[Ultimate Love] ยากนัก... รักนี้ ♥♥♥ ตอนส่งท้าย up!! 011114/P.44 จาก ss1 สู่ ss2
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณปลื้มหนุ่มคนไหนมากที่สุด? (เลือกได้ 2 ข้อ)

รักชาติ  (คุณหนูผู้ไล่ตามความรัก)
101 (21.8%)
ไอ  (หนุ่มเฟรนด์ลี่ที่เดาใจได้ยาก)
41 (8.8%)
เมโล่  (แมวยักษ์จากต่างดาว)
109 (23.5%)
ปูเป้  (โชตะวัยประถมฯ)
5 (1.1%)
เฮียภาค  (กัปตันสุดเข้ม)
32 (6.9%)
เฮียภูมิ  (ผู้กองจอมกะล่อน)
14 (3%)
แกรี่  (แบดบอย+ค้ำคอร์)
32 (6.9%)
ชายต่าย  (ผู้เกิดมามีเสน่ห์โดยธรรมชาติ 555)
130 (28%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 273

ผู้เขียน หัวข้อ: [Ultimate Love] ยากนัก... รักนี้ ♥♥♥ ตอนส่งท้าย up!! 011114/P.44 จาก ss1 สู่ ss2  (อ่าน 279274 ครั้ง)

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
แมวยักษ์หนีออกจากบ้านๆๆ

ออฟไลน์ TiTeE

  • ☻สีเทาเข้ม☻
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
อย่างแกรี่นี่ต้องเจอเฮียภาคกับเฮียภูมิ เอาแบบควบสองเลย  :haun4:
 :กอด1: เมโล่แมวยักษ์ต่างดาวของเค้า

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
ชอบเมโล่ววววววมาก เชียรรรรรรรรรร์  :hao7:

ออฟไลน์ Linea-Lucifer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
แกรี่ววววววววววววววววว ///////[]//////////////

ออฟไลน์ monaligo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อื้อหืมมมมม หนีออกจากบ้านแล้วทำไมไปบ้านบันนี่อ่ะ
มาบ้านเจ๊ก็ได้เหอะ :z1:
ปล.สามพีแกรี่ชายต่ายรักชาติใช่ไหม???? :a5:

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
แบบว่าต่าย มีหลายบุคลิคมากเลย พออยู่กับรัก เหมือนพวกรุก แต่พอมาเจอกับ แกรี่ เมโล่ กลายเป็นรับไงไม่รู้  แหะ
แต่ตอนหน้าขอ ฟินๆนะ อ๊ายยย เมโล่วววว  แมวยักษ์

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
นอกจากหัวกระไดจะเปียกชุ่มแล้ว
ชายต่ายก็เหมือนว่าจะต้องพลิกบทบาทมาเป็นรับบ้างแล้วล่ะนะ

เกลียดแกรี่อ่ะ  :katai1:

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
เมโล่มาทีหลัง ขโมยซีน 555

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
ไอไปคู่กับรักท่าจะดีนะเนี่ย 5555

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
รักชาติน่ารักอะ ชายตายถ้าทำให้รักชายเสียใจนะ โดน  :z6: จำไว้  :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ andear

  • ยาราไนก๊ะ ??
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
เมโล่วววววววววววววววว  คิดถุงงงงงงงงงงงง
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
เมโล่วววววววววววววววววววววววววววววววววววววว

บันนี่มีแฟนแล้ว ก็ยังเอาไม่อยู่ เสน่ห์ล้นเหลือจริงๆ

อิเมโล่ ทำไมไม่ไปหาไอ ของแก ฮ้าาาาาาาาาา  :z3:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
เมโล่นี่ก็ดีจัง อยากหนีออกจากบ้านก็มาเลย ไม่ต้องคิดอะไรซับซ้อน  :laugh:

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
หัวกระไดไม่แห้งจริงๆ แมวยักษ์ยังมาขออยู่ด้วยอีก
ชายต่ายนี่กับรัก ไอดูเป็นรุก แต่กับคนอื่นดูเป็นรับหมดเลย
ทั้งรักทั้งเชียร์รักชาตินะ แต่ก็แอบชอบแกรี่อะ ดูเป็นเด็กมีปมดี? :-[

ออฟไลน์ jinjin283

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 934
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
ชายตายได้รักแล้วอะ แบบ ลุ้นน้องไอขึ้นอยู่ไหมน๊าาา

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
ในเมื่อไอไม่ได้กดต่าย(???) เมโล่ก็คงไม่น่าจะได้กิน เพราะงั้น


เเกรี่!!! กดต่ายซะเลยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!

ป.ล. ตอนเเรกกะเชียร์รักชาตินะ เเต่พ่อหนุ่มสุดซึนดันโดนกระต่ายกดไปเเล้ว  รับม่ายด้ายยยยยยเจรงๆๆๆ
รู้สุกว่าต่ายมันน่ากดกว่าไปกดคนอื่นเค้าน้าาา  :z3:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
รู้สึกว่าปูเป้โตมาจะเป็นแบบรักชาติยังไงไม่รู้

อยากให้เรื่องนี้มีคนจับเด็กกิน หึหึ  :z1:

ออฟไลน์ eastwind

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-4
อ๊าย รักชาติน่ารักอ่ะ ว่าแต่นางทำใจเป็นฝ่ายรับได้ไงอ่ะ นึกว่านางจะเกี่ยงว่าใครรุกใครรับกับชายต่ายอีกนานเสียอีก

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ว๊ายยย :hao7: เข้าใจว่าต่ายจะเป็นรับอยู่ตั้งนาน
ก็ตอนแรกรักชาติออกจะดูห้าวๆ ไม่คิดว่าจะยอม อิอิอิ
ดูเหมือนความสัมพันธ์ของต่ายจะเข้าที่แล้วนะ แต่พอดูไปดูมา
ก็ยังแฮะ เหลืออีกหลายคนที่ยังรู้สึกดีๆกับต่ายอยู่แล้วยังไม่เคลียร์เลย
เยอะจนแบบ รู้สึกอิรุงตุงนัง :really2:
เมโล่จะคู่ไอรึเปล่าอะ คือดูเหมือนชอบไอมากนะ แต่ก็เหมือนรู้สึกอะไรกับต่ายด้วย
บางช่วงอ่านแล้วก็เหมือนไม่ได้คิดอะไร เอ๊ะยังไง เริ่มงง
รอจ้า :กอด1:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
ประโยคเดียวแย่งซีน "เค้าหนีออกจากบ้าน"  :m20:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ LittlePrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
แม้ว่าทุกอย่างจะดูวุ่นวาย ชุลมุน เละเทะ เลอะเทอะยังไง
เรื่องมันก็ดูไปไม่ถึงไหนเสียที ยังไม่มีอะไรที่จะบ่งบอกว่า
ใครจะเป็น "รัก" ที่แสนยากของชายต่าย

โอเค จริงๆ ตามเนื้อเรื่อง รัก ก็คงมาเด่นสุด
แต่ทำไมมันรู้สึกเหมือนยังไม่สุด
ยังมีอะไรๆ ที่ถูกกั๊กๆ ไว้กับเนื้อเรื่องเบื้องหลังของตัวละครที่ยังไม่ปรากฏ
เหมือนกับว่าจะยังมีเหตุการณ์อะไรที่เป็นจุดพลิกผันได้อีกหลายรอบ

เชียร์ไอ ถึงแม้จะทำตัวน่ารักน้อยลงทุกที
ไม่รู้ว่าที่ไอพูดอย่างนั้นแล้วจริงๆ คิดอย่างนั้นหรือเปล่า
บางทีก็ดูเป็นตัวละครที่น่าสงสาร เพราะเราไม่เคยรู้ว่าจริงๆ เค้าคิดยังไง
ได้แต่เห็นไปพร้อมๆกับชายต่ายแล้วก็คิดไปเองว่าเค้าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

เนื่องจากเราก็หลายใจ (เหมือนพฤติกรรมชายต่าย อิอิ)
ก็แอบปันใจไปให้เฮียภาคด้วย แม้จะนึกไม่ออกว่าจะมีทางมาลงเอยกันได้ยังไง
อย่างน้อยก็ขอแอบไปจิ้นเวลาเค้ามีโมเมนท์กันละกัน
เฮียภาคดูเป็นผู้ชายอบอุ่นที่ชอบเผลอตัวเผลอใจไปดูแลชายต่ายแบบใกล้ชิด
แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาก น่ารักดี

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
แมวหนีออกจากบ้าน

555+

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
แมวมึนจะทำให้บ้านนี้แตกตื่นมั้ยหนอ


 :z2:

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
ยากนัก... รักนี้ ♥



ตอนที่ 23





“เค้าหนีออกจากบ้าน”



แล้วเมโล่ก็เอาประโยคเดียวกับที่ทำให้ผมตกใจตรงหน้าบ้าน เข้าไปพูดให้คนในบ้านผมได้ตกใจกันไปด้วย


“เอ้อ.. แล้วคุณลุงของเมโล่จะไม่เป็นห่วงเอาเหรอจ๊ะ?”  แม่ถามด้วยความกังวล


พวกผมสามพี่น้องพยักหน้าด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกัน


“งั้นเดี๋ยวโทรบอก”  มันพูดแล้วก็ล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก


คงไม่ต้องบอกก็รู้นะว่าตอนนี้คนบ้านผมหันมองหน้ากันเลิ่กลั่กแค่ไหน ..โทรบอกใคร? อะไรของมัน?


“Uncle”  เมโล่กรอกเสียงลงไปทันทีที่เสียงสัญญาณรอสายสิ้นสุดลง  “I ran away from home.”


เป็นอีกครั้งที่ผม แม่ และพี่กับน้องหันมองหน้ากันเอง เมโล่เงียบเพื่อฟังอีกฝ่ายตอบกลับมา ซึ่งพวกผมก็ไม่ได้ยินหรอกว่าลุงหมีของเขาตอบกลับมายังไง จนกระทั่งได้ยินเสียงเมโล่พูดขึ้นมาอีกที


“Bunny’s house,…..yeah,….yup, I’m gonna go now.”  เมโล่พยักหงึกหงักกับโทรศัพท์แล้ววางสาย


“ว่าไง?”  ผมซึ่งเป็นตัวแทนอีก 3 ชีวิตที่ยืนลุ้นอยู่เอ่ยถามถึงผล ไอ้ที่กังวลว่าจะทะเทาะกับลุงมานี่คงไม่ใช่แล้วล่ะ


“เดี๋ยวเค้ากลับไปให้อาหารแคนดี้ก่อนนะ แล้วจะมาใหม่” 


“ห๊ะ?”  ผมสามพี่น้องอุทานพร้อมกัน


เมโล่ไม่ได้สนใจท่าทางเหวอของพวกเรา เขาหันไปพูดกับแม่ผม(ที่ก็ยืนเหวอไม่แพ้พวกผมนี่ล่ะ)


“ลุงฝากขอโทษที่เมโล่มารบกวนด้วยคร้าบ”


“จ้ะ จ้ะ ไม่เป็นไร..”  แม่ผมถึงกับไปไม่ถูก


“งั้นไปนะ”  เมโล่บอกลาทุกคน แล้วขมวดคิ้วเหมือนเพิ่งนึกได้ จึงหันไปหาแม่ผมอีกรอบ  “เค้ามาอีกได้ใช่ไหม?”


“จ้ะ ยินดีต้อนรับ”  หน้าแม่ผมเหมือนกึ่งอึ้งกึ่งขำยังไงบอกไม่ถูก


เมโล่พยักหน้า แล้วโบกมือลากพวกเราที่ได้แต่โบกมือตอบหยอยๆ เหมือนสมงสมองยังไม่กลับเข้าที่นัก หมอนั่นกลับหลังหัน เดินไปยังไม่ทันพ้นประตูบ้าน ก็เดินถอยหลังกลับมาแล้วชี้ไปยังเค้กที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าทีวี


“ขอชิ้นนึงได้เปล่า?”


“เอ้อ..จ้ะ เดี๋ยวพี่ตัดให้นะ”  พี่หงษ์เดินไปตัดแบ่งเค้กมาให้เมโล่แบบงงๆ


“ขอบคุณคร้าบ”  คนได้เค้กเดินยิ้มออกจากบ้านไปไม่ต่างอะไรจากเด็กได้ของเล่น..


“แคนดี้ นี่คือ...?”  พี่หงษ์ถามหลังจากเจ้าของหมวกกันน็อคหูแมวกับเวสป้าสีม่วงขาวขี่พ้นบ้านเราไปแล้ว


“แมว”  ผมตอบ


“หนีออกจากบ้าน แต่กลับไปให้อาหารแมว..”  น้องกวางพูดค้างไว้แล้วหันมามองหน้าพวกเราที่เหลือ


“ฮ่าๆๆๆๆ”  ทุกคนปล่อยเสียงหัวเราะออกมากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วเมื่อครู่


“เพื่อนพี่ต่ายคนนี้ตลกจัง”  แม่ผมถึงกับน้ำตาเล็ดเลยทีเดียว  “เขาจะกลับมาจริงๆ หรือเปล่านะ..”





ไม่เกินเย็นนั้นแม่ผมก็ได้คำตอบ เพราะเมโล่มันกลับมาอย่างที่ได้บอกไว้จริงๆ มื้อเย็นนั้นเลยดูจะไม่มีใครมีความสุขเกินเมโล่กับแม่ผมอีกแล้ว เพราะไม่ว่าแม่จะทำอะไรมามากเท่าไหร่ เมโล่ก็กินได้หมด แถมยังชมเปราะว่าอร่อยทุกอย่างจนแม่ผมแทบจะลอยไปติดเพดานครัวแล้ว ก็แม่ผมเป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้วด้วย ถ้ามีเวลาก็จะสรรหาเมนูใหม่ๆ มาทำ ติดแต่ตรงที่พวกลูกๆ ปกติกินกันคนละไม่เยอะนี่สิ แม่ก็เลยทำอาหารตามใจตัวเองมากไม่ได้ เพราะมันจะเหลือทิ้ง เสียดายของ แต่มื้อนี้รับรองว่าไม่มีอะไรเหลือ แม้แต่ข้าวในหม้อก็เหอะ


ตอนแรกผมก็แอบไม่เห็นด้วยนะที่แม่อนุญาตให้เมโล่มาค้างที่นี่ได้ เพราะการให้ผู้ชายคนอื่น(ที่ไม่ใช่ผม)มาค้างในบ้านหลังนี้ทั้งที่พี่สาวน้องสาวอยู่กันครบนี่ไม่ใช่นโยบายของผมอยู่แล้ว แถมลักษณะมันจะไม่ได้เดือดร้อนจริงด้วย ไม่ได้ ‘หนีออกจากบ้าน’ ในความหมายเดียวกับคนทั่วไปแน่ แต่พอมาลองคิดดู นอกจากเรื่องของกิน กับเรื่องของไอ.. ก็ดูเหมือนเมโล่จะไม่ได้สนใจเรื่องอื่นอีก เลยคิดว่าคงพอหยวนๆ ได้มั้ง ..แต่ยังไงผมก็จะคอยจับตาดูแบบไม่คลาดสายตาแหล่ะ


ระหว่างรอเข้าห้องน้ำต่อจากเมโล่ ผมก็จัดหาที่หลับที่นอนมาปูให้ เสร็จแล้วก็มานั่งเช็คข้อความแจ้งเตือนในโทรศัพท์รอไปพลางๆ
นิ้วผมเลื่อนหน้าจอดูไปเรื่อยๆ ข้อความส่วนใหญ่ได้รับมาตั้งแต่คืนปีใหม่ แต่ผมเพิ่งเปิดดู เลยทยอยตอบกลับไปทีละคนจนเกือบหมด แต่แล้วก็ต้องคิ้วผมเลิกสูงเมื่อพบว่าหนึ่งในข้อความท้ายๆ มีของไอรวมอยู่ด้วย


‘happy happy new year นะคุณชาย ขอให้มีความสุข’ ลงท้ายด้วยสติกเกอร์หน้ายิ้ม


ตั้งแต่วันสิ้นปีที่ไอมีเรื่องกับรัก ผมก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับไออีกเลย จนกระทั่งตอนนี้.. ไม่คิดว่าไอยังอุตส่าห์ส่งข้อความมาอวยพรผม.. ผมชั่งใจว่าจะตอบกลับไปหรือยังไงดี แล้วสุดท้ายก็เลือกกดโทรออกหาไอเลยดีกว่า


เสียงสัญญาณดังอยู่นานเหมือนกันกว่าอีกฝ่ายจะรับ และพอกดรับก็มีแต่ความเงียบอีก


“ไอ..”  ผมลองเรียก ต้องอยู่กว่าครู่หนึ่งถึงได้ยินเสียงตอบกลับมา


“คุณชาย”  เสียงไอฟังแหบๆ แล้วก็แกว่งๆ เหมือนคนเป็นหวัด ..หรือไม่ก็ร้องไห้ แต่คงไม่ใช่อย่างหลังหรอกมั้ง


“ทำไมเสียงเป็นแบบนั้นล่ะ? เป็นอะไรหรือเปล่า?”  ผมชักใจไม่ดี


“แค่หวัดนิดหน่อยน่ะ”  คำตอบที่ได้กลับมาช่วยให้ผมโล่งใจไม่น้อย


“กินข้าวกินยาหรือยัง? ดูแลตัวเองหน่อยสิ”


“คร้าบพ่อ”  ทางนั้นตอบรับขำๆ


“เป็นห่วงจริงๆ นะ อย่าทำเป็นเล่นสิ”  อีกฝ่ายเงียบไปจนผมต้องเรียกอีก  “ไอ?”


“อื้อ รู้แล้ว.. กินข้าวแล้ว ยาด้วย ตอนนี้กำลังจะนอนแล้ว”


“อย่าลืมห่มผ้านะ”


“ครับๆ มีอะไรจะสั่งเสียอีกไหมครับคุณผู้ชาย?”


“ประชดซะงั้น”  ผมหัวเราะคลอไปกับเสียงของอีกฝ่าย  “ขอบคุณนะ”


“หือ?”


“ข้อความอวยพรปีใหม่”


“อ้อ”


“ขอให้ไอมีความสุขเช่นกัน”


“ก็หวังอย่างนั้น” 


ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เสียงของไอตอนนี้มันฟังสวนทางกับ ‘ความสุข’ ที่พวกเรากำลังพูดถึงเลย


“ไอ..”


“เสร็จแล้ว”  เมโล่ที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำเอ่ยตัดบทผมก่อน


“เมโล่ไปอยู่ที่นั่นเหรอ?”  ไอก็คงได้ยินเหมือนกัน


“อื้อ”  ผมตอบพลางเหลือบมองคนที่เรากำลังพูดถึง  “ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า?”


ที่เมโล่ ‘หนีออกจากบ้าน’ ถ้าไม่ใช่เพราะมีปัญหากับลุง ก็คงจะมีปัญหากับไอนี่ล่ะ ไม่น่าเป็นอย่างอื่นไปได้ แต่ผมก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าทั้งคู่จะทะเลาะกันเรื่องอะไร ทั้งที่เมโล่ออกจะแคร์ไอขนาดนั้น


“เรื่องงี่เง่าน่ะ”


“ถึงขนาดหนีออกจากบ้านเลยนะ”  ผมพูดไปก็นึกขำไป


เมโล่เดินมานั่งตรงที่ผมปูที่นอนให้ ตาก็จ้องผมแป๋วเหมือนสนใจว่าผมกำลังคุยกับใคร


“งี่เง่าใช่ไหมล่ะ?”


“ไม่คุยกันหน่อยเหรอ?”


เมโล่เขยิบเข้ามาเกาะขา เอาคางเกยไว้กับเข่าผม น้ำจากปรายผมที่เพิ่งสระยังหยดอยู่เลย เห็นแล้วก็อดเอาผ้ามาเช็ดให้ไม่ได้


“ไม่อ่ะ ช่างหัวมัน”  ไอตอบกลับมาจังหวะเดียวกับที่ผมกดเปิดลำโพงพอดี พอเมโล่ได้ยินก็เลยแย่งโทรศัพท์จากมือผมไปถือเอง


“ไอบ้า!” แล้วมันก็ตะโกนใส่โทรศัพท์ไปแบบนั้น


“คนที่ว่าคนอื่นบ้านั่นแหล่ะบ้า”  ไอตอกกลับ


“เค้าเกลียดไอ”


“เกลียดเหมือนกัน”


“เกลียดเค้าเหรอ?”  ความรู้สึกเหมือนเห็นหูเห็นหางคนพูดลู่ลงยังไงชอบกล


“ใช่”


“แต่เค้าชอบไอนะ”  ไม่มีสัจจะในหมู่แมวครับท่านผู้ชม ฮ่ะๆๆ


“เมื่อกี๊ยังบอกเกลียดอยู่เลย”


“เค้าพูดเล่น”  เออแน่ะ มันก็ยังอุส่าห์แถได้


“งั้นนายก็ไม่ควรพูดเล่นแบบนั้น เพราะคนฟังเขาเสียความรู้สึก”  ผมพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของไอ


“เค้าจะไม่ทำแล้ว”  เมโล่รีบให้สัญญา  “ไอยังเกลียดเค้าอยู่ไหม?”


“ไม่เกลียดแล้ว”  ไอตอบกลับทันทีเช่นกัน  “แต่ยังไม่หายโกรธนะ จนกว่าเมโล่จะขอโทษเรื่องที่ทำวันนี้”


เมโล่นิ่งคิด ผมคิดว่ายังไงมันก็ต้องขอโทษแหล่ะ คงไม่อยากถูกไอโกรธนานหรอก แต่ผมคิดผิดถนัดครับ


“ไม่เอาอ่ะ”  มันตอบชัดถ้อยชัดคำ


“เออ งั้นก็ไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้าอีก ไอ้แมวโง่!”  สิ้นสุดการสนทนาด้วยสัญญาณลากยาวที่ดังขึ้น


“เค้าไม่โง่นะ ไม่แมวด้วย..”  เมโล่พูดกับโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไปแล้ว ก่อนเงยหน้าขึ้นมองผมแล้วคืนโทรศัพให้  “ไอโกรธอีกแล้วอ่ะ”


ผมควรจะพูดว่า ‘สมควรแล้ว’ หรือ ‘สมน้ำหน้า’ ดีล่ะ?


สรุปไม่ได้ ‘หนีออกจากบ้าน’ แต่ถูก ‘ไล่ออกจากบ้าน’ ใช่หรือไม่? ...ผมล่ะไม่รู้ว่าจะขำหรือสงสารก่อนเลย ฮ่ะๆๆ


“ทะเลาะกันเรื่องอะไรเหรอ? ทำไมไม่ขอโทษไอล่ะ”  ผมวางโทรศัพท์แล้วใช้สองมือจับผ้าขนหนูเช็ดหัวให้อีกคน  “หรือว่าเมโล่ไม่ใช่ฝ่ายผิด?”


“เค้าผิด”


“อ้าว”  ผมเผลอชะงักมือไปแป๊บนึง  “งั้นแล้วทำไมไม่ขอโทษไอไปล่ะ?”


“ไม่อยากอ่ะ ไอเห็นตุ๊กตาดีกว่าเค้านะ” 


ท่าทางเมโล่จะไม่สำนึกผิดจริงๆ ทั้งที่ก็รู้ว่าตัวเองทำผิด ยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่ว่าตกลงมันเรื่องอะไรกัน


“ตุ๊กตา?”


“ตุ๊กตาเน่าๆ ในห้องไอที่บันนี่บอกว่าหน้าตาอัปลักษณ์อ่ะ”


“ไอ้ตัวนั้น..”  ผมพยายามนึกภาพตุ๊กตาที่ว่า


อ้อ เพราะผมหลุดปากพูดว่ามันอัปลักษณ์นี่เอง ถึงถูกไอโกรธจนไล่ออกจากห้องคราวก่อน นึกออกละ


“เค้าช่วยไอทำความสะอาดห้อง แล้วบังเอิญไปเตะมัน ไม่ได้ตั้งใจนะ ไม่เห็นว่ามันอยู่บนพื้น แต่ไอก็ยังโกรธ.. เค้าเลยเตะมันอีกที คราวนี้พุงแตกเลย”


“พุงแตก..”  ผมอึ้งอ่ะ ยอมรับเลย


“เมโล่โกรธไอเหรอ?”  ผมถามหลังจากตั้งสติได้ (เช็ดหัวให้เมโล่แห้งพอดี)


“เปล่า”  คนพูดส่ายหน้า  “เค้าโกรธเจ้าของตุ๊กตาอ่ะ เอามันมาฝากไอไว้ทำไมก็ไม่รู้”


“แล้วไอไม่ใช่เจ้าของตุ๊กตาเหรอ?”  ผมสงสัย เมโล่ส่ายหน้าอีกครั้ง


“ไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้.. ไอเคยบอกว่าชอบเมโล่รองจากเจ้าของตุ๊กตา”  คนพูดซบหัวกับเข่าของผมด้วยท่าทางหงอยๆ


“แต่เมโล่ก็ชอบไอรองจากขนมไม่ใช่เหรอ?”  ผมลูบหัวชื้นๆ ของอีกฝ่ายเล่น


“แล้วเค้าก็ชอบบันนี่รองจากไอนะ”


“ขอบใจ”


“แต่ขนมก็ไม่เคยทรยศเค้า แต่เจ้าของตุ๊กตาทรยศไอ เจ้าของตุ๊กตาไม่รักษาสัญญา ไม่มาเอาตุ๊กตาคืน เจ้าของตุ๊กตาลืมไอ แล้วทำไมไอถึงยังชอบเจ้าของตุ๊กตามากกว่าเมโล่อีกล่ะ? บันนี่รู้ไหม?” 


ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้น เพราะผมไม่รู้..


“เค้าน่ะทำทุกอย่างได้เพื่อไอนะ”


“ยกเว้นขอโทษ?”


เมโล่เงยหน้ามองผมที่กำลังกลั้นยิ้มแล้วพ่นลมออกจากจมูกเหมือนไม่สบอารมณ์


“ไม่คุยกับบันนี่แล้ว!”  เขาหันไปหาคอมฯแล้วหันกลับมาถามผม  “เล่นเกมได้ไหม?”


“เอาสิ จะใช้บัญชีเราก็ได้ หรือจะล็อคเอาท์ก่อนก็ตามใจ”  ผมลุกไปอาบน้ำ โดยมีสิ่งที่เพิ่งคุยกับเมโล่วนเวียนอยู่ในหัว


เจ้าของตุ๊กตาที่เคยทรยศไอ..?






เช้าวันใหม่ผมตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นเมโล่แล้ว เดินลงมาข้างล่างถึงได้รู้ว่าหมอนั่นไปนั่งประจบหาของกินจากแม่ผมอยู่ในครัว ผมเข้าไปคุยเล่นกับแม่นิดหน่อยก่อนออกมารดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน ขณะที่น้องสาวดูดฝุ่นทำความสะอาดบ้าน ส่วนพี่หงษ์ยังไม่ตื่น สงสัยจะยังเพลียจากการเดินทางเมื่อวาน ผมสังเกตมาตั้งแต่ตอนอยู่รีสอร์ทแล้ว พี่หงษ์ดูเหนื่อยง่ายกว่าปกติ ไม่รู้สุขภาพยังโอเคดีหรือเปล่า เดี๋ยวคงต้องหาเวลาคุยกันบ้าง เรื่องพี่แดนเมื่อวานก็ยังไม่มีโอกาสได้ถามเลย


“บันนี่กินคุกกี้ไหม?”  เมโล่เดินถือจานคุกกี้มองนั่งกินหน้าประตู


“ทำไมกินขนมแต่เช้าเลย แล้วข้าวล่ะ?”  ผมหันไปถาม


“แม่บอกว่ากินได้”  เรียกสนิทปากเลยนะ ..ผมอดหมั่นไส้เล็กๆ ไม่ได้


“พี่ต่าย หนูได้ยินเสียงโทรศัพท์จากในห้องพี่อ่ะ”  เสียงน้องสาวตะโกนบอก


“เมโล่ ฝากรดแทนแป๊บ”  ผมยื่นสายยางให้เจ้าของชื่อ


หมอนั่นยัดคุกกี้ใส่ปากรวดเดียว 2-3 ชิ้น ก่อนลุกมารับสายยาง ผมวิ่งกลับขึ้นมาบนห้องก็พบว่าสายเรียกเข้าของเป็นรัก เลยรีบกดรับ


“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณหนูรักชาติ เศรษฐสวัสดิ์โยธิน”  ผมพูดเองก็ยิ้มขำเอง


“โห เต็มยศเลยนะครับ คุณชายชราาาา”  ทางนั้นหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ ฟังแล้วก็รู้ว่าคงเป็นเช้าที่ดีสำหรับเขา


“วราครับ วรา”  ผมแก้ไปขำไป  “ชื่อเขามีดีๆ เรียกซะเสียอ่ะ”


“แล้วนามสกุลล่ะ?”


“เศรษฐสวัสดิ์โยธิน” 


“ถามเจ้าของเขาหรือยัง ว่าอยากให้ใช้ด้วยเปล่า”


“หรือรักจะเปลี่ยนเป็น รักชาติ เมตตวรา ล่ะ? เจ้าของบอกเลยว่าเต็มใจให้ใช้ร่วมนะ”


“ใช้แล้วมีเบี้ยเลี้ยงให้ไหม?”


“มีเกลือให้กัดวันละก้อน”


“โหยยย ฟังดูลำบากอ่ะ ไม่เอาๆ”


“ไม่ใจเลยอ่ะ ฮ่ะๆๆๆ แล้วโทรมาแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่าครับ?”


“ไม่มี แค่อยากโทร มีไรป่ะ?”


“มีสิ มันรบกวนนะ..”  ผมจงใช่เว้นช่วงแกล้งอีกฝ่าย  “รบกวนคลื่นความคิดถึงอ่ะ เนี่ย ยิ่งได้ยินเสียงยิ่งคิดถึงมากกว่าเดิมอีก” 


“ฮึ่ยย ทำกูขนลุกแต่เช้าเลย สัด”


“งั้นไปขี้ไป”  ผมไล่ ทางนั้นเลยระเบิดเสียงหัวเราะออกมา


เราพูดคุยหยอกล้อกันอีกพักหนึ่ง(ก็ตามประสาแฟนทั่วไปแหล่ะ) พอหอมปากหอมคอผมก็วางสายแล้วกลับลงมาข้างล่าง เห็นเมโล่กำลังยืนคุยกับปูเป้ที่ใช้เก้าอี้ต่อขาเพื่อให้ตัวเองสูงพ้นรั้วบ้าน(รั้งสูงราวอกผม)


“บอกว่าถั่วงอก”  เหมือนทั้งคู่จะกำลังเถียงอะไรกันอยู่ ในมือปูเป้มีกระบะพลาสติกใบไม่ใหญ่มากอยู่ด้วย


“แต่นี่มันถั่วเขียว”


“ก็ใช่ไง แต่พอมันงอกใหม่เป็นต้นแบบนี้ เขาเรียกว่าถั่วงอก”


“แล้วทำไมไม่เรียกถั่วเขียวล่ะ?”


“เพราะมันยังไม่เขียวล่ะมั้ง ดูดิ ขาวจั๊วะเลย”


“อ๋อ ขาวจั๊วะเลย.. งั้นแล้วทำไมไม่เรียกว่าถั่วขาวล่ะ?”


“จะไปรู้เหรอ ทำไมพี่ขี้สงสัยแบบนี้ล่ะ? เค้าไม่ใช่คนบัญญัติศัพท์นะ”


“แล้วใครเป็นคนบัญญัติศัพท์อ่ะ?”


“เค้าไม่รู้ โอ๊ยยยยยยย”  ปูเป้เหมือนไม่รู้จะรับมือกับเมโล่ยังไง


ผมเลยต้องรีบออกไปแสดงตัวก่อนจะมีการตบตีกันเกิดขึ้น ฮ่ะๆๆ  “เถียงอะไรกันทั้งสองคน?”


“ต่าย! ถั่วงอกที่คุณครูให้ผมปลูกมันขึ้นแล้วล่ะ”  ปูเป้ยื่นกระบะมาทางผมอย่างกระตือรือร้น ลืมเมโล่ไปสนิท


“เต็มกระบะเลย บันนี่มาดูสิ”  เมโล่ว่าแล้วยกตัวเจ้าของกระบะ...ช่ายย เมโล่ไม่ใช่ยกแค่กระบะ แต่ช้อนรักแร้เจ้าของกระบะแล้วยกลอยข้ามรั้วจนเจ้าตัวร้องเสียงหลงเลย


“เมโล่! ทีหลังอย่าทำแบบนี้นะ เกิดพลาดทำลูกเขาบาดเจ็บจะว่ายังไง?”  ผมดุหลังเมโล่วางปูเป้ที่ขวัญเสียลงพื้น


“ไม่พลาดหรอก ตัวสูงกว่าต้นถั่วนิดเดียวเอง”


ดูเหมือนคำพูดที่ไม่ได้คิดอะไรของเมโล่จะไปสะกิดปมของปูเป้เข้าอย่างจัง ทางนั้นเลยหันไปวางกระบะถั่วไว้ชิดรั้ว แล้วหันกลับมาจ้องเมโล่อย่างเอาเรื่อง แต่อีกคนก็ยังดูไม่รู้สึกรู้สา เจ้าหนูก็เลยเตะเจาะยางกลางหน้าแข้งคู่กรณีเข้าให้


“เจ็บนะ”  ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่เมโล่ก็ไม่ได้มีท่าทีสะดุ้งสะเทือนอะไร


“อย่าคิดว่าตัวใหญ่กว่าแล้วจะพูดอะไรก็ได้นะ”  ปูเป้อารมณ์เสียเต็มขั้น  “คนที่ไหนมันจะสูงกว่าต้นถั่วแค่นิดเดียว ไอ้บ้า!”


“ปู พี่ว่า..”  ผมจะเข้าไปช่วยไกล่เกลี่ย แต่เมโล่พูดแทรกก่อน


“งั้นสูงกว่าต้นถั่ว ‘หน่อยเดียว’ เหรอ?”  หมอนั่นทำมือประกอบด้วย แต่ก็ไม่ได้มากมายเกินกว่าการยขับนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ออกห่างจากกันอีกหน่อย


จุดนี้อยากรู้จริงๆ ว่าแค่ซื่อ? หรือตั้งใจจะกวนประสาท? คือประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่การเลือกใช้คำ แต่อยู่ที่มุมมองของเมโล่แล้วล่ะ นี่มองเห็นปูเป้ตัวเล็กขนาดนั้นจริงเหรอ? ให้ตายสิ..


แล้วเจ้าหนูปูเป้ที่ตัวเล็กแต่ใจใหญ่ก็เข้าไปเตะเจาะยางเมโล่ซ้ำอีกที โทษฐานกวนประสาท..หรืออะไรก็แล้วแต่ แล้วถอยมาตั้งการ์ดเตรียมพร้อมหากเจอสวน.. เออ พอกันอ่ะผมว่า เมโล่ก้มมองคู่กรณีพลางขมวดคิ้ว บรรยากาสมาคุเกินบรรยายแล้วตอนนี้


“เอ่อ เมโล่ เราว่า..”  ผมกะเข้าทางเมโล่บ้าง กลัวว่าถ้าโมโหขึ้นมาอาจจะเตะเพื่อนบ้านผมพุงแตกเหมือนเตะตุ๊กตาของไอเอาง่ายๆ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากกว่านั้น เมโล่ก็เอาสายยางรดน้ำต้นไม้ไปรดหัวปูเป้ซะอย่างนั้น เฮ้ย!


“จะได้โตไวๆ เหมือนต้นไม้”  เจ้าเหมียวโย่งพูดหน้าตาเฉย


“เมโล่!”  ผมเข้าแย่งสายยางมาจากเมโล่


แต่ปูเป้ก็มาแย่งสายยางไปจากผมอีกทอด แล้วเอามันไปฉีดใส่เมโล่ เมโล่เอาตัวผมเป็นกำบัง ขณะที่ผมก็พยายามจะแย่งสายยางคืนจากปูเป้ มันชุลมันชุลเกจนเปียกปอนกันถ้วนหน้า แถมยังไม่รู้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหนแล้วตอนนี้


จนกระทั่งแม่ออกมาดุนั่นล่ะ พวกเราถึงสงบลงได้.. เฮ้ออออ





(ต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-08-2014 02:20:40 โดย White Raven »

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
(ต่อ)




“วานิลลาปั่นอย่างเดียวเหรอ? ไม่เอาโดนัทด้วยล่ะ? ...อร่อยนา ฮ่ะๆๆ ...โอเคๆ ตามนั้นครับ แล้วเจอกัน” 


ผมวางสายจากรักแค่ไม่ถึงวินาที ก็มีมือดีของใครบางคนมาคว้าเอวผมแล้วกระชากเข้าข้างทางแบบไม่ทันตั้งตัว


“เฮ้!”


แล้วถัดจากนั้นอีกเพียงเสี้ยววินาทีก็มีจักรยานคันหนึ่งปั่นเฉียดตัวผมไปด้วยความเร็ว คนปั่นที่ใส่ชุดนักศึกษาแบบเดียวกับผมหันมายกมือเป็นเชิงขอโทษขอโพยแต่ไม่ได้ลดความเร็วลง ท่าทางเขาคงกำลังรีบ


“มักง่ายชะมัด นี่มันทางเท้านะ”  คนที่เพิ่งช่วยผมบ่นอย่างหัวเสีย


“ขอบใจนะ”  ผมหันไปยิ้มให้ผู้มีพระคุณหมาดๆ  “ไอ”


แต่แทนที่ทางนั้นจะยิ้มตอบผม เขากลับหัวเสียต่อเนื่องใส่ผมด้วยซะอย่างนั้น


“นายก็เหมือนกัน มัวแต่ห่วงโทรศัพท์อยู่นั่น รู้จักห่วงชีวิตตัวเองบ้างก็ดีนะ”


“ขอโทษครับ”  ผมยื่นหลังมือไปอังหน้าผากอีกฝ่าย  “อืม อุณหภูมิปกติ”


“กวนตีนเหรอ?”  ไอปล่อยมือจากเอวผม เขาถามยิ้มๆ แต่สายตาน่ะกำลังเอาเรื่องผมอยู่แน่


“เปล่านะ”  ผมรีบแก้ตัว  “ก็วันก่อนตอนโทรไปไอบอกว่าเป็นหวัดนี่นา เราก็เลยห่วงว่าจะยังป่วยอยู่หรือเปล่า ..หายดีแล้วใช่ไหม?”


“ยังอ่ะ”  ไอตอบทันที


ผมยืนมองอีกคนตาปริบๆ คือไอก็ดูแข็งแรงปกติ อุณหูมิร่างกายก็ปกติ รอยยิ้มยังคงเดิม แต่สายตาเอาเรื่องเมื่อครู่มันเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์แล้วนี่สิ ผมเลยไม่รู้จะว่าไงดี


“โอ๊ยยย ป่วย!”  คนป่วย(?)เท้าเอว หันไปมองทางข้างหน้า  “จะมีใครมาดูแลไหมนะ?”


“เดี๋ยวโทรเรียกเมโล่ให้”  ผมบอก ไอหันกลับมา


หลังจากสบตากันก็ไม่มีใครสามารถกลั้นหัวเราะได้อีก..





“แล้วเป็นไง หมอนั่นไปป่วนอะไรที่บ้านนายบ้างล่ะ?”  ไอถามระหว่างที่เราเดินไปคณะด้วยกัน


“นอกจากทะเลาะกับเด็กข้างบ้านก็ไม่มีอะไรนะ แม่เราออกจะปลื้มด้วยซ้ำ เพราะทำอะไรให้กินเมโล่ก็กินได้หมด อร่อยไม่อร่อยไม่มีบ่นสักคำ”  ผมพูดแล้วก็อดขำไม่ได้


เมโล่เพิ่งจะกลับบ้านตัวเองไปเมื่อเช้านี้เอง เห็นบอกว่ามีเรียนบ่าย ก็คงจะโผล่มามหา’ลัยประมาณเที่ยงนั่นล่ะ


“อ้อ นั่นจะเรียกว่าเป็นข้อดีข้อเดียวของหมอนั่นก็ได้”  ไอพูดกลั้วหัวเราะ  “อาหารแมวก็ยังกินเล่นได้หน้าตาเฉย”


“ขนาดนั้นเลย..”  ผมรู้สึกทึ่งกับความสามารถพิเศษของเมโล่ 


“ก็ประมาณนั้นแหล่ะ.. กี้!”  ไอตะโกนเรียกคนที่ขี่มอเตอร์ไซด์สวนมา รถคันนั้นชะลอตามเสียงเรียก พอสังเกตเห็นไอก็รีบกลับรถ แล้วขี่มาจอดเทียบฟุตบาทที่เรายืนอยู่


“ไงจ๊ะ น้องไอ”  ‘กี้’ เอ่ยทักกึ่งแซวไอ ก่อนยิ้มตอบผมที่ส่งยิ้มแทนการทักทายเขาก่อน


ผมเคยเห็นคนนี้เดินอยู่กับไอหลายครั้ง แต่เขาไม่ได้อยู่คณะวิศวะหรอก น่าจะอยู่นิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์นี่ล่ะ ผมไม่แน่ใจ เคยได้ยินจากพวกสาวๆ ว่าเขาเป็นเพื่อนที่มาจากโรงเรียนเดียวกับไอตอน ม.ปลาย


“ของฝากกูล่ะ?”  ไอแบมือไปตรงหน้าเพื่อน


‘พ่องงง’  กี้ด่าแบบไม่มีเสียง 


“มึงก็รู้ว่ากูช่วยงานที่ร้านป๊าม้าไม่ได้โงหัวออกจากครัว มึงจะเอาครก เอาสาก หรือเอามีดอีโต้เป็นของฝากดีล่ะครับ เชี่ยไอ?”


ไอหัวเราะชอบใจอาการเหวี่ยงของเพื่อน


“มึงเหอะ ไปเขาใหญ่ได้อะไรมาฝากกูบ้าง”


“นี่ไง”  ไอคว้าคอผมไปกอด  “เก็บได้ที่วังน้ำเขียว แต่คงยกให้มึงไม่ได้นะ เพราะกูไม่ใช่เจ้าของ”  ประโยคหลังคนพูดปรายตามาทางผมขำๆ


“ไปด้วยกันเหรอ?”  กี้เลิกคิ้วสูงพลางมองหน้าผมกับไอสลับกัน


“บังเอิญเจอกันนี่นู่นน่ะ”  ผมบอก


“พรหมลิขิตเนาะ”  กี้ยิ้มกวนๆ ก่อนชะโงกหน้ามาใกล้ไอ  “แล้วได้กันยัง?”


คราวนี้เป็นไอที่ด่าแบบไม่มีเสียงบ้าง เขาหัวเราะพร้อมทั้งยกเท้าขึ้นใส่เพื่อน แต่กี้เอนตัวหลบได้ทันแล้วหัวเราะลั่น พวกเขาดูสนิทกันดี เวลาหยอกล้อกันก็ทำเอาผมอดยิ้มไปด้วยไม่ได้


“เออ!”  กี้หันไปเปิดกระเป๋าสะพายของตัวเอง แล้วหยิบบัตรอะไรสักอย่างยื่นให้ไอ  “เจ้กูฝากมาให้ ตั๋วรอบสื่อฯ หนังภาคต่อที่มึงบอกว่าอยากดูอ่ะ”


“ให้ 2 ใบเลยเหรอ?”  ไอก้มอ่านตั๋วกในมือ  “เสาร์นี้..”


“ก็เผื่อมึงอยากพาใครไปด้วย”


“แล้วมึงอ่ะ?”


“ก็รู้ว่ากูไม่ชอบงานแบบนั้น ขี้เกียจปฏิเสธนักข่าวที่ชอบเข้าใจผิดว่ากูเป็นดารา ไม่ไหวๆ เหนื่อย”


“ถุ๊ย!”


“ฮ่าๆๆๆ เออ งั้นไปก่อนนะ เดี๋ยวตอนเย็นมาเตะบอลด้วย”


“เออ เจอกัน”


เพื่อนไอไปแล้ว ผมเลยชะโงกไปดูตั๋วในมือไอบ้าง


“โอ๊ะ เรื่องนี้ภาคแรกสนุกมากเลย เราไปดูมาตั้ง 2 รอบแน่ะ”  ผมเป็นหนึ่งในหนังที่ผมดูแล้วรู้สึกชอบมาก จำได้ว่ารอบแรกลูกปลาชวนผมไปดู รอบสองผมลากน้องไปดู ฮ่ะๆๆ


“เราไปดูมา 3 รอบ”  ไอยิ้มขำ ไม่รู้ขำตัวเองหรือขำผม เขายื่นตั๋วใบหนึ่งมาให้ผม  “ไปดูด้วยกันไหม?”


“ของฟรี”  ผมใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางคีบตั๋วจากมือไอ  “..ใครจะปฏิเสธ”


“ใครบอกให้ฟรี?”  ไอยังจับอีกปลายของตั๋วไว้ไม่ปล่อย เขายิ้มอย่างเป็นต่อ


“เดี๋ยวเลี้ยงป๊อบคอร์น”  ผมต่อรอง ไอยังนิ่ง ผมเลยต้องเพิ่มข้อเสนอสุดทุ่มทุน  “น้ำด้วยเอ้า!”


“ไม่อิ่มอ่ะ”


“โห นี่กะเอาอิ่มเลยเหรอ?”  ผมแกล้งบ่น  “ตั๋วตัวเองก็ได้มาฟรีแท้ๆ”


“จะได้มายังไงไม่เกี่ยว แต่ตอนนี้มันเป็นของเรา”  ไอออกแรงดึงตั๋วกลับ แต่ผมก็ไม่คิดจะปล่อยเช่นกัน  “ว่าไง?”


“โอเค งั้นเลี้ยงข้าวมื้อนึง”  ผมยอมแพ้


“ดีล! ฝากดูแลด้วยนะ ป๋า”  ไอปล่ยตั๋ว ตอบไหล่ผม 2 ป้าบ ก่อนโบกมือเรียกรถมอเตอร์ไซด์อีกคันที่ผ่านมา คนขับดูคุ้นหน้าคุ้นตาเพราะเป็นเพื่อนร่วมคณะผมเอง


ไอขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย แต่ไม่ลืมหันมาโบกมือลาผมพร้อมทั้งยิ้มเต็มหน้า ผมยืนมองจนรถนั้นเลี้ยวหายไปจากสายตา


“คุ้มไหมเนี่ย..”  ผมก้มมองตั๋วในมือพลางส่ายหน้ายิ้มๆ


การได้เห็นไอกลับมาร่าเริงอีกครั้งมันทำให้ผมรู้สึกดี ..ใช่ ไอที่ร้องไห้ ไอที่สิ้นหวัง ไอคนที่วังน้ำเขียว...เป็นไปได้ผมก็ไม่อยากกลับไปเจอเขาอีก ผมไม่ติดใจเรื่องที่ไอทำวันนั้น ที่บอกให้ผมทิ้งรัก แล้วเลือกเขา.. ผมพยายามจะคิดว่ามันเป็นเพียงผลกระทบทางจิตใจที่เกิดจากคืนก่อนหน้านั้น  ไอที่กำลังรู้สึกไม่มั่นคงทางอารมณ์อาจจะสับสนจนพูดอะไรไม่ทันคิดออกมา ผมจะถือซะว่าเขาไม่เคยพูด และพวกเราก็จะเป็นเพื่อนกันเหมือนที่เคยเป็นก่อนหน้านี้ ..ไม่มีอะไรให้ต้องอึดอัดใจ


มันก็ควรจะเป็นแบบนั้น...






“ซุ้มนิทรรศการกับเกมสันทนาการตอนกลางวันพอเข้าใจนะ แต่ไอ้งานกลางคืนกับคอนเซ็ปงานวัดนี่มันเกี่ยวตรงไหนวะ?”  สจีนิ่วหน้าขณะอ่านรายละเอียดงานโอเพ่นเฮาส์ของคณะเราที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงกลางเดือน


“มันเป็นช่วงหาเงินเข้าคณะไง ดูกิจกรรมแต่ละอย่างนี่ไม่สงสัยเลยว่าจงใจคิดขึ้นมาเพื่อดูดเงินสาวแท้สาวเทียมโดยเฉพาะ ยิ่งไอ้เกมหนุ่มน้อยตกน้ำที่จะมีการเปิดประมูลบอลที่ใช้ปาเหล่าเดือนแต่ละสาขานั่น...”  นิ่มขมวดคิ้วยุ่งเหมือนไม่เห็นด้วย แจ่จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นพร้อมสายตาวิบวับเป็นประกาย 


“ฉันจะทุ่มสุดตัวเพื่อให้ได้เห็นไอซามะเปียกปอน อร๊ายยยยย”  แล้วก็วี้ดว้ายไปกับเพื่อนสาวร่วมเสคจนสจีส่ายหน้าเอือมระอา ส่วนผมก็ได้แต่หัวเราะกับความฝันของแต่ละคนที่ดูจะมีเป้าหมายเป็นเดือนของเสคอื่นกันหมด


“ส่วนกุ้งก็จะยอมจ่ายหมดหน้าตักเพื่อเห็นคุณชายต่ายตกน้ำเหมือนกัน อิอิ”  กุ้งนางโผล่มากอดคอผมจากด้านหลังแล้วเนียนนัวเนียเหมือนเดิม แม้ตอนนี้จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วก็ตาม


“อีนี่เผลอเป็นไม่ได้”  นิ่มช่วยแงะกุ้งนางออกจากตัวผม คนถูกขัดเลยเปลี่ยนมานั่งข้างผมแทน พร้อมกับเพื่อนเธออีกสองคนที่มาร่วมวงเม้าท์มอยกับพวกเราด้วย


“ไม่มีใครคิดจะประมูลเดือนเสคโยธากันเลยเหรอ?”  สจีถามยิ้มๆ พลางมองไปรอบโต๊ะ


“ก็อยากนะ ฉันออกจะปลื้มเขาแหล่ะ แต่.. กลัวว่าถ้าไปทำเขาเปียกแล้วเขาจะมาต่อยเอาน่ะสิ ฉันเป็นผู้หญิงไม่สู้คนด้วย”  คนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นอย่างติดตลก คนที่เหลือเลยพากันหัวเราะชอบใจพร้อมพยักหน้าเหมือนว่าตรงใจสุดๆ


แน่นอน รวมทั้งผมด้วย ฮ่ะๆๆ


“ภาพที่จะชกกับพี่ว้ากตอนเทอมหนึ่งผุดขึ้นมาเลย”  ใครสักคนรำลึกความหลัง


ผมก็จำตอนนั้นได้เหมือนกัน เป็นช่วงเปิดเทอมใหม่ๆ กับกิจกรรมรับน้อง รู้สึกหลังเหตุการณ์นั้นเขาจะถูกพวกรุ่นพี่แบนอยู่พักหนึ่ง ส่วนเพื่อนรุ่นเดียวกันก็ไม่ค่อยมีใครอยากไปยุ่งกับเขาอยู่แล้ว นอกจากเพื่อนกลุ่มเขาเอง แต่หลังๆ ก็ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ เท่าที่ผมสังเกตนะ


“จริงๆ แล้ว Tall, dark, and handsome แบบรักชาติน่าจะฮอตนะ เราว่าดูแซ่บกว่าพวกขาวตี๋เกาหลีซะอีก แต่แปลกที่ไม่เคยเห็นเขาควงผู้หญิงคนไหน หรือมีข่าวว่ากำลังคบกับใครอยู่เลย”  เพื่อนกุ้งนางตั้งข้อสังเกต


“ไม่เห็นแปลก ไอ้ที่นั่งหล่อๆ อยู่กับพวกเราตอนนี้ก็ไม่เห็นมีข่าวว่าคบกับสาวที่ไหนเหมือนกัน”  สจีพูดหน้าตาย แต่สายตาที่เหล่มาทางผมนี่เจ้าเล่ห์น่าดู


และตอนนี้สายตาทุกคู่บนโต๊ะก็มารวมอยู่บนหน้าผมเป็นจุดเดียวแล้วสิ


“หรือว่า..”  นิ่มนี่ตัวจุดประเด็นเลย คนอื่นก็ทำตาวิบๆ วับๆ จนผมชักไม่ไว้ใจสิ่งที่พวกเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว


“พักหลังเห็นสนิทกันด้วยนี่”


“ใช่ๆ อยู่ด้วยกันตลอดๆ”


“เพ้อเจ้อ!”  กุ้งนางโพล่งขึ้น แล้วคว้าแขนผมไปกอดพร้อมกับเอาหัวถูๆ กับไหล่ผมอย่างที่ชอบทำ  “คุณชายต่ายของกุ้งนางไม่เป็นแบบนั้นสักหน่อยเนอะๆ”


“ของแกตัวจริงมาโน่นแล้ว”  เพื่อนคนหนึ่งพยักพเยิดไปทางแฟนของกุ้งนางที่คงมารับกลับบ้านเหมือนทุกที  “ยังไม่ปล่อยชายต่ายอีก เดี๋ยวก็ถูกผัวซ้อมเอาหรอก”


“ลองกล้าสิ! แม่จะยิงทิ้งซะเลย”  กุ้งนางปล่อยผมพร้อมทำหน้าโหดตอนแฟนเดินมาถึงโต๊ะพอดี


“ใครจะยิงใครทิ้งเหรอ?”  แฟนกุ้งหน้าตาเหรอหรา


“คนซ้อมเมีย”  กุ้งตอบแฟนแบบแอ๊บแบ๊วผิดลุค ทำเอาเพื่อนบ้างกก็แอบเบะปากบ้างก็แอบกลั้นขำกันยกใหญ่


“ใครซ้อมเมีย?”  อันนี้ไม่ใช่แฟนกุ้ง แต่เป็นแฟนผมเอง ฮ่ะๆๆ คงเพิ่งประชุมเสคเสร็จ เลยเพิ่งมา เพราะตกลงกันไว้ว่าววันนี้จะกลับพร้อมกัน


“มึงเหรอ?”  รักถามผม เขานั่งลงบนหนักพิงม้าหินที่ผมนั่ง ใช้มือหนึ่งจับไหล่ผมไว้เหมือนเป็นเชิงโอบกลายๆ


“กลัวแต่จะถูกเมียซ้อมน่ะสิ”  ผมตอบกลับยิ้มๆ


รักหัวเราะแล้วตบไหล่ผมที ก่อนลุกขึ้น  “ป่ะ ไปยัง?”


“งั้นเรากลับก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้”  ผมลุกขึ้นแล้วบอกลาเพื่อนที่แต่ละคนทำหน้าอย่างฮา


จะเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างผมกับรักยังไงไม่รู้ล่ะ แต่ผมจะไม่แก้ตัวหรือเล่ารายละเอียดเพิ่มหรอกนะ ฮ่ะๆๆ





“เห็นแผนงานโอเพ่นเฮาส์หรือยัง?”  ผมชวนรักคุยเมื่อขึ้นมานั่งบนรถของเขา


“อือ อย่างเหี้ย คิดได้ไงหนุ่มน้อยตกน้ำ..”  รักบ่นขณะโน้มตัวมาช่วยคาดเข็มขัดนิรภัยให้ผม


ผมนึกถึงคำพูดของเพื่อนผู้หญิงที่บอกว่ากลัวรักต่อยถ้าเกิดไปทำเขาเปียกน้ำขึ้นมาทันทีเลย คิดแล้วก็เผลอหัวเราะออกมาโดยไม่ตั้งใจ


“อะไร?”  คนที่ยังโน้มตัวค้างไว้เลิกคิ้วสงสัย


“กำลังคิดว่าถ้ารอบเราไม่ตรงกัน เราน่าจะไปประมูลรักบ้างดีกว่า”  ผมยิ้มใส่ตาอีกฝ่าย


“ไม่ต้องเลย”  เขาไม่เห็นด้วยกับความคิดผมอ่ะ แต่ก็ยื่นหน้าเข้ามาจูบผมนะ ฮ่ะๆๆ


จูบอยู่พักใหญ่เลย แถมยังเหมือนไม่อยากหยุดแค่นั้นด้วย รักเริ่มไล่เล็มลงมาตามสันกราจนถึงซอกคอผม เขาย้ำๆ จูบแถวนั้นหลายครั้ง ก่อนจะไปสะดุดกับพลาสเตอร์ยาอันใหญ่ที่ผมใช้ปิดทับรอยฟันของแกรี่ไว้


“เป็นอะไร?” 


“พอดี.. ทำแก้วในตู้เก็บแก้วแตก..แล้วมันหล่นใส่น่ะ”


ความจริงก็ไม่ได้อยากโกหก แต่มันยากจะอธิบายถึงสาเหตุที่แกรี่ทำแบบนั้น(เพราะผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเลย) แถมถ้าพูดถึงแกรี่ก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะอธิบายถึงความสัมพันธ์ของพวกเราด้วย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากพูดถึงเท่าไหร่


แต่ผมก็ตั้งใจนะว่าสักวันผมจะเล่าเรื่องครอบครัวผมให้รักฟัง ..แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้


“เป็นเยอะไหม?”  รักแสดงสายตาเป็นห่วงจนผมอดรู้สึกผิดไม่ได้


“แค่นิดหน่อย”  ผมยิ้มแหยตอบไป


“ระวังบ้างสิ”  รักจูบลงบนพลาสเตอร์ยาเบาๆ ราวกับกลัวว่าถ้าทำแรงกว่านี้แล้วแผลผมอาจจะมีเลือดออก


“อือ..”  คราวนี้ผมเลยเป็นฝ่ายดึงรักเข้ามาจูบบ้าง






เย็นวันศุกร์ผมถูกประธานชมรมยูโดขอร้องให้ไปช่วยทดสอบคัดตัวนักกีฬาที่จะใช้แข่งตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์เป็นต้นไป รักไม่ได้เข้าร่วมเพราะเขาไม่ได้ตั้งใจจะเป็นนักกีฬาอยู่แล้ว วันนี้ก็เลยขอบายแล้วไปกับกลุ่มเพื่อนแทน หลังจบชมรมผมมาอาบน้ำที่ห้องน้ำของโรงยิมก่อนกลับบ้าน ออกจากห้องน้ำก็ใส่แค่กางเกงนักศึกษามายืนค้นหาโคโลญจ์ในกระเป๋าอยู่หน้ากระจก เงยหน้าอีกทีมีแอบสะดุ้งเล็กๆ กับเงาสะท้อนของไอที่มายืนซ้อนอยู่ข้างหลัง


“ประกาศความเป็นเจ้าของกันน่าดูเลยนะ” เขาพูดยิ้มๆ แล้วเหล่ตามองรอยฟันบนบ่าผมซึ่งเริ่มจางลงบ้างแล้ว


ไอเพิ่งอาบน้ำเสร็จเหมือนกัน เลยนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมา ผมเปียกลู่ลง ยังมีหยดน้ำเกาะพราวอยู่บนร่างกายประปราย เห็นแบบนั้นก็อดเผลอมองไม่ได้ แต่พอนึกได้ว่าเมื่อกี๊เขาเพิ่งทักเรื่องอะไรก็อดรู้สึกหน้าร้อนไม่ได้ เลยหยิบเสื้อมาหมายจะใส่ แต่ก็มีอันชะงักค้างไปเมื่อได้ยินคำพูดต่อมาอีก


“แต่หมอนั่นไม่มีเขี้ยวแบบนี้นี่นา..”


ผมสบตากับไอผ่านกระจก เขายิ้มขันเหมือนกำลังสนุกที่จับจุดอ่อนผมได้ ผมตัดสินใจหันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายทั้งที่ยังนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี ไอได้ทีเลยใช้สองมือเท้าเคาน์เตอร์อ่างล้างมือคร่อมตัวผมไว้


“ว่าไง คุณชายคาสโนว่า?”  เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้


“มัน...ไม่ใช่อย่างที่ไอคิดนะ”


“แฟนเห็นหรือยังเนี่ย?”  คนพูดทำเป็นชื่นชมร่องรอยที่ผมไม่ได้ภูมิใจนำเสนอเท่าไหร่


“ไม่ได้เลย”  ผมโบกมือไปมาตรงหน้า แล้วทำท่าจะใส่เสื้อต่อ ไอเลยยอมถอยออกมายืนแต่งตัวอยู่ข้างๆ 


“แค่โดนแกล้งน่ะ..”  ผมลอบสังเกตปฏิกิริยาจากเงาสะท้อนของอีกคนในกระจกเป็นระยะขณะพูด  “เรารู้ว่ามันฟังแปลกๆ นะ แต่เรื่องมันก็มีแค่นั้นจริงๆ ..ส่วนที่ไม่ได้บอกรักก็เพราะมัน..เอ่อ ออกจะอธิบบายยากสำหรับเขาไปหน่อย”


“ถ้าบังเอิญมาเห็นเองแบบเรานี่มันจะไม่ยิ่งแย่กว่าเหรอ.. แบบนั้นสู้บอกไปเลยตรงๆ น่าจะดีกว่า”  ไอพูดพลางสำรวจเงาตัวเองในกระจก


“อ่า.. อืม”  ที่จริงตอนนี้ผมเองก็เริ่มคิดแบบนั้นแล้วเหมือนกัน


จังหวะที่ไอเปิดกระเป๋า ผมบังเอิญเหลือบไปเห็นตุ๊กตาตัวหนึ่งถูกยัดไว้ในนั้นเข้าพอดี เลยเผลอทักออกไป


“นั่น..”


ไอมองตามสายตาผมจนไปหยุดอยู่ที่เดียวกัน  “อ้อ ไอ้นี่.. ว่าจะเอากลับไปให้ป้าแม่บ้านที่บ้านอากงซ่อมให้น่ะ”


“ขอดูหน่อยได้ไหม เสียหายเยอะเลยเหรอ?” 


ไอมีสีหน้าไม่แน่ใจนัก แต่ก็ยอมเอาตุ๊กตาตัวนั้นออกมาให้ผมดู มันพุงแตกอย่างที่เมโล่ว่าจริงๆ แต่ตอนนี้ไอเอาเข็มกลัดตัวใหญ่หลายตัวมาช่วยกลัดปิดรอยแผลไว้ ไส้ก็เลยไม่ไหลออกมา เห็นแล้วก็สงสารเหมือนกัน ท่าทางเขาคงจะรักมันมาก แต่ไม่รู้ว่าควรจะซ่อมแซมมันยังไง ผมกูๆ แล้วก็ซ้อมไม่น่ายากนะ แค่ต้องรู้จักใช้เข็มกับด้ายสักหน่อย


“เราซ่อมให้เอาไหม?”  ปากผมไปไวกว่าใจซะอีก


ไอเลิกคิ้วประหลาดใจกับคำเสนอของผม


“เอ้อ แต่ถ้ากลัวไม่สวยก็เอาไปให้ป้าคนนั้นซ่อมให้แหล่ะดีที่สุด”  ผมรีบออกตัวพร้อมยส่งตุ๊กตาคืนเจ้าของ   


“เอาเหอะ”  ไอดันไอ้ตัวนั้นกลับมาที่ผม  “เดิมทีไอ้นี่มันก็ห่างไกลจากคำว่า ‘สวย’ อยู่แล้ว”


เราหัวเราะออกมาพร้อมกันหลังจบความเห็นนั้นของไอ ฮ่ะๆๆ





ผมกลับมาถึงบ้านก็มานั่งซ่อมตุ๊กตาให้ไออย่างที่ได้สัญญาไว้ พอเย็บรอยแตกแล้วก็รู้สึกว่าพุงมันดูโล่งๆ ไปนิด เลยไปขอกระดุมเม็ดโตจากเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้แล้วของพี่สาวมาเม็ดนึง เอามาเย็บติดกลางพุงเจ้านั่นพลางรอยตะเข็บ รวมทั้งแอบไปจิ๊กริบบิ้นผูกผมของน้องสาวมาผูกเป็นโบว์รอบคอให้มันด้วย เสร็จแล้วก็มานั่งชมผลงานตัวเอง น่ารักซะไม่มีล่ะ แม้ว่าหน้าตาเจ้ากระต่ายเน่านั่นจะแลดูเถื่อยถ่อยสวนทางกับสีหวานๆ ของริบบิ้นไปนิดก็ตาม ฮ่ะๆๆ (ผมแน่ใจแล้วล่ะว่ามันคือกระต่าย แม้มันจะมีกรงเล็บกับรอยย่นบนหน้าผากก็ตาม)


“ลงไปทานข้าวได้แล้วพี่ต่าย”  แม่ผมเปิดประตูเข้ามาเรียก  “ทำอะไรอยู่น่ะลูก?”


แม่เห็นตุ๊กตาในมือผมเลยเดินเข้ามาดู พอเห็นหน้ามันชัดๆ แล้วแม่ก็ร้องขึ้นด้วยความประหลาดใจ


“นี่มันยังอยู่อีกเหรอเนี่ย? ไม่เห็นมาตั้งนานนึกว่าพี่ต่ายทิ้งไปแล้วซะอีก”


“อะไรนะครับ?”  ผมไม่เข้าใจสิ่งที่แม่กำลังพูด  “ทำไมต่ายต้องทิ้งมัน? แล้วแม่เคยเห็นมันมาก่อนเหรอ?”


“อ้าว ก็นี่มันตุ๊กตาตัวโปรดของพี่ต่ายนี่”  แม่ใช้สายตาประหลาดใจกับผมบ้าง 


แต่เชื่อเถอะว่าแม่ประหลาดใจไม่ได้เท่าครึ่งหนึ่งของผมแน่


“เมื่อก่อนลูกออกจะติดมันมาก ถ้าไม่ได้นอนกอดมันก็จะนอนไม่หลับ ตอนที่เข้าอนุบาลก็เลยต้องเอามันใส่กระเป๋าไปโรงเรียนด้วยทุกวัน ไม่งั้นไม่ยอมนอนกลางวันแน่.. แต่หลังจากแม่พาพี่ต่ายไปเจอกับ..พ่อ..ที่ศาลวันนั้น แม่ก็แอบเห็นว่าลูกพยายามจะเอามันไปทิ้งหลายครั้ง ...ถึงสุดท้ายจะตัดใจทิ้งมันไม่ลงสักครั้งก็เถอะ”




ตุ๊กตาของผม  ..งั้นเหรอ?










TBC.
อ้าว อิชาย :hao4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-08-2014 02:30:47 โดย White Raven »

ออฟไลน์ Linea-Lucifer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อ่านจบแล้ว
มุ้งมิ้งน่ารักนักกกกกกกกกกกก

รอต่อไปว่าจะมีบทเฮียภาคหรือแกรี่ออกมาอีกหรือเปล่า แห่*

ออฟไลน์ vivalasvegus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รออ่านบทของไอ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
เมโล่ไอ เมโล่ปุเป้ ม่ายยยยยยยยย
ไม่รู้จะเชียร์คู่ไหนดี มันน่าจิ้นไปซะหมดเลย  :jul1:

ออฟไลน์ IIIA

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
คนบ้าที่ไหนเอาน้ำรดคนอื่นแล้วบอกให้โตเร็วๆเหมือนต้นไม้ 555555555555

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ต่ายหรือเปล่าที่เป็นเจ้าของตุ๊กตา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด