รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รามิเรส : บทที่ 33 (จบ) และบทส่งท้าย (30 ธ.ค.57) แจ้งข่าวหนังสือ หน้า 1 ค่ะ  (อ่าน 345218 ครั้ง)

ออฟไลน์ iamew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
«ตอบ #240 เมื่อ10-03-2014 04:18:39 »

ชอบเรื่องนี้ซะแล้วล่ะ

เห็นพูดบ่อยว่าเรื่องที่เอื่อยๆ เรื่อยๆ แต่เราว่ามันเอื่อยๆ เรื่อยๆ ได้จิกหมอนมาก
เขาใจฟิเรียส เป็นผู้น้อยที่เจียมตน แต่มีศักดิ์ศรี และเข้าใจองค์ชาย แต่พูดก็พูด ปกติถ้าใครมาทำเหมือนบังคับกลายๆ กับเรา คือเหมือนมีทางเลือกให้แต่เป็นทางเลือกบังคับ แบบที่องค์ชายทำ เราจะโกรธมากนะ แต่พอเป็นองค์ชายเลยรู้สึกดีๆ เฉยเลย

ออฟไลน์ himoru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
«ตอบ #241 เมื่อ10-03-2014 16:29:33 »

ไรท์เตอร์ค่ะ
ภาษาสวยมากๆเลยค่ะ
ตอนอ่านบทนำแล้วรู้สึกหลงรักเรื่องนี้เลย
เดี๋ยวจะมาอ่าน แล้วจะเม้นต์อีกทีนะคะ
ไรท์เตอร์เก่งจัง ^^

ออฟไลน์ Pine_apple

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
«ตอบ #242 เมื่อ10-03-2014 16:57:54 »

 :m31: อึดอัดใจแทนฟีฟี่ ชายหกไม่ได้ดั่งใจเลย  :m16:

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
«ตอบ #243 เมื่อ10-03-2014 17:01:42 »

เพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาอ่าน
ชอบการดำเนินเรื่องแบบนี้นะ รู้สึกถึงความค่อยๆรักค่อยๆผูกพันะธ์กันไป แต่มันกับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นะเออ
รอตอนต่อไปค่ะ  :pig4: นักเขียน

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: รามิเรส : บทที่ 12 (7 มี.ค. 57) หน้า 8
«ตอบ #244 เมื่อ11-03-2014 00:06:17 »

เราว่าราเข้าใจเจ้าชายนะคะ..เพราะถึงจะไม่ใช่ฐานะเจ้าชาย

แต่ในฐานะรุ่นพี่แล้ก็รู้สกว่าต้องเป็นฝ่ายจ่ายอยู่ดี../นี่ยังไม่นับกับเด็ก่อนกว่าวัยกว่าที่ตัวเองเป็นฝ่ายสนใจอีก

แต่เจ้าชายก็ควรถามความสมัครใจเจ้าตัวก่อนนะคะ แล้วค่อยหว่านล้อมบังคับเอาอ้อมๆก็ได้

เอะอะควักจ่ายแทนหมดเป็นเราเราก็โกรธค่ะ..

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #245 เมื่อ11-03-2014 17:55:43 »

บทที่ ๑๓

เพราะไม่ได้เอาตะกร้ามาใส่อย่างคราวที่แล้ว ฟีเรียสจึงต้องยอมให้เจ้าชายรามิเรสทรงช่วยถือถุงส้ม
ส่วนตัวเขาเองถือถุงเสื้อผ้ามือหนึ่ง ถือถุงองุ่นอีกมือหนึ่ง เมื่อไปถึงที่ที่ผูกม้าเอาไว้
นักเรียนองครักษ์หนุ่มก็โล่งใจว่าม้ายังอยู่ทั้งสองตัว แม้จะแปลกใจอยู่บ้าง
ที่เจ้าของร้านขายเนื้อที่เขาฝากม้าเอาไว้มีรอยช้ำจ้ำใหญ่ที่ใบหน้า
ซ้ำยังกุลีกุจอแก้เชือกที่ผูกม้าเอาไว้กับต้นไม้ให้ด้วยสีหน้าประจบประแจงเป็นพิเศษ
แต่ฟีเรียสก็ไม่ได้ใส่ใจสงสัยอยู่นานนัก ไม่ได้สังเกตว่าเจ้าชายหนุ่มทรงหันพระพักตร์ไปทางหนึ่ง
และได้เห็นองครักษ์ประจำพระองค์ผิวเข้มร่างสูงใหญ่ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลค้อมศีรษะถวาย

ดวงอาทิตย์ลับฟ้าไปก่อนที่หนึ่งเจ้าชาย หนึ่งนักเรียนองครักษ์จะกลับถึงบ้าน
แต่แสงจันทร์เต็มดวงก็ส่องสว่างเป็นทางให้ม้าสองตัวก้าวย่างไปตามทางอย่างไม่เร่งร้อนนักโดยไม่ลำบาก
อากาศยามย่ำค่ำค่อนข้างเย็น สายลมฤดูหนาวพัดผ่านมา ทะลุเสื้อผ้าเข้าไปจนถึงผิวกาย

“หนาวรึเปล่า”

“ไม่หนาวพระเจ้าค่ะ”

ถ้าหนาวแล้วจะทำไม พระองค์จะทรงทำอะไรให้เขาได้

“เดินทางเร็วกว่านี้เถอะ เข้าบ้านแล้วเดี๋ยวก็อุ่น”

ฟีเรียสกำสายบังเหียนแน่นขึ้น ก่อนจะกระตุ้นม้าตามเจ้าของม้าทรงสีขาวไป
เจ็บใจ... ที่ไม่ว่าพระองค์จะทรงทราบว่าเขาหนาวหรือไม่ก็ตาม แต่ก็ทรงทำให้ความหนาวนั้นสั้นลง
เบาบางลงได้จริงๆ ที่ร้ายกว่านั้น คือแม้แต่พระสุรเสียงของพระองค์ก็... อุ่น

บ้านมืด เพราะไม่ได้เปิดไฟเอาไว้ก่อน แต่ก็ทำให้ฟีเรียสหายแคลงใจไปได้ว่าบางที
อาจจะมีใครขึ้นมาทำอะไรเกี่ยวกับบ้านหลังนี้เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องต่างๆ ถวาย
การที่คนที่เป็นถึงจะเจ้าชายจะเสด็จมาทำอะไรคนเดียวถึงที่นี่โดยไม่มีใครตามมาอารักขาดูจะเป็นเรื่องแปลก
แต่บางที... อาจจะเสด็จมาองค์เดียวตามลำพังจริงๆ ก็ได้

ในเมื่อฝีพระหัตถ์เชิงกระบี่ชวนให้ไว้ใจได้ถึงเพียงนั้น

เจ้าชายรามิเรสเป็นฝ่ายเปิดไฟให้สว่างทั่วบ้านเพราะพระองค์ทรงรู้จักบ้านหลังนี้ดีกว่าฟีเรียส
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เข้าไปในห้องครัว ฟีเรียสรับถุงส้มจากพระหัตถ์ไปจัดการเทใส่ตะกร้าผลไม้
จัดองุ่นไว้ในอีกตะกร้าหนึ่ง ตั้งใจว่าจะล้างพรุ่งนี้ หลังจากรินน้ำมาถวายแก้วหนึ่งแล้วจึงยืนนิ่งอยู่
ตามองเพียงถุงกระดาษใส่เสื้อผ้าเจ้าปัญหาที่วางอยู่บนโต๊ะวางอาหารที่ตอนนี้กลายเป็นโต๊ะกินข้าว

เจ้าชายรามิเรสแทบจะทรงทอดถอนพระทัยออกมาดังๆ อีกเฮือก แต่แล้วก็เพียงแค่รับสั่งเรียบๆ

“รินน้ำอีกแก้วหนึ่งให้ตัวเอง แล้วก็นั่งสิ”

ฟีเรียสชะงัก เขาลืมไปแล้วจริงๆ เรื่องแก้วน้ำที่ทำให้อีกฝ่ายกริ้วเมื่อตอนบ่าย แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้กริ้วอีก
กังวลใจไปแล้วก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ ว่าเขาเองต่างหากที่ต้องโกรธ

หลายเรื่องที่ตลาดทำให้เขาหงุดหงิดมาก แต่เมื่อนั่งลงแล้วและนึกถึงเรื่องผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาได้
ก็แทบจะลุกพรวดแล้วขอตัวขึ้นไปข้างบน ต่างคนต่างนอนทันที

“เสื้อผ้าพวกนี้ ข้าซื้อให้เจ้าเป็นของรับน้อง”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มนิ่วหน้า

“มันเป็นของจำเป็น ข้าเป็นคนชวนให้เจ้าอยู่ซ้อมกระบี่ด้วยกันที่นี่เอง ก็ต้องรับผิดชอบเรื่องการกินการอยู่ของเจ้าด้วย”

“...”

“ถ้าเจ้าไม่ชอบ คราวหน้าก็เอาเสื้อผ้าของเจ้ามาด้วยก็ได้ แต่คราวนี้ไม่ได้เตรียมมา
ก็ขอให้ใส่เสื้อผ้าพวกนี้ไปก่อน ใส่แล้วก็ไม่ต้องเอากลับไปก็ได้ ทิ้งไว้ที่นี่
เผื่อคราวหน้าถ้าเจ้าไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาก็ยังมีเสื้อผ้าใส่”

คราวหน้า... คราวหน้าอะไรกัน ยังจะมีคราวหน้าอยู่อีกหรือ แค่คำนี้คำเดียวก็ทำเอาคนฟังหัวหมุน
คิดหาคำพูดมาเถียงไม่ออก ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะค้านหัวชนฝา

“เรื่องค่าอาหารก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าข้าดูถูกเจ้า แต่ข้าเป็นทั้งเพื่อนเจ้าของบ้าน เป็นคนชวนเจ้าอยู่
แล้วยังเป็นรุ่นพี่ อายุมากกว่าเจ้าหลายปี พิจารณาจากเรื่องพวกนี้แล้วคงพอเป็นเหตุผลให้ข้าเป็นคนจ่ายได้”

ฟีเรียสอ้าปาก

“ส่วนที่ข้าไม่ได้ถามความสมัครใจของเจ้าก่อน ก็เพราะเวลามันกระชั้น
ถ้าถามแล้วเจ้าไม่ยอมก็คงต้องพูดกันยาว มันจะไม่ทันการณ์ ถ้าเจ้าเคืองใจว่าข้าเผด็จการ บังคับใจเจ้า ข้าก็ขอโทษ”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มคุ้นๆ ว่าเหตุการณ์อย่างนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน คือเขาโมโหแทบตาย ตั้งใจว่าพอเจอหน้า
พอมีโอกาสก็จะกราบทูลด้วยถ้อยคำแรงๆ ด้วยสีหน้าเย็นชาให้เด็ดขาดไปสักคำ ไม่ว่าจะทำให้กริ้ว
หรืออาจจะต้องโดนพระอาญาก็ไม่กลัวทั้งนั้น ขอเพียงให้พระองค์ทรงเลิกทำสิ่งที่เขาไม่ชอบได้
แต่พอเจอเข้าจริงๆ แค่พระองค์รับสั่งว่า ‘ขอโทษ’ ออกมาคำเดียวเขาก็พูดอะไรไม่ออก

เขารู้สึกอย่างนั้นเลยล่ะ แต่คราวนี้เขาไม่ยอมแล้ว จะไม่ยอมอีกต่อไป

“อย่าทรงทำอย่างนี้อีกได้ไหมพระเจ้าค่ะ” เขาทนไม่ได้ “อย่าทรงซื้ออะไรประทานให้กระหม่อมอีก”

แม้อยากจะพูดอะไรมากมาย แต่สุดท้ายเขาก็สรุปได้สั้นๆ แค่นี้ และทั้งที่แค่รับปากเขามาก็สิ้นเรื่อง
อีกฝ่ายกลับทรงทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก

“ข้าทำลายศักดิ์ศรีของเจ้าหรือ”

แทงเข้ามาแล้ว กระบี่ที่เอาแต่ต้านรับ แต่ไม่เคยแทงมาที่เขาเลยเมื่อตอนบ่าย ตอนนี้แทงเข้ามาแล้ว แรง ลึก
และพุ่งตรงถึงกลางใจโดยที่เขาไม่อาจจะหลบเลี่ยงได้เลย

ตอนที่พระองค์ยังไม่พูด เขายังไม่รู้สึกเสียศักดิ์ศรีมากถึงขนาดนี้เลยแท้ๆ

จะพูดทำไม

“ขอโทษ ฟีเรียส” พระองค์ทรงทราบว่ารับสั่งตรงไปตรงมาเกินไป ระหว่างพระองค์กับเขา
ยังไม่สมควรจะรับสั่งอย่างเปิดเผยถึงขนาดนี้ได้ เรื่องนี้พระองค์ทรงผิดอย่างไม่อาจแก้ตัว

“กระหม่อมไม่ใช่ผู้หญิง” ชายหนุ่มตัดสินใจกราบทูล

“ข้าก็ไม่ได้คิด...”

“แต่กระหม่อมก็รู้ตัวว่าคิดมาก หากฝ่าบาทไม่ทรงทราบ กระหม่อมก็ขอกราบทูลว่ากระหม่อมจริงจังกับเรื่อง... การให้ มาก
หากไม่ได้เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน กระหม่อมก็ไม่อยากให้ใครมาจ่ายเงินเพื่อซื้ออะไรให้ แม้แต่กับเพื่อนสนิท
กระหม่อมก็ยอมรับได้แค่เป็นบางครั้ง ถ้าเป็นของที่ไม่มีราคามาก แต่สำหรับฝ่าบาท
กระหม่อมไม่ได้มีความดีความชอบอะไร ซ้ำยังเป็นแค่ลูกหนี้ ไม่ควรรับอะไรจากฝ่าบาทเลย
เท่าที่ประทานพระกรุณาสอนวิชากระบี่ให้โดยไม่ทรงเรียกอะไรตอบแทน กระหม่อมก็ซาบซึ้งในพระกรุณามากพระเจ้าค่ะ”

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่เจ้าชายรามิเรสจะตรัสถามพระสุรเสียงเบา

“ที่เจ้าว่าเจ้าไม่ใช่ผู้หญิง ข้าทำอะไรให้เจ้าคิดอย่างนั้น แค่ซื้อของให้เท่านั้นหรือ”

ฟีเรียสอึกอัก สำนึกเสียใจที่พูดออกไปเช่นนั้น ชายหนุ่มอ้ำอึ้งอยู่พักใหญ่ ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะพูดออกไปส่งๆ
ว่าแค่เรื่องซื้อของเรื่องเดียว หรือจะพูดออกไปให้หมดเปลือกดี ถ้าเป็นอย่างแรก
คนฉลาดอย่างเจ้าชายรามิเรสอาจจะไม่ทรงเชื่อ แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง มีหวังคงจะมองหน้ากันไม่ติดอีกต่อไป

“พูดมาเถอะ ข้าให้สัญญากับเจ้า ว่าจะรับฟังอย่างมีเหตุผล” หยุดไปครู่จึงรับสั่งเพิ่ม “และไม่โกรธ”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มมองสบสายพระเนตร สะท้านใจขึ้นวูบหนึ่งเมื่ออีกฝ่ายแย้มพระสรวลปรานี
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเปิดเผยความรู้สึกจนหมดเปลือก

“กระหม่อมไม่ทราบว่าฝ่าบาททรง... มีเมตตาอย่างนี้เป็นปกติอยู่แล้วหรือไม่
แต่กระหม่อมรู้สึกว่าไม่ปกติพระเจ้าค่ะ นอกจากเรื่องซื้อของให้ ฝ่าบาทยังทรงทำเหมือน”
คนฟังคงไม่ทรงทราบว่าเขาต้องใช้แรงใจมากมายเพียงใด กว่าจะเอ่ยคำนั้นออกมาได้ “เหมือนหึงหวงกระหม่อม”

ไม่ต้องมีคำอธิบาย คนฟังก็ทรงทราบว่าพระองค์ทรงทำตอนไหน

“แล้วยังเรื่อง ผ้าเช็ดหน้า” คำราชาศัพท์ว่ายังไงเขาไม่รู้ “กระหม่อมตกใจมาก”

ฟีเรียสไม่รู้ตัว ว่าถึงเขาจะไม่ใช่คนผิวขาวจนหน้าแดงเมื่อรู้สึกเขินอาย แต่สีหน้าเก้อกระดาก
แบบยังไม่หายจากอาการ ‘ตกใจมาก’ ทั้งยังเบือนสายตาหลบสายพระเนตรแบบนี้กลับทำให้
คนทอดพระเนตรมองอยู่ทรงรู้สึกว่า ‘น่ารัก’ และแย้มพระสรวลอย่างพึงพระทัยออกมาได้
ทั้งที่อีกฝ่ายกำลังพูดเรื่องเครียด และพระองค์ก็ทรงรับฟังอย่างจริงจังแลหนักพระทัยไม่แพ้กัน

“ฝ่าบาททรงทำเหมือนกระหม่อม... เป็นผู้หญิง”

ที่จริงแล้วยังมีเรื่องยิบย่อยอื่นอีก แต่หลักๆ ก็มีแค่สองเรื่องนี้ คือตอนที่ตรัสถามเขาเรื่องผู้หญิง
กับตอนที่ทรงเช็ดคราบเหนียวๆ ประทานให้

ความเงียบอันน่าอึดอัดเข้ามาเยือนอีกแล้ว ฟีเรียสไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเขาอายุยังน้อยรึเปล่า
ถึงได้มีความอดทนต่ำกว่าอีกฝ่ายอยู่เสมอ แต่เขาทนความเงียบแบบนี้ต่อไปไม่ได้
นักเรียนองครักษ์หนุ่มเลื่อนเก้าอี้ ลุกขึ้นยืน แล้วคุกเข่าลงทั้งสองข้าง
ต่อหน้าเจ้าชายหนุ่มซึ่งประทับอยู่บนเก้าอี้ถัดออกไปสามตัว

“กระหม่อมคงจะพูดตรงเกินไป หากทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัย ขอโปรดทรงลงพระอาญาพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหกแห่งไมซีนแย้มพระสรวล

“อยู่กันสองคน ข้าจะสั่งใครได้”

“โปรดให้กระหม่อมลงโทษตัวเองก็ได้”

จริงจัง ฟีเรียสจริงจังเกินไป ทั้งสีหน้า สายตา น้ำเสียง ไปจนกระทั่งความคิด จิตใจ
เจ้าชายรามิเรสทอดพระเนตรเห็นแล้วก็ตัดสินพระทัยว่าจะไม่ทรงล้อเล่นกับเขาอีก โดยเฉพาะในเวลาอย่างนี้

คนอายุน้อยกว่ากระถดเข่าถอยเมื่อเจ้าชายหนุ่มทรงลุกจากเก้าอี้มาตรงหน้า แล้วก้มองค์ลงหมายจะประคอง
ต่างฝ่ายต่างชะงักไป ฟีเรียสรู้ว่าเป็นความผิดของเขาเองที่ไม่ได้กราบทูลว่า
ทุกครั้งที่พระองค์ทรงแตะตัวเขาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว
เขาจะใจเต้นแรงมากจนน่ากลัว แต่จะให้กราบทูลตอนนี้มันก็...

“ลุกขึ้นเถอะ”

ฟีเรียสแค่เงยหน้า

“เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเอง”

นักเรียนองครักษ์หนุ่มกัดฟัน เขาไม่ได้คิดจะปัดความผิดไปให้ และถ้าไม่ได้ทรงรู้สึกว่าพระองค์ผิดจริง ก็ไม่ควรจะรับสั่ง

“ฝ่าบาททรงทำอะไรผิดหรือพระเจ้าค่ะ”

เขาเกลียดที่สุด คนที่สักแต่ว่าขอโทษ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร

“ผิดที่บีบบังคับให้เจ้าต้องมาคุกเข่าอยู่อย่างนี้ ผิดที่ทำตามใจตัวเอง ทำให้เจ้าคิดมากและรู้สึกไม่ดี”

ฟีเรียสอยากรู้เหลือเกิน อยากได้คำขยายความ ว่าทรงหมายความว่ายังไงที่ว่า ‘ทำตามใจตัวเอง’
แม้แต่เรื่องเช็ดมือให้เขานั่นก็ด้วยหรือ เคยทำอย่างนี้ให้ใครมาก่อนรึเปล่า
หรือเขาแสดงออกตอนไหนว่ารู้สึกพิเศษกับพระองค์ จึงได้ทรงกลั่นแกล้ง ทำกับเขาเหมือนผู้หญิง

“ไม่เป็นไรพระเจ้าค่ะ” เขาไม่ได้หมายความตามที่พูด แต่วันนี้เขาเหนื่อยแล้ว ไม่อยากจะพูดอะไรอีก
ไม่อยากจะอยู่ในห้องเดียวกับเจ้าชายหกแห่งไมซีนให้หัวใจว้าวุ่นสับสนยิ่งกว่านี้

“ขอเพียงฝ่าบาทประทานอภัยให้ที่กระหม่อมบังอาจกราบทูลอย่างตรงไปตรงมา
และทรงยอมรับปากกระหม่อมว่าจะไม่ทรงซื้ออะไรให้กระหม่อมอีก
แล้วก็... รับสั่งให้กระหม่อมสบายใจสักนิดว่าฝ่าบาทเพียงแต่เมตตากระหม่อม
เหมือนอย่างที่เมตตาคนอื่น กระหม่อมคิดมากไปเองทุกเรื่อง ก็จะเป็นพระกรุณาแก่กระหม่อมมากพระเจ้าค่ะ”

“ทุกอย่างที่ข้าทำกับเจ้า ข้าไม่ได้คิดอะไรพิเศษเลย”

ฟีเรียสใจหาย

“ถ้าข้าบอกเจ้าอย่างนั้น เจ้าจะเชื่อข้าหรือ”

คนฟังใช้สมองส่วนที่ยังพอมีสติคิดอย่างจริงจัง แล้วทูลตอบหนักแน่น

“เชื่อพระเจ้าค่ะ” เขาจะเชื่อจริงๆ

เจ้าชายรามิเรสแย้มพระสรวลฝืด “ขอโทษ” ไม่รู้ว่าวันนี้พระองค์รับสั่งคำนี้มากี่ครั้งแล้ว กับคนคนเดิม
ทั้งที่ปกติแทบจะไม่เคยรับสั่งกับใคร “ถึงเจ้าจะเชื่อข้า แต่ข้าคงเชื่อคำพูดตัวเองไม่ลง”

ฟีเรียสนิ่วหน้า ทั้งที่ยังไม่ทันเข้าใจความหมายดี หัวใจไม่รักดีก็ชิงเต้นแรงไปก่อนแล้ว

“ข้ารับปาก ว่าจะไม่ยัดเยียดอะไรให้เจ้าอีกถ้าเจ้าไม่เต็มใจ แต่เรื่องเสื้อผ้านี่ขอให้รับไว้
ไปพักผ่อนเถอะ พักห้องที่อยู่ใกล้ๆ กับห้องที่เจ้าพักคราวก่อน”

ฟีเรียสลุกขึ้นยืน ทั้งที่เขาได้พูดอะไรออกไปมากมาย แต่แทนที่จะเข้าใจอะไรมากขึ้น สบายใจยิ่งกว่าเดิม
กลับมีเรื่องไม่เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก แทนที่คืนนี้จะนอนหลับ แต่แค่ยังไม่ทันได้นอนก็เดาได้เลย
ว่าเขาคงหลับไม่ลงทั้งคืน ถึงกระนั้นปากก็ยังพูดออกไปเอง

“ฝ่าบาทเล่าพระเจ้าค่ะ”

“ข้าจะออกไปเดินเล่นสักพัก”

“กระหม่อมจะตามไปถวายอารักขา”

เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวล มองสีหน้าที่เห็นชัดว่าทั้งสับสนและอ่อนเพลียนั้นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า
เพราะอย่างนี้ไงล่ะ พระองค์ถึงได้... ลืมไม่ลง

“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว จะนั่งอยู่นี่ เจ้าขึ้นไปก่อนเถอะ”

“... กระหม่อมจะต้มน้ำร้อนถวาย”

“ขอบใจ แต่คืนนี้ข้าอยากจะอาบน้ำเย็น”

ฟีเรียสเข้าใจ เขาคิดว่าสำหรับคืนนี้ น้ำเย็นคงจะดีกว่าจริงๆ เรื่องสุดท้ายก็คือ

“กระหม่อมคิดว่าจะซักเสื้อผ้า” ชายหนุ่มเว้นวรรคไปนาน และเจ้าชายรามิเรสก็ทรงรอคอยอย่างอดทน

“ขอผ้าเช็ดหน้าของฝ่าบาทด้วยพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงนิ่งไปครู่ ก่อนจะทรงหยิบซับพระพักตร์เปื้อนๆ ผืนนั้นออกมายื่นประทานให้คนที่ยืนทำหน้าเคร่งอยู่
ฟีเรียสไม่รู้ ว่าเจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงทราบความลับของเขาเสียแล้ว

หน้าตึง มองตรง แต่หลบตาแบบนี้แหละ... อาการเขิน




ฟีเรียสที่เพิ่งได้หลับไปไม่ถึงสองชั่วโมงก่อนรุ่งสางตื่นแต่เช้าเพื่อขี่ม้าลงไปซื้อของที่ตลาด เมื่อกลับมาถึง
เขาก็เห็นเจ้าของวรองค์สูงโปร่งในฉลองพระองค์สีฟ้ายืนรออยู่ตรงลานหน้ามุขรูปครึ่งวงกลม
แสงแดดอ่อนยามเช้าจับพระพักตร์ขาวสะอาดให้แลดูชวนมองจนเขาใจเต้นได้เช่นเคย
นักเรียนองครักษ์หนุ่มนำม้าไปเก็บที่คอก ก่อนจะถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยผักและเนื้อไปเผชิญหน้ากับคนที่ยืนรออยู่

“เจ้าจะทำอาหารหรือ”

แม้จะดูไม่ค่อยออก แต่ฟีเรียสก็อุตส่าห์มองเห็นว่าสีพระพักตร์ของเจ้าชายหกแห่งไมซีนก็ดูคล้าย
คนพักผ่อนไม่เพียงพออยู่เหมือนกัน นั่นทำให้เขารู้สึกดี คำคำหนึ่งผุดขึ้นมาในความคิด... เสมอกัน

“พระเจ้าค่ะ”

หลังจากนอนคิดมาทั้งคืน ฟีเรียสก็ตัดสินใจได้ ว่าสองวันนี้เขาจะตั้งใจ ‘เรียน’
และตักตวงวิชาความรู้จาก ‘รุ่นพี่’ ให้ได้มากที่สุด

เขาชอบเจ้าชายหก ถึงตอนนี้ก็ยังชอบอยู่ แต่เขาจะไม่ชอบมากไปกว่านี้อีกแล้ว
ไม่ว่าพระองค์จะเคยทรงทำอะไรให้เขาหวั่นไหว เขาจะพยายามลืมมันไปเสีย
จะไม่เก็บเอามาคิดอีก แม้มันจะยาก แต่เขาจะพยายาม จะไม่ห้ามตัวเองไม่ให้ชอบ แต่ก็จะไม่ชอบมากขึ้น

แบบนี้แหละดีแล้ว

เมื่อคืน เจ้าชายรามิเรสไม่ได้ทรงตอบคำถามเขา สุดท้ายเขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่า
พระองค์ทรงคิดอะไรกับเขาเป็นพิเศษหรือไม่ รู้สึกยังไงกับเขา
แม้ฟีเรียสจะห้ามความอยากรู้ของตัวเองไม่ได้ แต่เขาบังคับการกระทำของตัวเองได้
พ้นจากสองวันนี้ไป เขาจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก หรือหากรู้ว่าเจ้าชายรามิเรสประทับอยู่ที่ไหน
หลีกได้เขาก็จะหลีก เลี่ยงได้เขาก็จะเลี่ยง

เจอกันแค่ตอนที่เขาเก็บเงินได้มากพอจะเอามาทยอยใช้คืนโดยไม่ต้องอายว่ามันเป็นจำนวนที่น้อยเกินไป

จนอาจทำให้เจ้าชายหกทรงดูถูกเขาได้ก็พอ

   สองวันที่เหลือนั้นหนึ่งเจ้าชายกับหนึ่งนักเรียนองครักษ์อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ฟีเรียสทำอาหาร ต้มน้ำร้อน
ผสมน้ำอุ่นถวาย ตอบแทนที่เจ้าชายหนุ่มทรงสอนวิชาให้ ส่วนเจ้าชายรามิเรสก็
ไม่ได้ทรงทำหรือพูดอะไรให้ ‘รุ่นน้อง’ ต้องหวั่นไหวอีก

คนอายุน้อยกว่าขอทูลลากลับในตอนบ่ายของวันหยุดวันสุดท้าย
ฟีเรียสใส่เสื้อผ้าชุดเดิมที่เขาใส่มาวันแรกและไม่ได้เอาเสื้อผ้าที่เจ้าชายรามิเรสทรงซื้อประทานให้
กลับไปแม้แต่ชุดเดียวแม้ว่าจะซักเรียบร้อยแล้วทุกชุดก็ตาม

“ซ้อมกับข้าสักรอบก่อนแล้วค่อยไปเถอะ”

ฟีเรียสไม่เกี่ยงอยู่แล้ว เขายินดีทีเดียว และยิ่งตื่นเต้นเมื่อเจ้าชายหกทรง ‘รุก’ เป็นครั้งแรก
ที่ผ่านมาทรงสอนเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้เขาเป็นฝ่ายรุกที่ดีขึ้น โดยพระองค์ทรงเป็นฝ่ายรับตลอด
ฟีเรียสจึงเพิ่งประจักษ์ว่าฝีมือในการรุกของพระองค์ยังยอดเยี่ยมกว่าการรับเสียอีก

เจ้าชายรามิเรสไม่ได้ทรงสอนอะไรเขาเลย แต่ฟีเรียสก็ยินดีจะเรียนรู้เอาเอง
ชายหนุ่มมีเวลาเรียนรู้เพียงไม่นาน เพราะอีกฝ่ายทรงทำให้เขาแพ้หลุดลุ่ยภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที
ซ้อมจบยังรับสั่งเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับกระบี่

“ถ้าข้าบอกเจ้าว่า ข้ารู้สึก... พิเศษ กับเจ้า เจ้าจะว่ายังไง”

คนที่ยังก่นด่าฝีมืออันย่ำแย่ของตัวเองไม่เลิกถึงกับงุนงงไปชั่วขณะ
และคนตรัสถามก็ทรงรออย่างใจเย็นได้จนกระทั่งเขาหายงง

“กระหม่อมจะขอให้ฝ่าบาททรงลืมพระเจ้าค่ะ แล้วก็ทรงคิดถึงพระคู่หมั้นให้มากๆ”

ฟีเรียสรู้ว่าเขาบังอาจสั่งสอนเจ้าชายอีกแล้ว แต่เขาไม่ลืมว่านี่คือ ‘ถ้า’ เพราะฉะนั้น
ความรู้สึกพิเศษของเจ้าชายรามิเรสไม่มีอยู่จริง

แม้ว่าสิ่งสมมตินั้นจะทำให้เขาใจเต้นแรงขนาดต้องก่นด่าตัวเองอย่างดุเดือดว่าไม่รักดีไปอีกรอบก็ตาม

เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงนิ่งเงียบไปนานอย่างที่ฟีเรียสคิดไว้ไม่มีผิด แต่ไม่เป็นไร เขารอได้
เพราะต่อไปคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว

“วันหยุดคราวหน้า ข้าจะมารอเจ้าที่นี่”

สีหน้าของนักเรียนองครักษ์หนุ่มขรึมขึ้น รอจังหวะที่จะได้กราบทูลว่า กระหม่อมจะไม่มาอีก แต่เขาไม่มีโอกาสได้พูด

“ข้าไม่ได้บังคับ แต่ถ้าเจ้าอยากจะรู้วิธีเอาชนะข้าให้ได้ และอยากจะรู้คำตอบว่าข้ารู้สึกยังไงกับเจ้า ก็ขอให้มา แล้วข้าจะบอก”

ฟีเรียสนิ่งอึ้ง ไม่มีใครบอกเขา เขารู้ได้เองว่าเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบกทรงเป็นเจ้าชายที่พระทัยดี
แต่เขาเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมา เขาคิดเองเออเอง




เบื้องหลังรอยยิ้มปรานีที่เห็นอยู่ตรงหน้า ช่างเลวร้ายสิ้นดี!



tbc.

*************************************************

เคลียร์กันเข้าใจแล้ว (?) ในระดับนึง... เนอะ (รึจะไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิมหว่า)
แต่ก็มีัพัฒนาการเพิ่มขึ้นละหน่า...

ส่วนตัวคิดว่าถ้าเทียบความ 'เยอะ' เนี่ย ฟีเรียสน่าจะเยอะกว่าเยอะนะคะ 555

พบกันตอนหน้านะคะ
ขอบคุณทุกกำลังใจและความคิดเห็นค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #246 เมื่อ11-03-2014 18:54:05 »

สองคนเนี่ย เยอะ ปากแข็ง เจ้าเล่ห์เพบุบาย(เฉพาะองค์ชาย) สารพัดจะหาคำจำกัดความ
แต่ก็มีพัฒนาล่ะนะ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #247 เมื่อ11-03-2014 19:09:12 »

เจ้าชายเริ่มชัดเจนละ เหลือแต่ฟีเรียสนี่แหละ

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #248 เมื่อ11-03-2014 19:37:51 »

 :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #249 เมื่อ11-03-2014 19:40:52 »

เราเข้าใจฟีเรียสนะ

นอกจากต่างฐานันดรแล้วยังเรื่องเพศเดียวกันอีก ถึงแม้มันจะเป็นแค่นิยายก็เถอะ แต่นิยายก้ต้องมีอิงสถานการณ์จริงให้อ่านแล้วดู make sense ฟีเรียสถึงได้พยายามมากจะไม่ให้สิ่งที่ไม่ควรในความคิดตัวเองเกิด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
« ตอบ #249 เมื่อ: 11-03-2014 19:40:52 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #250 เมื่อ11-03-2014 20:22:42 »

เป็นความรู้สึกที่อึดอัดจริงๆ
ว่าแต่ เปิดไฟคือจุดเทียนใช่มั้ยเอ่ย

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #251 เมื่อ11-03-2014 20:35:30 »

ยังอึมครึมต่อไป  :mew2:

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #252 เมื่อ11-03-2014 21:08:58 »

เจ้าชายทรง'รุก'เก่ง จริงๆด้วยเพคะ

แต่จะเอาชนะฟีเรียสที่ตั้งรับเหนียวแน่น ซะขนาดนี้ ได้หรือเปล่าหนอ

 :pig4: นักเขียนค่ะ

ออฟไลน์ pasallatel

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #253 เมื่อ11-03-2014 21:11:20 »

โฮะๆๆๆ o18
เจ้าชายสู้ๆ นะ
ฟีเรียสนี่ก็จริงจังจริงๆ :เฮ้อ:
มันช่างเรื่อยๆ แต่ก็ไม่เหนื่อยที่จะได้อ่านเรื่อยๆ เช่นกัน
มาต่ออีกนะคะ น่าร้ากกกกก........ทั้งคู่เลย
ฟีเรียส ซึนได้น่ารักมาก... :mew1:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #254 เมื่อ11-03-2014 21:15:48 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #255 เมื่อ11-03-2014 21:34:57 »

อย่างน้อยคนนึงก็กล้าพูดความรู้สึกที่พิเศษนี่ออกมา


 :กอด1:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #256 เมื่อ11-03-2014 21:40:32 »

เข้าใจฟีเรียสนะที่เป็นแบบนี้ แต่ไงก็ลุ้นต่อไปนะ ความสัมพันธ์มันค่อยๆดีขึ้นนี่นา :impress2:

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #257 เมื่อ11-03-2014 22:36:00 »

เจ้าชายเจ้าเล่ห์มากนะคะ ดักทางกันน้องหนูไม่มาเรียบร้อยเชียว
แล้วอย่างงี้ฟีเรียสจะทำยังไงต่อไปหละเนี่ย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #258 เมื่อ11-03-2014 23:33:41 »

พัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นมานิดหนึ่ง

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #259 เมื่อ11-03-2014 23:53:58 »

เจ้าชายหกเริ่มรุกครั้งแรกล่ะ :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
« ตอบ #259 เมื่อ: 11-03-2014 23:53:58 »





ออฟไลน์ Maxshu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #260 เมื่อ12-03-2014 00:22:04 »

ฟีเรียสอ่ะเยอะ เจ้าชายก็ทรงไม่ยอมรับความจริง

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #261 เมื่อ12-03-2014 03:20:13 »

วันหยุดคราวหน้าขอให้เจ้าชายทรงแน่พระทัยก่อนนะเพคะ แล้วเอาให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ฟีเรียสจะได้เลิกคิดเยอะสักที  :katai2-1:

ขอบคุณสำหรับตอนใหม่ค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ himoru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #262 เมื่อ13-03-2014 09:45:56 »

เหมือนจะเคลียร์ แต่ยังไม่เคลียร์ค่ะไรท์ โฮกกกกก
เจ้าชายยยยยยยย มั่นใจหน่อยค่าาาา
ฟีเรียสคิดเยอะ มันก็ควรไหมอ่าแบบว่า....ก็เขานะเจ้าชาย เรามันปุถุชน
มาต่อไวไวนะคะไรท์ ^^

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #263 เมื่อ18-03-2014 08:54:12 »

เราชอบเรื่องนี้มากจริงๆค่ะ มันแบบ

โอย เรื่อยๆแต่ก็แซ่บในตัวค่ะ ชอบมาก

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #264 เมื่อ20-03-2014 10:16:53 »

วันนี้จะมาไหนน้อ  คิดถึงคนหน้ามึนทั้งสองคน :monkeysad:

ออฟไลน์ Nemasis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #265 เมื่อ20-03-2014 10:59:53 »

อยากอ่านต่อแล้ววว

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #266 เมื่อ20-03-2014 14:59:18 »

จับกดไปเถอะค่ะ จะได้ไม่เดือดร้อนชาวโลก(ม่วง) ..ลุ้นจะแย่อยู่แล้ว

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #267 เมื่อ20-03-2014 18:11:50 »

ตายๆๆ อาทิตย์หน้าจะมาไหม กล้าไหมฟีเรียสสส

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: รามิเรส : บทที่ 13 (11 มี.ค. 57) หน้า 9
«ตอบ #268 เมื่อ01-04-2014 13:55:41 »

ฉันมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ.. :ling1:

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: รามิเรส : บทที่ 14 (1 เม.ย. 57) หน้า 10
«ตอบ #269 เมื่อ01-04-2014 14:56:12 »

บทที่ ๑๔

คุณชายเล็กแห่งบ้านเสนาบดีกลาโหมไม่ได้ไปไหน ธรรมเนียมการไปเที่ยวยกครอบครัวทุกปีนั้นมีอยู่จริง
แต่ยังอีกสองเดือนกว่าจะถึงกำหนด วันหยุดสามวันที่ผ่านมาเขาใช้เวลาไปกับการหาความสำราญ
ให้ตัวเองอย่างเต็มที่และเจียดเวลาส่วนหนึ่งไว้คิดบทพูดที่มั่นใจว่าจะได้พูดแน่ๆ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะได้พูดเร็วกว่าที่คิด

“อธิบายมา”   

อธิบายกันตอนตีสอง ถึงจะเมากรึ่มมาก็สร่างได้ทันทีเหมือนกัน
ที่จริงแล้วมิทรอสใกล้สร่างตั้งแต่เห็นคนสนิทยืนรออย่างกระวนกระวายอยู่ที่หน้าประตูบ้านและบอกว่า

“องค์ชายหกเสด็จมารอท่านตั้งแต่ห้าโมง”

เข้าบ้าน ยังไม่ทันได้แก้ตัว บิดาซึ่งยืนหน้าถมึงทึงอยู่ในห้องโถงรับแขกก็สั่งเขาเสียงห้วน

“รีบขึ้นไปเลย  ทรงรออยู่ที่ห้องทำงาน”

มิทรอสมองสบตามารดาซึ่งนั่งรออยู่ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักแวบหนึ่ง
ยิ้มให้เป็นเชิงปลอบใจว่าไม่มีอะไรร้ายแรง แล้วก็ต้องรีบขึ้นไปยังชั้นบนแทบไม่ทัน
เมื่อเห็นบิดาถลึงตามองอีกหน เขาคิดว่าเจ้าชายรามิเรสคงไม่ได้พระทัยร้ายขนาด
ทำให้พ่อกับแม่ของเขาต้องทุกข์ใจไปด้วย เพียงแต่ถ้าเจ้าชายพระองค์หนึ่งเสด็จมาถึงบ้าน
แล้วรับสั่งว่าจะทรงรอโดยไม่บอกว่ามีธุระสำคัญอะไรกับลูกชาย พ่อแม่ที่ไหนต้องต้องร้อนใจเป็นธรรมดา




“กระหม่อมไม่ได้บอกใครพระเจ้าค่ะว่าจะไปเที่ยวที่หอฟลาว...”

“มิทรอส” คนประทับหลังโต๊ะทำงานที่ตอนนี้ดูไปดูมาเหมือนบัลลังก์ผู้พิพากษาตรัสเรียกพระสุรเสียงเย็น

“อธิบายมา”

อ้อ... เขาเข้าใจล่ะว่าเรื่องอะไร ถึงจะซ้อมมาแล้วสองรอบก็ใช่ว่าจะพูดกันได้คล่องๆ
ต้องรวบรวมสติอยู่ครู่กว่าจะกราบทูลได้

“กระหม่อมเห็นว่าช่วงนี้ฝ่าบาทดูทรงเหน็ดเหนื่อย แต่ที่กรมก็ไม่มีเรื่องด่วน
หรือเรื่องใหญ่พิเศษให้ต้องทรงเครียด เลยเดาเอาว่าฝ่าบาทคงจะทรงเหนื่อย
ที่ต้องเสด็จไปไหนมาไหนกับพระคู่หมั้นบ่อยๆ รสนิยมของอันธียาไม่ต้องพระทัยฝ่าบาทเลยสักอย่าง
ถึงได้กราบทูลให้เสด็จไปทรงพักผ่อนที่บ้านริมผา จะได้ทรงห่างจากนางบ้าง ผู้หญิงมีสองประเภท
ประเภทแรกคือทำให้เราอยากจะอยู่ด้วยตลอดเวลา ถึงไม่ได้ทำอะไรแค่ได้เห็นหน้าก็ชื่นใจ
อีกประเภทคือต้องนานๆ เห็นทีถึงจะรู้สึกดี กระหม่อมว่าพระคู่หมั้นของฝ่าบาทเป็นประเภทหลัง...”

“มิทรอส”

“พระเจ้าค่ะ” หรือจะรับสั่งให้เขานั่ง เพราะจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้นั่ง
ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงไม่ต้องรอให้ทรงอนุญาต

“นั่นเจ้าบอกข้าไปแล้ว” และพระองค์ก็ไม่โปรดให้เขาวิจารณ์ผู้หญิง
แม้ว่า... มิทรอสจะพูดถูกทุกอย่างก็ตาม

“พูดมาสั้นๆ เจ้าหลอกฟีเรียสไปที่นั่นทำไม”

“เผื่อเขาจะทำให้ฝ่าบาททรงมีความสุขได้พระเจ้าค่ะ”

สั้น... จริงๆ แม้จะทรงคิดมาตลอดหลายชั่วโมงจนถึงตีสอง
แต่เจ้าชายรามิเรสก็ไม่ได้ทรงคาดว่าพระสหายจะทูลตอบเช่นนี้

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น” พระสุรเสียงทั้งเรียบ และเบา

“กระหม่อมเห็นฝ่าบาททรงออกงานกับอันธียาทีไร สายพระเนตรก็ดูมองไปไกลเกินหน้านางทุกที
เหม่อบ่อย ดูหมกมุ่นเหมือนคนมีปัญหาคิดไม่ตก และเท่าที่กระหม่อมทราบ
ปัญหาที่ค้างคาพระทัยฝ่าบาทอยู่ก็มีแค่เรื่องนักเรียนองครักษ์คนนั้น
ถ้าได้ทรงพบกับเขาอีกครั้ง อาจจะทรงได้คำตอบ”

“ข้าได้คำตอบแล้วตั้งแต่คราวก่อน” ว่าพระองค์ไม่ทรงมีอารมณ์

“จนถึงตอนนี้คำตอบก็ยังไม่เปลี่ยน” ไม่ได้มีความปรารถนาในเชิงกามารมณ์กับนักเรียนองครักษ์ผู้นั้นเลยแม้แต่นิดเดียว

“กระหม่อมขอประทานอภัย” เขาดูผิดไปจริงๆ

“เรื่องอะไร”

“ที่กระหม่อมคิดเอาเองว่าฝ่าบาทอยากจะพบเขา”

“...”

“คราวก่อนตอนที่ฝ่าบาทรับสั่งถึงเรื่องนี้ ฝ่าบาทรับสั่งเหมือนมีพระประสงค์จะพบเขาอีก”

“นั่น... เจ้าก็ดูไม่ผิด” แม้จะไม่ง่ายนักที่จะยอมรับ แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้ “ทำไมถึงไม่บอกข้าก่อน”

“หากทูลบอกก่อน ฝ่าบาทจะทรงมีเวลาตั้งตัวพระเจ้าค่ะ จะไม่ทรงทราบว่าความรู้สึกแรก
ตอนที่ทรงพบกับเขาอีกครั้งเป็นยังไง ถ้าทรงทราบล่วงหน้าว่าจะได้พบ
ต่อให้ทรงลำบากพระทัยก็อาจจะยังประทับอยู่ที่นั่น แต่หากมันกะทันหัน
ก็มีแนวโน้มว่าจะทรงทำตามความรู้สึกของพระองค์เอง ถ้าไม่โปรด ถ้าลำบากพระทัย ก็คงจะเสด็จกลับ”

สีหน้าของคนที่มีกลิ่นของมึนเมาติดตัวมีแววคลางแคลง สายตาที่คอยจับสังเกตสีพระพักตร์ไว้ไม่ให้คลาด
ก็ดูเฉียบคมแทบไม่ต่างจากเวลาที่มีสติสมบูรณ์พร้อม และคนถูกมองก็ทรงทราบดีว่าถูกสงสัย
พระองค์ยังทรงจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดี

“ข้าดีใจที่ได้พบเขา”

“ฝ่าบาททรงมีความสุขที่ได้อยู่กับเขา” คุณชายหนุ่มทูลถามเป็นประโยคบอกเล่า
และถือโอกาสอนุญาตให้ตัวเองนั่งลงบนชุดเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของตัวเองที่ตอนนี้ถูกอีกฝ่ายทรงยึดครองไปชั่วคราว

เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่งเงียบ มีความสุขหรือ... ก็ไม่เชิง เรียกว่ารู้สึกมีชีวิตชีวาน่าจะดีกว่า

มีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

“อย่างน้อยก็คงจะทรงเปรียบเทียบได้ ระหว่างตอนที่ประทับอยู่กับอันธียา กับตอนที่ประทับอยู่กับฟีเรียส”

เจ้าชายหนุ่มทรงขมวดพระขนง สีพระพักตร์บ่งบอกความรู้สึกเคร่งเครียด

“ทำไมต้องเปรียบเทียบกับอันธียา”

“อ้าว” มิทรอสคิดว่าเขาไม่เมา แต่เริ่มไม่แน่ใจตอนได้ยินคำถามนี่เอง ไม่เปรียบกับอันธียาแล้วจะให้เขาเปรียบกับใคร

“ฝ่าบาททรงมี... ผู้หญิงคนอื่นนอกจากอันธียาหรือพระเจ้าค่ะ”

“ก็เปรียบกับเจ้า”

คุณชายหนุ่มสะดุ้ง

“ฟีเรียสเป็นผู้ชาย ทำไมต้องเปรียบเทียบเขากับอันธียา”

“เพราะว่าสถานภาพของเขาน่าจะใกล้เคียงกับอันธียามากกว่ากระหม่อมพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่งไป พระองค์ทรงเข้าพระทัย ถึงกระนั้นก็ยังรับสั่ง

“อธิบาย”

“ฝ่าบาทพอพระทัยเขา” นี่ก็คำถาม

เจ้าชายหกแห่งไมซีนทรงพยักพระพักตร์

“แต่ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนแบบกระหม่อม”

“...อาจจะในฐานะรุ่นน้องร่วมโรงเรียนก็ได้ ข้าเพิ่งออกปากว่าจะสอนกระบี่ให้เขาไป”

ถึงคราวมิทรอสเป็นฝ่ายนิ่งเงียบบ้าง สีหน้าของคุณชายหนุ่มออกจะแปลกใจ แต่ก็สงสัยระคนกัน

“ถ้าอย่างนั้นข้อสันนิษฐานของกระหม่อมก็คงจะผิดหมดพระเจ้าค่ะ” เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่วพระพักตร์

“กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทพอพระทัยเขาในฐานะ... ผู้ชายที่ทำให้ฝ่าบาททรงมีความสุขได้
แบบเดียวกับที่ผู้ชายทั่วไปรู้สึกกับผู้หญิงที่พอใจ แต่ถ้าฝ่าบาทพอพระทัยเขาในฐานะที่รุ่นน้อง
หรือในฐานะนักเรียนองครักษ์คนหนึ่งที่มีความประพฤติดี ก็ไม่มีอะไรต้องทรงกังวลพระเจ้าค่ะ
ในเมื่อเขาพร้อมจะลืมเรื่องคืนนั้น ขอเพียงฝ่าบาทไม่ทรงใส่พระทัยเช่นกัน
ฝ่าบาทก็คงจะทรงพบกับเขาได้อย่างปกติ เหมือนกับที่ฝ่าบาทโปรดที่จะทรงคบหากับกระหม่อม... เป็นแบบเดียวกัน”

แบบเดียวกันหรือ... ไม่ใช่หรอก และคงไม่มีวันเป็นไปได้

“เจ้าเมามาหรือ”

“สร่างแล้วพระเจ้าค่ะ”

“งั้นก็ไปเอาเหล้ามากินต่อไป”

“แก้วสองใบนะพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงชะงักไปวูบหนึ่ง “อืม” ก็แค่นึกถึงคนที่ชอบเอาแก้วมาแค่ใบเดียวขึ้นมาได้

หลังจากเจ้าชายรามิเรสทรงย้ายที่ประทับมาเป็นที่ชุดเก้าอี้บุผ้าฝ้ายตัวใหญ่นุ่มหน้าโต๊ะทำงาน
พระองค์ก็ดื่มน้ำจัณฑ์กับเจ้าของห้องซึ่งนั่งอยู่ตรงกันข้ามไปเงียบๆ เรื่อยๆ
จนสุราฤทธิ์แรงหมดไปครึ่งขวดแต่สีพระพักตร์ยังไม่เปลี่ยน แม้แต่สายพระเนตรก็ยังคงแจ่มใส

“เขาเป็นนักเรียนองครักษ์ที่รักศักดิ์ศรีมาก ข้อนี้เจ้าพอจะรู้ไหม”

คนที่คอแข็งพอกันยกยิ้มนิดๆ

“ทราบพระเจ้าค่ะ” ถึงจะเคยพูดคุยกันไม่กี่ครั้ง ครั้งละไม่นาน
แต่นิสัยเช่นนั้นของชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาถึงแปดปีก็ชัดเจน

“เขาบอกว่าข้าทำลายศักดิ์ศรีของเขา” ถึงประโยคนั้นพระองค์จะเป็นคนรับสั่ง
แต่ฟีเรียสก็ไม่ได้ปฏิเสธ และที่รับสั่งเล่า ก็ไม่ได้มีเจตนาจะเอามานินทา
เพียงแต่ต้องการคนฟัง และทรงทราบว่ามิทรอสจะไม่บอกใคร

คุณชายหนุ่มบ้านเสนาบดีกลาโหมเป็นผู้ฟังที่ดี แม้เรื่องที่ได้ฟังจะเหนือความคาดหมายของเขาไปมาก
แต่เขาก็เพียงแต่รับฟังเงียบๆ ไม่แสดงอารมณ์ สำหรับนักเรียนองครักษ์ผู้นั้น
เขาคิดว่านอกจากจะเป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมาอย่างน่าทึ่งแล้วก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่
อารมณ์พลุ่งพล่านรุนแรงใช้ได้เลยทีเดียว ส่วนสำหรับเจ้าชายรามิเรส เขาคิดได้เพียงประโยคเดียว

ว่าถึงขนาดนี้แล้วยังจะทรงสงสัยอะไรอีก

“มิทรอส”

“พระเจ้าค่ะ”

“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าชอบผู้ชายคนไหนแบบเพื่อน ชอบผู้ชายคนไหนแบบ... อื่น”

“ถ้าไม่อยากกอดก็เป็นแบบเพื่อนพระเจ้าค่ะ แต่ถ้าอยากกอด อยากนอนด้วยก็เป็นแบบคู่นอน”

เจ้าชายรามิเรสทรงนิ่ง หลังจากทรงดื่มน้ำจัณฑ์อีกครึ่งแก้วที่เหลือจนหมดในคราวเดียวแล้วก็ยังทรงนิ่ง
เมื่อภายในห้องไม่มีใครอื่น คนที่เป็นถึงคุณชายจึงต้องทำหน้าที่รินถวายเพิ่มเสียเอง

“ข้ายังยืนยันว่าไม่อยากทำแบบนั้นกับเขา” ถ้าแค่รู้สึกดีตอนที่มีอีกฝ่ายอยู่ในอ้อมแขน บนเตียงเดียวกัน
แต่ไม่ได้นึกอยากทำอะไรมากกว่านั้น ก็คงไม่เรียกว่า ‘อยากกอด’ หรอกกระมัง

“อย่างนั้นฝ่าบาทก็คงแค่ถูกพระทัยในความรักศักดิ์ศรีของเขา และเสียพระทัยที่ทรงเป็นคนทำลายมันไป”

มิทรอสเป็นคนนอก มองสถานการณ์ได้เฉียบคมกว่า เจ้าชายรามิเรสทรงยอมรับว่าพระสหายพูดถูกทีเดียว
ตรงกับความรู้สึกของพระองค์มาก... แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด

“เจ้าคิดว่าเขาจะมานั่งกลุ้มใจอย่างข้ารึเปล่า”

“กระหม่อมไม่ทราบพระเจ้าค่ะ” เผลอๆ อาจจะกลุ้มหนักกว่าเสียอีก ที่ต้องมาเจอกับคนที่ไม่รู้ใจตัวเอง

“แล้วคราวหน้า เขาจะมาไหม”

เขาไม่ใช่นักเรียนองครักษ์คนนั้น จะไปรู้ได้ยังไง แต่จะทูลตอบออกไปตรงๆ อย่างนั้นก็ดูจะไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไร

“เรื่องฝึกกระบี่น่าจะเป็นเรื่องรอง สำคัญที่ว่าเขารู้สึกยังไงกับฝ่าบาท ถ้าเขารู้สึกพิเศษกับฝ่าบาทมากพอ
เขาคงจะมาพระเจ้าค่ะ แต่ถ้าไม่ ก็อาจจะไม่มา”

นั่นล่ะ... ที่พระองค์ปรารถนาจะทรงทราบเป็นที่สุด พิเศษ... รึเปล่า

“แต่ถ้าฝ่าบาททรงสงสารเขา กระหม่อมคิดว่าน่าจะทรงหาคำตอบให้เขาให้ได้เสียก่อนพระเจ้าค่ะ ว่าทรงรู้สึกยังไงกับเขา”

“ข้าก็ตั้งใจไว้อย่างนั้น” เพราะสัญญาไว้แล้ว และพระองค์ไม่ใช่คนชอบผิดคำพูด

“ยังทรงมีเรื่องอะไรไม่สบายพระทัยอีกรึเปล่าพระเจ้าค่ะ”

“ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเขาจะทำให้ข้ามีความสุข”

“ทูลตามตรง กระหม่อมก็ไม่ทราบ เพียงแต่คิดว่าคนที่อยู่ในความคิดของฝ่าบาทมาได้นานหลายเดือนแบบนี้น่าจะเป็นคนพิเศษ” 

คนที่ทอดสายพระเนตรออกไปเบื้องนอกอยู่นานทรงหันมามองพระสหายนิ่งอยู่ครู่
ก่อนจะทรงพยักพระพักตร์อย่างยอมรับว่าอีกฝ่ายฉลาด โดยเฉพาะเรื่องนี้ เขาฉลาดกว่าพระองค์



****************************


ฟีเรียสไม่มา เจ้าชายรามิเรสทรงรออยู่ถึงสองวันทั้งเสาร์และอาทิตย์
หากรวมเย็นวันศุกร์เข้าไปด้วยก็เกินสองวัน แต่นักเรียนองครักษ์ปีสุดท้ายผู้นั้นก็ไม่มา

แม้จะโปรดให้เรจินยกการงานที่คั่งค้างของพระองค์มาด้วย แต่เจ้าชายหกแห่งไมซีนก็ทรง
ทำเสร็จไปตั้งแต่ตอนตีสามของคืนวันศุกร์ เพราะทรงคิดว่าหากฟีเรียสมา
พระองค์จะได้ทรงมีเวลาให้เขาอย่างเต็มที่ ไม่ต้องพะวงกับเรื่องการงาน
แต่เอาเข้าจริง ก็เป็นแค่การทำให้พระองค์ทรงกลายเป็นคนว่างงานในอีกสองวันที่เหลือ

ฟีเรียสไม่มา พระองค์ยังทรงสุขสบายยิ่งกว่าตอนที่เขาอยู่ด้วยเสียอีก
พระกระยาหารแต่ละมื้อมีไม่ต่ำกว่าสี่อย่าง ทั้งรสเลิศและหน้าตาชวนกิน
ไม่ใช่มีแค่อย่างเดียวหรือสองอย่างและมักจะติดหวานอย่างที่ว่าที่องครักษ์หนุ่มทำ
ทั้งยังมีผลไม้ที่ปอกเรียบร้อยแล้วให้เสวยตามหลังทุกมื้อ ไม่ใช่มีบ้างไม่มีบ้าง
และต้องทรงกัดเอง กัด... ไม่ใช่ปอก เพราะฟีเรียสกัดกินทั้งผล
พระองค์จึงต้องทรงทำตามราวกับว่าปกติเสวยแอปเปิ้ลโดยการกัดทั้งลูก
ไม่ใช่มีคนปอกใส่จานไว้ถวาย น้ำที่ใช้สรงก็อุ่นพอดี
ฉลองพระองค์มีคนตระเตรียมไว้ถวาย ไม่ต้องทรงเตรียมเอง
พระภูษาคลุมพระที่และคลุมบรรทมก็เปลี่ยนใหม่ทุกวัน ไม่ใช่ต้องทรงใช้ซ้ำกันตลอดสามวัน

อะไรก็ล้วนแต่ดีทั้งนั้น ไม่ดีอยู่แค่อย่างเดียว... คือพระอารมณ์

“งานสมโภชครบหนึ่งเดือนพระธิดาในเจ้าชายไคล์ ฝ่าบาทจะเสด็จหรือไม่พระเจ้าค่ะ”

เรจินหมายถึงงานเฉลิมฉลองที่ ‘เสด็จอา’ ของเจ้าชายหนุ่มทรงจัดขึ้นที่วัง
เจ้าชายรามิเรสทรงมีสัมพันธ์อันดีและค่อนข้างสนิทสนมกับพระอนุชาพระองค์นี้ของพระบิดา
และเจ้าชายไคล์ก็เพิ่งจะทรงมีพระธิดาเพียงพระองค์เดียวเอาเมื่อตอนที่พระชนม์ล่วงเข้าสี่สิบพรรษาต้นๆ
อีกทั้งเจ้าของงานยังทรงส่งบัตรเชิญมาตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนและเจ้าชายหกแห่งไมซีนก็ทรงออกโอษฐ์
กับหัวหน้ามหาดเล็กของวังนั้นว่าจะเสด็จไปให้ได้

“เจ้าเอาของขวัญที่ข้าเตรียมไว้ไปถวายแทนข้า ทูลเสด็จอาว่าข้าติดงานสำคัญกะทันหัน
วันหลังจะไปเข้าเฝ้าขอประทานอภัยด้วยตัวเอง”

องครักษ์ประจำพระองค์ผิวเข้มร่างสูงใหญ่ถึงกับชะงักไปวูบหนึ่ง ก่อนจะน้อมรับพระบัญชา
แม้ใจจริงจะอยากถวายความปลอดภัยอยู่ที่นี่ แต่ก็ตระหนักว่าเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง
ที่เขาซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยองครักษ์ประจำพระองค์จะต้องไปด้วยตัวเอง
เพราะเจ้าชายไคล์ทรงเป็นเชื้อพระวงศ์องค์สำคัญ แต่เขาไม่คิดเลย

ว่านักเรียนองครักษ์ผิวเข้มร่างโปร่งผู้นั้นยังจะมีความสำคัญยิ่งกว่าเจ้าชายไคล์เสียอีก




“ฝ่าบาท โปรดให้กระหม่อมไปตามตัวเขามาเข้าเฝ้าดีไหมพระเจ้าค่ะ”

เรจินเป็นญาติห่างๆ ฝ่ายพระมารดาของเจ้าชายรามิเรส จึงไม่แปลกที่เขาจะกล้าทูลถาม
เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้เรื่องระหว่างเจ้านายของตนกับฟีเรียสดี เพียงแต่เขาไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเจ้าชายหนุ่ม
เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนพระองค์ แต่มาถึงตอนนี้จะไม่พูดก็ไม่ได้แล้ว

นักเรียนองครักษ์ผู้นั้นปล่อยให้เจ้านายของเขาเสด็จมาทรงรอเก้อเป็นสัปดาห์ที่สามแล้ว

“ขอบใจ แต่ไม่ต้องตาม ถ้าเขาอยากจะมา เขาก็คงมาเอง”




ฟีเรียสไม่เคยมาอีกเลย แม้เวลาจะล่วงเลยไปเป็นเดือน



tcb.

*********************************

มัน... ไม่ง่าย

บางครั้งฟีเรียสก็ทำตัวยากไปเนอะ

ตอบคุณ lizzii - ที่ว่าเปิดไฟก็คือเปิดไฟแหละค่ะ สมมติให้สมัยนั้นมีไฟฟ้าใช้แล้วน่ะค่ะ
(ประมาณว่าในราชสำนักยุโรปโบราณก็มีแล้ว ถึงจะยังใช้ดาบใช้ธนูกันอยู่ก็ตาม)

ถัดจากเรื่องนี้ว่าจะอัพรวมเรื่องสั้น กับเปิดเรื่องใหม่เรื่องนึงค่ะ
(เก่ายังไม่จบ แต่ยังจะเปิดใหม่ หาเรื่องใส่ตัวสินะ 555)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด