[Ultimate Love] ยากนัก... รักนี้ ♥♥♥ ตอนส่งท้าย up!! 011114/P.44 จาก ss1 สู่ ss2
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณปลื้มหนุ่มคนไหนมากที่สุด? (เลือกได้ 2 ข้อ)

รักชาติ  (คุณหนูผู้ไล่ตามความรัก)
101 (21.8%)
ไอ  (หนุ่มเฟรนด์ลี่ที่เดาใจได้ยาก)
41 (8.8%)
เมโล่  (แมวยักษ์จากต่างดาว)
109 (23.5%)
ปูเป้  (โชตะวัยประถมฯ)
5 (1.1%)
เฮียภาค  (กัปตันสุดเข้ม)
32 (6.9%)
เฮียภูมิ  (ผู้กองจอมกะล่อน)
14 (3%)
แกรี่  (แบดบอย+ค้ำคอร์)
32 (6.9%)
ชายต่าย  (ผู้เกิดมามีเสน่ห์โดยธรรมชาติ 555)
130 (28%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 273

ผู้เขียน หัวข้อ: [Ultimate Love] ยากนัก... รักนี้ ♥♥♥ ตอนส่งท้าย up!! 011114/P.44 จาก ss1 สู่ ss2  (อ่าน 279336 ครั้ง)

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ชายต่ายคืนดีกับรักก็ดีแล้ว การที่รัก คบกับ ผช.อย่างชายต่าย ก็ต้องทำใจ เพราะชายต่ายเป็นคนใจดี ใจดีไปทั่วด้วยยยย
ปล. อยากอ่านเรื่องของ เมโล่บ้างอ่ะค่าา ได้มั้ย พลีสสส เรื่องนี้ เราชอบ เมโล่ที่สุดแล้วว เหมือนแมวยักษ์ อิอิ เห็นแล้วอยากฟัดมากเลยย

ออฟไลน์ Littlesir

  • I adore all the things you hate about yourself.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-0
 :z1: รักเริ่มเข้าใจบันี่แล้วใช่ม๊ะ
ต่ายกดรัก ต่ายกดรัก เฮ้ๆ
เอิ่ม เมื่อไหร่ตอนพิเศษของแมวยักษ์จะมาอีกอะ หนูน้อยที่อยู่หอเดียวกะแมวยักษ์คือใครด้วย อยากรู้แล้วๆ

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
นี่คือชายต่ายคู่กับรักแน่ๆแล้วใช่มั้ย?

นี่คือถ้ามีถุงยางกับเจลพร้อม รักจะยอมชายต่ายใช่มั้ย?

 :hao6:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8

ออฟไลน์ asmar

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คือชายต่ายคู่กะรักแล้ว??         หรือป่าว  :ruready


ถ้าใช่เค้าก็อยากให้ ไอ คู่กะ เมโล่ อะเพราะดูเมโล่แคร์ไอมากพออ่านแล้วมันจิ้นได้ฟินสุดๆ  :hao6:

ออฟไลน์ mutoo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-37
อ้างถึง
“เรากับไอเป็นแค่เพื่อนกัน”  ผมพูดให้รักมั่นใจ  “ไม่ว่ายังไงก็เป็นได้แค่เพื่อนกัน ไม่มีเกินเลยกว่านั้น เชื่อใจเรานะ”
ให้มันจริงนะต่าย
ถ้าผิดคำพูดล่ะก็ จะด่าให้เละเลย

ออฟไลน์ AoMSiN555

  • กรูบ้า.....อย่าทักกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
รออยู่นะ ติดตามๆ มาไวๆนะกัฟ :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
ยากนัก... รักนี้ ♥



ตอนที่ 21




อือออ..


ความรู้สึกอึดอัดเหมือนมีของหนักมาพาดทับตัวทำให้ผมต้องตื่นอย่างจำใจทั้งที่อยากจะนอนต่อ แต่ใบหน้าหล่อเหลาที่ได้เห็นทันทีที่ลืมตากลับดูเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อคืนนี้..


ไม่สิ ก็นี่มันคนละคนกันเลยนี่นา!


“เฮียภ...เหวอ!!”  ระยะประชิดจนปลายจมูกแทบจะเกยกันทำให้ผมตกใจดีดตัวถอยหลัง แล้วมันก็มากพอที่จะทำให้ผมพลาดตกจากเตียงลงมานอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นแทน


“อือ..รัก? ..แกอยู่นี่...แล้วที่ร่วงไปนั่นใครวะ?”  เสียงงัวเงียของผู้บุกรุกถาม


“เฮีย...”  เสียงรักงัวเงียในทีแรก แต่แล้วคงระลึกได้ว่าในห้องนี้ยังมีผมอยู่อีกคน  “ต่าย!”


รักพรวดพราดปืนข้ามร่างพี่ชายตัวเองมาชะโงกมองหาผมหน้าตาตื่น พอเห็นแล้วก็รีบลงมาช่วยพยุงผมลุกขึ้น


“เป็นไรไหม?”  คนถามลงมาช่วยพยุงผมลุกนั่ง


ผมส่ายหน้าแทนคำตอบทั้งที่ยังเจ็บแขนไม่หาย ตอนลงดันเผลอเอาแขนรอง ดีที่ไม่เป็นอะไรไปมากกว่าเจ็บเฉยๆ


“ทำบ้าอะไรของเฮียวะ?”  รักหันไปโวยคนที่ยังอยู่บนเตียง  “เกิดต่ายมันบาดเจ็บพิกลพิการเฮียจะว่าไง?”


“อ้าว เฮ้ย ฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะเว้ย!” 


เฮียภูมิโวยกลับพร้อมทั้งขว้างหมอนใส่น้องชาย รักรับได้ก็ขว้างกลับไปเต็มแรง เข้าเต็มหน้าเฮียภูมิ เฮียขว้างหมอนทั้งอย่างหัวเสีย แล้วเอื้อมมือมาคว้าแขนผมที่ยืนดูทั้งคู่อยู่โดยไม่ทันระวังตัว แค่แรงดึงเบาๆ ก็ทำผมถลาลงไปหาตักของเฮียภูมิแล้ว 


“ไหนให้พี่ดูซิ? เป็นอะไรตรงไหนบ้างหรือเปล่า?”  ปากบอกอย่างนั้น แต่ไอ้วงแขนที่กอดรัดรอบตัวผมนี่มันสัมพันธ์กับคำพูดตรงไหน?


ว่าไปกล้ามเฮียก็ใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย.. นั่นไม่ใช่ประเด็นสิ ผมจะบอกว่าทั้งเนื้อทั้งตัวเฮียภูมิมีแค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว(ทั้งที่อุณหภูมิอยู่ที่ 10 กว่าองศา) สภาพไม่ต่างจากรักเท่าไหร่ หัวยุ่งหน้ามันเหมือนกันด้วย ส่วนผมโชคดีหน่อยที่มีทั้งเสื้อทั้งกางเกงออยู่ครบ ความดีนี้คงต้องยกให้น้องสาวที่โทรมาเทศนาซะจบใหญ่หลังจากผมหายหัวมาเมื่อคืน ถ้าไม่ใช่เพราะผมต้องลุกมารับโทรศัพท์จากเธอ ผมก็อาจจะผล็อยหลับไปทั้งเปลือยๆ แบบนั้นแล้วได้ ระหว่างคุยก็ตามเก็บเสื้อผ้าทั้งของผมของรักที่ถอดเรี่ยราดตั้งแต่หน้าประตูบ้านยันห้องนอนไปด้วย คุยเสร็จก็อาบน้ำต่อ แต่งตัวเรียบร้อยถึงได้เข้านอน ไม่งั้นไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าเฮียภูมิเข้ามาแล้วเห็นสภาพบ้าน(รวมทั้งสภาพพวกเรา)ก่อนหน้านี้จะว่ายังไง


ว่าแต่เขาเข้ามาได้ยังไง? หรือตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย? 


“ไม่ต้องมาเนียนเลยไอ้ผู้กองขี้ม่อ!”  รักเข้ามาแยกผมออก แล้วใช้เท้ายันพี่ชายตัวเองจนหงานท้อง


“กูพี่นะเฮ้ย ไอ้เด็กเหลือขอนี่!”  เฮียภูมิชักฉุน คว้าหมอนข้างได้ก็ฟาดเข้าเต็มหน้าน้อง


“โมโหแล้วนะไอ้ลุง!”  คนเป็นน้องก็ไม่ยอมแพ้ คว้าหมอนคว้าผ้าห่มได้ก็ประเคนใส่พี่ชายแบบไม่มียั้งเหมือนกัน


ถ้าสังเกตดีๆ จะหันว่าทั้งคู่ดูกำลังสนุกมากกว่าจะโกรธกันจริงจัง ผมจึงเลี่ยงเข้ามาทำธุระส่วนตัวห้องน้ำเงียบๆ ด้วยไม่อยากรบกวนเวลาครอบครัว


กว่าพักใหญ่เสียงโวยวายถึงสงบลง เปลี่ยนเป็นเสียงพึมพำคุยกันสักครู่ ก่อนรักจะโผล่เข้ามาในห้องน้ำตอนที่ผมเพิ่งล้างหน้าเสร็จพอดี หน้าตาบูดบึ้งมาเลย แล้วยื่นแปรงสีฟันใหม่ถอดด้ามให้


“แพ้หรือไง? ดูทำหน้าเข้า”  ผมหัวเราะพลางรีบแปรงสีฟันมาบีบยาสีฟันใส่ แล้วบีบใส่แปรงของรักที่ยื่นมาขอด้วย


“อูยย..”  รักร้องเบาๆ หลังแหย่แปรงเข้าปากได้นิดเดียวก็ต้องถ่มน้ำลายออกมาพร้อมกับเลือดจำนวนเล็กน้อย แล้วบ่นหงุดหงิด  “ไอ้เฮียแม่ง..”


“นี่เล่นกันถึงเลือดเลยเหรอ?”  ผมชักห่วง  “ลิ้นหรือว่าปาก?”


“ปากด้านใน..” 


“เป็นแบบนี้บ่อยไหม?”


“มันก็มีบ้างแหล่ะ”  รักไหวไหล่พลางแปรงฟันต่อ  “..พี่น้องผู้ชาย”


“เหรอ..”  ผมเริ่มแปรงฟันบ้าง ..นี่ถือเป็นความรู้ใหม่สำหรับผม เพราะแน่นอนว่าที่บ้านผมไม่เล่นกันแบบนี้


“ไม่เคยอ่ะดิ”  รักยักคิ้วให้ผ่านกระจก


“บ้านเรามีแต่ผู้หญิงนี่นา”


“ดีอ่ะ มีแต่อะไรสวยๆ งามๆ ให้ดู ดีกว่าหันไปทางไหนก็มีแต่ผู้ชายตัวเหม็นเหงื่อ ทางไหนก็มองเห็นแต่กล้าม แถมยังเสียงดังหนวกหู แล้วก็เล่นแรงอีก ไหนจะเพื่อนเฮีย เพื่อนพ่อ แล้วก็พวกทหารลูกน้องพ่ออีก ฮึ่ยย”  ท่าทางและคำพูดของรักอย่างกับว่ามันเป็นสังคมที่ไม่ชวนเจริญหูเจริญตาเอาซะเลย


“ผู้หญิงไม่ได้สวยกันตลอดเวลาหรอก แล้วก็ใช่ว่าจะไม่หนวกหูนะ”  ผมพูดยิ้มๆ


“ยังไงก็คงดีกว่าบ้านกูล่ะน่า”


“สงสัยต้องให้ทดลองไปอยู่ที่บ้านเราสักพัก”


“แค่พักเดียวเองเหรอ?”  รักทำเป็นหยอดลูกอ้อน


“อยากอยู่แบบถาวรเลยไหมล่ะ?”  ผมหยอดกลับ  “แต่รักจะทนอยู่บ้านหลังเล็กๆ ไหวเร้อ?”


“จริง..”  รักแกล้งทำหน้าจริงจังเหมือนเพิ่งนึกได้ ทำเอาผมหลุดขำออกมา


“ตามบทแล้วต้องพูดว่า ‘กูอยู่ที่ไหนก็ได้ที่มีมึง’ ..แบบนี้สิ”  ผมแกล้งทำจริงจังบ้าง ทำเอารักสำลักฟองยาสีฟันจนต้องรีบบ้วนออกมา


“อ้วกกกก ใครเขียนบทให้มึงเนี่ย ฝากบอกมันด้วยนะ น้ำเน่าได้อีก”  รักพูดไปขำไป ผมเองก็ขำไปกับเขานั่นล่ะ


รู้หรอกว่ารักเป็นพวกภูมิแพ้น้ำตาล คำหวานเลี่ยนประมาณนั้นไม่มีทางหลุดออกจากปากเขาแน่ ..แต่จริงๆ ผมว่าเขาชอบนะ เพียงแต่ว่าเขาอายที่จะยอมรับหรือนำพวกมันไปใช้ก็เท่านั้นเอง ก็เวลาที่ผมหวานใส่ทีไร ท่าทีของเขาก็มักอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดทุกทีเลยนี่นา


“เช็คกลิ่นปากหน่อย”  บ้วนปากเสร็จทั้งคู่ รักก็หันมายิ้มซุกซนให้ผม


“ฮ้าาา”  ผมเลยหันไปอ้าปากปล่อยลมใส่ตามคำขอ


“แบบนี้ต่างหาก”  สิ้นเสียงรักก็เอาปากมาประกบกับปากผมที่ได้แต่หัวเราะชอบใจในลำคอ


“เฮียภูมิล่ะ?”  ผมถามเมื่อปากเราผละออกจากกัน


“นอน”  รักหันกลับไปสำรวจไรหนวดเคราบางหรอมแหรมของตัวเองในกระจก  “เห็นว่าเมื่อคืนมาถึงเกือบตีสาม ขี้เกียจปลุกคนที่บ้านใหญ่เลยมาบ้านนี้แทน ก็พอดีพวกเราลืมล็อกประตูกัน เฮียมันก็เลยเดินง่วงๆ มึนๆ เข้ามา สลัดเสื้อผ้าแล้วก็โดดขึ้นเตียงคนอื่นเขาเฉย” 


มิน่าล่ะ เฮียแกถึงได้นอนทับทั้งผมทั้งผ้าห่มแบบนั้น ผมว่าเมื่อคืนตอนมีคนปีนขึ้นเตียงผมพอจะรู้สึกตัวอยู่บ้างนะ แต่อารมณ์สะลึมสะลือเลยคิดว่าเป็นรักนอนพลิกตัวมากกว่า รักเองก็คงจะคิดแบบเดียวกัน ใครจะไปนึกล่ะว่าจะมีบุคคลที่สามเข้ามานอนแทรกกลางระหว่างพวกเรา ..คิดไปแล้วก็อันตรายแฮะ สงสัยต้องใส่ใจเรื่องประตูหน้าต่างให้มากกว่านี้แล้ว


“ทำไมหนวดเครากูไม่ค่อยขึ้นเหมือนพวกเฮียเลยวะ?”  รักทำหน้าข้องใจกับกระจก ก่อนหันมาสำรวจหน้าผมบ้าง  “ของมึงอ่ะ โกนแล้วเหรอ?”


“อื้อ เราใช้ที่โกนหนวดของรัก ไม่ว่าอะไรนะ?”  ผมถามกึ่งขออนุญาตไปในตัว


ปกติผมไม่ค่อยได้ใช้ที่โกนหนวดไฟฟ้าแบบนี้เท่าไหร่หรอก เพราะสัมผัสหลังโกนมันไม่เรียบเนียนเหมือนแบบใบมีดธรรมดาที่ผมใช้เป็นประจำ แต่อันที่จริงแล้วหนวดเคราผมมันก็ไม่ได้มากมายอะไรนักหรอก


“เออ ใช้ไปเหอะ”  รักหยิบเครื่องโกนหนวดขึ้นมา แต่ยังไม่วายทำหน้าข้องใจ


“เอาน่า เพิ่ง 19 เอง เดี๋ยวอีกหน่อยมันก็หนาขึ้นเองนั่นแหล่ะ ไม่ต้องกลุ้ม”  ผมปลอบไปขำไป แต่รักดูจะคิดจริงจังกับเรื่องนี้มากอยู่นะ ฮ่ะๆๆ 


“ทีของไอ้ปิงโกนแล้วยังเห็นเป็นเงาเขียวครึ้มเลย”  รักบ่นพึมพำ


“รักชอบแบบนั้นเหรอ?”  ผมเลิกคิ้ว อีกฝ่ายหันมามอง


“มึงจะไม่ชอบเหรอ ถ้ากูมีแบบนั้นบ้าง?”


“อืม.. เรายังไงก็ได้ ถ้าเป็นรัก”  ผมยิ้มเอาใจ รักเบ้ปาก


“งั้นกูจะไว้ให้กลายเป็นหมีเหมือนลุงไอ้โย่งนั่นเลยดีไหม?” 


รักคงหมายถึง ‘ลุงหมี’ ของเมโล่ รายนั้นก็ช่างเหมือนหมีสมชื่อ ก็ไม่รู้หรอกว่านั่นชื่อเล่นจริงๆ หรือแค่ฉายาของเขา เพราะเขาเป็นฝรั่งตาสีน้ำเงินเข้มสวยแปลกซึ่งดูไม่เข้ากับชื่อไทยสักเท่าไหร่(แต่เขาพูดไทยได้นะ) แต่มันก็ดูเหมาะกับตัวเขามากที่ทั้งหนวดเคราและผมดกสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ร่างกายสูงใหญ่ อกหนา กล้ามนี่มาเต็มอ่ะ อาจไม่สูงเท่าเมโล่ แต่ความหนานี่ได้เมโล่ 3 คนรวมกันเลยมั้ง ผมว่านะ ฮ่ะๆๆ เห็นแล้วให้นึกถึงพวกหมีกริซลี่ย์อะไรแบบนั้น จะว่าไปหอพักของเขาก็มีชื่อว่า ‘กริซลี่ย์’ นะ สงสัยจะได้ไอเดียมาจากรูปลักษณ์ของเจ้าของ


อ้อ ถึงจะเรียกว่า ‘ลุง’ แต่เขาก็ไม่ใช่ชายแก่หรอก รู้สึกจะอ่อนกว่าแม่ผม 1-2 ปีนี่ล่ะ


“อย่าถึงขนาดนั้นเลย”  ผมพูดยิ้มๆ ขยับไปยืนพิงอ่างล้างหน้าแล้วใช้นิ้วเกลี่ยแก้มรักเล่น  “เราชอบรักหน้าใสๆ แบบนี้แหล่ะ”


“ไหนบอกไงก็ได้?”  รักกดปุ่มทำงานที่โกนหนวด แล้วเอามาจี้ใกล้หน้าผมจนต้องเอียงหลบ  “พูดจาเชื่อได้แค่ไหนกันเนี่ยมึง”


“ไม่เอาละ ไม่อยู่ให้จับผิดดีกว่า”  ผมพูดกลั้วหัวเราะ  “เราไปรอข้างนอกนะ”


“ไม่ต้อง”  รักตอบทันที  “กว่ากูจะอาบน้ำเสร็จอีก มึงกลับไปที่รีสอร์ทก่อนเลยดีกว่า”


“รอเราได้นะ”  ผมยืนยัน


“กูรู้ แต่ไม่รู้ว่าระหว่างที่กูอยู่ในห้องน้ำ ไอ้เฮียภูมิจะลุกมาทำอะไรมึงหรือเปล่า กูว่ามึงออกไปก่อนอ่ะดีแล้ว”


“ทำไมเรียกพี่แบบนั้นล่ะ ไม่น่ารักเลย”  ผมเผลอใช้คำพูดเหมือนเวลาที่ใช้กับน้องสาว โดยลืมคิดถึงปฏิกิริยาของคนฟังคนนี้ไปเสียสนิท                           


รักนิ่งเงียบ แต่คิ้วขมวด คงไม่พอใจ ..หรือไม่ก็น้อยใจ


“เรารักรักนะ”  ผมเข้าไปโอบเอวคนแสนงอน  “เราเลยอยากให้รักพูดจากดีๆ คนอื่นจะได้เอ็นดู”


“เมื่อคืนมึงเพิ่งบอกว่ายิ่งกูนิสัยเสียยิ่งดี จะได้ไม่มีใครมารักกูนอกจากมึง”  รักพูดงอนๆ เหมือนทวงคำสัญญา รู้เลยว่าเขาจดจำได้ทุกคำพูดของผม ..ทำไมน่ารักขนาดนี้เนี่ย?


คิดแล้วก็เลยหอมแก้มอีกฝ่ายหนักๆ อย่างหมั่นเขี้ยวไปที รักหันหน้าหนีพร้อมทั้งดันอกผมออกเหมือนยังเคืองอยู่


“เรารู้ ว่ารักรู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรจะดีต่อตัวรักเอง ”  ผมยิ้มใส่ตา  “ใช่ไหมครับ?”


“อะไรดีบ้างไม่ค่อยแน่ใจ แต่ที่แน่ๆ คือมึงไม่ดี มึงเป็นพิษต่อระบบความคิดกูมาก”


“แล้วรักไหม?”  ผมหยอกเอิน รักเฉไฉไม่ตอบ ผมเลยจุ๊บปากรักเร็วๆ ทีหนึ่ง แล้วเลิกตอแย  “งั้นเรากลับไปรอที่รีสอร์ทนะ”


“อือ เอารถคันเมื่อคืนไป กุญแจคงอยู่แถวๆ โซฟาข้างนอกน่ะ จำได้ว่าโยนไว้แถวนั้น”  รักบอกไล่หลังมา


ผมเดินออกมาเห็นเฮียภูมิเข้าเฝ้าพระอินทร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนเข้าไปหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้แถวหัวเตียงแอบได้ยินเฮียแกกรนเบาๆ ด้วย ท่านอนหลับอ้าปากก็เหมือนรักไม่มีผิด เชื่อเลยว่าพี่น้องกัน สำเนาถูกต้องจริงๆ ฮ่ะๆๆ


ออกจากบ้านคราวนี้ผมไม่ลืมปิดล็อกประตูให้รักเรียบร้อย แต่จังหวะที่หันกลับมาจนเจอหน้าเฮียภูมิ...ไม่สิ เฮียภาคยืนมองอยู่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าเฮียแกมาดเนี้ยบแต่เช้าเลย ผิดกับอีกคนที่นอนหลับอยู่ในบ้าน พอนึกว่าเป็นใบหน้าเดียวกันแล้วก็อดนึกขำไม่ได้


“เอ่อ.. อรุณสวัสดิ์ครับ เฮียภาค”  ผมใช้เวลาตั้งสติเล็กน้อยก่อนทักทายกลับไป


“อืม เมื่อคืนค้างที่นี่เหรอ?”


“ครับ”


“แล้วเจ้าภูมิ..”  คนพูดเหลือบไปทางรถของเฮียภูมิที่จอดอยู่หน้าบ้าน 


“หลับอยู่ครับ เพิ่งมาถึงตอนตีสาม ส่วนรักชาติกำลังอาบน้ำอยู่”  ผมรายงานครบถ้วน


“อ้อ”  เฮียภาคพยักหน้ารับรู้  “แล้วนาย..”


“ผมจะกลับไปที่รีสอร์ทน่ะครับ”


“กำลังจะไปเหมือนกัน งั้นไปด้วยกันเลยสิ”  คนพูดพยักพเยิดไปทางรถกอล์ฟอีกคัน


ผมตกลงมาพร้อมเฮียภาค โดยส่งข้อความไปบอกรักว่าวางกุญแจรถคืนไว้ในกระถางต้นไม้หน้าประตู(ล็อกประตูแล้ว เลยกลับเข้าไปไม่ได้) ระหว่างทางผมกับเฮียภาคแทบไม่ได้คุยอะไรกัน เพราะเขาไม่ได้ชวนคุย และผมก็ไม่ใช่พวกช่างจ้ออยู่แล้ว เราเลยนั่งเงียบๆ ไปข้างๆ กัน


ขับมาได้สักพัก เฮียภาคคงสังเกตเห็นผมเอาแต่นั่งกอดแขนตัวเอง เลยหันมาถามว่าหนาวหรือไง ผมก็ตอบไปตามจริงว่าใช่ เพราะสเวตเตอร์ที่ผมใส่มันไม่ได้หนาอะไรมากมายเมื่อเทียบกับอุณหภูมิข้างนอกนี้  แถมรถกอล์ฟที่กำลังวิ่งอยู่นี่ก็กันลมไม่ได้มากนักด้วย 


ผมหันไปมองคนขับรถ เมื่อจู่ๆ รถก็แวะจอดหลบข้างทางทั้งที่ยังไม่ถึงรีสอร์ท สงสัยได้ไม่นานก็รู้ว่าทำไม เพราะเฮียภาคเขาตั้งใจถอดผ้าพันคอของตัวเองมาพันให้ผมน่ะสิ


กว่าจะรู้ตัวว่าควรปฏิเสธก็สายไปแล้ว ถอดคืนให้เขาตอนนี้คงดูไม่ดี เลยต้องยิ้มรับน้ำใจไป 


“ขอบคุณครับ”


คนที่กำลังจะถอยกลับไปที่ตัวเองชะงัก เขาจ้องหน้าผมจนผมชักประหม่า ก่อนจะถามคำถามชวนงงออกมา


“นายเป็นแบบนี้เสมอเลยเหรอ?”


“ครับ?”


“ยิ้มใจดีให้กับทุกคน”


“เอ่อ.. ทางนั้นใจดีมาก่อนไม่ใช่เหรอครับ?”


“ก็แค่ทำเรื่องที่ควรทำ..”  เฮียภาคถอยกลับไปพิงเบาะตัวเอง แล้วเริ่มออกรถอีกครั้ง


“ผมก็แค่ขอบคุณ”


“ตามมารยาท?”


“จากใจครับ”


“นายดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจ”


“เฮียนั่นแหล่ะที่ดูเหมือนไม่เต็มใจ.. ครับ?”  ผมงงเมื่อเห็นอีกฝ่ายหัวเราะออกมาเฉย ..นี่ผมพูดอะไรน่าขำออกไปหรือไง?


“ฉันก็แค่แปลกใจ”  เขาพูดหลังเห็นผมไม่เข้าใจเท่าไหร่  “นายดูไม่ใช่คนที่ชอบต่อล้อต่อเถียงกับใครเท่าไหร่ ไม่เหมือนเจ้ารัก รายนั้นนอกจากเถียงคำไม่ตกฟากแล้วยังงอนอีกด้วยถ้าไม่ชนะ”


แล้วเขาก็หันมายิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มแรกที่ผมเพิ่งเคยได้รับจากเขา ทั้งที่ก็เคยได้เห็นบ่อยๆ จากเฮียภูมิ ด้วยใบหน้าเดียวกันนี้ แต่พอเป็นเฮียภาคยิ้มแล้วมันให้ความรู้สึกแตกต่างกันออกไปเลย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายยังไง แบบ..คือดีอ่ะ ถ้าผมเป็นผู้หญิงคงมีหวั่นไหวกันได้ง่ายๆ แหล่ะ


“นายดูต่างจากเจ้ารัก ต่างจากเพื่อนของเด็กนั่นทุกคน แต่ฉันก็ชอบนะ ..น่ารักดี”


น่ารักดี??


ผมทวนคำในใจ เป้นครั้งแรกนี่แหล่ะที่ถูกชมซึ่งหน้าด้วยคำว่า ‘น่ารัก’ แบบนี้ ไม่ใช่ว่าหลงตัวเองนะ แต่ปกติผมมักจะได้ยินว่า หล่อ ดูดี หรือไม่ก็น่าหมั่นไส้ไปเลย แต่น่ารักนี่เพิ่งเคยได้ยินจริงๆ


“แค่ ‘น่า’ ก็พอนะครับ แต่ ‘รัก’ เลยคงไม่ได้ พอดีแฟนผมขี้หึงน่ะ”  ผมตลกกลบเกลื่อน


“พอจะเข้าใจ”  เฮียภาคพยักหน้า จากสีหน้าแววตานี่เดาไม่ออกเลยว่า ‘เข้าใจ’ ของเขาหมายถึงเข้าใจอารมณ์คนมีแฟนขี้หึง หรือเข้าใจว่าแฟนขี้หึงคนนั้นของผมเป็นใครกันแน่ อดใจตุ๊บๆ ต่อมๆ ไม่ได้เหมือนกันแฮะ


“นี่รีบหรือเปล่า?”  เขาหันมาถาม  “ขอแวะเข้าไปสั่งงานคนในไร่สักแป๊บได้ไหม?”


“ครับ”  ผมตอบสั้นๆ แต่พอเห็นสายตาไม่แน่ใจของคนฟังเลยต้องขยายความเพิ่ม  “ตามสบาย”


“นายชอบไวน์ไหม?”  อีกฝ่ายเริ่มชวนคุย


“ผมไม่ดื่มน่ะ”  ผมตอบไปตามตรง  “เลยไม่รู้ว่าชอบหรือเปล่า”


“แปลกนะ ได้ยินว่าพวกเด็กวิศวะมักจะชอบแอลกอฮอล์กันไม่ใช่เหรอ? เพื่อนเจ้ารักก็เห็นเป็นแบบนั้นทุกคน”


“จะคณะไหนก็ชอบทั้งนั้นแหล่ะครับ ถ้าคนมันจะชอบ”  ผมพูดกลั้วหัวเราะ


“ก็จริง.. งั้นแล้วทำไมนายไม่ชอบล่ะ?”


“มันก็แค่ไม่มีเหตุผลให้ผมต้องชอบน่ะ ไม่อร่อยเหมือนน้ำหวาน แถมยังราคาแพงอีกต่างหาก”


ก็พูดไปงั้น จริงๆ แล้วไม่ใช่เหตุผลนี้หรอก ที่ผมไม่ดื่มก็เพราะผมไม่อยากเมา ผมเห็นมาเยอะว่าพวกที่เมามักจะทำอะไรเพี้ยนๆ หรือไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จิตใต้สำนึกที่ยามปกติกดเก็บเอาไว้เล็ดรอดออกมาแสดงธาตุแท้ให้คนอื่นเห็น ผลข้างเคียงของน้ำเปลี่ยนนิสัยอย่างที่หลายคนพูด.. ผมไม่อยากตกอยู่ในสภาพแบบนั้น เพราะผมไม่รู้ว่าหากเมาแล้วผมจะกลายเป็นคนแบบไหน จะแสดงด้านใดออกมาบ้าง ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมเก็บงำเอาไว้ลึกสุดในใจ หลายอย่างที่ไม่อยากให้ใครมาเห็น ดังนั้นสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองก็คือการตกอยู่ในภาวะควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือพูดง่ายๆ ว่า ‘เมา’ นั่นล่ะ


“ถ้าเยาวชนของชาติส่วนใหญ่คิดได้แบบนายก็คงดี..”  เสียงเฮียภาคพึมพำตอนที่เรามาถึงไร่องุ่นกันพอดี



(ต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2014 00:40:01 โดย White Raven »

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
(ต่อ)



เฮียภาคมาส่งผมที่เรือนพักตอนครอบครัวผมกำลังจะไปทานมื้อเช้าที่ห้องอาหารของรีสอร์ทกันพอดี รักตามพวกเรามาถึงติดๆ แม่เลยชวนสองพี่น้องไปทานอาหารกับเรา ทั้งคู่ไม่ปฏิเสธ พวกเราไปเจอครอบครัวของเมโล่ที่ห้องอาหาร เลยตกลงเลือกโต๊ะสำหรับครอบครัวใหญ่เพื่อที่จะได้นั่งทานด้วยกันทั้งหมด


“มอร์นิ่ง คุณชาย”  ไอเดินมากอดคอแล้วทักทายผม หน้าตาดูสดใสขึ้นมาก แม้ตาจะยังบวมช้ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักอยู่นิดหน่อย


“มอร์นิ่ง ไอ”  ผมทักตอบไป


ไอยิ้มเต็มหน้า ก่อนหันไปพูดขอบคุณรักที่ช่วยเลื่อนเก้าอี้ตัวข้างผมให้นั่ง  “ขอบใจ”


รักอึ้งไป เพราะความจริงแล้วเขาไม่ได้เลื่อนเก้าอี้ตัวนี้ให้ไอ รักตั้งใจจะนั่งเอง แต่กลับถูกไอนั่งตัดหน้าซะก่อน เขาจึงดูทำอะไรไม่ถูกในตอนแรก ก่อนจะรู้สึกตัวแล้วขยับไปดึงเก้าอี้ตัวถัดจากไอแทน


“ของเค้า”  แต่ก็ไม่ทันเมโล่อีก..


สุดท้ายรักเลยต้องย้ายฝั่งไปนั่งข้างเฮียภาคแทน


“เมื่อคืนกลับไปตอนไหนน่ะ?”  เสียงชวนคุยของไอทำให้ผมต้องละสายตาจากรักเพื่อมามองคู่สนทนา


แต่ใจก็ยังอดห่วงอีกคนไม่ได้.. วันนี้รักดูยอมถอยง่ายเกินไปหรือเปล่า? เขาไม่แม้แต่จะแสดงออกให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าได้แย่งที่ของเขาไปด้วยซ้ำ ..แปลกจริงๆ


“หลังไอหลับไปสักพัก”


“ทิ้งกันเฉยเลย”  เดาไม่ออกเหมือนกันว่าไอพูดจริงหรือเล่นกับประโยคนี้


“เราแค่กลับมานอน”


“แล้วไปนอนไหนล่ะ ไม่ได้นอนที่บ้านพักด้วยนี่”


“ไอ..”


“แซวเล่นน่า ทำหน้าอย่างกับถูกกิ๊กจับได้ว่ามีแฟนแล้วงั้นแหล่ะ”  ไอพูดกลั้วหัวเราะ ไม่รู้ตลกจริงหรือกลบเกลื่อน แต่มันเริ่มทำให้ผมไม่สบายใจแล้วสิ


“ไอคือ..”  แค่เพราะอีกฝ่ายจ้องตากลับมาตรงๆ คำพูดที่ผมตั้งใจจะบอกก็ถูกลืมไปดื้อๆ ซะอย่างนั้น


“หือ?”  ไอเลิกคิ้วเมื่อเห็นผมไม่พูดต่อ  “อะไร?”


“ไม่มีอะไร”  ผมหันกลับมาจานอาหารตรงหน้า


“เอ๊า อะไรเนี่ย?”  ไอหัวเราะ แล้วเอาส้อมมาจิ้มไข่ดาวในจานผม  “ไม่กินขอนะ”


“ได้ไง?”  ผมใช้ช้อนกดไข่ดาวไว้ ไม่ยอมให้ไอยกไปง่ายๆ


“ก็เห็นไม่กิน”


“ยังไม่ทันกิน ไม่ใช่ไม่กิน ไออยากกินทำไมเมื่อกี๊ไม่ตักมาด้วยล่ะ”


อาหารเช้าของที่นี่จะเป็นแบบบุพเฟ่ต์ที่แขกสามารถเลือกตักได้เองตามใจ มีทั้งแบบไทยและอเมริกันเลย


“แค่นี้หวงเหรอ?”  ไอทำเสียงเหวี่ยง แต่หน้ากลั้นยิ้มจนแก้มเป็นก้อน  “กับเพื่อนกับฝูงอ่ะ”


คำว่า ‘เพื่อน’ ทำให้ผมเผลอยกช้อนขึ้น ไอก็เลยยกไข่ดาวไปกินได้สมใจด้วยท่าทางเบิกบาน


“เมื่อคืนเราไปค้างกับรักมา”


ช้อนส้อมที่กำลังช่วยกันแบ่งไข่ให้พอดีคำชะงักค้างไปอึดใจ ก่อนจะทำหน้าที่ของมันต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเหลือบมองรักที่กำลังมองมาทางผมอยู่เช่นกัน ไม่แน่ใจว่ารักได้ยินที่ผมคุยกับไอหรือเปล่า(เราคุยกันเบาๆ) แต่ถึงไม่ได้ยินรักก็อาจจะพอจับความรู้สึกได้ว่าผมกำลังพูดเรื่องของ ‘เรา’ อยู่ (ส่วนคนอื่นบนโต๊ะกำลังสนใจเรื่องไวน์ของเฮียภาคกัน)


ผมหันมามองไออีกครั้ง แต่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังสนใจของกินในจานตรงหน้ามากกว่า


“พวกเรา...กำลังคบกันอยู่ คิดว่าไอคงพอรู้อยู่บ้างแล้ว”


“เหรอ.. เพิ่งรู้เนี่ยแหล่ะ”  ไอพูดโดยไม่มองหน้าผม


ผมนั่งมองอีกฝ่ายอย่างลังเลว่าควรจะพูดอะไรต่ออีกไหม แต่ไหนๆ ก็พูดแล้ว ก็น่าจะพูดให้เคลียร์กันไปเลย 


“ไอ..รับได้ใช่ไหม?”


“ถามทำไม?”  ไอเหลือบมองผมนิดหนึ่ง แล้วกลับไปสนใจอาหารต่อ


“ก็เราเป็นเพื่อนกัน.. ไอจะไม่รังเกียจใช่ไหมที่เราเป็นแบบนี้?”


“เห็นเรางี่เง่าขนาดนั้นเลย?”


“ก็เปล่า.. เราแคร์ความรู้สึกไอไง”


“เราอิ่มแล้ว”  ไอลุกขึ้นทั้งที่ยังกินไปไม่ถึงครึ่งจาน  “ที่เหลือฝากจัดการต่อด้วยนะเมโล่”


“โอเค~”  เมโล่เอาจานของไอไปกินต่อเหมือนเป็นเรื่องปกติ


“ไอ?”  ผมมองตามหลังคนที่จู่ๆ ก็ลุกออกจากโต๊ะไป หันไปทางรัก ก็เห็นว่าทางนั้นมองมาทางผมเช่นกัน เฮียภาคเหลือบมองพวกเราเล็กน้อยแล้วกลับไปพูดเรื่องไวน์ต่อ


ผมหันกลับไปมองทางที่ไอเพิ่งเดินออกไปอีกครั้ง สองจิตสองใจว่าควรจะตามออกไปหรือเปล่า เหมือนไอจะลุกออกไปก็เพราะผม แต่รักจะคิดยังไงถ้าผมตามไอออกไปอีกคน ครั้นจะปล่อยไอไปเฉยๆ ก็รู้สึกผิดอีก..


“อ้าว พี่ต่ายอิ่มแล้วเหรอ?”


สุดท้ายผมก็เลือกลุกตามไอออกมา โดยส่งสายตากึ่งขอโทษกึ่งขอร้องให้รักด้วยหวังว่าเขาจะเข้าใจผม


“ไอ! ไอ รอเราด้วยสิ”  ผมตามมาทันตอนที่ไอเดินมาได้ครึ่งทางระหว่างห้องอาหารกับบ้านพักแล้ว


ไอหันมองผม เลิกคิ้วน้อยๆ คล้ายแปลกใจ แต่ก็ยังเดินต่อเหมือนไม่มีอะไร


“แฟนไปไหนล่ะ? ทิ้งไว้แล้วตามเราออกมาแบบนี้จะไม่ถูกโกรธเอาเหรอ?”


“รักเข้าใจ”  ยอมรับว่าอันนี้คิดเองเออเอง แต่ก็หวังว่ามันจะเป็นเรื่องจริง


“ดีเนาะ”  ไอพูดแค่นั้นแล้วไม่ว่าอะไรต่อ


“ไอโกรธเราเหรอ?”


“อะไรทำให้คิดแบบนั้น?”


“จู่ๆ ไอก็ลุกออกมา”


“เราอิ่ม เราก็ลุกออกมา”


“ไอ..”


“โอเค!”


ผมเบิกตากว้างที่จู่ๆ ไอก็ผลักผมไปกระแทกกับต้นไม้ที่เราเดินผ่านพอดี ก่อนจะหลับตาปี๋เมื่อเห็นหมัดไอพุ่งตามมา


ปึ้ก!


มีเสียงปะทะ แต่ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บส่วนไหนของใบหน้าแม้แต่น้อย เลยค่อยๆ ลืมตาขึ้น แขนไอคือสิ่งแรกที่ผมเห็น หมัดของไอยันต้นไม้ห่างจากหน้าผมไปเล็กน้อยเท่านั้น ผมเหลือบมองหน้าเจ้าตัว เห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วแน่น


“เราโกรธตัวเอง..”  ไอพูดออกมาช้าๆ เหมือนกำลังเรียบเรียงคำพูดไปด้วย  “..ว่าทำไมถึงไม่กล้ายอมรับความรู้สึกของนายในตอนแรก”


ไอรู้เหรอว่าผมเคยชอบเขา..


“แปลกใจเหรอ?”  คนพูดหัวเราะเครียด  “ก็นายแสดงออกชัดเจนขนาดนั้น ใครๆ เขาก็ดูออกทั้งนั้นแหล่ะ”


“ใครๆ ที่ว่านี่..?”


“พวกเพื่อนกลุ่มเรา” 


กลุ่มไอก็ไม่ใช่เล็กๆ นะ


“น่าอายจัง..”  ผมยกมือลูบหน้าตัวเอง นี่ผมไปทำอะไรเรี่ยราดกับไอขนาดนั้นเลยเหรอ คนเขาถึงได้ดูออกหมด


แต่ไม่เคยได้ยินใครพูดอะไรเลย ..ไม่สิ ปกติใครเขาจะมานินทาให้เจ้าตัวได้ยินกัน  ยิ่งเป็นคนที่ไม่มีใครกล้าล้อกล้าแซวอย่างผมด้วย ก็คงจะถูกพูดถึงแค่ตอนลับหลังเท่านั้นแหล่ะ


“เรามันขี้ขลาดเองแหล่ะ.. ทั้งยังถือทิฐิ ตอนนั้นคิดด้วยซ้ำว่าให้นายได้รับรู้ความรู้สึกของคนที่ถูกเมินบ้างก็ดี”


“ไอ..”


“วันที่เราเลิกกับกี๋ คนแรกที่เรานึกถึงก็คือนาย เรากลับไปหานาย และสายตาที่นายมองเราก็ยังเหมือนเดิม มันเลยตลกมากตอนที่นายบอกว่าเราไม่สำคัญสำหรับนายสักหน่อย ..นึกถึงหมาจิ้งจอกตัวที่บอกว่าองุ่นเปรี้ยวขึ้นมาเลย”


ผมรู้สึกเหมือนเสียความรู้สึกกับคำพูดของไอยังไงบอกไม่ถูก


“โกรธเหรอ?”  ไอยกยิ้มเครียด คงเพราะเขาเห็นสีหน้าที่แข็งขึ้นของผม  “เราก็เหี้ยแบบนี้แหล่ะ ..ผิดหวังไหม? ดีได้ไม่เท่าคนที่นายเคยจินตนาการถึงเลยใช่หรือเปล่า?”


“ไม่จริงหรอก”  ผมโพล่งออกไปตามความรู้สึก ไออาจไม่ใช่คนอย่างที่ผมเคยคิดไว้ทั้งหมด แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเขาตั้งใจพูดให้ตัวเองดูแย่กว่าความเป็นจริง ..ผมยังเชื่อแบบนั้น


“ถ้างั้น..”  รอยยิ้มหายไป เหลือเพียงดวงตาเศร้าๆ ไอเข้ามากอดผมไว้ เกยคางไว้กับไหล่ผมของผม 


“กลับมาชอบเราเหมือนเดิมได้หรือเปล่า?”


ผมเบิกตากว้างกับการกระทำและคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน



“เมื่อคืนนายบอกว่าจะไม่ทิ้งเรา.. งั้นก็ช่วยทิ้งหมอนั่นไปได้หรือเปล่า?”



!!



ร่างของไอถูกกระชากออกไป ก่อนที่รักจะประเคนหมัดใส่บนหน้าขาวๆ นั่นเต็มแรง ไอเซล้มลงไปบนพื้นหญ้า แต่ก็รีบลุกขึ้นมาแล้วสวนเข้าหน้ารักแบบเต็มหมัดเช่นกัน


“เหี้ย!”  รักสบถพลางเช็ดเลือดมุมปาก แววตาของเขาวาวโรจน์อย่างคนโกรธจัด


ทั้งหมดมันเกิดขึ้นเร็วมากจริงๆ กว่าผมจะตั้งสติได้ก็วิ่งเข้าไปแทรกตอนที่รักง้างหมัดเข้าหาไออีกรอบ คราวนี้หมัดรักเลยจบที่หน้าผมแทนหน้าไอแบบตกใจกันหมดทุกฝ่าย


“ซี้ดด..”  ผมร้องเบาๆ ‘เลือดกบปาก’ เป็นยังไง เข้าใจเอานาทีนี้เอง


“เฮ้ย กู.. มึง!”  รักถึงกับทำอะไรไม่ถูก เจ้าตัวดูทั้งช็อคทั้งหัวเสียอยู่ไม่น้อย


“โอเคไหม?”  ไอที่ช่วยรับผมไว้ก่อนล้มถามอาการ


“มึงอยากได้ของคนอื่นเขาขนาดนั้นเลยหรือไง?”  รักถามไอ พลางเข้ามากระชากผมไปหาตัวเอง


ไอไม่ตอบ เพียงแค่จ้องกลับมาด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออกจริงๆ เดาไม่ได้เลยว่าไอกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว


“อย่า! รัก!”  ผมห้ามรักที่เริ่มอารมณ์ขึ้นอีกรอบเพราะความนิ่งของไอ


“.........”  ไอเบนสายตาจากรักมาที่ผม มันยังอ่านยากเช่นเดิม และผมเลือกที่จะหลุบตาลงต่ำแทนการตอบคำถามทุกข้อของไอ
เสียงสูดหายใจเข้าลึกจากอีกฝ่ายทำให้ผมอดเหลือบมองเขาอีกครั้งไม่ได้ แต่ไอก็หันหลังเดินจากไปก่อนที่ผมจะได้เห็นความรู้สึกที่แท้จริงของเขาผ่านแววตาอ่านยากคู่นั้น


“เจ็บมากไหม?”  มือเย็นที่แตะเบาๆ ลงบนรอยช้ำบนหน้าทำให้ผมหันกลับไปมองอีกคนที่กำลังดูแผลผมด้วยความเป็นห่วงอยู่
ผมมองรักอย่างซาบซึ้ง ก่อนจะสวมกอดเขา ซบหน้าเอาไว้กับไหล่  “ขอโทษนะ”


“มึงแย่งกูพูดทำไม? กูสิต้องพูดคำนั้น”  รักยกแขนขึ้นโอบตอบผม  “ดีไม่โดนดั้งหักกรามยุบ”


“เจ็บเหมือนกรามโยกเลย”  ผมโอดครวญเรียกความสงสาร


“สมน้ำหน้า”  แต่ดันให้ผลตรงข้ามซะนี่


“มาได้ยินตั้งแต่ตอนไหนเหรอ?”  ผมถามพลางลูบหลังรักเล่นเบาๆ


“มันบอกว่ามึงสัญญาว่าจะไม่ทิ้งมัน..”


“อื้อ ในฐานะเพื่อน”  ผมยอมรับตามจริง แต่ก็แสดงจุดยืนของผมชัดเจน


“แล้วที่มัน.. บอกให้มึงทิ้งกูล่ะ?”  รักกำเสื้อผมแน่นตอนถามแบบนั้น เขากดจูบหนักๆ บนคอผมเหมือนต้องการแน่ใจว่าผมยังอยู่ในอ้อมกอดเขา


“เราจะทิ้งแฟนเราได้ไง”


“และมึงก็จะไม่ทิ้งมัน?”


“เราต้องทิ้งใครสักคนด้วยเหรอ?”  ผมกอดรักแน่นกว่าเดิม  “เราต้องเลือกด้วยเหรอ? มีใครต้องเลือกระหว่างเพื่อนกับแฟนด้วยเหรอ?”


“กูไม่แน่ใจ..”  เสียงรักดูไม่มีความมั่นใจเช่นเดียวกับคำพูด  “มันเหมือนไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนมึง.. ห่า! แม่งเอ๊ย กูอุตส่าห์พยายามทำใจกว้างไม่หึงมึงกับมันแล้วนะ!”


รักผละออกจากผมไปยืนทึ้งหัวตัวเองอย่างคนคิดไม่ตก ปากก็สบถด่าลมด่าฟ้าไปเรื่อย


“.........”


แล้วผมควรทำยังไง?


ทำไมไอถึงมาพูดอะไรแบบนั้นเอาป่านนี้นะ..





หลังแยกย้ายกับรักเพราะเจ้าตัวบอกพี่ให้ไปช่วยงาน ผมก็กลับไปรวมตัวกับครอบครัวเพื่อเตรียมไปทัวร์ไวน์ตามที่ได้ลงชื่อไว้ก่อนทานข้าว ตอนที่โผล่ไปทุกคนก็ดูตกใจกับรอยช้ำบนหน้าผมมากเหมือนกัน แต่พอเห็นไอที่ปรากฏตัวตามมาติดๆ มีรอยช้ำบนหน้าไม่แตกต่างกัน(แค่คนละตำแหน่ง) ก็เลยไม่มีใครกล้าถามสักคนว่าผมไปโดนอะไรมา


ทัวร์รอบนี้เฮียภาครับอาสาขับรถกอล์ฟแบบ 15 ที่นั่งพาคณะเราชมไร่องุ่นและโรงงานผลิตไวน์ด้วยตัวเอง ปกติแล้วที่นี่จะมีทั้งนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในรีสอร์ทและนักท่องเที่ยวขาจรที่เข้ามาชมทัวร์ไวน์กับถ่ายรูปกับสวนสวยของรีสอร์ท ทัวร์ไวน์จะเปิดให้บริการวันละ 2 รอบ คือเช้ากับบ่าย มีวิทยากรซึ่งเป็นพนักงานของรีสอร์ทคอยให้ความรู้เกี่ยวกับไร่องุ่นและไวน์ไปจนจบกระบวนการผลิตเลย


ตลอดทางไอก็นั่งคู่ไปกับผมนั่นแหล่ะ แต่เราไม่ได้พูดกันสักคำ ผมเองก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง ไอก็แค่นั่งเงียบๆ ไป ซ้ำร้ายกว่านั้น รถคันที่ผมนั่งนอกจากมีครอบครัวผมกับครอบครัวเมโล่แล้ว ยังมีครอบครัวของกี๋กับแฟนนั่งมาด้วย คิดดูแล้วกันว่ามันชวนกระอักกระอ่วนใจขนาดไหน กี๋ก็ทำหน้าเหมือนพร้อมจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลาที่ผมบังเอิญเผลอไปสบตากับเธอ เธอคงรู้ตัวว่าถูกไอจงใจเมิน เลยพยายามส่งสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือมาที่ผม แต่จะให้ผมทำอะไรได้ล่ะ ในเมื่อตามหลังกี๋มาก็คือสายตาเขียวปั้ดของแม่เธออีกที ..ให้ตายสิ เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลยนะเนี่ย ลำพังแค่เรื่องของตัวเองก็แทบจะกระอักเป็นเลือดอยู่แล้ว


หลังจบทัวร์ไวน์ที่จุดชิมไวน์ในร้านขายผลิตภัณฑ์ของไร่ ที่มีทั้งไวน์ องุ่นกวน ลูกเกด ฯลฯ เฮียภาคก็เข้ามาชวนพวกเราว่ามีใครสนใจอยากไปเล่นเกมในไร่ด้วยกันไหม อันที่จริงแล้วมันเป็นเกมที่เล่นกันเฉพาะคนงานและครอบครัวของเจ้าของไร่ ที่จัดขึ้นทุกปีจนเหมือนกับเป็นประเพณีในช่วงต้นฤดูเก็บเกี่ยว แต่ครั้งนี้เสธ.เจ้าของไร่เห็นว่ามีคนคุ้นเคยมาหลายคน(รู้สึกเขาจะรู้จักกับพ่อของพี่น็อตแฟนกี๋ด้วย) เลยอยากจะชวนไปร่วมเล่นสนุกด้วยกัน สรุปทุกคนที่นั่งมาบนรถเฮียภาคก็ไปต่อกันที่แปลงทดลองที่เฮียเขาบอกเลย


เสธ.ดี้ เฮียภูมิ รัก ญาติของพวกเขาอีกไม่กี่คน แล้วก็พวกคนงานของไร่ไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว ทุกคนดูจะแอบอึ้งไปเมื่อเห็นทั้งผม รัก และไอ มีแผลบนหน้ากันหมด โดยเฉพาะไอที่ขาวกว่าใครเพื่อน รอยก็เลยเด่นชัดกว่าใครเพื่อนไปด้วย เฮียภูมิมองพวกเราแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มปนขำเหมือนเขาเห็นว่ามันเป็นเรื่องสนุก ส่วนคนอื่นก็มีเพียงสายตาสงสัยใคร่รู้ที่ส่งมาเป็นระยะ แต่ไม่มีใครกล้าถามอะไรอยู่ดี


ก่อนเริ่มเล่นเกมมีการจับฉลากตัวเลข ใครที่เลขเหมือนกันก็จะได้คู่กัน และผมก็ได้คู่กับเมโล่ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อย ส่วนคู่อื่นก็มี เฮียภาคกับพี่ป่าน เฮียภูมิกับลุงหมี เฮียภูมิตะล่อมมาแซะเฮียภาคจะขอแลกเบอร์ด้วย แต่เฮียภาคทำเฉย พี่ป่านได้ทีเลยขอแลกกับเฮียภูมิเองซะเลย แบบขอเอง ตกลงเอง แล้วก็วิ่งไปหาลุงหมีอย่างร่าเริง ทิ้งเฮียแฝดให้ยืนทำหน้าเมื่อยคู่กัน


“ทำไมต้องมาคู่กับเฮียด้วยวะเนี่ย?”  เฮียภูมิบ่น


“เออ แล้วแกเสือกมาขอเปลี่ยนทำไมล่ะ?”  เฮียภาคย้อน


“ก็ไม่อยากคู่กับหมีนี่หว่า ได้คู่กับคุณป่านคนสวยยังไงก็ดีกว่าเห็นๆ แต่ตอนนี้ดันมาคู่กับเฮียแทน มันดีกว่าหมีตรงไหนวะ?”  เฮียภูมิบ่นพึมพำ เลยถูกเฮียผู้พี่หมั่นไส้แล้วเอาเท้ายันจนเซมาทางผม แกก็เลยได้เนียนมายื่นข้อเสนอให้ผมต่อ


“น้องต่ายสนใจแลกที่กับไอ้เฮียของพี่ไหม?”  คนพูดผายมือไปทางเฮียภาคที่ยืนทำหน้าดุอยู่


“ไม่ดีกว่าครับ”  ผมปฏิเสธกลั้วหัวเราะ เฮียแกเลยแกล้งเดินคอตกกลับไปที่เดิม


พี่หงษ์จับได้คู่กับน้องกวาง พี่น็อตก็ดีใจใหญ่ที่จับได้เบอร์เดียวกับกี๋แฟนตัว โดยไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของแฟนแม้แต่น้อย แต่คู่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดเห็นจะเป็นคู่ไอกับรัก ไม่รู้นรกชังหรือสวรรค์แกล้งที่ทำให้คนที่เพิ่งแลกกันไปคนละหมัดต้องมาจับคู่กันเองแบบนี้ เห็นบรรยากาศรอบตัวทั้งคู่แล้วผมอึดอัดแทน


“เมโล่ แลกกัน”  ไอเดินมายื่นฉลากเลข 4 ที่จับได้ให้เมโล่


เมโล่ก้มมองฉลากในมือไอและของตัวเองเหมือนกำลังตัดสินใจ


“ไม่ต้องเลยมึง”  แต่ยังไม่ทันเสร็จรักก็เดินมาคว้าคอเสื้อด้านหลังของไอแล้วลากกลับไปที่เดิม ..ด้วยความไม่เต็มใจของทั้งคนลากและคนถูกลากนั่นล่ะ ยิ่งเห็นก็ยิ่งห่วงว่ามันจะไปรอดกันไหมล่ะนั่น


“คุณกุ๊กไก่ให้เกียรติเล่นเกมคู่กับผมนะครับ”  เสธ.ดี้ลุกขึ้นโค้งให้แม่ผมราวกับจะชวนเต้นรำมากกว่าเล่นเกมอีกนะนั่น ฮ่ะๆๆ และแม่ผมก็คงไม่กล้าปฏิเสธน้ำใจเขาอยู่แล้วล่ะ จากตอนแรกที่คิดจะนั่งดูเฉยๆ ก็เลยต้องลุกมาเล่นกับเขาด้วย


“อ้าว ไหงพ่อเลือกคู่เองได้ แต่คนอื่นต้องจับฉลากชิงโชคร้ายเอาล่ะ? สองมาตรฐานนี่หว่า”  เฮียภูมิประท้วง


“ไว้แกมีชื่อเป็นเจ้าของไร่เมื่อไหร่ แกก็ตั้งกติกาใหม่เอาเองแล้วกัน”  คนเป็นพ่อตอกกลับซะลูกคนรองหน้าหงิก แต่คนอื่นๆ พากันหัวเราะชอบใจ


นอกนั้นก็มีญาติเจ้าของไร่อีก 3 คู่ รวมเป็น 10 คู่พอดีที่เข้าร่วมแข่งขันในรอบนี้


เกมแรกคือ ‘เก็บองุ่น 3 แขน 3 ขา’ กติกาก็ไม่ยุ่งยาก แค่ให้แต่ละคู่ผูกขาและแขนติดกันคนละข้าง แล้วถือตะกร้าเข้าไปเลือกเก็บองุ่นที่แก่ได้ที่ตามที่ผู้จัดการไร่แนะนำออกมาคู่ละ 3 กิโลฯเป็นอย่างน้อย คู่ที่ทำได้ตามเป้าเร็วที่สุดเป็นผู้ชนะ มีของรางวัลเป็นไวน์ยี่ห้อ ‘ภักดี’ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ยี่ห้อของทางไร่ที่กวาดรางวัลการันตรีมาแล้วมากมายหลายสถาบันทั้งไทยทั้งเทศให้ 1 กระเช้า (มีอยู่ 2 ขวด)


ปี๊ดดดดดดด!


สิ้นเสียงนกหวีดจากผู้จัดการไร่ ผู้เข้าแข่งขันทุกคู่ก็วิ่งเข้าไปในแปลงองุ่นแบบร่องใครร่องมันตามที่ถูกกำหนดไว้ให้ ก่อนเข้ามาเขาบอกว่าแปลงนี้เป็นแปลทดลอง ไม่ใช่องุ่นไวน์ แต่เป็นองุ่นกินผล และปลูกแบบปลอดสารพิษ สามารถเก็บกินจากต้นได้เลยโดยไม่เป็นอันตราย ดังนั้นเมื่อผมเริ่มเก็บ เมโล่คู่หูผมก็เริ่มกินทันทีแบบไม่มีห่วง


“เมโล่..”


“อะรายยย”


“กินองุ่นทำไม?”


“ก็เขาบอกว่ากินได้ หายห่วง”  คนพูดมองผมตาปริบๆ แล้วยังหยิบองุ่นแดงลูกโตใส่ปากไม่หยุด


“งั้นก็เก็บกินเองสิ มาเอาในตะกร้าทำไม? เรากำลังแข่งขันกับคนอื่นอยู่นะ”  นี่แหล่ะที่ผมอยากจะพูด จะกินไม่ว่า จะไม่ช่วยเก็บก็ไม่ว่า แต่อย่ามากินที่คนอื่นเขาเก็บใส่ตะกร้าไว้สิครับคุณ


“จะแก่งแย่งแข่งขันกันไปทำไม? เอาชนะคะคานกันไปเพื่ออะไร ชีวิตมีอะไรมากมายกว่าการแพ้ชนะนะ”


ผมถึงกับสตั๊นไปหลายวิฯกับประโยคปลงสังขารของเมโล่


“สาบานสิว่าคิดแบบนี้จริงๆ”


“จำมาจากหนังช่องเคเบิ้ลที่ดูเมื่อวาน ว่าแต่ ‘คะคาน’ คืออะไรเหรอ?”  มันถามซื่อๆ แบบไม่มีละอายแก่ใจด้วย แถมยังหยิบองุ่นในตะกร้าไปกินอีก ..ผมล่ะยอมแพ้เลย


“คือการคัดค้าน การตกลงกันไม่ได้”  ผมก็ยังอุตส่าห์ตอบอีกเนาะ อ่อนใจตัวเองเหมือนกัน


“อ๋อ เข้าใจล่ะ”  มันพยักหน้า แต่ยังไม่หยุดกินองุ่นของผมอีก เดี๋ยวเถอะ!


“เมโล่ เก็บกินเองจากต้น”  ผมสั่ง


“เก็บเองมันเปรี้ยวอ่ะ”  ดูมันแถ


“องุ่นที่ไหนมันเปรี้ยวกัน?”


“ที่บันนี่เก็บหว๊านนหวาน”  ขี้เกียจเก็บเองก็บอกมาตรงๆ


ตกลงผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ไอ้แมวยักษ์จอมตะกละแถมยังขี้เกียจจนสันหลังยาวโย่งนี่ใช่ไหม? แค่คู่ตัวเองผมยังเอาชนะไม่ได้ แล้วจะเอาอะไรไปสู้คู่อื่นเขาล่ะเนี่ย ..ก็มีแต่ต้องทำใจยอมรับความบ่ายแพ้แล้วสินะ


“บันนี่”  เก็บองุ่นกันไปสักพัก ปากเมโล่ที่ว่างเว้นจากองุ่นได้สักทีก็เอ่ยเรียกชื่อผมออกมา


“ว่าไง?”  ผมขานรับทั้งที่ยังสนใจองุ่นมากกว่าคน


“เค้ายังไม่ได้ถามว่าใครทำรอยบนหน้าไอเลย”


ผมเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนหันมามองคนพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจในอารมณ์ของอีกฝ่ายนัก


“ถ้ารู้แล้วจะทำไมเหรอ?”


เมโล่กำหมัดแล้วชกเข้าที่มืออีกข้างที่ถูกมัดติดกับผมเบาๆ  “พอจะเดาออกมะ?”


“อื้อ”  ผมพอจะเดาออกอย่างไม่มีทางเลือก  “เราเองแหล่ะ.. เป็นเพราะเราเอง”


“งั้นไม่เกรงใจนะ”  เมโล่ว่า


ผมยืนหลับตาเตรียมรับชะตากรรมเลย คิดว่ามาแน่ ไงก็โดนแน่ๆ แต่ไม่นึกว่ามันจะเข้ามาทางท้องนี่สิ


“อุก..”  ผมจุกจนด้านแรงโน้มถ่วงไม่ไหว ต้องลงไปนั่งตัวงอบนพื้น สักพักลมตีขึ้น แล้วก็อ้วกออกมาเลย เรียกว่ากินอะไรเข้าไปตอนเช้าก็กลับออกมาหมดในตอนนั้นเลย ...โอยยย เจ็บเอี้ยยย กะฆ่ากันในหมัดเดียวเลยหรือไง ไอ้บ้าาา


ผมใช้แขนเสื้อเช็ดปาก เหลือบมองคนที่ก้มลงมาดู แล้วกลั้นใจฝืนความจุกความเจ็บถามออกไป


“จบไหม?”


ที่ต้องถามแบบนั้นก็เพื่อให้แน่ใจว่าเมโล่จะจบเรื่องนี้แค่ที่ผม ผมคนเดียวพอ ไม่ต้องลามไปถึงรัก


“จบ”  เมโล่พยักหน้า แล้วยื่นมือมาให้  “ลุกไหวไหม?”


“คิดว่า..”  ผมคว้ามือใหญ่นั้นไว้แล้วให้เขาช่วยดึงขึ้น



ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!


เสียงนกหวีดยาวของผู้จัดการไร่ดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่าได้ผู้ชนะสำหรับเกมนี้แล้ว ทำผมเผลอถอนหายใจเฮือกใหญ่


เฮ้ออออ จบสักที..


“ว้า~ จบแล้วเหรอ?”  เมโล่บ่นเสียดายเหมือนยังกินไม่อิ่ม


ผมเลิกเสื้อดูจุดเกิดเหตุบนพุงของตัวเอง มันเริ่มแดง และอีกไม่กี่ชั่วโมงมันก็คงจะกลายเป็นรอยช้ำไม่ต่างจากบนหน้าผม ..อ่า ให้ตายสิ หมัดหนักชะมัด
 










TBC.
ตอนหน้าเหมียวเมโล่ขอเด่น ใครเป็นคู่กับใคร เดี๋ยวรู้เลย ..อะไรนะ? แค่ตอนนี้ก็รู้กันแล้วเหรอ? ...ไม่จริงน่า บ้าที่สุด! #โดนงานอัดจนเพี้ยนไปแล้ว :katai4:
ปล. มีใครแอบเชียร์อิเหมียวให้แถมอิคุณชายอีกสักหมัดสองหมัดไหม? (ฮา..)  :katai2-1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2014 00:52:46 โดย White Raven »

ออฟไลน์ Linea-Lucifer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
//////-////////// รับรู้ได้ถึงสงครามกำลังจะมา!
ชายต่ายน่ารักเหลือเกินค่ะ!

ถ้าถามว่าเชียร์ใครตอนนี้รู้สึกเชียร? เฮียภาคกับแกรี่นัก รู้สึกบรรยายกาศมันใช่วววววววววววววววววววววววววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ถ้าชายต่ายเมา เราอาจจะได้เจ้าราตรีคอยแซวหนุ่มในฮาเร็มก็ได้นะ  :hao3:

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
เย้!!!!!  กลับมาคบกันแล้วววววววววว
ดีใจอ่ะ  เราเชียร์รัก(-)ชาย(....)ต่ายเนี่ยแหระ  คุณค่าที่สองหนุ่มคู่ควร

ออฟไลน์ Mokuchi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
//////-////////// รับรู้ได้ถึงสงครามกำลังจะมา!
ชายต่ายน่ารักเหลือเกินค่ะ!

ถ้าถามว่าเชียร์ใครตอนนี้รู้สึกเชียร? เฮียภาคกับแกรี่นัก รู้สึกบรรยายกาศมันใช่วววววววววววววววววววววววววว

ใช่เลยค่าาาาาาาาาา ><  เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ขอเชียร์ด้วยคน :hao7:

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
รู้สึกว่าเฮียภาคเปนผู้ชายที่อบอุ่นอ่ะ ชอบๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
เอาล่ะสิ!! ศึกชิงนายในไร่องุ่นแหง่มๆ กลุ้มมมมมมม แทนรัก  :ling3:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ชายต่ายเวลาอยู่กับแฟนกรุ้มกริ่มเชียว
ถึงอยากจะให้ชายต่ายเป็นเยาวชนที่ดีแต่ก็อยากเห็นตอนเมาเหมือนกัน

ออฟไลน์ vermillian

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แหม่ ก็รู้อยู่นะว่าคงยาก แต่รักยกต่ายให้เฮียภาคไปเถ้อะ
+1

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ชายต่ายกับรักหวานกันแต่เช้าเลย  :o8:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ชายต่ายน่ารัก รักก้แสนงอน เข้ากันดี แต่พี่ภูมิรู้แล้วใช่มั้ยเนี่ยว่า แฟนชายต่าย คือส น้องชายตัวเองอ่าา

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
ชายต่ายทำไมดูมีความลับมากจัง
ถ้าเกิดเมาขึ้นมา. รักจะรับไหวมั้ยเนี้ย.
คิดไปไกล
กลัวคนเขียนแกล้ง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Littlesir

  • I adore all the things you hate about yourself.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-0
"ผมไม่อยากตกอยู่ในสภาพแบบนั้น
เพราะผมไม่รู้ว่าหากเมาแล้วผมจะกลาย
เป็นคนแบบไหน จะแสดงด้านใดออกมาบ้าง
ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมเก็บงำเอาไว้ลึกสุด
ในใจ หลายอย่างที่ไม่อยากให้ใครมาเห็น
ดังนั้นสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากให้เกิดขึ้น
กับตัวเองก็คือการตกอยู่
ในภาวะควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือพูดง่ายๆ
ว่า ‘เมา’ นั่นล่ะ"

มันใช่อะ ตอนพูดถึงน้ำเมานี่เหมือนมานั่งในใจเราอยู่เลย
ดีใจอะ ที่มีคนคิดเหมือนกัน
เฮียภาคอย่ามาหลงเส่นห์บันนี่นะ เค้าจองบันนี่ให้รักแล้ว ส่วนเมโล่อะของเค้า 555555
 :laugh3:

ออฟไลน์ poisongodx

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มะรุมมะตุมรุมรักชายต่าย

ออฟไลน์ ๛゙★βra_11!☆゙

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 503
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
ตามทันแล้ววว
อยากจะบอกตั้งแต่อ่านมา เมโล่น่ารักที่สู๊ดดดดด :กอด1:
ต่ายตอนแรกๆเราก็ว่าน่ารักนะ แต่หลังๆไม่ค่อยยย
รักก็เฉยๆ จริงๆไม่ได้เชียคู้นี้แต่สงสัยจะเป็นนายเอก (!?)
จะทิ้งก็น่าสงสารแหละแต่เมโร่น่ารักกว่าจริงๆนะ ปลื้มม :mew1:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
มีแต่คนอยากรักชายต่าย :impress2:

ออฟไลน์ waris

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ยากจริงๆค่ะรักนี้ ดูวุ่นวายไปหมด

หลายคนดูจะเชียร์รัก? หรือรักจะได้คู่กับชายต่ายจริงๆหว่า? :hao4:

ไม่ได้ไม่ชอบรักนะ แต่สำหรับเราเราอยากให้ชายต่ายเคะแบบมากมาย ยิ่งแมนมากยิ่งอยากให้เคะ ชอบเคะแมนๆที่สุดดดด  o13

ชอบอารมณ์ประมาณเวลาที่ชายต่ายอยู่กับเฮียภาคหรือไม่ก็แกรี่มากกว่า เหมือนชายต่ายอยู่ต่ำกว่าและกำลังถูกกดขี่(?)ช๊อบชอบบบบ :o8:

ปอลิง. คาแร็คเตอร์เมโล่เห็นแล้วคิดถึงมุคคุงเรื่องKuroko no basukeจริงๆค่ะ เป๊ะมากก รูปร่าง บุคลิกและนิสัย

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
เมโล่ๆๆๆๆ //ชูป้ายไฟเชียร์ เมโล่FC

ออฟไลน์ IIIA

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
อะไรรรรรร :katai4:  เรายังเดาไม่ออกเลย แต่เรารักต่ายนะ หมายถึงเชียร์รักต่าย  :katai2-1:

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ชายต่ายชัดเจนขึ้นเยอะ เชียร์ๆชายต่ายกับรัก
เมโล่กับไอใช่ไหม เมโล่ดูแคร์แค่ไอคนเดียวเลย

ออฟไลน์ แป้งข้าวหมาก

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
รักต่าย รักต่าย รักต่าย  :L1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด