Chapter 49
“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าที่ผ่านมาวารินทร์เข้าใจผิดมาโดยตลอดน่ะสิ” ดำพูดขึ้นเมื่อเหตุการณ์ต่างๆภายในอดีตถูกถ่ายออกมาจากปากของนารินทร์ ซึ่งนารินทร์ พายุ และ วายุ ก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด นั่นหมายความว่าทุกคนก็มีความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน
“ผมจะไปตามหาวารินทร์ แล้วอธิบายเรื่องอย่างในอดีตให้เค้าฟังเอง” พายุยังคงยืนยันหนักแน่นในแผนการตามหาวารินทร์ แต่ก็ถูกดำขัดไว้เสียก่อน
“ตอนนี้วารินทร์ไม่ฟังคุณใครหรอก ไม่ว่าจะเป็นคุณ ฉัน หรือแม้แต่นารินทร์…การที่วารินทร์หายไปแบบนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่าเค้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว”
“แต่พี่รินทร์ควรจะได้รับรู้ความจริงก่อนที่จะตัดสินใจอะไรไม่ใช่หรอพี่ดำ นาพยายามมาตลอดในช่วงเวลาสามสี่เดือนที่ผ่านมา แต่เมื่อนาทำได้พี่ดำจะบอกว่าอย่าตามหาพี่รินทร์อย่างนั้นหรอ”
“พี่ไม่ได้หมายความอย่างนั้นครับนา…แต่พี่แค่ต้องการจะบอกว่า การเดินเข้าไปพูดคุยขอให้เค้ากลับมาดีๆนั้น เป็นไปไม่ได้…นอกเสียจากว่า…” ดำหยุดพูดไปชั่วขณะราวกับกำลังใช้ความคิดและประเมินความเป็นไปได้เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังจะพูดออกไป ซึ่งทุกคนก็รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“ต้องใช้กำลังบังคับ” เมื่อดำพูดจบพายุและวายุก็ลุกขึ้นยืนสุดตัว
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอก แค่ผมกับวายุก็เหลือเฟือแล้ว”
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกนะ คุณคิดว่าวารินทร์จะไม่ตอบโต้พวกคุณหรือยังไงกัน ยิ่งสภาพคุณในตอนนี้ที่โดนพิษของวารินทร์เล่นงานอยู่ด้วย…คราวนี้คุณได้ตายจริงๆแน่พายุ แต่ฉันก็แปลกใจนะที่คุณโดนพิษของวารินทร์เล่นงานไปขนาดนั้นแต่คุณกลับไม่มีท่าทางอิดโรยหรืออาการอ่อนล้าหลังจากฟื้นขึ้นมาให้เห็นเลย” สายตาของทุกคนพุ่งตรงไปที่พายุและแต่ละคนก็กำลังวิเคราะห์หาสาเหตุที่ทำให้พายุฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
“จริงสิ พี่พายุอยู่เฉยๆสักพักนะ” นารินทร์สั่งพายุก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่แขนของพายุและหลับตาลงเพื่อมองย้อนกลับไปในช่วงสามสี่เดือนก่อนที่พายุจะหมดสติไป…ห้องตกอยู่ในความเงียบสงัด ได้ยินแม้ระทั่งเสียงลมหายใจของคนสี่คน จนในที่สุดนารินทร์ก็ลืมตาขึ้นมา
“เป็นยังไงบ้างนา เห็นอะไรบ้างหรือเปล่า” ดำเปิดฉากถามทันทีที่เห็นนารินทร์ลืมตาขึ้น
“พี่พายุไม่มีพิษอยู่ในตัวแล้วล่ะ สบายใจได้”
“หมายความว่ายังไงนา หรือว่า…”
“ใช่แล้วพี่ดำ พี่รินทร์น่ะถอนพิษออกไปตั้งแต่ตอนที่พี่พายุหมดสติไปแล้ว ส่วนที่พี่พายุหลับมานานอาจจะเป็นผลข้างเคียงของพิษก็ได้นะครับ” เมื่อนาพูดจบพายุและวายุก็มีสีหน้าดีขึ้น เพราะนั่นหมายความว่าวารินทร์ยังไม่อาจหาญสามารถฆ่าพวกเค้าได้ลง และนั่นยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟให้พายุกระตือรือร้นในการออกตามหาวารินทร์เข้าไปอีก ต่างจากดำที่สีหน้าซีดลงอย่างฉับพลัน
“ถอนพิษ…งั้นหรอ” ดำครางออกมาอย่างคนล่องลอยพร้อมๆกับความคิดที่ตีรวนกันเต็มหัวไปหมด
“ใช่แล้วพี่ดำ…มีอะไรหรือเปล่า” นารินทร์ถามต่อด้วยความสงสัยเพราะสีหน้าของดำไม่ดีเลยจริงๆ
“พิษที่วารินทร์ใช้น่ะ คือพิษเสน่ห์นาคราช…ไม่มีทางถอนได้แม้ว่าคนที่คิดจะถอนจะเป็นคนเดียวกันกับคนที่ทำมันขึ้นมาก็ตาม”
“หมายความว่ายังไงพี่ดำ…แต่พี่พายุก็ปกติดีทุกอย่างนิ แถมในภาพนิมิตที่นาเห็น พี่รินทร์ก็ท่องอะไรบางอย่างตอนที่พายุหลับแล้วพิษก็ไหลออกจากตัวพี่พายุแล้วด้วย…เอ๊ะ…หรือว่า…” นารินทร์เอามือป้องปากตัวเองอย่างตกใจสุดขีดเมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน
“พิษนั้นน่ะถอนไม่ได้ แต่สามารถดูดกลับไปที่ร่างของตัวเองได้…ถ้าเป็นวารินทร์ล่ะก็ นั่นไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิดเดียว”
“ถ้างั้นก็หมายความว่าวารินทร์ดูดพิษกลับเข้าร่างตัวเองเพื่อช่วยพี่พายุงั้นหรอ” วายุหันไปถามนารินทร์ ซึ่งนารินทร์ก็ได้แต่พยักหน้าเศร้าๆ
“วารินทร์…แย่แน่ๆ” เมื่อทุกคนในห้องกำลังเสียขวัญ มีเพียงแต่พายุเท่านั้นที่คว้าเสื้อแขนยาวในห้องแล้ววิ่งลงมาข้างล่างอย่างรวดเร็ว
“คุณพายุฟื้นแล้ว!!! คุณพายุฟื้นแล้วค่ะคุณผู้หญิง!!!” สาวใช้ในบ้านตระโกนลั่นบ้านทำให้สุพจน์และสุดาต่างก็ตกใจวิ่งเข้ามาในบ้านอย่างรวดเร็ว
“พายุลูก!!! เป็นยังไงบ้าง เจ็บปวดตรงไหนบ้างหรือเปล่าลูก!!!” สุดาจับตัวพายุหมุนไปมาอย่างดีใจที่เห็นลูกชายคนโตฟื้นคืนสติมาอีกครั้ง พร้อมกับสายน้ำที่คลอหน่วยอยู่ที่ดวงตาของผู้เป็นมารดา
“ไม่มีเวลาแล้วครับแม่ ผมต้องตามหาวารินทร์ให้ไวที่สุด” พายุกำลังจะเดินออกมาจากบ้านแต่ก็ถูกสุดาจับไว้เสียก่อน
“หยุดนะ!!! จะไปตามหาเค้าทำไม เค้าเป็นทำให้ลูกเป็นแบบนี้นะ!!! แม่ไม่ยอมเด็ดขาด!!!” ทางวายุ นารินทร์และดำก็รีบวิ่งตามลงมาช่วยพายุอีกแรง
“พี่พายุรีบไปเถอะฝากด้วยนะ เดี๋ยวทางนี้ผมกับนารินทร์จัดการเอง” วายุบอกพี่ชายก่อนจะจับมารดาของตนแยกออกมาจากพี่ชาย
“ขอบใจมากวายุ” พายุพูดจบก็วิ่งไปที่โรงรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้สุดาที่ร้อนรนจนแทบสติแตกที่ไม่สามารถห้ามลูกชายของตัวเองได้
“นี่วายุปล่อยแม่นะ!!! รีบไปห้ามพี่ชายของเราไว้สิ!!! อยากจะเสียเค้าไปจริงๆใช่ไหม!!! ฮือ…ฮือ…ฮึก…ฮือ” สุดาเข่าอ่อนยวบลงไปกับพื้นแต่โชคดีที่วายุประคองไว้ได้ทันจึงทำให้สุดาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
“แม่ฟังผมนะครับ…วารินทร์เข้าใจเรื่องบางอย่างผิดลาดไปจากในอดีต เลยทำให้วารินทร์คิดจะฆ่าผมกับพี่พายุ แต่ถ้าไม่ได้วารินทร์…พี่พายุอาจจะจากเราไปนานแล้วก็ได้นะครับแม่” สุดามองหน้าวายุ นารินทร์ และดำอย่างชั่งใจ จนสุดท้ายเรื่องราวทุกอย่างก็ถูกถ่ายทอดออกมาอีกครั้งจากปากของทั้งสามคนโดยมีสุพจน์และสุดานั่งฟังอย่างตั้งใจ
ณ ต่างจังหวัดแหง่หนึ่งที่มีสภาพแวดล้อมอุดมสมบูรณ์มากกว่าในกรุงเทพ ไม่มีรถลาสัญจรไปมามากนัก แถมธรรมชาติที่นี่ยังคงมีป่าทึบและหุบเขาอยู่มากมาย หมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ไกลออกมาจากตัวเมืองเพื่อหลีกหนีความวุ่นวายนั้นกำลังครึกครื้นไปด้วยผู้คนมากมายเพราะในทุกๆวันนี้ของทุกอาทิตย์ ชาวบ้านต่างก็จะนำของที่ตัวเองมีนำออกมาขายหารายได้เสริมกันภายในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นข้าว ปลา อาหาร วัตถุดิบต่างๆ ยาสามัญประจำบ้านรวมถึงของป่าที่หาได้ยาก อาจจะเรียกได้ว่าที่นี่ค่อนข้างชนบทเลยทีเดียว
“หนูคนสวยลูกดูผ้าหน่อยไหมจ๊ะ สวยๆทั้งนั้นเลยนะจ๊ะ” คนถูกเรียกที่มีจุดประสงค์ ที่จะมาดูผ้าอยู่แล้จึงหยุดและพิจารณาเนื้อผ้าตามที่คนขายชักชวน
“เนื้อผ้าดีทีเดียว…เท่าไหร่ครับยาย”
“ยายขายเป็นเมตรลูก เมตรละ 30 บาท ถ้าเอาเยอะเดี๋ยวยายลดให้ลูก” ชายหนุ่มยืนเลือกผ้าอีกหลากสีอย่างพิจารณาก่อนจะตัดสินใจถามหาของที่ตัวเองต้องการ
“ยายมีชุดเข็มเย็บผ้าขายไหมครับ”
“ปกติยายไม่ขายหรอก แต่ถ้าหนูจะเอาเดี๋ยวยายให้เลยละกัน…หน้าตาสะสวย ผมก็ยาวอย่างนี้ยายนึกว่าเป็นผู้หญิงซะอีก” คนถูกชมได้แต่ยิ้มบางๆส่งกลับไป ก่อนจะบอกจำนวนเมตรผ้าที่ตัวเองต้องการกลับไป
“เรียบร้อยล่ะจ่ะพ่อหนุ่ม”
“ยายครับผมไม่มีเงินหรอกนะ…เพราะฉะนั้นผมขอจ่ายเป็นไอ้นี่แทนก็แล้วกันนะครับ” ชายหนุ่มวางถุงกำมะหยี่ลงบ้านฝ่ามือของคนขายก่อนจะหยิบของทั้งหมดขึ้น คนขายสงสัยของในถุงกำมะหยี่จึงเปิดดูก็พบว่า…
“ขะ…ขะ…ของจริง…หระ…หรอวะเนี่ย!!!” หญิงชราเงยหน้าขึ้นมาอีกทีลูกค้าหนุ่มคนนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้แต่เพียงทองคำเนื้อดีที่ส่องแสงเป็นประกายเมื่อใดที่มันกระทบกับแสงสว่างเอาไว้ให้กับคนขายจำนวนหนึ่ง แต่หากเทียบมูลค่าแล้ว ของที่หญิงชราขายทั้งหมดยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งกับสิ่งที่ลูกค้าคนนั้นจ่ายมา
“เทวดาคงมาโปรดเราสินะ…สาธุ” หญิงชรายกมือไหว้ท่วมหัวก่อนจะเรียกลูกค้าขายของต่อไป
ปล. 1 เดือนพอดีเลย อิอิ หายยยยยยไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกก