Chapter 55
แสงอรุณของเช้าวันใหม่สาดส่องเข้ามาพร้อมกับเสียงกระพือปีกของสรรพสัตว์ต่างก็ปลุกให้ทุกคนในบ้านวายุเทพตื่นขึ้นจากการหลับใหลและเริ่มทำกิจวัตรประจำวันอย่างทุกๆวัน รวมไปถึงประธานบริษัทแห่งบ้านวายุเทพที่กำลังนั่งจ้องมองครุฑราชเพื่อรอที่จะเล่นกับเด็กทารกก่อนที่จะออกไปทำงานเหมือนทุกวัน
“พายุ คุณดูลูกดีๆ ฉันจะลงไปทำอาหารเช้า”
“ครับ…ฟอด ผมให้กำลังใจนะ” พายุที่เดินเข้าไปคลอเคลียกับภรรยาตัวเองอย่างออดอ้อนนั้น ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่งนัก แม้แต่คนที่ถูกอ้อนเองก็ไม่ชินเสียทีที่สามีคอยหยอดคำหวานและท่าทางแบบนี้เสมอเมื่ออยู่ในพื้นที่ส่วนตัว
“เล่นอะไรบ้าๆแต่เช้าคุณนี่” วารินทร์ว่าเสียงนิ่งๆก่อนจะบิดตัวออกจากการกุมกอดของพายุ ถึงแม้ว่าสีหน้าจะนิ่งขนาดไหน แต่พายุก็ดูออกว่าวารินทร์กำลังมีอาการเขินเพราะท่าทางอ้อนๆของเค้านั่นเอง
“เดี๋ยว รินทร์”
“อื้อออออออ…อ่อยยยยย (ปล่อย)” พายุดึงวารินทร์เข้าหาตัวเองก่อนจะประกบปากนิ่มๆของวารินทร์พร้อมกับสอดลิ้นเข้าไปในโพลงปากของอีกฝ่ายเพื่อมอบจูบอันแสนจะดูดดื่มให้ แม้ว่าในตอนแรกวารินทร์จะขัดขืนเล็กน้อย แต่ก็คล้อยตามในภายหลังเพราะไม่อาจต้านทานความโหยหาของพายุได้
“แอ๊~~ แง๊~~”
“หึ้มมมมม ไอ้ตัวแสบ แตะไม่ได้เลยนะแม่หนูเนี่ย” พายุจำต้องผละตัวออกจากวารินทร์เมื่อเสียงร้องของเด็กที่นอนอยู่ในเปลดังขึ้น วารินทร์เองก็ตรงปรี่เข้าไปอุ้มครุฑราชทันที
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะลูกนะ แม่อยู่นี่แล้วนะครับ” เมื่อวารินทร์สัมผัสตัวของเด็กน้อย เสียงร้องกระจองงอแงก็เงียบลงโดยฉับพลัน
“ไหนมาให้พ่อจัดการมารผจญหน่อยสิ” พายุอุ้มครุฑราชมาจากวารินทร์พร้อมกับก้มลงฟัดพุงของเด็กน้อยอย่างหมันเขี้ยว ครุฑราชก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างถูกใจ วารินทร์เห็นดังนั้นก็ยิ้มบางๆก่อนจะเดินออกมาจากห้อง ให้ทั้งสองคนเล่นกันต่อไปตามประสาพ่อลูก
“คุณวารินทร์ตื่นเช้าเหมือนเดิมเลยนะคะ” สาวใช้ในครัวต่างก็ทักทายเจ้านายหน้าสวยตรงหน้าด้วยความเคยชิน ตั้งแต่ครุฑราชเกิดมาวารินทร์ก็สวมบทบาทแม่บ้านแม่เรือนมากขึ้นไปอีก แม้จะมีคนหลายคนคอยคัดค้านแต่ก็เปล่าประโยชน์ สุดท้ายทุกคนจึงต้องยอมให้วารินทร์ทำตามใจตัวเองอย่างที่ต้องการ
“ก็เหมือนทุกวันแหละนะ…เช้านี้จะทานอะไรดีล่ะ” วารินทร์หันไปถามคนอื่นๆที่อยู่ในครัวอย่างขอความเห็น
“อืมมมม…ชื่นว่าทำเป็นโจ๊กใส่ไข่ดีไหมคะ เผื่อน้องราชจะได้ทานได้ด้วย” วารินทร์พยักหน้าตกลงและจัดการเตรียมอุปกรณ์ในการทำโจ๊กทันที อันที่จริงแล้ววารินทร์ก็ยังไม่เคยลองให้เด็กทารกทานอาหารอย่างอื่นนอกจากนมกับกล้วยบดเลย เห็นทีวันนี้จะเป็นโอกาสดีที่จะได้ให้ครุฑราชลองทานโจ๊กบ้าง
“นี่!!! อย่าหนีพ่อนะน้องราช เดี๋ยวเข่าก็เป็นแผลหมดหรอก หยุดเดี๋ยวนี้นะลูก!!!” เสียงเอะอะดังมาจากชั้นสองที่มาพร้อมกับเสียงของคนร่างใหญ่วิ่งตามบางสิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน…
“ว้ายยยย!!! ตายแล้ว!!! น้องราชคะ!!!” อุทานยังไม่ทันจบดี วารินทร์ก็รู้สึกได้ถึงสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่ปีนป่ายขึ้นมาบนตัวเค้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับเกาะหลังและเอาหน้าเกยไหล่เค้าไว้ในที่สุด
“ซนจริงๆเลยนะน้องราช เดี๋ยวโดนพ่อดุแม่ไม่ช่วยนะครับ”
“เอิ๊กกกกก เอิ๊กกกกก”
“หัวเราะอะไรตัวแสบ ไหนมาให้พ่อดูเข่าสิ…” พายุพลิกตัวทารกไปมาเพื่อตรวจหาร่องรอยช้ำหรือรอยถลอก เพราะเจ้าตัวแสบที่ว่าคลานหนีพายุลงมาจากชั้นสองเพื่อมาเกาะมารดาเป็นลิงอยู่แบบนี้
“อืม ไม่มีรอยอะไรเลยแฮะ…เก่งจริงๆเลยลูกพ่อ ฟอดดดดด”
“เดี๋ยวให้พ่ออุ้มก่อนนะลูก แม่ทำกับข้าวใกล้เสร็จแล้ว”
“อื๊ออออออออ” ครุฑราชกำผมวารินทร์ไว้แน่นอย่างขัดใจ ในขณะที่ท่าทางก็ดูเหมือนจะโผเข้าหาพายุแต่ก็ไม่ยอมปล่อยวารินทร์
“มา…มา…” เด็กทารกส่งเสียงเรียกพายุพร้อมกับทำท่ากวักมือเรียก
“ครับๆ พ่อมาหาละครับ” เมื่อพายุเข้ามาใกล้ได้จังหวะ ครุฑราชก็เอามือข้างที่เหลือคว้าคอของพายุให้โน้มเข้ามาหาวารินทร์โดยมีตัวเองเป็นคนคั่งกลางไว้ พายุได้ทีก็รวบกอดทั้งแม่ทั้งลูกในทีเดียว ครุฑราชยิ้มออกดั่งเจอของเล่นถูกใจ ส่วนคนอื่นๆต่างก็ม้วนอายกับภาพตรงหน้า ทุกคนจึงค่อยเดินออกไปจากห้องครัว เพื่อให้ทั้งสามได้ลิ้มรสบรรยากาศความอบอุ่นของครอบครัวให้เต็มที่
“แห๊มมมม!!! แต่เช้าเชียวนะครับ พี่พายุ” วายุที่เดินลงมาอดที่จะแซวไม่ได้ เพราะบรรยากาศมันดูอบอุ่นเสียจนวายุรู้สึกหมันไส้พิกลๆ
“แน่นอนเว้ย…ว่าแต่แกลงมาเช้านะ มีงานด่วนหรือไง”
“อ๋อเปล่าหรอกครับ พอดีจะพานารินทร์ไปส่งมหาลัย แล้วเดี๋ยวค่อยเข้าออฟฟิศ”
“อย่าลืมล่ะ วันนี้มีประชุมใหญ่ประจำเดือน มาให้ตรงเวลาด้วยล่ะ”
“รับทราบแล้วครับท่านประธานสุบรรณ…ว่าแต่ท่านเตรียมแผนการรับมือคุณป้าสุดรักสุดสวาทของท่านหรือยังครับ อย่าลืมนะครับว่าวันนี้ประชุมใหญ่ คุณป้าท่านไม่พลาดแน่ๆ”
“เรื่องนั้นฉันไม่สนใจหรอก ก็แค่นิ่งไปเฉยๆไม่สนใจไปซะ ก็แค่นั้นแหละ”
“ไม่รู้คราวนี้จะพาลูกสาวคุณหญิงคนไหนมาให้พี่พายุดูแลอีกนะครับ…”
“แอ๊!!! แง๊!!! แอ๊!!!” ครุฑราชหวีดเสียงขึ้นเหมือนเข้าใจความหมายที่วายุพูด ใบหน้าที่บูดบึ้งผิดแผกไปจากเมื่อครู่เป็นหลักฐานชั้นดี ว่าเด็กทารกคนนี้ไม่พอใจที่ให้คุณพ่อไปดูแลผู้หญิงคนอื่น
“อ้าวๆ ไอ้ตัวเล็ก หวงพ่อด้วยหรอครับ” วายุยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อจะหยอกล้อ แต่ก็ถูกครุฑราชตะปบเข้าที่หน้าอย่างฉิวเฉียด วายุจึงได้รอยแดงมาฝากไว้เล็กน้อยเป็นใบหน้า
“แอ๊!!!!!!!!!!!!!!!!!” เด็กทารกโมโหขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศภายนอกเริ่มไม่สงบ กลุ่มเมฆสีดำเคลื่อนเข้ามาครอบคลุมพื้นที่นั้นอย่างฉับพลัน ฟ้าร้องคล้ายจะมีพายุใหญ่ ทำเอาผู้เป็นพ่อ แม่และอา ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนที่วารินทร์จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการพูดกล่อมเจ้าตัวน้อยให้สงบลง
“ไม่เอานะลูก อาวายุเค้าพูดเล่น พ่อเค้าจะไปมีคนอื่นได้ยังไง ในเมื่อแม่กับหนูยังอยู่ตรงนี้ทั้งคน” ครุฑราชซุกหน้าเข้าหาอกแม่ทันทีที่วารินทร์พูดจบโดยหลังจากนั้นไม่นาน นารินทร์ก็เดินเข้ามาอย่างงงๆ เพราะห้องครัวดูจะเงียบผิดปกติ
“มีอะไรกันหรอพี่รินทร์”
“งอแงนิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก…มากินโจ๊กมาจะได้ไปเรียน…พายุ คุณไปแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวจะไปสาย” เมื่อวารินทร์พูดจบทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำตามที่วารินทร์บอก
หลังจากนารินทร์และวายุกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้วก็ออกจากบ้านไปก่อน โดยในขณะที่พายุกำลังจะขึ้นรถเพื่อออกไปทำงานนั้น ลูกชายตัวดีของเค้าก็แผดเสียงขึ้นอย่างดัง ร้อนถึงคนเป็นพ่อต้องก้าวขาลงจากรถเพื่อมาดูว่าลูกน้อยของเค้าเป็นอะไร
“เป็นอะไรครับเด็กดื้อ เดี๋ยวเราค่อยเจอกันตอนเย็นนะครับ” เด็กน้อยยังคงงอแงส่ายหัวอย่างไม่ยอม วารินทร์จึงบอกให้พายุรีบไปก่อนที่จะเข้างานสาย แต่รถที่พายุขับประจำเกิดสตาร์ทไม่ติดเสียดื้อๆ
“อ้าว…เสก รถสตาร์ทไม่ติด”
“เมื่อเช้าผมยังขับออกมาจากโรงรถเลยนะครับ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่” เสกลองเข้าไปสตาร์ทเองบ้าง แต่ผลก็ยังเป็นเหมือนเดิม
“แปะๆๆๆ เอิ๊กกกก เอิ๊กกกก” ครุฑราชปรบมือดังลั่นพร้อมกับหัวเราะชอบใจอย่างออกนอกหน้า วารินทร์และพายุต่างก็รู้ทันทีว่านี่เป็นฝีมือใคร
“อย่าแกล้งพ่อสิครับ เดี๋ยวพ่อไปทำงานสายนะ” ครุฑราชเมินหน้าหนีอย่างไม่ใส่ใจนักแต่ก็แอบเหล่ๆมองด้วยหางตาบ้างเล็กน้อย
“โอเคๆ พ่อยอมแล้วครับ…อยากจะไปทำงานกับพ่อไหม” นั่นแหละครุฑราชถึงยิ้มได้อีกครั้งหนึ่ง วารินทร์ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจกับอิทธิฤทธิ์ของลูกชายที่นับวันเข้าพ่อกับแม่จะเอาไม่อยู่ แต่ดีที่ว่าเด็กคนนี้ดูจะเป็นเด็กที่มีเหตุผลในทุกการกระทำ จึงไม่น่าเป็นห่วงนัก
“คุณอุ้มลูกก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะไปเตรียมของให้ลูก”
“รีบหน่อยก็ดีนะครับ นี่ก็จะเก้าโมงแล้ว” วารินทร์พยักหน้าก่อนจะเดินขึ้นมาข้างบนชั้นสองเพื่อเตรียมของใช้ที่จำเป็นสำหรับครุฑราช
“ชื่น…เดี๋ยวบอกคุณพ่อกับคุณแม่ด้วยนะว่าวันนี้น้องราชเค้าไปทำงานกับพ่อเค้า”
“หว้าาาาา อย่างนี้บ้านก็เงียบแย่เลยสิคะ”
“ช่วยไม่ได้นี่ ฉันก็จนปัญญาแล้ว” วารินทร์พูดยิ้มๆก่อนจะถือของทั้งหมดลงมาที่รถ
“โอเค นั่งดีๆนะครับลูกพ่อ เดี๋ยวพ่อจะพาซิ่งแล้ว”
“อย่าเร็วมากนะคุณ เดี๋ยวลูกตกใจ”
“ครับผม!!!” พายุทำท่าทีแข็งขันรับคำสั่งก่อนจะขับเคลื่อนรถสปอร์ตสุดหรูสีดำทะยานไปบนท้องถนนโดยมีจุดมุ่งหมายที่ บริษัทแม่ของตระกูลวายุเทพ…ตลอดการเดินทางครุฑราชมองสิ่งต่างๆบนท้องถนนอย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะไม่บ่อยนักที่จะได้ออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกบ้านแบบนี้
“โอเค ถึงแล้วครับ เดี๋ยวผมเรียกคนมาถือของให้ คุณดูแต่ลูกก็พอแล้ว” วารินทร์พยักหน้าก่อนจะอุ้มครุฑราชลงจากรถ แต่เด็กทารกกลับเรียกหาพ่อสุบรรณที่กำลังสั่งให้พนักงานในบริษัทมาขนของของตัวเองลงจากรถ
“อ่ะครับๆ เดี๋ยวพ่ออุ้มเองก็ได้ครับ” สุดท้ายพายุก็ต้องอุ้มเด็กชายตัวน้อยเดินเข้าบริษัทด้วยตัวเอง โดยมีวารินทร์เดินตามอย่างใกล้ชิด สร้างความแปลกใจให้กับพนักงานทุกคนที่เห็นภาพนี้ เพราะไม่มีใครรู้เลยว่าท่านประธานของพวกเค้ามีลูกแล้ว แม้ทุกคนจะจดจำวารินทร์ได้แต่คำถามก็คือ หากเด็กคนนี้เป็นลูกของสุบรรณ แล้วใครคือแม่ของเด็กคนนี้ล่ะ
“น้องราช หนูมาอยู่กับแม่ดีกว่าไหมครับ คุณพ่อจะได้ทำงาน” วารินทร์พยายามหว่านล้อม แต่ก็ไม่สำเร็จเมื่อเจ้าตัวน้อยส่ายหน้าปฏิเสธแล้วทำเป็นไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น
“ไม่เป็นไรหรอกครับรินทร์”
“ตามใจคุณแล้วกันนะ…มาเดี๋ยวผมช่วยถือครับ” วารินทร์หันไปช่วยพนักงานที่ถือของใช้จำเป็นของน้องราช แม้ว่าพนักงานจะปฏิเสธขนาดไหน แต่ก็ต้องยอมในที่สุดเพราะถูกวารินทร์ขู่ทางสายตา จนกระทั่งขึ้นมาถึงชั้นของประธานที่มีเพียงห้องทำงานของพายุและวายุสองห้อง
“สวัสดีตอนเช้าค่ะ พี่พายุ…หลานหรอคะ น่ารักจังเลย”
“อ๋อเปล่าหรอก ลูกพี่เองแหละปัน…วารินทร์ ผมขอกาแฟสักแก้วนะครับ เดี๋ยวผมดูลูกเอง” วารินทร์พยักหน้าเงียบๆก่อนจะเดินไปชงกาแฟอีกห้องหนึ่งอย่างคุ้นเคย
“ห๊ะ!!!...พี่พายุมีลูกแล้วหรอคะ…แล้ว…แล้ว” เลขาสาวอึกอักขึ้นทันทีที่รู้ เพราะคุณหญิงลดาเป็นคนบอกเธอเองว่าพายุโสดนี่นา
“ครับ เข้าใจถูกแล้ว ส่วนคนเมื่อกี้ก็เมียพี่เอง ชื่อวารินทร์ ถ้าเค้าอยากได้อะไรก็จัดการให้ด้วยนะครับ พี่ไปเคลียร์งานก่อน” พูดจบพายุก็เดินเข้าไปในห้องทันทีโดยไม่สนใจอีกฝ่ายที่กำลังโกรธจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม เพราะเท่ากับว่าเธอลงทุนยอมมาเป็นเลขาให้ท่านประธานสุดหล่อคนนี้ไร้ความหมายน่ะสิ ในจังหวะนั้นเองที่วารินทร์เดินถือถ้วยกาแฟออกมา สาวเจ้าเห็นดังลั่นก็เริ่มจิกกัดวารินทร์ทันที
“แกเองหรอ คนที่เค้าว่ากันว่าเป็นเมียเก็บพี่พายุ…แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ของต่ำๆใครเค้าจะกล้าเอาออกหน้า” วารินทร์คิดไว้อยู่แล้วว่าต้องเจอแบบนี้ จึงทำเฉยไม่ใส่ใจและเดินผ่านไปแต่…
“น่าสมเพชจริงๆ ไอ้เด็กนั่นก็คงไปทำใครท้องแล้วมาให้สวะอย่างแกเลี้ยงสินะ เกิดเป็นแกนี่น่าสงสารเหมือนกันนะว่าไหม” วารินทร์หันไปจ้องหน้าเลขาสาวอย่างโกรธเกรี้ยว ร่างของหญิงสาวถูกบางอย่างกระแทกจนหงายหลังลงไป วารินทร์ค่อยๆเดินย่างก้าวเข้ามาอย่างคุกคาม ทำเอาหญิงสาวนึกกลัวอยู่ลึกๆ แต่ก็ทำใจดีสู้เสืออย่างไม่ยอมแพ้
“ฉันขอเตือนอะไรเธอไว้อย่างนึงนะ…เธอจะด่าจะว่าจะพาดพิงอะไรฉัน ฉันไม่ใส่ใจหรอก เพราะมันก็เป็นได้แค่ลมปากของพวกที่มีการศึกษาเพราะมีใบประกาศไม่ใช่มีความคิด…เธอต้องการอะไรคิดว่าคนอย่างฉันอ่านไม่ออกหรือไง…ถ้าเธอกล้าพูดเสียๆหายๆใส่ลูกฉันอีกล่ะก็…ฉันรับรองเลยว่าศพเธอไม่สวยแน่ๆ” เลขาสาวตัวสั่นเทิ้มอย่างปิดไม่มิด ความรู้สึกเหมือนถูกบางสิ่งบางอย่างคุกคามทางจิตใจ ดวงตาที่แข็งกร้าวอย่างดุดันอย่างสัตว์ป่าที่วารินทร์จ้องมานั้น ทำเอาเธอลืมสิ่งที่ต่างๆที่อยู่ในหัวไปจนหมดสิ้น
“ถ้าไม่แน่จริงอย่าคิดมาลองดีกับฉัน…เธอคงไม่รู้สินะว่ากำลังเล่นอยู่กับอะไร ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี” พูดจบวารินทร์ก็เดินเข้าห้องไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยตามปกติ แต่คนที่อยู่ข้างนอกเนี่ยสิที่ยังคงสั่นเหมือนเจ้าเข้าไม่หาย
“เรื่องนี้ คุณป้าลดาต้องรู้!!!”