Part 3
“ภิฌา กลับดึกอีกแล้วนะลูก” ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน แม่ที่ยืนรอผมอยู่แล้วก็ทักขึ้น
“ฟอดด ตอนแรกว่าจะไม่กลับ แต่คิดถึงแม่ ต้องรีบกลับมาหอมแก้มนิ่ม ๆ นี่ก่อนนอน คิคิ”
“หืออ ตัวหอมเชียว ลูกชายแม่ไปอาบน้ำบ้านสาวที่ไหนหรือเปล่าน๊า”
“โธ่ บ้านไอ่พจน์เหมือนเดิมละครับ แม่ก็รู้” ใช่ แม่รู้มาตลอดว่าผมชอบไปทำการบ้านอยู่ดึก ๆ ที่บ้านสุพจน์ เพื่อนสนิท สนิทขนาดที่ว่ารู้ทั้งรู้ว่าผมไปนอนค้างกับคนอื่นแต่มันก็ยังไม่ปริปากบอกใคร ไม่ใช่ว่ามันจะเห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่ผมทำ แต่ชีวิตใครชีวิตมันต้องเลือกเอง พจน์ พูดเตือนสติผมแบบนี้เสมอ และผมก็เลือกแล้ว ผมไม่เคยบอกใคร แม้แต่กับพจน์ ว่าคนที่ผมไปหา ยอมให้เขาเล่นสนุกกับร่างกายผมคือใคร ไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วงจนบ้า และไม่อยากเสียเพื่อนหากมันรู้ว่า ภิฌา ที่แสนดีของมัน เลวได้มากแค่ไหน
“จ้า ๆ แหมก็แค่แซวเล่นเองคุณลูกชายสุดที่รัก แม่ไปนอนก่อนนะ”
“ครับ ฝันดีนะครับ รักแม่มากที่สุดเหมือนกัน”
“ปากหวาน เออนี่ภิฌา พ่อเขาอยู่ในห้องทำงานแหนะ เห็นว่าจะคุยอะไรด้วย เข้าไปอ้อนพ่อมั่งนะ เดี๋ยวนี้นะอ้อนแต่แม่ พ่อเขาน้อยใจล่ะแย่เลย ทีแต่ก่อนติดกันอย่างกะฝาแฝด คึคึ แม่ไปนะจ้ะ”
.
.
.
สองขาพาผมที่จิตใจว่างเปล่าเหมือนคนไม่มีสติ มาหยุดยืนอยู่หน้าบานประตูไม้โอ๊คหนาอย่างดี ห้องทำงานของพ่อ พ่อเลี้ยงที่เพิ่งกอดผมด้วยความใคร่อย่างลึกซึ้งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ หึ ให้ผมอ้อนเขาน่ะเหรอ แม่คงไม่รู้หรอก ว่าผมน่ะ... อ้อนเขาอยู่ทุกคืน
แต่ถ้าแม่จะยื่นโอกาสให้ขนาดนี้แล้วล่ะก็ ผมไม่รับไว้คงน่าเสียดายแย่ ก็ห้องทำงานของพ่อน่ะมันที่เก็บเสียงชั้นดีนี่นา จะว่าไปผมก็ไม่ได้เข้าไปในห้องนี้นานแล้ว นับตั้งแต่วันนั้น วันที่พ่อทำให้ผมเรียกเรียกร้อง โหยหา ครางเรียกเขาว่า . . .ตฤณ
.
.
.
“ภิฌาเด็กดี มานี่ซิ” หนุ่มวัยใหญ่วัยฉกรรจ์กวักมือเรียกบุตรชายของภรรยา ซึ่งจดทะเบียนรับเป็นบุตรบุญธรรมของตนเองเรียบร้อยแล้ว
“ภิฌา ไปหาคุณพ่อสิลูก” ร่างโปร่งของคุณแม่ยังสาวบอกกับลูกชายตัวน้อยที่ยังมีท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่กล้าเข้าไปทำความคุ้นเคยกับอีกคน
“คุณพ่อ? หรือครับ” ภิฌายังคงไม่กล้าเดินเข้าไปหาตฤณ ในหัวอัดแน่นไปด้วยความสับสน เมื่อวานผู้ชายคนนี้ยังเป็นเพียงลูกค้าที่คลับ แม่เองก็ออกจะไม่ชอบด้วยซ้ำ และทำไมอยู่ ๆ วันนี้ร่างสูงตรงหน้าจึงกลายมาเป็นคุณพ่อของเขาได้ล่ะเนี่ย
“จ้ะ คุณพ่อ ต่อไปนี้คุณตฤณคือพ่อของลูก”
“โอ๊ยยย”
“หยิกตัวเองทำไมน่ะเรา ไหนแม่ดูซิ แก้มแดงหมดแล้ว โธ่ลูก” ณดาลูบแก้มใสที่เป็นรอยแดงเบา ๆ คนเป็นแม่ตกใจที่อยู่ ๆ ลูกชายสุดที่รักของเธอก็หยิกแก้มตัวเองเข้าอย่างจัง
“ไหนมาให้พ่อดูซิ” ตฤณเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าหาเด็กชายตัวบอบบางแล้วอุ้มให้มานั่งตักตนเอง
ตอนแรกภิฌาก็ไม่ยอมท่าเดียวดิ้นไปมาอยู่บนตักแกร่งจะหาทางลงให้ได้ ก็มันน่าอายไม่ใช่เหรอ อายุตั้ง 14 เข้าไปแล้วให้มานั่งตักคนอื่น ถึงจะเป็นคนที่รู้สึกดี ๆ ด้วยก็เหอะ
แต่สุดท้ายร่างเล็กก็ต้องยอมจำนนต่อความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้าไปถึงหัวใจ ตฤณโอบกอดคนเด็กชาย โยกตัวไปมาคล้ายกับไกวเปลให้ จนภิฌาเริ่มเคลิ้มละเมอเรียกอีกคนว่าคุณพ่อ ๆ จนเผลอหลับไปในที่สุด
.
.
.
.
“คุณพ่ออออ ฌาไปด้วย” คนตัวขาววิ่งออกมาหน้าประตูบ้านลากเสียงยาวเรียกคนตรงหน้า แม้จะเป็นหนุ่มเต็มตัวตามบัตรประชาชนในวัย 15 ปี แต่ ภิฌาก็ยังทำตัวเป็นลูกชายตัวน้อยขี้อ้อนที่น่ารักของพ่อและแม่เสมอ
“พ่อไปทำงาน ฌาอยู่กับแม่นะครับ ห้ามดื้อ” ตฤณตอบกลับลูกชายที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาแรมปีด้วยความเอ็นดู
“วันนี้วันหยุดนะ คุณพ่อไปทำงานทำไม ฌายังหยุดเรียนเลย”
“หึหึ พ่อไปแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว ถ้าทำตัวดีตอนเย็นกลับมาจะมีของขวัญมาให้ ตกลงไหม”
“ตกลง ๆ ฌาจะรอนะครับ จุ๊บ” พอคนตรงหน้าพูดถึงของขวัญ ภิฌาก็รีบตกลงทันที ก่อนที่ตฤณจะเดินขึ้นรถ ลูกชายที่น่ารักก็ขอบคุณล่วงหน้าด้วยการจุ๊บริมฝีปากเบา ๆ
“ไงคุณลูกชาย ไปอ้อนอะไรคุณพ่ออีกคะ ห๊ะ”
“ผมเปล่าซะหน่อย แม่ก็ คุณพ่อบอกว่าไปทำงาน แต่ผมอยากไปด้วย คุณพ่อไม่ให้ไปเลยจะซื้อของขวัญมาให้แทนครับ คิคิ”
“ตายจริง คุณกิจ คุณตฤณไปฮ่องกงไม่ใช่หรือคะวันนี้” ณดาถามพ่อบ้านที่เปรียบ เสมือนผู้ใหญ่ที่ตฤณรักและเคารพ
“ครับ ท่านไปคุยธุรกิจกับทางนู้น เห็นว่ายังตกลงกันไม่ได้ คุณหนูโดนคุณพ่อหลอกแล้วล่ะครับ เร็วที่สุดก็น่าจะเมืองไทยพรุ่งนี้นะครับ”พ่อบ้านสูงวัยตอบกลับคุณผู้หญิงของบ้าน แต่ไม่ลืมหยอกคุณหนูตัวน้อยด้วยความเอ็นดู
“คุณตานิสัยไม่ดี คุณตาโกหกอ่ะ ผมไม่เชื่อหรอก คุณพ่อไม่เคยหลอกผม เดี๋ยวคุณพ่อก็ต้องกลับมา คุณพ่อบอกแป๊บเดียวก็แป๊บเดียวสิครับ” ภิฌามองค้อนชายแก่อย่างงอน คนเป็นแม่ได้แต่ส่ายหัวกับท่าทีที่ติดตฤณจนเกิดเหตุ
นึกย้อนกลับไปณดาไม่เคยคิดเลยว่าเขากับลูกจะมีวันนี้ได้ นับแต่วันที่ตฤณหยิบยื่นโอกาสให้กับหล่อน
.
.
.
“ภิฌาไปไหน” ณดาถามหาลูกชายเมื่อเลยเวลารับประทานอาหารค่ำมาสักครู่แล้ว
“คุณหนูไปนั่งรอคุณท่านอยู่หน้าบ้านค่ะ คุณผู้หญิง”
“ช่วยไปตามภิฌาให้ฉันทีนะ”
“ครับแม่” คนตัวขาวที่มีรอยแดงตามตัวเพราะไปนั่งตากยุงรออีกคนกลับมาบ้าน เดินเข้ามาในห้องอาหารด้วยท่าทางเซื่องซึม สายตาเลื่อนลอยไม่อยากอาหารเอาเสียเลย อยากจะรอกินพร้อมคุณพ่อมากกว่า
“ภิฌา ฟังแม่นะ ถ้าคุณพ่อมาช้านั่นเพราะคุณพ่อมีหน้าที่ต้องทำงาน คุณพ่อไม่ตั้งใจที่จะโกหกหรือทำร้ายจิตใจลูกหรอกนะ แต่ถ้าลูกไม่กินข้าวแล้วคุณพ่อรู้เข้า คุณพ่อจะไม่สบายใจนะ”
“แต่ผมไม่หิว” ลูกชายตัวบางโกหกเสียงเบาหวิว ทั้งที่หิวจะแย่ แต่อยากรอผู้ใหญ่อีกคนกลับมากินพร้อมกันมากกว่า
“เฮ้ออ ตามใจ หิวเมื่อไหร่ก็ลงมาละกัน แม่จะเก็บไว้ให้นะ อ้อ แล้วคืนนี้คุณพ่อคงไม่กลับ ภิฌามานอนกับแม่ไหมลูก”
“ไม่ล่ะครับ ผมขอนอนห้องเดิม เดี๋ยวคุณพ่อกลับมาแล้วไม่เจอผม คุณพ่อจะเหงา ผมขึ้นไปก่อนนะครับ”
ณดามองตามหลังลูกชายไป ลึก ๆ ก็โหยหาอยากจะนอนกอดเจ้าเด็กตัวขาวเหมือนเมื่อก่อนที่ยังอยู่กันสองคนแม่ลูกบ้าง ถึงแม้จะดีใจที่ภิฌาเข้ากับสามีใหม่ของหล่อนได้เป็นอย่างดี
แต่บางครั้งณดาก็อดน้อยใจไม่ได้ที่ภิฌาติดตฤณเหลือเกิน ไปไหนต่อไหนกับ ตฤณมากกว่าอยู่กับหล่อนที่เป็นแม่แท้ ๆ เสียอีก ณดาคิดมากถึงขั้นนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับเพื่อน ๆ ซึ่งก็ได้รับคำตอบเหมือน ๆ กันคือ ภิฌาไม่เคยมีพ่อมาก่อนเป็นธรรมดาที่เด็กอยากใช้ชีวิตกับอีกฝ่ายมากกว่าแม่
ถึงจะแปลกใจอยู่บ้างที่ตฤณพยายามใกล้ชิดและสนิทสนมกับภิฌาเป็นพิเศษ แต่อาจเป็นเพราะลูกชายของหล่อนเป็นเด็กน่ารัก หัวอ่อน เชื่อฟังผู้ใหญ่ และเมื่อภิฌายอมรับตฤณเป็นพ่อจริง ๆ เจ้าตัวเล็กก็ยิ่งขี้อ้อนให้คุณพ่อคนใหม่ต้องยอมตามใจเสียไปทุกอย่าง จนคนเป็นแม่บังเกิดเกล้าเองก็อดจะอิจฉาสองพ่อลูกคู่นี้ไม่ได้
ภิฌานอนห้องนอนใหญ่ห้องเดียวกับตฤณ เดิมทีภิฌามีห้องนอนเป็นของตัวเอง แต่เพราะเจ้าตัวชอบอ้อนให้คุณพ่อคนใหม่เล่านิทานก่อนนอนให้ฟังเสมอและก็เผลอหลับไปทุกที เจ้าของบ้านจึงสั่งให้ย้ายข้าวของของภิฌาเข้าไปอยู่ด้วยกันเสียเลย
ส่วนตัวณดาเองนอนแยกห้องกับคุณตฤณอยู่แล้ว ตฤณไม่เคยล่วงเกินเธอเลยดังคำสัญญาที่เคยให้วันตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน เขาว่าขอเพียงดูแลหล่อนและลูกเท่านั้น
ณดายอมรับกับตัวเองเลยว่า เพราะความดีที่ตฤณมีต่อหล่อนกับลูกทำให้ผู้ชายคนนี้เอาชนะใจของหล่อนได้ ตอนแรกที่ย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ หล่อนคิดเพียงอย่างเดียวว่าเพื่อลูก ณดาอยากให้ภิฌาสบายและอยู่ในสังคมที่ดีกว่า เมื่อตฤณเข้ามาเสนอว่าจะดูแลหล่อนกับลูกดั่งสมาชิกในครอบครัว ณดาจึงไม่ลังเลเลยที่จะตกลง ลองเสี่ยงดู
.
.
.
“อื้ออ” ลูกแมวตัวขาวขยับตัวยุกยิกทันทีที่รู้สึกว่ามีใครบางคนมารบกวนการนอน รู้สึกเหมือนโดนอุ้มออกจากเตียงนอน เปลือกตาหนัก ๆพยายามลืมขึ้นมาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“เหวอออ คุณพ่อ!” เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นตัวเองอยู่เหนือพื้น แขนบางรีบคว้าหลักยึดใกล้มือ กอดคอของร่างสูงแน่น อาการตกใจระคนไปกับความดีใจเมื่อเห็นว่าคนที่อุ้มเขาลงไปชั้นล่างเป็นใคร
“คุณกิจบอกว่า วันนี้มีเด็กดื้อไม่ยอมกินข้าว” ตฤณพูดลอย ๆ ไม่เฉพาะเจาะจงว่ากำลังดุใครอยู่ แต่คนในอ้อมกอดก็รู้ตัวอยู่ดี ลูกแมวตัวขาวเกร็งตัว เถียงขึ้นมาทันที
“คุณตาขี้ฟ้อง ชิ” เสียงหวานพูดบ่นเบา ๆ แต่อีกคนก็ยังได้ยินชัดเจนอยู่ดีในเวลาที่ดึกสงัดเช่นนี้
“อยากเป็นโรคกระเพาะหรือไงห๊ะ เด็กไม่ดี เอ้า ดื่มนมซะ” ตฤณวางภิฌาลงบนเคาท์เตอร์ในครัวเล็กที่อยู่ในตึกใหญ่ มีไว้สำหรับทำอุ่นอาหารหรือชงเครื่องดื่มง่าย ๆ พร้อมกับรินนมใส่แก้วใบใหญ่ให้ลูกชายจอมดื้อดื่ม
ถึงจะนอนหลับไปแล้ว แต่เมื่อเห็นของกินอยู่ตรงหน้ากระเพาะว่าง ๆ ของร่างบางก็ไม่อาจปฏิเสธความหิวได้ มือบางยกขึ้นดื่มรวดเดียวด้วยความหิวจนเลอะย้อยลงมาตามมุมปาก แต่ภิฌาไม่สนใจจะเช็ดออก ลิ้นเล็กเลียแผล่บ ๆ ตามประสาเด็กไม่โตตามวัย
สายตาปรือหวาน ๆ ที่ยังไม่ตื่นเต็มที่มองตฤณด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อนที่แขนเรียวจะโอบรอบคอของผู้เป็นพ่อแล้วจุ๊บเบา ๆ ที่ริมฝีปากหยัก
“เด็กไม่ดี”
“ก็ฌารอกินพร้อมคุณพ่อนี่นา”
“ดื้อ”
“แล้วไหนล่ะของขวัญ” ภิฌาถามพร้อมกับชูมือให้อีกคนอุ้มขึ้นห้องนอนทั้งที่อายุก็ไม่เด็กแล้ว
“ของขวัญก็คือพรุ่งนี้จะพาไปเที่ยว”
“โหย ไม่เห็นอยากไปเลย อยากอยู่บ้านกับคุณพ่อมากกว่า”
“วังน้ำเขียวเลยนะ ดอกไม้สวย ๆ ทั้งนั้นเลยไปไหม ไปกันสองคน”
“ไป ๆ แล้วแม่ล่ะครับ”
“แม่เค้าไม่ว่างหรอก ฌาไม่อยากไปกับพ่อเหรอ” ทุกครั้งที่คนตัวโตพาลูกชายไปเที่ยวก็จะไปกันแค่สองคนเสมอ เพราะในสายตาของตฤณมีเพียงภิฌาเท่านั้น ภิฌาผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเขา
“ไม่ใช่นะ! ฌาอยากอยู่กับคุณพ่อที่สุดเลย”
ตฤณมองลูกชายจำเป็นที่กอดคอเขาแน่นอย่างกับลูกลิงแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เด็กผู้ชายหน้าหวานที่เจอกันครั้งแรก เขาก็รู้สึกอยากจะดูแลไม่ให้ลูกแมวตัวน้อยที่แสนบริสุทธิ์ต้องแปดเปื้อน
TBC.
มันเป็นนิยายสีเทาอ่ะเนาะ ให้กำลังใจภิฌากันด้วยนะคะ ^^ ชื่อนายเอกนี่คิดอยู่นานมาก ชอบกันไหมคะ พยายามมากที่จะหาชื่อที่ไม่เป็นผู้หญิงเกินไป และไม่เป็นผู้ชายเข้มเกินไป ลงที่ชื่อนี้
