Chapter 18
เมื่อนารินทร์รู้สึกตัวขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ที่บ้านของตัวเองในห้องลับของบ้าน แต่เมื่อมองหาวารินทร์ก็ไม่พบจึงพยายามจะลุกขึ้นเพื่อหาวารินทร์แต่ด้วยการถูกทำร้ายจากวายุและพลังที่สูญเสียไปในการต่อสู้ทำให้แค่ขยับตัวก็ลำบากยากเย็นเหลือเกินแล้ว
“อย่าพึ่งขยับครับนารินทร์…นารินทร์ต้องพักผ่อนมากกว่านี้นะครับ เพราะนารินทร์สูญเสียพลังไปมาก” พี่ดำเลื้อยมาบอกกับนารินทร์เพราะเฝ้าดูอาการของนารินทร์มาตลอดเวลี่ทนารินทร์หลับ
“พี่รินทร์ล่ะพี่ดำ…พี่รินทร์อยู่ไหน” นารินทร์ถามด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า แต่ด้วยความเป็นห่วงพี่ที่มีมากกว่าทำให้นารินทร์พยายามถามพี่ดำ เพราะภาพสุดท้ายที่นารินทร์จำได้คือวารินทร์กลายร่างเป็นงูขนาดใหญ่สีทองอร่ามเพื่อช่วยเค้าให้พ้นจากเนื้อมือของวายุ
“นอนพักก่อนนะครับ…เดี๋ยวพี่รินทร์ก็กลับมาแล้วครับ” นารินทร์ที่ไม่รู้เรื่องว่าวารินทร์ถูกจับตัวไว้ก็ยิ้มกว้างอย่างพอใจก่อนจะหลับใหลสู่ห้วงนิทราเพื่อฟื้นฟูพลังที่สูญเสียไปให้กลับมาอีกครั้ง
ทางด้านของวารินทร์เองที่สลบไปอีกครั้งเพราะการใช้อำนาจเกินตัว ก็ถูกใครอีกคนเฝ้ามองอยู่ตลอดเวลาโดยไม่ให้คลาดสายตาของพายุไปได้อีกและในขณะที่พายุกำลังนอนมองหนุ่มหน้าสวยอยู่นั้นคุณหญิงสุดาผู้เป็นแม่ คุณสุพจน์ผู้เป็นพ่อ และวายุผู้เป็นน้องชายก็พากันเดินเข้ามาดูคนที่พึ่งสลบไป
“วารินทร์เค้าเป็นยังไงบ้างลูก” คุณหญิงสุดาถามขึ้นถึงแม้ว่าเธอจะกลัวไม่น้อยที่ลูกชายของเธอคอยวนเวียนอยู่กับวารินทร์ เนื่องด้วยเปลือกนอกวารินทร์เป็นคนดูเงียบขรึมก็จริงแต่คุณหญิงสุดาก็สัมผัสได้ด้วยเซ้นส์บางอย่างว่าวารินทร์เป็นคนที่อาฆาตแรง
“ยังไม่รู้สึกตัวครับ แต่เดี๋ยวสักพักคงจะฟื้น” ทุกคนในห้องมองไปที่ร่างของวารินทร์อย่างวิเคราะห์พิจารณาเพราะด้วยผิวที่ขาวเนียนสวยจนเกินหญิง รูปร่างที่พลิ้วบางอย่างคนน่าทุนถนอมบวกกับหน้าสวยจนผู้หญิงต้องอายและผมตรงสวยสยายจนถึงกลางหลัง จะมีใครคิดว่าคนที่งดงามดั่งรูปภาพคนนี้จะมีฤทธิ์ร้ายกาจมากมายขนาดไหน
“จะดีหรอ…จับตัวเค้าไว้แบบนี้น่ะ” ผู้เป็นพ่อถามขึ้นเพราะความหวาดระแวงที่เค้ามีต่อวารินทร์นั้นมากมายเหลือเกิน หากวันดีคืนวารินทร์คิดจะทำร้ายคนในบ้านก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับวารินทร์เลยแม้แต่นิดเดียว…วายุมองหน้าพี่ชายของตัวเองเพราะอยากจะรู้คำตอบของพายุเหมือนกันแต่พายุกลับนิ่งเงียบและไม่ตอบคำถามนี้ จนทุกคนออกไปจากห้องของพายุแต่ก่อนไปคุณหญิงสุดาก็ทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ให้กับพายุ
“ดูให้ดีๆนะพายุ ในเมื่อลูกตัดสินใจจะทำแบบนี้…ก็อย่าให้เค้าทำร้ายใครในบ้านได้” พายุพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ตอนนี้ทุกคนจะกลัวบุรุษรูปงามหน้านิ่งผู้นี้
วารินทร์ที่หลับใหลไปนานพอสมควรก็รู้สึกตัวขึ้นพร้อมกับความรู้สึกที่ดีกว่าเดิมเพราะได้พักผ่อนฟื้นทั้งพลังกาย พลังใจและพลังอำนาจ แต่เมื่อหันมองไปทั่วห้องก็พบว่าไม่มีใครเฝ้าอยู่ก็รู้สึกโล่งอกเพราะตอนนี้วารินทร์ยังไม่พร้อมจะพบใครทั้งนั้น แต่ตอนนี้วารินทร์รู้สึกหิวมากจนท้องไส้ร้องดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้คนหน้าสวยจำใจต้องลุกขึ้นจากเตียงเพื่อหาอะไรบำบัดความหิวในตอนนี้เสียก่อน
“ว๊ะ…ว๊ายยยยย…ตาเถรตก อย่าเข้ามานะ ฉันสู้จริงๆนะ!!!” เมื่อวารินทร์ก้าวขาเข้ามาในห้องครัวเหล่าแม่บ้านที่อยู่ในครัวก็กรีดร้องขึ้นอย่างตกใจเสียงดังไปลั่นบ้านจนคนอื่นๆในบ้านต้องวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“…” วารินทร์ไม่ได้ตอบโต้หรือทำอะไรใครเพียงแต่เปิดตู้เย็นและหาวัตถุดิบในตู้ที่สามารถปรุงอาหารแก้อาการท้องร้องเท่านั้น
“แกไม่มีสิทธิ์นะ!!!” แม่บ้านคนหนึ่งพูดขึ้นทำให้วารินทร์ที่กำลังยืนสับหมูบนเขียงอยู่หยุดการกระทำแล้วจ้องมองไปที่ต้นตอของเสียง แม่บ้านคนนั้นหน้าซีดเผือดเพราะหน้าตาของวารินทร์แม้จะงดงามเพียงใดแต่สายตาที่มองมานั้นกลับนิ่งเฉยเสียจนน่ากลัว
“มีปัญหาอะไร…ฉันจะรับผิดชอบเอง” วารินทร์พูดจบก็ลงมือทำอาหารต่อไปโดยไม่สนใจสายที่มองมาอย่างดูถูก เหยียดหยาม แต่ในขณะเดียวกันก็มีความกลัวและหวาดระแวงปนอยู่ด้วย…เมื่อวารินทร์ลงมือทำอาหารที่ต้องการเสร็จ กลิ่นของอาหารที่ทำก็ส่งกลิ่นหอมไปทั่วบ้านจนคนที่อยู่บริเวณนั้นเกิดอาการหิวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อวารินทร์ทานอาหารเสร็จแล้วก็รู้สึกเบื่อและไม่ชอบกับสิ่งปลูกสร้างของบ้านหลังนี้ เพราะวารินทร์ชอบที่จะอยู่แบบธรรมชาติยิ่งกว่า วารินทร์จึงออกไปเดินที่สวนทั้งๆที่ใส่ชุดคลุมอาบน้ำสีขาวที่ยาวถึงพื้นเนื่องจากวารินทร์ไม่มีเสื้อผ้าใส่เพื่อชมดูดอกไม้และพืชพรรณนานาชนิดที่มีอยู่น้อยนิดเมื่อเทียบกับบ้านของเค้า
“โอ้ยยยย…หนูขอโทษค่ะ” เด็กหญิงอายุประมาณห้าขวบที่วิ่งไล่จับผีเสื้ออยู่และไม่ทันระวังจนชนเข้ากับวารินทร์จนตัวเองกระเด็นล้มออกไป เด็กน้อยที่กระเด็นออกไปอย่างแรงจึงได้แผลที่บริเวณหัวเข่า วารินทร์เห็นดังนั้นจึงเข้าไปช่วยพยุง
“เป็นอะไรหรือเปล่า” วารินทร์ถามเด็กน้อยที่นั่งกุมแผลตัวเองไว้
“ไม่เป็นอะไรค่ะ ขอบคุณนะคะพี่นางฟ้า” ความไร้เดียงสาของเด็กน้อยทำให้วารินทร์คลี่ยิ้มบางๆอย่างอ่อนโยนให้ แต่เมื่อวารินทร์เห็นเข่าที่ถลอกก็จัดการเอามือของตัวเองวางทับแผลไว้ครู่หนึ่ง และเมื่อดึงมือออกแผลนั้นก็หายไปอย่างอัศจรรย์
“พี่นางฟ้าทำได้ยังไงคะ เก่งจังเลย” วารินทร์ยิ้มขึ้นอีกครั้งและชวนคุยเรื่องอื่น
“หนูชื่ออะไรคะ”
“หนูชื่อยิ้มค่ะ…แล้วพี่ชื่ออะไรคะ” วารินทร์ไม่ตอบแต่จูงมือยิ้มไปกับตน ซึ่งยิ้มเองก็ไม่ได้ขัดขืนแถมเดินตามไปด้วยความเต็มใจด้วยซ้ำ วารินทร์พายิ้มเดินเล่นไปจนถึงมุมอับของสวนแล้วเล่นกับงูให้เด็กน้อยดู แต่ยิ้มกลับตกใจและตื่นกลัวงูอย่างมาก
“พี่นางฟ้า หนูกลัว” ยิ้มมีสีหน้าหวาดกลัวและหลบอยู่ข้างหลังวารินทร์ไว้เพราะรู้สึกปลอดภัย
“ไม่ต้องกลัวนะคะ…งูไม่ใช่สัตว์ที่น่ากลัว ถ้าเราไม่ทำอะไรเค้าก่อนเค้าก็จะไม่ทำเราเหมือนกันนะคะ…แล้วงูก็เป็นสัตว์ที่อาฆาตแรงอย่างมาก เพราะฉะนั้นยิ้มสัญญากับพี่นะคะว่าจะไม่ทำร้ายงูหรือสัตว์อื่นๆ ถ้าหากเค้ายังไม่ได้ทำร้ายเรา” เด็กน้อยพยักหน้าตอบอย่างเข้าใจ วารินทร์ปล่อยงูให้กลับไปในที่ของมันและยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบของยิ้มที่เชื่อฟังผู้ใหญ่อย่างเค้า
ช่วงเวลาเกือบๆเย็นพายุกลับเข้ามาที่บ้านอย่างรีบร้อนเพราะเป็นห่วงว่าคนที่นอนอยู่บนบ้านจะตื่นหรือยัง แต่เมื่อพายุขึ้นมาถึงห้องกลับไม่พบร่างระหงษ์อย่างที่ตั้งใจไว้ก็เกิดอาการโมโหเพราะคิดว่าวารินทร์หนีกลับไปแล้ว
“มีใครเห็นวารินทร์ไหม” พายุที่วิ่งลงมาจากชั้นสองอย่างรีบร้อนตะโกนถามเหล่าคนใช้ลั่นบ้านเพราะตอนนี้วายุและพ่อกับแม่ออกไปข้างนอกกันหมดเหลือแต่คนใช้ที่อยู่ในบ้านเท่านั้น
“ฉันอยู่นี่…คุณมีอะไร” วารินทร์เดินเข้ามาจากทางหลังบ้านเมื่อวายุสังเกตก็รู้ได้ทันทีว่าคงจะหนีไปที่สวนหลังบ้านมาแน่นอน แต่ก็ไม่ได้ว่าหรือกล่าวโทษอะไรวารินทร์
“เปล่า ผมก็แค่เป็นห่วงคุณเฉยๆ” พายุยิ้มให้วารินทร์บางๆอย่างดีใจที่อย่างน้อยเค้าก็ยังได้เห็นหน้าวารินทร์หลังจากกลับมาจากการทำงาน
“ฉันจะกลับบ้าน”
“ไม่ได้!!!” เมื่อวารินทร์พูดจบพายุก็สวนขึ้นทันควันอย่างไม่ยอม วารินทร์มองพายุด้วยสีหน้าเรียบเฉยเสมือนว่าพายุจะห้ามอะไรเค้าได้หากวารินทร์ต้องการจะกลับ
“คุณไม่มีสิทธิ์” พายุเข้าชาร์ตตัววารินทร์ทันทีเพราะความปากเก่งของวารินทร์ที่เถียงพายุอย่างไม่ลดละ พายุจึงคิดหาข้อผูกมัดที่จะทำให้วารินทร์ไม่กล้าต่อรองกับเค้าและยอมอยู่ที่นี่อย่างเต็มใจหรือจะไม่เต็มใจก็ตาม…พายุใช้เวลาคิดครู่เดียวก็คลี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และวารินทร์ก็สัมผัสได้ถึงความความเจ้าเล่ห์จากรอยยิ้มนั้นของคนตรงหน้าที่กำลังบีบไหล่ของวารินทร์ไว้แน่น
“ทำไมคุณถึงอยากไปจากผมนัก”
“…” วารินทร์เงียบเป็นคำตอบและยังมองหน้าพายุอย่างไม่ยอมแพ้
“คุณไม่เห็นใจผมบ้างหรอ คุณน่าจะรู้ว่าผมคิดยังไงกับคุณ”
“นั่นมันเรื่องของคุณ…ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น” วารินทร์ปฏิเสธอย่างไม่รักษาน้ำใจพายุเลยสักนิด ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าคนๆนี้คิดยังไง แต่ด้วยเงื่อนไขของเผ่าที่ทำให้วารินทร์คิดว่ายังไงเสียก็เป็นไปไม่ได้ พญาครุฑกับพญานาคไม่เคยญาติดีต่อกันถึงแม้จะได้ชื่อว่ามีบิดาองค์เดียวกันก็ตาม
“ทำไม!!! เพราะแค่คุณเป็นนาคผมเป็นครุฑอย่างนั้นหรอ!!!” พายุพูดด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด
“ใช่!!! เราไม่ควรจะมาเจอกนด้วยซ้ำทั้งชาตินี้และชาติต่อๆไป ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพยายามทำเพื่อหลีกเลี่ยงการผูกเวรกับพวกคุณ…ทำไมคุณไม่เข้าใจเสียที!!!” วารินทร์พูดตะคอกใส่หน้าพายุอย่างเหลืออด และคำพูดของวารินทร์ก็ทำให้พายุอึ้งไปพักใหญ่ ซึ่งพายุได้เห็นแล้วว่าเค้าคงไม่มีทางเลือก
“ก็ได้ผมไม่ห้ามคุณหรอกถ้าคุณอยากจะไป”
”คุณคงจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว” วารินทร์ยังคงพูดเสียงนิ่งเหมือนเดิมและสะบัดตัวออกจากพายุและกำลังจะเดินออกไปจากบ้านหลังนี้แต่…
“อยากจะไปไหนก็เชิญ…แต่ถ้าคุณก้าวขาออกจากบ้านหลังนี้แม้แต่ก้าวเดียวละก็…ผมจะฆ่านารินทร์ทิ้งซะ!!! คุณคงรู้ว่าผมทำได้”
“!!!”