[Ultimate Love] ยากนัก... รักนี้ ♥♥♥ ตอนส่งท้าย up!! 011114/P.44 จาก ss1 สู่ ss2
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณปลื้มหนุ่มคนไหนมากที่สุด? (เลือกได้ 2 ข้อ)

รักชาติ  (คุณหนูผู้ไล่ตามความรัก)
101 (21.8%)
ไอ  (หนุ่มเฟรนด์ลี่ที่เดาใจได้ยาก)
41 (8.8%)
เมโล่  (แมวยักษ์จากต่างดาว)
109 (23.5%)
ปูเป้  (โชตะวัยประถมฯ)
5 (1.1%)
เฮียภาค  (กัปตันสุดเข้ม)
32 (6.9%)
เฮียภูมิ  (ผู้กองจอมกะล่อน)
14 (3%)
แกรี่  (แบดบอย+ค้ำคอร์)
32 (6.9%)
ชายต่าย  (ผู้เกิดมามีเสน่ห์โดยธรรมชาติ 555)
130 (28%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 273

ผู้เขียน หัวข้อ: [Ultimate Love] ยากนัก... รักนี้ ♥♥♥ ตอนส่งท้าย up!! 011114/P.44 จาก ss1 สู่ ss2  (อ่าน 279306 ครั้ง)

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
คิดถึงชายต่ายๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ loveyous

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
    • Aphrodite Shop
สงสารต่ายนะ เหมือนเป็นแค่อะไรก็ตามที่ถูกเหวี่ยงไปตามอารมณ์ของคนอื่น
ไม่มีทางเลือก
มีแค่ทำให้ดีที่สุดกับสถานการณ์ตรงหน้า ไม่เคยปฏิเสธด้วย
คนอื่นเข้ามาหากินกับความใจดีของต่ายกันหมด


ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
ยากนัก... รักนี้ ♥



ตอนที่ 19




“ชายต่ายย!!!”


เฮือก! ผมสะดุ้ง ลืมตาก็เห็นลูกปลากำลังยืนเท้าเอวหน้านิ่วคิ้วขมวดก้มมองผมอยู่


“นี่หลับจริงๆ เหรอเนี่ย?”  คนพูดถอดถุงมือกันความร้อนออกพร้อมนั่งลงบนโซฟาตัวเล็ก


“เกือบๆ”  ผมลุกขึ้นนั่งพลางนวดหัวตาตัวเองไปพลาง  “อบเสร็จแล้วเหรอ?”


“ไม่เกือบแล้วล่ะแบบนี้”  คนพูดเลื่อนถาดคุกกี้อบใหม่มาตรงหน้าผม  “ถ้าง่วงมาก จะนอนต่อก็ได้นะ”


“ไม่หรอก แค่พักสายตาเฉยๆ”  ผมเอื้อมมือไปหยิบคุกกี้เนยมาชิ้นหนึ่ง หน้าตามันก็ดูใช้ได้อยู่นะ แต่ไม่รู้ว่าอานุภาพมันจะทำลายล้างได้เท่าครั้งล่าสุดที่ผมกินไปหรือเปล่า..


ตั้งแต่ห่างจากรักก็เหมือนชีวิตประจำวันมันไม่เหมือนเดิม เวลาว่างมันเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร ก่อนหน้านี้พอถึงวันหยุด ถ้าไม่ไปขลุกอยู่บ้านรัก ก็ออกไปข้างนอกด้วยกัน หรืออย่างน้อยก็ได้โทรคุยกัน แต่ตอนนี้ไม่มีเลยสักอย่าง.. ความจริงก็แค่กลับไปมีชีวิตแบบเดิม เหมือนแบบตอนที่ยังไม่เคยมีรัก แต่ทำไมถึงได้รู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปมากมายนักก็ไม่รู้


ตั้งแต่แยกกันวันนั้นรักก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย ที่มหา’ลัยก็ถูกหลบหน้าตลอด แต่ยอมรับว่าผมเองก็มีส่วนช่วยทำให้การหลบหน้ากันมันง่ายขึ้นด้วย ลึกๆ แล้วผมกลัวการเผชิญหน้ากันอีกครั้งของเรา เพราะนั่นหมายถึงการตอบคำถามในสิ่งที่ผมได้ถามไป ผมพูดเองว่าถ้ารักคิดทบทวนดีแล้วให้เขาเดินมาบอกกับผมอีกครั้ง ถึงตอนนั้นผมจะยอมรับมันโดยไม่ดึงดันอีก ..แล้วถ้าเขายังยืนยันคำตอบเดิม? ถ้าเขายังอยากจะเลิกกับผม?


สารภาพตามตรง ..ผมกลัว


เฮ้อออ ก็นั่นแหล่ะ เพราะความว่างจัดของผม บวกกับวันนี้ที่น้องสาวพาเพื่อนมาทำรายงานที่บ้าน ผมก็เลยต้องย้ายก้นออกจากโซฟาที่บ้าน มาโซฟาบ้านลูกปลาแทน แล้วก็ถูกขอร้องให้มาทดสอบอาวุธชีวภาพในคราบคุกกี้เนยนี่ล่ะ


“โทรศัพท์อยู่ไหน?”  ผมกำลังจะเอาคุกกี้เข้าปาก แต่ฉุกใจคิดได้ก่อน เลยหันไปถามคนที่นั่งล้นระทึกอยู่


“หือ? อยู่นี่ไง”  ลูกปลาล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าผ้ากันเปื้อน  “ทำไมเหรอ?”


“รู้เบอร์เรียกรถฉุกเฉินใช่ไหม?”


น่า ถึงชีวิตช่วงนี้จะไม่ค่อยราบรื่นนัก แต่ผมก็ไม่จำเป็นจะต้องฆ่าตัวตายสักหน่อยนี่นา ปลอดภัยไว้ก่อนเถอะ


“เบอร์ฉุกเฉิน..”  ลูกปลาทำหน้างง แต่สักพักเธอคงนึกได้ เลยหน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาเพราะความฉุน


“ถ้ามันเสี่ยงขนาดนั้นก็ไม่ต้องกินก็ได้ย่ะ!”  เธอเข้ามาแย่งคุกกี้ในมือผม ผมโยกตัวหลบ หัวเราะอารมณ์ดีที่แกล้งอีกฝ่ายได้ ก่อนจะโยนคุกกี้เข้าปาก


“อั้ก..”  แค่กัดไปทีเดียวก็ทำเอาเสียวสะท้านไปถึงสมองเลย


“เป็นไงๆ อร่อยไหม?”  คนทำกระตือรือร้นถามด้วยความตื่นเต้น 


อร่อยหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่ามันแข็งมาก! แข็งเป็นหินเลย ตกลงคุณเธอใช้แป้งหรือหินเป็นส่วนผสมเนี่ย? อูยยย ฟันผมยังอยู่ครบไหม? ยังไม่อยากใช้ฟันปลอมก่อนวัยอันควรหรอกนะ


“ถามจริง ก่อนเอามาให้เราชิม เคยได้ลองชิมเองก่อนไหม?”  ผมดึงทิชชู่ออกมาแล้วคายคุกกี้ใส่ ไม่ได้อยากจะทำร้ายน้ำใจนะ ถ้าพอทนกลืนได้ผมก็คงกลืนไปแล้ว แต่พอดีอันนี้มันไม่ได้จริงๆ


“แย่จนกลืนไม่ลงเลยเหรอ?”  คนทำหน้าเศร้า ก้มหน้ามองโทรศัพท์ที่ยังถือไว้ในมือ


ไม่ใช่กลืนไม่ลง แต่มันกลืนไม่ได้ต่างหาก ทำไมยิ่งฝึกทำคุกกี้ของลูกปลาถึงได้ยิ่งอันตรายมากขึ้นทุกทีก็ไม่รู้สิ


“โทษนะ พอดีเราไม่ได้ลองชิมก่อน”  ลูกปลาพูดเสียงแผ่วอย่างรู้สึกผิด


ผมลองเสี่ยงหยิบมาอีกชิ้น พยายามมองโลกในแง่ดีว่ามันคงต้องมีสักชิ้นที่กินได้ล่ะน่า


“คือเคยชิมอยู่ครั้งนึงเหมือนกัน แล้วหลังจากนั้นก็ไม่กล้าอีกเลย..” 


“อั้ก...”




“ได้ข่าวว่ายัยกุ้งเน่ามีแฟนแล้วเหรอ?” 


ลูกปลาตัดใจเรื่องคุกกี้ แล้วเอาแตงโมมาผ่าให้ผมกินแทน เราย้ายที่นั่งจากในบ้านออกมาปูเสื่อปิกนิกนอนเล่นใต้ต้นมะม่วงข้างบ้านแทน มี ‘ซูชิ’ หมาพันธ์ชิสุของลูกปลาวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ ส่วนปูเป้วันนี้ไปชมรมสแต็ก (ไอ้ที่เขาแข่งเรียงแก้วกันน่ะ) ก่อนหน้านี้ปูเป้มีปัญหาเรื่องสมาธิสั้น แต่พอถูกส่งไปฝึกกีฬาชนิดนี้ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เห็นว่าเร็วๆ นี้จะได้ลงแข่งขันกับเขาด้วย ช่วงนี้ก็เลยต้องไปซ้อมทุกวันหยุด


“ไปเรียกเขาแบบนั้นได้ไง”  ผมเล่นกับเจ้าซูชิที่มาเลียมือ


“ทีทางนั้นยังเรียกเราว่าปลาร้าปลาเค็มเลย”  คนพูดยู่หน้าไม่พอใจ


พูดถึงกุ้งนาง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นประเด็นร้อนสำหรับชาวคณะวิศวะอยู่เหมือนกัน เพราะเธอได้เปิดตัวแฟนหนุ่มต่างคณะ เล่นเอาหนุ่มๆ ในคณะเดียวกันอกเดาะกันเป็นแถว   


“อือ เห็นว่าเป็นเด็กเศรษฐศาสตร์น่ะ ปี 3 แล้ว”  วันก่อนกุ้งนางเพิ่งแนะนำให้ผมรู้จักตอนที่เขามารับเธอที่คณะ


“ไหนว่าชอบชายต่ายนักหนาไง สุดท้ายก็ไปมีแฟนเป็นคนอื่น”


ผมยิ้มขำคนบ่นกระปอดกระแปดไปแกะเม็ดแตงโมออกจากเนื้อไป ก่อนป้อนมันให้ผม


“ปลาก็รู้ว่าเวลาที่พวกผู้หญิงบอกว่าชอบเรามันหมายความว่ายังไง”


มือที่กำลังแกะเม็ดแตงโมชะงัก ต่อด้วยเสียงถอนหายใจยืดยาว


“เป็นหนุ่มในฝันนี่ก็ลำบากเหมือนกันนะ”


ผมหัวเราะเบาๆ ..ใช่ ‘หนุ่มในฝัน’ ผู้หญิงที่มาชอบผมส่วนใหญ่มักจะมองผมเป็นแบบนั้น เป็นคนในฝัน เป็นผู้ชายแบบที่พวกเธอใฝ่ฝัน และพวกเธอก็พอใจเพียงแค่การฝันถึงผมเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้ผมเป็นคนในชีวิตจริงของพวกเธอ ดูเหมือนการคิดวางอนาคตร่วมกับผมจะเป็นที่หนักหนาสำหรับผู้หญิงหลายคน ..เหมือนบรรดาแฟนเก่าของผม พวกเธอก็แค่อยากจะลองฝันดีสักครั้ง ขณะที่ผมมีความหวังเสมอเมื่อเริ่มคบกับใคร หวังว่าคนนี้แหล่ะที่จะสามารถรักผมได้ในชีวิตจริงของเธอ แต่ที่ผ่านมามันก็จบลงก่อนที่ผมจะทันได้รู้ตัวทุกที..


มันเจ็บนะ ไม่ใช่ไม่เจ็บ ทั้งเจ็บทั้งเหงา แต่ก็ต้องยอมรับมัน แล้วปล่อยให้พวกเธอไป


แต่ครั้งนี้.. แค่ครั้งนี้ที่ผมยังไม่อยากถอดใจง่ายๆ ผมยังแอบหวังเอาไว้ลึกๆ ว่าผมกับรักเราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ บางทีครั้งนี้ผมอาจจะเลิกทำอะไรขัดใจรัก เลิกใจดีกับคนอื่น เลิกยิ้มให้คนอื่น แล้วก็มองเพียงแค่รัก... อะไรก็ตามที่มันจะทำให้รักมีความสุข ผมก็จะ...


“ชายต่าย?”


ผมทิ้งตัวลงนอน ยกแขนขึ้นปิดตาเอาไว้


“อย่าบอกนะว่าไปชอบกุ้งนางเข้าจริงๆ?”


“เปล่า..”  ผมพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น แต่มันก็ยากเต็มที


ลูกปลาเงียบไปพักใหญ่ จนผมสงสัยว่าเธอยังอยู่ตรงนี้หรือเปล่า จึงลดแขนลง แล้วก็ได้เห็นว่าเธอยังนั่งมองผมอยู่ที่เดิม


“ชอบเขามากเลยเหรอ?” 


ผมมองหน้าคนถามนิ่ง เพราะไม่แน่ใจว่าเธอกำลังพูดถึงใคร


“รักชาตินั่นน่ะ?”


“ดูออกด้วยเหรอ?”  ผมแปลกใจ เพราะที่ผ่านมาลูกปลาไม่เคยถามอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผมกับรักเลย แต่จู่ๆ มาถามแบบนี้ แปลว่าเธอรู้ แต่เลือกที่จะไม่พูดอย่างนั้นเหรอ?


“ดูไม่ออกจะเรียกว่าเพื่อนสนิทได้ไง”  เธอนั่งเท้าคางคุยกับผม เจ้าซูชิที่เล่นจนเหนื่อยหมอบหลับอยู่ข้างๆ


“แปลกไหม?”  ที่ผ่านมาลูกปลาก็เห็นว่าผมเคยมีแฟนเป็นผู้หญิง เลยอยากรู้ว่าเธอคิดเห็นยังไง


“ฮืมม ก็คงแปลกมั้ง แต่ไม่รู้สิ บางทีคู่แท้ของชายต่ายอาจจะถูกสร้างมาเป็นผู้ชายก็ได้”  เธอพูดยิ้มๆ  “ไหนๆ ก็ไม่เคยคบกับผู้หญิงได้นานอยู่แล้วนี่นะ”


“เป็นงั้นไป”


“แล้วนี่ทะเลาะกันหรือว่า..เลิกกัน?” 


ลูกปลาเริ่มเปิดเผยความอยากรู้อยากเห็นตามประสาผู้หญิงของตัวเองมากขึ้น จนผมอดยิ้มไม่ได้ ที่ผ่านมาก็คงจะอยากรู้มาตลอดสินะ แต่แทนที่จะถามรุกใส่ เธอกลับรอให้ผมเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน ..นี่ก็เป็นข้อดีอีกข้อหนึ่งของเธอ


“เกือบๆ ทั้งสองอย่าง”


“ยังไง?”


“ทางนั้นบอกเลิก แต่เราไม่ยอมรับ ก็เลยขึ้นเสียงกันนิดหน่อย ประมาณนั้น”


“ครั้งแรกเลยนะที่ได้ยินว่าชายต่ายไม่ยอมรับคำบอกเลยแบบนี้ ทุกทีไม่เห็นเคยยื้อใครไว้นี่นา”


“อือ เราไม่ได้อยากเลิกกับเขา..”


“งั้นที่ผ่านมาก็อยากเลิกน่ะสิ?”


“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น มัน.. ไม่รู้สิ ครั้งนี้เราแค่รู้สึกว่าไม่อยากให้มันจบลงแบบนี้”  ผมเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน เลยคิดว่าเปลี่ยนเรื่องดีกว่า  “ว่าแต่ปลาเหอะ คนที่เห็นคุยโทรศัพท์ด้วยบ่อยๆ ช่วงนี้น่ะ ว่าไง?”


จากนั้นเราก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องคนที่มาจีบลูกปลาแทน ความจริงลูกปลาก็มีชะตากรรมไม่ต่างจากผมเท่าไหร่หรอก เพราะความสวยของเธอทำให้ไม่ค่อยมีผู้ชายกล้าเข้ามาจีบมากนัก นอกจากคนที่มั่นใจในตัวเองจริงๆ ซึ่งก็มีน้อยมาก แล้วยิ่งเธออยู่กับผมบ่อยๆ ผู้ชายก็ยิ่งไม่กล้าเข้าใกล้ ส่วนใหญ่พอคิดว่ามีผมเป็นคู่แข่งก็มักจะฝ่อกันไปเอง จนลูกปลาเคยพูดเล่นๆ ว่า ถ้าอายุ 30 ต่างฝ่ายต่างยังโสด เราน่าจะมาแต่งงานกันนะ


ที่จริงตอนนั้นผมก็เคยแอบคิดว่ามันเป็นไอเดียที่ไม่เลวเหมือนกัน ฮ่ะๆๆ





“พี่ต่าย นี่โยที่เคยเล่าให้ฟัง ..โย นี่พี่ต่าย พี่ชายกวางเอง”


‘โย’ ที่น้องสาวผมแนะนำให้รู้จักในคืนวันลอยกระทง เป็นเด็กผู้ชายสูงเก้งก้าง ใส่แว่นสายตา ท่าทางเนิร์ด หน้าตาถือว่าธรรมดา ไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่มีอะไรให้จดจำ ถ้าเดินผ่านกันที่อื่นผมก็อาจจะจำมันไม่ได้ แต่มันนี่แหล่ะคือคนที่มาเบนความสนใจของน้องกวางไปจากผมในช่วงนี้


อืมมม เอาเถอะ อย่างน้อยหมอนี่ก็ทำให้ผมรู้ว่าน้องไม่ได้มองคนแค่เพียงรูปร่างหน้าตาภายนอก


ว่าแต่มันมีอะไรดีนะ? ถึงมาถูกตาต้องใจน้องสาวผู้สุดแสนจะน่ารักของผมได้ ฮืมม ข้อดีของมันคืออะไร?


“ส..สวัสดีครับ”  หมอนั่นยกมือไหว้ เพื่อนชายหญิงอีกสามสี่คนของมันพลอยยกมือไหว้ตามด้วย


“อือ”  ผมพยักหน้ารับส่งๆ พวกเด็กผู้ชายดูฝ่อๆ กันไป แต่พวกเด็กผู้หญิงยังหน้าแดงเขินอายกันได้อยู่


“ทำตัวดีๆ หน่อยสิ”  ผมถูกน้องแอบบิดเบาๆ เลยหันไปเขม่นไอ้เด็กโยอีกที ชักเคืองแฮะ


“พี่ต่ายไม่มีคู่มาลอยด้วยเหรอปีนี้”  พอกลุ่มเราเริ่มออกเดิน ‘แนน’ หนึ่งในเพื่อนสนิทน้องสาวผมก็ขยับมาเดินตีคู่


“เพิ่งถูกทิ้งมาน่ะสิ”  น้องสาวที่เดินนำหน้าหันมาแซว ทั้งที่ไไม่รู้หรอกว่ามันแทงใจดำผมตรงเป๊ะเลย


“อย่างพี่ต่ายเนี่ยนะ? ตลกเหอะ”  ไอ้เด็กโยพูดกับกวาง


“ไม่ตลกหรอก”  ผมพูดหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไร  “อย่างนี้ยังถูกทิ้งได้ อย่างนายก็คงไม่เกินสิ้นปีหรอก”


“พี่ต่าย!!!” น้องสาวผมหน้าแดง ส่วนไอ้แว่นนั่นหน้าซีด..





ยิ่งใกล้ถึงริมน้ำ คนก็ยิ่งแน่น ไม่รู้คนแห่มาจากไหนนักหนา อย่างกับกรุงเทพฯไม่มีที่อื่นให้ลอยแล้วงั้นแหล่ะ ผมแน่ใจเลยว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมจะมาลอยกระทงที่นี่ ตอนลงไปริมน้ำผมหวิดจะโดนเบียดตกน้ำแน่ะ นี่ขนาดผมเป็นผู้ชายตัวค่อนข้างใหญ่นะ ไม่ต้องพูดถึงคนแก่กับเด็กเล็กๆ เลย เห็นแล้วสงสาร


ขากลับขึ้นมาด้านบนผมดันพัดหลงกับกลุ่มของน้องสาวอีก โทรศัพท์ก็ลืมเอามา งานนี้เหลือตัวคนเดียวอย่างแท้จริง เพิ่งรู้ว่าการมางานลอยกระทงโดยไม่มีคนเดินข้างๆ มันเหงาบัดซบยังไง มองไปทางไหนก็เจอแต่คนมีคู่ ถึงจะมีสาวๆ หลายคนส่งสายตาประมาณว่าพร้อมจะเปลี่ยนโพสิชั่นมาเป็นข้างๆ ผมทันทีที่ผมต้องการก็เถอะ แต่ก็นั่นแหล่ะ ผมไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะทำอะไรแบบนั้นหรอก ที่จริงผมจะกลับบ้านเลยก็ได้ น้องผมไปกับไอ้แว่นนั่นและเพื่อนอีกกลุ่มใหญ่คงไม่เป็นไปไร(อีกอย่างผมก็ข่มขวัญพวกมันเอาไว้กลายๆ แล้วด้วย) แต่ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว เห็นเขาว่ามีการแสดงดอกไม้ไฟด้วย ก็เลยว่าจะอยู่ดูสักหน่อยแล้วค่อยกลับ


ผมเดินห่างออกมาจากฝูงชน ไม่ได้สนการแสดงหรือบูธนิทรรศการอะไร แค่อยากหาที่โล่งๆ รับลมเย็นๆ ระหว่างรอดูดอกไม้ไฟก็แค่นั้น แต่พอคนเริ่มเบาบาง ผมถึงเริ่มรู้สึกตัวว่าอากาศคืนนี้มันหนาวเอาเรื่องเหมือนกัน ยิ่งอยู่ริมน้ำที่มีลมพัดยังแรงแบบนี้ยิ่งไปกันใหญ่ แถมผมยังใส่มาแค่เชิ้ตตัวเดียวด้วย อ่า แต่หนาวกายยังพอทนได้ ไอ้หนาวใจนี่สิ...ไม่เอาดีกว่า ชักจะน้ำเน่าแฮะ


“รัก..”  ตาผมเหลือบไปเห็นใครบางคนที่แสนคิดถึงเดินอยู่กับกลุ่มเพื่อน แม้จะค่อนข้างไกลแต่ผมก็แน่ใจว่าต้องใช่แน่ ขาของผมก้าวตามไปก่อนที่สมองจะได้คิดเสียอีก แต่แค่ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงชายเสื้อจากทางด้านหลัง


ผมหันไปมองตอนแรกไม่เห็นใคร พอเลื่อนสายตาลงต่ำอีกหน่อยจึงเห็นปูเป้กำลังเงยหน้ามองผมอยู่ น้องใส่เสื้อกันหนาว(แบบไม่หนามาก)ผูกผ้าพันคอเตรียมพร้อมกับสภาพอากาศมาผิดกับผมเลย แต่เหลียวมองรอบตัวก็ไม่เห็นครอบครัวของปูเป้สักคน หันกลับไปมองทางที่เห็นรัก แต่รักก็หายไปแล้วเหมือนกัน


“คนอื่นล่ะ?”  ผมถาม ปูเป้น่าจะมากับพ่อและแม่ ส่วนลูกปลาต้องไปช่วยงานลอยกระทงที่มหา’ลัย


“ไม่รู้เหมือนกัน”  คนตอบส่ายหัว เสียงอู้อี้ทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นหวัด มิน่าถึงได้ผูกผ้าพันคอมาด้วย  “ผมเห็นต่ายก็เลยหยุดมอง หันกลับไปอีกทีพ่อกับแม่ก็หายไปแล้ว”


“แล้วกัน...”  ผมถอนหายใจ แต่พอนึกสถานการของตัวเองได้ก็ยิ้มออกมา  “งั้นเราก็เด็กหลงเหมือนกันสิเนี่ย”


“ไม่เป็นไรหรอก ผมมีโทรศัพท์”  ปูเป้ชูสิ่งที่ว่าให้ดู  “เดี๋ยวโทรบอกแม่ว่าอยู่กับต่ายก็ได้”


“งั้นก็พึ่งได้กว่าพี่เยอะเลย..”


สุดท้ายผมก็ต้องยืมโทรศัพท์ปูเป้โทรหาน้องสาวตัวเอง ถูกบ่นใส่ชุดใหญ่ที่จู่ๆ ก็หายตัวไป(อย่างกับผมตั้งใจงั้นแหล่ะ) เพราะจุดที่เราอยู่ค่อนข้างไกลกัน เลยตกลงกันว่าหลังการแสดงดอกไม้ไฟจบ ให้ต่างคนต่างกลับบ้านไปเลย


“ต่ายหนาวเหรอ?”  เสียงปูเป้ถาม


“อื้อ”  ลมที่พัดอย่างต่อเนื่องทำให้ผมต้องยกแขนขึ้นกอดตัวเอง  “รู้งี้น่าจะใส่เสื้อหนาๆ กว่านี้สักหน่อยก็ดี”


“ช่วยย่อตัวลงหน่อยสิ”


ผมงงกับคำขอนั้น แต่ก็ย่อตัวลงอย่างว่าง่าย ปูเป้แกะผ้าพันคอตัวเองแล้วเอามาพันให้รอบคอผม


“มันจะดีเหรอ ปู?”  ผมไม่แน่ใจ  “ป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอเรา? พี่ว่าทำตัวให้ออุ่นๆ ไว้ดีกว่านะ”  จะเอาไปผูกคืนให้ แต่อีกฝ่ายห้ามเอาไว้ก่อน


“ผมหายแล้ว”  ยืนยันทั้งที่เสียงอู้อี้แบบนั้นแหล่ะ  “แล้วผมก็เป็นผู้ชาย หนาวแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”


“เอ่อ.. พี่ก็เป็นผู้ชายนะ แถมยังโตกว่าด้วย เพราะงั้น..”


“ไม่เกี่ยวกับเด็กหรือโตหรอก!”  ปูเป้พูดแทรก ทำให้ผมต้องหยุดฟัง  “ผมปกป้องต่ายได้นะ..”  คนพูดเสียงแผ่วลงเรื่อยๆ สวนทางกับหน้าที่แดงขึ้นเรื่อยๆ จนเห็นได้ชัดแม้จะอยู่ในที่มีแสงไม่มากนัก


“ถึงจะเด็กกว่า แต่ผมก็ปกป้องต่ายได้นะ..”


“ข..ขอบใจ”  แล้วก็ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกคล้ายกับจะหน้าแดงตามไปด้วย



วี้ดดดดด.. ปัง ปัง ปัง ปัง!


ก่อนที่ความสนใจของพวกเราจะถูกดึงดูดไปด้วยดอกไม้ไฟที่ส่องแสงระยิบระยับบนท้องฟ้า



(ต่อ)

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
(ต่อ)



ผมนั่งมองนักโทษเด็ดขาดคนหนึ่งถูกนำตัวเข้ามาในห้องด้วยท่าทางสงบผ่านกระจกใสและลูกกรงเหล็กแข็งแรงอีกสองชั้น เมื่อเขานั่งลงตรงข้ามกับผมและยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู ผมจึงทำแบบเดียวกัน


“แกใส่ชุดดำมาอีกแล้วทั้งที่รู้ว่าฉันไม่ชอบ”


“ครับ”


“สีนี้มันไม่เหมาะกับแกหรอก ..ไม่เหมาะกับฉันเหมือนกัน”


“แต่คุณดูเหมาะกับชุดนักโทษดีนะครับ”


“ใครจะเหมาะกับมันเท่าฉันอีกล่ะ”  เขาพูดยิ้มๆ  “แต่จะว่าไปก็เริ่มคิดถึงสูทอิตาลีเหมือนกันนะ”


บนใบหน้าที่หนวดเคราถูกโกนเพียงลวกๆ นั้นมีจำนวนริ้วรอยเพิ่มขึ้นทีละน้อยทุกครั้งที่ผมได้เห็น ความจริงแล้วเขาไม่ได้ดูเหมาะกับชุดนักโทษเลยสักนิด ทั้งรูปร่างหน้าตาที่แม้จะร่วงเลยเข้าวัยกลางคนแล้วก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และแรงดึงดูดที่น่าประหลาด ทั้งน้ำเสียงทุ้มนุ่มชวนฟังเวลาพูดจา หรือท่าทางสุภาพ ใจเย็น แบบสุภาพบุรุษ.. ทุกอย่างที่เห็นในตัวเขามันดูขัดกับสถานที่และเครื่องแบบที่ใส่อยู่อย่างที่ใครก็คงจินตนาการไม่ออก เขาดูแปลกแยกจากคนอื่นอย่างชัดเจน คนแบบเขาไม่น่ามีอยู่ในที่แบบนี้ได้.. แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ ถ้าใครได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา คุณก็จะรู้เองว่าไม่มีสถานที่ไหนในโลกใบนี้ที่เหมาะกับเขาเท่า ‘เรือนจำ’ อีกแล้ว


“ท่าทางยังดูแข็งแรงดีนี่ครับ”


“คงทำให้แกผิดหวังน่าดูเลยสิ”


“ครับ ผมเฝ้ารอให้ทางเรือนจำแจ้งให้มารับศพคุณอยู่ตลอดแหล่ะ แต่มันก็ยังไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้ง”


“แหงล่ะ ไม่งั้นฉันคงไม่ได้มานั่งคุยกับแกแบบนี้หรอก ลูกชาย”  เขาหัวเราะเบาๆ


ใช่ ผมเป็น ‘ลูกชาย’ เขา เพราะเขาคือ ‘พ่อ’ ของผม ทุกปีพอใกล้ถึง ‘วันพ่อ’ ผมก็จะมาเยี่ยมเขาแบบนี้ ทำมา 4 ปีแล้วตั้งแต่ผมเริ่มมาที่นี่คนเดียวได้ ส่วนก่อนหน้านี้แม่ผมเคยพามาบ้าง นานๆ ครั้ง ตามคำขอร้องของเขาก่อนเข้าคุก


“ยิ่งโตแกก็ยิ่งเหมือนฉัน”  เขาพูดหลังใช้เวลาพิจารณาใบหน้าผมอยู่ครู่หนึ่ง


“ถือเป็นความโชคร้ายของผมเอง”


เป็นความจริงที่ไม่น่าดีใจนักที่ผมดันเกิดมามีหน้าตาละม้ายคล้ายเขา ไม่ว่าจะโครงหน้า จมูก ตา หรือกระทั่งเวลายิ้ม ทุกครั้งที่ผมส่องกระจก ผมก็มักจะมองเห็นใบหน้าของใครอีกคนซึ่งมีอายุมากกว่าซ้อนทับอยู่เสมอ ..ใช่ว่าผมอยากให้มันเกิดขึ้นซะเมื่อไหร่


“คงมีแค่แกที่คิดแบบนี้”


“แม่ก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน”


“แม่แกเป็นยังไงบ้าง?”


“สบายดี.. มีพ่อหม้ายนายพลมาตามจีบ”  ผมพูดแล้วรอดูปฏิกิริยาของเขา


“ฟังดูดีนี่”  เขายังคงควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีเยี่ยมจนน่าหงุดหงิดเช่นเดิม  “แต่หมอนั่นคงต้องไปตามหาแม่หม้ายคนใหม่แล้วล่ะ ตราบใดที่แม่แกยังไม่ลืมว่าใครเป็นคนส่งฉันเข้ามาอยู่ในนี้ เธอคงทำใจมีผัวใหม่ไม่ได้หรอก ฉันรู้จักเธอดี”


คนที่มีส่วนสำคัญทำให้เขาต้องเข้ามาอยู่ในนี้ก็คือแม่ผมเอง ถ้าแม่ไม่ขึ้นเป็นพยานฝ่ายโจทย์ในคดีสำคัญตามคำแนะนำของตำรวจเจ้าของคดีและที่เป็นเพื่อนกับคนรักเก่าของแม่ เขาก็อาจจะดิ้นหลุดจากโทษทัณฑ์ไปได้ด้วยอำนาจเงินและเส้นสายที่มีอยู่ในมือตอนนั้น


ทุกวันนี้แม่ก็ยังรู้สึกผิดต่อเขาอยู่ แต่เพื่อความถูกต้อง และอนาคตของลูกๆ แม่จึงไม่เคยนึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป แม่เคยบอกผมแบบนั้น ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ แม่ก็คงจะทำเหมือนเดิม


“แต่ถ้าคุณตายมันก็อีกเรื่อง”


“นั่นคงนานหน่อยแหล่ะ ฉันว่าจะอยู่ชดใช้โทษให้หมดซะก่อน..”  คนพูดยิ้มขำๆ  “เป็นไง ฟังดูเป็นคนดีขึ้นไหม?”


“โทษ 120 ปี..”


มันอาจฟังดูเหมือนเรื่องตลกที่มนุษย์คนหนึ่งซึ่งมีอายุไขไม่น่าจะเกิน 100 ปี แต่กลับต้องโทษทัณฑ์ให้ต้องจำคุกถึง 120 ปี แต่ถ้าดูจากคดีที่เขาเคยก่อทั้งบงการอุ้มฆ่า ลักพาตัว มาเฟีย ยาเสพติด และอื่นๆ เท่าที่สมองชั่วร้ายของเขาจะคิดได้ การรอดพ้นจากโทษประหารมาได้ถือเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อยิ่งว่า ทั้งนี้เนื่องจากหลายคดีร้ายแรงถูกศาลยกฟ้องเพราะว่าหลักฐานยังอ่อนเกินไป หนึ่งในนั้นก็มีคดีลักพาตัวนักธุรกิจชาวฮ่องกง คนรักเก่าของแม่ และเป็นพ่อแท้ๆ ของพี่หงษ์พี่สาวของผมรวมอยู่ด้วย


หลังจากพ่อพี่หงษ์หายสาบสูญ(ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว) แม่ก็ถูกยื่นข้อเสนอให้แต่งงานใหม่กับ ‘เขา’ พ่อของผม เพื่อแลกกับความอยู่รอดของตัวเอง หนี้สินก้อนโตของสามีที่ไม่รู้ว่ามาได้ยังไง และสุดท้ายคืออนาคตของลูกสาววัย 3 ขวบ(ในขณะนั้น) เหตุผลข้อหลังสุดทำให้แม่ตัดสินใจยอมรับข้อเสนอนั้นแต่โดยดี


ถัดจากนั้นอีก 1 ปี ก็มีผมคนนี้ออกมา..


เขาปฏิบัติแม่และลูกๆ อย่างดีตามที่ให้คำสัญญา เขารักแม่มากกว่าใครทั้งหมด และแม่เองก็ตกหลุมรักเขาเช่นกัน แต่ทั้งหมดนั่นมันก็ไม่ได้ทำให้แม่ลืมว่าผู้ชายคนนี้เคยทำเรื่องเลวร้ายอะไรไว้บ้าง เมื่อได้รับคำข้อร้องจากเพื่อนรักของสามีเก่าที่ติดตามคดีของเขามาหลายปี แม่จึงตกลงให้ความร่วมมือ


แม่เล่าเรื่องพวกนี้ให้ผมฟังเพื่อให้ผมรู้ว่าผมเป็นใคร และพ่อของผมเป็นใคร มาจากไหน เคยทำอะไรไว้บ้าง ไม่ใช่เพื่อให้ผมเกลียดเขา แต่อยากให้ผมให้อภัยแก่เขา และเก็บเรื่องราวของเขาไว้เป็นเครื่องเตือนใจ..ว่าอย่าได้เดินซ้ำรอย


มันคงจะเป็นการโกหกหากผมบอกว่าผมสามารถอภัยให้เขาได้แล้วทั้งหมด ผมไม่เคยคิดเกลียดเขาก็จริง แต่ผมยังคงโกรธเขาอยู่ โกรธที่จนถึงทุกวันนี้แม้เขาจะไม่ได้ขังตัวแต่ก็ยังขังหัวใจของแม่เอาไว้ ผมอยากให้แม่ตัดใจแล้วเปิดโอกาสให้คนดีที่คู่ควรเข้ามาในชีวิตของแม่บ้าง ผมอยากเห็นแม่มีความสุข ไม่ใช่ยึดติดแต่กับคนที่เคยทำร้ายทำลายชีวิตของแม่แบบนี้


แล้วพอผมพูดเรื่องนี้กับแม่ และแม่ก็บอกกับผมว่า.. ‘ถึงครั้งหนึ่งพ่อจะเคยทำลายชีวิตของแม่ แต่พ่อก็ได้ให้ชีวิตใหม่แก่แม่ ที่สำคัญ พ่อได้ให้พี่ต่ายกับน้องกวางแก่แม่ แค่นี้แม่ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วล่ะ’


แม่เป็นผู้หญิงแกร่งที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ เพราะแบบนี้ผมจึงรักและนับถือแม่มาก แม่พยายามทำดีที่สุดเพื่อดูแลเรา 3 พี่น้องหลังจากพ่อถูกจับไปแล้ว ด้วยตัวเพียงลำพัง และไม่ขอรับความช่วยเหลือจากเงินของพ่อแม้ทางนั้นจะเต็มใจให้ก็ตาม โชคดีที่ ‘เจ้าสัวสันต์’ เจ้านายเก่าของแม่ให้ความเมตตา ก่อนพบรักกับพ่อพี่หงษ์แม่เคยเป็นแอร์โฮสเตสในสายการบินของเจ้าสัวมาก่อน หลังแต่งงานจึงลาออกมาเลี้ยงลูก แต่พอเกิดเรื่องราวคราวนั้น เจ้าสัวก็รับแม่กลับเข้าไปทำงานใหม่ แต่ในสายงานของเลขาผู้บริหารตามที่แม่เรียนจบมา


“เหลือ 103 ปีแล้ว ลูกชาย”


จริงสินะ ตอนที่เขาถูกจับดำเนินคดี ผมเพิ่งจะ 2 ขวบเท่านั้น ยังพูดจาไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ เรื่องความทรงจำเกี่ยวกับช่วงเวลานั้นคงไม่ต้องพูดถึง ไม่มีอยู่แล้ว ส่วนน้องสาวผมตอนนั้นยังอยู่ในท้องแม่อยู่เลย ก็เท่ากับเขาใช้เวลาอยู่ในคุกเท่าอายุของน้องผมพอดี ..17 ปี แต่เขาก็ยังดูสุขสบายดีนี่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาคงไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ทั่วไปหรอก


“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่ประหารพ่อไปซะ เลี้ยงไว้ก็เปลืองข้าวเปล่าๆ”


“เก็บฉันไว้ก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ซะทีเดียว”


ผมเหลือบมองกล้องวงจรปิด แล้วเปลี่ยนใจไม่พูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกไป 


“ก่อนหน้านี้ไอ้แกรี่ก็มาเยี่ยมฉัน แต่แกคงได้เจอมันตั้งแต่วันแรกที่มันกลับมาเลยสิ? มันเล่าให้ฉันฟังน่ะ ท่าทางมันยังรักยังหลงแกเหมือนเดิมเลยนี่”


“ก็เหมือนกับที่ผมรักคุณนั่นแหล่ะ”


“น้ำตาจะไหล”  เขาพูดยิ้มๆ อีกครั้ง


“เชิญร้องไห้ได้ตามสบายเลย”


“ทำไมแกไม่เอาอย่างแกรี่บ้างล่ะ ใช้ชีวิตให้เต็มที่ อยากได้อยากทำอะไรก็ทำ ชีวิตนี้มันสั้นนะ เงินที่ฉันใส่บัญชีแกไว้มีมากพอให้ซื้อบ้านใหญ่ๆ สักหลัง กับรถสปอร์ตหรูๆ มาขับเล่นสักคันก็ยังได้”


“ของแบบนั้นไม่จำเป็นสำหรับผมหรอก แล้วผมก็ไม่ต้องการแตะต้องเงินสกปรกของคุณด้วย”


“ฮ่ะๆๆ แกนี่มันได้นิสัยของแม่มาจริงๆ ทั้งเย่อหยิ่งจองหอง แต่กลับดูมีเสน่ห์”  เขาหัวเราะถูกใจ  “มันทำให้ฉันตกหลุมรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้นเลยล่ะ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่สร่างซา ..ต่อให้เธอจะหักหลังฉันอีกสักกี่หนก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน”


“แต่สำหรับ 120 ปีที่ต้องติดแหง็กอยู่ในคุกแม้จะกลายเป็นกระดูกไปแล้ว คุณก็ยังคิดว่าชีวิตนี้มันสั้นอยู่อีกเหรอ?”  ผมไม่สนใจที่เขาเพ้อถึงแม่ แต่พูดในสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูดต่อไป  “ผมขอร้องล่ะ อย่าส่งเสริมแกรี่ไปในทางที่ผิดอีกเลย ผมไม่อยากเห็นเขาต้องมาจบลงที่นี่เหมือนคุณ ..ถึงยังไงเขาก็เป็นพี่ชายผม”


ต่อให้แกรี่จะเคยร้ายกับผมยังไง ผมก็ไม่นึกอยากเห็นเขาต้องกลายเป็นนักโทษเหมือนพ่อหรอก


“ฉันไม่เคยส่งเสริมอะไรมัน ก็แค่วางทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมีเอาไว้ให้ เหมือนกับแก เหมือนกับลูกทุกคน ส่วนพวกแกจะหยิบฉวยเอาอะไรไปบ้าง เรื่องนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกแกเอง.. แม่แกไม่บอกเหรอว่าฉันเป็นพวกไม่ชอบบังคับใคร”


เขาไม่บังคับ.. ก็แค่บีบให้อีกฝ่ายไม่มีทางเลือกอื่น ..เหมือนอย่างที่เคยทำกับแม่ผม เขามันพวกเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัด!


“แต่ถ้าแกเป็นห่วงมัน..”


ผมจ้องตาลึกเข้าไปในตาคนพูดผ่านกระจกหนาและลูกกรงเหล็ก เขายกยิ้มขึ้นคล้ายเยาะ


“แกก็สั่งสอนมันเองเลยสิ”






วันเวลาผ่านไปเร็วมากจนน่าใจหาย ไม่ทันไรก็ย่างเข้าเทศกาลนับถอยหลังสู่ศักราชใหม่แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคนรอบตัวช่วงนี้ก็เป็นปกติดี กับแกรี่ก็บังเอิญเจอกันหลังจากคืนนั้นอยู่ 2 ครั้ง และทั้ง 2 ครั้งมันก็ยังตั้งหน้าตั้งตากวนประสาทผมเหมือนเดิม ส่วนที่มหา’ลัยก็เรื่อยๆ กับไอก็คุยกันได้ปกติ ไอไม่เคยพูดถึงเหตุการณ์วันที่เขาปาลูกอมใส่หัวผมอีก ส่วนผมก็ทำเป็นลืมๆ มันไป แม้จะยังรู้สึกข้องใจอยู่บ้าง แต่ก็คิดไปว่าดีแค่ไหนแล้วที่ไอไม่โกรธที่ผมไปสอดเรื่องส่วนตัวของเขากับกี๋


จนกระทั่งหลายวันก่อนผมไปเล่นเกมส์ที่หอพักของเขาตามคำชวนของเมโล่ แล้วเราก็ได้เข้าไปในห้องของไอด้วย ผมไปเจอตุ๊กตาหน้าตาประหลาดที่ดูคล้ายกับกระต่ายในห้องนั้นเข้า ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนนั้นผมพูดอะไรออกไป แต่เพียงแค่หันหลังให้ผมก็ถูกไอ้ตุ๊กตาบ้านั่นพุ่งเข้าใส่หัว ..แน่นอนว่าด้วยฝีมือของไอ แถมยังถูกไล่ออกมาจากห้องพร้อมกับเมโล่ที่เหมือนจะโดนลูกหลงเพราะผมไปด้วย ต่างคนต่างงงเป็นไก่ตาแตกอ่ะวันนั้น  แต่พอวันต่อมาเราเจอกันที่มหา’ลัย ไอก็ทำตัวเหมือนเดิมเหมือนกับเรื่องเมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้น จนผมเริ่มงงแล้วว่าไอที่อารมณ์ดีเป็นนิตย์ กับไอที่อารมณ์แปรปรวน ไอคนไหนคือตัวจริงกันแน่?


ลองเลียบๆ เคียงๆ ถามเมโล่ หมอนั่นก็บอกว่า ‘ไออ่ะเอาแต่ใจ.. แต่ก็ใจดี แล้วก็ชอบแบ่งขนมให้เค้า แล้วก็เท่ห์มาก เพราะงั้นเรื่องหยุมหยิมที่บันนี่ถามเค้าไม่ใส่ใจหรอก’


ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสุนทรพจน์นั่นแปลเป็นภาษามนุษย์โลกว่ายังไง..


ส่วนกับรัก.. ไม่อยากจะเชื่อว่าเราจะห่างกันมาได้เดือนกว่าแล้ว จนถึงตอนนี้รักก็ยังไม่ได้มาบอกเลิกกับผม(อีกรอบ) แต่สถานการณ์ระหว่างเราก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น ทีแรกที่ผมยื่นเสนอแบบนั้นก็เพราะอยากจะซื้อเวลาแม้เพียงอีกเล็กน้อยก็ยังดี แต่มาถึงตอนนี้.. การรอคอยอย่างไม่มีจุดหมายมันก็ทำให้ทรมานได้ไม่แพ้กัน 



วันสุดท้ายของการสอบมิดเทอม พอกลับมาถึงบ้านผมก็เห็นแม่กับพี่สาวและน้องสาวผมนั่งกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ดูเหมือนพวกสาวๆ จะกำลังปรึกษาหารือเรื่องการใช้วันหยุดยาวในช่วงปีใหม่ร่วมกันอยู่


“ไร่องุ่นที่วังน้ำเขียวเหรอ?” ผมแปลกใจเมื่อได้ยินแม่เผยแผนการเที่ยวสำหรับปีนี้ให้ฟัง


“ใช่ แม่บอกว่าเมื่อก่อนเป็นไร่องุนไวน์อย่างเดียว แต่ตอนนี้เขาเปิดเป็นรีสอร์ทให้นักท่องเที่ยวเข้าพัก เปิดให้เยี่ยมชมไร่องุ่น รวมทั้งมีเทศกาลเก็บองุ่นให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกกันด้วยล่ะ!”  น้องพูดอย่างตื่นเต้น


“เราไม่ได้ไปเที่ยวไหนด้วยกันทั้งครอบครัวนานแล้วนะ”  แม่ว่า 


“พี่หงษ์ก็ไปด้วยเหรอครับ?”  นี่ก็อีกเรื่องที่ทำให้แปลกใจ ทุกทีถ้ามีเทศกาลแบบนี้พี่จะไม่ยอมห่างแฟนไปไหน เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะถือโอกาสแอบไปนอกใจอีก แล้วปีนี้..?


“พี่ไปด้วย”  พี่พูดด้วยรอมยิ้มที่มีไม่กังวลหรือลังเลจนผมรู้สึกสะกิดใจ


“ไปเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เผื่อพี่ต่ายจะร่าเริงขึ้น”  แม่หันมาลูบหัวผม


“แม่..”


“ได้ยินว่าช่วงนี้ต่ายดูเงียบๆ ไป พวกเราทุกคนเป็นห่วงนะ”  พี่หงษ์บอก


“ต่ายขอโทษทุกคนที่ทำให้ต้องกังวลนะครับ”  ผมรู้สึกผิดจากใจ ถึงก่อนหน้านี้จะไม่มีใครพูดอะไร แต่ทุกคนก็เฝ้ามองผมด้วยความเป็นห่วงอยู่ตลอดสินะ


ผมควรต้องทำตัวให้เข้มแข็งมากกว่านี้แล้วล่ะ อย่างน้อยก็จะได้ไม่ทำให้คนที่รักและห่วงผมจริงๆ อย่างครอบครัวที่ผมรักนี้ไม่สบายใจ





“อีกไกลไหมอ่ะ พี่ต่าย? หนูปวดชิ้งฉ่อง”  น้องสาวผมเริ่มกระวนกระวายเมื่อนั่งรถมานานก็ยังไม่ถึงที่พักสักที


“ตามจีพีเอสนี่น่าจะไม่เกิน 10 โลนะ”  ผมบอก แม่นั่งอยู่ข้างผม ส่วนพี่หงษ์นั่งหลังกับน้องกวาง


“10 โล?!”


“ไม่ไหวก็ลงไปนั่งข้างทางก่อนสิ”  พี่หงษ์แนะนำ


“จะบ้าเหรอ”  น้องหัวไปแหว


“หลับตาซะก็ไม่เห็นใครแล้ว”  แม่พูดกลั้วหัวเราะ ผมกับพี่เลยพลอยหัวเราะตามไปด้วย


“แม่อ่ะ!”  แต่น้องไม่ขำ ฮ่ะๆๆ 


“ทางเข้าลึกขนาดนี้ แม่มารู้จักได้ยังไงคะ?”  พี่หงษ์ถาม ผมเองก็แปลกใจ มันไม่ใช่รีสอร์ทแบบใครผ่านไปผ่านมาแล้วจะบังเอิญเห็นได้ มันต้องตั้งใจเข้าไป สองข้างทางจึงมีแต่ฟาร์มแต่ไร่ ไม่มีร้านรวงหรือปั๊มน้ำมันให้เห็นเลย


“ไร่ของเสธ.ดี้เขาน่ะ”


ลมหายใจผมสะดุดไปชั่วขณะหนึ่ง หมายความว่าไร่องุ่นที่เราจะไปนี่เป็นกิจการของที่บ้านรักงั้นสิ.. รักเคยเล่าให้ฟังเหมือนกันว่าที่บ้านมีโรงบ่มไวน์ มีไร่องุ่นไวน์อยู่ที่วังน้ำเขียวซึ่งประกอบกิจการมาตั้งแต่รุ่นปู่ และเมื่อไม่กี่ปีมานี้พ่อของเขาก็ได้พัฒนามันให้เป็นรีสอร์ทสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย มีญาติของพ่อเขาเป็นคนดูแล ส่วนเขากับครอบครัวก็จะมาพักที่นี่บ้างช่วงวันหยุดยาว.. แล้ววันหยุดยาวคราวนี้รักจะอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่านะ?


“เขาเคยแนะนำแม่หลายทีแล้ว บอกว่าถ้ามีโอกาสก็อยากให้ลองมาดูสักครั้ง อากาศดี อาหารกับไวน์อร่อย วิวทิวทัศน์สวย เขาโฆษณางี้นะ”  แม่พูดแล้วก็หัวเราะ  “ครั้งนี้เลยเป็นโอกาสดี”


“แล้วแม่มานี่ได้บอกท่านหรือเปล่าคะ?”


“เปล่าหรอก กลัวว่าถ้าเขารู้แล้วจะให้พักฟรีน่ะสิ แม่ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เกรงใจเขา แล้วเราไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย”


“งั้นก็เป็นซะสิคะ”  น้องกวางแซว เลยโดนแม่หันไปตีเบาๆ


“ถึงแล้ว”  ผมประกาศเมื่อมองเห็นป้ายชื่อไร่ สาวๆ ในรถดูตื่นเต้นขึ้นมาทันที





ตอนที่จอดรถเรียบร้อย กำลังขนกระเป๋าลง ก็มีรถอีกคันขับมาจอดข้างเรา ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งได้ยินเสียงใครสักคนทักขึ้นนั่นแหล่ะ


“อ้าว นั่นน้องบันนี่ไม่ใช่เหรอ?”


ผมหันไปมองตามเสียง เห็น ‘พี่ป่าน’ นายสัตวแพทย์ที่เปิดคลีนิกรักษาสัตว์อยู่แถวหอของเมโล่กำลังโบกไม้โบกมือให้ จากนั้นก็เห็น ‘ลุงหมี’ ของเมโล่เปิดประตูฝั่งคนขับตามลงมา ประตูหลังถูกเปิดออกพร้อมกัน หนึ่งในนั้นเป็นเมโล่อย่างไม่ต้องสงสัย


“บันนี่~”


คงขาดไม่ได้ ครอบครัวสุขสันต์ขนาดนี้ จากที่เคยไปหอเมโล่มาสองครั้ง ไม่ต้องมีคนบอกผมก็พอจะเดาออกว่าพี่ป่านกับลุงของเมโล่กำลังคบหากันอยู่ ส่วนผู้โดยสารอีกคน..


“ไอ?”


“แหม่ บังเอิญจริง”  ไอพูดแล้วยิ้มอย่างที่ชอบทำ



ระหว่างที่เดินแบกกระเป๋าทั้งของคุณนายแม่ คุณนายพี่ และคุณนายน้องตามหลังผู้จัดการรีสอร์ทที่เดินมารับถึงรถ ก็แอบได้ยินพี่ป่านที่สนิทกับสาวๆ บ้านผมได้อย่างรวดเร็วเม้าท์ให้ฟังว่าความจริงไม่ได้ตั้งใจจะมาที่นี่กันหรอก แต่รีสอร์ทแรกที่จองไว้เกิดความผิดพลาดอะไรสักอย่าง พนักงานยกห้องให้ลูกค้าคนอื่นไป แล้วห้องพักมันก็เต็มหมดแล้วด้วย ทางเจ้าของเลยรับผิดชอบด้วยการแนะนำให้พวกเขามาพักที่ไร่นี้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันและมีระดับดีกว่า โดยตกลงว่าทางนั้นจะออกค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกินจากที่เก่าให้ด้วย พวกเขาก็เลยได้มาที่นี่กันอย่างที่เห็น


แต่ความอังเอิญดูเหมือนจะยังไม่สิ้นสุดแค่นั้น ระหว่างรอเช็คอินอยู่ที่รอบบี้ ไอที่กำลังคุยอยู่กับผมจู่ๆ ก็เงียบไป ผมรู้สึกผิดปกติก็เลยหันไปมองทิศเดียวกับสายตาไอ แล้วก็เห็น ‘กี๋’ กับแฟนของเธอเดินมาติดอะไรบางอย่างกับรีเซฟชั่น


“ไอ..”  ผมกลับมามองไอ แต่ไอเบือนหน้าไปทางอื่น


“ได้กุญแจมาแล้วจ้า”  แม่ผมกับพี่ป่านกลับมาพอดี พวกเราทั้งหมดจึงเคลื่อนพลออกจากรอบบี้ไปยังเรือนที่พัก


แต่เดินออกมาได้ไม่เท่าไหร่ ก็เห็นเสธ.เจ้าของไร่เดินยิ้มแฉ่งมาหาแต่ไกล ข้างหลังมีลูกชายคนโตและคนเล็กเดินตามมาด้วย


“เหมือนรู้ว่าแม่จะมาเลย”  พี่หงษ์กระซิบ ต่อด้วยเสียงแซวของน้องกวาง


“แบบนี้หรือเปล่าน้าที่เขาว่า พรหมลิขิต~”



พรหมลิขิตสินะ.. ผมแอบยิ้มกับตัวเองขณะจ้องตรงไปยังคนที่ทำให้คิดถึงมาเป็นเดือน










TBC.
ตอนนี้ไม่มีอะไรมาก เป็นชีวิตส่วนตัวของคุณชายซะส่วนใหญ่ แต่ก็ทำให้เราได้รู้จักอิชายชายมากขึ้นอีกนิด เนาะ เนาะ  เรื่องนี้เน้นสถาบันครอบครัวมากกว่าทุกเรื่องที่เคยแต่งมา อยากคืนอะไรแก่สังคมบ้างสักเศษเสี้ยวกระผีกนึงก็ยังดี อิอิ

ตอนหน้า !! คงสนุกเนอะ..  :katai2-1:

ปล. ขอบคุณ คุณ mmmchinmu3 ที่มาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังกันนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ :yeb:

ออฟไลน์ Linea-Lucifer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
รับรู้ได้ถึงรถไฟชนกันนัก >W< ต่ายจะนอนห้องเดียวกับใคร ถ้าแกรี่มาด้วยนะ โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
//-// รู้สึกเชียร์แกรี่นัก คุณพ่อยังเซย์เยสเลย วาย วาย วายยย //-//  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Mokuchi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่าจะมาให้ครบฮาเร็มนะ อิอิ :hao7:

ออฟไลน์ IIIA

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
โลกของชายต่ายนี่ซับซ้อนกว่าที่คิดนะ :katai5:

ออฟไลน์ แป้งข้าวหมาก

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
OMG....เทศกาลฮาเร็ม
 :z3:
ชายต่ายสู้ๆ  :3123:

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
บังเอิญจริงๆๆๆๆๆ อยากอ่านต่อหน้ามาก คงจะมันน่าดู 555+

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
โอ้โห รีสอร์ทจะไม่แตกเหรอคราวนี้ รวมดาวกันเลยทีเดียว
ชายต่ายออกอาการขนาดนี้ก็อยากให้คืนดีกับรักเร็ว ๆ เหมือนกันนะ
แต่การแสดงออกของไอนี่ยังไงนะ
เอ่อ คุณพ่อต่ายชื่อโคเน่หรือเปล่าเนี่ย ถึงจะเลวแต่ก็เลวแบบเท่มาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ชายต่าย  เดินไปถามตรงๆเลยเถอะ อึดอัดแทนอ่ะ

ส่วนเรื่องพ่อนี่ โหยยย  รู้จักกับชายต่ายอีกนิดดดดด

ออฟไลน์ uchikas

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ได้ยินซาวด์เพลง คำยินดี
ดังใกล้เข้ามาทุกทีสำหรับแม่ยกไอ
ชายต่ายกับรักชาติ มันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆล่ะ -_-

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ชายต่าย เปิดอาเร็มเยย เชียร์ๆ เหอๆ ชอบโมเม้นท์เวลาชายต่ายอยู่กับ เมโล่อ่า เหมือนเห็นหมาตัวโตกับ เจ้าของตัวเปี๊ยก เหอๆ
ตั้งแต่อ่านมา ชอบทุกคนนะ แต่รักเมโล่ที่สุดเยย 5555

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
ชักอยากจะเห็นตอนหนุ่มๆในฮาเร็มมาเจอกันแล้วสิ :hao7:

ป.ล. นี่พ่อต่ายเป็นมาเฟียหรอกเรอะ :m29:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 ดูเรื่องราวมันเกิดขึ้นเยอะมากๆ ในช่วงชีวิตชายต่าย

ออฟไลน์ wi_OoO_wi

  • payaaa payaaa padazz taa
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
คือบับบบบ พออ่านช่วงพ่อต่ายติดคุก ดันไปคิดถึงแม่โจที่ติดคุก120ปีเท่ากัน แต่อันนั้นติดเพราะไปฆ่าคนที่มาเหยียบรองเท้าเเตะที่ซื้อมาใหม่ฮาเลยคราวนี้  :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ nn~~NN

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-1
แหม่ ก็คิดอยู่ว่าสไตล์คนแต่งต้องไซโคนิดๆมาเฟียหน่อยๆ
แต่เรื่องนี้ไม่ยักกะมาเฟียตู้มต้ามอะไร เจอพ่อพี่ตายเข้าไป ฟินเลย 5555555

ออฟไลน์ kissme

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 457
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่า ไอแอบแปลกๆ อ่ะ

แต่ยังไงเค้าก็ชอบเมโล่นะตัวเอง....น่ารักจุง เจ้าแมวยักษ์ หุหุหุ

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
รักชาติจ๋าาา รอเจอ555 จะเชียร์ขึ้นมั้ยเนี่ย ขึ้นเหอๆะ
คือเราชอบตัวละครรักชาติมากเลยนะ แต่หลายตอนที่ผ่านมาทำเราเสียใจ
ที่ต้องเห็นรักทำตัวให้ติ่งหลายๆคนรวมทั้งเราผิดหวังบ่อยๆ เดี๋ยวหันไปเชียร์เมโล่มั่งเลยหุหุ
แต่ยังไงเราก็เชื่อว่ารักจะกลับมาทำให้ทุกคนรักได้เหมือนเดิม
เม้นจริงจังไปมั้ยเนี่ย55 แต่อินมากจริงๆค่ะ ไม่อยากให้รักทำอะไรน่าผิดหวังอีกแล้ว
ปล. เฮ้อ ยิ่งอ่านชายต่ายยิ่งมีแนวโน้มจะกลายเป็นคนโดนปกป้องนะหนออ

ออฟไลน์ leceto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ห่างกันไปเดือนกว่า ถ้าคราวนี้ยังจะมาบอกเลิกกับชายต่ายอีก  แม่ยกจะไม่ทนนะคะรักชาติ !!!!!!!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ monaligo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อ่านมานี่ก็ไม่คิดว่าฮาเร็มชายต่ายใหญ่มากมายอะไรนะ
อ่านตอนนี้เท่านั้นแหละ...ฮาเร็มชายต่ายทั้งยิ่งใหญ่และวุ่นวาย5555
เกือบครบแล้วนะเหลือแกรี่กับปูเป้ที่ไม่ได้มาด้วย
ปล.ตอนหน้าสนุกแน่...อยากจะรู้แล้วว่าสนุกยังไง รถไฟชนกันวุ่นวายสนุกแน่ รึเปล่า :laugh:

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
ฮาเร็มของชายต่ายมีตั้งแต่เด็ก รุ่นเดียวกัน และอายุมากกว่า
แต่เรื่องพ่อของชายต่ายก็อืม....

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ตัวเต็งสำหรับพี่ชายต่ายออกมาครบเลย

โอ๊ย  จะกลายเป็นรีสอร์ทค้นรักรึเปล่าเนี่ย (ชื่ออะไรของแก๊)
อยากเห็นว่ารักจะทำไงต่อจริงๆ

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
คืออ่านมาถึงตอนนี้ เห็นความอาลัยอาวรณ์ของชายต่ายแล้ว
ก็คงสรุปได้ว่ารักชาติคงมาวิน แต่!ก็ยังเชียร์ไออยู่นะ
พลาดจาดไอ ให้เป็นเมโล่ก็ได้อ่ะ แปลกดี ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
อ่านมาถึงตอนนี้ รวมครบทุกตัวแสดง
แต่อยากให้เอารักไปเก็บ ขัดใจมีไอแต่ดันมีรัก

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ขอเชิญบรรดาฮาเร็มที่เหลือด้วยจ้า มาปะทะกันให้หมด  :katai5:

ออฟไลน์ บ๊ายบายโพ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
รักชาติจะมีบทแล้ว คิดถึงง  :o8:

ออฟไลน์ Littlesir

  • I adore all the things you hate about yourself.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-0
ตอนแรกก็สงสัยอยู่นะว่าพ่อต่ายเป็นคนแบบไหน ถึงได้มีมากลูกหลายเมีย เป็นมาเฟียหรอกเหรอ แสดงว่าแกรี่นิสัยไม่ดีเหมือนพ่อ แฮ่ๆ
ตอนหน้าๆๆๆ สนุกแน่ รอรออยู่นะ

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
เอิ่ม รีสอร์ทจะแตกไหมเนี่ย

ออฟไลน์ Gutjang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด