ตอนพิเศษ ปฏิบัติการณ์รักต้องแต่งงานเรื่องของความรักมันไม่เข้าใครออกใครฉันใด..
เรื่องของความหึง...มันก็ไม่เข้าใครออกใครฉันนั้น..
“ใครหึง?”
น้ำเสียงติดจะเย็นชากับสายตามองที่บ่งบอกว่ามันไร้สาระมากแค่ไหนถูกส่งมาจากคนกำลังอารมณ์เสีย ปวีร์อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ก็คุณไงครับ”
ฟิ้ววว!
ปวีร์ก้มหัวหลบกล่องซีดีแผ่นบางที่ถูกร่อนมาใส่กันอย่างกับมันเป็นฟริสบี้ ชนกานต์ที่ขึงตาใส่กอดอกแล้วเชิดหน้าบอกเสียงดังฟังชัด
“ทำไมฉันต้องไปหึงคนอย่างนายกันด้วย!”
“แอบหลงรักผมแล้ว..ก็บอกมาเถอะครับ ผมไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าคุณจะหึงผมน่ะ” ปวีร์บอกก่อนเดินเข้ามาจะกอดร่างบางไว้ในอ้อมแขนแต่ชนกานต์ทำหน้ายี้ใส่แล้วเดินถอยหลังหนี
“อย่ามาหลงตัวเอง ใครจะรักคนอย่างนายได้ลงกัน!”
ชนกานต์กระแทกเสียงบอก แต่แก้มใสขึ้นสีแดงจัด ปวีร์ยักไหล่ก่อนเอื้อมมือไปดึงแขนชนกานต์ที่จะเดินหนีให้หยุดแล้วขยับเข้าไปใกล้
“แล้วคุณโมโหผมเรื่องอะไรล่ะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณกำลังหึงอยู่?”
ถูกปวีร์ย้อนถามแบบนี้ก็ทำเอาชนกานต์ต้องเม้มริมฝีปาก
เรื่องที่โกรธปวีร์น่ะหรอ?
ก็เพราะแม่สาวอรณีคู่ขาเก่าของปวีร์ขอย้ายกลับมาทำงานที่แผนกสองแล้วน่ะสิ
และไม่ใช่แค่ย้ายมาเท่านั้น
เจ้าหล่อนเล่นทำเหมือนกับจะมาทวงตำแหน่งคู่ขาของปวีร์อีกด้วยต่างหาก แถมปวีร์ยังทำหน้าใหญ่พาเจ้าหล่อนกับลูกทีมไปเลี้ยงอาหารกลางวันกันอีก
เห็นแล้วมันก็หมั่นไส้!
โดยเฉพาะภาพที่ปวีร์ยอมให้เจ้าหล่อนกอดแขนกลับเข้ามาในออฟฟิศน่ะ บอกเลยว่าเห็นแล้วมันหงุดหงิด!
“ว่าไงครับ?” ปวีร์ถามย้ำด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“โอ้ย! น่ารำคาญจริง!” ชนกานต์กระแทกเสียงใส่ก่อนสะบัดมือหนี
“คุณหึงที่ออยกลับมาทำงานที่แผนกผมใช่หรือเปล่า?”
“อย่ามาสำคัญตัวหน่อยเลย ฉันไม่คิดจะหึงนายกับแม่คนนั้นหรอกนะ แล้วนี่ก็ดึกแล้ว กลับไปได้แล้วไป!”
ชนกานต์เอ่ยปากไล่ แล้วเดินตัดหน้าจะผ่านไปเข้าห้องนอน ปวีร์อ้าแขนรวบตัวเข้ามากอดก็ดิ้นขลุกขลัก
“ถ้าคุณไม่ชอบก็บอกสิครับ ผมกับออยก็แค่เคยมีอะไรกันครั้งเดียวในห้องเอกสารที่คุณเห็นตอนนั้น แล้วก็... ผมใช้เธอเป็นตัวแทนของคุณด้วยนะ”
ปวีร์พูดสารภาพที่ข้างหูของคนที่ดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนพลางแต้มจูบที่แก้มและคางไปด้วย
ชนกานต์หยุดกึกทันทีที่ได้ยินประโยคท้าย
“นายนี่มันน่าขยะแขยงชะมัด” ชนกานต์ชักสีหน้าตามคำพูด ปวีร์หัวเราะในลำคอ
“จะถือว่าเป็นคำชมนะครับ ตอนนี้ผมมีแค่คุณกับลูกเท่านั้น..” มือเลื่อนไปกอดตรงช่วงท้อง ชนกานต์มองสบตาแล้วเบือนหน้าหนี
“แต่ก็ยังไปทำตัวให้ความหวังกับคนอื่น” ปวีร์กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินชนกานต์หลุดปากเช่นนั้น
“นั่นแน่ะ ยอมรับสินะครับว่าคุณหึง”
“ใช่! หึงแล้วทำไม!! แต่อย่ามาโมเมว่าฉันรักคนอย่างนายนะ!”
ชนกานต์ขึ้นเสียงใส่ เอาศอกดันอกปวีร์ให้ออกห่างอีกรอบ ปวีร์กอดแน่นขึ้นกว่าเดิม
“อย่าปากแข็งเลยครับ รักก็บอกว่ารักสิครับ”
“ฉัน-ไม่-อ้ะ!!”
ชนกานต์ร้องเสียงหลงเพราะมัวแต่ผลักปวีร์ ยื้อกันไปยื้อกันมา ขาก็เลยสะดุดโต๊ะกาแฟจะหงายหลังล้มไป ปวีร์คว้าเอวไว้แล้วเอามือยันไปข้างหลังด้วยสัญชาตญาณ ทั้งเขากับชนกานต์ล้มลงไปที่โซฟา แข้งกระแทกถูกมุมโต๊ะกาแฟจนเจ็บแปลบ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?” ปวีร์รีบถามอย่างเป็นห่วง ยันกายขึ้นมาสำรวจดูว่าชนกานต์เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า
“ไม่..ไม่เป็นไร” ชนกานต์บอกแล้วปัดมือที่คลำสำรวจขาตัวเอง
“เจ็บท้อง เจ็บสะโพกหรือเปล่า?”
“ไม่” ชนกานต์ส่ายหน้า ไม่รู้สึกเจ็บเพราะปวีร์รั้งเอวรับไว้ได้ทันจึงไม่ได้ล้มกระแทกลงมา
ปวีร์ถอนหายใจอย่างโล่งอก ยกมือขึ้นเกลี่ยปรอยผมของชนกานต์ก่อนซบหน้าลงมาแนบหน้าผาก
“ใจหายหมดเลย..” เสียงบ่งบอกความห่วงใยทำเอาความหึงและหงุดหงิดละลายไป ใจเต้นแรงขึ้นกับอ้อมแขนที่สวมกอด
“ทำเว่อร์ไปได้ ไม่ได้ล้มกระแทกพื้นซะหน่อย”
ชนกานต์รีบพูดแล้วดันปวีร์ออกห่าง กลบเกลื่อนความหวั่นไหวในใจ ปวีร์ยอมคลายกอดแต่แนบจูบลงกับหน้าผากแผ่วเบานุ่มนวลจนคนปากแข็งใจสั่นกว่าเดิม
“ถ้าคุณไม่อยากให้ผมทำงานกับอรณีก็บอกนะครับ ผมจะได้จัดการตามที่คุณต้องการ”
ชนกานต์กลอกตาไปมาก่อนส่ายหน้า
“ช่างเถอะ เพิ่งย้ายมาจะให้ย้ายอีกเพราะเหตุผลแบบนี้มันน่าเกลียด ต่อไปก็อย่ามาทำจี๋จ๋าให้ฉันเห็น เห็นแล้วมันรำคาญตา”
ปวีร์ยิ้มแล้วทรุดนั่งลงข้างๆ โอบชนกานต์ให้หันมาหาตัวเอง ก่อนจับมือบางขึ้นมาจูบ
“ตามบัญชาเพื่อสุดที่รักของผมครับ”
ชนกานต์ยิ้มหวานกลับทำเอาปวีร์ตาค้าง ก่อนรอยยิ้มหวานจะเปลี่ยนเป็นหน้านิ่งๆที่มาพร้อมกับแรงมือที่ตบลงข้างแก้มด้วยความรวดเร็ว
“เลี่ยน!” ชนกานต์ทำหน้ายี้ใส่ก่อนผลักอกปวีร์ออกห่างแล้วลุกขึ้นเดินเข้าห้อง
“จะอาบน้ำหรือครับ?” ปวีร์ที่เดินยิ้มลูบแก้มตามเข้ามาเอ่ยถาม
“ใช่ แล้วทำไม?”
ชนกานต์ที่กำลังจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเลิกคิ้วถาม ปวีร์รีบเข้ามาประชิดแล้วเอื้อมมือสอดไปด้านหน้า จัดการปลดกระดุมอย่างรวดเร็ว
“ผมอาบให้นะ”
“ก็ตามใจ” ชนกานต์ยักไหล่แล้วปล่อยให้ปวีร์ทำตามที่ต้องการ
สิบห้านาทีหลังจากนั้น ถึงจะทำท่าไม่พอใจเท่าไหร่แต่ชนกานต์ก็ยอมที่จะลงไปนั่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำกับปวีร์
“รู้สึกสบายหรือเปล่าครับ?” เสียงทุ้มถามจากทางด้านหลัง มืออุ่นบีบนวดบริเวณบ่าให้แล้วขยับมานวดตรงฐานคอ
“ก็ดี”
ความเมื่อยล้าจากการนั่งทำงานถูกคลายลงไปได้ด้วยแรงนวด
ปวีร์นวดให้สักพักก็เปลี่ยนมาสวมกอดไว้ ชนกานต์เอาศอกยันอกกว้างไว้แต่ก็ยอมให้ปวีร์กอด มือของปวีร์เลื่อนไปลูบแผ่นท้องที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยอย่างอ่อนโยนจนชนกานต์สัมผัสได้ว่าปวีร์รักเจ้าตัวเล็กมากแค่ไหน
“ท้องใหญ่ขึ้นแล้วนะครับ”
“อืม” ชนกานต์ยกมือขึ้นทาบท้องตัวเองบ้าง ร่างกายของเขาเริ่มแสดงให้เห็นว่ามีอีกหนึ่งชีวิตกำลังอาศัยอยู่
ปวีร์เม้มปาก มีบางอย่างที่อยากจะพูดออกไป มือเลื่อนมาจับมือบางที่วางทาบบนท้องเอาไว้ ชนกานต์กระตุกมือจะหนีแต่ชะงักเพราะปวีร์พูดแทรกขึ้นมา
“เรา..แต่งงานกันดีไหมครับ”
ชนกานต์หันมาทำหน้าเหมือนถูกผีหลอกใส่ก่อนเก๊กหน้าทำคล้ายว่าได้ยินอะไรที่เหลวไหลไม่ได้ความ
“ใครเขาอยากจะแต่งงานกับนายกัน”
ปวีร์หัวเราะในลำคอเพราะคาดไม่ผิดว่าจะต้องเจอคำพูดเช่นนี้ เขาขยับเอาคางมาเกยไหล่ชนกานต์
“แต่งงานกันเถอะครับ เริ่มแรกผมทำผิดกับคุณไว้มาก ผมอยากแก้ไขมัน..ก่อนที่เจ้าตัวเล็กของเราจะลืมตาดูโลกใบนี้”
“ถ้ากลัวว่าลูกมันจะรู้ว่าเกิดมาได้ยังไงจนต้องสร้างภาพขนาดนั้นล่ะก็ ไม่จำเป็น! ฉันไม่ใจร้ายพอที่จะทำร้ายจิตใจลูกด้วยการบอกว่าแม่มันถูกลาก..อุ้บ!”
ริมฝีปากที่กำลังพูดอย่างมีอารมณ์เงียบเสียงไปเพราะถูกปิดด้วยริมฝีปากอุ่นที่ทาบลงมาจูบ ชนกานต์ผลักปวีร์ออกแต่ก็ถูกไล่จูบจนหอบแฮ่ก สองแก้มแดงปลั่ง สะท้านวูบในอก ปวีร์ดูดเรียวปากนุ่มเบาๆ คลอเคลียรั้งท้าย..
“แล้วถ้าผมบอกว่าที่ผมขอคุณแต่งงานก็เพราะอยากผูกมัดคุณล่ะครับ.. ผมอยากผูกมัดคุณไว้ให้เป็นของผมตลอดไป อยากให้คุณเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผม อยากให้เราได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันจนถึงวันที่ตายจากกัน แบบนี้คุณจะยอมรับคำขอแต่งงานของผมไหม?”
ชนกานต์มองแววตาลึกซึ้งของคนที่เอ่ยคำขอแต่งงานออกมาก่อนเบือนหน้าหนี
“แต่งงานกับนาย..ก็ได้เป็นขี้ปากไปทั้งบริษัทแน่”
ชนกานต์พึมพำ แค่นึกถึงก็รู้สึกวุ่นวายใจพอๆกับตอนรู้ว่าจะต้องถูกนินทาเมื่อทุกคนรู้ว่าเขาท้องโดยไม่แต่งงานเสียแล้ว
ปวีร์หัวเราะเบาๆ เข้าใจว่าคนอย่างชนกานต์กลัวเป็นขี้ปากชาวบ้านมากแค่ไหน เพราะถ้าข่าวการแต่งงานของเขากับชนกานต์หลุดออกไป คงเป็นข่าวครึกโครมในบริษัทแน่ๆ เพราะใครๆก็รู้ว่าชนกานต์กับเขาไม่ถูกกัน ถึงช่วงหลังๆมานี่ เขากับชนกานต์จะอยู่ด้วยกันในบริษัทบ่อยขึ้นก็ตามที
“ผมไม่เร่งรัดคุณหรอกนะครับ คุณพร้อมเมื่อไหร่เราค่อยแต่งก็ได้ แต่ก่อนที่เจ้าตัวเล็กคลอดหน่อยก็ดีนะครับ”
“ไว้จะคิดดูก็แล้วกัน”
ชนกานต์ตัดบทแล้วยกมือจับขอบอ่างพยุงกายลุกขึ้น ปวีร์มองตามแผ่นหลังบางของคนที่เดินไปอาบน้ำตรงฝักบัวแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เพราะชนกานต์ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่แต่งกับเขา
วันรุ่งขึ้นชนกานต์อารมณ์ดีจนคนทั้งแผนกรู้สึกได้ ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มนิดๆกอปรกับผมที่เซ็ตให้ปรกหน้าผากลงมาซึ่งต่างจากปกติทำเอาลูกน้องทั้งชายและหญิงของชนกานต์อดไม่ได้ที่จะแอบมองกันเป็นระยะ
“มีอะไรดีๆหรอคะหัวหน้า?” ชนกานต์เลิกคิ้วแล้วส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่ตัวอย่างสินค้าส่งมาหรือยัง?” ชนกานต์ถามหาตัวอย่างสินค้าที่น่าจะมาส่งวันนี้แทนแก้เขิน
“อยู่ที่หัวหน้าวีร์ค่ะ พอดีเมื่อกี้หัวหน้าวีร์แวะมาตอนที่หัวหน้าไปหาหัวหน้าแผนก เลยขอเอาไปดูก่อนน่ะค่ะ ให้ไปเอามาให้ไหมคะ?”
คนตอบทำหน้าเจื่อนเล็กๆ กลัวจะถูกหัวหน้ากานต์จอมดุว่าเอา แต่กลับผิดคาดเพราะชนกานต์ส่งยิ้มให้เธอแทน
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปเอาเอง”
คำตอบของชนกานต์ยิ่งทำให้พวกลูกน้องประหลาดใจมากกว่าเดิม ถึงกับต้องมองตามชนกานต์ที่เดินออกจากห้องไปจนเหลียวหลัง
ชนกานต์ที่อารมณ์ดีเดินไปยังห้องโปรเจคสอง ระหว่างทางที่เดินไปก็นึกขำที่อยู่ดีๆก็นึกอยากเดินมาหาปวีร์เองแบบนี้
แค่คำขอแต่งงาน...
มันมีอิทธิพลมากขนาดนี้เลยหรอ?
ถึงแม้จะไม่อยากกลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน แต่ก็ต้องยอมรับว่าคำขอแต่งงานจากปวีร์มันเหมือนสิ่งที่เปิดใจเขาให้รับปวีร์เข้ามาอีกนิด
“ปวีร์ล่ะ?”
ชนกานต์เอ่ยถามลูกน้องของปวีร์เมื่อไม่เห็นคนที่ตัวเองอุตส่าห์เดินมาหาไม่ได้นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ
“หัวหน้าไปเอาเอกสารที่ห้องเอกสารครับ”
“งั้นหรอ ขอบใจนะ” ชนกานต์บอกก่อนจะเดินออกจากห้องเอกสารแล้วเดินไปหาปวีร์ที่ห้องเก็บเอกสาร
ในเวลาเดียวกันที่ห้องเก็บเอกสาร ปวีร์กำลังเผชิญหน้ากับอรณีที่เดินตามเขามา ปวีร์พยายามทำไม่สนใจเธอและเดินไปหาเอกสารที่เก็บอยู่ตรงชั้นในแถวที่สาม อรณีเดินตามมากอดแขนและจงใจเบียดหน้าอกของเธอเข้ากับแขนของปวีร์อย่างทอดสะพาน
“หัวหน้าคะ...เรามาระลึกความหลังกันหน่อยดีไหมคะ?”
นิ้วของเธอไล้ไปตามบ่าของปวีร์พร้อมกับชม้ายตาให้อย่างมีจริต ปวีร์ดึงมือของเธอออกจากไหล่แล้วขยับตัวออกห่าง
“งานที่ผมสั่งคุณไป คุณทำเสร็จแล้วหรือ?”
ปวีร์ทำเสียงให้นิ่งเรียบเพื่อเพิ่มระดับความเหินห่าง แต่หญิงสาวกลับไม่สนใจ
“เดี๋ยวค่อยกลับไปทำก็ยังทันนี่คะ มันไม่ใช่งานรีบอะไรไม่ใช่หรอ?” อรณีย้อนถามกลับแล้วเอื้อมมือมากรีดกระดุมเสื้อเชิ้ตของปวีร์เล่น
“ขอโทษนะ แต่ผมคงทำเรื่องแบบนั้นกับคุณอีกไม่ได้แล้ว”
ปวีร์บอกเสียงหนักแน่นแล้วผลักเธอออกแต่อรณีไม่ยอมถอย เธอสอดแขนกอดเอวแล้วเอียงหน้าซบอกปวีร์ไว้
“ทำไมล่ะคะ? หรือหัวหน้าไม่มีอารมณ์? ไม่เป็นไรนะคะ ออยช่วยได้”
พูดอย่างเดียวไม่พอ หญิงสาวยังเอื้อมมือจะมาปล้ำถอดกางเกงอีก
ปวีร์ดึงมือเธอออกเป็นพัลวัน
“อย่า! ผมกำลังจะแต่งงาน ผมถึงไม่อยากทำแบบนี้กับคุณ! ผมไม่อยากทรยศคนที่ผมรัก บอกแค่นี้คุณเข้าใจไหม?” ปวีร์ปรามเธอเสียงเข้ม แววตาจริงจังบอกให้รู้ว่าไม่ได้ล้อเล่น
“หะ หัวหน้าจะแต่งงาน? ล้อเล่นใช่ไหมคะ?”
“ผมพูดเรื่องจริง”
ปวีร์บอกแล้วขยับเสื้อสูทให้เข้าที่ ฉวยแฟ้มเอกสารที่ต้องการใช้มาถือและจะเดินออกนอกห้องไป แต่อรณีดึงแขนเอาไว้ ยื้อให้หันกลับมาหา
“แล้วเรื่องของเราล่ะคะ? หัวหน้าจะรับผิดชอบยังไง?”
ปวีร์เลิกคิ้วแล้วมองหน้าเธอ
“ขอโทษนะ แต่คนที่ใช้ร่างกายตัวเองแลกกับสิ่งที่ต้องการอย่างคุณ ผมเองก็ไม่รู้ว่ามีอะไรต้องให้รับผิดชอบด้วย ก่อนหน้าที่คุณจะย้ายกลับมาโปรเจคผม คุณก็ไปนอนกับหัวหน้าฝ่ายเพื่อขอให้รับคุณเป็นพนักงานประจำไม่ใช่หรือยังไง?”
ปวีร์พูดใส่อย่างไม่ไว้หน้า เพราะได้ยินมาเช่นนั้น พวงแก้มใสขึ้นสีแดงจัดแต่ก่อนที่เจ้าหล่อนจะโต้กลับอะไรมา ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา ทั้งปวีร์และอรณีก็หันไปมองพร้อมกัน
“คุณกานต์!?”
ชนกานต์ที่มีรอยยิ้มประดับไว้บนใบหน้าถึงกับชะงัก รอยยิ้มไหลเลื่อนไปทันทีและแทนที่ด้วยความบึ้งตึงที่เห็นอรณีอยู่กับปวีร์ในสภาพแนบชิด
“ฮึ! ยังคงไม่เปลี่ยนเลยนะหัวหน้าปวีร์” ชนกานต์ข่มเสียงต่ำพูดออกไป ใจนึกผิดหวังในตัวปวีร์
“เดี๋ยวสิ! คุณต้องฟังผมก่อนนะ”
ปวีร์รีบพูดแล้วพยายามแกะอรณีที่เกาะติดตัวเองออก ชนกานต์เหยียดยิ้มแล้วมองปวีร์อย่างเย็นชา
“จะต้องฟังอะไรอีก ก็เห็นอยู่ชัดๆ”
ระหว่างนั้นอรณีก็กลอกตามองทั้งคู่อย่างนึกสงสัย เห็นท่าทางแบบนี้แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าปวีร์อาจจะกำลังตามจีบชนกานต์อยู่ จึงได้ตัดสัมพันธ์กับเธอเช่นนี้ อรณีคิดอย่างนั้นแล้วก็รีบกอดแขนปวีร์ไว้ทันที
“ใช่ค่ะ..ก็เห็นชัดๆอยู่แล้วว่าหัวหน้าวีร์กับออยเป็นอะไรกัน”
“พูดอะไรน่ะ!”
ปวีร์หันไปตะคอกใส่แล้วแกะมือที่กอดออก ชนกานต์เหยียดยิ้มมุมปาก มองหญิงสาวอย่างนึกสมเพชใจที่มาทำท่าเช่นนี้
“คุณหยุดทำแบบนี้เถอะ! ยิ่งคุณทำแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้ผมขยะแขยงคุณนะ!”
ปวีร์พูดใส่หน้าหญิงสาวอีกครั้ง อรณีทำหน้าเหวอไปเพราะไม่คิดว่าปวีร์จะกล้าพูดเช่นนี้
“หัวหน้า!”
“คุณกลับไปทำงานได้แล้ว” ปวีร์ตัดบทกับเธอเพราะอยากจะคุยกับชนกานต์ตามลำพัง
“ไม่ค่ะ!” อรณีสวนกลับทันควัน ปวีร์ตีสีหน้าหน่ายใจอย่างเห็นได้ชัด ชนกานต์มองปวีร์อย่างนึกโมโห แต่ก่อนที่จะมีคนพูดอะไรต่อ มือถือของปวีร์ก็เสียงดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน
“รับสิ” ชนกานต์บอกด้วยเสียงนิ่งเรียบ ปวีร์เลยยอมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ
“ครับ?...ตัวอย่างมาแล้วครับ อยู่ที่ผม อยากจะดูใช่ไหมครับ?”
ระหว่างที่ปวีร์คุยโทรศัพท์อยู่ อรณีกับชนกานต์ก็หันมามองหน้ากันด้วยสายตาประหัตถ์ประหาร ปวีร์ที่เห็นสายตาเชือดเฉือนนั้นก็เย็นสันหลังวาบ พยายามดึงมือออกจากการกอดของอรณี
“เดี๋ยวผมจะเอาเข้าไปให้ก็แล้วกันนะครับ”
ปวีร์ตอบปลายสายไปเช่นนั้นก่อนจะกดวางสายแล้วหันมามองอรณี เอ่ยเสียงสั่งเฉียบขาด
“ผมขอสั่งอีกครั้งให้คุณกลับไปทำงานต่อได้แล้ว”
“ฮึ? ทำไมคะ? ดูเหมือนหัวหน้าอยากจะไล่ออยให้ออกไปจังเลยนะคะ มีอะไรอยากจะคุยกับหัวหน้ากานต์มากนักหรือไงกัน!?”
อรณีกระชากเสียงใส่ ทำท่าไม่พอใจจนดูเหมือนนางร้ายในละคร
“ใช่! ผมมีเรื่องที่อยากจะคุยกับหัวหน้ากานต์ คุณรู้แบบนี้แล้วจะออกไปได้หรือยัง!”
อรณีทำท่าโกรธจัดที่ได้ยินปวีร์ยอมรับเช่นนั้น
“แต่ฉันไม่ได้อยากคุยกับนาย หัวหน้าอยากดูตัวอย่างสินค้าไม่ใช่หรือไงกัน? รีบเอาไปให้ดูสิ”
ชนกานต์ใช้สายตาสื่อว่าปวีร์ต่างหากที่ควรจะเป็นคนออกไป
ปวีร์ยังคงยืนนิ่งไม่ไปไหน ชนกานต์เลยเลือกที่จะเดินออกมาเอง ปวีร์รีบตามทันทีแม้จะมีอรณีลากแขนไว้ก็ตามที
“เดี๋ยวสิ!”
“เอาตัวอย่างไปให้หัวหน้าดูซะ แล้วก็กลับไปจัดการกับงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จภายในวันนี้ด้วยล่ะ!” ชนกานต์สั่งเสียงเด็ดขาดแล้วเดินหนีไปอย่างไม่สนใจใยดีอะไรปวีร์กับแม่สาวคนนั้นอีก
ในใจนึกหงุดหงิดจนไม่อยากมองหน้าปวีร์อีก
“หัวหน้าคะ..”
อรณีเรียกร้องความสนใจจากปวีร์ แต่ปวีร์ก็ยังคงไม่สนใจเธอ เขามองอดีตคู่ขาที่เคยมีอะไรกันเพียงครั้งเดียวอย่างเหนื่อยหน่าย
“กลับไปทำงานได้แล้ว”
ปวีร์บอกย้ำอีกครั้งแล้วเดินหนีเธอไปอีกคน อรณีทำท่าหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างหงุดหงิดใจ นึกหมายมั่นว่าจะต้องทำให้ชนกานต์มองปวีร์ในแง่ลบเพื่อจะได้ตัดคู่แข่งที่จะมาแย่งปวีร์ทิ้งไป
ชนกานต์เดินกลับเข้าออฟฟิศอีกครั้งด้วยใบหน้าที่แตกต่างจากตอนขาไป พาเอาลูกน้องถึงกับงุนงงแต่ก็ไม่กล้ามีใครถาม ชนกานต์เข้ามานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองและเริ่มต้นทำงานด้วยอารมณ์หงุดหงิด สายตาคอยมองออกไปนอกห้องอยู่เป็นระยะ พอเห็นปวีร์เดินผ่านไปโดยหันมองเข้ามาก็สะบัดหน้าเชิดใส่
ถึงเวลาพักกลางวัน ชนกานต์ก็ยังคงนั่งทำงานโดยไม่ขยับไปไหนและปฏิเสธทุกคนที่ชวนให้ไปทานข้าวรวมถึงปวีร์ที่เดินมาหาที่ห้อง
“ห่วงลูกบ้างสิ” ชนกานต์เม้มริมฝีปาก ขึงตาดุมองปวีร์อย่างไม่พอใจ
“ก็อย่ามาเสนอหน้าให้หงุดหงิดสิ”
ชนกานต์บอกอย่างใจร้ายแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ปวีร์ถอนหายใจก่อนลุกขึ้น ตัดสินใจจะลงไปซื้อข้าวกล่องมาให้ชนกานต์แทน
คล้อยหลังปวีร์เดินออกไปสักพักก็มีเสียงประตูเปิดเข้ามา ชนกานต์ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองว่าใครเข้ามา แต่คนที่เข้ามาใหม่ก็เดินมาหยุดยืนที่อีกฝั่งของโต๊ะ ชนกานต์ทำไม่สนใจแล้วก้มหน้าก้มตาทำงาน
“ฉันมีเรื่องจะมาเตือนหัวหน้าค่ะ” อรณีเอ่ยโพล่งออกมาหลังจากยืนคอยแล้วชนกานต์ไม่ให้ความสนใจกับเธอ
แต่ชนกานต์ก็ยังนั่งทำงานต่อเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด
“หัวหน้า! ฟังฉันพูดอยู่หรือเปล่าคะ!?” อรณีขึ้นเสียงใส่อย่างไม่พอใจที่เห็นชนกานต์นั่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน
“แล้วทำไมฉันต้องฟังเธอด้วยล่ะ?” ชนกานต์ย้อนถามเสียงนิ่ง แววตาที่มองทำเอาอรณีเสียวสันหลังวูบแต่ก็เชิดหน้าใส่
“ก็ฉันจะมาเตือนหัวหน้าไว้ด้วยความหวังดีน่ะสิคะ”
ชนกานต์กระแทกลมหายใจก่อนลุกขึ้นเดินหนีออกจากห้องไป อรณีรีบตามติดมาทันที
“ออยกลัวหัวหน้าเสียใจนะคะเลยจะมาเตือนด้วยความหวังดี ไม่รักกันจริงไม่พูดหรอกนะคะ”
หญิงสาวเดินตามออกมาพูดข้างหู ชนกานต์ทำไม่ใส่ใจแล้วหยอดเหรียญใส่ตู้ นิ้วจะกดเลือกกาแฟกระป๋องแต่นึกถึงเจ้าตัวเล็กขึ้นมาได้จึงเลื่อนมือไปกดน้ำผลไม้แทน
“หัวหน้าคิดว่าหัวหน้าวีร์จะจริงจังกับหัวหน้าหรอคะ?”
ปึ่ก!!
คำถามที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกระป๋องน้ำผลไม้ที่กลิ้งลงมาตรงช่องรับของ เส้นประสาทของชนกานต์เหมือนถูกกระตุก แต่ก็พยายามทำไม่สนใจและก้มลงหยิบกระป๋องน้ำผลไม้ขึ้นมา
“หัวหน้าวีร์กับฉัน..เรารักกันมากนะคะ คบกันมาก็หลายเดือนแล้ว ความสัมพันธ์ของเราเป็นยังไง หัวหน้าก็เห็นด้วยตามาแล้วไม่ใช่หรอคะ”
“แล้วไง? มาบอกฉันทำไม?” ชนกานต์ถามเสียงเย็น แต่ในใจเดือดปุด
“ฉันก็แค่อยากมาเตือนไว้ ไม่อยากให้หัวหน้าต้องเสียใจน่ะค่ะ แหม..หัวหน้าก็น่าจะทราบนะคะว่าหัวหน้าวีร์เจ้าชู้มากแค่ไหน”
“แล้วทำไมเธอไม่เตือนตัวเองบ้างล่ะ ก็รู้ว่าเขาเจ้าชู้นี่”
อรณีชะงักเมื่อถูกย้อนเช่นนั้นก่อนที่เธอจะรีบปรับสีหน้า
“ก็หัวหน้าวีร์เขาบอกว่าออยเป็นตัวจริงนี่คะ แล้วเราก็ตกลงจะแต่งงานกันแล้วด้วย” เธอบอกพร้อมกับสยายผมเชิดหน้า ชนกานต์สูดลมหายใจลึกคุมอารมณ์เดือดของตัวเอง
“อย่างนั้นหรอ ดีใจด้วยนะ แล้วจะแต่งกันเมื่อไหร่ล่ะ?”
ชนกานต์ย้อนถามไปคล้ายไม่แยแส ทว่ากำหมัดแน่นนึกอยากหักคอปวีร์ให้ตายคามือไปเลย
“ก็ยังไม่ได้กำหนดวันหรอกค่ะ จริงๆถ้าไม่ติดเรื่องความเจ้าชู้ของหัวหน้าวีร์ อรณีก็ยังไม่คิดอยากแต่งหรอกนะคะ แค่ได้อยู่ด้วยกันทุกคืนแบบนี้ ออยก็พอใจแล้วล่ะค่ะ”
หญิงสาวปั้นเรื่องใส่ชนกานต์ด้วยท่าทางอินเลิฟสุดๆ และคิดว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้ชนกานต์เชื่อได้โดยไม่รู้ว่ายิ่งพูดจะยิ่งเป็นการขุดหลุมฝังกลบตัวเอง
“อยู่ด้วยกันทุกคืน? เธออยู่กับหัวหน้าวีร์หรอ?”
“ใช่ค่ะ หัวหน้าวีร์เขาขอให้ออยย้ายไปอยู่กับเขามาสองสามเดือนแล้วล่ะค่ะ”
อรณียังคงโกหกหน้าระรื่น ชนกานต์เหยียดยิ้มมองเธออย่างสมเพช
“อย่างงั้นหรอ...แต่แปลกจังนะ ฉันรู้มาว่าสามเดือนก่อนคนที่อยู่ที่คอนโดของปวีร์ไม่ใช่เธอนี่น่า แล้วก็ช่วงเดือนที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้อยู่ที่คอนโดของเขาด้วย”
อรณีหน้าเจื่อนเล็กน้อยก่อนตีสีหน้าเชิดใส่ชนกานต์
“หัวหน้าจะหาว่าออยโกหกอย่างนั้นหรอคะ!? ออยพูดความจริงนะคะ!”
ชนกานต์เหยียดยิ้มแล้วยกมือกอดอก
“หยุดโกหกได้แล้วล่ะ ตอนแรกฉันเกือบจะเชื่อเธอแล้วนะนี่ แต่เผอิญเรื่องที่เธอพูดมาเธอคงไม่ได้รู้จริงน่ะ ฉันน่ะรู้จริงกว่าเธออีกนะ ปวีร์น่ะ..กำลังจะแต่งงานกับคนในแผนกเรานี่แหละ แน่นอนว่าไม่ใช่เธอหรอกนะ”
ชนกานต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนผู้ใหญ่สอนเด็ก ใจนึกขำจนอยากหัวเราะ
“ไม่จริง! ใครกันคะ! มันเป็นใครกัน!”
อรณีทำท่าจะเต้นเร้าๆอย่างไม่พอใจ ชนกานต์ยกน้ำผลไม้ขึ้นจิบอย่างใจเย็นเป็นการแกล้งคนที่ทำท่าเหมือนจะอกแตกตายทางอ้อม
“เอ๋..อันนี้ก็ไม่รู้สินะ ฉันว่า..คงต้องรอดูชื่อในการ์ดแล้วล่ะ”
ชนกานต์บอกก่อนโยนกระป๋องข้ามเธอไปลงถังแล้วเดินกลับเข้าออฟฟิศไปอย่างอารมณ์ดี นึกขอบคุณที่เธอหลุดปากพูดออกมาให้เขาจับได้เองว่าโกหก
อย่างนี้แหละนะที่เขาเรียกว่าปลาหมอตายเพราะปาก
ถ้าเธอไม่ได้ย้ายไปแผนกอื่นในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาก็คงสังเกตได้ว่าปวีร์เทียวไล้เทียวขื่อเขาอยู่
แต่ก็น่าแปลกเพราะทีเรื่องเขาเกือบถูกโรคจิตปล้ำดันรู้
ชนกานต์นึกแล้วก็ขำ ก่อนจะหยุดหน้าประตูออฟฟิศเพราะเห็นปวีร์ออกมาจากลิฟต์พอดีจึงหยุดยืนรอ
“ผมซื้อข้าวกับน้ำผลไม้มาให้คุณ” ชนกานต์เผลอหลุดยิ้มพอได้ยินแบบนั้นก่อนจะแกล้งเก๊กขรึมใส่
“ทำไมถุงมันใหญ่แบบนี้?”
“มีของผมด้วยน่ะ”
ปวีร์บอก ลังเลเล็กน้อยก่อนล้วงมือไปหยิบข้าวออกมากล่องหนึ่งด้วยท่าทางของคนคอตก
“เดี๋ยวผมกลับไปกินที่ห้องก็ได้ ถ้าคุณไม่อยากเห็นหน้าผม”
ชนกานต์แอบขำแล้วดึงข้าวกล่องที่ปวีร์ล้วงออกมากับถุงมาถือไว้เองแล้วเดินเข้าออฟฟิศไป ทิ้งให้ปวีร์ยืนงง
“มากินเร็วสิ! เดี๋ยวก็หมดเวลาพักกันพอดี”
“เอ่อ..ครับ”
ปวีร์เดินตามเข้าไป งงๆเล็กน้อยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ตนลงไปซื้อของ แต่พอเข้าห้องไปก็ถูกชนกานต์ดึงแขนให้เข้ามาหาตัวเอง
“สัญญาไหมว่าจะไม่เจ้าชู้ใส่ใครที่ไหน ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย กระเทยหรือทอมก็ห้ามชายตามอง”
“เอ๋?” ปวีร์ถึงกับงงหนักมากขึ้นที่ถูกถามเช่นนี้
“ตอบมาสิ!”
“ครับ สายตาของผมจะมองเพียงคุณกับลูกเท่านั้น”
ปวีร์บอกก่อนเลื่อนมือจะกอดชนกานต์แต่ชนกานต์ถอยหนีก่อนเลยยกมือเก้อ
“ก็แค่บอกว่าสัญญาก็พอ จะพูดให้มันเลี่ยนทำไม” ชนกานต์แกล้งว่าใส่อย่างวางฟอร์ม
“แล้วนี่..ถามทำไมหรอครับ?”
ชนกานต์เลิกคิ้วก่อนส่งยิ้มให้ เป็นยิ้มที่ทำให้ปวีร์ใจเต้นและรู้สึกหยุดหมุนเมื่อมันมาพร้อมกับประโยคถัดมา
“ฉันก็แค่คิดว่า”
“จะยอมแต่งงานกับนายก็ได้”
หลังจากวันนั้นไม่นาน การ์ดแต่งงานสีลูกกวาดก็ถูกร่อนแจกไปทั่วบริษัท และอรณีถึงกับต้องร้องกรี้ดออกมาเสียงดังลั่นทันทีที่เห็นบนการ์ดแต่งงานแสนสวยนั้น..ระบุชื่อเจ้าสาวว่า..
ชนกานต์
-End-
มาลงเลทไปหน่อย ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาวุ่นๆพอสมควรค่ะ คุณย่าเข้าไอซียูและท่านเพิ่งเสียไปเมื่อสองวันก่อน อินี่ก็เลยเป็นเจเนอรัลเบ๊คอยช่วยพ่อกับอาเตรียมงานศพ #ร่างจะแหลก
วันนี้ขอพ่อหยุดวันนึงเพราะงานไม่มีอะไรแล้วนอกจากไปรับ Snack box จาก S&P ไปที่วัด ให้พ่อไปกับอาสองคน เดี๋ยวค่อยตามไปตอนเย็น เลยได้มีโอกาสมาแปะตอนพิเศษที่เคยสัญญาไว้ว่าจะลงให้ทุกคนได้อ่านกัน
สำหรับใครที่โอนเงินมาแล้ว โกะเช็คยอดเงินโอนให้ได้ถึงวันนี้แล้วนะคะ สำหรับใครที่ยังไม่ได้โอนมาสามารถโอนได้ถึงวันที่ 21 ค่ะ
และใครที่ต้องการหนังสือเล่มนี้ไปรองขาตู้(?) สามารถสั่งจองได้ถึงวันที่ 20 เมษายน 2557 อ่านรายละเอียดต่อได้ที่
http://www.zynestras.com/pre1 ค่ะ (ไม่ใช่สมาชิกก็สามารถสั่งจองได้นะจ้ะ)
โปรแกรมหน้า > ไม่กุหลาบน้อยก็อาจารย์หมอ ล่ะมั้ง........
ป.ล.วันดีคืนดีอาจมีตอนพิเศษของตาปวีร์กับหัวหน้ากานต์โผล่มานะคะ แต่ถ้าลงโกะจะแจ้งในเพจให้ทราบค่ะ
ป.ล2 เห็นเขาว่าถ้ากดไลค์เพจไว้เฉยๆ เตตัสของเพจจะไม่ไปขึ้นที่ new feed คือถ้าจะให้เตตัสของเพจที่เราสนใจไปขึ้นที่ new feed ของเรา คือเราจะต้องเคยคอมเม้นส์หรือกดไลค์เตตัสของเพจนั้นๆล่ะ ประมาณนั้นอ่ะ ยังไงก็เข้ามาเม้นส์คุยกันได้นะคะ ^^ ช่วงนี้อาจจะหายๆไปหน่อยงิ แต่หลังจากงานเผาคุณย่าแล้วคงจะว่างมาเวิ่นเว้อตามเดิมค่ะ