Secret XXX ปฏิบัติการรักต้อง..! - ตอนพิเศษ 1 13/04/14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Secret XXX ปฏิบัติการรักต้อง..! - ตอนพิเศษ 1 13/04/14  (อ่าน 382828 ครั้ง)

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
แหมๆ เอาอกเอาใจซะนะวีร์ หึๆ :z1:
อยากจิเห็นตอนหวานๆบ้าง :-[

ออฟไลน์ keinoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
“อย่าจิกตามากครับ เดี๋ยวลูกผมออกมาตาเหล่”
:m20:  ฮากะประโยคนี้อ่ะ

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
เราชอบเรื่องนี้มากค่ะ ขอบคุณมากที่แต่ง Mpreg ให้อ่าน
ปวีร์กับหัวหน้ากานต์เหมาะกันมาก
ดูปวีร์แซวหัวหน้ากานต์สิ >.<
ตอนนี้ต้องยกเรื่องลูกมาอ้างให้หัวหน้ากานต์ยอมอ่อนข้อให้
น่ารักดีค่ะ >/////<

ติดตามและเป็นกำลังใจค่ะ^^

ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1
อร้าย ปวีย์น่ารักอ่ะ เอาชนะใจคนท้องได้ไวๆน้า

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ชอบๆ เนื้อเรื่องเป็นแบบนี้ดีแล้ว ชอบมาก ♥

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
โอย มันจะเป็นยังไงต่อไปละนี่  :hao7:

ออฟไลน์ fANSC.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
ระหว่างอุ้มท้อง เดี๋ยวชนกานต์ต้องใจอ่อน เพราะความดูแลเอาใจใส่ของปวีร์เป็นแน่แท้

พอลูกออกมา  ก็สมบูรณ์แบบของคำว่า "ครอบครัว" พอดิบพอดี อัยยะ

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
วีดูแลแม่ของลูกดีๆนะ  :m20:
รอนะฮะ  :')

ออฟไลน์ ronlbb

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
รักกันก็พูดกันดีๆดิ
ชอบปวีร์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ คุณชายลูกหมู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เหมือน เรื่อง อุ้มรักเลย เดียวพระเอกทำดีกับนายเอกมากๆเดียวนายเอกของเราก็ใจอ่อนแล้ว ขอคู่แข็งมาชอบนายเอกด้วยเถอะ จะได้ทดสอบว่าพระเอกจะผ้านด่านแม่ของลูกกับศัสตรูหัวใจได้มัย อิอิ

ออฟไลน์ Cockroach

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
กลับมาอ่านวนเป็นรอบที่สามรอตอนต่อไป555 ปวีง้อไม่ดีมีคนรอกระทืบอยูหลายคนนะ :hao7: :hao7:

ว่าต่งานตลาดฟิกมันจัดกันที่ไหนอะ เค้าอยากไปมั่ง วันไหนด้วย :hao5:

tw.choco

  • บุคคลทั่วไป
อร๊ายยยยยย ชอบตอนนี้อะ
รู้สึกเห็นด้านดีๆ(จริงๆ)ของพ่อปวัร์ หุหุ

ขอร่วมส่งกำลังใจให้ชลกานต์ใจอ่อนไวๆนะคะ

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
กานต์คงเครียดน่าดู

ออฟไลน์ caramely

  • พลัง(จิ้น)ของสาววายยากแท้หยั่งถึง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ว่าที่คุณพ่อนี่ดูแลว่าที่คุณแม่ดีจัง โอ๊ยยยยยยยย  ฉันอยากเห็นหน้าลูกแล้วอ่ะ  รีบมาต่อเร็วๆนะค่ะ 
ค้างมากกกกกกกกกก
[/size][/color]
:katai1: :a6: :a6: :z3:

ออฟไลน์ April❤

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
หนุกมากเลยค่าาา
อยากอ่านต่อแบ้ววววว
มาต่อไวไวนะคะ

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ทำตัวให้ดีๆล่ะปวีร์ เผื่อหัวหน้ากานจะใจอ่อนไวๆ

ออฟไลน์ jiejie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากค่ะ อ่านแล้วติดเลย
แล้วแบบเอ็นซีสุดยอดมากกกกกกก o13
สนุกค่ะ อยากอ่านต่อแล้ว มาต่อไวๆนะะ รออยู่ค่าาาา♡

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3

mmanitaa

  • บุคคลทั่วไป
สนุกจัง คู่นี้เริ่มมีมุมน่ารักๆแล้ว
เขินแทนชนกานต์ 55555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8

ออฟไลน์ supizpiz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 692
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0
มาตามนิยายค่าา มาต่อได้แล้วน๊า :katai5: :z13:

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
ตอนที่ 9

การพรีเซ้นส์โปรเจคในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าจะมีบางช่วงที่เกือบล่มเพราะชนกานต์เกิดอาการคลื่นไส้ขึ้นมาก็ตามที แต่ปวีร์ก็แก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปได้
ถึงจะเจ็บใจแต่ชนกานต์ก็นึกขอบคุณที่ปวีร์ช่วยอยู่ไม่น้อย

“ขอบคุณ” ชนกานต์บอกสั้นๆขณะเดินผ่าน

ปวีร์กระตุกยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินตามออกจากห้องพรีเซ้นส์ไป เดินออกไปก็เจอกับหัวหน้าแผนกยืนอยู่ ตามมารยาทแล้วชนกานต์กับปวีร์จึงหยุดคุยกับเขา

“วันนี้ทั้งสองคนทำได้ดีมากนะ ทุกคนในทีมด้วย เอ้อ แบบนี้ตอนเย็นก็ไปสังสรรค์กันเสียหน่อย ฉลองที่โปรเจคเสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี”

“ครับ”

ทั้งชนกานต์และปวีร์ต่างก็ยิ้มออก ถึงตัวชนกานต์เองจะล้าจนอยากพักแต่พูดถึงเรื่องสังสรรค์แล้วก็อยากจะสังสรรค์กับพวกลูกน้องอยู่เช่นกัน จึงไม่คิดจะปฏิเสธ

“ว่าแต่คุณน่ะไหวหรอ?” ปวีร์ถามขึ้นหลังจากที่เดินแยกจากหัวหน้าแผนกมาแล้ว ชนกานต์เหลือบตามอง

“ก็แค่ไปดื่มกัน ไม่เห็นจะเป็นอะไร”

“คิดจะให้ลูกดื่มเหล้าตั้งแต่อยู่ในท้องเนี่ยนะ”

ชนกานต์แทบจะเอาแฟ้มในมือร่อนใส่หน้าไอ้คนพูดที่เดินอยู่ข้างกัน ดีที่ว่าไม่มีคนอยู่ใกล้ ไม่งั้นคงต้องมีหันขวับมาเพราะคำพูดของปวีร์แน่ๆ

“พูดอะไรระวังปากบ้างนะ” ชนกานต์เค้นเสียงต่ำพูดใส่

ปวีร์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แต่มุมปากยกยิ้ม ชนกานต์เลยเดินกระแทกเท้าหนีไปอีกทาง แต่ใจก็นึกตามคำพูดของปวีร์

‘คิดจะให้ลูกดื่มเหล้าตั้งแต่อยู่ในท้องเนี่ยนะ’

ปวีร์ก็คงแค่อยากเตือนไม่ให้เขาดื่มเหล้าเพราะกำลังตั้งครรภ์อยู่ก็เท่านั้น แต่จะให้ปฏิเสธไม่ไปเลยก็คงน่าเกลียดเกินไป

ตกค่ำวันนั้นจึงลงเอยที่ชนกานต์ไปนั่งมองทุกคนดื่มและปฏิเสธเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดที่คนยื่นมาให้ด้วยเหตุผลที่ว่า’ปวดหัว’

ลูกทีมที่เห็นชนกานต์เหนื่อยกับโปรเจคนี้มาตลอดและป่วยอยู่จึงไม่บังคับให้เขาดื่ม อีกทั้งยังถูกปวีร์กันท่าด้วยการเป็นคนฉวยแก้วที่ยื่นมาทางชนกานต์ไปดื่มเสียเองเป็นส่วนใหญ่ด้วย

นั่งกินไปได้สักพัก ชนกานต์ก็เริ่มรู้สึกง่วงจนอยากจะขอกลับ แต่เห็นทุกคนกำลังสนุกก็เลยฝืนนั่งต่อ

“โอ๊ะ!!”

ชนกานต์สะดุ้งเพราะน้ำเย็นเฉียบสาดเข้าที่หน้าตัก ยังไม่ทันจะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ได้ยินเสียงขอโทษขอโพยจากคนข้างๆ

“ขอโทษครับ ขอโทษนะครับหัวหน้า”

“ไม่เป็นไร”

ชนกานต์บอกพลางแย่งกระดาษทิชชู่ในมือของคนที่ทำแก้วเบียร์หกลงตักเขามาเช็ดเอง แต่มันแย่ตรงที่ไม่ได้มีแค่เบียร์เท่านั้น แต่จานกับแกล้มดันถูกชนจนเทลงมากระจายเต็มหน้าตักเขาด้วย

“เลอะหมดเลย ขอโทษจริงๆนะครับ”

ชนกานต์ยกมือโบกไปมาบอกว่าไม่เป็นอะไรแล้วลุกไปทางห้องน้ำเพื่อล้างเอาคราบสกปรกออกไป ร่างโปร่งมองดูตัวเองที่เปียกไปหมดก่อนถอนหายใจกับความซุ่มซ่ามของลูกน้อง ทำเอาความง่วงกระโจนหายไปหมด แต่ก็ตั้งใจว่าจะนั่งต่ออีกสักพักแล้วขอลากลับไป เหนื่อยมาหลายอาทิตย์ วันนี้งานเสร็จแล้วก็ว่าจะนอนให้เต็มอิ่มเพื่อให้ลูกได้พักผ่อนอย่างเต็มที่บ้าง

นึกถึงลูกแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาลูบที่ท้องเบาๆ ชนกานต์ยิ้มมุมปากก่อนชะงักเพราะมีคนเข้ามา ชนกานต์หยิบเอาทิชชู่มาเช็ดอ่างที่ทำเลอะ ไม่ได้สนใจกับคนที่มาเข้าห้องน้ำเพราะไม่ใช่คนรู้จัก แต่พอหันจะเดินออกจากห้องน้ำไปก็โดนยืนขวาง ชนกานต์ก้าวไปข้างๆก็โดนขวางอีก จึงเงยหน้ามองด้วยสายตาไม่พอใจ

“ขอทางด้วยครับ”

“จะรีบไปไหนกันครับ...ผมอยากทำความรู้จักกับคุณจัง”

ชนกานต์รู้สึกหงุดหงิดใจ เขาใช้มือผลักผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นให้พ้นทางแล้วเดินหนีแต่ถูกดึงมือเอาไว้ ชนกานต์กระชากมือกลับทันที

“ปล่อย!”

“โอ้! ดุเสียด้วย แบบนี้ผมชอบนะ”

ผู้ชายคนนั้นพูดแล้วดึงชนกานต์เข้ามาใกล้ ชนกานต์รีบเอามือข้างที่ไม่ถูกจับยันอกเขาไว้ ตระหนักได้ถึงความไม่ปลอดภัยทันที

“อย่ามายุ่งกับฉัน!”

ชนกานต์ตะคอกใส่แล้วผลักอกอีกฝ่ายแรงๆ ผู้ชายคนนั้นไม่สะท้านสะเทือน ทำเอาชนกานต์ใจเสีย นึกจะตะโกนขอความช่วยเหลือก็ถูกปิดปากเอาไว้ ผู้ชายคนนั้นดันชนกานต์ให้เข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ ชนกานต์พยายามขืนตัวไว้สุดกำลัง ยื่นมือไปยื้อบานประตูไว้ไม่ให้ปิดได้ ผู้ชายคนนั้นผลักชนกานต์เข้าไป

ร่างของชนกานต์เซถลาไปข้างใน

“โอ้ย!!” ชนกานต์ร้องลั่นเพราะมือที่ยันกับพื้นด้วยสัญชาตญาณมันลงผิดท่าจนมีเสียง‘กร๊อบ’ดังลั่นออกมา เจ็บจนน้ำตาคลอแต่ชนกานต์ก็ยังฝืนยันกายขึ้นมายกขาถีบอีกฝ่ายให้พ้นตัว

“โธ่เว้ย!” ผู้ชายคนนั้นสบถ เงื้อมือจะชกท้องชนกานต์ ชนกานต์งอตัวทันที สองมือโอบท้องตัวเองไว้ หลับตาปี๋คิดว่าไม่รอดแล้วแต่ก็ต้องเซไปพิงกับผนังห้องน้ำเพราะมีใครบางคนเปิดประตูกระแทกเข้ามาชนผู้ชายคนนั้น

“มึงจะทำอะไร!”

ชนกานต์ลืมตาขึ้นมา เห็นภาพปวีร์คว้าคอผู้ชายคนนั้นไปชกจนมันถลาล้มไปกองกับพื้น ชนกานต์นั่งทรุดลงบนพื้นห้องน้ำ หอบหายใจแรงอย่างโล่งอก เจ็บข้อมือจนต้องนิ่วหน้า

ฝ่ายปวีร์นั้นรัวหมัดชกผู้ชายที่กำลังจะทำมิดีมิร้ายชนกานต์อย่างโกรธจัด อีกฝ่ายโต้ตอบกลับมาจนได้เลือดก็ยิ่งโมโห

“เกิดอะไรขึ้น!?” พนักงานของร้านที่ได้ยินเสียงเอะอะวิ่งมาดู ชนกานต์รีบชี้ไปยังผู้ชายที่จะทำร้ายตัวเอง

“เขาจะทำร้ายผม ช่วยแจ้งความด้วยครับ!”

สิ้นเสียงชนกานต์ ผู้ชายคนนั้นก็กระแทกปวีร์จนล้มแล้วผลักอกพนักงานก่อนวิ่งหนีออกไป มีคนที่มุงอยู่นอกห้องน้ำสองสามคนวิ่งตามไป

ปวีร์ตั้งท่าจะวิ่งตามไปแต่ก็หยุดแล้วหันมาหาชนกานต์แทน

“เป็นยังไงบ้าง?”

“เจ็บมือ” ชนกานต์บอกพลางนวดข้อมือที่เจ็บ ปวีร์จับขึ้นมาดูก็เห็นรอยแดง

“เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ?” หัวหน้าแผนกกับลูกน้องตามเข้ามาดู ชนกานต์เลยเล่าเรื่องคร่าวๆให้ฟังด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย

“ไปหาหมอตรวจมือหน่อยดีกว่านะ เกิดกระดูกหักขึ้นมาเดี๋ยวจะยุ่ง” หัวหน้าแผนกบอก ชนกานต์พยักหน้าแต่ใจหวังว่าคงไม่ถึงขั้นนั้น

“งั้นผมพาไปเลยก็แล้วกันนะครับ”

ปวีร์เสนอตัว หัวหน้าแผนกดูชะงักไปชั่วครู่เพราะรู้ว่าชนกานต์ไม่ถูกกับปวีร์ แต่ก็พยักหน้าเพราะเห็นว่าทำงานร่วมกันมาได้ร่วมเดือน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกันแล้ว

“อืม ยังไงก็จัดการพาหัวหน้ากานต์ไปส่งที่บ้านด้วยก็เลยแล้วกันนะ”

“ครับ”

ชนกานต์ฟังโดยไม่แสดงความคิดเห็นอะไร รู้สึกปวดข้อมือมากขึ้นจนไม่อยากพูดอะไรมาก ยอมเดินออกไปกับปวีร์แต่โดยดี

“เฮอะ! ถูกผู้ชายที่ลากเข้าม่านรูดช่วยไว้จากผู้ชายโรคจิต ให้ตายสิ! ชีวิตฉันนี่ตลกชะมัด”

ชนกานต์บ่นขึ้นมาหลังจากขึ้นไปนั่งบนรถของปวีร์เรียบร้อยแล้ว

ปวีร์ที่กำลังจะคว้าเข็มขัดมาคาดเลิกคิ้วแล้วยิ้มมุมปาก

“เปลี่ยนเป็น ถูกพ่อของลูกช่วยไว้จากผู้ชายโรคจิต ฟังดูจะดีกว่านะครับ”

ชนกานต์หันมาขึงตาใส่ก่อนสะบัดหน้าหันมองไปทางนอกรถที่แล่นออกจากร้านอาหาร มองแสงไฟสีส้มบนท้องถนนไปเรื่อยๆ อาการเจ็บที่ข้อมือมันมากขึ้นแต่ชนกานต์นึกกังวลกับลูกในท้องเสียมากกว่า มือข้างที่ไม่เจ็บยกขึ้นมาแตะที่ท้องตัวเองอย่างเป็นกังวล

“ยังไง..ก็ให้คุณหมอตรวจเจ้าตัวเล็กหน่อยแล้วกันนะครับ”

“อืม..”

ชนกานต์ไม่โวยวายกลับเพราะนึกห่วงลูกอยู่เหมือนกัน ปวีร์ลอบมองใบหน้าที่หันไปอีกข้างก่อนจะยิ้มมุมปากน้อยๆ สัมผัสได้ว่าชนกานต์เองก็ผูกพันกับเจ้าตัวเล็กเหมือนกับเขา

บางที..ชนกานต์คงจะรักลูกมากกว่าท่าทีที่แสดงให้เขาเห็นก็ได้

 

กว่าจะเสร็จจากโรงพยาบาล เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืน ชนกานต์นึกหงุดหงิดใจมากกว่าเก่าเพราะกระดูกข้อมือร้าวจนต้องใส่เฝือกเอาไว้ ยังดีที่ลูกในท้องยังปลอดภัย

ปวีร์ขับรถมาส่งชนกานต์ที่คอนโด ทันทีที่รถจอดสนิทในลานจอด ชนกานต์ก็เปิดประตูรถทำท่าจะเดินลงแต่ก็หยุดไว้ก่อนหันมาหา

“ขอบคุณ” ชนกานต์พูดแค่นั้น นึกเจ็บใจที่วันนี้ต้องพูดขอบคุณปวีร์มากกว่าหนึ่งครั้ง ปวีร์อมยิ้มกุลีกุจอลงจากรถมาหา

“กลับไปได้แล้วไป” ชนกานต์ไล่อย่างไร้เยื่อใย แต่ถ้าฟังก็คงไม่ใช่ปวีร์

“ผมกลับแน่ครับ แต่ส่งคุณเข้านอนก่อน”

“ไม่จำเป็น!”

ชนกานต์สวนกลับทันทีก่อนหยุดเพราะลิฟต์ลงมาถึงพอดี ประตูลิฟต์เปิดออกมาชนกานต์ก็หมายจะรีบแทรกตัวเข้าลิฟต์ไปแล้วกดปิดก่อนปวีร์จะเข้า แต่ก็ไม่ทัน

“ฉันไม่ให้นายเข้าห้องหรอกนะ” ชนกานต์บอกทันทีเมื่อเข้าไปอยู่ในลิฟต์

“กลัวผมหรอครับ?” ปวีร์ถามด้วยรอยยิ้มเหมือนประหนึ่งไม่เคยทำอะไรร้ายๆเอาไว้ ชนกานต์เห็นแล้วอยากต่อยเสยหน้าสักหมัด

“ฉันไม่ไว้ใจนาย”

“วางใจเถอะครับ ผมเป็นพ่อที่ดีพอที่จะไม่ทำร้ายแม่ของลูกหรอกครับ”

ประโยคเชื้อชวนให้วางใจแต่ฟังดูแล้วมันยิ่งน่าหงุดหงิดยิ่งกว่าเก่า

ชนกานต์กระแทกลมหายใจแล้วขังสายตาตัวเองไว้กับตัวเลขลิฟต์ที่เลื่อนไปตามระดับชั้นจนเข้าใกล้ชั้นที่พักของตนเอง

 ออกจากลิฟต์เดินมาถึงห้อง ชนกานต์ก็ลังเลที่จะไขประตูเข้าห้อง ปวีร์เลยจัดการล้วงหยิบเอากุญแจจากกระเป๋าชนกานต์มาไข

“นี่นาย!”

“อย่าเสียงดังสิครับ มันรบกวนชาวบ้านเขานะ”

ปวีร์ว่าแล้วโอบชนกานต์ให้เข้าห้อง ชนกานต์ฮึดฮัดไม่พอใจ เข้าห้องได้ก็ผลักปวีร์ให้ออกห่าง

“เจ็บตัวขนาดนี้ อย่าออกฤทธิ์ให้มากเลยครับ เดี๋ยวลูกผมไหล”

“ห่วงลูกขนาดนี้ทำไมไม่ท้องเองไปเลยล่ะ!” ชนกานต์เหน็บอย่างหมั่นไส้คนที่เห่อลูก

“แล้วคุณจะเป็นพ่อเด็กให้ไหมล่ะครับ?”

เจอมุกนี้สวนกลับมา ทำเอาชนกานต์ถึงกับเหวอ รีบสะบัดหน้าหนีแล้วใช้ขาเตะแข้งคนที่พยุงตัวเองอยู่

“โอ้ย!” ปวีร์ร้องอุทานออกมา เจ็บน้ำตาแทบไหล ชนกานต์ยิ้มสมน้ำหน้าก่อนเดินหนีไปนั่งที่โซฟา ปวีร์รีบตามติดไปทั้งที่ยังเจ็บหน้าแข้ง

“หิวไหมครับ?” ชนกานต์ส่ายหน้า ตอนนี้นึกแต่เหนียวตัวอยากอาบน้ำแล้วนอนเท่านั้น

“งั้น..อาบน้ำแล้วเข้านอนเลยนะครับ”

“ปวีร์...ฉันดูแลตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้นายคอยมาดูแล แค่เข้าเฝือกมือ ไม่ได้พิการซะหน่อย”

ชนกานต์บ่น รำคาญปวีร์ที่ทำตัวเจ้ากี้เจ้าการ

“ผมดูแลลูกผมครับ แล้วก็หน้าหงิกแบบนั้น เดี๋ยวลูกออกมาก็คิ้วผูกโบหรอก” ปวีร์เอ่ยแซวยิ้มๆ เอื้อมมือมาจะดึงให้ชนกานต์ลุกจากโซฟา ชนกานต์ก็ตบมือตีแขนไปอย่างหงุดหงิดใจ

“ถ้านายไม่กวนประสาทฉัน ฉันก็ไม่หน้าหงิกหรอก!” ชนกานต์กระแทกเสียงตอบแล้วยันกายลุกขึ้นมายืนอีกรอบ

“ผมรู้นะครับว่าคุณเป็นคนเข้มแข็ง..แต่บางทีจะแสดงความอ่อนแอบ้างก็ได้นะ คนเราไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลานะครับ”

ปวีร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง ทำเอาชนกานต์ชะงักไป

สิ่งที่เก็บกดเอาไว้ในอกค่อยๆเอ่อล้นออกมา

ทั้งเหนื่อยกับการทำงานและร่างกายที่เปลี่ยนไป ไหนจะเรื่องที่เกือบเสียท่าถูกผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นลากเข้าไปทำมิดีมิร้ายในห้องน้ำนั่นอีก แล้วยังต้องเจ็บใจเพราะคนที่มาช่วยไว้ก็คือปวีร์อีก มันทำให้ชนกานต์รู้สึกอ่อนแอบอกไม่ถูก

“ไอ้บ้าเอ้ย!” ชนกานต์สบถแล้วเบือนหน้าหนี โมโหกับความอ่อนไหวของตัวเอง ปวีร์รั้งเข้ามากอดก็ฮึดฮัดใส่

“อย่ามาถูก!” แขนข้างที่ไม่เข้าเฝือกฟาดใส่แทบจะโดนหน้าแต่ปวีร์ก็ไม่ยอมถอยออก รอจนชนกานต์หยุดอาละวาดไปเอง

ชนกานต์อาละวาดจนพอใจแล้วก็ยืนหอบหายใจ เจ็บใจที่น้ำตามันไหลลงมา มือเล็กยกขึ้นปาดมันออกไป

“นายกลับไปได้แล้วไป”

“แต่ผมคิดว่า..เวลาแบบนี้ คุณต้องการให้มีใครสักคนอยู่เป็นเพื่อนคุณนะครับ”

ชนกานต์หันมองหน้าคนพูดแล้วยิ้มเยาะ

“เวลาแบบนี้ ฉันอาจต้องการใครสักคนก็จริง แต่ฉันไม่คิดว่าคนๆนั้นจะเป็นนายหรอกนะ”

“แต่ผมอยากเป็นคนนั้นนี่ครับ”

ชนกานต์ถึงกับอึ้งจนต้องนิ่งแล้วถอนหายใจ

“ถ้านายจะเป็นห่วงลูกของนายมากจนต้องฝืนทำอะไรแบบนี้ก็ไม่ต้องหรอกนะ ยังไงฉันก็ไม่ทำให้ตัวเองแท้งหรอก”

“ลูกผมก็ห่วงครับ แต่ผมห่วงคุณมากกว่า..”

ชนกานต์นิ่งไปอีกครั้ง มองตาปวีร์แล้วก็ดูไม่เหมือนปวีร์คนเดิมที่ชอบหาเรื่องให้เขาโมโห วูบหนึ่งที่รู้สึกว่าใจมันเต้นแปลกๆ ชนกานต์เลยรีบใช้ศอกดันอกปวีร์ให้ออกห่างแล้วพูดเสียงแข็ง

“ยังไงฉันก็ไม่ไว้ใจนายอยู่ดี”

“อย่างนั้น..เราใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์กันดีไหมครับ? แบบในละครที่เขาพูดกันบ่อยๆไง”

ชนกานต์อยากรู้นัก..ว่ามีใครเคยบอกปวีร์ไหม ว่าเขาเป็นคนที่ขี้ตื้อมากที่สุดในโลกเลย!

“ถ้าคิดว่าฉันจะหลงคารมนายง่ายๆ ฉันบอกได้เลยว่านายคิดผิด”

“อย่าพึ่งตัดสินกันตอนนี้เลยครับ คุณควรไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนได้แล้วนะ”

ชนกานต์นึกขุ่นในใจ ก็คนที่ทำให้เขาไม่ได้ไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนเสียทีมันก็ปวีร์เองไม่ใช่หรือไงกัน

แต่ความเหนื่อยที่สั่งสมมานาน บอกให้เลิกยืนเถียงกับปวีร์เสียที เพราะเถียงเท่าไรก็ดูว่าปวีร์จะยังคงดื้อแพ่งที่จะอยู่ต่อ

“ขอบอกไว้ก่อนเลยนะ ถ้านายไม่ยอมกลับก็ตามใจ แต่ถ้าหากนายคิดตุกติกทำอะไรให้ฉันไม่พอใจแล้วก็ไม่ไว้ใจล่ะก็..ฉันไม่เอาลูกนายเก็บไว้แน่!” ชนกานต์เอ่ยขู่ด้วยหน้าจริงจัง แต่ปวีร์ฟังแล้วหน้าระรื่น พยักหน้าอย่างแข็งขัน

“อย่างนั้นไปอาบน้ำนะครับ หรือจะเช็ดตัวดี?”

ปวีร์มองแขนที่ใส่เฝือกของชนกานต์แล้วก็กลัวว่าถ้าอาบน้ำแล้ว น้ำจะเข้าเฝือก แต่คนเจ็บไม่นึกอยากเช็ดตัว

“อยากอาบน้ำมากกว่า”

ปวีร์พยักหน้า ไม่ขัดใจแต่เดินตามชนกานต์เข้าไปในห้อง

“ออกไปสิ” ชนกานต์เอ่ยไล่ แต่ปวีร์ไม่ยอมขยับ แถมยังเอื้อมมือมาปลดกระดุมเสื้อชนกานต์อีก ชนกานต์รีบตีมือทันที

“ผมจะช่วยคุณถอดเสื้อไงครับ”

“ไม่ต้อง!”

“อย่าดื้อสิ ก็แค่ช่วยถอดเสื้อเท่านั้นเอง”

ชนกานต์หน้าหงิกที่ถูกดุ ปวีร์ยิ้มมุมปากขำๆกับท่าทางแบบนั้น นึกเอ็นดูคนที่อายุมากกว่าขึ้นมาทันที ที่สุดแล้วก็ยอมให้ปวีร์ถอดเสื้อให้ แต่ไม่ให้วุ่นวายไปมากกว่านี้

“เฮ้อ..เป็นการอาบน้ำที่เมื่อยชะมัด” ชนกานต์เอ่ยบ่นพลางนวดบริเวณไหล่ที่ปวดเพราะต้องเกร็งแขนให้ไม่โดนน้ำ

“พรุ่งนี้จะไปหาซื้อถุงสวมกันน้ำให้แล้วกันนะครับ”

“มันมีขายด้วยหรอ?” ชนกานต์ถามอย่างประหลาดใจ

“มีครับ ใช้กันน้ำได้ดีเลยทีเดียว ผมเองตอนใส่เฝือกอยู่ตอนสมัยเรียนมหาลัยก็มีคนแนะนำให้ใช้อยู่”

“นายเคยใส่เฝือกด้วย?”

“ข้อเท้าพลิกตอนเล่นบอลน่ะ”

ชนกานต์พยักหน้ารับรู้แล้วยกมือขึ้นปิดปากหาว ดวงตาหรี่ปรืออย่างง่วงนอน ปวีร์เลยประคองไปที่เตียง

“นายก็กลับไปได้แล้ว” ชนกานต์เอ่ยไล่หลังจากล้มตัวไปนอน

“ราตรีสวัสดิ์ครับ” ปวีร์หยิบผ้าห่มมาห่มให้ ชนกานต์เห็นรอยยิ้มแปลกตาก่อนที่จะหลับตาลง..

เป็นรอยยิ้มอบอุ่นที่ดูไม่เข้ากับคนอย่างปวีร์เลยสักนิด!

 

ปวีร์มองคนที่ผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยด้วยรอยยิ้ม เขาทิ้งตัวนั่งลงที่ข้างเตียง แล้วยกมือขึ้นลูบแก้มชนกานต์เบาๆ

ความรู้สึกอ่อนหวานที่มันไม่เคยมีมาก่อนกำลังเกิดขึ้นในใจ

ปวีร์แน่ใจว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร

เขาหัวเราะตัวเองที่แค่นั่งมองหน้าชนกานต์ตอนนอนก็อมยิ้มได้เหมือนคนบ้า ตั้งใจจะนั่งมองแบบนี้ไปเรื่อยๆให้ชื่นใจ เพราะโอกาสที่ได้นั่งมองชนกานต์นอนแบบนี้ไม่ค่อยจะมี แต่ก็ดันมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมารบกวน ปวีร์รีบหยิบขึ้นมารับสายเพื่อไม่ให้กวนคนที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่

คนที่โทรมาก็คือลูกน้องคนที่วิ่งตามคนร้ายไป ปวีร์หลบออกไปคุยข้างนอก ได้ใจความว่าพวกลูกน้องกับพนักงานของร้านตามวิ่งจนจับผู้ชายคนนั้นได้และพาส่งตำรวจกันเรียบร้อย

“เป็นโรคจิตขี้ยาอย่างนั้นหรอ?”

ปวีร์ถามกลับไป หลังจากที่ลูกน้องบอกว่าตำรวจค้นตัวผู้ชายคนนั้นแล้วเจอยาระงับประสาทและยาเสพติด

“ก็คงจะเป็นอย่างนั้นล่ะครับ”

“เฮ้อ..”

ปวีร์ถอนใจ นึกขอบคุณตัวเองที่สะกิดใจเห็นว่าชนกานต์ไปห้องน้ำนานเลยลุกตามไปดู ไม่เช่นนั้นแล้ว..ก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชนกานต์บ้าง

“ยังไงก็ขอบใจมากนะที่เป็นธุระให้”

“ไม่เป็นไรครับ แล้วหัวหน้ากานต์เป็นยังไงบ้าง?”

“กระดูกข้อมือร้าวน่ะ เลยต้องใส่เฝือกไปสักระยะ”

ปวีร์บอกอาการไปและพูดคุยต่อได้สักพักแล้วจึงวางสายไป มองดูนาฬิกาที่เลยเวลานอนมาแล้วหลายชั่วโมงแต่ก็ไม่นึกง่วง ปวีร์หันกลับจะเข้าไปหาชนกานต์ในห้องนอน แต่ก็หยุดอยู่ตรงหน้าห้อง เปลี่ยนใจที่จะกลับไปที่คอนโดของตัวเองแทนโดยที่ไม่ลืมหยิบกุญแจห้องของชนกานต์ติดไปด้วย

 

ชนกานต์มารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็รุ่งเช้า แสงแดดที่แยงตาทำให้ต้องยกมือขึ้นมาป้องเอาไว้ ชนกานต์พลิกตัวไปมาอย่างงัวเงีย แต่อาการคลื่นไส้ตอนช่วงเช้าทำให้ต้องยันกายลุกขึ้นมานั่งพะอืดพะอมก่อนวิ่งพรวดพราดเข้าห้องน้ำไปอาเจียนจนขมคอ

“แผลงฤทธิ์จังนะเจ้าตัวเล็ก” ชนกานต์เอามือลูบท้องที่ยังคงแบนราบแล้วพูดแผ่วเบา ถึงจะรู้สึกเหนื่อยล้าแต่ความรู้สึกของผู้ที่กำลังจะให้กำเนิดมันก็ทำให้ชนกานต์รู้สึกอบอุ่นในใจ

ร่างบางหันไปเปิดน้ำล้างหน้าก่อนเดินออกมาดูข้างนอก พอเห็นว่าปวีร์ไม่ได้อยู่ในห้องแล้วก็เดินกลับไปนอน

ใจนึกสับสน ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือน้อยใจดีที่ไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในห้องเช่นนี้

ชนกานต์ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอีกพักใหญ่ มาตื่นขึ้นอีกครั้งก็ตอนที่ถูกเขย่าแขน ปรือตามาดูก็นึกว่าตัวเองฝันไปจนต้องกะพริบตาแล้วลืมมามองใหม่

“นายเข้ามาได้ไง?” ชนกานต์ขมวดคิ้วมุ่นที่เห็นปวีร์นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ

“ผมเอากุญแจไปด้วยน่ะครับ”

ปวีร์บอกไปตามตรง มือเอื้อมไปจะช่วยพยุงให้ชนกานต์ลุกขึ้นนั่ง แต่ชนกานต์ยันกายขึ้นมาลุกนั่งเองแล้วจึงชักมือกลับไป

“หิวหรือยังครับ?” ชนกานต์มองหน้าปวีร์ก่อนถอนหายใจ

นึกจะบ่นว่าจะต้องให้พูดกี่ครั้งว่าเขาดูแลตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องมาดูแลเหมือนเขาเป็นคนพิการแบบนี้

แต่เห็นสายตาที่มองมาแล้วก็พูดไม่ออก

“อืม มีอะไรกินบ้างล่ะ?”

ปวีร์ฉีกยิ้มทันทีที่ได้ยินคำถาม รีบกุลีกุจอบอกเมนูบรันซ์ที่ตัวเองไปซื้อของจากตลาดสดตอนก่อนรุ่งสางมาลงมือทำให้ คนฟังถึงกับเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจกับการลงทุนของปวีร์ไม่น้อย ยิ่งมาเห็นอาหารมากมายที่ปวีร์ทำก็ยิ่งอึ้ง

“ไม่เห็นต้องอลังการงานสร้างขนาดนี้” ชนกานต์บ่น แค่เห็นอาหารวางเรียงกันเต็มโต๊ะก็รู้สึกแน่นท้องขึ้นมาเสียแล้ว

“ผมไม่รู้นี่ครับว่าคุณชอบทานอะไรบ้าง เลยทำไว้หลายๆอย่าง อีกอย่างผักพวกนี้เป็นผักปลอดสารพิษทั้งนั้น เนื้อสัตว์ผมก็คัดมาสดๆ พอได้ลงมือทำมันก็เลยเพลินมือจนทำหลายอย่างไปหน่อย”

น้ำเสียงของปวีร์พูดดูสดใส ต่างจากคนที่ชอบหาเรื่องกวนประสาทให้หงุดหงิดใจอยู่เสมอ ชนกานต์เลยไม่รู้จะวางสีหน้าอย่างไรดี จึงเลือกทำหน้านิ่งๆแล้วตักซุปมันฝรั่งที่อยู่ใกล้มือมาซด รสชาติยังคงดีเหมือนเดิม

“ฉันไม่ชอบกินของเลี่ยนๆ”

แค่ชนกานต์ยอมเอ่ยปากบอกแค่นี้ ก็ทำให้พ่อครัวจำเป็นนั่งยิ้มไปได้ตลอดทั้งมื้ออาหาร เพราะบนโต๊ะนั้นไม่มีอาหารประเภทที่ชนกานต์ไม่ชอบอยู่เลยสักอย่าง

หลังกินอาหารเช้าควบมื้อเที่ยงกันเสร็จ ปวีร์ก็ยังคงสถิตอยู่ในห้องของชนกานต์ไม่ยอมกลับ เจ้าของห้องตีหน้าบึ้งนิดหน่อยก่อนเดินไปนั่งที่โซฟา ยกขาขึ้นจะพาดโต๊ะด้วยความเคยชินก็เจอกับถุงหนังสือถุงใหญ่ที่วางไว้ ชนกานต์หดขาลง ขมวดคิ้วเพราะแน่ใจว่ามันไม่ใช่ของตน

“อะไรน่ะ?” เอ่ยถามพลางดึงมาดู ปวีร์ยกเอาน้ำผลไม้คั้นสดมาวางให้แล้วนั่งลงข้างๆ

“หนังสือเลี้ยงลูก? หนังสือคุณแม่ตั้งครรภ์? หนังสือตั้งชื่อลูก?..เหอะ!” ชนกานต์ทำเสียงขึ้นจมูกแต่มุมปากยกยิ้ม เอนหลังพิงโซฟาแล้วเปิดหนังสือขึ้นอ่าน

“จะเอาแว่นหรือเปล่าครับ?” ปวีร์ถามเพราะปกติเห็นชนกานต์ใส่แว่นอยู่เสมอ ชนกานต์เลิกคิ้วก่อนยักไหล่

“แค่นี้พออ่านได้”


(ตอบ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2014 20:48:24 โดย zynestras »

ออฟไลน์ zynestras

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-0
    • Zynestras.com
“แต่ผมชอบเวลาคุณใส่แว่นมากกว่านะ”

ชนกานต์ย่นจมูกแล้วหันหนีไปทางอื่น จะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อเพื่อตัดบทสนทนา ปวีร์ก็เลื่อนแก้วน้ำผลไม้มาให้

“ดื่มซะหน่อยสิครับ”

“น้ำอะไรน่ะ? น้ำส้ม?”

ชนกานต์มองดูสีส้มของมันแล้วก็ไม่รู้ว่าคือน้ำอะไรกันแน่ เพราะมันสีเข้มกว่าน้ำส้ม

“น้ำผลไม้รวมน่ะครับ” ชนกานต์รับมาจิบชิมรสชาติ พอเห็นว่ารสชาติใช้ได้ก็ดื่มไปอีกอึกใหญ่ก่อนวาง

“ใช้ได้ไหมครับ?”

“อืม ชุ่มคอดี”

แค่คำชมสั้นๆก็ทำให้ปวีร์ยิ้มกริ่มได้อีกครั้ง ชนกานต์นึกหมั่นไส้แต่ก็ไม่เห็นประโยชน์ที่จะไปขัดคอให้หงุดหงิดใจกันตอนนี้

หงุดหงิดใจไปก็เป็นผลเสียต่อเจ้าตัวเล็กเสียเปล่าๆ

ชนกานต์พยายามคิดอย่างนั้น แต่ก็ปล่อยวางได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็เกิดความหงุดหงิดขึ้นมาจนได้

“โอ้ย! หยุดพูดซะทีเหอะ! น่ารำคาญ!”

ชนกานต์ร้องออกมาอย่างเหลืออด เพราะปวีร์เอาแต่พูดในสิ่งที่กำลังอ่านออกมาให้ฟัง

“ที่ผมพูดมันก็เป็นประโยชน์ทั้งนั้นนะครับ คุณควรฟังไว้นะ”

“ฉันอ่านเองได้! นายมาพูดเสียงหึ่งๆ อยู่นี่ฉันไม่มีสมาธิอ่าน กลับคอนโดนายไปเลยไป”

ชนกานต์บ่นก่อนโยนหนังสือลงกับโซฟา ลุกขึ้นบิดขี้เกียจไปมาแล้วเดินไปยังโต๊ะทำงานแต่ปวีร์เดินมาขวางไว้ก่อน

“จะทำงานใช่ไหมครับ? โปรเจคก็เพิ่งเสร็จไป ผมว่าคุณเอาเวลามาพักผ่อนดีกว่านะ”

ชนกานต์ย่นหน้าใส่ หงุดหงิดใจที่ปวีร์เข้ามาจู้จี้

“ฉันคงได้พักผ่อนแน่...ถ้าไม่มีนายเข้ามาวุ่นวาย”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ อืม...นี่ก็เพิ่งจะเที่ยงเอง ออกไปดูหนังกันไหมครับ?”

ชนกานต์ถึงขั้นยืนทำตาปริบๆกับการเปลี่ยนอารมณ์กะทันหันของปวีร์ที่เข้ามาลากแขนเขาให้ไปเตรียมตัวออกไปห้างสรรพสินค้ากัน

“นายนี่มัน....” ชนกานต์ได้แต่ส่ายหน้าไปมา แล้วยอมปล่อยเลยตามเลยออกมาห้างกับปวีร์โดยที่อดสังหรณ์ใจไม่ได้ว่าจะมาชวนกันทะเลาะต่อข้างนอกหรือเปล่า

“ดูเรื่องอะไรกันดีล่ะ?”

ชนกานต์ที่เดินลากขามาหยุดยืนข้างกันยักไหล่ มองดูโปรแกรมภาพยนตร์แล้วก็ไม่นึกอยากดูเรื่องอะไรเป็นพิเศษ ปวีร์เลยจัดการชี้ไปที่หนังรักโรแมนติกเรื่องหนึ่ง

“งั้นดูเรื่องนี้กันนะครับ” ชนกานต์เหล่มองแล้วยักไหล่อีกรอบ

“ตามใจนายก็แล้วกัน” บอกแล้วชนกานต์ก็หยิบเอามือถือมากดดูการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นวันนี้ ปวีร์หันมาเห็นก็ดึงเอามือถือไปกดปิดแล้วใส่กระเป๋ากางเกงของตัวเองไป

“ไปซื้อตั๋วกันครับ” ปวีร์ทำไม่รู้ไม่ชี้ดึงมือชนกานต์ไปยังช่องขายตั๋วอัตโนมัติ ชนกานต์กระชากมือกลับก็ไม่ยอมปล่อย คนถูกลากมือไปเลยตีหน้าบึ้งคล้ายคนที่อยากจะว้ากใส่ใครสักคน

ชนกานต์ยืนหน้าบึ้งจนกระทั่งปวีร์ซื้อตั๋วเสร็จ เห็นเวลายังเหลืออีกเป็นสิบนาที ปวีร์จึงชวนแกมบังคับให้ไปเดินเล่นฆ่าเวลา แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นเขตของโรงหนัง ใครบางคนก็ปรี่เดินเข้ามาขวางหน้าไว้

“หัวหน้าวีร์กับหัวหน้ากานต์จริงๆด้วย แหมมม ตะกี้เห็บแวบๆที่ช่องขายตั๋ว ออยก็นึกว่าตาฝาดไปเสียอีก มาด้วยกันได้ไงคะเนี่ย”

หญิงสาวทำหน้าอัศจรรย์ใจ ชนกานต์มองหน้าเธอแวบแรกแล้วก็รู้สึกไม่คุ้นก่อนที่จะนึกออกว่าแม่สาวคนนี้คือพนักงานที่ปวีร์เล่นรักด้วยในห้องเก็บเอกสาร

เส้นอารมณ์ของชนกานต์ถูกดึงให้ตึงขึ้นทันที

“ก็แค่บังเอิญน่ะ”

เสียงห้วนบ่งบอกอารมณ์ชัดเจน แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ใส่ใจกับชนกานต์ เพราะเธอหันไปยิ้มฉอเลาะให้กับปวีร์

“ไม่ได้เจอกันเลยนะคะตั้งแต่ออยย้ายไปทำที่แผนกอื่น คิดถึงจังเลยค่ะ”

เธอชม้ายตาใส่ปวีร์ที่วางสีหน้าลำบากเพราะรู้สึกตัวแล้วว่าชนกานต์กำลังไม่พอใจหญิงสาว ปวีร์รู้ทันทีว่าเป็นเพราะอะไร

“แผนกที่ย้ายไปดีไหม?”

ปวีร์แสร้งถามไปตามมารยาทพลางนึกหาทางชิ่งจากเธอ หางตาเห็นชนกานต์ทำท่าเหม็นเบื่อก็รู้ว่าคะแนนตัวเองติดลบเพิ่มเข้าไปอีก

“ก็ดีค่ะ แต่หัวหน้าดุ๊ดุ...เหมือนหัวหน้ากานต์เลย อ้อ..หัวหน้ากานต์สบายดีนะคะ ได้ข่าวว่าเมื่อคืนเกือบถูกโรคจิตปล้ำในห้องน้ำร้านอาหารหรอคะ? แต่ดูเหมือนไม่เป็นอะไรมากสินะคะ วันนี้ถึงออกมาดูหนังได้”

ชนกานต์ชักกรุ่นกับการพูดและน้ำเสียงของแม่คนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ พูดมาได้ว่าเขาคงไม่เป็นอะไรมากทั้งที่ใส่เฝือกให้เห็นอยู่ทนโท่แบบนี้

“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร” ชนกานต์พูดเสียงเรียบคล้ายไม่แคร์ แต่แววตาหลังแว่นดูขุ่นเขียว

ปวีร์รีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

“ออยก็มาดูหนังเหมือนกันหรอ?”

“ค่ะ อยู่บ้านเซ็งๆเลยออกมาหาหนังดู ว่าแต่ดูเรื่องไหนกันหรอคะ  อุ้ย! เรื่องนี้ออยเองก็อยากดูอยู่พอดี ที่นั่งติดกับพวกหัวหน้าจะว่างไหมหนอ ออยจะได้มีเพื่อนดู”

ชนกานต์นึกหมั่นไส้หญิงสาวไม่น้อย ปากทำถามแต่กลับชะโงกหน้ามามองตั๋วหนังในมือของปวีร์แล้วพูดทอดสะพานแบบนี้ แต่มองหน้าคนที่ลากเขามาดูหนังแล้วก็นึกหมั่นไส้กว่า

“อย่างนั้นคุณก็ไปดูกับหัวหน้าวีร์เลยสิครับ หนังแนวนี้ผมไม่ชอบดูอยู่แล้ว” ชนกานต์ดึงตั๋วจากมือปวีร์มาส่งให้เธอแล้วฉีกยิ้มให้ก่อนหันไปยิ้มหวานแบบเคลือบยาพิษให้ปวีร์

“ทีนี้คุณก็มีเพื่อนดูแล้วนะ ผมไปล่ะ”

“เดี๋ยวสิ!”

ปวีร์จะหันไปรั้งชนกานต์ไว้ก็ไม่ทัน เพราะชนกานต์เล่นเดินดุ่มๆหนีไปทันที ส่วนตัวเขานั้นถูกแม่สาวอรณีปราดเข้ามาล็อกแขนเอาไว้

“แหม..ดีใจจังเลยค่ะที่ได้ดูหนังกับหัวหน้าวีร์”

“ขอโทษนะ แต่ผมไม่อยากดูแล้วล่ะ”

ปวีร์ตัดบทด้วยความเหนื่อยหน่าย เขาคว้าแขนผู้ชายคนหนึ่งที่เดินผ่านมา ผู้ชายคนนั้นตกใจเล็กน้อยที่ถูกดึงแขนไว้

“ขอโทษนะครับ พอดีคุณผู้หญิงคนนี้อยากดูหนังกับคุณน่ะครับ”

ปวีร์จัดการยัดมือของอรณีและตั๋วหนังของตัวเองให้กับผู้ชายคนนั้นแล้วรีบเดินตามชนกานต์ไปทันที ไม่สนใจอรณีที่ส่งเสียงเรียกไล่หลังมา

“หัวหน้า! เดี๋ยวสิคะหัวหน้า!!”

ปวีร์เดินตามชนกานต์มาจนลงบันไดเลื่อนมาชั้นล่าง เห็นหลังชนกานต์ไวๆก็คิดจะรีบเดินไปหา แต่ก็นึกเปลี่ยนใจเดินตามไล่หลังไปห่างๆเพราะอยากรู้ว่าชนกานต์จะไปทำอะไรบ้าง

ฝ่ายคนที่ถูกเดินตามนั้นไม่รู้ตัวเลยสักนิด ชนกานต์กะใช้โอกาสที่ได้มาห้างนี้ไปเดินดูซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่จึงเดินมุ่งหน้าไปยังโซนเสื้อผ้า ปวีร์เดินตามไปเรื่อยๆ แอบอมยิ้มเมื่อเห็นชนกานต์ช่วยแม่ลูกอ่อนคนหนึ่งเอารถเข็นเด็กลงบันไดเลื่อนแล้วก็ก้มลงไปยิ้มกับเด็กน้อยในรถเข็น เป็นรอยยิ้มน่ารักที่แทบไม่มีโอกาสได้เห็น

ระหว่างทางที่ลงไปยังชั้นขายเสื้อผ้าผู้ชาย ชนกานต์ก็สะดุดตากับโซนเสื้อผ้าเด็กที่อยู่เหนือชั้นจุดหมาย ชนกานต์ลงจากบันไดเลื่อนแล้วจึงเดินเข้าไปดู มุมปากยกยิ้มมองดูเสื้อผ้าเด็กอ่อนที่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็คงต้องเลือกซื้อหาเอาไว้ให้เจ้าตัวเล็กในท้อง

ปวีร์ที่เดินตามมาเห็นเข้าก็ถึงขั้นยิ้มจนแก้มปริ เดินเข้าไปหาแบบเนียนๆ

“ตัวนี้น่ารักนะครับ” เสื้อตัวเล็กสีฟ้าที่ปลายนิ้วของชนกานต์แตะอยู่ถูกหยิบขึ้นมา ชนกานต์หันขวับไปมองเจ้าของมือก่อนสะบัดหน้าหนี ใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นบึ้งตึง

“ตามฉันมาทำไม? นายอยากดูหนังไม่ใช่หรือไงกัน?”

“ผมไม่ได้อยากดูหนังครับ ผมแค่อยากใช้เวลากับคุณเท่านั้น”

ปวีร์บอกแล้วยิ้มให้ จับมือชนกานต์ไว้ข้างหนึ่งไม่ให้ชนกานต์เดินหนี ส่วนอีกมือก็เลือกดูเสื้อสำหรับเด็กแรกเกิด ชนกานต์เม้มปากแน่น พวงแก้มร้อนจัด พยายามดึงมือออกแต่ปวีร์จับไว้แน่น

“ปล่อยนะ!”

ชนกานต์ถลึงตาใส่คนเจ้าเล่ห์ ตั้งใจจะผลักปวีร์ออกไปแรงๆแต่ติดที่พนักงานขายเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมบริการ

“คุณพ่อคุณแม่จะมาดูเสื้อให้คุณลูกหรอคะ?”

ชนกานต์อยากจะกัดลิ้นตาย ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงมองเป็นอย่างนั้นได้ ถึงมันจะเป็นความจริงก็เถอะ

“ครับ ช่วยแนะนำหน่อยสิครับ” ปวีร์รีบตอบเธออย่างกระตือรือร้นจนชนกานต์นึกหมั่นไส้

“คุณหนูเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ? แล้วอายุเท่าไหร่แล้วเอ่ย?”

“ยังไม่ทราบเลยครับ ยังอยู่ในท้องอยู่เลย”

ปวีร์พูดแล้วชี้นิ้วมาที่ท้องของชนกานต์ทำเอาชนกานต์รู้สึกอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี

“แหม...เป็นคุณพ่อคุณแม่ที่ใจร้อนจังเลยนะคะเนี่ย”

พนักงานขายเอ่ยแซวแล้วหัวเราะคิกคักก่อนแนะนำว่าเป็นเด็กอ่อนแรกเกิดจะใช้สีอะไรก็ได้ตามแต่ที่คนเป็นพ่อกับแม่ชอบ

ชนกานต์ยืนฟังไปก็นึกอยากหายตัวไปจากตรงนี้

แต่ติดที่พนักงานขายดูจะชอบอกชอบใจคิดว่าเขากับปวีร์เป็นคุณพ่อคุณแม่ที่รักใคร่กันมากนี่สิที่ทำเอาชนกานต์ก้าวหนีไม่ออก

“บ้าชะมัด!”

ชนกานต์สบถออกมาหลังจากที่หลุดพ้นจากพนักงานขายเสื้อผ้าเด็กที่ทำหน้าที่พรีเซ้นส์การขายของเธอได้ดีเยี่ยมมากจนปวีร์ควักเงินซื้อเสื้อผ้าเด็กอ่อนมาหลายชุด ไม่นับรวมของอย่างอื่นอีกถุงใหญ่

“ยังไงเราก็ต้องซื้ออยู่แล้วนี่ครับ ซื้อตอนนี้ก็ไม่เห็นเสียหายนี่นา แถมยังได้ลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์ด้วย คุ้มจะตาย”

ปวีร์พูดอย่างอารมณ์ดี ชนกานต์เองก็ขี้เกียจจะเถียง เพราะที่ปวีร์พูดมาก็ถูก ตอนนี้ทางห้างจัดโปรโมชั่นลดราคาอยู่ด้วย ซื้อตอนนี้มันก็คุ้มกว่าจริงๆอย่างที่ว่า

“ชริ!” ชนกานต์ทำเสียงขึ้นจมูกใส่ หงุดหงิดจนลืมจุดประสงค์ที่จะไปซื้อเสื้อผ้าของตัวเองเสียสนิทใจ

“หิวหรือยังครับ?” ปวีร์พลิกดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือแล้วเอ่ยถาม ชนกานต์รู้สึกเริ่มหิวแต่ก็ไม่อยากนั่งทานอะไรกับปวีร์อีก

“หิว แต่ฉันไม่กินกับนายหรอกนะ”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ...พ่อแม่ลูกได้กินกันพร้อมกันแบบนี้ดีออก” ชนกานต์หน้าร้อนอีกครั้งกับคำพูดของปวีร์ ยังไม่ทันจะพูดอะไร เสียงท้องร้องก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน

โครก~~

“ท่าทางเจ้าตัวเล็กจะหิวแล้วนะครับ ไปหาอะไรกินกันเถอะ”

ปวีร์ยิ้มขำแล้วถือวิสาสะจูงมือชนกานต์ที่เดินขืนตัวไปทางร้านอาหารที่อยู่ชั้นล่าง ชนกานต์ยอมตามไปโดยที่บ่นไปด้วยตลอดทาง

 

กว่าจะกลับถึงห้องก็เล่นเอาพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ชนกานต์นึกหงุดหงิดใจกับรอยยิ้มกริ่มที่ไม่รู้ว่าอารมณ์ดีอะไรหนักหนาของปวีร์ พอไขประตูเข้าห้องได้ก็เดินกระแทกเท้าเข้าไป

“นายกลับไปได้แล้วไป...อ๊ะ!?”

ชนกานต์ชะงักปากที่เอ่ยไล่เพราะถูกรวบกอดไว้จากทางด้านหลังทันทีที่ปวีร์วางถุงข้าวของที่ซื้อมาได้

“ปล่อย!” บอกเสียงดังแล้วเอาศอกดันคนกอดให้ออกห่าง แต่ปวีร์ยังกอดไว้แน่น

“วันนี้ผมดีใจมากเลยนะ” เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหู เพราะถูกกอดจากด้านหลังจึงไม่เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของปวีร์

“เห!? อะไรของนายกัน?”

“ดีใจที่คุณหึงผมน่ะครับ”

ปวีร์บอกแล้วคลายอ้อมแขนก่อนฉกจูบที่แก้มใส ชนกานต์รีบผลักแล้วยกมือเช็ดแก้มตัวเอง ทำหน้าบึ้งใส่

“อย่ามโนไปหน่อยเลย ใครหึงนายกัน!”

ชนกานต์โวยวาย สองแก้มขึ้นสีแดงจัดลามไปจนถึงใบหู ปวีร์หัวเราะขำพลางโยกตัวหนีถุงเสื้อผ้าของเจ้าตัวเล็กที่ชนกานต์ก้มลงไปหยิบมาเขวี้ยงใส่

“หึงก็ยอมรับสิครับว่าหึง ไม่เห็นต้องปากหนักไปเลย” ปวีร์ยังแหย่ชนกานต์อย่างมีความสุข

ภาพตอนที่ชนกานต์เดินหนีเขาตอนที่อรณีเข้ามาเจ๊าะแจ๊ะยังคงติดตาอยู่ นึกถึงแล้วก็หัวใจพองโตชอบกล

“ฉัน-ไม่-ได้-หึง!”

ชนกานต์เค้นเสียงพูดทีละคำพร้อมถลึงตาใส่แต่ก็ไม่อาจลบรอยยิ้มกริ่มไปจากใบหน้าของปวีร์ได้

“เชื่อดีไหมน้า~~”

“ไม่เชื่อก็ตามใจ! กลับไปได้แล้วไป!”

ชนกานต์ออกปากไล่อีกหน ปวีร์หัวเราะแล้วยอมล่าถอยไปใส่รองเท้าที่หน้าประตู

“กลับก็ได้ครับ ถ้านอนแล้วรู้สึกเหงาอยากมีคนกอดก็โทรตามได้นะครับ ดึกแค่ไหนก็จะบึ่งรถมาหา”

ชนกานต์ทำปากด่าไปให้ปวีร์อ่านก่อนแบมือทวงกุญแจห้องเมื่อนึกขึ้นได้

“เอากุญแจห้องฉันมาด้วย”

“ไม่ล่ะครับ เดี๋ยวคุณไม่ยอมให้ผมเข้าห้องอีก อ่อ..เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมารับนะครับ แขนคุณแบบนี้คงจับรถไม่ได้จริงไหม?”

“ตามใจ!”

ชนกานต์กระแทกเสียง ใบหน้ายังคงบึ้งตึงอยู่ ปวีร์ยิ้มมุมปากแล้วชะโงกมาหอมแก้มอีกฟอด ชนกานต์เงื้อมือจะต่อยแต่ไม่ทันเพราะปวีร์เผ่นไปที่ประตูทันทีหลังจากขโมยหอมแก้มไป

“ไปก่อนนะครับ อย่าลืมนอนฝันถึงผมนะครับ”

ปวีร์ว่าแล้วเปิดประตูห้องออกไป ทิ้งให้ชนกานต์ยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่ถูกขโมยหอมแก้มไปเสียหลายที

“ใครจะนอนฝันถึงนายกันปวีร์!”

ชนกานต์ย่นจมูกใส่ประตูก่อนจะหันกลับเข้ามาในห้อง เห็นเสื้อผ้าเด็กที่หล่นออกจากถุงที่ขว้างใส่ปวีร์แล้วก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงเก็บ มุมปากยกยิ้มเมื่อมองเสื้อของเจ้าตัวเล็กที่ยังอยู่ในท้อง

“อีกไม่นานก็ได้ใส่แล้วเนอะ”

ชนกานต์ลูบท้องตัวเองแผ่วเบา ความผูกพันกับลูกในท้องกำลังเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆโดยที่ไม่รู้ตัว

 

เช้าวันถัดมา ปวีร์มาหาชนกานต์ตั้งแต่ก่อนเจ็ดโมง เปิดประตูเข้าห้องมาได้ก็จัดการเอาถุงโจ๊กไปวางที่โต๊ะก่อนเดินไปทางห้องนอน ปวีร์เปิดประตูเข้าไป เห็นชนกานต์ยังคงนอนอยู่ก็ยิ้มมุมปาก เดินเข้าไปทรุดนั่งลงข้างๆ มองดูใบหน้าของคนหลับอยู่แล้วก็ยังไม่อยากปลุก

“อืมม...” ชนกานต์ครางเบาๆแล้วพลิกตัวตะแคงข้าง มือที่กำเสื้อตัวเล็กโผล่ให้เห็นเพราะผ้าห่มเลื่อนลงไป ปวีร์ตาโตก่อนหัวเราะเบาๆ

“คุณนี่น่ารักจัง” ปวีร์พูดเสียงแผ่ว ก้มลงจูบแก้มคนที่แอบเอาเสื้อของเจ้าตัวเล็กมานอนด้วย

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

“เฮ้ย!”

ชนกานต์ที่งัวเงียพอเห็นหน้าปวีร์อยู่ในระยะประชิดก็ตกใจสะดุ้ง ฟาดมือเข้าใส่แก้มปวีร์ทันที

เพี๊ยะ!

“โอ๊ย!” ปวีร์ร้องแล้วเอามือขึ้นลูบแก้ม สันมือของชนกานต์ฟาดเข้าโหนกแก้มพอดิบพอดี

“เจ็บนะครับ”

“สมน้ำหน้า อยากเข้ามาเงียบๆเองช่วยไม่ได้” ชนกานต์บอก สะใจที่เห็นรอยแดงบนใบหน้าหล่อๆของอีกฝ่าย

“ก็ผมอยากจูบอรุณสวัสดิ์คุณนี่ครับ” ชนกานต์ทำหน้าแหวะใส่

“ทีหลังไม่ต้องเลยนะ แล้วนี่อะไรกัน? ยังไม่เจ็ดโมงเลย”

ชนกานต์หันมองเวลาแล้วก็ทำหน้าบูดใส่ที่คนที่มาปลุกแต่เช้า ปวีร์ยิ้มๆก่อนเดินไปหยิบเอาถุงกันน้ำเข้าเฝือกมา

“จะทำอะไรน่ะ?” ชนกานต์ตวาดใส่ปวีร์ที่ตลบผ้าห่มขึ้น

“ดูก็น่าจะรู้นี่ครับ ผมจะใส่ถุงกันน้ำให้ คุณจะได้ไปอาบน้ำไง”

“ฉันใส่เองได้น่ะ!” ชนกานต์ว่าแล้วเอื้อมมือมาจะดึงถุงในมือของปวีร์ แต่ปวีร์เลื่อนมือหนี

“ผมทำให้ สะดวกกว่านะครับ”

“ชิ!” ชนกานต์สะบัดหน้าใส่ ปวีร์หันไปจัดการสวมถุงกันน้ำให้ ไม่นานก็เสร็จ

“เดินระวังๆนะครับ”

ปวีร์เตือนคนที่ลุกขึ้นจากเตียง ชนกานต์เบ้หน้าก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป ยิ่งนานวันก็ยิ่งเห็นชนกานต์เผลอแสดงอารมณ์เหมือนเด็กต่างจากภาพลักษณ์ปกติที่ชอบทำเก๊กหยิ่ง ปวีร์ยิ้มขำอารมณ์ดี

อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ชนกานต์ก็ได้กลิ่นหอมฉุยมาจากด้านนอก ปวีร์กำลังรินนมใส่แก้วมาวางไว้ให้ ชนกานต์เดินลากขาไปนั่ง

“ทีหลังไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ก็ได้นะ มันน่ารำคาญ”

ชนกานต์บอกตรงๆตามที่รู้สึก คนอื่นอาจมองว่ามันโรแมนติก แต่ไม่ใช่กับเขา การที่ปวีร์เข้ามาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวแบบนี้มันน่ารำคาญสำหรับคนที่รักสันโดษอย่างเขา

“แต่ผมอยากทำให้คุณกับลูกนี่ครับ”

ชนกานต์นิ่งไป มองหน้าคนที่ส่งยิ้มมาให้อย่างไม่เข้าใจนักว่าปวีร์กำลังคิดอะไรอยู่แน่ ระแวงว่าปวีร์กำลังวางแผนอะไรอยู่ ถึงได้มาทำดีใส่กันแบบนี้

“ยังไง...ฉันก็ไม่ไว้ใจนายอยู่ดี แล้วก็ยังเกลียดนายมากด้วย”

“ผมก็ไม่ได้หวังให้คุณมารักมาชอบผมนี่ครับ”

ปวีร์ตอบกลับ เสียงคล้ายไม่แยแส หากแววตากลับมีอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่ แต่ชนกานต์ก็ไม่คิดที่จะใส่ใจ

บางที...คำว่า ‘รัก’ มันคงเป็นเรื่องยาก...

สำหรับพวกเขา ‘สองคน’



-TBC-

สวัสดีค่า ตอนใหม่นี้ดีเลย์หน่อยเพราะเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นซอมบี้เก็บตัวทำเล่มส่งโรงพิมพ์สำหรับวางขายในงานตลาดฟิคไปค่ะ เรื่องคุณปวีร์กับหัวหน้ากานต์นี่เรียกได้ว่าเลยเส้นเดดไลน์ของโรงพิมพ์เลยด้วยซ้ำตอนที่ส่งเข้าไป เกรงใจพี่ที่โรงพิมพ์สุดๆ
วันนี้เสร็จงานแล้วเลยเอาตอนใหม่มาแปะด้วยความคิดถึง และอยากบอกว่า...มันเหลืออีกแค่2ตอนจะจบแล้วล่ะ  :mew1:
คิดแล้วก็แอบเหงาเหมือนกันนะคะถ้าจบไป ยังไงอย่าลืมติดตามอ่านเรื่องอื่นของเขาบ้างนะ  :impress2:

ป.ล.ใครไปงานตลาดฟิค แวะมาทักทายกันบ้างนะคะ  :man1:

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
เห้ออออ ถ้าไม่มีลูกบอกเลยว่ายากที่จะรักกัน

สายใยที่ก่อตัวขึ้นเพราะคำว่สลูกแท้ๆ

ออฟไลน์ Eliz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
หัวหน้ากานต์น่ารักมากเลย ดูท่าจะรักลูกมากนะนั่น เหลือแต่คนพ่อละ ว่าจะได้ใจไปหรือเปล่า  o18


ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
กรี๊ด อิจฉา หนุงหนิงน่ารักกันตามประสาพ่อแม่ลูก(ในท้อง)

ปวีร์ทำตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีมากกกกกกกกกกกกก

เดี๋ยวไม่นานชนกานต์ก็คงใจอ่อนเนอะๆ

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
อีกแค่สองตอนก็จบแล้ว  เราจะมีโอกาสได้เห็นเจ้าตัวน้อยอยู่ใช่ไหม?

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด