Chapter 52
สองสัปดาห์ผ่านไปอาการของวารินทร์ก็ยังคงเจ็บๆปวดๆเป็นระยะๆ แต่ก็มีพายุที่คอยดูแลอยู่ไม่ห่างโดยที่คนดูแลไม่ยอมออกจากบ้านไปไหนเลยถ้าไม่สำคัญมากจริงๆ ซึ่งตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา พายุก้าวขาออกจากบ้านแค่สองครั้งเท่านั้น
“วันนี้ผมต้องออกไปประชุมที่บริษัทช่วงบ่ายประมาณสามชั่วโมง คุณอยู่ได้ไหม”
“จริงๆคุณควรจะไปทำงานตามปกติ…โตจนขนาดนี้แล้วคุณแยกแยะความสำคัญระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกหรือไง” วารินทร์ตอบกลับเสียงนิ่ง ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมาสักพักแล้ว แต่วารินทร์ยังคงมีท่าทีตึงๆกับพายุดังเดิม
“ก็เพราะว่าคุณกับลูกสำคัญที่สุดในชีวิตผมไง ผมถึงเลือกที่จะดูแลคุณอย่างใกล้ชิด” พายุสวมกอดวารินทร์หลวมๆจากด้านหลัง คนถูกสวมกอดได้แต่เบือนหน้าหนีและไม่พูดอะไรต่อไปอีก วารินทร์มักจะหวั่นไหวเสมอเมื่อถูกคำพูดแสนหวานของพายุหว่านล้อม
“ลงไปเดินเล่นในสวนกันดีกว่า” พายุเสนอและวารินทร์ก็ไม่ได้ค้านอะไร พายุจึงค่อยๆพยุงวารินทร์เดินบันไดก่อนจะเดินออกไปในสวนหลังบ้านที่จัดเอาไว้
บรรยากาศในวันนี้อึมครึมอย่างน่าประหลาด ท้องฟ้ามีเมฆหนาและมีสีดำมืด ลมแรงนิดหน่อย งูมากมายต่างเลื้อยพันเต็มต้นไม้ในบริเวณบ้านวายุเทพพร้อมๆกับมีนกฝูงใหญ่ที่บินวนไปวนมาส่งเสียงร้องดังลั่นอยู่บนท้องฟ้าเช่นกัน ทำให้พายุรู้สึกถึงความไม่ปกติและจิตใจร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“วารินทร์ คุณไปบริษัทกับผมเถอะนะวันนี้น่ะ”
“ไม่…ฉันไม่มีธุระที่นั่น”
“ผมรู้สึกไม่ดีเลย…ผมเป็นห่วง” วารินทร์หันไปประจันหน้ากับพายุทันทีที่พูดจบ
“ฟังฉันนะพายุ…เลิกกังวลอะไรไร้สาระสักที นี่ก็แค่เหตุการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป แล้วคุณก็น่าจะรู้ว่าคนท้องไม่สมควรจะนั่งรถหรือเดินทาง เพราะแรงสั่นสะเทือนจากยานพาหนะอาจจะทำให้ฉันแท้งได้”
“โอเคครับ…คุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แต่วันนี้ผมขอให้คุณอยู่ในห้องอย่างเดียวอย่าเดินไปไหน…แล้วผมจะรีบกลับมา” วารินทร์ได้แต่พยักหน้าอย่างขอไปที เพราะถ้าหากไม่ยอมตกลง พายุคงยอมไม่เข้าประชุมเพื่ออยู่เฝ้าเค้าเป็นแน่
“เดี๋ยวผมให้ชื่นไปอยู่กับคุณในห้อง เผื่อคุณอยากได้อะไรจะได้เรียกใช้ง่ายๆ”
“ไม่ต้อง…ชื่นก็มีงานที่ต้องรับผิดชอบ ฉันดูแลตัวเองได้”
“แต่ผมเป็นห่วง”
“พอได้แล้ว!!! คุณจะอะไรนักหนา ถ้าขืนยังเยอะกับฉันอีกละก็ ฉันจะหายไปแบบไม่ให้เห็นแม้แต่เงา” เมื่อวารินทร์พูดจบพายุก็กอดร่างของวารินทร์เอาไว้ทั้งร่างอย่างรวดเร็วโดยอัตโนมัติ
“ไม่ได้นะ!!! โอเคผมยอมแล้ว คุณอยากได้อะไร อยากทำแบบไหน ผมยอมทุกอย่าง แต่ขอร้อง…คุณอย่าหายไปไหนเลยนะ…คุณรู้ไหม ผมเหมือนคนหายใจไม่ออกเวลาที่ไม่มีคุณ” พายุพูดยาวเหยียดก่อนจะปิดท้ายด้วยการจุมพิตหน้าผากของวารินทร์อย่างแผ่วเบา
“คุณไปเตรียมตัวได้แล้ว”
“ครับ” พายุยอมเดินกลับขึ้นไปที่ห้องเพื่อเตรียมตัวออกไปประชุม แต่ก็ไม่วายเกี่ยววารินทร์ขึ้นมาด้วยจนได้ แถมก่อนออกจากบ้านยังสั่งทุกคนในบ้านให้คอยวนขึ้นไปดูวารินทร์บ้างเป็นระยะ อย่าให้ออกมาจากห้องเด็ดขาดและให้ทำตามคำสั่งของวารินทร์ด้วย
“ฮัลโหล…ไอ้วายุ มึงกับนาเรียนเสร็จแล้วรีบกลับไปที่บ้านเลยนะ ตอนนี้กูออกมาประชุมที่บริษัท วารินทร์อยู่บ้านคนเดียว”
(ผมเลิกแล้ว…นาอีกประมาณ 40 นาทีก็เลิกแล้วล่ะ เดี๋ยวผมจะรีบกลับแล้วกัน)
“อืม กวนมึงหน่อยแล้วกัน…แค่นี้แหละ” เมื่อวายุวางสายไปแล้ว คนที่กำลังมุ่งไปทำหน้าที่ในตำแหน่งท่านประธานบริษัทก็ไม่ได้อุ่นใจขึ้นเลย พายุมีความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างไม่มีเหตุผล สัญชาตญาณของเค้าบอกให้อยู่ใกล้วารินทร์ให้มากที่สุดในช่วงเวลานี้
“ท่านประธานมาแล้วค่ะ” ทุกคนในห้องประชุมต่างยืนทำความเคารพอย่างให้เกียรติ แต่พายุไม่อยากปล่อยให้เวลายืดเยื้อไปมาก จึงกล่าวเริ่มการประชุมทันที
“เริ่มการประชุมได้ วันนี้ผมมีเวลาไม่มาก ขอให้ทุกคนทำงานอย่างมืออาชีพด้วย” เมื่อพายุพูดจบการประชุมก็เริ่มขึ้นทันที โดยที่ทุกคนต่างก็มีอาการเกร็งกันไปตามๆกัน เพราะท่านประธานของพวกเค้าหน้าตาเครียดและดูรีบจริงๆ หากมีความผิดพลาดเกิดขึ้นล่ะก็…อาจจะถูกพิจารณามอบซองขาวก็เป็นได้
ทางด้านของบ้านวายุเทพ เหล่าแม่บ้านและคนสวนต่างก็กำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน แต่แล้วอยู่ๆ ก็เกิดลมกรรโชกแรงขึ้นมาเฉยๆแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย พร้อมกับเสียงนกร้องนับพันตัวที่บินวนไปมาในบริเวณบ้านซึ่งในขณะเดียวกันเสียงขู่ของสัตว์มีพิษที่ดังออกมาจากต้นไม้และพุ่มไม้รอบบริเวณบ้าน ทำเอาเหล่าคนงานในบ้านต่างพากันขนลุกเกรียวแล้วรีบมาอยู่รวมกันที่ห้องโถงกลางบ้านในเวลาอันรวดเร็ว
“ฉันว่าเราไปตามคุณวารินทร์มาช่วยดูให้ดีไหม” เสียงของใครบางคนพูดขึ้น ชื่นึกถึงวารินทร์ได้จึงรีบเร่งซอยเท้าขึ้นไปเคาะห้องของวารินทร์ทันที
“คุณวารินทร์คะ…คุณวารินทร์คะ” เมื่อไม่มีเสียงตอบรับกลับมาชื่นจึงถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไปทันที และภาพตรงหน้าก็ทำเอาชื่นแทบล้มทั้งยืน เพราะวารินทร์กำลังนอนดิ้นบิดตัวไปมาอย่างทุรนทุรายในสภาพที่ครึ่งบนยังคงเป็นมนุษย์แต่ครึ่งร่างกลับเป็นหางขนาดใหญ่และยาวขดไปทั่วห้อง
“คุณพายุ คุณวายุ น้องนารินทร์” ชื่นพูดชื่อมั่วไปหมดเพราะสถานการณ์ตอนนี้ ชื่นไม่รู้ว่าควรจะติดต่อใครดี แต่ในระหว่างที่ชื่นกำลังวิตกอยู่นั้น ดำวิ่งขึ้นมาที่ชั้นสองพอดี
“ชื่นรีบโทรบอก พายุ วายุ และนารินทร์ด่วนเลย!!!” ดำพูดพร้อมกับวิ่งเข้าไปในห้องวารินทร์ด้วยเพื่อดูอาการของคนที่ดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน แต่ชื่นก็ยังคงยืนสติแตกอยู่ที่เดิม
“ชื่น!!! ฉันสั่งอะไรรีบไปทำสิ!!!”
“ค…ค…ค่ะ” ชื่นวิ่งลงไปข้างล่างอย่างเร็วจี๋พร้อมกับโทรหาทั้งสามคนตามที่ดำสั่ง
“รินทร์ทำใจดีๆไว้นะ…คงได้เวลาที่ลูกจะอยากออกมาแล้ว”
“จะ…เจ็บ…อื้อออออออ”
อีกด้านหนึ่งของวายุที่กำลังนั่งรอให้นารินทร์เลิกเรียนอยู่นั้น ก็ลอบมองสังเกตไปเรื่อยๆก็พบกับความผิดปกติบางอย่าง ฟ้ามืดครึ้ม อาการร้อนรนของสัตว์ที่ดูวิตกกังวลกับบางสิ่งอย่างผิดปกติ ทำให้วายุเริ่มรู้สึกไม่สบายใจกับสถานการณ์ในตอนนี้ และในขณะที่วายุกำลังจมอยู่กับความสงสัยนี้ เสียงโทรศัพท์ของเค้าก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
(คุณวายุคะ!!! แย่แล้วค่ะ คุณวารินทร์เป็นอะไรไม่รู้นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนห้อง ชื่นพยายามติดต่อคุณพายุแล้วแต่ติดต่อไม่ได้เลยค่ะ…ทำยังไงดีคะคุณวายุ)
“ชื่นใจเย็นๆก่อนนะ แล้วตอนนี้ใครอยู่ดูอาการวารินทร์”
(คุณดำค่ะ) เสียงของชื่นนั้นตื่นตระหนกอยู่ตลอดเวลา พูดแทบจะไม่รู้เรื่อง แต่วายุก็พยายามฟังให้ได้ใจความมากที่สุด
“ชื่นไปคอยช่วยพี่ดำดูแลวารินทร์ด้วยนะ เดี๋ยวผมจะรีบกลับ…ส่วนเรื่องพี่พายุเดี๋ยวผมจะติดต่อเค้าเอง” พูดจบวายุก็วางสายพร้อมกับลุกขึ้นไปหานารินทร์ในตึกเรียนทันที…เพราะเห็นทีคงจะรอให้อาจารย์ปล่อยไม่ทันเสียแล้วสิ
“แอ๊ดดดดด…ขอโทษนะครับ แต่ผมมีธุระด่วนมากๆกับนาย นารินทร์ วารีรินทร์ ขออนุญาตนะครับ…นากลับบ้านด่วน” วายุลากนารินทร์ออกจากห้องท่ามกลางสายตาของนักศึกษาคนอื่นๆที่มองมาอย่างสงสัยรวมถึงอาจารย์ผู้สอนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้วย
“ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น ไว้เดี๋ยวพี่จะบอกเอง” นารินทร์วิ่งตามแรงฉุดของวายุอย่างงงๆก่อนจะมาขึ้นรถของวายุด้วยความรวดเร็ว เมื่อรถของวายุเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัย วายุก็ต่อสายหาเลขาชั่วคราวของพายุทันที
“ตื้ดดดดด ตื้ดดดดด…ขออนุญาตค่ะ…สวัสดีค่ะ อรนีพูดสายค่ะ” หญิงสาวเดินออกมารับโทรศัพท์ด้านนอกพร้อมกับกรอกเสียงใส่โทรศัพท์อย่างสุภาพ
(ฮัลโหล ฉันเวนไตยพูดสาย ขอสายท่านประธานด่วนที่สุด)
“เอ่อ เห็นทีจะไม่สะดวกค่ะ ท่านประธานกำลังอยู่ในระหว่างการประ…” เลขาสาวยังพูดไม่ทันจบก็ถูกคนพูดสายด้วยตะคอกกลับมาทันที
(ปัดโถ่เว้ย!!! คุณคิดว่าผมเป็นใครถึงจะไม่รู้เรื่องนั้น ถ้าไม่คอขาดบาดตายผมไม่โทรหรอกน่า!!! ให้ผมพูดกับคุณสุบรรณเดี๋ยวนี้!!!) เสียงของวายุที่ดังมาตามสายแสดงถึงความโกรธเกรี้ยวอย่างหงุดหงิด ทำเอาเลขาชั่วคราวถึงกับขนลุกวิ่งกลับเข้าห้องประชุมแทบไม่ทัน
“ท่านประธานคะ คุณเวนไตยต้องการพูดสายกับท่านค่ะ” พายุตวัดมองเลขาชั่วคราวนิ่งๆก่อนจะขออนุญาตทุกคนรับโทรศัพท์ท่ามกลางที่ประชุม
“ฮัลโหล ฉันกำลังประชุมอยู่ แกมีอะไร”
(ไอ้พี่บ้า!!! มัวแต่เก๊กนิ่งอยู่นั่นแหละทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเลยนะ!!! รู้บ้างไหมว่าเมียมึงน่ะแย่แล้ว ตอนนี้ที่บ้านกำลังวุ่นวายมาก ถ้ามึงจะมัวแต่เก๊กรักษามาดท่านประธานสุดเพอร์เฟ็คท์ก็เรื่องของมึงแล้วกัน กูจะกลับไปดูวารินทร์เอง!!!” วายุตวาดพี่ชายตัวเองอย่างหงุดหงิดทั้งที่ไม่มีเหตุผล เพียงแต่หมันไส้ที่เวลาแบบนี้ดันต้องออกมาทำงานแทนที่จะอยู่ดูแลวารินทร์อย่างใกล้ชิด
“แกว่าไงนะ!!! ฮัลโหล!!! ฮัลโหล!!!...ยกเลิกประชุมก่อนผมมีเรื่องด่วนมาก!!!” พายุพูดไม่ทันจบก็วิ่งออกจากห้องไปด้วยความรวดเร็ว สร้างความงุนงงให้กับผู้เข้าร่วมประชุมไม่น้อย แต่เลขาสาวก็เข้ามารับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที ทำให้การประชุมจบลงด้วยดีแม้ว่าข้อสรุปบางอย่างจะยังไม่ชัดเจนก็ตาม
“พี่ดำ…รินทร์เจ็บ…อื้อออออออออ” ดำได้แต่คอยนวดไปตามตัวให้วารินทร์เพื่อหวังว่าจะบรรเทาความเจ็บปวดลงไปได้บ้าง โดยมีชื่นคอยช่วยอยู่ข้างๆตลอดเวลา
“พี่รินทร์!!! เกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้!!!” นารินทร์พุ่งพรวดเข้ามาดูอาการพี่ชายตัวเองอย่างเป็นห่วงหลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของวายุ
“เจ้าตัวเล็กใกล้คลอดแล้วน่ะสิ”
“จริงหรอ!!! หลานนาจะออกมาแล้วหรอ!!! พี่รินทร์เข้มแข็งไว้นะเดี๋ยวพี่ก็จะได้เจอลูกของพี่แล้วไง” นารินทร์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและดีใจ จริงๆแล้วนารินทร์ก็รู้สึกแปลกๆมาตั้งแต่เช้าเหมือนกัน เพราะสรรพสัตว์ต่างๆ พากันกระวนกระวายไปหมดไหนจะท้องฟ้าที่มืดครึ้มมาตั้งแต่เช้าอีก แต่นารินทร์ก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะคิดว่าอาจจะแค่มีฝนตกหรือพายุเล็กๆพัดผ่านมาเท่านั้น
“วารินทร์!!! คุณเป็นอะไร!!!” ในที่สุดพายุก็กลับมาถึงบ้านโดยใช้เวลาเพียงไม่นานนัก เป้าหมายแรกที่มาถึงบ้านก็คือวารินทร์โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
“ลูกกำลังจะออกมาแล้ว คุณเองก็ต้องช่วยวารินทร์ด้วย” พายุแทบจะไม่ได้ฟังเสียงของดำ เพราะกำลังตื่นเต้นปนดีใจที่อีกไม่นานเค้าก็จะได้พบหน้าลูกของเค้าแล้ว
“ผมต้องทำยังไงบ้าง” ดำบอกให้พายุพาวารินทร์ไปอยู่ในห้องน้ำและให้เปิดน้ำในห้องน้ำให้เยอะที่สุด เพราะวารินทร์ต้องคลอดลูกในน้ำเท่านั้น
“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ” พายุเดินมาอุ้มวารินทร์เข้าห้องน้ำไปทันทีถึงแม้ว่าหางที่เรียวยาวของวารินทร์จะเป็นอุปสรรคใหญ่ แต่พายุก็พยายามจนกระทั่งร่างของวารินทร์เข้ามาอยู่ในห้องน้ำได้ทั้งหมด
“ฉันเจ็บ…อื้ออออออ…โอ้ยยยยย” วารินทร์กรีดร้องเสียงหลงเพราะความเจ็บปวด พายุวางตัววารินทร์ลงในอ่างน้ำอย่างแผ่วเบา ก่อนจะสังเกตได้ว่าช่วงตัวบางส่วนของวารินทร์ค่อยปริออกและมีเลือดไหลซึมออกมา พายุประคองวารินทร์เอาไว้พร้อมกับกุมมือวารินทร์ไว้แน่นอย่างให้กำลังใจ
“คุณต้องสู้นะวารินทร์ เพื่อลูกของเรา”
ผ่านไปพักใหญ่ในที่สุดมนุษย์ตัวน้อยที่แฝงตัวอยู่ในร่างของวารินทร์ผู้มีศักดิ์เป็นแม่มาตลอดเก้าเดือนก็ค่อยโผล่ออกมาจากแผลที่ฉีกขาดพร้อมๆกับการกรีดร้องของวารินทร์อย่างสุดเสียง วารินทร์นอนพิงอกของพายุอย่างหมดแรง พายุจึงค่อยๆประคองลูกน้อยของเค้าขึ้นมาจัดการทำความสะอาดโลหิตที่ติดตัวจนสะอาดหมดจดก่อนจะนำมาอุ้มไว้ในอกของวารินทร์โดยมีเค้าประคองร่างของวารินทร์เอาไว้อีกที
“คุณดูสิวารินทร์…เจ้าตัวน้อยของเราไง” วารินทร์ค่อยๆลืมตาขึ้นมองเด็กทารกในอ้อมกอดของตัวเองที่ยังคงหลับสนิทโดยไม่ร้องซักแอะพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ลูกของเค้าปลอดภัย
“ผมมีความสุขมากที่สุดในชีวิตเลยคุณรู้ไหม” พายุพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเอ่อออกมาอย่างช่วยไม่ได้ มันตื้นตันอยู่ในอก เมื่อในที่สุดเค้าก็มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์เสียที
“อึก…อึก…อ๊า” วารินทร์เกิดอาการร่างกระตุกขึ้นมาเฉยๆทำให้พายุต้องรีบอุ้มร่างของวารินทร์ที่กลับสู่ร่างมนุษย์เป็นปกติแล้วไปไว้ที่เตียงอย่างเร่งด่วน
“คุณไหวไหมรินทร์”
“ลูก…ขอลูก” วารินทร์พูดเสียงแผ่ว พายุจึงอุ้มเด็กน้อยมาให้วารินทร์ตามคำขอ…เมื่อวารินทร์ได้ลูกมาอยู่ในมือก็บรรจงจูบหน้าผากอย่างรักใคร่ก่อนที่น้ำตาจะค่อยไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยคู่นั้น
“ฉันคงอยู่ได้อีกไม่นาน ฝากดูแลลูกด้วย…”
“ไม่ได้นะ!!! คุณพูดอะไรน่ะวารินทร์…พี่ดำเข้ามาดูอาการวารินทร์หน่อยครับ” พายุพูดเสียงดังลั่นบ้าน ดำ นารินทร์ และวายุก็โผล่พรวดเข้ามาในห้องทันทีที่ได้ยินเสียงพายุ
“รินทร์…” เมื่อดำดูอาการของวารินทร์ก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น…พิษกำลังเล่นงานวารินทร์อยู่ ตลอดเวลาที่วารินทร์ตั้งท้องนั้น ก็พยายามสกัดกั้นพิษไม่ให้ไหลเข้าสู่เด็กทารก และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้วารินทร์ต้องรับภาระหนักมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ดำ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง…ฝากลูกรินทร์ด้วย เค้าจะต้องเป็นเด็กที่ดีแน่ๆ” วารินทร์พูดเสียงแผ่วลงเรื่อยๆ ทำเอาพายุยิ่งใจเสียยิ่งกว่าเดิม
“ไม่เอาแบบนี้…คุณต้องอยู่ช่วยผมเลี้ยงเค้าสิวารินทร์…คุณจะทิ้งลูกในไส้ของเราหรือไง” พายุพูดเสียงสั่นพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาอีกครั้ง
“มันถึงเวลาที่ฉันต้องชดใช้กรรมแล้วแหละ” วารินทร์พูดเสียงเบาลงอีกก่อนจะค่อยๆปิดตาลงอย่างหมดแรง พายุไม่รู้จะทำยังไงจึงอุ้มลูกน้อยมานอนข้างๆวารินทร์แล้วรวบกอดทั้งแม่และลูกไว้ด้วยกันเพื่อเก็บเกี่ยวความสุขในช่วงเวลานี้ให้ไว้มากที่สุด…นี่คือสิ่งที่เค้าสามารถทำได้ตอนนี้
“แม่รักหนู…นะ” วารินทร์พูดจบชีพจรของวารินทร์ก็ถูกตัดหายไปทันที พายุสะอื้นขึ้นอย่างไม่อายใครหน้าไหนทั้งสิ้น นารินทร์ที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ก็แทรกตัวซบอกกับวายุแล้วร้องไห้กับการสูญเสียพี่ชายที่แสนดีเช่นกัน แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังเสียใจ เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยก็ดังขึ้น
“แอ๊…อุ๊ แว๊…แอ๊” เด็กทารกพลิกตัวเข้าหาผู้เป็นแม่ก่อนจะใช้ปากขย้ำไปที่หน้าอกของวารินทร์ ทุกคนมองดูการกระทำของเด็กทารกอย่างไม่เข้าใจจนกระทั่ง…
“อึก…เฮือกกกก…แหวะ!!!! โอ้กกกกก!!! แหวะ!!!” วารินทร์ที่ลมหายใจดับไปแล้วกลับลุกขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับอาเจียนของเหลวสีดำออกมาอย่างมากมาย ดำเห็นดังนั้นก็วิ่งไปหยิบถังขยะมาลองไว้ให้อย่างทันท่วงที และสิ่งที่วารินทร์อ้วกออกมาก็คือพิษเสน่ห์นาคราชนั่นเอง
“เอามันออกมาให้หมดรินทร์” วารินทร์ยังคงอาเจียนอย่างต่อเนื่องอีกเกือบครึ่งชั่วโมง จนกระทั่งทุกอย่างกลับเข้าสู่ปกติ จะมีก็แต่วารินทร์ที่อ่อนแรงอย่างถึงที่สุด
“ลูกอยากให้รินทร์อยู่ดูแลเค้านะ” ดำพูดยิ้มๆ ทุกคนในห้องก็ยิ้มเช่นกัน ความโศกเศร้าเมื่อครู่หายไปทันทีและถูกแทนที่ด้วยความปิติยินดี
“คงจะเป็นความสามารถของเจ้าตัวน้อยๆแน่ๆที่ไล่พิษของรินทร์ออกไป…บาดแผลจากการคลอดไม่มี แต่อาจจะมีอาการเจ็บอยู่บ้าง แต่ยังไงก็ต้องสู้เพื่อลูกรู้ไหม”
“ขอบคุณนะพี่ดำ…ทุกคนด้วย” วารินทร์พูดแค่นั้นก่อนจะหลับตาลงเพื่อพักผ่อนอย่างจริงจังเสียที พายุที่นอนมองคนรักและลูกของตัวเองในอ้อมกอดก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
“ขอบคุณทุกคนจริงๆนะครับ ที่คอยช่วยเหลือทุกอย่าง”
“ดูแลรินทร์กับลูกให้ดี…นี่คือสิ่งที่พวกเราอยากให้คุณตอบแทนพวกเรานะพายุ” พายุก้มมองทั้งสองชีวิตในอ้อมกอดของเค้าก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับตอบกลับไปว่า…
“ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ…เค้าสองคนคือชีวิตของผม”
ปล. ยาวนิดหน่อยนะจ๊ะ
