Chapter 31
หลังจากที่วารินทร์นั่งรถมาด้วยท่าทีสงบนิ่งสักพักหนึ่ง ตัวรถก็เคลื่อนเข้าไปจอดหน้าคฤหาสน์ขนาดใหญ่ซึ่งตกแต่งออกแนวยุโรปสุดหรูหรา วารินทร์ยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับตัวจนกระทั่งประตูรถถูกเปิดออกโดยบุคคลที่ลักพาตัวเค้ามาที่นี่
“ขอเชิญลงมาหน่อยนะครับ คนสวยนายพี่รอน้องอยู่ข้างในแล้ว” วารินทร์ก็ยอมเดินลงจากรถอย่างไม่ขัดขืนและเดินตรงเข้าไปในบ้านทันที…วารินทร์ก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่นี่จะทำให้เค้าสนุกได้ขนาดไหนเชียว
“ยินต้อนรับสู่คฤหาสน์ของผมครับ” กิตติกรยิ้มต้อนรับวารินทร์อย่างถูกใจ เพราะไม่คิดว่าวารินทร์จะยอมมาด้วยดีๆแบบนี้
“มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า” วารินทร์ถามกลับเสียงนิ่ง
“เย็นชาจังเลยนะครับ ผมก็แค่อยากทำความรู้จักคุณนิดๆหน่อยๆเอง คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าผมอยากจะเชิญคุณร่วมทานอาหารเย็นสักมื้อหนึ่ง”
“ไม่มีปัญหา…ว่าแต่ว่าธุระของคุณมาเถอะ” กิตติกรรู้สึกถูกใจวารินทร์อย่างมาก ด้วยการพูดจาที่ตรงไปตรงมา และการแสดงออกที่ไม่มีอาการเกรงกลัวต่อสิ่งตรงหน้า…ช่างเหมาะที่จะเป็นของๆเค้าเสียเหลือเกิน
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอเข้าประเด็นเลยละกันนะครับ…มีคนรายงานผมว่า คุณเรียกเอกสารการเงินของบริษัทย้อนหลังสามปีเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง” กิตติกรพูดแค่นี้และมองหน้าวารินทร์อย่างกดดัน แต่มันไม่ได้ทำให้วารินทร์สะทกสะท้านเลยแม้แต่นิดเดียว
“คุณแก้มน่ะหรอครับ…แล้วทำไม” วารินทร์ถามกลับอย่างเหยียดๆ เพราะรู้ความคิดทั้งหมดของกิตติกรแล้ว
“คุณนี่สวยแล้วยังฉลาดอีกนะ…คุณต้องการเท่าไหร่ ผมจะแบ่งส่วนแบ่งให้คุณด้วย”
“คุณนี่ใช้วิธีสกปรกเหมาะสมกับนิสัยและจิตใจดีนะครับ” การ์ดรอบๆตัวกิตติกรเตรียมจะพุ่งเข้าหาวารินทร์ แต่ก็ถูกกิตติกรยกมือห้ามปรามไว้เสียก่อน
“ผมจะถือว่าเป็นคำชมของคุณแล้วกันนะ…แล้วตกลงคุณต้องการเท่าไหร่” วารินทร์รู้สึกรังเกียจคนตรงหน้าจนแทบทนไม่ไหวทั้งการกระทำและคำพูด
“คุณคิดว่าเงินสามารถซื้อผมได้หรือยังไง คุณกิตติกร” น้ำเสียงวารินทร์เริ่มเปลี่ยนไป เพราะการกระทำของกิตติกรเหมือนเป็นการดูถูกวารินทร์ทางอ้อม ซึ่งวารินทร์เองก็พยายามสะกดอารมณ์ของตัวเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
“เอาเป็นว่าผมจะให้เวลาคุณเก็บไปคิดก่อนดีกว่านะครับ…เราไปทานอาหารกันดีกว่า เชิญครับ” พูดจบกิตติกรก็เดินนำวารินทร์ไปยังห้องอาหารทันที บนโต๊ะถูกวางเรียงรายไปด้วยอาหารมากมายหลายชนิดซึ่งล้วนแต่เป็นอาหารราคาสูงทั้งนั้น
“จะรับไวน์องุ่นหรือไวน์ขาวดีครับ คุณวารินทร์”
“น้ำเปล่า” เมื่อวารินทร์พูดจบน้ำเล่าก็ถูกรินใส่แก้วของวารินทร์ทันที ตลอดการทานอาหาร กิตติกรเอาใจใส่วารินทร์มากเป็นพิเศษ…มากจนน่าสงสัย
“ผมขอตัวดีกว่า นึกได้ว่ามีธุระ” วารินทร์เตรียมตัวจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกการ์ดสองคนขนาบข้างไว้เหมือนบังคับไม่ให้สามารถลุกได้
“เดี๋ยวก่อนสิครับ จะรีบไปไหนเชียว อาหารพวกเนี่ยผมสั่งมาจากภัตตาคารอย่างดี คุณจะไม่ลองชิมเสียหน่อยหรอครับ ผมเสียใจแย่เลย”
“บอกตาตรงนะครับ คุณกิตติกร…รู้สึกขยะแขยงทุกอย่างในบ้านหลังนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ” เมื่อวารินทร์พูดจบ กิตติกรก็ฉุนขาดด้วยความโมโหทันทีเพราะวารินทร์พูดจาสอดเสียดกิตติกรอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
“จองหองนักนะ…แกไม่รู้หรือไง ว่าสถานการณ์ตอนนี้ อะไรเป็นอะไร ห๊ะ!!!...ถ้าขืนยังปากดีไม่เลิกฉันเก็บแกแน่ นั่งลงซะ”
“หึหึ…คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงบังอาจหาญกล้ามาออกคำสั่งกับฉัน” พูดจบวารินทร์ก็เดินออกจากโต๊ะอย่างไม่เกรงกลัวพร้อมกับผลักการ์ดสองคนที่พยายามจะจับตัววารินทร์ไว้จนกระเด็นลงไปกองกับพื้น
“มัวทำอะไรกันอยู่วะ จับมันไว้ให้ได้” กิตติกรตระโกนสั่งลูกน้องจบ ชายชุดดำจำนวนมากก็มายืนล้อมวารินทร์ไว้จนไม่มีช่องทางให้เดินออกไปไหนได้
“จะไปทางไหนดีครับคนสวยของผม” กิตติกรยิ้มอย่างผู้ชนะ ก่อนจะค่อยๆเดินเข้ามาใกล้มาเรื่อยๆจนหยุดอยู่ตรงหน้าของวารินทร์
“ถอยไปดีๆ…จะดีกว่านะ ฉันขอเตือน” วารินทร์เริ่มรู้สึกเบื่อหน่อยกับการละเล่นที่นี่แล้ว อยากจะกลับไปที่บริษัทเพื่อทำงานต่อ เพราะนี่ก็เสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเยอะแล้ว
“โอเคครับ โอเค” กิตติกรพยักหน้าให้ลูกน้องก่อนที่ตัวเองจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะอย่างสบายใจ แต่เพียงช่วงเวลาไม่ถึงสิบวินาที…เมื่อกิตติกรหันกลับมาวารินทร์ก็เดินตัวปลิวไปอยู่หน้าประตูบ้านแล้ว และเมื่อมองเลยมาตรงจุดที่กิตติกรพึ่งเดินออกมาเมื่อครู่ ก็เห็นลูกน้องของตัวเองนอนเกลื่อนกลาดอยู่กับพื้นเต็มไปหมด
“เห้ย!!! พวกมึงปล่อยมันไปได้ยังไงวะ!!! ตัวมันก็แค่นั้นพวกมึงเอาไม่อยู่หรือไง!!! เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ ผลั๊ว!!!” กิตติกรตบหน้าลูกน้องตัวเองจนเลือดสาดก่อนจะมองไปที่หน้าบ้านอีกครั้ง ก็พบว่าวารินทร์หายตัวไปเรียบร้อยแล้ว
“ผมขอโทษครับ…อยู่ๆผมก็เหมือนถูกของหนักทุบอย่างแรงมารู้สึกตัวอีกทีก็กองอยู่กับพื้นแล้วครับ” หัวหน้าการ์ดบอกสาเหตุให้กับกิตติกรฟัง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของกิตติกรเย็นลงเลยสักนิดเดียว
“หึ้ยยย!!! ฝากไว้ก่อนเถอะ เราต้องได้เจอกันอีกแน่”
ทางด้านของพายุก็ร้อนใจไม่แพ้กันเมื่ออยู่ๆวารินทร์ก็หายตัวไปจนเค้าต้องออกมาตาม ถึงได้ทราบเรื่องจากแก้มว่าวารินทร์ถูกลักพาตัวไป พายุจึงเปิดกล้องวงจรปิดดู ในจอมอนิเตอร์แสดงภาพเห็นรถตู้ปริศนาสีดำไม่มีเลขทะเบียนมาจอดขนาบกับวารินทร์พร้อมกับผลักแก้มจนล้มลงกับพื้นและแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว
“ทำไมยามถึงปล่อยให้รถตู้ไม่มีทะเบียนเข้ามาในบริษัทได้” พายุพูดด้วยน้ำเสียงดุดันจนพนักงานในห้องต่างเสียวสันหลังไปตามๆกัน
“สอบสวนยามว่าทำอะไรอยู่ในช่วงเวลานั้น…ถ้าไม่ได้ความคงต้องรับสมัครพนักงานรักษาความปลอดภัยใหม่” พูดจบพายุก็เดินออกจากห้องทันที เพราะเค้าต้องออกตามหาวารินทร์จนกว่าจะเจอให้ได้
“บอสจะไปไหนคะ” เสียงของแก้มดังขึ้นทำให้พายุชะงักแล้วหันกลับมาตอบอย่างเร่งรีบ
“ตามหาวารินทร์น่ะสิ”
“คุณจะตามหาผมทำไม…มีธุระอะไรหรือเปล่า” วารินทร์เดินก้าวเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน แตกต่างจากพายุที่แทบจะเข้าไปอุ้มวารินทร์ขึ้นมากอด
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม…ผมเปิดกล้องวงจรปิดดูเห็นว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องดีก็เลยจะออกตามหาคุณ”
“ขอบคุณนะสำหรับความเป็นห่วง…แต่ผมไม่เป็นไร เพื่อนแกล้งผมเล่นน่ะแล้วเราก็ออกไปหาอะไรทานด้วยกัน คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม” วารินทร์ว่าพร้อมกับเดินขึ้นลิฟต์เพื่อไปทำงานต่อ พายุก็เดินตามวารินทร์อย่างไม่ห่าง และดูเหมือนอารมณ์จะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเสียด้วย
“อีวารินทร์ มึงไม่ตายดีแน่!!!” พูดจบแก้มก็เข้าไปในลิฟต์อีกตัวหนึ่งเพื่อขึ้นไปทำงานของตัวเองเหมือนเดิม
เย็นวันนั้นนารินทร์กับวายุก็เลิกเรียนตอนเย็นพร้อมกัน ทั้งสองจึงตกลงกันว่าจะเข้าไปที่บ้านของวายุเทพเพื่อเจอวารินทร์และเพื่อเยี่ยมคุณสุพจน์และคุณหญิงสุดาด้วย
“พี่วายุ ซื้อขนมไปเผื่อคุณแม่พี่ด้วยนะ” นารินทร์พูดขึ้นในขณะที่กำลังเลือกขนมกลับไปทานเล่นอยู่
“เลือกไปให้หน่อยสิ…แม่ผัวนั่นแม่ผัวนานะ” วายุแกล้งพูดหยอกนารินทร์จนหน้าขึ้นสีแดงเรื่อไปหมด ซึ่งในสายตาของวายุมันเป็นภาพที่น่ารักและน่าฟัดเอามากๆ
“เอาอะไรอีกไหมพี่วายุ เราจะได้กลับกัน” วายุส่ายหน้าพร้อมกับจูงมือนารินทร์เดินมาขึ้นรถทันที ในระหว่างการเดินทางนารินทร์ก็เล่าเรื่องราวต่างๆเจื่อยแจ๋วไปเรื่อย แต่วายุก็ไม่ได้มีท่าทีรำคาญสักนิดเดียวกลับชอบเสียอีก เพราะนี่คือนารินทร์วายุชอบทุกอย่างที่เป็นนารินทร์
“ถึงสักทีป่านนี้พี่รินทร์จะกลับมาหรือยังก็ไม่รู้…เอ๋ สงสัยเย็นนี้บ้านพี่จะมีแขกนะ” นารินทร์หันไปบอกกับวายุ และเมื่อวายุสังเกตสีรถยี่ห้อรถแล้วหน้าตาก็เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันทีพร้อมกับพรึมพรำออกมาเสียงเบาหวิว
“คุณป้าลดา”
ปล.เค้าขอโทษนะ ไม่ค่อยจะว่างเลยอ่า
