล่อยมือซ้ายของตัวเองออกจากต้นคอของคนด้านหน้า ผมนั่งอยู่หว่างขาของนาทีแล้วจ้องหน้ามัน ผมไม่เข้าใจเลย
            “ทั้งจูบ ทั้งเป็นห่วง ทั้งทำอะไรที่กูไม่เข้าใจ แล้วนี่อะไร” ผมใช้ฝ่ามือบีบลงไปเบาๆบนใบหน้าคมที่ปรกด้วยผมสีดำสนิท “หน้าตานิ่งๆ ไม่แสดงสีหน้าอะไร มึงกำลังคิดอะไรอยู่”
            “กำลังลองอะไรบางอย่าง”
            ไอ้นาทีปาดริมฝีปากด้วยแขนเสื้อก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งตรงๆ มือของมันจับลงที่ต้นคอของผมก่อนจะกระชากตัวผมเข้าไปใกล้แล้วบดเบียดริมฝีปากสีซีดนั่นลงมาอีกครั้ง แรงจนรู้สึกว่าฟันกระแทกกับริมฝีปาก ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ พยายามถอนตัวออก แต่ไอ้นาทีกลับเป็นฝ่ายดันผมออกแทน
            “หึ บ้าชะมัด …”
            “อะไร?” ผมเลิกคิ้วอย่างสงสัยกับการกระทำของคนตรงหน้า นาทียกมือขึ้นมาขยี้หัว
            “กูไม่เคยจูบใครแล้วรู้สึกเหมือนกำลังขาดอากาศหายใจแบบนี้เลย”
            ผมขมวดคิ้วจนเป็นโบว์เบ้อเริ่มเทิ่ม แล้วตกลงมันดีหรือไม่ดีวะ ทำไมชอบพูดอะไรแบบมีเลศนัยแฝงโค้ดลับด้วย … ก่อนตัวผมเองจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป
            ผมจ้องหน้าคนตรงหน้าอีกครั้ง ไอ้นาทีเงยหน้าขึ้นมา ผมไม่รอช้าแตะริมฝีปากของตัวเองลงไปบนริมฝีปากสีซีดนั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลิ้นร้อนๆที่แตะโดน เสียงหอบหายใจถี่ๆ ความรู้สึกร้อนแปลกๆ
            ก่อนจะถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง
            “ป่าน…”
            “กูไม่คลื่นไส้…”
            แปลกจัง ครั้งสุดท้ายที่จำได้ว่าผมไม่อ้วกจากจูบของคนตรงหน้านั่นมันเมื่อไร ตอนที่กินหมากฝรั่งหลังจูบเหรอ ไม่มั้ง ทำไมกัน…หรือว่าจะเป็นความชินชา? เป็นคำอธิบายทางจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่กล่าวไว้ว่ามันเป็นปฏิกิริยาของความเคยชิน
            เมื่อทำอะไรซ้ำๆ
            “ก็ดีแล้วนี่” ไอ้นาทีว่าพลางยิ้มมุมปาก แต่ผมไม่ได้มีท่าทีเล่นด้วยเลย
            มันทำให้ผมเครียด…จนรู้สึกว่า
            ผมอาจจะชอบเพศเดียวกันขึ้นมาแล้วจริงๆ
            บ้าน่า
            “ดีกับผีแกสิ!!!”
            “เสียงดังอะไรกัน!”
            ไอ้พระกาฬเปิดประตูออกมาพอๆกับตอนที่ผมลุกพรวดขึ้นอย่างเร็วจนไม่ทันตั้งตัว จมูกผมแตะโดนจมูกของร่างที่สูงพอๆกันตรงหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ แขนของไอ้พระกาฬโอบรอบตัวผมเอาไว้เพราะกลัวผมจะร่วงหัวฟาดพื้น
            ไม่เข้าใจ
            ไอ้ป่านไม่เข้าใจจริงๆ
            ผมยื่นมือไปจับท้ายทอยของไอ้กาฬก่อนจะกดริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากของคนตรงหน้าแล้วค่อยๆถอนออก ไอ้กาฬเบิกตากว้างอย่างตกใจ
            ผิดกับผมที่ขมวดคิ้วจนแทบจะรวมคิ้วเป็นเส้นเดียวกัน
            “ป่าน!!!”
            “มึงทำอะไรน่ะ…”
            เสียงคนสองคนด้านหลังไม่ได้เบี่ยงเบนความสนใจของผมเลย ผมเดินกลับเข้ามาในห้อง ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่มีไอ้กี้นอนซมอยู่ด้านข้าง ก่อนจะขดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้วใช้นิ้วแตะลงบนริมฝีปากของตัวเอง
            ความรู้สึกอยากจะอาเจียนพวกนั้นไม่เกิดขึ้นเลย…
            อย่าบอกนะว่า…
            ผม … ชอบผู้ชายขึ้นมาแล้วจริงๆ…!!!?
 





TBC

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.12] 29/1/57 P.2
«ตอบ #37 เมื่อ29-01-2014 18:05:22 »

เรื่องเหมือนจะไปเรื่อยๆ แต่จริงๆ ซับซ้อนอยู่นะ
ติดตามต่อครับ

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.12] 29/1/57 P.2
«ตอบ #38 เมื่อ29-01-2014 22:33:54 »

ซับซ้อนจริงๆเรื่องนี้ ไม่มั่นใจเลยว่าใครจะคู่ใคร

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.12] 29/1/57 P.2
«ตอบ #39 เมื่อ01-02-2014 13:44:40 »

เยี่ยมเลย ชอบมากๆ  :hao6: :hao6: o13 o13 o13 :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.12] 29/1/57 P.2
« ตอบ #39 เมื่อ: 01-02-2014 13:44:40 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.12] 29/1/57 P.2
«ตอบ #40 เมื่อ01-02-2014 13:58:24 »

อืม พลิกไปพลิกมาตลอด

ออฟไลน์ rutchi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.12] 29/1/57 P.2
«ตอบ #41 เมื่อ01-02-2014 17:34:10 »

อ่านแล้วไม่รู้จะสงสารใครดี 55555

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.12] 29/1/57 P.2
«ตอบ #42 เมื่อ02-02-2014 15:34:51 »

งง ๆ ไงไม่รู้  แต่สนุกดี   o13

ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.13]
«ตอบ #43 เมื่อ02-02-2014 15:44:59 »

13

            จำไม่ได้แล้วว่าตัวเองตื่นขึ้นมาตอนไหน แต่รู้ว่าเผลอหลับไปข้างๆไอ้กี้บนเตียงเมื่อคืนแล้วดูท่าไอ้กาฬกับนาทีคงจะนอนด้วยกันที่พื้นเพราะเห็นฟูกปูอยู่ ผมนอนจ้องหน้าคนข้างๆมานานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน ได้แต่ขมวดคิ้ววุ่นเมื่อเห็นริมฝีปากสีส้มอ่อนๆ จมูกเล็กๆ ตากลมๆที่ปิดลงไร้ซึ่งกรอบแว่นแล้วก็ผมที่กลายเป็นหมูหยองขด
            ถ้าจะบอกว่าไอ้กี้น่ารักก็คงใช่มั้ง ในตอนนี้น่ะนะ
            แต่เท่าที่ผมเป็นเพื่อนมันมา ชาตินี้ไม่เคยจะเห็นความน่ารักเกินผู้ชายของมันเลยซักครั้ง
            “อือ” ร่างเล็กข้างๆผมบิดตัวเล็กน้อยก่อนตากลมๆนั่นจะค่อยๆเปิดขึ้น ไอ้กี้หรี่ตามองผมก่อนจะนอนกระแทกหัวลงกับหมอนแล้วมองไปยังเพดานสีขาวด้านบน
            “อย่างกับถูกสูบพลังงานชีวิต!”
            ตื่นขึ้นมาก็บ่นทันที กี้สไตล์จริงๆว่ะ
            ผมมองพวงแก้มใสๆนั่นอย่างไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจจริงๆ เมื่อคืนผมเพิ่งพบเรื่องแปลกที่น่าขนหัวลุก ผมไม่รู้สึกอยากจะอาเจียนเวลาจูบผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกวาบหวิวอะไรเป็นพิเศษเวลาไปจูบใคร
            ตกลงผมเป็นอะไรกันแน่ แล้วผมก็สงสัยในตัวเองมากๆจนเครียดคิ้วขมวด
            “เป็นไร?” เหมือนไอ้กี้จะสังเกตเห็นว่าผมเงียบผิดปกติ มันเลยหันหน้านอนตะแคงมาทางผม
            “มิคกี้ … กู … ขอจูบหน่อยได้ไหม” หน้าด้านไปไหม?
            ผมขอคนตรงหน้าออกไปตรงๆ ผมไม่ใช่คนอ้อมค้อม เอาจริงๆ แต่คนมันสงสัย! อยากรู้! ใจจะขาด แค่อยากจะรู้ว่าอาการแบบนั้นอาจจะหายไปข้ามคืนก็ได้ จูบไอ้กี้แล้วอาจจะอ้วกก็ได้ใครจะรู้
                        “มึงว่าไงนะ” ไอ้กี้ทำหน้าตกใจ ผมส่งสายตาออดอ้อนใส่
            “จูบอ่ะ” พลางใช้นิ้วแตะลงบนริมฝีปากของตัวเอง คนตรงหน้ากระพริบตาปริบๆ
            “ประสาท”
            “นะ … กูอยากรู้ว่ากูเป็น … เอ่อ ชอบเพศเดียวกันหรือเปล่า” ไอ้กี้ทำหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นผมพูดแบบนั้น มันถอนหายใจแล้วยกนิ้วดีดหน้าผากผมเบาๆก่อนจะยิ้มมุมปาก
            “… เออ ก็เอาดิ”
            ผมอึ้งไปนิดๆที่คนตรงหน้าตอบแบบนั้น แต่ก็ต้องอึ้งกว่าเมื่อไอ้กี้เป็นฝ่ายแตะริมฝีปากสีสวยของมันลงบนริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา ผมชะงักค้างไปชั่วขณะ
            ก่อนที่กี้มันจะค่อยๆถอนริมฝีปากของมันออก
            “รู้สึกยังไง?” ร่างเล็กเลิกคิ้วสงสัย ผมขมวดคิ้ววุ่น
            ไม่เห็นรู้สึกอยากจะอ้วก แล้วก็ไม่ได้รู้สึก… วูบวาบแบบที่ในหนังมันเป็น
            “ลิ้น…” ผมสบถเบาๆ ไอ้กี้ทำตาโตแต่เหมือนเพื่อนคนนี้จะพูดไม่ค่อยยากซะเท่าไร ไอ้กี้พลิกตัวขึ้นคร่อมผมก่อนลิ้นเล็กๆจะเลียลงบนริมฝีปากของผม ผมเบิกตากว้างพลางมองไอ้ประธานสภาที่เคยคิดว่ามันเป็นเด็กเฉิ่มที่สุดในรอบปี ทำไมตอนนี้มัน … ร้อนแรงจังวะ!!!
            “อือ”
            ลิ้นเล็กๆถูกส่งเข้ามาในโพรงปากผม แปลกที่ผมไม่ได้หลับตาหรือนิ่งเพื่อรับสัมผัส ใบหน้าของร่างที่คร่อมผมอยู่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เมื่อเห็นแบบนั้นผมเลยเป็นฝ่ายพลิกคร่อมไอ้กี้แทน
            ความรู้สึกร้อนแปลกๆเพิ่มขึ้นที่ช่องท้อง จนลามขึ้นมาถึงใบหน้าและช่วงคอ
            “ป่าน … อือ” ไอ้กี้หอบหายใจถี่เมื่อริมฝีปากของผมแตะลงที่ลำคอขาวๆนั่น
            ทำไม … ทำไม!!!
            ทำไมมันน่ารักอย่างงี้วะ!!!
            แก้มใสๆสีแดงระเรื่อนั่น ริมฝีปากสีส้มๆ ดวงตากลมๆที่ฉ่ำเยิ้ม ตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ … เรียกสติผมให้หลุดไปหมดแล้ว!!!!
            ‘ปัง’
            “เฮ้ย/เฮ้ย!!!!” เสียงร้องสองเสียงประสานกันดังขึ้นด้านหลังก่อนร่างของผมจะลอยออกจากร่างของไอ้กี้ที่นอนแผ่อยู่ ผมมองสิ่งที่เกิดขึ้นนิ่งๆเพราะภาพในหัวมันยังฉายซ้ำๆอยู่
            น่ารัก
            น่ารัก
            น่ารัก !!!
            “ป่าน มึงทำอะไร…!!!” มือที่แตะลงบนหน้าผมแรงๆทำให้ผมหลุดจากภวังค์ ผมมองไปยังร่างเล็กที่อยู่บนเตียงที่ลุกขึ้นมานั่งเพราะไอ้กาฬเข้าไปประครองเอาไว้
            ก่อนจะ…
            “เฮ้ย! เลือด!!!”
            ผมสะดุ้งเมื่อนิ้วของไอ้นาทีแตะที่จมูกของผม ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อมือของมันเปื้อนเลือดสีแดงสด เท่านั้นแหละผมก็รู้ตัวเองว่าเลือดกำเดาไหล ผมมองไอ้กาฬกับไอ้กี้ ไอ้กี้ยิ้มร่าแล้วหัวเราะอยู่บนเตียงเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องไม่น่าซีเรียส ส่วนไอ้พระกาฬ ทำหน้าขู่ฟ่อๆเหมือนกับแมวหวงก้าง
            “ออกมานี่เลย”
            ไอ้นาทีกดเสียงต่ำแล้วลากผมออกจากห้องก่อนจะหาทิชชู่มาให้ผมซับเลือดที่ซึมออกจากโพรงจมูก มันเดินหายเข้าไปในห้องครัวของที่พักแขกแล้วเดินออกมาพร้อมกับผ้าห่อน้ำแข็ง
            “มึงทำบ้าอะไร!!” ร่างข้างๆตะคอกผมเสียงดัง ผมสะดุ้งเล็กๆแล้วนั่งพิงโซฟา
            “จูบ”
            “ชอบไอ้กี้หรือไงถึงไปจูบมันน่ะ!!”
            แล้วมันกงการอะไรของมึงที่ต้องมาตะคอกกูวะเนี่ย’
            “แค่อยากลองอะไรบางอย่าง” ผมย้อนคำพูดคนตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆใช้ผ้าปาดเลือดออกไป ไอ้นาทีกำหมัดแน่น เหมือนมันจะโมโหมาก ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันโมโหทำไม
            ผมไม่ได้ไปจูบแฟนมันนี่หว่า
            “ลองบ้าอะไร!? ลองบ้าอะไรวะจะปล้ำกันอยู่แล้ว!!!” ไอ้นาทีขึ้นเสียงใส่ ผมผลักอกมันออกอย่างแรงจนคนตรงหน้าแทบหงายหลังก่อนจะแลบลิ้นใส่
            “ก็กะอยู่!!”
            “ไอ้ป่าน!!!!”
            ผมหัวเราะร่าแล้ววิ่งออกมาจากบ้านพักแขกทันที ได้กวนตีนใครบางคนตอนเช้านี่มันสบายใจจริงๆ หึหึ แต่จริงๆนะ ถ้าไอ้นาทีกับไอ้กาฬไม่เข้ามาขัด ผมคงปล้ำไอ้กี้ลงไปจริงๆแล้ว
            แล้วอาการแบบนี้มันเรียกว่าอะไรล่ะ
            ผมไม่เห็นจะรู้สึกพิศวาสอะไรกับไอ้นาทีแล้วก็ไอ้กาฬ แต่กลับรู้สึกมวนๆท้อง เขินๆเวลามองหน้าหวานๆของไอ้กี้
            “อ้าวพ่อหนุ่ม”
            คุณป้าเจ้าของบ้านเดินเข้ามาหาผม ผมยกมือไหว้คุณป้าอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อวานผมกับเพื่อนๆเข้ามาพัก คุณป้าแกก็ไม่ได้เข้ามาจุ๊กจิ๊กอะไร จะมีก็แต่ถามว่าจะเอาอะไรเพิ่มไหม สะดวกสบายหรือเปล่า
            เธอเป็นคนดีมากจริงๆ
            “สวัสดีครับป้า”
            “ไปเตรียมตัวเถอะ ลุงแกจะเข้าเมืองเช้านี้ไปส่งผลไม้ ติดรถไปลงช่วงเช้าน่าจะหารถบัสกลับกรุงเทพฯได้ง่ายๆ” คุณป้าว่าแล้วยิ้มให้ผม ผมยกมือไหว้ป้าแกอีกครั้งกับความมีน้ำใจ รวมถึงขอบคุณสำหรับน้ำใจมากมายที่มีให้ผมกับเพื่อน
            จะได้กลับบ้านแล้วเว้ยยย !!!
 
            *
 
            ผมนั่งอยู่บนรถบัสข้างๆไอ้นาที นั่นเป็นเพราะว่าพระกาฬมันจะนั่งกับไอ้กี้แล้วก็ห้ามผมเข้าใกล้เพื่อนสนิทมิคกี้เม้าส์เป็นระยะ 3 เมตร สองคนนั่นนั่งหลังสุด ส่วนผมกับไอ้นาทีนั่งหน้าสุดแทบจะติดกับคนขับ! ใช้ได้ที่ไหน … ผมคิดถึงหมากี้ของผมนะ !!!
            ขึ้นรถมาผมก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากขลุกอยู่กับมือถือที่ต่อเน็ตได้ สาบานได้ว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่ากูเกิ้ลเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ผมยกเข่าขึ้นมากอดเอาไว้ก่อนจะเอาผ้าห่มคลุมโปงตัวเองเพื่อไม่ให้คนข้างๆมาเสือกว่าผมกำลังค้นหาอะไรอยู่ ผมพยายามเสิร์ชหาสิ่งที่ผมเป็น
            ก่อนจะพบกับข้อความมากมาย
            เคะ
            เมะ
            คืออะไร?
            อันที่จริงความหมายมันก็ไม่ได้เข้าใจยากซักเท่าไร แต่เป็นเพราะว่าผมไม่เปิดรับที่จะเข้าใจมันแม้แต่นิด ในใจผมพยายามต่อต้านตัวเองว่า ผมไม่ใช่ ผมไม่เป็น ผมไม่ได้ข้องเกี่ยว
            ผมยังเป็นไอ้ป่านที่แมนสมชายชาตรีและชอบผู้หญิงแบบเดิม
            แต่พอนึกถึงริมฝีปากสีส้มๆของไอ้กี้แล้ว … ก็อยากจะเลือดกำเดาไหลอีกซักรอบ
            ให้ตาย…
            ผมจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่มีอาการเขินตัวม้วนแบบนี้คือตอนที่น้องหญิงเอาปากสีชมพูน่าจุ๊บนั่นมาคลอเคลียข้างหูของผมเพราะเราเล่นเกมส์ทายคำศัพท์กัน
            แต่ผมไม่เคยนึกเลยว่าจะมารู้สึกกับผู้ชายด้วยกัน
            กี้มันก็ ... น่ารักดี
            ผมกรอกผลสำรวจกับโพลอะไรต่างๆแล้วกดรอผลว่าตกลงแล้วผมเป็นอะไร เป็นตัวอะไร ประเภทอะไรกันแน่ ก่อนข้อความที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอจะดึงความสนใจของผมออกจากมือหนาๆที่พยายามกระชากผ้าห่มออกจากตัว
            ‘คุณเป็นเมะ 100% เชียวล่ะ แค่ได้เห็นผู้ชายหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มคุณก็แทบจะกระโจนเข้าใส่แล้ว ไม่ว่าจะเวลาไหนคุณก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยคนบอบบางอยู่เสมอๆ … บลาบลาบลา’
            ลงท้ายด้วย
            สมาคมสาว yaoi
            หา … นี่มันศัพท์อะไรกันไม่เห็นเคยรู้จัก
            “ทำอะไร?” ไอ้นาทีที่สำเร็จความสุขในการดึงผ้าห่มออกจากร่างผมแล้วหันมามองหน้าผม มันจิกตาซะจนผมคิดว่าจะกินผมเข้าไปทั้งตัวอย่างไงอย่างงั้น ผมยื่นมือถือให้มันดู
            “ในนี้บอกว่ากูเป็นเมะอ่ะ แล้ว yaoi คืออะไร สาววายคืออะไรวะ?”
            ผมกระพริบตาปริบๆเมื่อไอ้นาทีหยิบมือถือไปดู นาทีมันอ่านอยู่ซักพักก่อนจะกดหน้าจอปิดไป
“มันมั่ว กูรู้เรื่องนี้ดี มึงอ่ะเป็นเคะ ส่วนสาววายก็คือผู้หญิงที่ชอบให้ผู้ชายกดกัน” ไอ้นาทีว่า ผมอ้าปากค้าง
“แล้วเคะคือไรวะ?”
ผมที่กำลังรอคำตอบก็แทบจะร้องโวยออกมาถ้าไม่ใช่เพราะว่าไอ้ทีมันหยิบผ้าห่มที่ผมห่มอยู่เมื่อกี้ขึ้นมาคลุมหัวผมและมันให้มาอยู่ใต้ผ้าห่มเดียวกัน
            จมูกโด่งๆของคนข้างหน้าแตะลงบนจมูกของผม
            ดวงตาสีเทานั่นจ้องเข้ามาในตาของผม
            ก่อนริมฝีปากสีซีดนั่นจะกดจูบลงบนริมฝีปากผม ลิ้นร้อนถูกส่งเข้ามาในโพรงปาก จูบที่นุ่มนวลที่สุดตั้งแต่จูบกับไอ้นาทีมา อย่างกับว่าตัวลอยอยู่บนผิวน้ำ ผมถอยหลังแทบสุดแต่มือของไอ้นาทีกระชากแขนผมไว้เพราะกลัวว่าผมจะตกเก้าอี้ ความรู้สึกแปลกๆเริ่มแล่นเข้ามาทีละนิด ทีละนิด จนกลายเป็นว่าใบหน้าผมรู้สึกร้อนผ่าวๆแปลก
            “อะ…”
            “เคะก็คือ … คนที่ต้องอยู่ข้างล่างตลอดชาติไง” ไอ้ทีว่าแล้วหัวเราะร่า ผมเบิกตากว้างก่อนจะฟาดแขนมันไป
            “อะไรนะ?!!” ผมกระซิบถามคนข้างๆอีกครั้ง แต่เป็นน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจเพราะตอนนี้คนภายในรถทัวร์กำลังหลับ ผมหยิกแขนไอ้นาทีแรงๆ
            “ช่วยไม่ได้ ผลมันออกมาแบบนั้น มึงก็ต้องอยู่ล่าง อยู่ข้างบนมันผิดกฎ”
            “ผิดกฎ? กฎอะไรวะ?”
            “กฎของธรรมชาติ ถ้ามึงอยู่ข้างบนมึงจะไม่มีใครรัก พ่อแม่ก็ไม่รัก เพื่อนก็ไม่รัก เรียนไม่เก่งอีกด้วย แถมยังหน้าตาจะแย่ลง โง่ขึ้นด้วย” ผมเบิกตาโพลงกับสิ่งไร้สาระที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา ไอ้นาทียิ้มมุมปาก
            จริงเหรอวะ…
            ขนาดนั้นเลย?
            “เวอร์ไปป่ะ?”
            “ไม่นะ หรือมึงอยากลองล่ะ?” ไอ้นาทีว่า มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอย่างกวนตีนๆ
            “ไม่ว่ะไอ้ห่า”
            ใช่ ถ้าแม่งเป็นจริงๆก็ซวยดิวะ!
            ผมกับไอ้นาทีกลับมานั่งนิ่งๆกันอีกครั้งหลังจากรถเคลื่อนตัวเข้าสู่ปั้มน้ำมันเพื่อให้คนลงไปซื้อหาของกินหรือเข้าห้องน้ำ รวมไปถึงรถบัสที่ต้องเติมน้ำมัน ตอนนี้รถก็เลยเงียบเป็นป่าช้า ผมหันขวับกลับไปด้านหลังรถพลางมองสองคนด้านหลังที่นอนพิงกันอย่างหมั่นไส้
            เหอะ
            “เออจะว่าไป เมื่อกี้ที่มึงจูบกู กูรู้สึกแปลกๆ” ผมหันไปคุยกับไอ้นาทีอีกรอบ คนข้างๆเลิกคิ้วสูง
            “แปลกยังไง? จะอ้วกเหรอ?”
            “เปล่า … มันรู้สึกเหมือนตอนที่จูบไอ้กี้เลย ร้อนๆแปลกๆ แถมยังหน่วงๆที่ท้องด้วย ตอนแรกกูลองแล้วนะ จูบกับมึงแล้วก็ไอ้กาฬไปเมื่อวานแต่มันก็ไม่เห็นรู้สึกแบบนี้เลย แต่พอวันนี้ พอจูบไอ้กี้แล้วมาจูบมึงทำไมมันถึงรู้สึกแบบนั้นก็ไม่รู้”
            ผมยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะคาง ลูบๆเหมือนกับว่ามันมีหนวดยาวๆสีขาวอยู่ตรงนั้น ไม่เข้าใจเลยจริงๆ แต่ผิดกัน แทนที่คนข้างๆจะตอบคำถาม มันกลับหัวเราะซะจนตัวงอกับสิ่งที่ผมถามออกไป ผมหันไปขมวดคิ้วใส่
            “หัวเราะบ้าอะไร” กูซีเรียสนะเนี่ย
            ไอ้นาทีหยุดขำแทบจะทันที ก่อนจะกอดคอผมเอาไว้แล้วแตะริมฝีปากลงที่หูของผม ผมสะดุ้งเฮือกพลางพยายามจะกระถดตัวหนี ก่อนที่ปากพล่อยๆนั่นจะพูดบางสิ่งบางอย่างออกมา
            “สงสัยมึงจะเป็นโรคแพ้ ‘ลิ้น’ ซะแล้วว่ะ”
            “หา!!!?”
            “ชู่วๆ” ไอ้นาทีปิดปากผมแล้วส่งเสียงบอกเป็นเชิงว่าผมส่งเสียงดังเกินไป ผมลดวอลุ่มลงแล้วจ้องคนตรงหน้าเขม็ง
            “หมายความว่าไง?”
            “เมื่อวานมึงจูบไอ้กาฬแค่แตะปาก แล้วกูก็แค่เอาลิ้นแตะปากมึง แต่วันนี้กู…”
            “พอ!!!” ผมยกมือปรามทันทีที่รู้ว่าไอ้นาทีกำลังจะพูดอะไรก่อนจะหันกลับมากอดอกแล้วมองไปยังท้องถนนด้านหน้า คนค่อยๆทยอยขึ้นรถมา ก่อนที่รถจะออกตัว
            ที่ไอ้นาทีพูดก็มีเหตุผล อืมเหตุผล…
            “ลองอีกรอบมั้ย?”
            ‘ผลั่วะ!’
            “โอ้ย!”
            ผมยกมือฟาดหัวคนข้างๆที่ปากเสียแล้วหยิกหูไอ้นาทีอย่างแรง
            “เจ็บๆ ทำอะไรวะ?”
            “สั่งสอนคนลามปาม ได้ทีเอาใหญ่เลยนะมึง ไอ้บ้ากาม!”
            โถ่เว้ย แล้วนี่ผมจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานเท่าไรกันวะเนี่ย? ไอ้โรคนี่มันกินยาหายมั้ยวะ?! ผมต้องไปหาหมอมั้ย?
            น่าอายชะมัด น่าอายเป็นบ้าเลยจริงๆ!!!
 
            *
 
            พอถึงบ้านปุ๊บผมก็ฟุบตัวลงบนที่นอน น่าแปลกที่น้องหญิงมารอผมถึงหน้าบ้าน ผมตกใจพอสมควรที่น้องหญิงควรจะไปหาไอ้นาทีที่คอนโดมันมากกว่าเพราะผมเป็นเพียงแค่ของไร้ค่าที่ถูกทิ้ง แต่แปลก หญิงมาต้อนรับผมอย่างดิบดีเหมือนกับว่าเธอยังเป็นคนเดิม ร่างเล็กวิ่งปราดเข้ามาทันทีที่เห็นผมกลับมาก่อนเจ้าตัวจะนั่งลงข้างๆผมที่นอนแผ่อยู่บนเตียง
            “ป่าน…”
            “หืม”
            เสียงเล็กๆเรียกผม ผมหันหน้าไปมองน้องหญิง จมูกเล็กๆเคลื่อนเข้ามาใกล้จมูกของผมซะจนผมต้องกระเด้งตัวออกอย่างตกใจ
            “เอ่อ มีอะไรครับ?”
            น้องหญิงเลิกคิ้วสงสัย ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆผม มือเล็กๆนั่นคว้าปลายคางผมไว้ก่อนร่างเล็กจะทำในสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ มือเรียวกระชากผมให้ลงไปนอนที่เตียงก่อนจะขึ้นคร่อมผมอย่างรวดเร็ว!!!
            “ยะ … หญิง!!”
            “เงียบ!!!” เสียงที่ออกเป็นเชิงสั่งพร้อมกับมือเล็กๆที่ไล้ไปตามร่างกายผม ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ นี่มันอะไรกัน น้องหญิงจะทำอะไร
            มือเรียวไล่ไปตามร่างกายของผมก่อนจะปลดเข็มขัดกางเกงของผมออก ผมดิ้นพล่านแล้วพยายามผลักน้องหญิงออก น้องหญิงหยิกเอวของผมจนเจ็บ ผมร้องออกมาอย่างไม่เข้าใจ
            “หญิงจะทำอะไร!!!”
            “หญิงบอกให้เงียบไปป่าน!!!”
            เพราะเป็นคำสั่งของคนที่ผมรัก ผมจึงได้แต่อยู่เฉยๆเพราะถ้าเกิดดิ้นแรงไปอาจจะทำให้น้องหญิงได้รับบาดเจ็บไปก็ได้ ... กางเกงผมหล่นไปกองอยู่ที่ปลายเท้าอย่างรวดเร็ว มือเรียวเล็กเลิกเสื้อผมขึ้นแล้วสำรวจไปทั่วร่างกาย ผมได้แต่นอนนิ่งค้างเป็นหุ่นเมื่อหญิงทำอะไรบางอย่างกับร่างกายของผม ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆคิด เธอแค่ทำมากกว่าที่ผมคิดแค่นั้นเอง
            หญิงถอนตัวออกจากผมพร้อมกับหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างกายผมเอาไว้ ดวงตากลมที่ผมเคยเห็นว่าเธอใสซื่อมาตลอดกลับแปรเปลี่ยนเป็นดวงตาที่เต็มไปด้วยราคะแฝงไปหมด ผมรู้สึกกลัวกับคนตรงหน้าขึ้นมาเล็กๆ
            “หญิงแค่จะเช็ค ว่าป่านไม่ได้มีอะไรกับคนของหญิง”
            ผมแทบช็อคตายคาที่นอนเมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงพูดออกมา ร่างเล็กนั่งลงด้านข้างผมก่อนจะดึงหัวผมไปนอนตักเธอเหมือนทุกครั้ง ราวกับว่าจะปลอบประโลมในสิ่งที่เธอเพิ่งทำลงไป ผมนิ่งค้างไปเมื่อมือเรียวลูบกลุ่มผมของผมแผ่วเบา
            “ป่านเป็นเด็กดีของหญิงนะ … อย่าทำให้หญิงต้องเสียใจ”
            “ป่านไม่ได้ชอบผู้ชาย”
            ผมสวนกลับแทบจะทันที แม้มันจะเริ่มเป็นการโกหกแล้วก็เถอะ
            “หญิงรู้ป่าน หญิงรู้…”
            “แต่นาทีไม่ใช่… นาทีชอบผู้ชาย…”




TBC

ออฟไลน์ Arancia

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-2
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.12] 29/1/57 P.2
«ตอบ #44 เมื่อ02-02-2014 16:08:04 »

พลิกไปพลิกมาตลอดเลย เรื่องนี้ ติดตามนะคะๆ

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.13] 2/2/57 P.2
«ตอบ #45 เมื่อ02-02-2014 17:23:19 »

กลัวหญิง บอกเลย   :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.13] 2/2/57 P.2
«ตอบ #46 เมื่อ02-02-2014 18:25:06 »

อะรายฟระ เริ่มงง

ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.13] 2/2/57 P.2
«ตอบ #47 เมื่อ02-02-2014 18:45:39 »

ซ้อนเงื่อนไปหมดดด ลุ้นมันส์มาก  :ling1:

ออฟไลน์ hotoil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.13] 2/2/57 P.2
«ตอบ #48 เมื่อ02-02-2014 20:15:27 »

หญิงนี่ออกแนว ร่าน + โรคจิตป่ะ  (หรือคิดมากไปเอง)
เรื่งนี้ชอบค่ะ เป็นอะไรทื่แปลกใหม่  จะใส็ใส จะเถื่อนก็เถื่อน
ป่าออกแนวซึนๆมึนป่ะ  เรื่องนี้ปมเยอะจัง รออ่านต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.13] 2/2/57 P.2
«ตอบ #49 เมื่อ03-02-2014 15:33:30 »

อ่านเรื่องนี้แล้วลุ้นมากอ่ะ

พลิกไปพลิกมาตลอดอ่ะเดาไม่ถูกเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.13] 2/2/57 P.2
« ตอบ #49 เมื่อ: 03-02-2014 15:33:30 »





ออฟไลน์ นุ่งหนิง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.13] 2/2/57 P.2
«ตอบ #50 เมื่อ03-02-2014 17:01:47 »

อ่านตอนที่ ป่าน ค้น ความหมาย เมะ เคะ แล้วขำอ่ะ

ผลบอกว่า เป็น เมะ 100%

แต่ นาทีบอก ว่า เป็นเคะ ร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้ว บอกว่า ถ้าเป็นจะไม่มีใครรัก. ป่านมีเคลิ้มอ่ะ


นาที น่ารักอ่ะ

น้องหญิงโรค จิต อ่ะ ร้าย ร่าน

พระกาฬ ยอม มีอะไรด้วยเพราะอะไรน่ะ


เรื่องลึกลับซับซ้อนมากๆๆ น่าติดตาม ทุกตอน

มาต่อเร็วๆๆน่ะ

ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.14]
«ตอบ #51 เมื่อ04-02-2014 00:27:34 »


14

            ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าคอนโดของคนที่ผมอยากคุยด้วยมากที่สุดตอนนี้ เมื่อวานหลังจากที่เจอเรื่องที่น่าตกใจ ทำให้ใจผมมันสั่นแปลกๆ ผมไม่กล้าที่จะอยู่ใกล้หญิงอีกต่อไป ความรู้สึกกลัวใจตัวเอง กลัวสิ่งที่เธอจะทำ มันก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆย้ำๆซ้ำๆอยู่ในหัว
            “ป่าน…”
            ประตูห้องถูกเปิดออก เจ้าของห้องมีสีหน้าไม่เข้าใจ
            “ขออยู่ด้วยได้มั้ย”
            เหมือนไอ้นาทีจะสังเกตเห็นของที่ผมวางระเกะระกะอยู่หน้าห้อง ผมไม่กล้ากลับบ้าน วันนี้ตั้งแต่เช้าผมก็ขนเสื้อผ้าออกมาจากบ้านของตัวเอง พอเลิกเรียนก็ตรงมาที่คอนโดของไอ้นาทีที่ผมจำได้ลางๆ
            ผมไม่กล้าเจอผู้หญิงคนนั้น
            “เข้ามาก่อน”
            นาทีถอยหลังไปติดกำแพงเพื่อเปิดทางให้ผมเดินเข้าไปในห้อง ผมรู้ว่าสภาพผมตอนนี้ก็เหมือนศพผีดิบดีๆนั่นเอง ถ้าเป็นคุณ คุณจะช็อคมั้ยเมื่อผู้หญิงที่คุณรักมาสั่งให้คุณแก้ผ้าแล้วตรวจเช็คว่าคุณไม่ได้ไปมีอะไรกับคนที่เธอทึกทักเองว่าเป็นแฟนของเธอ
            ผมนั่งลงที่โซฟาพลางกอดเข่าตัวเองเอาไว้ ไอ้นาทีเดินเข้ามานั่งข้างๆพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบเบ้อเริ่มของผม
            “นี่กะจะมานอนตลอดชีพเลยปะวะเนี่ย?” ไอ้นาทีถาม ผมไม่ได้ตอบ เมื่อมันเห็นสิ่งผิดปกติมันเลยนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าผม มือที่อุ่นของมันเอื้อมมาจับมือของผมเอาไว้
            “เป็นอะไร”
            ผมจ้องดวงตาสีเทาของคนตรงหน้านิ่ง ราวกับว่าสติยังไม่กลับ ผมหัวเราะกับตัวเอง
            ทำไมนะ … ทำไมผมถึงต้องยอมผู้หญิงคนนั้นทุกอย่าง
            “หญิงแก้ผ้ากู…” ผมพูดขึ้นนิ่งๆ สายตายังไม่ละไปจากดวงตาของไอ้นาที ไอ้นาทีเบิกตากว้างอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน มันนิ่งไป พอๆกับผม
            “แล้วเช็คว่ากูมีอะไรกับมึงหรือเปล่า…”
            “ว่าไงนะ!?”
            ไอ้ทีร้องออกมาอย่างตกใจ ผมส่ายหน้าแล้วหัวเราะอีกครั้ง
            “กูทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นอนนิ่งๆ…”
            “โรคจิตไปแล้วแน่ๆ” คนตรงหน้าผมบ่นอุบ ผมส่ายหน้าอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้งจนกลายเป็นว่ามันไม่หยุด น้ำตาค่อยๆไหลออกมาจากขอบตาที่ผมพยายามเก็บมันเอาไว้
            “กู … กูไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลย … เหรอ” ผมกลืนเสียงสะอื้นเข้าไปในลำคอ ไอ้นาทีใช้มือของมันปาดน้ำตาบนแก้มของผมออกไป มันดูตกใจที่เห็นผมร้องไห้ แต่ผมกลั้นไว้ไม่ไหวจริงๆ
            “ป่าน … มึง … ถ้าผู้หญิงคนนั้นทำถึงขนาดนี้ มึงไม่ต้องทนได้มั้ย!?” น้ำเสียงที่ออกแนวตะคอกดังออกมาจากปากของคนตรงหน้า ผมอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ
            “กูทำไม่ได้…ทำไมได้จริงๆ…”
            ‘หมับ’
            นาทีคว้าผมเข้าไปกอดแน่น ผมกอดตอบมัน โหยหาความอบอุ่นที่ผมขาดมาตลอดพลางปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ผมมักจะบอกแบบนี้กับตัวเอง ไม่ว่าเมื่อไรที่ร้องไห้ มันจะเป็นการร้องไห้ครั้งสุดท้าย และมันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก
            “เจ็บจังเลยว่ะ เจ็บชะมัด”
            ไอ้นาทีเงียบไป ปล่อยให้ผมปล่อยน้ำตาออกมาจนหมด มือหนาๆลูบหัวผมแผ่วเบา
            “ตัดใจซะป่าน … ตัดใจ”
            ตัดใจ …
            ใช่ ตัดใจสิวะ
            “กูทำไม่ได้” กลายเป็นว่าแทนที่ผมจะหยุดร้องไห้ ผมกลับร้องไห้โฮออกมาจนหยุดไม่ได้ ราวกับว่าหัวใจจะหลุดออกมาจากอก หายใจไม่ออกแน่นคับร่างกายไปทั้งร่าง ผมร้องโอดครวญอยู่แบบนั้น ครั้งแล้วครั้งเล่าจนน้ำตาแทบไม่เหลือ
            ผมตัดใจจากเธอไม่ได้
            ไม่ได้จริงๆ…
 
            *
 
            ราวๆสามทุ่มกว่าๆหลังจากที่ผมเข้าไปอาบน้ำเสร็จ ผมนั่งลงข้างเตียงมองออกไปนอกกระจกใสที่มองเห็นท้องฟ้าสีดำสนิทกับแสงไฟจากในตัวเมือง ผมกอดหมอนสีขาวแน่นจนแทบจะฝังตัวเองเข้าไปกับปุยนุ่นนั่น ภาพของหญิงฉายซ้ำๆอยู่ในหัวราวกับเป็นแผ่นฟิล์ม
            ภาพที่ผมหลอกตัวเองมาตลอด ว่าเธอรักผม
            แล้วผมก็รักเธอ
            ภาพที่เราอยู่ด้วยกัน คอยจับมือ คอยช่วยเหลือ คอยปกป้อง
            กลับถูกแทนที่ด้วยภาพที่เธอกระชากเสื้อผ้าผมออกแล้วสำรวจร่างกายของผมราวกับผมมีเชื้อโรค
            “ป่าน”
            ‘เพี๊ยะ’
            ผมฟาดมือลงบนมือของเจ้าของห้องอย่างแรงโดยไม่ได้ตั้งใจ มันเหมือนเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ที่ผมจำเป็นต้องสร้างมันขึ้นมาปกป้องตัวเอง เพราะหัวใจผมอ่อนแอ อ่อนแอเกินไป…
            “ขอโทษ”
            ผมหันกลับไปมองกระจกตรงหน้าต่อทันทีเมื่อเห็นว่าไอ้นาทีเดินเข้ามา มันทิ้งตัวนั่งลงข้างผม เราสองคนมักจะไม่พูดอะไรมาก เหมือนกับว่าไม่มีเรื่องอะไรให้พูด เพราะไอ้นาทีเป็นคนไม่พูดด้วยแหละมั้ง
            จู่ๆสัมผัสที่ศีรษะของผมก็ทำให้ผมต้องหันไปมองไอ้นาที มือของมันคว้าหัวผมให้กดลงบนไหล่กว้างๆของมัน ผมมองจมูกโด่งๆของไอ้นาทีนิ่งๆ
            “กูเป็นห่วงมึงรู้บ้างมั้ย”
            คำพูดที่เหมือนจะตัดพ้อทำให้ผมรู้สึกแปลกๆแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ผมพยักหน้า
            “ขอบใจ”
            “ขอบใจอย่างเดียวไม่พอว่ะ มึงต้องทำด้วย”
            “จะให้ทำไง…”
            “ตัดใจจากผู้หญิงคนนั้นซะ ถ้าไม่ตัดใจ มึงจะใจอ่อนไปตลอด ถ้าหญิงบอกให้มึงไปตาย มึงจะยอมอย่างงั้นเหรอป่าน…” ไอ้นาทีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมก้มหน้ามองฝ่าเท้าของตัวเอง
            “มั้ง”
            ‘ผลั่วะ!!!’
            แทบจะเป็นปฏิกิริยาที่ตอบโต้ทันทีเมื่อหมัดหนักๆซัดเข้าที่มุมปากของผม ผมร่วงไปกองที่พื้น ไม่ได้จะตอบโต้อะไรไอ้นาทีกลับ แต่กลับรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ผมสมควรต้องโดนซะบ้าง
            “โง่!!!!”
            “…”
            “ทำไมถึงโง่แบบนี้! กับอีแค่คนๆเดียว คนที่ไม่เคยแลเห็นหัวมึงด้วยซ้ำ! ทำไมวะ!!!? ทำไมถึงโง่ดักดานชิบ!!!”
            “…” ผมเงียบไปแล้วค่อยๆพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งเหมือนเดิม ไอ้นาทีเปลี่ยนเป็นยืนเตรียมจะกระทืบผมให้ตายเพราะขัดใจ ผมยิ้มบางๆ
            “หญิงเป็นเพื่อนคนเดียวของกูมา 15 ปี”
            ทั้งห้องเงียบไป ผมพยุงตัวเองขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วกอดหมอนเอาไว้แน่น
            “หญิงเป็นคนที่มอบชีวิตใหม่ให้กู”
            ผมซุกหน้าลงกับหมอนก่อนจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
            ผมเป็นเด็กประหลาด…ใครๆก็เรียกผมแบบนั้น ผมมีผิวที่ขาวเกินคนทั่วไป ขาวจนเรียกได้ว่าซีดจนแทบจะกลืนไปกับสีขาว พวกเขาเรียกผมว่าเอเลี่ยน หญิงเป็นเพื่อนคนแรกและคนเดียวที่ผมมี เป็นเพื่อนที่ทำทุกอย่าง เป็นทั้งพี่สาว น้องสาวหรือแม้กระทั่งแม่ แม่แท้ๆยังดูแลผมไม่ขนาดเธอเลย…
            แล้วตอนนี้พวกท่าน … ก็คงไม่คิดจะเหลียวมามองลูกชายเพียงคนเดียว
            เตียงที่ยวบลงเพราะร่างของใครบางคนนั่งลงข้างๆผม มืออุ่นๆสัมผัสเดิมๆแตะลงบนหัวของผม ราวกับว่าผมกลายเป็นลูกแมวตัวน้อยๆที่ต้องคอยออดอ้อนเจ้านาย ผมชอบฝ่ามือของใครก็ตามที่สัมผัสศีรษะ มันเหมือนกับว่าครอบครัวที่สูญเสียไปกำลังกลับมา
            “ถ้ามึงไม่ยอมตัดใจ…กูจะทำให้มึงตัดใจเอง”
            เสียงกระซิบข้างหูพร้อมกับแรงตึงที่ข้อมือทำให้ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไอ้นาทีคร่อมร่างผมเอาไว้แทบจะทันทีที่ผมเงยหน้ามองมัน ผมมองใบหน้าของคนด้านบนอย่างร้องขอ รู้อยู่แก่ใจว่าคนด้านบนต้องการจะทำอะไรเพราะเข่าที่แทรกเข้ามาที่หว่างขาของผม
            อย่าเพิ่งได้มั้ย…
            “อย่า…”
            “จำแค่ภาพกู ลืมผู้หญิงคนนั้นไป”
            “นาที…อย่า…ขอร้อง”
            “ลืมเธอไปซะ…ลืมซะ”
 
            *
 
            ผมค่อยๆลืมตาขึ้นพร้อมกับความเจ็บบริเวณสะโพกที่ทำให้น้ำตาแทบจะเล็ดออกมา คนข้างๆนอนหลับตาพริ้ม ร่างกายที่เปลือยเปล่าทำให้เรื่องราวเมื่อคืนย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัวผม
            ผมกับนาที … มีอะไรกันแล้วจริงๆ
            แล้วที่สำคัญ … ผมกลับยอมมันไม่แม้แต่จะผลักไสไล่ส่ง
            ผมเอื้อมมือไปปัดปรอยผมที่มักจะปกหน้าไอ้นาทีให้พ้นทาง ริมฝีปากสีซีดปิดสนิท อกที่กระเพื่อมขึ้นลงบ่งบอกถึงการหายใจของคนที่หลับสบาย จมูกโด่งๆ ดวงตาเรียวรีสวย โหนกแก้มที่ใหญ่นิดหน่อยแต่ไม่ได้ทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลานี่ดูแย่ กลับดูดีจนน่าประหลาด
            “จะลักหลับกันหรือไง”
            คนข้างๆตื่นขึ้นตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้เล่นเอาผมสะดุ้งแล้วชักมือกลับพลางพลิกตัวกลับอย่างแรงจนกระเทือนเครื่องยนต์ช่วงล่างเล่นเอารวดร้าวไปทั้งตัว ผมงอตัวเป็นกุ้งแต่เหมือนคนทำจะสำนึกผิด มันหัวเราะซะจนผมคิดว่ามันกำลังดูตลก
            น่าขำเหรอวะ!?
            ผมกัดริมฝีปากเมื่อจมูกโด่งๆของไอ้นาทีคลอเคลียอยู่บริเวณลำคอของผมก่อนจะใช้ฝ่ามือพิฆาตของตัวเองผลักหัวกลวงๆนั่นออกไปแล้วเตรียมเตะซ้ำถ้าไม่ติดที่ว่า … เจ็บ
            “รุนแรงว่ะ”
            “ลามปามก่อนนี่ไอ้ห่า”
            เหมือนไอ้นาทีจะไม่ฟังอะไรเลย มันสวมกอดผมจากด้านหลังแล้วกดคางลงบนศีรษะของผม
            “เป็นของกูจนได้”
            ไอ้ห่า
            “นั่นปากหรือฝ่าตีนล่ะนั่น” เพราะว่าผมกำลังอ่อนแอและต้องการใครซักคนต่างหาก!!
            “ฮ่าๆๆๆๆๆ”
            มันน่าจับกระทืบซะให้เข็ดมั้ยวะเนี่ย
            “ได้กูแล้วเดี๋ยวก็ทิ้งกูเหมือนคนอื่น ไม่เป็นไร กูไม่ใส่ใจอะไรมาก แค่เจ็บ” ผมบ่นอุบอิบเป็นเชิงประชดประชัน อยากจะแกล้งไอ้นาที แต่ดูเหมือนไอ้นาทีจะไม่เล่นด้วย มันพลิกตัวผมกลับมานอนแล้วขึ้นคร่อมผมอีกครั้ง นัยน์ตาสีเทานั่นจ้องผมเขม็ง
            “ลูกหมาจรจัดหน้าตาสะบักสะบอม กูทิ้งไม่ลงหรอก”
            “เวร!! ออกไปเลยไอ้สัดออกไป ปากมอมจริงๆ”
            ผมเลือกที่จะผลักคนด้านบนออก ไอ้นาทีหัวเราะแล้วหัวเราะอีก จมูกโด่งๆฝังลงบนกลุ่มผมของผม
            “กูยังไม่รู้ว่าคำว่า ‘รัก’ คืออะไร…”
            ผมสะอึกไปกับคำๆนั้น
            “แต่กูเชื่อว่ามึงสามารถทำให้กูรู้จักคำนั้นได้”
            อ้อหรอ…
            “กูไม่ใช่พจนานุกรมนะไอ้โง่!!”
            ผมถีบคนๆข้างออกไปก่อนจะกัดริมฝีปากกลั้นความเจ็บแล้ววิ่งพรวดเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ยืนส่องสภาพตัวเองด้านหน้ากระจก ก่อนจะมองเห็นสิ่งที่ขาดหายจากใบหน้าไปนานแสนนาน
            รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นเล็กๆ
            แปลกชะมัดที่ผมเองก็ลืมไปว่าเวลาอยู่กับนาที ผมก็มักจะลืมเรื่องของหญิงไป
            ผมจัดการตัวเองแล้วคิดว่าวันนี้อยากจะพักผ่อนโดยการโดดเรียน ไอ้นาทีต่างหากที่ต้องไปเรียนเพราะมันไม่ได้เจ็บแบบผม ผมเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนกับกางเกงบ็อกเซอร์สีขาวขาสั้น ส่วนไอ้นาทีก็เปลี่ยนเป็นชุดนักเรียนเสร็จเรียบร้อย
            “ทำหน้าที่เป็นภรรยาที่ดีหน่อยเร็ว”
            “พ่อมึง!!” ผมแทบจะโยนรีโมททีวีใส่หัวไอ้เวรตรงหน้าที่ชักจะลามปามเข้าไปใหญ่
            “กูจะไปเรียนแล้ว มาส่งเจ้าของห้องหน่อย”
            ไอ้คนทะเล้นมันกวักมือเรียกผมยิกๆ ผมเดินกระเผลกไปหามันก่อนที่ริมฝีปากสีซีดจะกดจูบเร็วๆลงบนริมฝีปากของผม ผมทำหน้าเซ็งกะตาย โดนมันจูบซะจนชิน
            “ไม่ดีใจเหรอ”
            “ใครจะไปดีใจทำหน้าหมาพุดเดิ้ลแบบมึงล่ะ ไปเรียนได้แล้ว สายแล้ว” ผมว่าพลางผลักไอ้นาทีออกจากห้องแล้วก็ต้องชะงักกึกเมื่อเห็นใครบางคนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง
            ไอ้นาทีเองก็นิ่งไปเหมือนกัน…
            น้องหญิงในชุดนักเรียนยืนอยู่หน้าห้องของไอ้นาที ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นผมอยู่ด้านใน เธอทำท่าจะเอ่ยปากพูดอะไรซักอย่างแต่นาทีก็คว้าแขนเจ้าตัวเดินออกไปโดยไม่ให้เธอได้พูด ผมค่อยๆปิดประตูลงเบาๆก่อนจะค่อยๆนั่งลงที่พื้นห้อง
            “ป่านขอโทษ…”
            ผมแค่พลาดพลั้งไป…แค่พลาดพลั้งไปจริงๆ

           ‘กริ๊ง’
            เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นภายในห้อง ผมลุกจากพื้นแล้วตรงไปที่เจ้าโทรศัพท์เจ้าปัญหาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างโทรทัศน์ มันเป็นโทรศัพท์ของห้องที่คอนโดไอ้นาที
            จะรับดีไหม?
            “ครับ”
            จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจรับมัน ปลายเสียงเงียบไปไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงแค่เสียงลมหายใจที่ทำให้ผมรู้ว่ามีใครบางคนถือสายอยู่ ผมเลิกคิ้วสงสัยก่อนจะกรอกเสียงลงไปอีกรอบ
            “ฮัลโหล”
            (ฮัลโหล นั่นใครน่ะ?) เสียงที่ทักมาเป็นผู้หญิง คงไม่แปลกที่จะมีผู้หญิงโทรหาไอ้นาที
            “เพื่อนนาทีครับ”
            (เพื่อน…)
            ‘กริ๊ก!’
            ปลายสายวางหูทันทีเมื่อผมทักไปอีกครั้ง ผมแทบจะปาไอ้เครื่องนี่ทิ้งไปซะ จะบ้าหรือไง คุยๆอยู่ดีๆอยากวางก็วางเลยเหรอวะ โรคจิตว่ะ
            ผมย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องนอนอีกครั้ง ห้องนอนของคนที่ผมเคยจะหาข้อมูลความสารเลวของมันเพื่อเปิดโปง แต่ในคราวนี้ผมไม่ได้มาร้ายแบบนั้น ผมแค่สงสัยมากไปหน่อยแค่นั้นเอง
            ผู้ชายตัวคนเดียวในคอนโด … คงไม่เรียบร้อยขนาดนี้หรอกมั้ง
            หนังสือที่วางเป็นระเบียบ ไหนจะเสื้อผ้าที่วางพับอย่างถูกที่ ข้าวของถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ต่างกับห้องใหม่ยกเว้นก็แต่ผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่เพราะไม่ได้พับจากการนอนของผม
            เรียบร้อยเกินไปแล้ว
            ผมเริ่มปฏิบัติการ นักสืบสะท้านโลก หยิบนู่นจับนี่จนสนุกมือ บางอย่างก็น่าสนใจ บางอย่างก็ตั้งไว้แค่ประดับห้อง ไอ้ที่น่าสนใจที่สุด คงเป็นโต๊ะเขียนหนังสือสีดำที่ทำขึ้นมาอย่างดีตรงหน้าล่ะมั้ง
            และแล้วสายตาก็ไปสะดุดกับสมุดเล็กๆขนาดพอดีมือเล่มหนึ่ง หน้าปกสีดำอีกแล้ว ผมคว้ามันมาไว้ในมือ กระดาษแห้งๆนั่นบ่งบอกถึงอายุการใช้งานว่าคงผ่านการเขียนมาเยอะเกินครึ่งเล่ม
            ผมถือวิสาสะเปิดดู ไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของห้อง
            ไดอารี่…?
            ผู้ชายเขียนไดอารี่มันก็มีอยู่นะ … แต่ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยละเอียดอ่อนขนาดนี้ ผมไล่เปิดไปหน้าแรก นี่ลายมือไอ้นาทีเหรอวะ เรียบร้อยเกินไปมั้ง ก่อนผมจะสะดุดกับชื่อที่เขียนอยู่ที่ท้ายกระดาษ
          ‘Angel diary’
            บันทึกของนางฟ้า…
            ผมไล่ๆเปิดดูข้อความ อ่านมันอย่างไร้มารยาท แล้วก็ต้องพบว่า ไดอารี่เล่มนี้ …
            เป็นของแฟนไอ้นาที…
            ผมเปิดไปที่หน้าสุดท้ายที่ไดอารี่ถูกเขียนเอาไว้ วันบนนั้นเป็นเวลาและวันที่เมื่อสองปีที่แล้วพร้อมกับข้อความสุดท้ายบนกระดาษ ลายมือไก่เขี่ยที่ผมมั่นใจว่าเป็นของผู้ชายถูกเขียนตรงกลางกระดาษตัวใหญ่ๆ
            ‘หลับให้สบายนะแองจี้’
            ‘พั่บ!’
            ผมปิดเจ้าสมุดนั่นลงทันทีพร้อมกับขนลุกเกรียว
            ‘หลับให้สบาย’
            มีความหมายสองอย่าง … ฝันดีหรือราตรีสวัสดิ์ หรือ ตายจากไป
            ผมเก็บไดอารี่นั่นกลับไปเก็บเข้าที่เดิมพลางยกมือไหว้อย่างขอโทษขอโพยถ้าเกิดผู้หญิงคนนั้นตายไปจริงๆ ผมไม่ได้อยากจะลบหลู่ แต่แค่สงสัยเกินเหตุ แล้วผมก็ไม่ได้จะแช่งเธอ แต่มันมีความหมายแบบนั้นจริงๆ
            ทำไมไอ้นาทีถึงต้องเก็บไดอารี่เล่มนั้นเอาไว้ … นั่นเป็นหลักฐานที่แสดงว่าผู้หญิงคนนี้ต้องสำคัญกับมันมากจริงๆ
            ผมเลือกที่จะกลับไปนั่งนิ่งๆที่โซฟา แล้วเปิดดูทีวีฆ่าเวลาไปเรื่อยเปื่อย ความเจ็บที่สะโพกเริ่มหายทีละนิดเมื่อผมกินยาแก้ปวด ก่อนจะผล็อยหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาอีกทีตอนสองโมงกว่าๆ
            หิวข้าวจัง
            ‘ตี๊ดๆ’
            เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นอีกครั้ง ผมวิ่งเข้าห้องไปรับ แค่เห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอผมก็แทบจะยิ้มร่าออกมาเสียยกใหญ่ ไม่ใช่ดีใจ แต่เพราะมีคนกำลังจะเลี้ยงข้าวต่างหากล่ะ
            “ไง”
            (ทำไมมึงไม่มาเรียนวะ!!? หา!!!)
            เสียงทุ้มต่ำของไอ้ฟ้าตะโกนดังลั่น ผมต้องยกโทรศัพท์ออกจากหู ไม่งั้นหูคงแตก
            “ไม่สบายนิดหน่อย มึงอยู่ไหน”
            (วันนี้เลิกเร็ว กูกะจะไปหามึงที่บ้าน อยู่บ้านหรือเปล่า? หรืออยู่โรงพยาบาล?) ไอ้ฟ้าถามเป็นชุด ผมส่ายหน้าเหมือนกับว่าเพื่อนสนิทอยู่ตรงหน้า
            “กูอยู่ที่อื่น ไปเจอกันที่ร้านข้าวที่เดิมได้ปะ สั่งข้าวไข่เจียวเผื่อด้วยเดี๋ยวไปหา”
            (เออ ไวๆ)
            แล้วมันก็ตัดสายไป ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมาะสมที่จะออกไปข้างนอก ไม่ลืมที่จะแปะโพสอิทไว้ตรงตู้วางรองเท้าตรงประตูว่าผมออกไปกินข้าว เมื่อเช้าไอ้นาทีเอาคีย์การ์ดห้องออกไปแล้ว ถ้ามันกลับก่อนผมก็ไม่ต้องใช้มัน
            ผมเดินไปตามทางที่จำได้แม่น มือก็กระชับกระเป๋าสะพายที่มักพกติดตัวไปไหนมาไหนเอาไว้ ผมยืนรอสัญญาณไฟที่ทางม้าลายตรงป้อมตำรวจเพื่อที่จะข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม ก่อนจะยืนกดโทรศัพท์เล่นไปเรื่อยเปื่อย
            ‘ปริ้น!!!!!’
            เสียงบีบแตรรถเสียงดังสนั่นพร้อมกับร่างของผมที่ถูกกระชากไปด้านหลังแล้วร่วงไปทับใครบางคน ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว รถกระบะพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วแล้วเสยป้อมตำรวจไป ถ้าไม่มีใครดึงผมไปด้านหลัง ผมอาจจะต้องคอหลุดจากบ่าไปแล้ว!!!
            “คุณ โอเคมั้ย?!” มือหนาของใครซักคนตบเบาๆที่แก้มของผม ผมหลุดออกจากภวังค์ ผมมองใบหน้าคนตรงหน้านิ่งๆแล้วถอยหลังไปนิดๆด้วยความช็อค…
            “โอเคมั้ย เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
            ผู้ชายร่างสูงที่หน้าตาคุ้นเคยเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนซักที่ภายใต้กรอบแว่นเรย์แบนสีดำ ผมส่ายศีรษะไล่อาการมึนๆออกไปก่อนจะค่อยๆพยุงตัวขึ้นยืน เสียงกรีดร้องและเสียงของผู้คนที่บาดเจ็บดังเซ็งแซ่ไปหมดเพราะว่าบริเวณที่ผมยืนอยู่มีคนจำนวนไม่น้อย คาดว่าคนขับน่าจะไม่เป็นอะไรมากเพราะฝั่งที่เสยเข้าป้อมตำรวจไม่มีคนนั่ง
            “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ” ผมว่าก่อนจะพยุงตัวขึ้น ร่างสูงข้างๆช่วยพยุงตัวผมอีกแรง เขาสูงมาก แถมหน้าตายังคุ้นสุดๆ เหมือนกับว่าเคยเห็นผ่านๆโปสเตอร์ที่ไหนซัก…แห่ง
            “ไอริสเหรอ?”
            ผมกระซิบเสียงแผ่วเมื่อเห็นรอยสักที่ต้นคอของชายตรงหน้า เขากระชับปกคอเสื้อปิดนิดหน่อยแต่ไม่สามารถหลบสายตาสอดแนมของผมได้!!!
            อย่าบอกนะว่า!!!
            “ชู่ว”
            คนตรงหน้าทำสัญญาณเป็นเชิงว่าไม่ให้ส่งเสียงดัง ก่อนเขาจะพาผมเดินข้ามถนนไปยังฝั่งที่ปลอดภัยเมื่อรถจอดนิ่งเพื่อหยุดไฟแดง
            ผมมองมือหนาที่จับแขนของผมไว้อย่างตื้นตันและรู้สึกดีใจจนแทบจะบินได้ ก่อนที่ร่างสูงจะดันเข้าไปในซอยๆหนึ่งแล้วดึงแว่นตาลง
            ใช่จริงๆด้วย!!!! ใช่ ไม่ผิดตัวแน่ๆ
            ไอริสมือกลองของวงร็อคชื่อดัง!!!!!
            ให้ตายเถอะผมเป็นแฟนคลับนัมเบอร์วันเชียวนะ!!!! เฮ้ยยย!!!!




TBC
เอาป่านกับนาทีมาเสิร์ฟแล้วค่าา ตอนนี้มีตัวละครมาใหม่ด้วย ฮ่าๆๆๆ
ซี่เห็นว่ามีคนเข้ามาอ่านเยอะขึ้นด้วย...ดีใจมากเลย :hao5: ดีใจแทนพี่คนเขียนด้วย

ความจริงซี่ว่าจะมาเล่าให้ฟังหลายครั้งแล้ว คือพี่ jiwinil (คนแต่ง)เนี่ย สมัยก่อนเขาดังเรื่องการเขียนนิยายหักมุมมากเลยค่ะ
เมื่อก่อนที่เขามีนิยายเรื่องนึง เป็นแนวมาเฟีย สนุกมาก 5555 นายเอกชื่อรัม พระเอกชื่อกิน หักมุมกระจาย! อ่านไปลุ้นไป
แต่คอมพี่เขาเสียไปตอนนั้นเลยทำให้ไฟล์หายไปหมด แล้วตอนนั้นพี่เขาก็ลบนิยายจากเว็บไซต์ที่ลงไว้ตอนนั้นแล้วด้วย ผลสรุปคือหายเกลี้ยง.... :z3: เสียดายมากกกกก จริงๆ ที่เล่ามานี่ก็คือ อยากมาแบ่งปันความน่าเสียดายให้ทุกคนฟัง.. (เลว) 5555+

ดังนั้นเรื่อง Take Turn นี้เลยจะมีกลิ่นอายความหักมุมอยู่ค่อนข้าง.. ยังไงซี่ก็อยากให้ทุกคนอ่านกันด้วยความเพลิดเพลินนะค้าบ

ออฟไลน์ Mancha KHIRI

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.14] 4/2/57 P.2
«ตอบ #52 เมื่อ04-02-2014 01:05:16 »

ป่านเอ้ยยยย ทำไมอีแม่รู้สึกหนูจะอ่อนไหว ไหลระรินไปกับปู้จายทุกคนที่หนูประสบพบเจอเลยล่ะลูก มีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้วนา :m20:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.14] 4/2/57 P.2
«ตอบ #53 เมื่อ04-02-2014 04:24:08 »

ซับซ้อนมากๆ เดาทิศทางกันไม่ถูกเลย

ออฟไลน์ mapreaw

  • เคยคิดว่า "รักแท้มีอยู่จริง"
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 615
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.14] 4/2/57 P.2
«ตอบ #54 เมื่อ04-02-2014 05:17:14 »

มีตัวละครมาให้ลุ้นเพิ่มอีกแล้ว

ออฟไลน์ นุ่งหนิง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.14] 4/2/57 P.2
«ตอบ #55 เมื่อ04-02-2014 19:36:09 »

เรื่องนี้อ่านแล้ว ลุ้นเหนื่อยเลย

อยากได้ โมเม้นท์. หวานๆๆ ของ ป่าน กะ นาที มั้งอ่ะ :hao5:

ไอริส นิ เป็นใครนะ

อยากอ่าน ต่ออ่ะ


ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.14] 4/2/57 P.2
«ตอบ #56 เมื่อ04-02-2014 20:37:44 »

หรือหญิงจะเป็นคนสองบุคลิค

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.14] 4/2/57 P.2
«ตอบ #57 เมื่อ05-02-2014 13:34:20 »

เฮ้ยยยย โผล่มาอีกคนแล้วจะมีอะไรมั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.15-16]
«ตอบ #58 เมื่อ12-02-2014 19:29:19 »

15



            “ไอริสจริงๆด้วย!!!” ผมแทบจะกลิ้งไปตามพื้นถนนทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดๆระยะเผยรูขุมขน เขาหล่อมาก หล่อสัดๆ หล่อแบบในโปสเตอร์เทียบไม่ติด จำได้ว่ายกย่องผู้ชายคนนี้เป็นไอดอลตั้งแต่ตอนที่เรียนม.ต้นหมาดๆ ถึงกับแทบจะบึ่งไปเรียนกลองเพราะผู้ชายคนนี้เลยด้วยซ้ำ!
            จะว่าไป มือกลองของวงร็อคชื่อดังทำไมถึงมาเดินตามถนนได้…
            มือหนาจับข้อมือผมไว้ก่อนจะยิ้มบางๆ รอยยิ้มที่คุ้นตาปรากฏขึ้นในส่วนลึกของสมองของผม
            “บังเอิญเป็นบ้า”
            “จริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ …แต่ผมเดินตามคุณมาตั้งแต่คุณเดินออกจากห้องของน้องชายผมก็แค่นั้น”
            “ว่าไงนะ?!” ผมชะงักไปเมื่อคนตรงหน้าพูดอะไรแปลกๆ ไอริสคว้าโทรศัพท์ในกระเป๋าตัวเองก่อนจะโทรเรียกรถเพื่อมารับเขา
            “ขอคุยกับนายเป็นการส่วนตัวหน่อยแล้วกัน”
            ไม่ว่าเปล่า เขากลับลากผมออกไปที่อีกด้านของซอย รถตู้สีดำจอดอยู่ตรงนั้น มันเหมือนในหนังที่ผมกำลังโดนลักพาตัวไป แต่นี่ไม่ใช่ เพราะคนที่กำลังเชิญผมขึ้นรถด้วยท่าทีเหมือนจะบังคับนั่น คือไอดอลที่ใครๆก็อยากจะอยู่ใกล้!!!
            ผมถูกโยน สาบานได้ว่าโยนจริงๆไปกระแทกกับเบาะรถแล้วไอริสก็ตามขึ้นมา มือหนาเลื่อนไปปิดประตูก่อนจะหันมาหาผมแล้วมีสีหน้าที่จริงจังมากขึ้น
            “นี่มันเรื่องอะไร”
            “คุณชื่ออะไร?” เหมือนร่างสูงจะไม่ได้ฟังสิ่งที่ผมพูดเลย เขายิงคำถามชุดแรกใส่ผมจนผมต้องแสดงท่าทีไม่พอใจออกมา แต่อย่างน้อยใบหน้าของเขานั่นก็สามารถสะกดผมได้ชั่วครู่ล่ะ
            “ผมชื่อป่าน”
            “นอนกับนาทีไปแล้วกี่รอบ”
            “หา!!!!” ผมร้องแหวออกมาทันทีเมื่อคนตรงหน้าถามเรื่องบ้าๆนั่นออกมาได้อย่างหน้าตายสุดๆ ไอริสหันมามองผมแล้วทำหน้านิ่งๆ สีหน้าแบบนั้น มันทำให้ผมคิดถึงไอ้นาทีขึ้นมาทันที
            “อย่าให้ต้องถามซ้ำอีกรอบป่าน … นายนอนกับนาทีไปแล้วกี่รอบ”
            เสียงทุ้มต่ำออกแนวเชิงบังคับ ผมเลยต้องจำใจตอบ
            “รอบเดียว”
            "มีโรคประจำตัวไหม?"
            "ไม่"
            “รู้จักกับนาทีตั้งแต่ตอนไหน”
            “ผมไปนัดบอดกับเขา”
            “นานเท่าไรแล้ว”
            “เดือนกว่าๆ” ไอริสเงียบไปแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพายของเขา เขาหันไปสั่งกับคนขับรถให้ขับไปที่ไหนซักที่ซึ่งผมไม่รู้จัก ก่อนสมุดเล็กๆจะถูกกางออก
            สมุดเช็ค
            “คุณต้องการเท่าไร…”
            ว่าไงนะ?
            ผมชะงักไปเมื่อคนตรงหน้ามีท่าทีจริงจัง ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ เขาจะเขียนเช็คให้ผมทำไม?
            “คุณจะทำอะไร?”
            “ผมถามว่าคุณต้องการเท่าไร”
            “ผมไม่ได้ต้องการเงิน”
            “เชื่อสิว่าคุณต้องการแน่” ไอริสว่าแล้วเขียนเลขจำนวนเงินจำนวนไม่น้อยลงบนเช็คนั่นก่อนจะฉีกแล้วยื่นให้ผม
            “เช็คนี่ แลกกับนาที”
            ห้ะ?
            “เลิกยุ่งกับนาทีซะ!!”
            ผมสะอึกไปเมื่อคนตรงหน้าตะคอกซะจนเสียงดัง ไอริสมีท่าทีจริงจังจนน่ากลัวแต่ผมไม่ได้กลัวอะไรขนาดนั้นเลย ผม สงสัย สงสัยอีกแล้ว นี่มันอะไรกัน
            “คุณจะบ้าหรือไง? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”
            “ผมเป็นพี่ชายของนาที และผมสั่งให้คุณออกห่างจากน้องชายของผมเดี๋ยวนี้”
            สิ่งที่ไอริสพูดออกมาทำให้ผมช็อคไปได้ชั่วครู่ หมายความว่ายังไงที่ว่าเขาเป็นพี่ชายของไอ้นาที? จริงๆงั้นเหรอ? ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าไอริสมีน้องชายกับเขาด้วย
            แล้วทำไมผมต้องเลิกยุ่งกับไอ้นาทีด้วยล่ะ?
            “คุณต้องเลิกยุ่ง เลิกติดต่อ เลิกเข้าหานาที เช็คนี่คือคำขอโทษ” ผมเบิกตากว้างแล้วมองคนตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ไอริสมองตาผมไม่กระพริบ จะว่าไปเขาก็มีโครงหน้าคล้ายกับน้องชายเหมือนกัน
            ยิ่งดวงตาที่คล้ายกันแบบนั้น
            แต่ผมไม่ต้องการเงิน แล้วก็ไม่ยอมให้ใครเอาเงินมาฟาดหัว! ผมแทบจะเปลี่ยนความคิดที่มีต่อคนตรงหน้าไปในทันทีเมื่อเขายื่นเช็คนั่นมาให้
            ผมกระชากเช็คในมือของไอริสมา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาต้องทำแบบนี้กับคนอื่นๆที่เข้าหาน้องชายของเขาเหมือนกัน ไอริสยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อผมหยิบเช็คในมือเขา แต่รอยยิ้มนั่นก็ต้องพังทลายลงเมื่อผมฉีกเจ้ากระดาษไร้สาระนั่นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!!!
            รู้แล้วว่าทำไมไอ้นาทีถึงไม่เคยรักใครได้จริงๆ เพราะคนที่รักนาทีจริงๆโดนพี่มันบงการอยู่ข้างหลังยังไงล่ะวะ!!
            “อย่าคิดว่าผมหน้าเงิน” ผมกัดฟันกรอดแล้วโยนเศษเช็คนั่นใส่หน้าของไอริส ดวงตาที่เกรี้ยวโกรธปราดมองผมก่อนมือหนานั่นจะกระชากคอเสื้อผมอย่างแรง
            “แกจะเอาอะไร!!!? เลิกยุ่งกับนาทีซะ!!!”
            “ผมไม่เลิก ทำไม หวงน้องชายมากนักหรือไง?” ผมถามตรงๆ ไอริสขมวดคิ้วมือของเขากำแน่น
            “แกอยากจะต่อรองอะไรกันแน่”
            “นาทีบอกว่าผมเป็นคนเดียวที่จะทำให้เขารู้จักคำว่า ‘รัก’ “
            ไอริสชะงักไปแล้วค่อยๆคลายมือออกจากผม แต่เขาก็ยังมองผมด้วยสายตาเกลียดชังอยู่ดี
            “ไม่มีหรอกคำว่า ‘รัก’ มีแต่พวกหวังผลประโยชน์ แกเองก็นัดบอดเข้าหาน้องชายฉันไม่ใช่เหรอ คงต้องหวังผลอะไรอยู่ล่ะสิ เสียใจด้วยนะ ที่น้องชายฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากฟันแล้วทิ้ง”
            ‘เพี๊ยะ!!!’
            สาบานได้ว่าผมตบคนครั้งแรกในชีวิต
            ใบหน้าหล่อเหลาที่คล้ายกับน้องชายของเขานั้นหันตามแรงตบ ไอริสแทบจะกระโจนเข้ามาฆ่าผมแต่ผมตะคอกใส่หน้าเขาไป ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกโมโหแทนนาที แต่ที่รู้ๆผมไม่ชอบคำพูดของเขา
            ราวกับว่าเขาไม่รักน้องตัวเองเลย
            “เพราะคุณว่าน้องชายตัวเองเป็นแบบนั้นไง นาทีมันถึงได้ทำตัวแบบนั้น!” ร่างสูงชะงักกึก
            “ผมพึ่งจะรู้นะ ว่าทำไมผู้หญิงหรือผู้ชายที่เข้าหานาทีถึงได้ทยอยหายไปทั้งๆที่บางคนก็รักนาทีซะจนแทบถวายตัวแล้วทำให้ทุกอย่าง”
            “เพราะคุณนี่เองทำให้ไอ้นาทีไม่ได้เปิดใจรับใครซักที”
            “…” บรรยากาศในรถเงียบจนได้ยินเสียงแอร์หึ่งๆ โชคดีที่ว่ามีกระจกกั้นคนขับรถกับที่นั่งด้านหลัง ไม่อย่างนั้นคนขับรถแกคงจะประสาทเสียตายพอดี
            “แกไม่รู้หรอกว่านาทีเจออะไรมาบ้าง”
            “ก็บอกผมสิ” ผมเกลี้ยกล่อมให้คนตรงหน้าเย็นลง ไอริสถอนหายใจเฮือกใหญ่
            “ทุกคนที่เข้าหานาที ต่างก็ต้องการอะไรบางอย่าง หน้าตา ชื่อเสียง หรือแม้แต่เงิน ทุกคนที่ฉันได้เจอ เมื่อยื่นเช็คนั่นไปให้ พวกเขาก็ยอมที่จะตัดใจจากนาที แล้วอย่างนี้แกจะบอกว่ามีคนรักไอ้ทีจริงๆน่ะเหรอ? ไม่มีหรอก”
            “ผมไง” ผมว่า ไอริสชะงักไป เขามองหน้าผมนิ่งๆ
            จริงๆผมยังไม่ได้ถึงขั้นรักไอ้นาทีหรอก แค่อยู่ในช่วงที่อ่อนแอจนต้องพึ่งพาแล้วนาทีกลับบอกว่าผมเป็นคนเดียวที่ทำให้มันรู้จักคำว่ารัก ผมไม่โง่ที่จะไม่รู้ว่าไอ้นาทีคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าไม่บอกไปแบบนั้น ไอริสจะเชื่อได้ยังไงว่าผมไม่ได้จะทำร้ายน้องชายของเขา
            “จะให้ฉันเชื่อใจแกได้ยังไง?”
            “ไปหานาทีกับผมสิ จะได้รู้ ว่าผมไม่ได้ต้องการจะทำร้ายน้องชายของคุณ”

            *
 
            “นาที!”
            ผมเคาะประตูห้องเบาๆแค่ไม่กี่ทีเสียงกุกกักก็ดังขึ้นภายในห้อง วันนี้ไอ้นาทีกลับเร็วแฮะ ผมหันไปมองหน้าไอริสที่ยืนอยู่ด้านข้าง วันนี้เขาใส่ต่างหูสีดำลายหัวกะโหลก ให้ตายเหอะแม่ง
            เท่ห์เป็นบ้า
            ไอ้นาทีนะมึง มีพี่ชายดังแล้วเก็บเอาไว้คนเดียว!
            “นาที!!!” ผมตะโกนเรียกคนในห้องอีกครั้ง พร้อมกับเสียงตะโกนที่ส่งกลับมา
            “มาแล้วๆ”
            ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับอ้อมกอดหนักๆที่โผเข้ามากอดผม จมูกโด่งๆซุกลงตรงไหล่ผมแทบจะทันที ผมไม่เคยเห็นนาทีมันเป็นแบบนี้มาก่อน แต่วันนี้มันดูอ้อนเหมือนลูกแมวผิดปกติ และดูเหมือนว่ามันจะไม่สังเกตอีกชีวิตที่ยืนหัวโด่อยู่ข้างๆผมด้วย
            “ไปไหนมา ซื้อข้าวมาให้ เห็นไม่อยู่นึกว่าหญิงมาเอาตัวปะ…”
            ไอ้นาทีชะงักประโยคบอกเล่าทันทีที่เห็นร่างสูงด้านข้าง มันเบิกตากว้างพลางเดินหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องโดยไม่ลืมลากผมกลับเข้าไปด้วยแล้วปิดประตูใส่หน้าไอริสทันที โชคดีที่ว่าร่างสูงเอาขาคั่นไว้ก่อน
            นั่นมัน ไอดอลกูนะ
            “เฮียมาทำไม” เสียงเย็นๆถูกส่งไปให้ไอริส ท่าทางไอ้นาทีคงไม่ชอบหน้าพี่ชายมันซักเท่าไร
            “ทำไม จะมาหาแกต้องมีเหตุผลด้วยหรือไง?”
            “เฮียไม่ต้องมาแล้ว ผมจัดการเองได้”
            “จัดการเองได้? จัดการเองได้แล้วทำไมวันนี้ต้องไปหาพี่หมอ?” ไอ้นาทีชะงักแทบจะทันทีเมื่อถูกสวนกลับ ผิดกับผมที่เหมือนหลุดวงโคจร นี่มันอะไรกัน ชักจะซับซ้อนไปใหญ่
            นาทีไปหาพี่หมอ? หมอไหน? ไหนหมอ?
            “ผมแค่…” เหมือนร่างข้างๆผมจะพูดอะไร ไม่ทันได้ตั้งตัวไอริสก็กระแทกประตูเข้ามาแล้วผลุบเข้ามาอยู่ในห้องได้อย่างสำเร็จและงดงามพอๆกับหน้าตาและท่าทางที่โคตรร็อค!
            นาทีดึงผมไปไว้ด้านหลัง เหมือนกับว่ากำลังกลัวอะไรบางอย่าง
            “เฮียอย่ามายุ่ง ผมจัดการเองได้ ออกไปจากห้องได้แล้ว” เสียงทุ้มต่ำบอกความไม่พอใจอยู่ในน้ำเสียง ผมมองใบหน้าของไอริสที่จ้องน้องชายของเขาเขม็ง
            แล้วแบบนี้เมื่อไรจะได้คุยกัน
            “นาที…กูเป็นคนขอให้ไอริสมาเอง” ผมตัดบทด้วยการพูดแทรกขึ้น ไอ้นาทีหันขวับ
            “ว่าไงนะ!? ผมบอกเฮียแล้วไงว่าถ้าผมไม่เรียกเฮียอย่ามายุ่ง!!!!” ไอ้นาทีเริ่มขึ้นเสียง ไอริสนิ่งไป
            “เกลียดเฮียก็เพราะแบบนี้”
            “ถ้าไม่ใช่เพราะฉันหวังดี แกจะยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ไหม?” ร่างสูงตรงหน้าพยายามควบคุมอารมณ์ให้สงบนิ่ง ทั้งๆที่ฝ่ามือบีบเข้าหากันแน่นจนเห็นเส้นเลือด
            “ผมไม่ต้องการความหวังดี อย่ามายุ่งกับป่าน เขาไม่เหมือนคนอื่น” มือของนาทีที่จับมือของผมไว้เริ่มบีบแน่นราวกับกลัวว่าผมจะหายไป ผมเลิกคิ้วสงสัยพลางบีบตอบเบาๆ
            “ที่ฉันมาก็เพราะเรื่องนี้แหละ”
            ไอ้นาทีสะดุ้งแล้วกัดฟันกรอด เหมือนแมวที่กำลังขู่ ไอริสเสยผมที่ปรกหน้าขึ้น (อย่างเท่ห์) ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาอย่างเป็นกันเอง
            “หมอนี่ไม่รับเช็คที่ฉันเขียนให้”
            ร่างสูงว่าพลางชี้มาที่ผม นาทีหันมามองผม
            “ก็บอกแล้ว ว่าไม่เหมือนคนอื่น…”
            “แต่แกนอนกับเขาไปแล้ว”
            “ก็ใช่ แล้วไงล่ะ”
            “บอกกี่ครั้งแล้ว ว่าถ้าเฮียยังไม่ได้คุยกับคนๆนั้นก่อน แกไม่มีสิทธิ์นอนกับใคร” ไอริสพูดเสียงต่ำราวกับกำลังโมโห ผมที่เริ่มจูนสมองไม่ทันก็ได้แต่ยืนงงในดงไพร
            “แต่คนๆนี้ผมมีสิทธิ์”
            “เอ่อ ถ้าไม่เสียมารยาทจนเกินไป ผมอยากรู้ด้วยว่าพวกคุณและมึงพูดถึงเรื่องอะไร” ผมพูดขัดขึ้นกลางวงเล่นเอาสองพี่น้องหันขวับมามองหน้า
            ผมผิดตรงไหน ผมแค่อยากรู้แค่นั้นเอง
            นาทีดึงผมให้นั่งลงที่โซฟาด้านข้างของไอริส ก่อนจะกอดเอวผมเอาไว้ ผมหันไปมองมันตาขวางทันที กะว่าจะถีบแม่งออกไปแล้วถ้าไม่ติดว่าไอดอลสุดหล่อนั่งอยู่ด้านหน้า
            ผมปลื้มไอริสจริงๆนะ
            “นาทีจะไม่นอนกับใคร ถ้าฉันไม่อนุญาต” ไอริสพูดขึ้น ผมเลิกคิ้วสูง
            “หมายความว่าไง?”
            “หมายความตามนั้น คนที่นัดบอดจะต้องเข้าผ่านทางพีทเพื่อนของนาที และพีทมีหน้าที่ส่งข้อมูลของคนๆนั้นให้ฉัน ฉันเป็นคนคัดกรองคนที่เข้าหานาที ทั้งประวัติ โรคที่เป็น การศึกษา ฐานะ”
"ไม่เห็นต้องการ"
            ไอ้นาทีพ่นลมหายใจอย่างไม่พอใจที่พี่มันพูดความจริงออกมา วงแขนหนากระชับกอดเอวผมแน่น ร่างสูงของไอริสตบโต๊ะน้ำชาตรงหน้าดังปังจนของลอย ผมงี้สะดุ้งแทบตกเก้าอี้
            “ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ป่านนี้แกเป็นเอดส์ตายไปแล้ว!” ผมเบิกตาโพลงแล้วมองคนข้างๆ!
            “แกเป็นเอดส์หรือเปล่า?!!!” ผมลืมไปซะสนิท นี่ผมลืมไปได้ยังไง!!!
            ผมนอนกับมันทั้งๆที่รู้ว่ามันนอนกับคนอื่นมาเป็นร้อยโดยที่ไม่ได้เอะใจเลยว่าไอ้นาทีเป็นเอดส์มั้ย!!!?
            “เป็น แล้วก็แพร่ให้มึงแล้วด้วย”
            “ว่าไงนะ!!?” ผมใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม มือกำลังจะยกบีบคอคนตรงหน้าแต่ไอ้นาทีก็คว้าหมับเข้าที่เอวผมแล้วซุกหน้าลงที่ท้องของผมแทน
            “ล้อเล่น”
            “ล้อเล่น? นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะนาที!!”
            “ขอโทษ…”
เหมือนจะลืมบุคคลที่สามไป ไอริสไอกระแอมเล็กน้อย
            “จะฟังต่อมั้ย”
            “ฟัง/ไม่” เป็นเสียงผมกับนาทีที่ประสานเสียงกัน ผมตบกะโหลกคนที่นอนหนุนตักอย่างแรงจนไอริสหันมามองผมตาขวาง ผมยิ้มแหะๆส่งกลับไป
            หมามันไม่รักดีก็เลยต้องสั่งสอน
            “ฉันเป็นคนกรองคนให้เข้าหานาที แต่ไม่ใช่กรองเพราะว่าต้องการให้น้องชายนอนกับคนอื่นมั่วซั่ว” ไอริสหันไปส่งสายตาอาฆาตใส่น้องชาย นาทีเมินหน้าอย่างไม่สนใจ
            “ฉันกรองคนเพราะต้องการให้นาทีรู้จักคนอื่น ให้มันหาคนที่มันรักและรักมัน แต่ดูเหมือนน้องชายฉันจะโง่ดักดาน ใครเสนอตัวมาให้ ก็อยากสนองให้เขาไปซะหมด…”
            “แล้วพอหลังจากนายเข้ามา ฉันก็ไม่ได้รับข้อมูลอะไรจากพีทอีก เลยต้องมาตามสืบที่คอนโดเมื่อสองวันก่อน แต่เห็นโรงเรียนบอกว่าไปค่าย ฉันเลยตามนายเจอวันนี้”
            “ที่ไม่ได้รับข้อมูลคืออะไร?”
            “ไม่มีใครนัดบอดนาทีหลังจากนาย”
            “ว่าไงนะ?” ผมแอบช็อคไปนิดหนึ่ง ไอ้นาทียิ้มเหมือนภูมิใจอะไรบางอย่าง
            งั้นก็แสดงว่ามันไม่ได้คุยกับใครคนอื่นอีกแล้วงั้นเหรอ?
            “แล้วหญิงล่ะ?” ผมสบถออกมาเสียงแผ่ว นาทีลุกพรวดขึ้นนั่งทันทีที่ได้ยินชื่อนั้นพอๆกับไอริสที่ขมวดคิ้ว
            “ไอ้ที…”
            “ผมเปล่านะเฮีย เลิกแล้วจริงๆ ถามไอ้พีทได้ ป่านเป็นคนสุดท้ายแล้ว ถึงจะไม่ใช่คนแรกที่ผมมีอะไรด้วยก็เหอะ” ผมมองหน้าคนข้างๆที่ทำหน้าสำนึกผิด แต่ผมไม่ได้ข้องใจอะไร
            ผมรู้อยู่แล้วว่านาทีมันต้องผ่านอะไรมาเยอะ
            “แล้วหญิงนั่นอะไร? ใครอีก?” ไอริสซักไซ้ ผมเห็นท่าไม่ดีเลยพูดออกไปพล่อยๆ
            “เพื่อนผมเอง เธอชอบนาที”
            “แต่พีทไม่ได้บอกว่าเธอนัดบอด”
            “ก็เปล่า ผู้หญิงคนนั้นแค่เข้ามาขอควงเลยก็แค่นั้น” ไอ้นาทีพูดตรงๆ พร้อมยักไหล่อย่างไม่หยี่ระ ผมตกใจที่มันพูดออกไปแบบนั้น กลัวว่าไอริสจะไปเอาเรื่องกับหญิง
            “แต่เธอก็ไม่ได้มายุ่งอะไรแล้วนี่ ใช่มั้ยนาที” ผมหันไปมองนาทีพลางจ้องตามันเพื่อจะส่งซิกส์ ก่อนจะหยิกต้นขานั่นไปแรงๆจนมันร้องโอ้ยแล้วถึงจะยอมช่วย
            “อือใช่ ตอนนี้ผมมีป่านคนเดียว” มือของไอ้ทีลูบหัวผมอย่างถือวิสาสะ ผมมองมันตาขวาง
            “เนอะ”
            “เหอะ”
           
             ‘กริ๊งๆ’
            เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของคนตรงหน้าทำให้ผมและนาทีชะงัก ไอริสหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดูพลางสบถอะไรซักอย่างแล้วก็ลุกออกเดินตรงไปที่ระเบียง
            “เดี๋ยวมา”
            พอร่างสูงปิดประตูกระจกตรงระเบียงห้องลง ผมก็ตบหัวไอ้คนที่เอามือกอดผมเอาไว้อย่างแรงพลางใช้เท้ายันจนมันลงไปนอนที่พื้น ไอ้นาทีกลิ้งหลุนๆเหมือนหมีแพนด้า
            “เลิกเล่นละครได้ละ ไอ้ลูกตุ๊ด” โห่ยยยยย
            ผมอึดอัดแทบตาย!!!
            “รู้ด้วย?” ร่างโปร่งปัดก้นแล้วลุกขึ้นยืนพลางยิ้มมุมปาก ผมยิ้มมุมปากตอบกลับ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าไอ้นาทีต้องการจะหลอกไต๋พี่ชายมัน ไอ้เรื่องออดอ้อนเหรอ ตอแหลทั้งนั้น
            “กินสตรอว์เบอร์รี่เยอะนะไอ้ห่า”
            “ก็เพิ่งกินไปเมื่อคืน”
            “มึงจะสิบยกกับกูใช่มะ?”
            “ร้อยยก”
            “พ่อง”
            “ไม่อยากจะเชื่อว่ามึงลากไอ้เวรนั่นมา” ไอ้นาทีเปลี่ยนเรื่องก่อนจะนั่งลงข้างๆผม เตรียมพร้อมทุกสถานการณ์ว่าถ้าไอริสเข้ามาเราก็ต้องเล่นละครรักกันปานจะแหกตูดดม แต่จริงๆแล้วไม่ใช่
            ที่ผมยอมมีอะไรกับนาทีไม่ใช่เพราะความรัก แต่เป็นความพลาดพลั้งไปต่างหาก
            มันเองก็คงจะอยากมีอะไรกับผมมาก ถ้าให้นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันน่ะนะ แล้วผมก็ไม่ใช่พวกที่เสียซิงแล้วนอนร้องห่มร้องไห้ด้วยสิ ก็แค่เสียใจนิดหน่อย ที่โดนผู้ชาย(สิ่งที่ต่อต้านมาตลอด)กด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าซักวันผมจะกดมันกลับไม่ได้ แล้วที่สำคัญ โทษที กูท้องไม่ได้ แค่มันทำให้ลืมอะไรไปชั่วข้ามคืนก็พอแล้วล่ะมั้ง
            “กูบอกไอริสว่า ‘นาทีบอกผมว่าผมเป็นคนเดียวที่จะทำให้เขารู้จักคำว่า ‘รัก’” สิ้นเสียงของผมไอ้นาทีก็หัวเราะในลำคออย่างชั่วร้าย ผมหัวเราะหึหึกลับไปให้มัน
            ผมรู้ดี ว่าเรื่องแบบนี้
            “มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้พูดจริง กูก็พูดกับคนอื่นไปทั่ว”
            “เออกูไม่ได้โง่ แต่ถ้าไม่บอก พี่มึงก็ไม่ยอมมะ…”
            ไอ้นาทีไถหัวลงที่หน้าท้องผมอีกครั้งพร้อมกับเสียงเปิดประตูกระจกที่ระเบียง ไวจริงๆนะมึงเรื่องแบบนี้ ไอริสเดินเข้ามานั่งที่โซฟาที่เดิม สายตามองผมกับนาทีที่ออดอ้อนเป็นลูกแมวแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
            “แกมั่นใจแล้วใช่มั้ยว่านี่คือคนสุดท้าย” ไอริสถามนาที คนข้างๆผมลุกขึ้นมานั่งตัวตรงพลางจ้องมองมาที่ผม ผมแอบเห็นว่าไอ้เวรนี่ไขว้นิ้วไว้ด้านหลัง
            “อืม”
            “งั้นก็ดี ป่าน ถ้างั้นฉันฝากด้วย”
            “หา ฝาก? ฝากอะไรครับ” ผมเลิกคิ้วสงสัย
            “ฝากดูว่ามันนอกใจนายหรือเปล่าไง นี่เบอร์ฉัน ถ้ามีปัญหา ก็โทรหาได้ทุกเมื่อ” ไอริสยื่นนามบัตรของเขาให้ผมพร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ด้านหลัง ดวงตาผมมีแววประกายเจิดจรัสเมื่อสังเกตเห็นว่าบนนามบัตรนั่นมีลายเซ็นต์ที่หาได้โคตรยากรวมอยู่ด้วย!
            ไอ้ฟ้า ไอ้กี้ พวกมึงต้องอิจฉาแน่ๆถ้ารู้ว่ากูได้นั่งคุยระยะเผาขนกับใคร แถมยังได้เบอร์พ่วงลายเซ็นต์อีกด้วยนะ หึหึ หวานป่านล่ะสิกู
            “แล้วอย่าให้อะไรมันยุ่งยากนะ ไม่งั้น ฉันจะไปลากนารามาคุมแก!” เหมือนเสียงประกาศิต ไอ้นาทีกระเด้งตัวขึ้นจากโซฟาพร้อมกับชี้หน้าพี่ชายมันอย่างอาฆาต
            “อย่านะ!!!! ถ้าเฮียฟ้องนารา ผมจะไม่คุยกับเฮียเลยจริงๆด้วย!!!”
            “แกว่าฉันสน? อย่างกับทุกวันนี้ถ้าฉันไม่เริ่มต้นมาหา แกก็คงไม่เสนอหน้าไปหาฉัน!!! ดูแลรักษาของๆแกให้ดีๆ ทำให้ฉันเห็นว่าแกดูแลตัวเองได้ ไอ้นาที!!”
            ไอริสว่าแค่นั้นก่อนจะเดินดุ่มๆออกไปจากห้องทันที ผมที่รับรู้ได้ถึงรัศมีความอาฆาตกระเถิบตัวเข้าไปอยู่ในห้องนอนปล่อยให้คนข้างนอกนั่นระบายอารมณ์ต่อไป
            นารางั้นเหรอ คงหนีไม่พ้นญาติโกโหติกาของไอ้นาทีอีกล่ะสิ
            นี่มันนาทีญาติเยอะแทนที่จะเป็นยุ้ยญาติเยอะนี่หว่า
            ผมทิ้งตัวลงนอนที่เตียงนุ่มก่อนจะยกแขนก่ายหน้าผากพลางมองออกไปด้านนอกประตูที่ไม่เห็นวี่แววของเจ้าของหัวว่าจะโผล่เข้ามา ผมพลิกตัวนอนตะแคงแล้วคิดถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่
            ทั้งๆที่ผมไม่ได้รัก แต่ทำไมผมถึงกับเลือกที่จะมาอยู่กับมันวะ
            จริงๆแล้วผมไปอยู่กับไอ้ฟ้ากับไอ้กี้ก็ได้นี่
            ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน แค่พอรู้สึกโหวงเหวง ทำไมผมถึงมาหยุดอยู่ที่ประตูห้องของไอ้นาทีก็ไม่รู้
            เสียงกุกกักดังขึ้นพร้อมกับร่างเจ้าของห้องที่เดินเข้ามา นาทีนั่งลงบนเตียงอย่างหัวเสียเพราะดูเหมือนมันจะทุ่มอารมณ์กระโดดลงเตียงจนเตียงแทบจะหักครึ่ง ผมไม่ได้หันหน้าไปมองมัน แต่กลับเลือกที่จะถามบางอย่างออกไป
            “แองจี้ คือใครเหรอ”
            “มึงว่าไงนะ”
            ผมชี้นิ้วไปที่ไดอารี่เล่มสีดำที่เสียบอยู่ที่โต๊ะทำงาน ไอ้นาทีปราดเข้ามากระชากแขนผมอย่างแรง
            “มึงอ่านมัน…”
            “อืม”
            “ใครใช้ให้มึงแตะต้องของๆกู!!!!” คนตรงหน้าผมขึ้นเสียงจนผมไม่มีอะไรจะเถียง ก็ผมผิดจริง ผมอยากเสือกเอง ผมเป็นเจ้าหนูจำไมที่อยากรู้เรื่องราวของคนใกล้ตัว ขนาดไอ้ฟ้าบางครั้ง ยังหาว่าผมเสือกเรื่องมันมากเกินไปหน่อยเลย
            แต่ดูเหมือนคนใกล้ตัวของผมคนนี้ จะมีเรื่องให้น่าค้นหาเยอะเกินคนอื่นไปหน่อย
            “ออกไปจากห้องกู” ไอ้นาทีพูดเสียงเย็น ผมแอบสังเกตว่ามันหลบตาผมไปชั่วครู่ก่อนที่มันจะหันกลับมาจ้องเขม็งเหมือนเดิม ผมยอมรับทุกข้อกล่าวหา ตั้งใจจะไปตั้งแต่แรกแล้ว หึ!
            ก่อนจะผลักตัวไอ้นาทีออกแล้วเดินออกมาจากห้อง
            “เฮ้อ แล้วคืนนี้จะนอนไหนวะเนี่ย!!”






ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
Re: [ TAKE TURN สลับรัก ] by: jiwinil [ep.15-16]
«ตอบ #59 เมื่อ12-02-2014 19:30:01 »



_____________________________
เนื่องจากไม่ได้ลงมานาน ดังนั้นจะลงเพิ่มอีกตอนไปเลยนะคะ T_T ขอโทษด้วยที่หายไป โฮฮ





16

            ฝนเทกระหน่ำลงมาจนทำให้ผมที่กำลังจะหาที่ไปกลับไม่มีที่จะไปขึ้นมาทันที ผมนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ภายใต้หลังคาพลาสติกสีใสสวยหรูแต่ไม่สามารถกันฝนได้เลย ตัวผมเปียกแฉะยิ่งกว่าลูกหมาถูกทิ้ง ข้าวของผมก็ไม่ได้หยิบออกมาจากห้องไอ้นาทีซักอย่าง มือถือยังอยู่ในห้องมันเลย
            “เฮ้อ หาเรื่องใส่ตัวจริงๆเลยไอ้ป่านเอ้ย”
            ผมบ่นกับตัวเองแล้วมองสายฝนตรงหน้า รอบข้างมืดไปหมดมีเพียงแค่แสงไฟส่องสว่างตรงบริเวณที่ผมยืนอยู่แค่นั้น เวลานี้โจรคงไม่ออกอาละวาดหรอกมั้ง มันก็คงกลัวฝนตกเหมือนกัน
            ‘เอ๋ง’
            เสียงร้องของสุนัขดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวสีน้ำตาลขนลีบที่วิ่งผลุบเข้ามาใต้ที่กำบังที่เล็กจิ๋วนึง ผมมองตามไอ้หมาสีน้ำตาลหูตกๆหางแหว่งๆด้วยความสงสัย หมาจรจัด … คงไปฟัดกับใครมา แต่เท่าที่ดูแล้วมันก็ไม่ได้ขี้เรื้อน อาจจะมีใครดูแลมัน
            หลงทางหรือไง?
            จู่ๆไอ้หมาเวรก็สะบัดน้ำไล่ความเปียกที่เกาะกุมบนขนของมันจนกระเซ็นไปทั่ว โชคดีที่มันตัวเท่าพุดเดิ้ล ถ้ามันตัวเท่าโกลเด้น ผมคงเต็มไปด้วยหมัดหมา ดูเหมือนมันจะกล้าๆกลัวๆเมื่อเห็นผม แต่เจ้ามะหมานั่นก็เลือกที่จะกล้าเดินเข้ามาดมผม สาบานได้ว่าถ้ามันฉี่ใส่ผมจะเตะโด่งมัน แต่ที่มันทำกลับเป็นคลอเคลียที่กางเกงยีนส์สีซีดที่ชุ่มน้ำของผมแล้วนอนขดตัวอยู่แบบนั้น
            “หลงทาง … หรือโดนไล่มาเหมือนกันวะไอ้ลูกหมา”
            ด้วยความที่ผมมีน้ำใจอันประเสริฐเป็นสุภาพบุรุษและมีความดีงาม ผมเอื้อมมือไปช้อนตัวไอ้เจ้าหมาหางแหว่งนั่นขึ้นมาก่อนจะวางมันลงที่ตัก ตัวมันสั่นหงึกๆด้วยความหนาว พอๆกับผมที่หนาวไปจนสุดขั้วหัวใจ
            สาบานได้ว่าถ้านั่งตรงนี้ไปถึงเช้า
            ผมคงต้องเข้า ICU ก่อนหมาแน่ๆ
            “อย่างน้อย ก็ไม่ใช่แกคนเดียวที่ถูกทิ้ง” ผมลูบหัวไอ้เจ้าหมานั่นก่อนจะนั่งรอฝนหยุดแล้วจะได้ไปหาที่พักพิงใหม่ ถ้าไปบ้านไอ้ฟ้าคงโดนด่าเตลิดกลับมา ยิ่งบ้านไอ้กี้ ก็อาจจะโดนพ่อแม่มันด่าหูดับ
            เพราะแบบนี้ไง ถึงผมจะคิดได้ว่าผมไปขอเพื่อนอาศัยก็ได้ แต่ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้
            ยิ่งบ้านตัวเอง…
            ผมยิ่งไม่อยากจะกลับไปแตะเลยด้วยซ้ำ … กลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะอยู่ และที่สำคัญ ผมมีอะไรกับนาทีแล้ว กลัว กลัวเหลือเกินว่าถ้าน้องหญิงรู้ เรื่องจะยิ่งบานปลายมากไปกว่านี้
            ‘แฉะ’
            เสียงน้ำกระเซ็นพร้อมกับรองเท้าคอนเวิร์ดสียีนส์เก่าๆคู่หนึ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ผมมองไล่ตั้งแต่ปลายเท้าจนใบหน้าของคนที่วิ่งเข้ามาภายในตัวพลาสติกสีใสที่เป็นที่กำบังฝน ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ
            คนที่วิ่งเข้ามามีสภาพเปียกแฉะพอๆกับผม ในมือสองข้างมีร่มสีดำสนิทอยู่สองคัน ผมสีดำสนิทที่เปียกถูกทัดไว้ที่หูเผยให้เห็นใบหน้าชัดๆของเจ้าของห้องที่เพิ่งไล่ผมออกมาจากห้อง
            ทั้งๆที่มีร่ม แต่หมอนี่กลับไม่กาง ราวกับว่าวิ่งฝ่าสายฝนจนตัวเปียกมะลอกเพื่อ…
            ตามหาผมงั้นเหรอ?
            ผมสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าบอคอแตกเหล่านั้น ไร้สาระว่ะป่าน
            “กลับกันเถอะ”
            มือของไอ้นาทียื่นมาตรงหน้าผม ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจในอารมณ์ขึ้นๆลงๆของคนตรงหน้าแต่ก็ยื่นมือไปจับแต่โดยดี ผมช้อนตัวไอ้หมาสีน้ำตาลขนาดพอดีมือขึ้นมาด้วย ไอ้นาทีขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ท้วงอะไร มันยื่นร่มสีดำมาให้ผมคันหนึ่ง ก่อนมันจะกางของตัวเอง
            “เปียกขนาดนี้ … ไม่ต้องใช้แล้วมั้ง”
            ผมหันไปมองคนด้านข้าง ไอ้นาทีที่มีสีหน้าบึ้งมาตลอดจะหลุดยิ้มออกมาบางๆ
            “นั่นสินะ”
            แล้วพวกผมก็เลือกที่จะเดินฝ่าสายฝนนั่นไปด้วยกัน ตรงกลับไปที่เดิม ที่ๆผมเพิ่งถูกไล่ออกมาแต่เจ้าของห้องกลับมาตามให้ผมกลับไป
            โชคดีที่ไอ้เจ้าตูบที่ผมเอามาด้วยมันไม่ค่อยเห่าซักเท่าไร เหมือนมันกำลังหนาวและสั่นเป็นเจ้าเข้า ผมซ่อนมันไว้ในเสื้อเพื่อหลบยามหน้าประตูคอนโดที่มีกฎเคร่งครัดว่าห้ามเลี้ยงสัตว์ ก่อนจะขึ้นมาที่ห้องเดิม นาทีแตะคีย์การ์ดลงบนประตูแล้วดึงผมเข้าห้องไป
            “มึงไปอาบน้ำก่อนไป เดี๋ยวเป็นหวัด” ไอ้นาทีว่าแล้ววางคีย์การ์ดลงบนโต๊ะข้างตู้วางรองเท้า ผมมองร่างที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องนอนก่อนจะคว้ามือมันเอาไว้
            พูดแบบนี้ สภาพตัวเองไม่คิดจะดูเลยหรือไงว่ามีสิทธิ์เป็นหวัดพอๆกัน
            “อาบด้วยกันเลย”
            แล้วผมก็ปลีกตัวเข้าไปในห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าออกหมดจนเหลือแต่บ็อกเซอร์ที่แฉะเกินจะทน ว่าแล้วก็คิดไปถึงเมื่อตอนนั้น ที่ผมสระผมให้นาทีตอนที่ผมอ้วกใส่มัน ขำเป็นบ้า กะอีแค่อ้วก แต่ก็อย่างว่าแหละนะ ถ้ามีคนมาอ้วกใส่ตัวผม ผมก็ขยะแขยงอยู่เหมือนกัน
            เมื่อเติมน้ำอุ่นจนเต็มอ่างใหญ่แล้ว ผมก็ใส่ฟองสบู่ลงไปจนฟองล้นอ่าง ก่อนจะค่อยๆจุ่มตัวลงในอ่างแล้ววางเจ้าหมาสีน้ำตาลลงมาในอ่างเดียวกัน สบายเป็นบ้า อย่างกับได้ขึ้นสวรรค์เวลาแช่น้ำอุ่นๆกับฟองสบู่หอมๆกลิ่นน้ำนมนี่ ก่อนจะค่อยๆขัดๆถูๆเจ้าหมาโง่ที่นอนหลับตาพริ้มเมื่อผิวหนังของมันสัมผัสน้ำอุ่น
            ร่างโปร่งของเจ้าของห้องเดินผ่านประตูห้องน้ำเข้ามาทั้งที่ยังอยู่ในชุดเปียกๆ ผมกวักมือเรียกไอ้นาทีลงมาอาบน้ำด้วยกัน
            “มาดิ เดี๋ยวเป็นหวัด”
            ผมว่า ไอ้นาทียิ้มมุมปาก
            “ทำอย่างกับเป็นเจ้าของห้อง”
           กรรม … นี่กูผิดใช่มั้ยที่หวังดีน่ะ
            นาทีถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่กางเกงในตัวเดียว ไม่ใช่เรื่องแปลก เห็นก็เห็นกันมาแล้ว ไม่มีอะไรต้องอาย ร่างโปร่งจุ่มเท้าลงในอ่างตรงข้ามกับผมก่อนมันจะนั่งลงจนน้ำถึงระดับคอ
            แล้วเราสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก
            “หมาใคร?” นาทีถามขึ้น ผมเงยหน้ามองดวงตาสีเทานั่นเล็กน้อยก่อนจะผลุบต่ำลง
            คิดถึงตอนที่โดนมันไล่ออกจากห้องแล้ว ใจผมก็หวิวๆอยู่นะ
            “จรจัดมั้ง เก็บได้เมื่อกี้ สงสัยโดนไล่ออกจากบ้านเหมือนพี่ป่าน” ผมพูดประชดประชันคนตรงหน้า รู้ดีว่าตัวเองผิด แต่ผมเป็นใหญ่ที่สุด ผมไม่มีทางผิดคนเดียว
            ไอ้นาทีก็ผิดที่ไล่ผมออกไปตากฝน
            “ขอโทษ … ไม่ได้ตั้งใจ”
            คนตรงหน้าเอ่ยคำขอโทษออกมา ผมมองหน้านาทีที่ไม่ได้หลบสายตาของผมนิ่งๆ
            “ไม่เป็นไร ไม่ได้โกรธ กูเองก็ผิดที่เสือกมากไปหน่อย”
            แล้วเสียงก็เงียบไปอีกรอบ มีเพียงเสียงน้ำจ๋อมๆของผมที่ขัดเจ้าหมา
            “แองจี้ … เป็นผู้หญิงที่กูรักเพียงคนเดียว” ผมสะอึกไปเมื่อนาทีเป็นฝ่ายพูดขึ้น ในใจผมก็อยากรู้ แต่พอเห็นใบหน้านิ่งๆที่ออกแนวเศร้าๆของคนตรงหน้าแล้ว ก็รู้สึกไม่อยากจะฟัง
            “ถ้าไม่สบายใจก็ไม่ต้องเล่าก็ได้”
            “แองจี้ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของกู”
            เหมือนแม่งจะไม่ฟังแฮะ เอ๊อ เล่ามาเหอะ อยากรู้ละ!
            “แต่แองจี้ ทิ้งกูไป…” เสียงเศร้าๆของไอ้นาทีบีบหัวใจผมนิดๆ ผมเลือกที่จะนิ่งเงียบเพื่อฟังสิ่งที่นาทีอยากจะระบาย ซึ่งมันก็ทำจริงๆ
            “กูรักจี้มาก มากกว่าพ่อแม่แท้ๆด้วยซ้ำ จี้คือทุกๆอย่าง ทั้งเพื่อน คนรัก แม่ หรือแม้แต่ลูกสาว … แต่จี้ไม่เคยบอกกูเลยว่าเธอเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว จนกระทั่งวันที่เธอตาย…”
            ผมชะงักกึกไปกับโรคที่พรากผู้หญิงคนนั้นไป
            “กูสัญญากับตัวเองว่าจะไม่รักใครอีก ทุกคนทิ้งกูไปหมด ไม่มีใคร นอกจากไอ้พีท ไอ้ริค ไอ้กาฬกูก็ไม่มีเพื่อนที่ไหน ใครๆต่างก็เข้าหากูเพราะว่าหน้าตา ฐานะ ต้องการเอาชนะคนอื่นๆ…”
            เสียงที่ขึ้นจมูกของนาทีทำให้ผมรู้สึกแย่ ผมกอดเจ้าหมาเอาไว้แน่น
            เหมือนกับผมเลย ที่มีเพียงแค่ไอ้ฟ้า ไอ้กี้ แล้วก็น้องหญิง…
            “กูไม่เคยมีความสุขเลย เหมือนกับว่ามันเป็นเวรกรรม เมื่อตอนที่กูเป็นแฟนกับจี้ … กูก็ไปตกหลุมรักผู้ชายคนนึง…”
            … ว่าไงนะ
            “ตอนนั้นกูถึงรู้ว่ากูไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว … ทั้งๆที่จี้รักกูมากขนาดนั้น แต่กูกลับกลายเป็นพวกผิดเพศ กูชอบเพศเดียวกัน แล้วแองจี้ก็ยังเป็นคนที่กูรักเหมือนเดิม … แม้กระทั่งตอนเธอตาย กูยังไม่ได้เห็นหน้าเธอเลยป่าน”
เสียงสะอื้นพร้อมกับน้ำใสๆที่หล่นออกมาจากดวงตาคู่สวยนั่นทำให้ร่างผมแทบจะทรุด ผมคว้าตัวไอ้นาทีเข้ามากอด กดหัวมันให้ซุกลงกับแผงอกของผมเผื่อว่ามันจะคลายความเจ็บปวดลงได้
            แต่ไม่เลย นาทีสั่นสะท้านไปทั้งตัว
            “ฮือ กูไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น … กูมันเลวมากใช่มั้ยวะป่าน”
            “อย่าโทษตัวเองเลย มึงไม่ผิด … เข้าใจมั้ยนาที มึงไม่ผิด” ผมลูบหัวปลอบคนตรงหน้าก่อนจะปล่อยน้ำตาที่รื้นอยู่ที่ดวงตาของตัวเองออกมาบ้าง
            “มึงไม่ผิด…”
            อย่างกับโศกนาฏกรรมหนังโศก ผมร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุ รู้แค่ว่าสงสารคนตรงหน้า แล้วก็สงสารตัวเองที่ดูเหมือนจะมีชะตากรรมคล้ายๆกับคนในอ้อมกอด ไอ้นาทีเหมือนตกใจที่ผมร้องไห้ มันหยุดร้องแล้วมองหน้าผม ผมมองหน้ามัน
            ก่อนจะหัวเราะออกมา
            “อย่างกับเด็กประถม”
            “ก็ กูสงสารมึง…”
            สิ้นเสียงของผม จมูกโด่งๆของนาทีก็จรดลงบนจมูกของผม ราวกับเวลาหยุด เหมือนกับว่าสิ่งที่ขาดหายไปกำลังถูกเติมเต็ม ผมจ้องดวงตาสีเทานั่นไม่กระพริบ ราวกับถูกดึงดูด
            เข้าใจแล้วว่าทำไมเวลาที่เราต้องการใครซักคน เวลานั้น ทำไมเราถึงพลาดพลั้งได้มากที่สุด
            เพราะการพลาดพลั้งเหล่านั้น … มันทำให้เราลืมเวลาที่แสนน่ากลัวนั่นได้ชั่วขณะ
            แม้จะแค่ช่วงหนึ่ง แต่ก็เป็นช่วงที่ทำให้มีความสุขเชียวล่ะ



             *
            “ทำไมมึงไม่เคยบอกเลยว่ามีพี่เป็นมือกลองวงร็อคชื่อดัง” ผมนั่งอยู่ที่โซฟาพลางใช้ผ้าขนหนูขยี้ๆเจ้าหมาสีน้ำตาลพร้อมกับหยิบไดร์เป่าผมมาเป่าให้ขนฟูๆนั่นกลับมาพองเหมือนเดิม
            เจ้าหมานี่เป็นโกลเด้นตัวเล็ก ตอนขนเปียกๆก็ดูหน้าตาเหมือนกันหมดผมเลยติ๊ต่างเอาว่ามันเป็นหมาไทย แต่ที่หางของมันแหว่ง แถมปลอกคอก็ไม่มี คงจะไม่มีใครเป็นเจ้าของล่ะมั้ง
            “ก็ไม่เห็นเคยถาม” ไอ้นาทีเดินออกจากห้องน้ำพลางนั่งลงด้านหน้าของผม มันยื่นอะไรบางอย่างให้หมากิน ผมตีมือมันแทบจะทันที
            “อะไร? อย่าซี๊ซั๊วะเอาอะไรให้หมากินนะมึง”
            “ก็แค่ … ฝอยทอง” คนตรงหน้าว่าพลางยกขนมไทยสีส้มๆหน้าตาน่ากินขึ้นมาโชว์
            “หา!!? บ้าเหรอ หมาบ้าอะไรกินฝอยทอง!!! มันได้เป็นเบาหวานตายห่าพอดี!” ก่อนจะโดนผมจัดด่าไปฉาดใหญ่ ไอ้นาทีขำในลำคอแล้วเดินหายเข้าห้องครัวของคอนโดไปอีกครั้ง
            “ประสาท” ผมสบถแล้วเช็ดตัวเจ้าหมาจนมันแห้งดี หน้าตาน่ารักน่าฟัด คิดไม่ผิดที่หยิบเจ้านี่ติดมือกลับมา อย่างน้อยถ้าเลี้ยงที่คอนโดไม่ได้ ผมก็ยังเอากลับไปเลี้ยงไว้ที่บ้านตัวเองได้
            แล้วที่สำคัญ
            มันไม่คิดจะเห่าเลยหรือไงวะ … หรือว่าเป็นหมาใบ้
            นาทีมันเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับจานพลาสติกสีใสกับนมจืดกล่องหนึ่ง มันนั่งลงตรงหน้าผมอีกครั้งแล้วค่อยๆเทนมนั่นออกมา ผมอยากจะด่าคนตรงหน้าจริงๆว่าตาถั่วหรือตาบอดกันแน่
            ไอ้หมานี่มันไม่ใช่ตัวเล็กๆแล้วนะ มันโตพอที่จะไม่กินนมแล้ว
            แต่ยังไม่ทันจะได้ด่า เจ้าโกลเด้นที่นอนหนุนตักผมอยู่ก็กระโจนเข้าไปหาไอ้นาทีพลางกินนมในชามอย่างเอร็ดอร่อยราวกับว่าขาดสารอาหารทั้งๆที่ตัวมันก็ไม่ได้ผอมแห้ง ผมมองภาพนั่นนิ่งๆ ภาพที่คนตรงหน้าลูบหัวสุนัขอย่างเอ็นดูกับรอยยิ้มบางๆที่ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
            “หึ”
            “หัวเราะอะไร?” ไอ้นาทีถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียงผมหัวเราะในลำคอ ผมส่ายหน้านิดๆ
            “หัวเราะมึงไง ชอบหมาเหรอ?” ผมถามต่อ นาทีส่ายหน้า
            “ไม่ … ชอบแมวซะมากกว่า”
            “อ่อ”
            ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วกำลังจะลุกขึ้นเพื่อไปหยิบของกินในตู้เย็นมากินบ้าง หิวเป็นบ้าเลยให้ตาย แต่พอจะลุกขึ้น มือของไอ้นาทีก็จับแขนผมไว้ก่อนจะดึงลงไปหามัน
            “อะไรอีก”
            “จูบที”
            หา?
            “เมื่อกี้ยังไม่พออีกหรือไง” ผมแทบจะประเคนหมัดใส่หัวคนตรงหน้าไปแรงๆถ้าไม่ติดที่ว่าไอ้หมาตัวเล็กมันวิ่งเข้ามาเล่นด้วย ผมจับเจ้าหมาไว้ก่อนจะกดจมูกลงไปฟัดมันอย่างหมั่นเขี้ยว ลืมเรื่องกินไปซะสนิท
            “ขอบคุณนะ” เสียงทุ้มๆนุ่มๆกล่าวคำขอบคุณให้ผมฟัง ผมเงยหน้ามองนาทีนิ่งๆ
            “เรื่องอะไร?”
            “ทุกอย่าง”
            “??” ผมเลิกคิ้วสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ไอ้หมาโง่พยายามกัดกระชากทึ้งดึงแขนเสื้อแขนยาวสีขาวที่ผมสวมอยู่ แม่งขี้เล่นเป็นบ้า แต่ก็อย่างว่า ผมว่ามันเป็นหมาใบ้ เพราะยังไม่ได้ยินเสียงมันเห่านอกจากร้องในลำคอก็แค่นั้น ผมก็บ้าจี้เล่นตามหมา คลานตามมันไปจนกระทั่งสะดุดกับความโง่ ผมร่วงลงสู่ร่างของไอ้นาทีที่นั่งอยู่ไม่ไกล จนกลายเป็นว่าไอ้นาทีนอนอยู่ใต้ร่างผม
            ผมยันแขนสองข้างเอาไว้แล้วจ้องใบหน้าของคนที่นอนอยู่ด้านใต้ ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่จ้องคนตรงหน้าไม่เคยเบื่อ มันไม่ใช่ความรู้สึกรัก แต่เหมือนผมกับมันกำลังค่อยๆเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายของกันและกัน
            “เมื่อก่อนกูเกลียดการทำแบบนี้มาก เกลียดจนเรียกได้ว่าไม่อยากจะเข้าใกล้ผู้ชายคนไหนเลย” ผมว่า แต่สายตายังจ้องคนด้านล่างไม่กระพริบ มือของนาทีจับแขนของผมเบาๆ
            “แล้วตอนนี้ล่ะ?”
            “ไม่รู้สิ แค่รู้ว่า มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมั้ง”
            ไอ้นาทีหัวเราะออกมานิดๆก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยปรอยผมของผมที่ตกอยู่ข้างแก้มขึ้นไปทัดหู ผมมองริมฝีปากสีซีดของคนด้านใต้ ก่อนจะก้มลงไปใช้ริมฝีปากของตัวเองคลอเคลียอยู่ที่ริมฝีปากสีซีดนั้น นาทีตอบจูบของผมแทบจะทันที แต่เพราะเมื่อกี้ผมกับมันเพิ่งจะทำกันไปหยกๆผมเลยกัดริมฝีปากสีซีดนั่นอย่างแรงจนเจ้าตัวร้องโอ้ยแล้วถีบผมออกมาจากร่างกายของมัน
            ผมนั่งหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง
            “โอ้ย ฮ่าๆๆๆๆๆ”
            “ซาดิสต์ชิบ!!”
            “ฮ่าๆๆๆ”
            “หึ”
            นาทียิ้มแล้วหัวเราะตามผมบ้าง ห้องที่เคยเงียบและเต็มไปด้วยคราบน้ำตากลับถูกเติมเต็มด้วยเสียงหัวเราะของผมกับคนตรงหน้า นาน นานมากจริงๆที่ผมไม่ได้หัวเราะสุดๆแบบนี้
            ผมหยุดหัวเราะเมื่อรู้สึกถึงสายตานิ่งๆของคนตรงหน้าที่จ้องมองมา นาทียิ้มบางๆ
            “กูแพ้แล้วล่ะ”
            ผมเลิกคิ้วสงสัยกับสิ่งที่นาทีพูด ไอ้นาทีชันเข่าขึ้นมากอดเอาไว้
            “แพ้อะไรวะ?”
            “แพ้ตัวเอง”
            “หือ?”
            “มึงนี่โง่จังเลยป่าน!” หมอนที่โซฟาถูกปามาอย่างแรงจนกระแทกคางผม ผมแทบจะตวาดแว้ดกลับไปทันทีถ้าไม่ติดที่ว่าริมฝีปากสีซีดนั่นกำลังคลี่ยิ้มกว้างเหมือนเก้อเขินอะไรบางอย่าง
            ดวงตาสีเทาสบกับตาของผมอีกครั้ง ทั้งห้องเงียบไป
            “กูว่ากูรู้แล้วล่ะ ว่ารัก มันหน้าตาเป็นยังไง”








TBC

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด