บทส่งท้าย
“เจ้าจะไม่คิดดูใหม่สักหน่อยหรือ”
ถามเป็นครั้งที่ร้อย...อืม...เขาอาจจะพูดเกินไปหน่อย แต่เจ้าชายรามิเรสตรัสถามเขาบ่อยจริงๆ เรื่องที่จะให้เขายอมรับความหวังดีของพระองค์ ไม่ต้องแบ่งเงินเดือนทุกเดือนมาใช้หนี้ให้พระองค์อีกแล้ว เหตุผลก็คือ
“คนรักกันก็เหมือนคนคนเดียวกัน”
“ข้ารู้สึกแปลกๆ ที่ต้องรับเงินจากคนรักของตัวเอง”
“มันทำให้ข้ารู้สึกว่าเจ้ายังไม่รักข้าอย่างสนิทใจ”
ทะเลาะกันไปก็หลายหนเพราะเรื่องนี้ เหตุผลที่ทำให้เขาหมั่นไส้ที่สุดก็คือ
“ข้ารวย”
เขาเข้าใจและยอมรับทุกเหตุผลของพระองค์ เพียงแต่อีกฝ่ายก็ต้องทรงยอมรับด้วย ว่าเขาก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจของตัวเอง ทุกวันนี้ก็ไม่ค่อยได้ใช้เงินเดือนของตัวเองมากนัก เพราะไม่ว่าสิ่งของจำเป็นอะไรก็ประทานมาให้ทั้งนั้น
สมุดชำระหนี้ใกล้จะเต็มเล่มแล้ว แต่หนี้ของเขาน่าจะต้องใช้เวลาอีกสักยี่สิบปีจึงจะชดใช้ได้หมด
บางทีเจ้าชายรามิเรสก็ทรงหาวิธีช่วยลดหนี้ให้เขา เป็นต้นว่า
“ข้าเขียนลงไปว่า วันนี้เจ้ายิ้มต้อนรับข้ากลับบ้าน น่ารักมาก ลดหนี้ให้ห้าพันเหรียญ ได้ไหม”
ไม่ทะเลาะกันก็เกือบไปล่ะ ดีที่ไม่รับสั่งลดหนี้หลังจากมีอะไรกันเสร็จ และโชคดีมากที่คนรักของเขาพระทัยเย็นสุดๆ จึงทรงเงียบ พับเรื่องนี้เก็บไปทันทีที่เห็นว่าเขาชักจะหงุดหงิด
ที่จริงแล้วเขาก็เงียบเหมือนกัน
จะไม่เงียบได้หรือ ในเมื่อพระองค์ทรงจูบติด ปิดปากเอาไว้ขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นได้ชัดว่าพระองค์ยังไม่ทรงล้มเลิกความคิดเรื่องยกเลิกการใช้หนี้ก็คือ วันที่เขาแบ่งเงินเดือนครึ่งหนึ่งไปใช้หนี้ แล้วพระองค์ทรงเซ็นรับในสมุดหน้ารองสุดท้าย
“เหลืออีกแค่หน้าเดียว”
แทนที่จะรับสั่งถึงสมุดเล่มใหม่ กลับตรัสถึงเรื่องอื่น
“เจ้าพี่เฮเดสจะทรงพาธามไปฮันนีมูนอีกแล้ว เดี๋ยวนี้ไปบ่อย”
ฟีเรียสนิ่วหน้านิดหน่อย ไม่รู้จะแสดงความคิดเห็นอะไร
“เราไปกันบ้างไหม”
จะไปได้ยังไง ในเมื่อ...
“แต่งงานกันก่อน”
“!!!”
“จัดงานที่วิหารนอกเมือง หรือที่วิหารในหมู่บ้านของเจ้าก็ได้ ข้าจะขอให้เจ้าพ่อกับเจ้าแม่เสด็จไปสู่ขอเจ้ากับน้าเรเซีย ส่วนสินสอดก็คงจะเป็นเงินส่วนตัวของข้าทั้งหมด เอาเป็นทรัพย์สินครึ่งหนึ่งที่ข้ามี หุ้นส่วนครึ่งหนึ่งของกิจการทุกอย่างที่ข้าทำ แล้วก็...ยกหนี้ให้เจ้าด้วย ตกลงไหม จะได้เขียนลงไปในหน้าสุดท้าย”
ฟีเรียสรู้สึกเหมือนถูกกระหน่ำชกรัวๆ จนตั้งตัวไม่ทัน พอจะเริ่มพูด
“ฝ่าบาท...”
“ข้าจริงจังนะ”
อีกฝ่ายก็จัดการส่งหมัดฮุคมาเป็นหมัดสุดท้าย
องครักษ์หนุ่มใช้เวลาคิดทบทวน ‘ตามลำพัง’ อยู่หนึ่งคืน ก่อนจะถวายคำตอบในวันรุ่งขึ้น
“ไม่ต้องกราบทูลพระกรุณาจากองค์ราชาหรอกพระเจ้าค่ะ เพียงแต่ถ้าพระสนมจะประทานพระกรุณา เสด็จไปทรงพูดคุยกับแม่ กระหม่อมก็ยินดี จัดงานเล็กๆ ที่วิหารนอกเมืองก็ได้พระเจ้าค่ะ กระหม่อมอยากเชิญแต่คนสนิทๆ ไป ส่วน....เอ่อ...สินสอด...แค่ทรงยกหนี้ให้ก็พอพระเจ้าค่ะ ส่วนทรัพย์สินส่วนพระองค์ของฝ่าบาท กระหม่อมไม่อยากได้”
เขาอุตส่าห์ทูลตอบอย่างเป็นการเป็นงาน แต่เจ้าชายหกทอดพระเนตรเขานิ่งๆ อยู่ชั่วอึดใจ แล้วก็ตรัสถามแค่
“ข้าจูบเจ้าสักทีหนึ่งได้ไหม”
มาขออะไรกันตอนนี้ แล้วที่ว่าจูบหนึ่งทีอะไรนั่น
โกหกทั้งเพ! มันเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนหมดแล้ว
เจ้าชายหกก็ยังคงเป็นเจ้าชายหก ชอบมัดมือชกไม่เคยเปลี่ยน สองสามวันต่อมาก็รับสั่งบอกแบบไม่ให้เขาได้ตั้งตัวทันว่า
“เจ้าพ่ออยากจะพบเจ้า ข้ากราบทูลไปแล้วว่าจะแต่งงาน”
ฟีเรียสตื่นเต้นมากตอนไปเข้าเฝ้า เข้าเฝ้าธรรมดาก็ตื่นเต้นแล้ว นี่รู้อยู่แก่ใจว่าเข้าเฝ้าเรื่องอะไรยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ ถึงจะได้รับคำปลอบใจว่า
“ท่านไม่ดุหรอก พระทัยดี” ก็ตามที
องค์ราชาแห่งไมซีนมีพระชนมายุราวหกสิบพรรษาทว่ายังทรงแข็งแรงดีอยู่ พระวรกายสูงใหญ่อย่างพระโอรสพระองค์โต พระพักตร์ดูเข้มงวด เต็มเปี่ยมด้วยลักษณะของเจ้าชีวิต
บทสนทนาใช้เวลาไม่นานมากนัก พระองค์ไม่ได้ตรัสถามเขายืดยาวอย่างแม่ชี เพียงแค่ทรงบ่นๆ ว่า
“มีลูกชายกี่คนๆ ก็มีคนรักเป็นผู้ชายหมด” แย้มพระโอษฐ์นิดๆ รับสั่งว่า “หรือว่าข้าจะลองมีคนรักเป็นผู้ชายดูบ้าง” แล้วก็ทรงพระสรวลลั่น ดังจนฟีเรียสตกใจ
“คงจะไม่ดีสินะ เดี๋ยวแม่เจ้าจะเคืองข้า ออกเดินทางไปแสวงบุญที่ไหนแล้วไม่ยอมกลับมาให้เห็นหน้าอีก คราวนี้ข้าแย่แน่”
องครักษ์หนุ่มพอจะเข้าใจอยู่เลาๆ ว่าทำไมองค์ราชาถึงมีพระสนมมาก ทั้งสง่างาม พระอารมณ์ดี มีอารมณ์ขัน แล้วยังเข้าใจรับสั่งให้คนฟังรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นที่รัก ที่ต้องการอยู่เสมออย่างนี้นี่เอง
แม้ว่าคนฟังจะเป็นลูกชายของนาง ไม่ใช่ตัวนางเองก็ตาม
เหตุผลที่พระสนมออกบวช ก็เพราะองค์ราชาทรงผิดสัญญา เรื่องที่ว่าจะมีนางเป็นคนสุดท้าย ฟีเรียสหวังแต่ว่า เจ้าชายรามิเรสจะไม่ทรงทำตามอย่างพระบิดาในเรื่องนี้
“ถ้ามั่นใจแล้ว อยากแต่งก็แต่งเถอะ ข้าอนุญาต เดี๋ยวให้คลังหลวงส่งสินสอดสำหรับสะใภ้หลวงไปให้ด้วย”
เรื่องเงินทองยังไม่ทำให้คนฟังตกตะลึงได้เท่ากับคำว่า ‘สะใภ้หลวง’
องครักษ์อย่างเขา ผู้ชายอย่างเขาเนี่ยนะ สะใภ้หลวง! ให้ตาย เขาเกลียดคำนี้จริงๆ
ราวกึ่งเดือนต่อมา เจ้าชายรามิเรสก็ทรงพาพระมารดาไป ‘สู่ขอ’ ฟีเรียส องครักษ์หนุ่มไม่รู้ว่าทั้งสามคนคุยอะไรกันบ้าง เพราะตัวเขาถูกแม่ชีกีดกันไม่ให้อยู่ฟัง แต่ใช้เวลาไม่นานนัก การเจรจาก็สำเร็จผล เขาคิดว่านั่นเป็นเพราะมารดาของเขาสู้คารมของแม่ชีไม่ได้
แต่ไม่นึกว่าจะสู้ไม่ได้ขนาดต้องยอมรับ ‘สินสอด’ จำนวนมากมาด้วย แม้จะไม่ถึงกับมากมายอย่างตอนแรกที่เจ้าชายรามิเรสรับสั่งว่าจะประทานให้ก็ตาม หนึ่งในสินสอดคือฟาร์มวัวนม
อย่างไรก็ดี ฟีเรียสพยายามกู้ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของเขาคืนมาด้วยการขอออกเงินค่าแหวนหมั้น และเจ้าชายหกก็ทรงตกลง ไม่มีท่าทีคัดค้านอะไรเลย แม้ว่าเขาจะพาพระองค์ไปเลือกซื้อแหวนที่ตลาด ทั้งยังทรงเลือกอย่างกระตือรือร้นอีกด้วย
แหวนที่ช่วยกันเลือกมาเป็นแหวนคู่ สวยถูกใจ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ทองใช่เพชร หรืออัญมณีสูงค่าอื่นๆ แต่ก็เป็นเงินแท้ ราคาแพงสำหรับฟีเรียสอยู่เหมือนกัน
พอแลกกันสวมให้กันแล้ว องครักษ์หนุ่มก็สวมไว้ตลอดเวลา แม้จะรู้สึกเขินอย่างช่วยไม่ได้ เวลาถูกใครถามหรือแซว แต่ก็ไม่เคยถอดออก ไม่นึกเลยว่าคนที่เป็นฝ่ายอายยิ่งกว่าเขาคือเจ้าชายรามิเรส
ฟีเรียสเห็นหลายครั้งแล้วว่าพระองค์ทรงถอดออก เขาพยายามคิดในแง่ดีกว่ามันอาจจะทำให้ไม่สะดวกเวลาทรงงาน แต่ก็ปลอบใจตัวเองไปได้ไม่นาน เพราะเห็นต่อหน้าต่อตาว่าพอเขามาเข้าเฝ้ากะทันหัน พระองค์ก็ทรงรีบหยิบแหวนออกมาสวม พอเขากำลังจะเดินพ้นประตูไป พระองค์ก็ทรงถอด บ่อยเข้าเขาก็ทนไม่ไหว
“ถ้าไม่โปรด ก็ถอดออกเถิดพระเจ้าค่ะ”
นี่เขาพยายามพูดอย่างใจเย็นและ ‘เบา’ ที่สุดแล้ว แต่พอได้ยินอีกฝ่ายเรียกมาคำเดียวว่า
“ฟีเรียส”
ความอดทนของเขาก็ขาดผึง หมุนตัวจะเดินออกไปอย่างเสียมารยาท เพราะไม่อยากจะทะเลาะกันตอนนี้
“เดี๋ยวฟีเรียส ข้าแพ้”
อีกฝ่ายตามมาดึงแขนไว้ แต่ถ้อยรับสั่งทำให้เขาโมโหยิ่งกว่าเดิม ไม่ได้กำลังต่อสู้กันเสียหน่อย จะมายอมแพ้เขาทำไมกัน
“ข้าแพ้เงิน”
เจ้าชายหนุ่มทรงยื่นพระหัตถ์ให้ดูใกล้ๆ
“ใส่ไว้เดี๋ยวๆ ก็พอได้ แต่ถ้าใส่นานๆ จะเป็นแผล หมอบอกว่านิ้วอาจจะเน่าได้ ข้าก็เพิ่งรู้ว่าข้าแพ้”
ฟีเรียสมองพระอนามิกาข้างซ้าย สลับกับมองพระพักตร์ แล้วก็ทั้งอับอาย ทั้งละอายแก่ใจ ทั้งรู้สึกผิดระคนกัน เขานี่มัน...โง่จริง
“ขอโทษที่ทำให้เจ้ารู้สึกไม่ดี”
ยังจะรับสั่งขอโทษให้เขารู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิมอีก
“กระหม่อมต่างหากที่ต้องขอประทานอภัย แต่ฝ่าบาทก็น่าจะรับสั่งบอกกระหม่อมตั้งแต่แรก แพ้ก็ถอดออกเถิดพระเจ้าค่ะ กระหม่อมไม่คิดมาก”
หลังจากความรู้สึกละอายใจและรู้สึกผิดผ่านพ้นไป เขาก็รู้สึกหมั่นไส้นิดๆ ขึ้นมาแทน อดคิดไม่ได้ว่าสมกับเป็น ‘เจ้าชาย’ ดีเหลือเกิน แพ้อะไรไม่แพ้ มาแพ้ ‘ของถูก’ เป็นแบบนี้แล้วยังจะมา...หลงรักผู้ชายจนๆ อย่างเขาอีก
งานแต่งงานของฟีเรียสกับเจ้าชายรามิเรสเป็นงานเล็กๆ จัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่เป็นไปตามขั้นตอนที่ควรจะเป็นทุกประการ แขกเหรื่อที่มาในงานมีแต่คนในครอบครัวและ ‘คนสนิท’ รวมแล้วไม่ถึงยี่สิบคน แต่ก็เต็มไปด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นมาก
แหวนแต่งงานที่เจ้าชายรามิเรสทรงทรงหามาเป็นสีคล้ายๆ เงินเช่นเดียวกัน เพียงแต่ดูแวววาวกว่า และมีน้ำหนักมากกว่า ฟีเรียสคิดว่าคงจะมีราคาไม่แพง เพราะเจ้าชายหนุ่มอยากจะไม่ให้ดูแตกต่างจากแหวนหมั้นที่เขาซื้อมามากนัก แต่พอทูลถามว่าใส่แล้วจะไม่ทรงแพ้อีกหรือ อีกฝ่ายก็ว่า
“ข้าใส่ทองคำขาวได้”
เขาเพิ่งรู้เดี๋ยวนั้น ว่าทองคำสีขาวก็มีด้วย และขึ้นชื่อว่า ‘ทองคำ’ ราคาก็คงไม่ใช่ถูกๆ
นึกขึ้นมาไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไรแล้ว ว่านี่เขาแต่งงานกับ ‘เจ้าชาย’ ของแท้เลยสินะ เพราะแม้แต่พระทัยของพระองค์ ก็เป็นทองคำเช่นกัน
เสร็จจากพิธีเช้าก็เป็นการรับประทานอาหารร่วมกัน และ ‘ฉลอง’ ต่อเนื่องไปถึงเย็น แต่ฟีเรียสรู้สึกสนุกได้ไม่ค่อยเต็มที่นัก เพราะมองพระพักตร์ทีไร สายพระเนตรคู่นั้นก็ชวนให้นึกถึงถ้อยรับสั่งกระซิบหลังจากจูบสาบานขึ้นมาว่า
“ข้าเกือบจะรอเวลาเข้าหอไม่ไหว”
เขาหงเข้าหออะไร...เข้ากันมาไม่รู้กี่ทีต่อกี่ทีแล้ว
อายนักบวชเสียบ้าง ท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ได้ยินก็จริง แต่หน้าขึ้นสีแบบนั้นคงได้ยินเต็มสองรูหู
คืนนี้เรเซียพักอยู่ที่พระตำหนักของเจ้าชายหก หลังจากแม่ชีกลับไปพักผ่อนที่ห้องแล้ว นางก็ยังหลับไม่ลง ตาสว่างด้วยความอิ่มเอมใจ...ไม่ต่างอะไรกับเมื่อสองปีที่แล้วที่เฟย์แต่งงาน
ถึงจะเห็นจากการกระทำของเจ้าชายหนุ่มมาตลอด ว่าพระองค์ทรงเอาใจใส่ฟีเรียสอย่างดีและสม่ำเสมอ แต่ก็เพิ่งจะได้ยินจากพระโอษฐ์ในวันที่มาสู่ขอ ว่าพระองค์ทรงรักลูกชายของนางที่ตรงไหน
“ลูกชายของท่าน เขาเป็นคนที่ไม่เหมือนใคร ข้ารักทุกอย่างที่หลอมรวมเป็นเขา รักศักดิ์ศรีของเขา รูปร่างหน้าตาของเขา หัวใจของเขา ข้ารัก... ทุกวินาทีที่ได้อยู่กับเขา เขาทำให้ข้ามีความสุข และข้าก็อยากจะทำให้เขามีความสุข แม้แต่ตอนที่เขาทำให้ข้ามีความทุกข์ ข้าก็ยังอยากมีเขาอยู่ใกล้ๆ ความปากแข็งของเขา ความทระนงในศักดิ์ศรีของเขา ความคิดมากของเขา ข้าคิดอยู่บ่อยๆ ว่า มันน่ารักดี
ฟีเรียสเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน เขาอดทน เขาปากแข็ง แต่ลูกชายปากแข็งของท่านยอมบอกว่าเขารักข้า
ขอลูกชายของท่านให้ข้า ข้าสัญญาว่าจะดูแลชีวิตและถนอมความรู้สึกของเขาให้ดียิ่งกว่าใคร จะซื่อสัตย์และมั่นคงต่อเขาไปจนกว่าข้าจะไม่มีลมหายใจ”
นั่นคือคำพูดของผู้ชายที่รู้จักลูกชายของนางดีเท่าๆ กับตัวนางเอง และพระองค์ก็ทรงรักในสิ่งที่เขาเป็น
วันนั้น...นางยกลูกชายอันเป็นที่รักให้...
...ฝากเอาไว้ในมือของพระองค์อย่างเต็มใจ...
END
***********************************
ฮูเร้! จบแล้วค่ะ
คิดว่าจะลงให้จบภายในปีนี้ ช่วงวันสิ้นปีกับวันปีใหม่เรื่องอื่นๆ คงจะอัพเดตกันเยอะจนอ่านไม่ไหว ก็เลยลงก่อนวันนึงค่ะ
ต่อไปเป็นช่วงตอบคำถามนะคะ ส่วนใหญ่เป็นคำถามของคุณเกริด้า + อัพเดตเรื่องราวต่างๆ รวมทั้งเนียนโฆษณาขายของค่ะ 555
- ชื่อเรื่อง "รามิเรส" นี่ใช้เพราะขี้เกียจคิดน่ะค่ะ เอาง่ายเข้าว่า ที่จริงเขียนเรื่องของเจ้าชายเฮเดส (รัชทายาทแห่งไมซีน) มาก่อน อันนั้นใช้ชื่อเรื่องว่า "ยอม" เจ้าชายเมืองนี้มี 8 องค์ ทุกคนชอบผู้ชายหมด ตอนแรกมี 7 แต่กลัวจะไม่มีคนสืบบัลลังก์เลยแทรกมาอีกคนนึง ให้เจ้าชายรองท่านชอบผู้หญิงไปซะ ก็คิดๆ ว่าจะเขียนให้หมดทุกคนนะคะ แต่ว่าความจริงคงเป็นไปได้ยาก ไม่เคยทำเรื่องอะไรแบบนี้สำเร็จเลย
เคยคิดว่าจะตั้งชื่อเรื่องให้คล้ายกัน เช่น ยอม ใย(รัก) ยั่ว เย้า ฯลฯ แต่ก็...ไม่ได้ทำน่ะค่ะ เรื่องเจ้าชายองค์อื่นก็มีพล็อตคร่าวๆ แต่ก็เป็นเหมือนนักเขียนคนอื่นๆ คือมีอะไรที่อยากเขียนล้านแปด แต่ไม่ได้เขียนเร็วอย่างใจ เรื่องที่อยากเขียนก็ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ จนไม่ได้เขียนเรื่องที่คิดไว้สักที
เฮเดสนี่เขียนเป็นวายแล้วไม่รุ่งเท่าไหร่ เลยแปลงเป็นชายหญิงส่งสนพ.ไป พิมพ์เป็นเล่ม ชื่อเรื่อง "หนึ่งฤทัย" ออกกับสนพ.กรีนมายด์นะคะ จะหมดสัญญาวันที่ 3 ม.ค.58 ว่าจะเอามาทำเป็น e-book ค่ะ (แบบวาย) อยากเขียนตอนพิเศษด้วย แต่ถ้าคิดไม่ออกก็อาจจะทำ e-book แต่เนื้อเรื่องหลักไปก่อน คิดตอนพิเศษได้ค่อยเอาไปเติมทีหลัง
เนื้อเรื่องทั้งหมดของยอม สามารถหาอ่านได้ในบอร์ดฝูนะคะ
ต้องเป็นสมาชิกบอร์ดถึงจะอ่านได้นะคะ ตอนสมัครน่าจะต้องตอบคำถามสกรีนนิดนึงค่ะ
link บอร์ด
http://www.funovels.com/อยากจะบอกว่า...เรียบๆ เนือยๆ เสียยิ่งกว่ารามิเรสอีกค่ะ 555
เจ้าชายองค์อื่นยังไม่มีโครงการจะเขียนในเร็วๆ นี้
ส่วนเรื่องรามิเรส ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงน่าจะพิมพ์กับสนพ.นาบูค่ะ แต่ยังไม่มีกำหนดออก
ไหนๆ ก็พูดแล้ว ขอเนียนโฆษณาเลยละกันนะคะ ชุนมีเรื่องที่กำลังเปิดจองกับสนพ.นาบูเรื่องนึงคือ ทาสรัก ผู้สนใจสามารถอ่านรายละเอียดได้ตาม link นี้ค่ะ
http://nabushop.lnwshop.com/มีตัวอย่างเนื้อเรื่องให้อ่านอยู่ในเด็กดีนะคะ ใช้นามปากกาว่า chunpus ค่ะ และเนื่องจากเป็นแค่ตัวอย่าง จึงไม่ได้นำมาลงในเล้านะคะ
- เรื่องทาสรัก พระเอกเป็นเจ้าชายหกแห่งเบลไลน์ เรื่องนี้ก็คล้ายเจ้าชายแห่งไมซีนค่ะ คือในเรื่องมีเจ้าชายเต็มไปหมด อยากจะเขียนไปซะทุกคน แต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเรื่องแบบนี้เลย เพราะฉะนั้นเจ้าชายเบลไลน์นี่ก็มีแค่เรื่อง ทาสรัก เรื่องเดียวนะคะ ที่จริงเรื่องนี้ก็เคยเอาไปทำเป็นชายหญิงอีกล่ะค่ะ ฉบับชายหญิงนั่นมีเรื่อง เจ้าชายรัชทายาท และเจ้าชายห้าด้วย ซึ่งไม่คิดจะเอาสององค์นั่นมาแปลงเป็นวายนะคะ
ต่อไปคิดว่า ชญ ก็ ชญ วายก็วาย ไม่มีการแปลงไปแปลงมาเพื่อหากินหลายต่ออีกต่อไป
และเนื่องจากว่าตอนนี้อยู่ในช่วงที่ไม่สามารถจะเขียนเรื่องยาวๆ ได้ (คือเขียนไม่ค่อยจบ) ก็เลยหันมาเอาดีทางการเขียนเรื่องสั้นๆ และทำเป็น e-book แทนค่ะ เรื่องสั้นแต่ละเรื่องเป็นเอกเทศต่อกัน ตัวละครไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด (เรื่องมีเพียงกระหม่อมฯ ก็เป็นเอกเทศเหมือนกันค่ะ)
หลังจากจบรามิเรสแล้วอาจจะหายหน้าไปสักพัก (?) อาจจะไปโผล่ในหน้านิยายของคนอื่นแทน สำหรับเรื่องใหม่คิดว่าจะต้องเขียนให้ได้อย่างน้อยสักครึ่งเรื่องก่อนถึงจะเอามาลง เพราะอัพไปเขียนไปนี่...ไม่รอดแหงแก๋ค่ะ
ตกประเด็นใดไปจะมาตอบใหม่ให้ทีหลังนะคะ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกๆ คนที่อยู่ด้วยกันมาจนจบเรื่องนะคะ ส่วนใหญ่ชุนจะเป็นพวกแอบอ่านแล้วไม่แสดงความคิดเห็น เพราะฉะนั้นเวลาอ่านความคิดเห็นของคนอื่นในเรื่องของตัวเองก็จะรู้สึกดีมาก และอยากจะขอบคุณมากๆ เลยค่ะ (ผสมกับความรู้สึกผิดหน่อยๆ แหะๆ)
วันนี้เพิ่งแต่งกลอนให้กับที่ทำงานไปสองบท ขอยกเอามาที่นี่ด้วยละกันนะคะ
ปีใหม่ขอให้สำราญ
เบิกบานสุขสันต์ถ้วนหน้า
การงานรุ่งเรืองวัฒนา
ปีม้าอย่าเจ็บอย่าจน
สำเร็จสมหวังดังปอง
เงินทองล้นหลามหลั่งไหล
ไร้ทุกข์ไร้โศกโรคภัย
สุขกายสบายใจตลอดปี
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ
![:mew1:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/mew1.gif)