|[เรื่องสั้น]|▲▼ In Your Arms I’ll stay▼▲
ชุ ด เ รื่ อ ง สั้ น จ า ก เ พ ล ง
S o n g : I n y o u r a r m s
A r t i s t : K i n a G r a n n i s
P a r i n g : K e a t h x W a n
A u t h o r ’ s n o t e :
เ รื่ อ ง นี้ เ ป็ น เ รื่ อ ง สั้ น ( ม า ก รึ เ ป ล่ า 5 5 5 ) ไ ด้ รั บ แ ร ง บั ล ด า ล ใ จ จ า ก เ พ ล ง นี้ น ะ ค ะ ข อ แ น ะ น ำ ว่ า ต อ น อ่ า น ใ ห้ เ ปิ ด ฟั ง ไ ป ด้ ว ย จ ะ ท ำ ใ ห้ ไ ด้ อ า ร ม ณ์ ชิ ล ๆ ส บ า ย ๆ ม า ก ขึ้ น เ ป็ น เ รื่ อ ง ที่ แ ต่ ง แ บ บ แ น ว ห ว า น ๆ ค รั้ ง แ ร ก จ ะ ดี รึ เ ป ล่ า ยั ง ไ ง ก็ ฝ า ก ไ ว้ ด้ ว ย น ะ ค ะ ข อ บ คุ ณ ที่ เ ข้ า ม า ติ ด ต า ม กั น
--------------------------------
พูดถึงเรื่องยาวอีกเรื่องนะคะ
•.★*..P r i n c e H o u r รักวุ่นวายเจ้าชายเย็นชา (มั้ง)..*★.• http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39513.msg2503417#msg2503417คนอ่านอาจจะนึกว่าอีคนเขียนไปตายที่ไหนแล้วรึเปล่า ยังนะคะ ยังไม่ตาย(แต่อาจจะโดนรองเท้าของทุกท่านกระหน่ำเข้ามาตอนนี้แหละ) แต่ไม่ค่อยว่างแล้วก็ไม่อยากรีบๆแต่งมันจะกลายเป็นงานลวกๆ ขอโทษมากๆนะคะ
----------------------------------
นิ ย า ย ที่ จ บ แ ล้ ว [ เรื่องสั้น ] ▓ ►Y o u S e x y A n d I k n o w i t◄ ▒ [E n d !] >>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39545.msg2525015;topicseen#msg2525015จิ้มฟังเพลงค่ะ..เผื่อจะอินเหมือนคนแต่ง youtube :
http://www.youtube.com/watch?v=IOu0DuxFAT04shared :
http://www.4shared.com/mp3/LvHLrrwe/kina_grannis_-_in_your_arms.html▲▼ In Your Arms I’ll stay▼▲
คืนนี้อากาศเย็นสบาย..
พระจันทร์เต็มดวงทอแสงสีนวลสวยบนท้องฟ้าสีดำสนิท รายล้อมด้วยดาวดวงน้อยที่พอจะเห็นได้บ้างจากกลางใจเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีแบบนี้ ดวงตาสีอมเทานิดๆอย่างคนมีเชื้อสายตะวันตกกำลังกลอกขึ้นมองภาพตรงหน้าจากริมระเบียงหน้าบ้านพลางจิบกาแฟร้อนๆที่เพิ่งลงไปชงขึ้นมาเมื่อครู่
อันที่จริงไม่มีใครที่ไหนบ้ากินกาแฟตอนกลางคืนหรอก แต่เขามันน่าจะเป็นประเภทมนุษย์ประหลาด กาแฟเลยไม่มีผลอะไรกับเขาซักนิด หนำซ้ำยังจะทำให้ง่วงนอนมากกว่าเดิมซะอีก ชายหนุ่มร่างสูงที่ทั้งตัวใส่แค่กางเกงนอนขายาวนึกขำตัวเองและกำลังจะนั่งลงที่เก้าอี้ม้านั่งริมระเบียง หากแต่เจ้าตัวต้องสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อเสียงจากแอปพลิเคชั่นแชทในมือถือที่วางไว้บนเตียงของเขาดังขึ้น
' ไปรอที่สวนหย่อมหมู่บ้านนะคีธ..'
หนุ่มลูกครึ่งมองข้อความสั้นๆโดดๆที่ถูกส่งมาจากใครอีกคนที่อยู่บ้านข้างๆ ก่อนจะลองพิมพ์ถามกลับไปว่าทำไม..แต่เจ้าตัวก็ไม่ตอบอะไรกลับมา ไอ้ครั้นจะโทรรึก็ขี้เกียจจะพูด เขาจึงตัดปัญหาด้วยการเดินไปใส่เสื้อยืดแขนสั้นที่โยนพาดทิ้งๆเอาไว้ในตู้มาสวม แล้วจึงเดินออกจากห้อง
" แน่ะ! จะไปไหนน่ะคีธ?! " เคธี่น้องสาวของเขากำลังจะเดินเข้าห้องนอนพอดีร้องทักอย่างจับผิด
" ไปหาว่าน " เขาตอบยัยจอมยุ่งไปตรงๆ และนั่นก็ทำให้ดวงตากลมสวยของเคธี่วาววับขึ้นมา
" จะไปหาพี่สะใภ้ฉันสินะคีธ!!! " เคธี่ยิ้มอย่างพอใจแล้วเดินไปตบไหล่หนาพี่ชายสองป้าบ " พี่ทำถูกแล้วรู้ตัวป่ะ เลิกกับยัยนกแก้วนั่นแล้วเลือกพี่ว่านสุดน่ารักแทน "
" อะไรของแกวะ ไปนอนเลยไปพรุ่งนี้มีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ? " คีธเผลอยิ้มมุมปากแล้วไล่ให้น้องสาวที่คอยเชียร์ให้เขาคู่กับว่านสุดใจเข้าห้องนอนไปอีกครั้งแล้วจึงค่อยเดินออกไป หวังว่าพ่อกับแม่คงไม่ตื่นขึ้นมาหรอกนะ.....ไม่งั้นคงต้องสาธยายยาวยืดอีก
Hush now, let's go quiet to the park where it first started
Cold night, us lying in the dark
I felt my heart was trying to find a place for you to stay
A place where I'd feel safe
Anything we have known
Anything we've forgotten
In the rain, in the dark we'll lay
In your arms, in your arms I'll stay
ใช้เวลาแค่ไม่ถึงสามนาทีในการที่คีธเดินจากบ้านเขามาถึงสวนหย่อมของหมู่บ้าน ขายาวก้าวเดินตามแสงไฟสีส้มสลัวๆของไฟทางเดินที่ตั้งห่างเป็นระยะๆเข้าไปด้านในสวนเรื่อยๆ ก่อนจะเห็นร่างของคนที่ส่งข้อความไปหาเขานั่งห่อตัวจ้องโทรศัพท์ในมือเขม็งอยู่ที่ใต้ต้นชมพูพันทิพย์ต้นใหญ่ที่กลางสนาม เจ้าตัวเหมือนจะพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปแล้วรอใครตอบกลับมา ใบหน้าหล่อเหลาส่ายน้อยๆก่อนจะยิ้มหน่ายๆออกมาเมื่อเห็นแบบนั้น
" อากาศก็เย็น จะออกมาจากบ้านทำไมดึกๆดื่นๆ.."
เสียงทุ้มต่ำของคีธทำให้ว่านที่นั่งขดตัวแน่นเงยหน้าขึ้นมามองแล้วคลี่ยิ้มออกมา เขากำลังพิมพ์หาคีธอยู่พอดีแล้วก็นึกบ่นหมอนี่ในใจตั้งหลายตลบที่ไม่ตอบกลับมาซักที
ดวงตากลมโตมองคนตัวโตกว่าทรุดตัวนั่งลงข้างๆ นึกในใจว่าทั้งๆที่หมอนี่ก็รู้ว่าอากาศเย็นแบบนี้แต่ไหงถึงใส่มาแค่เสื้อยืดบางๆย้วยๆมา แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าคงเพราะคีธเป็นลูกครึ่งแล้วก็ ไปๆกลับๆไทยอเมริกาบ่อย คงจะกลายสภาพเป็นพวกหนังหนาจนชินอากาศเย็นๆแล้วล่ะมั้ง
" นึกว่าจะไม่มาซะอีก "
" ฉันเคยทำอย่างนั้นด้วยหรือไง? "
" ไม่เคย" ว่านตอบยิ้มๆ ก่อนจะหดคอห่อไหล่จนแทบจะกลายเป็นก้อนกลมๆเมื่อลมพัดมาหอบใหญ่
" นี่ รู้ว่าตัวเองขี้หนาวทำไมถึงใส่มาแค่คาดิแกนเน่าๆตัวเดียวฮะ....เป็นฉันจะใส่เสื้อฮู้ดแขนยาวมาแล้ว " คีธบ่นๆๆคนขี้หนาวที่ชอบทำให้เขาเป็นห่วงอยู่เรื่อย แต่กระนั้นก็ลุกขึ้นเปลี่ยนไปเป็นนั่งซ้อนหลัง ชันเข่าขึ้นสองข้างแล้วยกแขนขึ้นโอบร่างผอมบางเอาไว้ทั้งตัว
" ก็ฉันใส่ชินแค่ตัวนี้นี่ " คำตอบแบบคนเอาแต่ใจลอยตอบกลับมาพร้อมกับคนตรงหน้าขยับตัวจัดท่านั่งใหม่จนได้ท่าที่สบายที่สุดแล้วกลุ่มผมนุ่มที่มีกลิ่นหอมเย็นๆของแชมพูกลิ่นมิ้นท์ก็ค่อยๆพิงลงมาที่ช่วงลาดไหล่ของเขา
" อุ่นอ่ะดิ "
" อืม.." ว่านพยักหน้า " ฉันชอบนะเวลานายทำแบบนี้ เหมือนห่มผ้าอยู่เลย "
คำพูดเปรียบเปรยประหลาดๆแต่ดูน่ารักนั้น ทำเอาหนุ่มลูกครึ่งแทบกลั้นยิ้มไม่ได้ เขาจำไม่ได้แล้วว่าชอบนั่งท่านี้กับว่านตั้งแต่เมื่อไหร่ และเพราะอะไรทำให้เขาชอบที่จะดูแลคนคนนี้มากขนาดนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาติดนิสัยแบบพี่ชายที่ชอบดูแลน้องสาวรึเปล่า? แต่ยัยเคธี่ก็ชอบบ่นเขาทุกที ว่าเขาไม่เห็นจะดูแลเธอดีเท่าพี่ว่านเลย
" นี่นัดฉันออกมานั่งตากน้ำค้างเล่นเหรอ " คีธก้มลงพึมพำข้างหูว่านที่เจ้าตัวรีบหดคอหนีทันทีที่ลมหายใจร้อนๆของเขากระทบเข้า
" ก็....อะไรประมาณนั้นแหละ " ว่านหันไปขมวดคิ้วใส่คีธที่ดูจะมีความสุขเหลือเกินกับการที่ได้แกล้งป่วนอะไรเขาเล็กๆน้อยๆ แล้วไถลตัวเลื่อนลงไปพิงตรงช่วงอกแข็งแรงแทนเพื่อที่จะยังได้อยู่ในอ้อมแขนอุ่นๆนี้และไม่ให้คีธแกล้งเขาได้อีก
ทั้งคู่หยุดบทสนทนาลงชั่วครู่ เลือกจะให้บรรยากาศความเงียบสงบยามค่ำคืนโอบล้อมรอบตัว อาศัยความอบอุ่นจากร่างกายของอีกฝ่าย เมื่ออากาศในหน้าหนาวปีนี้หนาวมากกว่าทุกปี
ว่านหลุดหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อคีธเปลี่ยนวิธีกวนประสาทเขามาเป็นการเลื่อนมือมาเกลี่ยเบาๆที่แนวกรามขึ้นไปที่แก้ม เขาไม่ได้หัวเราะเพราะบ้าจี้แต่เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกขนลุกแปลกๆเวลาคีธทำแบบนี้ ยังไงเขาก็ยังไม่ชินสักที
“ พอทีเถอะน่า...” ว่านพูดเบาๆแล้วจัดการยกมือขึ้นจับมือของคีธออก แต่เสียงหัวเราะหึๆในลำคอยังดังตามมาจากคนด้านหลังและตามมาด้วยมือที่เหลืออีกข้างที่ยื่นมาจะแกล้งเขาอีก ว่านเลยจัดการล็อคมือสองข้างของคีธด้วยมือของเขาซะเลย
" อันที่จริง....ฉันก็นึกถึงตอนเจอกับนายสมัยเด็กๆน่ะเลยอยากมาตรงนี้ " ว่านบอก
ครอบครัวของคีธย้ายจากอเมริกามาที่นี่ตอนที่คีธเจ็ดขวบ และเคธี่ห้าขวบ จะด้วยความบังเอิญหรือโชคชะตาฟ้ากำหนดก็ไม่รู้ เมื่อแม่ของคีธและว่านดันเป็นเพื่อนสนิทแก๊งเดียวกันสมัยมัธยม แต่ต้องแยกย้ายกันไปเมื่อแม่คีธได้ทุนไปเรียนปริญญาตรีที่ต่างประเทศ ผ่านไปตั้งสิบกว่าปีแท้ๆ ยังได้กลับมาเจอกันอีก แม่ว่านเลยดีใจใหญ่ที่ได้เพื่อนซี้ย้ายมาอยู่ข้างบ้าน
วันนั้นแม่ก็จับเขาให้ไปเล่นกับไอ้สองพี่น้องลูกครึ่งนี่ที่พูดไทยไม่ได้ซักคำ!!
แต่ว่าเถอะ เด็กก็ยังไงก็ยังเป็นเด็ก ถึงจะคุยกันไม่รู้เรื่องแต่ก็เอาไอ้โน่นไอ้นี่มาเล่นด้วยกันได้ก็เป็นอันสนุกแล้ว และที่ที่พวกเขามาเล่นด้วยกันครั้งแรก ก็เป็นที่ใต้ต้นชมพูพันทิพย์นี่แหละ จำได้ว่าตอนนั้นต้นมันยังไม่ใหญ่ขนาดนี้เลย.. เวลาเล่นกันก็เอาดอกที่ร่วงอยู่ตามพื้นมาเขวี้ยงเล่นบ้างล่ะ ต่อตัวกันจะปืนขึ้นต้นไม้บ้างล่ะ
ส่วนน้องเคธี่ก็ใช่จะเป็นสาวน้อยเรียบร้อยเสียเมื่อไหร่ ไปวิ่งไล่กับแก๊งเด็กผู้ชายอีกกลุ่มจนหัวแตกแล้วก็โมโหไปชกเขาจนปากแตกอีกแน่ะ!
Take my hand, let's go into the trees
Behind the branches, falling on our knees
I remember feeling like this part of us would never change
“ จำตรงพุ่มไม้นั่นได้มั้ย ” คีธใช้มือที่ถูกว่านล็อคเอาไว้ชี้ไปที่พุ่มดอกแก้วที่ปลูกอยู่ใกล้ๆแนวรั้ว “ นายวิ่งหนีฉัน แล้วก็เข้าไปหลบ แต่สะดุดก้อนหินเลยหกล้มหัวเข่าแตก แล้วนายก็บ่นว่าเกลียดฉันไปตั้งสองอาทิตย์แน่ะ “
“ เหอะๆ ก็ตอนนั้นใครมันจับไส้เดือนใส่ขวดแล้วเอามาแกล้งฉันกันฮะ!! “ คนที่ถูกขุดวีรกรรมมาพูดโวย ก่อนจะอยู่ๆใบหน้าขาวจะหลุบลงเมื่อนึกอะไรขึ้นได้
“ ตอนนั้น........นายแกล้งฉันเพราะฉันไปแกล้งหวานหวานแฟนนาย ”
“ ใช่ นายมาป่วนแฟนฉันทุกคน แล้วยัยเคธี่ก็กลายเป็นแนวร่วมกับนาย “ คีธบอกยิ้มๆ ก่อนจะบิดข้อมือออกมาจากการจับกุมที่ไม่ได้แน่นหนาอะไรเลย แล้วยกขึ้นหยิกแก้มคนตรงหน้าเบาๆอย่างหมันเขี้ยว
“ แต่พอขึ้นมัธยมนายก็เลิกทำแบบนั้นไป ฉันเหงาเป็นบ้าเลยที่หาเรื่องมาแกล้งนายไม่ได้ “
“ มันก็ดีออกไม่ใช่เหรอ....”
“ อืม......จะว่าไงดีล่ะ มันก็ดีหรอกนะ เวลาฉันไปเดทกับสาวๆก็ไม่มีใครมาตามป่วน “
สิ่งคีธพูดทำเอาว่านรู้สึกเหมือนท้องวูบวาบ
จริงๆ เขาก็ไม่ได้เป็นอะไรกับคีธมากกว่าเพื่อน แต่ก็มั่นใจว่าถ้ากับเพื่อนธรรมดาที่คิดกันแค่ระดับเพื่อนมันไม่น่าจะต้องมีความรู้สึกอะไรแปลกๆแบบนี้พุ่งขึ้นมาทุกครั้งหรอก
ไอ้พวกความรู้สึกพวกรู้สึกเซ็งๆ หงุดหงิดนิดๆ เวลาหมอนี่เอาเรื่องแฟนตัวเองมาเล่าให้ฟัง หรือไม่ก็ถามว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ให้สาวสวยคนนั้นดี
บางทีเวลาที่คีธเลิกกับแฟนก็ชอบหอบหมอนมาขอเขานอนที่บ้านด้วย เวลาแบบนั้นคีธจะชอบนอนกอดเขาแน่นๆ บอกว่าพอทำแบบนี้แล้วรู้สึกเบาหัวดี พอบ่อยๆเข้า ก็กลายเป็นว่าเขาชอบที่จะให้หมอนี่มานอนกอดเขาแบบนี้ แล้วคีธก็มาหาเขาบ่อยขึ้นด้วยสารพัดเหตุผล แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาที่คีธทำแบบนี้มันให้ความรู้สึกอุ่นสบาย แล้วก็ปลอดภัย แบบที่แม้แต่ผ้าห่มนวมราคาแพงๆก็ทำไม่ได้น่ะ..
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าตอนหมอนี่แต่งงานไปจริงๆเขาจะจัดการกับชีวิตยังไงก่อนดี
“ แต่........ฉันรู้สึกเหมือนมันขาดๆอะไรไป “ คีธพูดต่อ
“ หมายความว่าไง? ฉันเหมือนนิ้วที่หกของนายอะไรอย่างงั้นเหรอ? “
“ ไม่ใช่!...” นิ้วยาวแกล้งดีดหน้าผากขาวไปเบาๆ โทษฐานที่เล่นมุขไม่ดูเวลา
“ ฉันรู้สึกเหมือนว่า......นี่ฉันทำอะไรอยู่นะ? ฉันชอบคนนี้จริงๆรึเปล่า? หรือที่พาเธอไปเที่ยวเพราะมันคือหน้าที่อะไรที่ต้องทำ หลังๆนายก็เลยเห็นฉันเลิกกับสาวๆบ่อย ไม่ใช่สิ...บางทีพวกนั้นก็มาขอฉันเลิกนะ บอกว่าฉันชอบเหม่อเหมือนคิดถึงคนอื่นตลอด เวลาฉันอยู่กับนาย ฉันเป็นอย่างนั้นรึเปล่า? “
“ ม...ไม่นี่ “ ว่านนิ่งไปหน่อย รู้สึกเหมือนลูกโป่งเหี่ยวๆเน่าๆที่อยู่ในอกถูกสูบลมจนกลับมาพองฟูเหมือนเดิม มันสะกิดใจตรงที่คีธพูดให้เขาฟังถึงเรื่องที่สาวๆของเขาบอกน่ะสิ..
เวลาเขาอยู่กับคีธ ก็ไม่เคยเห็นหมอนี่จะเหม่อหรือทำท่าไม่สนใจเขาเลย จนบางทีเขาก็อดจะถามไม่ได้ว่า แล้วไม่ไปหาแฟนมั่งเหรอ? แต่คีธก็เอาแต่พูดว่า ‘ไม่เห็นจะเป็นไรเลย’ กลับมา
บทสนทนาเงียบลงไปอีกครั้ง เหมือนคนทั้งคู่จะนึกไม่ออกว่าจะคุยอะไรต่อดี ยิ่งดึกในหมู่บ้านเขาก็ยิ่งเงียบ เสียงใบไม้เสียดสีเมื่อลมหนาวๆพัดมาอีกครั้ง คีธกระชับวงแขนแน่นขึ้น มือข้างหนึ่งยกเลื่อนไปวางทับลงบนมือของอีกฝ่ายที่วางไว้บนหน้าท้อง ว่านที่ยังพิงแผงอกกว้างรู้สึกหน้าร้อนตะหงิดๆและได้ยินเสียงเต้นของหัวใจคีธเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ดอกชมพูพันทิพย์สีชมพูสวยร่วงลงจากต้นลงรอบๆพวกเขา
“ แล้วหลินแฟนคนล่าสุดของนายล่ะไปถึงไหนแล้ว “ หัวข้อสนทนาจากเรื่องก่อนหน้านี้ทำให้ว่านนึกอยากถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้อยากจะรู้ซักเท่าไหร่หรอก..
“ เลิกไปแล้วล่ะ “ คีธตอบ
ตอนนี้เขาปีสาม หลินก็เป็นแฟนคนที่ 8 และเป็นคนที่ 3 ที่ขอเขาเลิก ด้วยเหตุผลที่เล่าให้ว่านฟังไปเมื่อครู่ หลินเพิ่งขอเลิกเขาเมื่ออาทิตย์ก่อน และอันที่จริง ขาควรจะขอบคุณหลินด้วยซ้ำ เพราะนั่นทำให้เขาเริ่มจะจับเค้าความรู้สึกอะไรบางอย่างในตัวเองได้มากขึ้น และการเลิกกับแฟนสาวครั้งนี้เขาตัดสินใจไม่หอบของไปนอนบ้านว่านเหมือนเคย
หนึ่งอาทิตย์ที่เขาเสียเวลาให้กับการพิจารณาความรู้สึกตัวเอง ....มั่นทำให้เขามั่นใจขึ้นเรื่อยๆ ว่าความรู้สึกที่เขากำลังมีให้กับคนที่เป็นเพื่อนตั้งแต่วัยเด็กนี้ คงจะก้าวข้ามความรู้สึกของคำว่าเพื่อนไปเสียแล้ว
“ อ้าว.....” แล้วทำไมไม่มาหาฉัน? ...ว่านนึกคำพูดช่วงท้ายต่อในใจ เขาเม้มปาก เมื่อรู้สึกว่าลูกโป่งในอกเขากำลังแตกโพละๆอีกรอบแล้ว
“ ท..ทำไมคนนี้เลิกเร็ว? “
“ อืม......เหมือนว่า ฉันจะเจอเนื้อคู่แล้ว “ คำตอบของคีธยิ่งทำให้ว่านหงอยหนักกว่าเดิม
ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในเรื่อง UP! ปู่ซ่าบ้าพลัง ที่เอาลูกโป่งผูกบ้านตัวเองให้ลอยชึ้นไปเรื่อยๆ แล้วมันค่อยๆแตกไปทีละหลายๆลูกตอนเจอพายุ แล้วบ้านก็กำลังจะหล่นวืดลงไปบนพื้น...
“ เหรอ นายโชคดีว่ะ “ ว่านแค่นยิ้มแล้วค่อยๆกระเถิบตัวออกจากคีธ คิดจะกลับบ้านไปอาบน้ำอีกซักรอบเผื่อจะเอาไอ้ความรู้สึกพิลึกๆนี่ออกไปได้
“ อ้าว จะไปไหนว่าน? “ คีธรีบลุกตามเมื่อจู่ๆว่านก็ลุกพรวดขึ้น
“ เอ่อ.....ฉันลืมไปว่ายังไม่ได้ทำงานที่จะส่งพรุ่งนี้เลย วิชาแรกด้วย ไปก่อน...”
“ เดี๋ยวสิ “ คีธพูดแทรกขึ้นแล้วเดินมาขวางอีกคนไว้ไม่ให้เดินออกไป เขาเห็นว่านขมวดคิ้วนิดๆ แล้วในตากลมโตนั่นก็เหมือนจะมีน้ำคลอหน่อยๆ
“ คีธ นี่งานสำคัญฉันเลยนะ 15%ของคะแนนเก็บ ถ้าฉันติดเอฟขึ้นมา นายจะรับผิดชอบมั้ยฮะ? “ ว่านแกล้งทำเสียงเข้มทั้งที่ภายในเขากำลังฟีบและเฟี่ยวแห้งเต็มที อยากจะกลับไปนอนชาร์ตพลังที่บ้านจะตายอยู่แล้ว
“ พนันได้เลยว่าที่ฉันจะบอกนายต่อจากนี้ก็สำคัญ “ คีธบอก
จริงๆเขาไม่ได้กะจะบอกเรื่องนี้กับว่านวันนี้เลยซักกะนิด เขาคิดว่าเรื่องแบบนี้ ถ้าจะทำทั้งทีน่าจะมีอะไรดูโรแมนติกกว่านี้หน่อย แต่ถ้าขืนรอทำแบบนั้น สงสัยว่านจะไม่ยอมมาเจอเขาง่ายๆแน่ๆ ไอ้ท่าทีที่จู่ๆก็จะหนีกลับบ้านดื้อๆแบบนี้ ยังไงเขาก็ดูออกว่าว่านกำลังจะเข้าโหมดงอนตุ๊บป่องอยู่มะรอมมะร่อแล้ว...
“ งั้นก็รีบๆพูดเลยสิ “
“ เอาเลยเหรอ? “
“ อื้ม.....จะห้าทุ่มแล้ว “ ว่านโชว์หน้าจอมือถือให้เขาดู แล้วเก็บลงกระเป๋าไปตามเดิม
“Ti amo...”
“ ฮะ??? “ ว่านร้องออกมาอย่างไม่เข้าใจว่าคีธพูดภาษาอะไรออกมา “ ภาษาอะไรของนายเนี่ยะ? “
“ อิตาลีไง....อืม นายไม่รู้ใช่มั้ย งั้น.....เยอรมันๆ Ich liebe dich “ คีธพูดอีกภาษาออกมา แต่นั่นก็ไม่ทำให้ว่านเข้าใจมากขึ้นซักนิด เขารู้แค่ภาษาอังกฤษ กับฝรั่งเศสก็บุญแค่ไหนแล้ว..
“ ขอโทษนะ ฉันไม่มีวุ้นแปลภาษาของโดเรม่อนให้นายกินหรอกพ่อลูกครึ่ง ช่วยพูดอะไรให้ฉันเข้าใจซักที จะได้รีบกลับ “ ว่านบอก
“ ถ้าฉันพูดภาษาฝรั่งเศสนายก็รู้ทันทีเลยอ่ะดิ “ คีธว่า “ ฉันก็เขินเป็นนะ “
“ พูดมาเถอะน่า แล้วเดี๋ยวค่อยไปเขินทีหลัง “ ว่านบอก เขามองคีธที่พยักหน้าเบาและกำลังสูดหายใจเขาลึกๆ
“Je t'aime “
ว่านเบิกตาโตเมื่อได้ยินประโยคภาษาฝรั่งเศสง่ายๆสั้นๆดังออกมาจากปากคีธที่สำเนียงเป๊ะอย่างกับเปิดเทป ...ไม่ๆ นั่นไม่ใช่ประเด็น เขารู้แล้วว่าคีธบอกว่าตัวเองเขินทำไม......ประโยคแบบนี้ หมอนี่ไม่ได้มั่วซั่วพูดออกมาแกล้งเขาใช่รึเปล่าเนี่ยะ
“ อะไร เรียนฝรั่งเศสมาประโยคแค่นี้ฟังไม่ออกเหรอ? “ คีธแกล้งถาม คนที่ก้มหน้าหนีเขาไปดื้อๆ
..ทำอย่างกับเขาไม่อายอย่างนั้นแหละ! สาบานได้ว่าไม่เคยคิดมุขบอกรักได้อ้อมค้อมเท่านี้มาก่อนเลย กับคนอื่นก็แค่พูดว่า คบกันนะ ก็จบแล้ว แต่กับว่าน......เพราะรายนี้เป็นกรณีพิเศษของพิเศษของพิเศษ! เขาถึงได้รู้สึกขัดๆเขินๆเวลาจะพูดอะไรทำนองนี้ออกไป
“ ฟังไม่ออกก็โง่แล้ว! ! “ ว่านโวย
“ ไหน งั้นแปลเป็นภาษาอังกฤษให้ฟังซิ “ คีธพูดแล้วเลื่อนมือไปจับหน้าว่านให้เงยขึ้นมองเขา ชายหนุ่มอมยิ้มเมื่อเห็นตาโตๆของว่านกลอกมองไปทางนั้นทีทางนี้ทีอย่างไรทางสู้ แล้วพอเลื่อนมาสบตาเขาเข้าก็หลับตาหนีซะอีก!
“ ฉันฟังออกจริงๆ ไม่แปลได้มั้ย “ ว่านบอกพยายามจะแกะมืออุ่นๆสองข้างที่กุมหน้าเขาเอาไว้ออก แต่ก็ถูกคีธดึงไปวางไว้ตรงอก ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงแรงสั่นของหัวใจที่เต้นตุ้บๆเป็นจังหวะถี่ขึ้นของคีธ
“ เห็นมั้ย ฉันก็ตื่นเต้นนะที่บอกนายไปน่ะ พูดให้ฉันฟังบ้างสิ “
“ ............. “
“ ว่าน.....”
“ อืม...... Je t'aime แปลว่า I love you “
“ แล้วแปลเป็นไทยว่าอะไร “
“ ฉันรั-นาย “
“ เก่งมาก เอาไปเลย B+! “
“ อะไร ฉันแปลตั้งสามภาษาได้แค่นั้นเหรอ? “ ว่านว่าแกล้งเอามือข้างที่คีธจับวางไว้ที่อกกำหมัดหลุนๆแล้วชกลงไปเบาๆ
“ ถ้าทำอีกอย่างจะได้คะแนนช่วยพิเศษนะนิสิต “ ว่านมองตามนิ้วเรียวที่เลื่อนไปแตะลงที่ปากตัวเอง ก่อนจะทำหน้ายู่ใส่
“ ไม่อยากทำแล้ว ได้คะแนนเท่าไหนก็เท่านั้น “
“ ไม่ได้! ฉันอยากให้นี่นา “
“ คีธ... ! ! “
ว่านตกใจจนไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากเรียกชื่อคีธเสียงแข็งๆ เมื่อคนตัวสูงกว่าโน้มตัวลงมา แต่นั่นก็ไม่ได้มีผลอะไรซักนิดเดียว
คีธรั้งเขาเข้าไปจนใกล้ ชายหนุ่มแล้วยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่านหลับตาปี๋ ก่อนจะค่อยๆประทับริมฝีปากลงไปแผ่วเบา ก่อนจะละออกมาและตามด้วยจูบลึกล้ำที่ทำเอาว่านแทบจะยืนไม่อยู่ หัวสมองเขากลายเป็นพื้นที่ขาวโพลนไม่มีข้อมูลอะไรหลงเหลืออยู่เลยชั่วขณะ รับรู้ได้แค่ลิ้นร้อนๆที่ลากผ่านแนวริมฝีปากของเขาแล้วเข้าไปสำรวจด้านใน
เขาคิดว่าราวๆเกือบจะนาทีนึงได้คีธถึงยอมผละออกจากปากเขา ว่านค่อยๆเปิดตาขึ้นมองคนที่ยังหอบหายใจอยู่ใกล้ใบหน้าตัวเอง มองเข้าไปในดวงตาสีอมเทาสุดเท่ห์แบบที่เขาชอบแล้วยิ้มออกมาบางๆ ถึงตอนนี้คีธจะเอามือโอบเขาไว้แล้วเขาก็ยังต้องเอามือเกาะคอคีธไว้ด้วย เพราะไอ้ความรู้สึกเหมือนถูกสูบพลังงานไปแบบนี้นี่แหละ..
“ จูบแรกฉันนะน่ะ “ ว่านบอก
“ อยู่กับฉัน รับรองนายมีมากกว่าจูบแรก “ คีธแกล้งพูดแล้วประทับริมฝีปากลงไปเบาๆอีกครั้ง
“ เขาว่าฝรั่งหื่นนี่คงจะจริง “ ว่านพูดเสียงเจือหัวเราะ ก่อนซบหน้าลงไปบนไหล่กว้างเมื่อคีธดึงเขาเข้าไปกอดแน่นๆ
มืออุ่นๆลูบผมเขาเบาๆ ริมฝีปากได้รูปกำลังกระซิบบอกรักเขาอีกครั้ง กลิ่นหอมอ่อนๆจากครีมอาบน้ำผู้ชายจากตัวคีธ ทำให้เขามีความสุขมาก...มากจนเขาแทบจะหยุดยิ้มไม่ได้อยู่แล้ว สงสัยถ้าน้องเคธี่รู้เรื่องที่พี่ชายมาสารภาพรักเขาคงจะได้ปิดซอยเลี้ยงแหงๆ
“ ถ้าเขาว่างั้น ...งั้นฉันก็คงจะมีเชื้อหื่นซัก 60% นะ เพราะฉันเป็นลูกครึ่ง “ คีธบอก
“ ไม่เชื่อหรอก “
Anything we have known
Anything we've forgotten
In the rain, in the dark we'll lay
“ งั้นมาพิสูจน์กัน คืนนี้นายมานอนห้องฉัน “
“ ฝรั่งเจ้าเล่ห์! “
“ ก็แค่กับคนที่รักนะ บอกไว้ก่อน “
In your arms,
IN YOUR ARMS I’LL STAY ▲▼▲▼▲▼▲▼▲▼THE END▼▲▼▲▼▲▼▲▼▲
ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านค่า