[Ultimate Love] ยากนัก... รักนี้ ♥♥♥ ตอนส่งท้าย up!! 011114/P.44 จาก ss1 สู่ ss2
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณปลื้มหนุ่มคนไหนมากที่สุด? (เลือกได้ 2 ข้อ)

รักชาติ  (คุณหนูผู้ไล่ตามความรัก)
101 (21.8%)
ไอ  (หนุ่มเฟรนด์ลี่ที่เดาใจได้ยาก)
41 (8.8%)
เมโล่  (แมวยักษ์จากต่างดาว)
109 (23.5%)
ปูเป้  (โชตะวัยประถมฯ)
5 (1.1%)
เฮียภาค  (กัปตันสุดเข้ม)
32 (6.9%)
เฮียภูมิ  (ผู้กองจอมกะล่อน)
14 (3%)
แกรี่  (แบดบอย+ค้ำคอร์)
32 (6.9%)
ชายต่าย  (ผู้เกิดมามีเสน่ห์โดยธรรมชาติ 555)
130 (28%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 273

ผู้เขียน หัวข้อ: [Ultimate Love] ยากนัก... รักนี้ ♥♥♥ ตอนส่งท้าย up!! 011114/P.44 จาก ss1 สู่ ss2  (อ่าน 277336 ครั้ง)

ออฟไลน์ Littlesir

  • I adore all the things you hate about yourself.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-0
เรื่องใหม่ของคุณไวท์น่าอ่านคับ
รอๆตอนต่อนนะฮะ

ออฟไลน์ someone0243

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
สนุกมากก ดูเหมือนชายต่ายจะมีคดี(ที่ตัวเองไม่ได้ก่อเยอะ) โลกหนอก็กล๊มกลมพาทั้งไอทั้งรักชาติมาเจอคุณชายอีกครั้ง อย่างกับพีหรมลิขิตแหนัะ หุหุ
รอตอนต้่อไปอย่างใจจดใจจ่อนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ โชกุน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ดูท่าว่าสี่คนนี้จะมีอดีตเกี่ยวข้องกัน(รึป่าว?)  ชอบเมโล่ น่าร๊ากกกกก

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
ยากนัก... รักนี้ ♥



ตอนที่ 4





ชื่อ – สกุล : วรา เมตตวรา (ต่าย)

วันเกิด : 19 ตุลาคม

ส่วนสูง : 182

น้ำหนัก : 70

งานอดิเรก : เกี่ยวกับน้องสาว

สิ่งที่ชื่นชอบ : น้องสาว


“เดี๋ยวสิชายต่าย คำตอบนี่มันอะไรกันน่ะ? งานอดิเรกเกี่ยวกับน้องสาว? สิ่งที่ชื่นชอบ ก็น้องสาว?”  นิ่มเงยหน้าจากนิยสารวัยรุ่นหัวหนึ่งที่ผมบังเอิญไปให้สัมภาษณ์ไว้ตั้งแต่หลายสัปดาห์ก่อน


จำได้ว่าวันนั้นไปทำธุระเป็นเพื่อนแม่แถวสยามฯ แล้วก็มีผู้หญิงสองคนเข้ามาทัก เธอแนะนำตัวว่ามาจากนิตยสารรายเดือนหัวนี้ แล้วก็ขอถ่ายรูปกับสัมภาษณ์นิดๆ หน่อยๆ เพื่อไปลงคอลัมน์เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์วัยุร่นหรืออะไรประมาณนี้แหล่ะ


“กีฬา เทนนิส ว่ายน้ำ ศิลปินที่ชอบ จอห์น เลเจนด์ สเป็คผู้หญิง แบบน้องสาว..”  สจีอ่านถึงตรงนี้ก็เงยหน้าขึ้นมองผมเหมือนมีอะไรอยากจะพูด แต่ก็ไม่พูดออกมา   


“ไม่คิดว่าจะหมกมุ่นกับคุณน้องสาวมากไปหน่อยเหรอคะ คุณชาย!?”  นิ่มขมวดคิ้ว


“เหรอ?”


“ถ้าฉันเป็นน้องแก ฉันคงผวาอ่ะ”  สจีว่า


“น้องเราก็ผวาเหมือนกัน”


“จริงดิ!?”  ทั้งสองคนถามพร้อมกัน


“ล้อเล่นครับ”  ผมหัวเราะหน้าตาตลกๆ ของเพื่อน  “ก็แค่ไม่รู้จะตอบอะไรน่ะ บางคำถามก็กว้างเกิน แล้วตอนนั้นแม่เราก็รีบกลับบ้านด้วย เลยตอบส่งๆ ไป จะได้จบ”


“เชื่อเขาเลย”  นิ่มถอนหายใจ  “ป่านนี้คนที่ได้อ่านคอลัมน์นี้คงเข้าใจไปแล้วล่ะว่าชายต่ายน่ะโรคจิตซิสค่อน”


“ฮ่ะๆๆ”  ผมไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นอยู่แล้วล่ะ


“แล้วจริงๆ สเป็คชายต่ายเป็นยังไงเหรอ?”


“อืมม ไม่รู้สิ ไม่เคยคิดว่าจะต้องเป็นยังงั้นยังงี้ถึงจะชอบอะไรแบบนั้นหรอก”


“ฮื้มฮืมม”  นิ่มครางฮึมฮัมในคอ  “จริงๆ แล้วชอบผู้หญิงหรือเปล่าเนี่ย?”


“ชอบสิ พวกผู้หญิงน่ารักออก”


“ไม่ใช่แบบน้าน.. เอ้อ ช่างเหอะ”  เพื่อนยังดูเหมือนมีเรื่องที่อยากจะพูด แต่ก็เปลี่ยนใจไปดื้อๆ


อยากรู้ว่าไลฟ์สไตล์วันๆ ทำอะไรบ้าง

ต่าย - วันธรรมดาก็เรียน นอกเหนือจากนั้นก็อยู่บ้านดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ เล่นกับน้องสาว หรือไม่ก็ออกไปทำกิจกรรมอื่นๆ ข้างนอก ก็เหมือนวัยรุ่นทั่วๆ ไปแหล่ะครับ


ดูเป็นคนรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณดี ไม่ทราบว่ามีวิธีดูแลตัวเองยังไง

ต่าย – ก็ปกตินะครับ รักษาความสะอาด กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ พักผ่อนเพียงพอ แล้วก็ออกกำลังกายบ้าง


สไตล์การแต่งตัวเป็นยังไง

ต่าย – ส่วนใหญ่ก็จะเรียบๆ ครับ ไม่ค่อยชอบอะไรที่มันหวือหวาอยู่แล้ว


ลุคดูคุณชายแบบนี้ ไม่ทราบว่าคิดยังไงกับประโยคที่ว่า “ผู้หญิงสมัยนี้ชอบ Bad Boy”

ต่าย
– คงเพราะแบดบอยมักเป็นคนน่าสนใจมั้งครับ แต่ก็คงไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนหรอกที่จะชอบแบดบอย


“ถ้าไม่นับเรื่องคลั่งน้องสาว ก็อย่างหล่ออ่ะ.. แต่ชายต่ายนี่ดูธรรมดากว่าที่คิดนะเนี่ย นึกว่าจะมีอะไรที่พิเศษๆ กว่าคนทั่วไปซะอีก”  นิ่มวิจารณ์


“ก็คนธรรมดานี่ครับ”  ผมหัวเราะ


“อ๊าา อยากให้เขาสัมภาษณ์ไอบ้างจัง อยากรู้ไลฟ์สไตล์ของไอบ้างอ่ะ จะเป็นยังไงน้า?”  นิ่มเริ่มทำหน้าฝัน


“ไอศูรย์ วงศ์ฐิติ วันเกิด 20 กันยายน ส่วนสูง 180 หรือ 182 หรือ 183 นี่แหล่ะ น้ำหนักประมาณ 70 งานอดิเรก เล่นเกมส์ เล่นกีตาร์ สิ่งที่ชื่นชอบ คำถามนี้กว้างจัง กีฬา ยูโด ฟุตบอล ศิลปินที่ชอบ ช่วงนี้เห็นฟัง อิมเมจิ้น ดราก้อน บ่อยๆ สเป็คผู้หญิง ขาวๆ หมวยๆ ไลฟ์สไตล์ช่วงนี้ก็เรียน ทำงานพาร์ทไทม์ กลับบ้านเล่นเกมส์ ดูแลตัวเองแบบทั่วๆ ไป สไตล์การแต่งตัว ง่ายๆ” คนพูดวางนิตยสารที่ถือวิสาสะหยิบไปอ่านโดยไม่ขออนุญาตลง


“เมโล่?”


ไม่รู้เหมือนกันว่ามาแถวนี้ได้ไง พวกผมก็นั่งที่ม้านั่งหน้าตึกภาคตัวเองตามปกติ ส่วนหมอนั่นมาเกาะขอบโต๊ะ เกยคางเอาไว้บนหลังมือ ส่วนตัวนั่งยองบนส้นเท้าตัวเอง สายตาจดจ้องกล่องเค้กบนโต๊ะราวกับจะมองให้เห็นทะลุไปถึงข้างใน


“บอกเรื่องไอให้แล้ว รางวัลล่ะ?” มันหันไปถามนิ่ม


“เอ๊ะ เอ้อ”  นิ่มเหมือนคนเพิ่งตื่นจากภวังค์ แล้วกระวีกระวาดหยิบสมุดปากกาออกมาจากกระเป๋า  “ช่วยบอกอีกทีได้ไหม เมื่อกี๊ฟังไม่ทันอ่ะ”


“รางวัลล่ะ”  หมอนั่นพูดซ้ำราวกับตั้งโปรแกรมไว้ แล้วมองไปที่กล่องเค้กอีก


“อ๋อ เค้กนี่น่ะเหรอ เอ้ย นี่ไม่ใช่ของเรา ของชายต่ายเขาน่ะ”  นิ่มทำหน้าแหยๆ เมื่อรู้ตัวว่าถูกผมกับสจีจ้องอยู่


“ของบันนี่เหรอ?”  ไอ้แมวยักษ์เปลี่ยนเป้าหมายมาที่ผมโดยสมบูรณ์


เค้กนี้ผมได้มาพร้อมกับนิตยสารที่กำลังอ่านกันอยู่นี่ล่ะ จากพี่สาวคนที่มาขอสัมภาษณ์ไปคราวก่อน เธออุตส่าห์มาตามหาผมถึงคณะเพื่อที่จะเอาทั้งสองอย่างนี้มาให้ บอกว่าเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ยอมให้สัมภาษณ์ ก็ไม่รู้ว่าใจดีแบบนี้กับทุกคนที่เธอไปขอสัมภาษณ์ด้วยหรือเปล่า


“เดี๋ยวนี้เอาเพื่อนมาขายกินแล้วหรือไง?”  ผมแกล้งขยับกล่องเค้กให้ห่างออกมา พอเห็นหมอนั่นมองตามตาละห้อยแล้วก็อดขำไม่ได้


แต่จะให้ยกให้มันง่ายๆ น่ะฝันไปเหอะ คราวก่อนเพิ่งขู่เข็ญให้ผมไปเหมาซาลาเปาไส้ถั่วแดงที่โรงอาหารรัฐศาสตร์มาหมดตู้เอง กว่ามันจะยอมปิดปากเงียบอย่างที่ผมต้องการ ..ที่ต้องทำขนาดนั้นไม่ใช่เพราะผมเป็นห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองหรอก ไม่ใช่ดาราถึงจะต้องมารักษาภาพพจน์อะไร ผมไม่กลัวอยู่แล้วถ้ามันเป็นความจริง แต่ผมค่อนข้างเหนื่อยหน่ายกับพวกข่าวลือมากกว่า เลยคิดว่าตัดปัญหาโดยการทำให้มันเงียบๆ ไปน่าจะดีที่สุด


“เดี๋ยวบอกของเมโล่ด้วยก็ได้ ถือว่าหายกัน”


หายกันอะไรของมัน?


“คาร์เมโล เดนธ์ วันเกิด 25 ธันวาคม ส่วนสูง 206 น้ำหนัก 92 เอ.. 93 มั้ง งานอดิเรก กินขนม สิ่งที่ชื่นชอบ ขนมกับไอ กีฬา หลายอย่าง แต่ไม่ชอบสักอย่าง ศิลปินที่ชอบ ไม่มี สเป็คผู้หญิง ผู้หญิงที่น่ากินเหมือนขนม แล้วก็ใจดีเหมือนไอ ไลฟ์สไตล์ เรียน กิน เล่นกับไอ สไตล์การแต่งตัว อะไรก็ได้ที่มีไซส์ใหญ่ ใส่สบาย แล้วไอก็บอกว่าดูดี”


“ใครอยากรู้ล่ะนั่น”  พูดแล้วก็เพิ่งหันไปเห็นเพื่อนสาวร่างท้วมของตัวเองกำลังจดยิกๆ เลย เอากับเธอสิ ฮ่ะๆๆ


“หรือว่าอยากรู้ความลับของบันนี่ล่ะ?”   มันหันไปเจ๋อกับเพื่อนผม ก็เลยโดนผมดีดหน้าผากไปที  “เจ็บนะ”


“แกมีความลับด้วยเหรอ?”  สจีเอียงตัวมากระซิบถาม


“ไม่มี”  ผมกระซิบกลับ


“โกหกเห็นๆ”


“เป็นงั้นไป”


“เมโล่ท่าทางจะชอบไอมากเลยนะเนี่ย”  นิ่มนั่งเท้าคางชวนหมอนั่นคุย 


“อื้อ ชอบมากรองจากขนมเลยแหล่ะ”


“แล้วก็ท่าทางจะชอบขนมมากจริงๆ ฮ่ะๆๆ”


“อื้อ ชอบที่สุดเลยแหล่ะ แล้ว..”  มันหันกับมาหาผมอีก  “รางวัลอ่ะ?”


“ทำไมถึงชอบไอขนาดนั้นล่ะ?”  ผมชักสนใจ


ว่าแต่หมอนี่เป็นเด็กหรือหมาหรืออะไร? ทำตัวดีเพราะหวังรางวัลเป็นของกินแบบนี้ เชื่อเขาเลย


“เพราะไอใจดี”  คนพูดเอียงแก้มแนบหลังมือตัวเอง  “ตอนย้ายมาใหม่ๆ ไม่มีใครคุยด้วยเลย ไอเป็นคนแรกที่เข้ามาทัก แถมยังช่วยถอนฟันผุที่ปวดออกให้ด้วย”


“ถอนฟัน?!”  สจีกับนิ่มอุทาน


“ถอนยังไง?”  ผมถาม


“ก็ต่อยเปรี้ยงเข้านี่เลย”  คนพูดจิ้มแก้มซ้ายของตัวเอง


“ห๊ะ?!”


“โอ้ แล้วฟันผุก็หลุดออกมาเลย”  จู่ๆ หมอนั่นก็ดูกระตือรือร้นอยากจะเล่าขึ้นมา  “ไออย่างเท่ห์อ่ะ”


“เอ่อ..”


“ตั้งแต่ตอนนั้นก็ตัดสินใจเลยว่าจะขอติดตามไอไปตลอดชีวิตล่ะ”


“.........”  โนคอมเม้นท์เถอะ


ผมกับสจีมองหน้ากัน แล้วก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายสีหน้าที่ต่างฝ่ายต่างเห็นของอีกฝ่ายว่าอะไรดี



“เอ้อ เมโล่ย้ายมาจากที่ไหนเหรอ? แล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ?”  แต่นิ่มยังไม่ละความพยายามที่จะคุยกับหมอนั่น


“จากฟรายเดย์ ฮาร์เบอร์ มาเข้า ป.4 ที่กรุงเทพฯ”


“ที่ไหนวะ?”  นิ่มกระซิบกับสจี รายนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จิ้มๆ ครู่เดียวก็ได้คำตอบ


“วอชิงตัน อเมริกา”


“อ๋อ เมโล่เป็นลูกครึ่งอเมริกันสินะ”  นิ่มหันไปจ้อต่อ


“เปล่า เป็นมนุษย์ต่างดาวแท้ๆ เลยต่างหาก” 


“ห๊ะ?”


“รางวัลอ่ะ” เหมือนหมอนั่นเบื่อจะตอบคำถามแล้วล่ะ


ถ้าจะอยากกินขนาดนั้นล่ะก็นะ.. ผมเลื่อนกล่องเค้กไปให้ตรงหน้า หมอนั่นหยิบกล่องที่ดูเล็กจิ๋วไปเลยเมื่อเทียบกับตัวมัน แล้วลุกยืนเต็มความสูง 206 ที่มันบอก


“ขอบใจนะ~”  มันหันมาบอก แล้วก็จากไปท่ามกลางความงงงวยของพวกเราไม่ต่างจากขามา


“ตกลงเขามาเพื่อเค้กเลยใช่ไหมเนี่ย?”  สจีถามในสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่พอดี


“น่ารักอ่ะ!”  แต่นิ่มดูเหมือนจะคิดต่าง





“ต่าย!”


ตอนผมกำลังจะกลับบ้าน ก็มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งตามมา พร้อมกับเอกสารบางอย่างในมือ เขาเป็นหัวหน้าเสคผมเอง รู้สึกจะชื่อ ‘ต้อม’ ผมหยุดยืนรอ ต้อมหยุดหอบเล็กน้อยเมื่อมาถึง ก่อนจะยื่นปึกกระดาษในมือให้


“ชี้สฟิสิกส์ที่ฝากก๊อปปี้น่ะ”


“อ๋อ ขอบใจนะ”  ผมยื่นมือไปรับ เตรียมควักเงินจ่าย  “เท่าไหร่อ่ะ?”


“ไม่ต้องๆ เขาให้เกินมาชุดหนึ่งพอดี”


“เหรอ.. งั้นขอบใจอีกทีแล้วกัน อุตส่าห์วิ่งตามมาให้”  ผมยิ้มให้


“ฮ่ะๆๆ พอดีเหลียวเห็นหลังไวๆ ..กำลังจะกลับบ้านเหรอ?”


“อื้อ แล้วต้อมยังไม่กลับเหรอ?”


“ว่าจะอยู่ต่ออีกสักหน่อยน่ะ งั้นเราไปนะ”  ต้อมหันหลังเตรียมวิ่งกลับทางเก่า  “กลับดีๆ ล่ะ”


“อื้อ”  ผมยืนมองอีกฝ่ายจนลับตา ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ กับตัวเอง


‘เพื่อนผู้ชาย’ ..สินะ ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว ตั้งแต่เปิดเทอมจนถึงตอนนี้ผมก็ยังหาใครที่จะเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่า ‘เพื่อน’ ไม่เจอเลยสักคน(หมายถึงผู้ชายนะ) ไม่ว่าเพื่อนร่วมคณะหรือเพื่อนร่วมเสค ทุกคนก็พอใจที่จะอยู่แค่ในระดับ ‘คนรู้จัก’ ของผมเท่านั้น พวกเขาจะทักผมก็ต่อเมื่อหันมาสบตากับผมแล้ว(ประมาณว่าเลี่ยงไม่ได้แล้ว) จะคุยกับผมก็ต่อเมื่อมีธุระ ช่วยเหลือผมก็ต่อเมื่อผมเอ่ยปาก ถึงพวกเขาจะดูเป็นมิตรกับผม แต่มันก็แค่ในระดับที่เรียกกันว่า ‘ทำตามมารยาท’ เท่านั้นแหล่ะ


แล้วก็ไม่ใช่ว่าผมไม่พยายามจะเข้าหาพวกเขาก่อนนะ ผมเคยพยายามแล้ว หลายครั้งด้วย แต่มันก็เหลวทุกครั้ง พวกเขามักจะดูไม่เป็นธรรมชาติเมื่อมีผมไปอยู่ใกล้ๆ ดูไม่เป็นตัวของตัวเอง ผมคิดว่าผมทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัด และผมเองก็รู้สึกอึดอัดเช่นเดียวกัน ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะผมไม่รู้ว่าควรจะคุยจะเล่นระดับไหนถึงจะเรียกว่าพอดีสำหรับเพื่อนผู้ชายด้วยกัน มันก็เลยพลอยทำให้รู้สึกเก้กังกันไปหมด และสุดท้ายก็จบลงด้วยการที่ผมต้องถอยห่างออกมาเหมือนทุกที


ถึงมันจะเป็นสถานการณ์เดียวกับที่ผมต้องเผชิญมาตลอดอยู่แล้วก็เถอะ แต่ไอ้จะให้ทำใจยอมรับแล้วก็ยอมแพ้ไปซะ มันก็ไม่ใช่อะไรที่ทำกันได้ง่ายนี่นา พอคิดว่าช่วงชีวิตคนเรามีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 60 ปี ตอนนี้ผมก็แค่เกือบๆ 20 เท่านั้น แค่คิดว่าต้องอยู่แบบไร้เพื่อนไปอีกตั้ง 40 ปี ผมก็อยากจะร้องไห้แล้ว


ให้ตายสิ ทำไมชีวิตของคนดีๆ อย่างชายต่ายถึงได้เศร้าขนาดนี้ล่ะ..



“ระวัง!!”


วินาทีที่ได้ยินเสียงร้องเตือน แทบจะเป็นวินาทีเดียวกับที่ลูกบอลหนังไซส์มาตรฐานฟีฟ่าลอยมากระแทกหัวผมอย่างจัง ทำเอามึนจนยืนไม่อยู่ ต้องทรุดลงไปนั่งกุมหัวอยู่บนฟุตบาท


“นั่นน้องต่ายนี่นา! เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ?”  พวกผู้หญิงที่นั่งเล่นอยู่แถวนั้นเป็นกลุ่มแรกที่เข้ามาถึงตัวผม


“นาย! เป็นอะไรมากไหม?”  ส่วนนี่น่าจะเป็นพวกของเจ้าของบอลลูกเมื่อกี๊


“อ้าว นึกว่าใครซะอีก? ฮ่าๆๆ”  ส่วนเสียงหัวเราะสบายใจนี่ฟังคุ้นๆ อยู่นะ


เจ็บก็เจ็บ มึนก็มึน แถมผู้คนยังมารุมล้อมถามนั่นนี่อยู่ได้ ไม่รู้จะมาสนใจอะไรกันนักหนา โดนแค่นี้ไม่ถึงกับตายหรอกน่า ก็แค่เพื่อนไม่มี ก็แค่ดวงไม่ดี แค่นี้ไม่ตายสักหน่อย ไม่ต้องห่วง ไม่เป็นไร ต่ายๆๆๆ ก็เลิกเรียกกันได้แล้ว น่ารำคาญ! หนวกหู!


หงุดหงิด!


“ช่วยไม่ได้นะ ดันเดินเหม่อไม่ดูตาม้าตาเรือเอง ลูกบอลมันก็ดันหลบใครไม่เป็นด้วยดิ..อั้ก!!”


ผมหันไปคว้าคอเสื้อเจ้าของประโยคล่าสุดและอยู่ใกล้มือที่สุดอย่างหมดความอดทน สติที่พยายามประคองมาจนถึงเมื่อครู่ปลิวหายไปกับสายลม


“เดี๋ยวก็ฆ่าทิ้งซะหรอก”



ดวงตาคู่ตรงข้ามเบิกกว้างอย่างตกใจ ทุกสรรพเสียงรอบตัวพร้อมใจกันเงียบสงัด เหลือไว้เพียงความวังเวง และตอนนั้นเองที่ผมเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง



“ล้อเล่นน่ะ”


ผมปล่อยมือจากคอเสื้อรักชาติ.. ช่ายยย รักชาติคนนั้นเอง มินาล่ะ เสียงถึงได้คุ้นหูนัก ผมจัดปกเสื้อให้คนที่เหมือนจะยังช็อคไม่หายแบบลวกๆ ตบอกมันสองทีเบาๆ แล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตรที่สุด


“ไม่เป็นไรนะ?”  เสียงของพวกผู้หญิงกลับมาอีกครั้งเมื่อผมลุกขึ้นยืน


“ไม่เป็นไรครับ”  ผมยิ้มให้ทุกคนอย่างทั่วถึง


“โทษทีนะเพื่อน”  คนในกลุ่มรักชาติขอโทษขอโพย


“อือ ไม่เป็นไร”  ผมยังยิ้มอยู่ เผื่อแผ่ไปถึงคนที่ยังนั่งไม่ยอมลุกอยู่บนฟุตบาทด้วย


รักชาติขมวดคิ้วมองตอบผมอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ข้างหลังมีเพื่อนที่ผมจำได้ว่าเป็นแฟนของ ‘ก้อย’ ช่วยประคอง หมอนั่นยิ้มแห้งๆ ตอบผม ดูเหมือนว่าเรื่องคราวก่อนจะทำให้เขากับก้อยกลายเป็นคู่รักหวานจ๋อยจนคนในคณะพากันอิจฉาตาร้อนเลยล่ะ


“แน่ใจว่าไหวนะ ให้พวกพี่เดินไปส่งหรือเปล่า”


“พี่มีรถนะ ให้พี่ไปส่งไหมล่ะ? กำลังจะกลับบ้านใช่ไหม?” 


น้ำใจจากรุ่นพี่ผู้หญิงยังมีมาแบบไม่ขาดสาย ผมปฏิเสธอย่างสุภาพ ก่อนบอกขอบคุณในทุกความหวังดี แล้วขอตัวแยกจากมา..




ให้ตายสิ


ทำไมต้องเป็น ‘หมอนั่น’ ทุกทีที่ได้เห็นด้านแปลกๆ ของผม





“อือ...อยู่ข้างในใช่ไหม? ..เรามาถึงหน้าร้านแล้วล่ะ...อื้อ..กำลังจะเข้าไป ..โอเค เจอกัน”


ผมกดวางสายจากลูกปลา ชะเง้อมองผ่านกระจกเข้าไปข้างในร้านคอฟฟี่ช็อปเปิดใหม่ข้างมหา’ลัย เพื่อหาโต๊ะที่เธอนั่ง ก่อนจะผลักประตูเข้าไปเมื่อแน่ใจทิศทาง


วันนี้ลูกปลาชวนผมไปร้านหนังสือก่อนกลับบ้าน เห็นว่าอยากไปหานิยายออกใหม่อ่าน แต่เวลามันคลาดเคลื่อนจากที่ตกลงกันไว้นิดหน่อยเพราะลูกปลามีงานที่ยังทำไม่เสร็จ เธอกับเพื่อนนั่งกันอยู่ที่ร้านนี้ ก็เลยโทรเรียกให้ผมมานั่งรอที่ร้านนี้ด้วย


“ชายต่าย ทางนี้จ้าาา”


จากที่ตกเป็นเป้าสายตาอยู่แล้ว ก็ยิ่งตกเป็นเป้าสายตาเข้าไปใหญ่เมื่อเสียงของลูกปลาดังขึ้น พร้อมท่าโบกไม้โบกมือของเจ้าตัว คนทั้งร้านก็พร้อมใจกันหันมามองผมอย่างไม่ต้องสงสัยเลย


“ไปทางไหนก็มักจะกลายเป็นจุดเด่นเสมอเลยเนอะ คุณชายเนี่ย”


หือ?


ผมหันไปมองพนักงานเสิร์ฟตัวสูงที่เข้ามายืนข้างๆ


“ไอ?”


ผมกวาดตามองไอในชุดนักศึกษาที่มีผ้ากันเปื้อนสีดำผูกไว้ที่เอว มือถือถาดกับสมุดจดออเดอร์ รอยยิ้มเจิดจ้าประดับอยู่เต็มใบหน้า



“ยินดีต้อนรับครับ คุณลูกค้า”
 



หลังจากเพิ่งเจอเรื่องหงุดหงิดชวนห่อเหี่ยวใจมา จู่ๆ ผมก็รู้สึกราวกับว่าได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง




นี่ผมแปลกหรือเปล่านะ?


ที่ดันคิดว่ารอยยิ้มของหมอนี่อย่างกับโอเอซิสกลางทะเลทรายสำหรับผมงั้นแหล่ะ










TBC.
ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตาม
 :mew1:
ยังไงก็ไปทักทายกันได้ที่แฟนเพจนะแจ้

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เมโล่อย่างฮา สาวกไอตลอดชีพสินะ
เวลาชายต่ายอยู่ต่อหน้ารักชาติทำไมให้ความรู้สึกว่าชายต่ายแม๊นแมน หรือรักชาติจะเป็นนายเอก
แต่ปลื้มไออย่างนี้ระวังเจอมนุษย์ต่างดาวตัวเท่าตึกเล่นงานเอานะ

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
เหมือนไอจะมาวินนะ
แต่เมโล่น่ารักอะ  :-[
206 เนี่ย เดินด้วยต้องเด่นมากอะ



ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
แต่ละคนนี้ก็น้า เลือกใครดีชายต่าย

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
มีความรู้สึกว่า...อยากให้ชายต่ายกดรักชาติ   :laugh:
อ่านไปอ่านมา ทำไมชายต่ายดูมีออร่าของชายเหนือชายล่ะคะเนี่ย 555

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ลุ้นให้สติแตกเร็วๆ
อุฮิ..  ก็ชายต่ายดูนิ่งไปเนี๊ยบไปนี่น่า แตกๆ ออกมาจะได้ดูเข้าถึงง่ายขึ้นไง

ไม่ได้เกี่ยวกับการที่เราตื้บรักชาติเลยจริงๆๆๆ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
เริ่มมีความคอดอยาก 4p นิด  :hao6:
เชียร์ไม่ถูกเลยดีคนละแบบ
เมโล่ก็น่ารัก
ไอดูใจดี
รักชาติกวน ==> เป็นคนเดียวที่เราอยากให้ต่ายกด ฮ่าฮ่าฮ่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yoyo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
โถ ชายต่าย T_T
อยากให้ชายต่ายมีเพื่อนจัง เป็นเพื่อนไอก็ได้ นะๆๆๆ

ออฟไลน์ someone0243

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
อยากเห็นคุณชายเขาดวนยูโดกับไอจัง  :hao7:
เดาไม่ออกเลยทีเดียวว่าใครเป็นพระเอก เอ๊ะ รึสุดท้่ยจะเป็นชายต่่ายเป็นพระเอกซะเอง =..=
ติดใจเรื่องนี้มว้า่กก มาต่อเร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
เชียร์ไอ กับ เมโล่

กับรักชาติไม่ค่อยถูกชะตาสักเท่าไหร่ 55+

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ชอบบันนี่มากครับ o18

ปล.เมโล่เป็นมนุษย์ต่างดาวจริงดิ่?!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-04-2014 20:37:02 โดย Bovie »

ออฟไลน์ IIIA

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
เลือกไม่ถูกกกกกกกกกกกท  :katai1:

ออฟไลน์ Littlesir

  • I adore all the things you hate about yourself.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-0
เมโล่ น่ารักอ่ะ
สูงตั้งสองเมตรแน่ะ ชอบๆ
เมโล่ใครความรู้สึกเหมือนฟ้าประทาน(พาร์ท1)นะ ตรงชอบกินขนมเนี้ย
รอตอนต่อฮะผม

ออฟไลน์ monaligo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เมโล่น่ารักอ่าาาาา :-[ ชอบบบบบบ (แม้ส่วนสูง206จะไม่เหมาะกับความโมเอ้)
ตงิดๆเหมือนคนที่ไออยากเอาชนะนี่จะเป็นชายต่ายเลยนะ
ชายต่ายเองก็เจ๋งฝุดๆ ชอบโหมดโหดของชายต่ายจังเลย

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
เพิ่งมีโอกาสได้อ่าน สนุกค่ะ

อยากให้ชายต่ายเป็นเมะ แหะ รู้สึกไม่เคยได้อ่านเมะแนวนี้เลย

ชอบไอ อยากให้เคะกับชายต่าย แต่ก็กลัวเจ้า206จะตื้บชายต่ายนะ สูงไป น่ากลัว

รักชาติถ้าได้เป็นเคะคู่ชายต่าย คงเป็นเคะที่น่าสงสารมาก เห็นด้านโหดตลอด :sad4:

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
ยากนัก... รักนี้ ♥



ตอนที่ 5





ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“พี่ต่ายยย” 


แม่แง้มประตูห้องผมแล้วชะโงกหน้าเข้ามาดูลาดเลาก่อนเหมือนทุกครั้ง พอเห็นว่าผมนั่งเล่นคอมฯอยู่ แม่ก็ยิ้มหวานให้ แล้วเดินเข้าห้องมาในท่าอุ้มอกตัวเองไว้กันชุดหลุด


“ช่วยรูดซิปข้างหลังให้แม่หน่อยสิ”


ผมกวาดตามองแม่ในชุดราตรียาวสีแดงสด ข้างบนเป็นเกาะอก ข้างล่างทรงหางปลา ผ้าลูกไม้ทั้งตัว ถึงจะแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็ยิ้มรับ ขณะที่แม่เดินไปหยุดยืนรออยู่หน้ากระจกบานใหญ่


“ชุดใหม่เอี่ยม”  ผมยิ้มให้เงาแม่ในกระจก


“เจ้าสัวสันต์ส่งมาให้น่ะ พี่ต่ายว่าโป๊ไปหรือเปล่า?”


“ไม่หรอก แต่มันแดงมากกก”  ผมลากเสียง แม่หัวเราะชอบใจ


“ก็เจ้าของงานรีเควสมาแบบนี้ ก็แต่งเอาใจเขาสักหน่อยแล้วกัน นานๆ ที”


วันนี้แม่ต้องไปงานวันคล้ายวันเกิดครบ 70 ปี ของเจ้านายคนก่อน ก็ ‘เจ้าสัวสันต์’ อะไรนั่นแหล่ะ(อายุขนาดนี้ของคนระดับนี้การจัดงานวันเกิดคงไม่ใช่เรื่องอยากปาร์ตี้สนุกๆ แล้วล่ะ น่าจะเป็นงานที่ลูกหลานจัดขึ้นและถือโอกาสพบปะกับคนในแวดวงธุรกิจมากกว่า) เพราะแม่ผมทำงานเป็นเลขาผู้บริหารบริษัทเรียลเอสเตทแห่งหนึ่ง ทำตำแหน่งนี้มาเกือบจะ 20 ปีแล้ว เปลี่ยนผู้บริหารไปแล้ว 2 รุ่น แต่เลขาสาวสวยสองพันปีคนนี้ก็ยังอยู่ไม่ไปไหน เจ้านายคนปัจจุบันของแม่คือ ‘คุณศรันย์’ ซึ่งเป็นลูกชายของเจ้าสัวที่มารับช่วงงานต่อ


เจ้าสัวแกค่อนข้างจะเอ็นดูแม่ผมพอสมควร เวลาไปไหนมาไหนก็มักมีของฝากติดไม้ติดมือมาให้ตลอด ผมเองยังเคยได้ของเล่นที่เขาฝากแม่มาให้เลย แต่คนที่ได้รับความเอ็นดูมากที่สุดดูเหมือนจะเป็นน้องสาวผม ถึงขนาดเคยถูกบอกว่าถ้าโตขึ้นจะขอไปเป็นเจ้าสาวให้หลานชายของแกเลยล่ะนั่น


“ไม่ใส่สร้อยเหรอ?”  ผมเห็นคอแม่โล่งๆ


“ใส่ต่างหูแบบนี้แล้ว ถ้าใส่สร้อยอีกกลัวมันจะเยอะไปน่ะสิ”


“ก็จริง”  ผมเห็นด้วยหลังยืนพิจจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ต่างหูแม่เป็นพู่ห้อยสีแดง ออกแนวจีนๆ แต่ก็เข้ากับชุดดี


“เอาผมขึ้นดีไหม?”  แม่ลองรวบผมขึ้น ยืนหันซ้ายหันขวา


“ก็ดีนะ แล้วก็ปล่อยลูกผมลงมาให้ดูยุ่งๆ นิดหน่อยเหมือนพวกดาราฮอลลีวูดบนพรมแดงไง”  ผมเสนอพลางช่วยแม่จัดแต่งทรงผมแบบง่ายๆ แต่ดีดู


“พี่ต่ายนี่พึ่งได้จริงๆ”  แม่หัวเราะพอใจเมื่อสำรวจตัวเองในกระจกอีกครั้ง


ผมน่ะหัดมัดผมถักเปียให้น้องสาวตั้งแต่น้องเริ่มเข้าเรียนอนุบาลแล้ว เพราะ ‘working woman’ อย่างแม่ไม่ค่อยมีเวลามาพิถีพิถันดูแลเรื่องพวกนี้ให้เท่าไหร่หรอก ผมจึงพยายามแบ่งเบาภาระของแม่โดยการช่วยดูแลน้องให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะงั้นเรื่องแบบนี้ผมจึงค่อนข้างจะถนัดอยู่


“สวยมาก”  ผมเอ่ยชม  “ใครจะรู้ล่ะว่าสาวสวยคนนี้อายุตั้ง 46 แล้ว”


“อย่าพูดว่า ‘ตั้ง’ สิ แหม”  แม่หัวเราะชอบใจ  “ตกลงพี่ต่ายจะไม่ไปกับแม่เหรอ? เจ้าสัวแกก็เคยบ่นอยากเจอพี่ต่ายเหมือนกันนะ ..คืองี้ จริงๆ แล้วแกเพิ่งจะทะเลาะกับหลานชายน่ะ คนที่แม่เคยเล่าให้พี่ต่ายฟังไง”


แม่เคยเล่าให้ฟังว่าเจ้าสัวสันต์มีหลานชายที่อายุเท่ากับผมคนหนึ่ง ก็คนที่แกบอกอยากได้น้องสาวผมไปเป็นเจ้าสาวให้นั่นล่ะ หมอนั่นเป็นลูกของลูกสาวคนเดียวของแก แต่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุไปพร้อมกับสามีตั้งหลายปีแล้ว แล้วแกก็เลยรับหลานชายคนนั้นมาเลี้ยงดูเอง จำได้ว่าสมัยอนุบาลจะเคยเรียนที่เดียวกับผมด้วยนะ ตอนไปรับผมกลับบ้านแม่ยังเคยรับหมอนั่นไปส่งให้ที่บ้านหลายครั้งเลย รู้สึกจะตัวอ้วนๆ ขาวๆ แต่หน้าตาเป็นยังไงหรือชื่ออะไรผมก็จำไม่ได้แล้ว แต่พอต้องย้ายไปอยู่กับคุณตา(เจ้าสัว)ก็เลยต้องเปลี่ยนที่เรียนไปด้วยมั้ง


หลังจากนั้นก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้หมอนั่นจะเป็นยังไงบ้างนะ 


“ทีนี้พอโกรธมากๆ แกก็หลุดปากไล่หลานชายออกจากบ้านไปน่ะสิ เห็นคุณศรันย์บอกว่าสองสามวันแรกก็ยังหัวเราะชอบใจได้อยู่หรอก แต่พอผ่านไปเป็นอาทิตย์แล้วหลานก็ยังไม่ยอมกลับมา ให้คนไปตามก็แล้ว บังคับขู่เข็ญก็แล้ว หนักๆ เข้าเลยถูกบอกกลับมาว่าจะไม่กลับไปที่บ้านนั้นอีกแล้ว จะอยู่ด้วยตัวเอง ไม่รู้ทะเลาะกันเรื่องอะไรเนอะ ถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่โตแบบนั้น.. ตอนนี้ก็กลายเป็นว่าเจ้าสัวแกเศร้าไปเลยน่ะสิ แม่เลยคิดว่าถ้าได้พี่ต่ายที่อายุเท่าหลานชายคนนั้นไปคุยเป็นเพื่อนแกสักหน่อยก็น่าจะดีนะ คุณศรันย์เองก็ยังพูดแบบนั้นเลย”


“วันเกิดคุณตาทั้งที หลานคนนั้นเขาคงจะกลับมาอวยพรล่ะมั้ง”


“ก็ไม่รู้สินะ”


“แต่ถึงยังไงต่ายก็ไปไม่ได้หรอก ถ้าต่ายไปแล้วน้องจะอยู่กับใคร?”


“แล้วนี่น้องกวางยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”  แม่หันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว  “ตายจริง ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย รถจะติดหรือเปล่านะ?”


“วันนี้กวางมีเรียนพิเศษถึงสองทุ่มน่ะ แม่ก็รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะดึกนะ” 


ผมดันแม่ออกจากห้องตัวเอง เข้าไปหยิบกระเป๋ากับกุญแจรถในห้องแม่ออกมาให้ ลงไปชั้นล่างแล้วช่วยถือกระเช้าของขวัญตามไปส่งให้ที่รถ


“พี่ต่ายอย่าลืมไปรอรับน้องหน้าปากซอยด้วยนะ เด็กผู้หญิงปล่อยให้เดินคนเดียวมันอันตราย”  แม่ที่เข้าไปนั่งในรถแล้วหันมาบอก


“ครับๆ แม่ขับรถดีๆ นะ” 


ผมออกไปเปิดประตูรั้วให้ ยืนมองจนไฟท้ายรถแม่ลับตาไปแล้วก็ปิดประตู พอเดินกลับเข้ามาในบ้าน ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังมาจากข้างบนพอดี..





เช้าวันต่อมา ผมเดินลงมาจากห้อง ก็เจอแม่กำลังจะออกไปทำงานพร้อมกับไปส่งน้องพอดี


“พี่ต่ายๆ”  แม่ที่ถือกระเป๋าออกจากครัวไปแล้วเดินย้อนกลับมาใหม่


“ฮับ?”  ผมตอบรับทั้งที่ปากคาบขนมปังที่น้องสาวเตรียมไว้   


“เมื่อคืนนี้ หลานชายคนนั้นของเจ้าสัวมางานด้วยแหล่ะ”


“เหรอ..”  ผมหันกลับมาสนใจหนังสือพิมพ์ที่วางไว้บนโต๊ะ  “แล้วเป็นไงล่ะ?”


“หล่อมากกก เฟรนด์ลี่ มารยาทดี เข้ามาทักแม่ก่อนด้วยนะ ถ้าได้มาเป็นลูกเขยจริงๆ คงจะดีไม่น้อยเลยเนอะ”


“น้องเพิ่งจะ ม.5 เองนะ”  ผมหันควับไปมองแม่ ทางนั้นหัวเราะชอบใจใหญ่


“แม่หมายถึงในอนาคตหรอก ฮ่ะๆๆ แต่ถึงน้องจะ 20 หรือ 30 พี่ต่ายก็คงจะพูดว่า ‘น้องเพิ่งจะ’ เหมือนเดิมนั่นแหล่ะ พ่อคนติดน้อง”


“ช่างต่ายเหอะน่า”  ผมชักไม่สบอารมณ์  “แค่หน้าตาดี ฐานะดี ใช่ว่าเขาจะเป็นคนดี แล้วก็ดีกับน้องด้วยสักหน่อย ต่ายไม่ยกน้องให้ใครง่ายๆ เพราะเหตุผลแค่นั้นหรอกนะ”


“นี่ถามหนูบ้างหรือเปล่าว่าอยากได้ไหม? หรือยอมให้ยกให้หรือไม่ยกให้ใครหรือเปล่า?”


ผมกับแม่หันไปมองน้องที่ยืนเท้าเอวหน้ามุ่ยอยู่หน้าประตูครัว


“ให้ตายสิ ชอบคิดอะไรตามใจตัวทั้งคู่เลย.. แล้วแม่อ่ะ เมื่อไหร่เราจะไปกันสักทีล่ะ เดี๋ยวรถก็ติดหรอก”


“จ้าๆ ไปแล้ว”  แม่รีบตามน้องที่นำหน้าไปก่อน แต่ก็ยังไม่วายหันกลับมาอีก  “จริงสิ เด็กคนนั้นบอกว่าเรียนอยู่คณะเดียวกับพี่ต่ายด้วยนะ บังเอิญจังเลยเนอะ”


“เหรอ ชื่ออะไรล่ะ?”  ผมถามทั้งที่ไม่ได้สนใจ ออกจะไม่ชอบใจหมอนั่นแบบไม่มีเหตุผลด้วย


“อ๋อ ก็ชื่อ..”


“แม่!”  เสียงน้องตะโกนมาจากข้างนอก


“จ้า ไปแล้วๆ” 


แม่รีบวิ่งออกไปทั้งที่ยังไม่ได้บอกชื่อหลานชายเจ้าสัว แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอยากรู้นักหรอก






“วันนี้ เซนเซขอ แนะนำ ผู้ช่วย คนใหม่..”


‘โควเซนเซ’ หันมาพยักหน้าให้ผม ผมเลยก้าวออกมายืนระดับเดียวกับเซนเซเพื่อให้อีกฝ่ายช่วยแนะนำตัวให้สมาชิกชมรมยูโดของมหา’ลัยได้รู้จัก


“ชายต่าย ยูโด สายดำ 2 ดั้ง จะมาทำหน้าที่ แทน พี่บิ๊ก ตลอดชั่วโมงสอน ที่เหลืออยู่ใน เทอมนี้ ครับ”


มีเสียงฮือฮาจากสมาชิกชมรมเล็กน้อยเมื่อได้ทราบประวัติคร่าวๆ ของผม ผมยิ้มอย่างเป็นมิตรโดยไม่เจาะจงว่าให้ใคร ก่อนโค้งคำนับหนึ่งครั้งแล้วถอยกลับมายืนที่เดิม


เท่าที่กวาดตามอง ดูเหมือนจะมีคนที่ได้สายดำอยู่ไม่กี่คน ที่เหลือก็เป็นสายสีสันต่างๆ ซึ่งมีระดับรองลงมา ส่วนพวกสายขาวระดับเริ่มต้นก็มีหลายคนเหมือนกัน ..ว่าไปแล้วก็มีสมาชิกคับคั่งเหมือนกันนะเนี่ย


การแบ่งระดับความสามารถตามมาตรฐานของนักยูโดจะแบ่งออกได้เป็น 2 ระดับใหญ่ๆ คือ ระดับคิว(Kyu) กับ ระดับดั้ง(Dan)


คิวจะเป็นระดับก่อนสายดำ หรือเรียกว่าระดับของ ‘นักเรียน’ เริ่มจาก 5 คิว(สายขาว) 4 คิว(สายเขียว) 3 คิว(สายฟ้า) 2 คิว(สายน้ำตาล) และ 1 คิว(สายน้ำตาลปลายดำ)


สูงกว่านี้ขึ้นไปคือระดับดั้ง หรือเรียกว่าระดับของ ‘ผู้นำ’ เป็นผู้ซึ่งมีความสามารถสูงพอที่จะแนะนำฝึกสอนคนอื่นได้ โดยเริ่มจาก 1-5 ดั้ง(สายดำ) 6-9 ดั้ง(สายขาวสลับแดง) และ 10 ดั้ง(สายแดง)   


มีหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าได้สายดำแล้วก็คือจบ คือสูงสุดของกีฬายูโด(รวมถึงศิลปะการต่อสู้อื่นๆ)แล้ว แต่ก็อย่างที่เห็นว่ามันไม่ใช่ เพราะเหนือจากสายดำก็ยังมีสายสีอื่นอีก ดังนั้นการได้สายดำจึงเป็นเพียงการเริ่มต้นเพื่อขึ้นไปสู่ระดับสูงเท่านั้น


โควเซนเซเป็นอาจารย์สอนยูโดที่โดโจ(สถานที่ฝึก)ที่ผมเคยไปเรียน แกเป็นยูโด สายดำ 5 ดั้ง อดีตทีมชาติญี่ปุ่น รุ่นไลท์เวท ที่มาตกหลุมรักเมืองไทยและสาวไทย ก็เลยคิดมาตั้งรกรากที่นี่ตั้งแต่ 10 กว่าปีก่อนแล้ว โดโจของแกอยู่ไม่ไกลบ้านผมเท่าไหร่ แรกเริ่มเดิมทีที่ไปเรียนเพราะแม่คิดว่ามันน่าสนใจ ก็เลยลองส่งผมไปเรียน 1 คอร์ส ตอนนั้นผมยังไม่มีความสนใจในกีฬานี้เท่าไหร่ พอจบคอร์สก็เลยว่าจะไม่เรียนต่อแล้ว แต่ทางโดโจกลับเสนอคอร์สฟรีให้แก่แม่ผมซะงั้น แล้วก็ตามประสาแม่บ้านทั่วไป ของฟรีของลดราคาย่อมเป็นอะไรที่ดึงดูดใจอย่างช่วยไม่ได้ แม่ก็เลยมาโน้มน้าวผมจนตกลงเรียนต่อในที่สุด


ตอนแรกนึกว่าใจดี แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ดูเหมือนว่าผมจะเป็นตัวเรียกลูกค้าชั้นดีให้กับทางโดโจที่เพิ่งเปิดใหม่ต่างหาก คอร์สไหนที่มีผมเรียน คอร์สนั้นนักเรียนจะเต็มจนเกือบล้น โดยเฉพาะนักเรียนผู้หญิง(ตอนหลังเริ่มมีแม่ของนักเรียนมาเรียนด้วย) แล้วก็ได้เรียนฟรีมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ตอนนั้นเลย หลังๆ ผมเริ่มอิดออดไม่ค่อยอยากไปเรียน ขี้เกียจบ้างอะไรบ้าง ก็เลยได้ค่าขนมแถมมาด้วย พอสอบได้สายดำ ก็เปลี่ยนสถานะจากนักเรียนมาเป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนแทน ก็ได้ค่าจ้างอีก แต่ตอนเตรียมตัวสอบเข้ามหา’ลัย ผมก็เลิกไปที่โดโจ แล้วก็ไม่ได้ไปอีกเลย จนถึงตอนนี้


รู้สึกว่าชมรมนี้จะจ้างโควเซนเซมาช่วยสอนพิเศษให้สมาชิกอาทิตย์ละ 1 วัน ตลอดภาคเรียนที่ 1 ของทุกปีเป็นประจำอยู่แล้ว และเพราะคืนวันก่อนผมได้รับโทรศัพท์จากเซนเซ แกขอร้องให้ผมมาช่วยทำหน้าที่แทนผู้ช่วยของแกที่ไปศึกษายูโดเพิ่มเติมที่ญี่ปุ่นชั่วคราว ผมซึ่งได้รับความกรุณาจากเซนเซมาเยอะจึงต้องตอบตกลงอย่างไม่มีทางเลี่ยง แล้วก็ได้มายืนต่อหน้าเพื่อนร่วมสถาบันอย่างที่เห็น


แต่ที่ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยก็ตรงที่ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ต่อหน้า ‘ไอ’ ที่ใส่ยูโดกิ(ชุดยูโด)ให้เห็นเป็นครั้งแรกนี่แหล่ะ ..หมอนี่เหมาะกับชุดชะมัดเลยแฮะ แต่หน้าตาจริงจังขึงขังไปหน่อย ถ้ายิ้มสักนิดก็น่าจะดี อยากเห็นจังเลยน้า~


“คนที่ เคยแข่ง ในงานกีฬา ระดับต่างๆ อาจไม่เคย เห็นหน้าเขา นะ” 


ภาษาไทยสำเนียงแปร่ง แบ่งคำแปลกๆ กับแรงที่มาตบไหล่ทำผมแอบสะดุ้งเล็กน้อย เพิ่งรู้สึกตัวว่ามัวแต่เหม่อมองไอมากไป พอหันกลับไปมองทางนั้นอีกทีก็เห็นว่าหมอนั่นกำลังแอบขำอยู่ ..อา ยิ้มแล้ว


“เพราะ ชายต่าย จะแข่งเฉพาะ ตอนสอบ เลื่อนสาย เท่านั้น แถมยังไปเอา สายดำ มาจาก ญี่ปุ่นด้วย”  เซนเซตบบ่าผมอีก  “เป็นลูกศิษย์ ที่ผม ภูมิใจ มาก น่าเสียดาย ที่เขาไม่สนใจ เรื่องแข่งขัน เอาซะเลย ไม่งั้น คงติดทีมชาติ ไปแล้ว”


เซนเซบอกว่าที่ชมรมนี้มีคนได้ 2 ดั้ง อยู่ 2 คน คือประธานชมรมกับอาจารย์ที่ปรึกษาชมรม งั้นไอที่ผมเห็นว่าคาดสายดำเหมือนกันก็คงจะเป็นดั้งแรกสินะ


“เซนเซ”  สมาชิกคนหนึ่งยกมือขึ้น ผมคลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะเป็นประธานชมรม เพราะจำเคราแพะของเขาได้จากตอนที่เห็นคุยกับไอคราวนั้น  “ผมเคยได้ยินว่า 2 ดั้งของไทย เทียบเท่ากับ ดั้งแรกของญี่ปุ่น จริงหรือเปล่าครับ?”


“มันก็แล้วแต่ ฝีมือนะ อยากจะลอง พิสูจน์ดู ไหมล่ะ?”  เซนเซพูดยิ้มๆ แล้วหันมามองผมซึ่งยิ้มตอบกลับไป


“อยากครับ!”


เสียงดังฟังชัดนี้ไม่ได้มาจากรุ่นพี่คนนั้น แล้วก็ไม่ได้มาจากสายดำคนไหนด้วย แต่มาจากสายขาวน้องใหม่ผู้อาจหาญนาม ‘รักชาติ’ ต่างหาก


ช่ายยย รักชาติคนนั้นอีกแล้ว เจ้าเก่าเจ้าประจำ ไม่รู้ทำบุญทำกรรมอะไรกับมันมา และไม่รู้ด้วยว่ามันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หรือตั้งแต่ตอนไหน สงสัยเพราะผมมัวแต่มองหาไอ ก็เลยไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีหมอนี่นั่งรวมอยู่กับอื่นด้วย แต่ในเมื่อมันใส่ยูโดกิ ก็แปลว่ามันเป็นหนึ่งในสมาชิกชมรมสินะ ..ท่าทางจะเพิ่งเริ่มเรียน จำได้ว่าตอนโดนจับทุ่มคราวก่อนมันยังดูไม่เหมือนคนเคยฝึกยูโดมาก่อนเลยนี่นา แถมยูโดกิก็ยังดูใหม่เอี่ยมเลย


“มึงจำท่าตบเบาะได้ครบทุกท่าหรือยัง รักชาติ? อย่าเปรี้ยวนักไอ้หนู”  เสียงปรามห่ามๆ ตามสไตล์ของประธานชมรมเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในที่นั้นได้เป็นอย่างดี รวมทั้งผมด้วย แต่หมอนั่นดันแอบแจกนิ้วกลางให้ผมคนเดียวซะได้ นิสัยไม่น่าคบเอาซะเลยจริงๆ


สำหรับคนที่เริ่มเล่นยูโดทุกคน จะต้องหัดล้มตัวให้เป็นก่อน เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บจากการโดนทุ่ม ซึ่งการฝึกนี้เรียกว่า ‘การตบเบาะ’ ถ้าเรารู้จักตบเบาะอย่างถูกวิธี เวลาโดนจับทุ่มก็จะได้ไม่เจ็บตัวไงล่ะ


“พอดีเลย วันนี้ เซนเซจะสาธิต ท่าทุ่มพื้นฐาน ให้ดู ต่อจากคราวที่แล้ว อีก 3 ท่านะ หลังจากนั้น จะช่วยดูให้ เป็นรายบุคคล”  โควเซนเซเปิดเข้าประเด็น สมาชิกทุกคนเลยถอยออกไปนั่งอยู่นอกเบาะเพื่อดูการสาธิต 


“และเธอ”  เซนเซชี้ไปที่รักชาติ  “มาเป็นอุเคะ ให้ชายต่าย แล้วกัน จะได้ ทดสอบด้วยว่า ตบเบาะ เป็นหรือยัง”


ผมเห็นสมาชิกผู้หญิงสายขาวบางคนนั่งอมยิ้มเขิน บ้างก็กระซิบกระซาบกันเมื่อได้ยินเซเซนพูดแบบนั้นแล้วรักชาติก็ก้าวออกมา ผมเลยเดาว่าพวกเธอน่าจะเป็นแฟนการ์ตูนประเภทเดียวกับน้องสาวผมแน่ๆ เพราะพวกนี้มักจะมีปฏิกิริยาต่อคำว่า ‘อุเคะ’ และ ‘เซเมะ’ แตกต่างจากนักกีฬาทั่วไปอยู่สักหน่อย


‘อุเคะ’ หรือ ‘อุเครุ’ นั้นหมายถึง ‘ฝ่ายตั้งรับ’ หรือ ‘การตั้งรับ’(หรือในที่นี้ก็คือฝ่ายโดนทุ่มนั่นล่ะ)และฝ่ายตรงข้าม เราจะเรียกว่า ‘เซเมะ’ หรือ ‘เซเมรุ’ หรือบางทีอาจจะเรียกว่า ‘โทริ’ ซึ่งทั้งหมดนั่นหมายถึง ‘ฝ่ายบุก’ หรือ ‘การบุกเข้าไป’


“งั้นเรามา เริ่มที่ ‘ซาซาเอะ ทสึริโกมิ อาชิ’ ซึ่งเป็นท่าหากิน ของชายต่าย เขาแล้วกัน”  พอเซนเซพูดแบบนั้น สามาชิกคนอื่นก็พากันหัวเราะขึ้นมาอีก  “ซาซาเอะ จะอันตราย ตรงที่ ถ้าโทริ ทุ่มผิดวิธี และอุเคะ ไม่เคยฝึกตบเบาะ มาก่อน ตอนที่ล้มลง อุเคะอาจ เอามือหรือแขน ไปยันเบาะ แล้วก็จะทำให้ กระดูกแตก หรือแขนหักได้ ดังนั้น ต้องระวัง”


ซาซาเอะ ก็เป็นอย่างที่เซนเซบอก ถ้าทุ่มผิดหรือคนถูกทุ่มเอามือลงพื้น ก็จบกัน แต่เป็นโชคดีของรักชาติที่ผมชำนาญพอที่จะทำให้มันผู้ไม่เคยมีพื้นฐานยูโดมาก่อนเลย ลงพื้นได้อย่างนุ่มนวลกว่าที่ควรจะเป็น แม้ตอนนั้นจะเป็นพื้นคอนกรีตก็ตาม


แต่เอาเข้าจริงๆ ยูโดเป็นวิชาที่ค่อนข้างจะโหดร้ายทารุณพอสมควรเลยล่ะ ถ้าเอาไปใช้สู้จริงตามท้องถนนน่ะ เพราะเราเรียนรู้ที่จะอ่านจังหวะ ฉวยจังหวะ และอาศัยแรงของคู่ต่อสู้ในการทำร้ายคู่ต่อสู้เอง ลองคิดดูว่าถ้าเกิดถูกจับทุ่มเอาหัวโหม่งพื้นซีเมนต์สักทีจะเป็นยังไง? คงได้ไปเยือนโลกหน้าโดยที่ยังไม่รู้สึกเจ็บเลยล่ะ ผมรับรอง


“ถ้ารู้ตัว ว่าเพรี่ยงพร้ำ พยายาม อย่าฝืนไว้ เพราะอาจทำให้บาดเจ็บได้” 


เซนเซสาธิตท่าไป อธิบายไป โดยให้ผมเป็นอุเคะ หลังทำให้ดูครบ 4 รอบ(ให้เห็นทางซ้าย ทางขวา อย่างละ 2 รอบ) ต่อไปก็ถึงเวลาที่ผมจะต้องทุ่มมือใหม่อย่างรักชาติให้คนอื่นๆ ดูบ้าง


“แบบนี้จะเจ็บตัวเอานะ”  ผมอุตส่าห์เตือน แต่ดูเหมือนอุเคะของผมจะไม่ฟังเอาซะเลย มันดื้อดึงจะขืนตัวเอาไว้ให้ได้ แถมแววตายังแสดงออกชัดเจนว่ายังไงก็ไม่ยอมแพ้ผมแน่ๆ ทั้งที่นี่เป็นเพียงการสาธิตท่าทุ่มแท้ๆ ไม่รู้จะเกลียดความพ่ายแพ้ไปไหน


“เรื่องของกู”  แล้วดูพูดเข้า มันน่านัก


ผมถอนหายใจ แล้วตัดสินใจพลิกแพลงเทคนิคนิดหน่อย คิดจริงเหรอว่าแค่เอาแรงเยอะเข้าว่าจะทำให้ชนะในกีฬายูโดได้ เพราะเดิมทีศิลปะการต่อสู้ชนิดนี้ก็คิดค้นขึ้นมาเพื่อคนแรงน้อยอยู่แล้ว!


ตุ้บ!


ผมเอาไอ้ตัวดื้อนั่นลงพื้นไปได้ในที่สุด แต่อาจเพราะความตกใจที่ผมใช้เทคนิคต่างจากที่เซนเซสาธิตให้ดู ทำให้หมอนั่นเผลอเอามือยันพื้นตอนล้มตามสัญชาตญาณ ลืมหมดที่เคยฝึกล้มไป ความซวยก็เลยบังเกิด


“อ๊ากกกกกกกก!!”




ให้ตายสิ ถูกทุ่มครั้งแรก บนพื้นคอนกรีต โดยไม่เคยมีพื้นฐานอะไรเลย กลับไม่เจ็บ


แต่พอถูกทุ่มครั้งที่สอง ด้วยท่าเดียวกัน บนเบาะมาตรฐาน แถมเคยฝึกตบเบาะมาแล้ว ดันเจ็บตัวซะได้


หมอนี่มันเป็นพวกพัฒนาการถดถอยหรือไง?



(ต่อ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
(ต่อ)



“เซอร์ไพรส์ไหม?”  ผมถามคนที่อาสาช่วยพาคนเจ็บมาโรงพยาบาลของมหา’ลัยด้วยกัน


“ที่นายหักข้อมือรักชาติน่ะเหรอ?”  ไอถามกลับยิ้มๆ


“เปล่าสักหน่อย นั่นไม่ได้ตั้งใจหรอก”  ผมปฏิเสธ ทางนั้นหัวเราะ  “หมายถึงเรื่องที่เราก็เล่นยูโดเหมือนนายไง”


“เซอร์ไพรส์ที่ยังเล่นอยู่มากกว่า”


“ห๊ะ?”  ผมได้ยินที่อีกฝ่ายพูดไม่ถนัด


“เซอร์ไพรส์สุดยอดไปเลยแหล่ะ ใครจะไปนึกว่าอย่างคุณชายต่ายจะชอบอะไรรุนแรงแบบนี้ด้วย”  ไอทำสายตาล้อเลียน พลอยทำผมยิ้มไปด้วย


นาทีนี้ผมแน่ใจแล้วล่ะว่าผมอยากสนิทกับหมอนี่ ความคิดที่เคยตัดชื่อ ‘ไอ’ ออกจากรายชื่อคนที่อยากสนิทด้วยจะต้องเปลี่ยนใหม่แล้วล่ะ ไม่ว่ายังไงผมก็อยากจะสนิทกับหมอนี่แฮะ


“กีฬากับความรุนแรงมันไม่เหมือนกันสักหน่อย”


“แถมยังไปได้สายดำมาจากญี่ปุ่นด้วย เท่ห์อ่ะ”


“โควเซนเซพาไปน่ะ”  ผมชักหุบยิ้มไม่ลง


“สายดำที่ญี่ปุ่นสอบยากหรือเปล่า?”


“ก็ต้องล้มสายดำด้วยกันสิบคนรวดน่ะ”


“ได้ยินแบบนี้แล้วอยากจะลองวัดฝีมือกับนายเลยแฮะ”


ผมไม่รู้ว่าไอพูดจริงพูดเล่น แต่ผมไม่เคยมีความคิดที่อยากจะแข่งกับไอมาก่อนเลย


“วันนี้ไม่ทำงานพาร์ไทม์เหรอ?”  ผมหาเรื่องใหม่มาคุย


“ทำดิ แต่วันนี้ขอเลทนิดหน่อยเพราะเข้าชมรม แต่เสร็จจากนี่ก็ว่าจะไปแล้ว จะไปอุดหนุนไหมล่ะ?”


“อืม”  ผมพยักหน้า ไอเอียงคอมองเหมอืนสงสัย ผมเลยขมวดคิ้วเป็นเชิงถาม


“พักนี้ไปที่ร้านบ่อยนะ ติดใจสาวเสิร์ฟคนไหนหรือไง?”


ก็จริงอย่างที่ไอว่า ตั้งแต่บังเอิญไปเจอหมอนี่ทำงานอยู่ที่ร้านคอฟฟี่ช็อปวันนั้น ผมก็มักหาโอกาสแวะเวียนไปที่นั่นอยู่เรื่อยๆ ..แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะสาวเสิร์ฟคนไหนหรอก


“ก็มีอยู่คนหนึ่ง”  ผมตอบยิ้มๆ


“คนไหน แนะนำให้เอาไหม? ..โอ๊ะ แต่คงไม่จำเป็นหรอก ระดับคุณชายต่ายแล้วนี่เนอะ”


“เราก็ประหม่าเป็นเหมือนกันนะ.. แต่คิดว่าคงไม่ต้องให้ช่วยหรอก ชอบพยายามเองมากกว่า”


“หล่อไปละ”  คนพูดหัวเราะ ผมก็หัวเราะด้วย



“จะจีบกันอีกนานไหม?”


น้ำเสียงหงุดงหิดเรียกเราทั้งคู่ให้หันไปมองใบหน้าที่ดูหงุดหงิดยิ่งกว่า


“รักชาติ”


หมอนั่นออกมาพร้อมข้อมือซ้ายที่ใส่เฝือกกับยาอีกถุงหนึ่ง


“เอ็นข้อมือฉีก ต้องเข้าเฝือกอย่างน้อย 1 เดือน”  ยิ่งรายงานก็ดูเหมือนเจ้าตัวจะยิ่งไม่สบอารมณ์ 


“โชคดี”  ผมว่า


“ตรงไหน!?” 


“ตรงที่กระดูกไม่แตกไง”  ไอเป็นคนตอบ  “ถ้าเป็นแบบนั้นจะเสียหายหนักกว่านี้นะ”


“ได้ยินแล้วสบายใจขึ้นเยอะเลย”  คนเจ็บประชดประชัน


“ถ้าทุกอย่างโอเคแล้ว เราว่าเราไปทำงานดีกว่า”  ไอขอตัวแยกออกไป


“ไปด้วยดิ”  ผมก็กะจะตามไป แต่พอหันไปเห็นคนที่ยืนหน้าตาไม่รับแขกอยู่ ก็เลยต้องถามสักหน่อย  “นายกลับไง”


“กูเอารถมา”  ดูไม่เต็มใจตอบสุดๆ


ก็เข้าใจหรอกว่าโกรธที่แขนกลายเป็นแบบนี้ แต่มันใช่ความผิดผมที่ไหนล่ะ มันทำตัวของมันเองทั้งนั้น


“แล้วแขนแบบนี้จะขับรถยังไง?”


“แล้วกูจะรู้ไหม!?”


คนอุตส่าห์ถามดีๆ ดันตวาดกลับมาซะได้ นิสัยจริงๆ ไอ้หมอนี่.. ผมถอนหายใจซึ่งไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วตั้งแต่เจอหมอนี่ ก่อนจะจำใจหันไปบอกลาไออย่างเสียดาย แล้วกลับมาประจันหน้ากับไอ้ตัวปัญหาอีกรอบ


“รถจอดอยู่ไหน?”





“มึงน่ะ”  คนที่นั่งหน้าไม่สบอารมณ์อยู่บนเบาะข้างคนขับมาตลอดทาง เอ่ยปากขึ้นเป็นครั้งแรก


“ว่าไง?”  ผมขานรับ แต่ตายังมองทาง


“ไม่คิดจะขอโทษกูสักคำเลยหรือไง?”


“คำขอโทษเขาจะพูดกันก็ต่อเมื่อทำผิดไม่ใช่เหรอ?”


“เออไง!”


“แล้วเราทำอะไรผิด?”  ผมหันไปมองอีกฝ่ายตรงๆ


“ก็ที่แขนกูเป็นแบบนี้ไม่ใช่ความผิดของมึงหรือไง?”


“มันเป็นความผิดของคนที่ดื้อแพ่งอย่างนายเองต่างหาก”


“แต่มึงขี้โกง!”


“ยังไง?”


“มึงไม่ได้ใช่ท่าที่เซนเซบอก”


“ท่าเดียวกัน แค่ปรับเปลี่ยนเทคนิคนิดหน่อย”


“โกหก!”


“ในสถานการณ์จริง เทคนิคมันก็ต้องพลิกแพลงไปเรื่อยๆ ทั้งนั้นแหล่ะ จะให้ทำตามตำราเป๊ะๆ ได้ไง ในเมื่อคู่ต่อสู้มันก็ไม่ได้ทำตามตำราเหมือนกัน แถมยังดื้อด้านสุดๆ แล้วเลี้ยวเข้าซอยนี้ก็ถึงแล้วใช่ไหม?”  ผมกลับมาจดจ่อกับทางข้างหน้าอีกครั้ง


“เออ สุดซอย! แต่กูไม่ได้ดื้อด้าน ทั้งหมดก็เป็นเพราะมึงมันขี้โกงต่างหาก”


“พูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว.. นี่ทำไมหน้าบ้านนายถึงมีทหารยืนเฝ้าหน้าประตูด้วยล่ะ?”


“ก็พ่อกูเป็นทหารไง”  คนตอบตอบแบบขอไปที


“หืมม..”  ผมสังเกตเข้าไปในบ้านระหว่างรอพลทหารคนนั้นมาเปิดประตูรั้วให้  “บ้านหลังใหญ่น่าดูเลยนี่ จริงๆ แล้วเป็นคุณหนูหรอกเหรอนายเนี่ย ดูไม่ออกเลยนะ”


“อยากปากแตกนักเหรอ?”


“ขอถามกลับเหมือนกันว่า อยากเอ็นข้อมือฉีกอีกข้างเหรอ..”  ปากพูดไป แต่ตาผมสะดุดเข้ากับป้ายชื่อสกุลที่ติดอยู่ข้างกำแพง  ‘เศรษฐสวัสดิ์โยธิน’


นามสกุลของรักชาติเหรอ? เหมือนจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?


โอ้ อย่าบอกนะว่า...


“ถึงแล้ว”  ผมขับรถมาจอดให้ถึงที่จอดรถข้างบ้าน


“กูเห็น”  ดูพูดเข้า..


แล้วเซฟเบลท์น่ะจะเขย่าจนมันกลายเป็นก้อนกลมแบบโคอาล่ามาร์ชหรือไง? ปลดไม่ได้ก็บอกสิ


“เฮ้ย..”  คนพิการชั่วคราวสะดุ้งเบาๆ เมื่อผมเอนตัวมาช่วยปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยให้  “เสือก”


ก็ยังไม่วาย.. ผมหันไปมองหน้าคนปากร้ายที่ตอนนี้ปลายจมูกเราอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่เซ็น หมอนั่นก็จ้องตอบกลับมาแบบไม่มีหวั่น ผมตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ต้องล้มเลิกไปเพราะกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมหรือโคโรญจ์ไม่ทราบที่ลอยมาแตะจมูก


“นายมีกลิ่นเดียวกับไอเลย”  ผมมักจะได้กลิ่นนี้ทุกครั้งเวลาที่เข้าไปใกล้ไอ สองคนนี้ใช้น้ำหอมยี่ห้อเดียวกันงั้นเหรอ? มีเรื่องบังเอิญอีกอย่างแล้วแฮะ


“ห๊ะ?”


“เราชอบกลิ่นนี้นะ”  ผมถอยกลับมาที่ของตัวเอง


“ใครสนกันล่ะว่ามึงจะชอบหรือไม่ชอบ”  ว่าแล้วก็เปิดประตูเดินตัวปลิวออกจากรถไปเลยนะ ทิ้งให้ผมต้องหอบข้าวของส่วนตัวของมันตามไปอีก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะไปทำให้มันทำไม? ไม่ใช่เบ๊นะเนี่ย


สงสัยลึกๆ แล้วผมจะมีความรู้สึกผิดอยู่บ้างเหมือนกันล่ะมั้ง


“ไง ไอ้ดาวร้าย นี่แกไปตีกับใครจนเจ็บเนื้อเจ็บตัวกลับมาอีกแล้วเรอะ? ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เลิกทำตัวเหลวไหลแบบนี้สักที ฉันอุตส่าห์ให้อิสระแกเต็มที่ ไม่เตะแกเข้าโรงเรียนนายร้อยแล้วนะ หรือว่าแกอยากจะ..”


“หนวกหูน่า! ไม่รู้อะไรก็อย่าพูดดีกว่า”


“นี่แกกล้าพูดกับพ่อแบบนี้เชียวเรอะ! จะจองหองไปแล้วนะ รักชาติ!”


ผมได้ยินเสียงดังเอะอะมาจากข้างใน ทีแรกก็ลังเลว่าจะเสนอหน้าเข้าไปดีไหม แต่ถ้าขืนปล่อยไปแบบนี้หมอนั่นมีสิทธิ์ได้เข้าเฝือกแขนอีกข้างเป็นแน่แท้ ..ทำไมถึงชอบสร้างปัญหานักก็ไม่รู้นะคนเรา


“สวัสดีครับ คุณลุง” 


ผมเยี่ยมหน้าเข้าไป ยกมือทั้งสองข้างขึ้นไหว้ผู้สูงวัยกว่า เห็นทางนั้นกำลังเงื้อมือขึ้นเตรียมฟาดไอ้ตัวดื้อเลย


“อ้าว ลูกต่าย! มาได้ไงเนี่ย?”  เจ้าของบ้านรีบลดมือลง แล้วเดินมาหาผมด้วยท่าทางประหลาดใจ


รักชาติก็ดูประหลาดใจ แต่ผมเองก็ประหลาดใจเหมือนกันนั่นแหล่ะ ใครจะไปคิดล่ะว่าพ่อของหมอนี่ ที่จริงแล้วคือ ‘เสธ.ดี้’ หรือ ‘พลเอก ภักดี เศรษฐสวัสดิ์โยธิน’ นายทหารใหญ่ที่มาตามเทียวไล้เทียวขื่อแม่ผมอยู่เป็นปีๆ จนถึงตอนนี้น่ะ


เอะใจตั้งแต่เห็นป้ายสกุลหน้าบ้านแล้ว..


นอกจากโลกจะกลม ผมยังรู้สึกเหมือนว่ามันชักจะแคบลงเรื่อยๆ ยังไงไม่รู้สิ





หรือผมจะคิดไปเอง??










TBC.

ชอบใครเชียร์ใคร อยากเห็นใครเคะใครเมะ สามพีสี่พี กดเป็ดกดบวกเม้นต์บอก เป็นกำลังใจให้ทั้งคนเขียนและคนในเรื่องด้วยนะคะ XD

ปล. แต่ไม่ทำตามกระแสหรอกนะ เพราะมีพล็อตอยู่แล้ว 555555555

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เฮ่ยยยยยย แอบเชียร์ให้จับรักชาติกดเลยนะเนี่ย 555555

แต่เปิดตัวแบบนี้รักชาติไม่น่าลงเอย เปอร์เซนต์แห้วแดร๊กสูงมาก

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
อืมมม...โลกเบี้ยวเนอะ
รักชาติง๊องแง๊งว่ะ

ไอวินสาดดดดอ่ะ(บันนี่ชอบ)

เมโล่...กลับยานแม่~ ฟิ๊ววววววววววววววว

ใครเคะใครเมะ จะ 3P หรือ 4P แล้วแต่คุณไวท์เลยครับ
แค่มันอัพอย่างต่อเนื่องจนจบก็พอใจแล้ว :heaven
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-04-2014 23:48:31 โดย Bovie »

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
ทฤษฎีโลกกลม
ว่าแต่ชายต่ายชอบไอมากกว่าสิน่ะ
5555+

ออฟไลน์ krit24

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
ให้รักชาติโดนกดก็ดีนะ เหมาะมาก
ชายต่ายทำไมเท่ห์งี้เนี่ย

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
เชียร์ให้ต่ายกดรักชาติเหมือนเดิม 5555
ส่วนไอกับต่ายเป็นเพื่อนกันอ่ะดีแล้ว หรือไม่ให้ไอคู่กับเมโล่เถอะ อิอิ เหมาะกันดี
ปล. อย่าให้ชายต่ายโดนกดนะคะ มันไม่ใช่อย่างแรงอ่ะ ชายต่ายเหมาะกับการเป็นพระเอกที่สุด อิอิ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อา...สนุกจริงเอย แต่ก็ยังเดาไม่ออกอยู่ดี
จากคำพูดของคุณแม่เรื่องหลานชายเจ้าสัว ที่อยากได้เป็นลูกเขย เดาว่าน่าจะเป็นไอ
เลยคิดเล่น ๆ ว่า คุณแม่อาจได้ไอเป็นเขยจริง ๆ แต่ไม่ได้คู่กับน้องกวางนะ คิคิ
เพราะชายต่ายดูหลงไหลได้ปลื้มไอเสียเหลือเกิน แทบจะตามตูดเขาไปร้านเค้ก
บังเอิญมีเหตุการณ์รักชาติมาแทรกซะก่อน อดเลย
ส่วนรักชาติคนนี้เจอกับชายต่ายเมื่อไหร่มีเรื่องให้เจ็บตัวเมื่อนั้น ช่างเป็นคู่ชงกันเสียจริง

ออฟไลน์ Littlesir

  • I adore all the things you hate about yourself.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-0
รักเมโล่ เชียร์เมโล่
คนแบบเมโล่อาจมาเหนือเมฆก็ได้ใครจะรู้ (มโน)
รอตอนต่อฮะ

ออฟไลน์ poliya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เค้าเชียร์ไอสุดใจขาดดิ้นเลยยยย รักชาติมีสิทธิ์แห้วสูงมากนะตอนนี้ 55555
แต่หลายp ก็ได้นะค่ะ

ออฟไลน์ monaligo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อื้อหือชายต่ายเมะมากกกกกก
แต่สนิทกับผญ.นี่นาาาาาาจะ้ป็นเคะรึเปล่า สรุปก็คือเราเดาไม่อออกหล่ะแฮะๆ :hao7: รออ่านนะเคิ้บบบบบบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด