เมียรัก
ตอนที่ ๒ ขยับความสัมพันธ์
ถ้าไม่ลองคบดู... แล้วจะรู้ได้ไงว่าผมดี
ปอนด์เดินวนเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้อง เวลานี้เขาควรไปเรียนได้แล้วแต่เขายังไม่ได้ขยับออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว พยายามนึกทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ยิ่งนึกก็ยิ่งปวดหัว เขาจะเป็นบ้าตายแล้วกับรอยบ้าๆบนตัวเขานี่
“โอ๊ย!! ทำไมความจำสั้นแบบนี้วะ ไอ้ปอนด์ ไอ้บ้า แกมันบ้า บ้าๆๆๆ” มือเรียวกำแล้วทุบหัวตัวเอง ก่อนจะค่อยหยุดลงแล้วนั่งซึมเมื่อไม่เห็นว่าสิ่งที่ทำมันจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
“แกควรไปเรียนได้แล้วปอนด์ ไปสิวะ” บอกตัวเองไปแบบนั้นแล้วก็ยังนั่งแช่อยู่อีกหลายนาที จนกระทั่งอัลเบิร์ตโทรมาตามด้วยความเป็นห่วงถึงได้รีบออกจากห้องไป
เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัยก็ถูกอัลเบิร์ตถามไถ่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วจะให้เขาบอกว่าอะไรดีล่ะ เครียดกับเรื่องบ้าๆที่หาสาเหตุไม่เจอหรือ และเพราะอย่างนั้นถึงได้แต่ถอนใจจนอัลเบิร์ตต้องถามซ้ำ
“นายไม่เป็นไรแน่นะปอนด์?”
“อือ” ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรนี่นา ถึงได้แต่เออออไปก่อน
“ฉันยังเป็นห่วงอยู่เลยที่เมื่อคืนเจฟฟ์โทรมาบอกว่านายอ้วกใส่เขา นึกว่าเช้านี้อาการจะไม่ดี...”
“เดี๋ยวนะ” ปอนด์รีบยกมือหยุดเพื่อนเอาไว้ สีหน้าหนุ่มตัวเล็กดูแตกตื่นปนเปไปกับความมึนงง “เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ?”
อัลเบิร์ตเลิกคิ้วงงแล้วว่า “ฉันนึกว่านายจะอาการไม่ดี”
“ก่อนนั้นอีก”
“เมื่อคืนนายเมาไม่ได้สติแล้วอ้วกด้วย”
“ทำไมนายรู้?” คนถามชักใจไม่ดี เพราะจำอะไรได้แค่รางเลือน ไม่รู้ทำอะไรลงไปบ้าง
“เจฟฟ์พานายมาที่ห้อง... ฉันหมายถึงห้องชุดในคอนโดมิเนียมของอเล็กซ์น่ะ พวกเขาสองคนไปเที่ยวแล้วเจอนายเข้า” อัลเบิร์ตอธิบายให้เพื่อนฟัง
“ถ้าอย่างนั้น... ใครเป็นคนพาฉันไปส่งที่ห้อง...?” ปอนด์เริ่มลำดับเรื่องราว
“เจฟฟ์”
“..........” เหมือนหูเขาจะดับ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย บ้าไปแล้ว! เขาพยายามโกหกตัวเองอยู่ หูจะดับได้ไงเล่า งี่เง่าจริง!
“มีอะไรหรือ?” อัลเบิร์ตมองเพื่อนที่นิ่งงันด้วยความสงสัย เกิดอะไรขึ้นนอกเหนือไปจากที่เจฟฟรี่บอกว่าปอนด์อาเจียนรดจนต้องให้คนเอาชุดไปให้เปลี่ยนหรือ เพราะหลังจากเขาฝากบอดีการ์ดเอาชุดไปให้เพื่อนตัวโตไม่นานเพื่อนก็ใส่มันกลับมาที่ห้อง
“เปล่า ฉันแค่อยากขอบคุณเขาน่ะที่ช่วยพาไปส่งห้อง” ปอนด์ยิ้มกลบเกลื่อน นั่นทำให้เพื่อนมองมาอย่างไม่เชื่อ
“นาย... เห็นรอยนั่นใช่ไหม?”
“รอย?” ปอนด์ทวนคำงงๆ
“บนตัวนาย”
“.........” ตากลมเบิกกว้าง เรื่องนี้อัลเบิร์ตก็รู้ แสดงว่าคนทำอาจไม่ใช่เจฟฟรี่ เอ๊ะ! หรือจะใช่???
“เจฟฟ์บอกมีคนจะทำมิดีมิร้ายนาย ดีที่เขาไปช่วยทัน”
สิ่งที่ได้รู้เพิ่มเติมทำให้เขาอึ้งหนักกว่าเก่า เจฟฟรี่ไม่ได้ทำรอยพวกนั้น ทั้งยังช่วยเขาไว้ด้วย มันแย่ที่ว่าร้ายคนๆนั้นอยู่ในใจ หากเจอตัวเขาจะบอกขอโทษ และขอบคุณที่ช่วยเขาเอาไว้... ว่าแต่ ใครมันทำกับเขาแบบนั้นกัน เดี๋ยวเย็นนี้ไปที่ร้านก็คงได้รู้ พ่อจะอาละวาดให้ร้านพังเลย ชอบรังแกกันดีนักคนพวกนี้
“ขอบใจนะอัลที่บอกฉัน ไม่อย่างนั้นฉันคงโง่ไปอีกนานเลย” ปอนด์บอกขอบคุณเพื่อน รู้สึกโล่งใจไปได้หน่อยที่ไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น ต่อไปเขาคงไว้ใจใครไม่ได้แล้ว ต้องดูแลตัวเองให้มากกว่านี้ จะได้ไม่มานั่งทุกข์ใจทีหลังหากเกิดอะไรขึ้น
“ตกลงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เพื่อนตัวโตยังดูเป็นห่วง ปอนด์ยิ้มทั้งสีหน้าและแววตาเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไรสักนิด
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ปอนด์ซะอย่าง”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายร่าเริงได้อัลเบิร์ตก็ยิ้มออก ปอนด์เองก็ยิ้มให้เพื่อน ที่เขาบอกว่าไว้ใจใครไม่ได้นั้นคงต้องขอละไว้คนหนึ่ง เพื่อนสนิทคนนี้ เพื่อนเพียงคนเดียวของเขา ไม่มีใครไว้ใจได้เท่าอัลเบิร์ตอีกแล้ว แม้แต่แพททริกก็ตาม
คิดถึงเรื่องนั้นแล้วมันก็ให้ผิดหวัง เขาไม่ดูแลตัวเองจะโทษใครก็ไม่ได้ แต่แพททริกที่เป็นคนชวนไปทำไมถึงปล่อยเขาไปกับไอ้บ้านั่นก็ไม่รู้ ถ้าให้เดาไอ้บ้านั่นต้องเป็นพนักงานรุ่นพี่คนนั้นแน่
หลังเลิกเรียน ออกจากห้องได้ปอนด์ก็ลาอัลเบิร์ตตรงนั้นแล้วรีบตรงดิ่งไปที่ร้าน สวนกับเจฟฟรี่และอเล็กซานเดอร์ที่เดินมายังคณะของเขาพอดี ท่าทางจะมารับอัลเบิร์ตกลับห้อง หนุ่มตัวเล็กมองเจฟฟรี่แล้วหลบสายตาอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะแยกเขี้ยวให้อเล็กซานเดอร์คู่ปรับแล้วรีบเดินหนีไป
“เจฟฟ์ ฉันให้นายฟรีวันหนึ่ง เดี๋ยวฉันจะกลับพร้อมหมอนั่น” อเล็กซานเดอร์เอ่ยขึ้นมาไล่หลังเจ้าเตี้ยเพื่อนอัลเบิร์ต เห็นไอ้คนข้างๆมันทำท่าว่าอยากจะเดินตามไปแต่ก็ไปไม่ได้แล้วก็รำคาญลูกกะตา
“ขอบคุณ ไว้จะชดเชยให้” เจฟฟรี่ยกยิ้ม
“ไม่ต้อง กลับช้าๆหน่อยก็พอ”
“.........” อีกคนชะงัก ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างรู้กัน
อเล็กซานเดอร์แยกไปหาอัลเบิร์ต ขณะที่เจฟฟรี่ก็ตามปอนด์ไป
“ไปส่งไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนตัวเล็กเมื่อก้าวมาเดินอยู่ข้างกัน
“ตามผมมาทำไม ไม่ไปดูแลจอมบงการโน่น” ปอนด์เหลือบมองพลางบอกแกมเหน็บจอมบงการคู่ปรับตน
“วันนี้ฟรี” เขาว่ายิ้มๆ “ว่าแต่กำลังจะไปไหน ทำงานหรือ?”
“จะไปเอาเรื่องคน”
“โอ้ นักเลงเสียด้วย” เจฟฟรี่ทำเสียงประหลาดใจก่อนหัวเราะออกมาเบาๆ
“เมื่อคืน...” พอเอ่ยถึงเรื่องนั้นแล้วปอนด์ก็เริ่มไม่มั่นใจว่าจะพูดต่อดีไหม แต่สายตาคมที่มองมาอย่างรอฟังทำให้เขาเม้มปากก่อนพูดต่อ
“ขอบคุณนะ อัลบอกว่าผมอ้วกใส่คุณด้วย มันคงแย่มาก”
“สุดๆ”
ปอนด์ตวัดตามองเมื่อเจฟฟรี่พูดแบบนั้น แต่ก็ต้องยอมรับล่ะว่าตัวเองผิด เป็นเขาหน่อยไม่ได้ คงปล่อยไอ้ขี้เมานั่นนอนจมกองอ้วก ไม่มาช่วยเช็ดตัวแถมเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้แบบนั้นแน่
“อ้อ คุณไปช่วยผมจากไอ้บ้านั่นใช่ไหม แสดงว่าคุณต้องจำหน้ามันได้สิ” ปอนด์ถามขึ้นมาเมื่อนึกได้
“อย่าบอกนะว่าคนที่คุณจะไปเอาเรื่องคือหมอนั่น?”
“แน่สิ รวมทั้ง...” ริมฝีปากอิ่มงับปิดแล้วเงียบไป ถึงตอนนี้ก็ยังไม่อยากพูดถึงแพททริกในทางไม่ดีให้ใครฟัง
“คุณช่วยไปชี้ตัวด้วย ผมจะจัดการมัน” สีหน้าปอนด์ดูขึงขัง เจฟฟรี่ยิ้มมุมปากกับท่าทางนั้น ซ่าเหลือเกินขนมปัง
“ไม่ต้องหรอก”
“ทำไมเล่า!” ตัวเล็กย้อนถามอย่างขัดเคือง
“ผมจัดการให้คุณเรียบร้อยแล้ว”
“.....?” ตากลมมองคนพูดแล้วเลิกคิ้วงง จัดการที่ว่ามันหมายถึงอะไร??
เมื่อมาถึงร้านความสงสัยนั้นจึงได้กระจ่าง พนักงานรุ่นพี่คนนั้นไม่มาทำงาน ขณะที่แพททริกรีบมาดูปอนด์ยกใหญ่ว่าเป็นอะไรไหม โทรไปก็ไม่รับ แถมไปที่ห้องก็ปิดเงียบอีก จะเปิดเข้าไปโดยพลการแล้วถ้าไม่เจอใครบางคนในนั้น แถมไอ้ใครบางคนที่ว่านั่นก็มายืนอยู่ตรงนี้เสียด้วย
“จะกลับทำไมไม่มาบอกกันก่อน ฉันเป็นห่วงแทบตาย” แพททริกดุเด็กตรงหน้า ปรายมองเจฟฟรี่ที่ยืนอยู่ข้างกันยิ่งไม่ชอบใจ
“มีเวลาได้บอกที่ไหนล่ะ คุณเล่นปล่อยผมไปกับใครก็ไม่รู้จนเกือบเอาตัวไม่รอด ทั้งที่เป็นคนชวนผมไปแท้ๆ” ปอนด์โต้กลับ สายตาผิดหวังที่มองมานั่นแพททริกไม่อยากเห็นมันเลย
“ขอโทษ ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเมามากแล้วอยากเข้าห้องน้ำ ทำท่าว่าจะอ้วกเสียให้ได้ ทอมเขาเลยอาสาพาไป ฉันไม่ได้นึกเอะใจอะไร จนไปเจอ...” มองเจฟฟรี่ “...เจอคนนี้ในห้องเธอ ก็นึกว่าเธอกลับก่อนแล้วไม่บอก ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น?”
แพททริกพยายามอธิบาย ที่จริงเขาก็ผิดที่ปล่อยปอนด์ไปกับเด็กในร้านคนนั้น เพราะเขาเองก็เมาพอกันทำให้ละเลยที่จะดูแลปอนด์ไป
“ทอมอยู่ไหน?” ปอนด์ไม่ตอบคำถามทั้งยังถามไปอีกเรื่อง
“เขาขอลา บอกแฮงค์ มาทำงานไม่ไหว ตกลงเกิดอะไรขึ้นพอจะบอกได้ไหม?” แพททริกยังย้ำถาม
ปอนด์ถอนใจ ก่อนบอกออกไปอย่างเสียไม่ได้ “เขาจะขืนใจผม”
“มายกอด!”
“ไม่ต้องร้องหาพระเจ้าที่ไหน ผมจะจัดการกับมัน ขอที่อยู่มันได้ไหม?” คนตัวเล็กเริ่มเดือด เจฟฟรี่ได้แต่มองขนมปังปอนด์ของเขาแสดงอภินิหาร เห็นตัวเล็กแบบนี้แต่ทำเอาเจ้าของร้านต้องยอม เจ๋งไม่เบาเลยนะนี่
“ฉันจะจัดการให้” แพททริกเสนอ สิ่งที่เกิดเขาก็มีส่วนผิด
“ไม่ แค่บอกที่อยู่มันมา”
หนุ่มใหญ่ถอนใจกับความดื้อรั้นพลางเรียกสติ “ปอนด์ ปอนด์ ปอนด์!”
“...........”
“ฉันรู้ว่าเธอมันเก่งไอ้หนู แต่ต้องไม่ใช่กับเรื่องนี้ ทอมไม่ใช่หมูๆอย่างที่เธอคิด ถ้าเธอเอาตัวไปพัวพันไม่ว่ากรณีไหนมันก็ส่งผลเสียกับเธอทั้งนั้น”
“ผมไม่ได้เอาตัวไปพัวพัน เขาต่างหากที่ทำ!”
“ลดความมุทะลุลงมาแล้วฟังฉันไอ้หนู” มือหนาจับไหล่มนให้นิ่งแล้วฟังตนเอง “ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง เข้าใจไหม?”
ปอนด์ระบายลมหายใจออกมาแรงๆหลายครั้งเพื่อลดความโมโหโกรธาของตนเอง พยายามใช้สติอย่างใจเย็น
“คุณจะทำยังไง จะไม่เป็นไรใช่ไหม?” น้ำเสียงและสีหน้าดูห่วงใยทำให้แพททริกโยกศีรษะทุยแล้วยิ้ม
เจฟฟรี่ที่อยู่ร่วมสถานการณ์มาตลอด กอดอกมองบรรยากาศที่ทั้งคู่มีให้กัน เขามายืนทำบ้าอะไรตรงนี้ สองคนนั้นมีความรู้สึกบางอย่างต่อกัน ความรู้สึกที่เขาแทรกเข้าไปไม่ได้ ดูคล้ายจะเป็นไอ้หน้าโง่อย่างไรไม่รู้ บอกกับเขาว่าไม่ได้เป็นเกย์ แล้วที่เขาเห็นนี่มันอะไรวะ!
หน้าร้านอาหารไทย เจฟฟรี่เดินดุ่มออกมาจากร้าน โดยมีปอนด์ในชุดพนักงานวิ่งตามมา เขาเข้าไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวเดียว กลับออกมาคนตัวโตก็ไม่อยู่แล้ว ทำให้ต้องวิ่งตามมาด้วยความแตกตื่นแบบนี้
“คุณดีฟไคล์ เดี๋ยวก่อน คุณดีฟ...”
คนตัวโตด้านหน้าไม่ยอมหยุดถึงเขาจะเรียกเสียงดังคอแทบแตก ทั้งยังโบกเรียกแท็กซี่เสียอีก
“คุณดีฟไคล์!!” ปอนด์ร้องเรียกด้วยความขัดใจที่อีกฝ่ายไม่ฟังเสียง อะไรไม่รู้ นึกจะไปก็ไป
คนตัวเล็กวิ่งเข้ามาปิดประตูรถที่เจฟฟรี่จะเปิดเข้าไปนั่ง หนุ่มตัวโตค่อยหันมามองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก ขณะที่อีกคนก็ตาเขียวปั้ดไม่แพ้กัน ปอนด์ก้มบอกแท็กซี่ว่าไม่ไปแล้ว ฝ่ายนั้นดูจะหงุดหงิดที่เรียกแล้วกลับไม่ไป ก่อนจะเคลื่อนรถออกไปอย่างกระชากกระชั้นจนปอนด์ร้องด่าไล่หลังแล้วถอนใจแรงๆ เคืองแท็กซี่ด้วย เคืองคนตัวโตที่ยืนหน้าตายอยู่ข้างๆด้วย
“ผมเรียกทำไมคุณต้องเดินหนี?” เอ่ยถามให้หายคาใจ
“ก็หยุดแล้วนี่ไง มีอะไรจะคุยกับผมหรือครับคุณประวิตร?”
ปอนด์หน้าง้ำ ทำไมต้องประชดกันด้วยไม่รู้ ผีเข้าผีออกจริงตาบ้านี่
“ผมจะมาขอบคุณเรื่องเมื่อคืน แล้วก็ขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนวันนี้ด้วย”
“อือฮึ หมดแล้วใช่ไหม?”
ปอนด์อ้าปากหวอ นี่เขางงนะ อีกฝ่ายดูไม่ใส่ใจ คล้ายจะรำคาญด้วยซ้ำ
“อ... อื้อ” ตอบกลับไปแบบไม่เต็มเสียงนัก รู้สึกจ๋อยนิดหน่อย
“งั้นผมกลับล่ะ... แต่คุณไล่รถที่ผมเรียกไปแล้วนี่สิ” บ่นพึมพำท้ายประโยคทำให้คนตัวเล็กหน้าหมอง
“ขอโทษ”
คำขอโทษเพียงเบาๆทำให้เจฟฟรี่เหลือบมอง ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เพียงยืนรอรถคันถัดไปเงียบๆ ปอนด์เองก็ยังไม่ยอมกลับเข้าร้าน ทั้งที่ตอนนี้แพททริกยืนกอดอกมองมาเขม็ง เจฟฟรี่ที่เหลือบไปเห็นเลยเอ่ยเตือน
“เจ้าของร้านเขามองใหญ่แล้ว กลับไปทำงานสิ”
ตากลมช้อนมอง เจฟฟรี่ชะงักแล้วพยายามข่มใจไม่ให้แสดงสีหน้าอื่นใดนอกจากความนิ่งเฉยพลางเอ่ยถาม
“อะไรอีก?”
“เสื้อผ้าคุณผมทิ้งได้ไหม?”
คนถูกถามนิ่งอึ้ง ก่อนจะหัวเราะเสียงหยัน “ทิ้งไปเถอะ เก็บไว้ก็รกสายตา”
“ไม่ใช่” ปอนด์รีบแก้ความเข้าใจ “มันเลอะแล้วนี่ ผมจะ... จะซื้อให้ใหม่”
ได้ยินเช่นนั้นเจฟฟรี่ก็หันมามองอย่างแปลกใจ หูเขาท่าจะเฝื่อน “ว่าอะไรนะ?”
“จะพยายามเก็บเงินซื้อให้ใหม่ ตัวนั้นมันเลอะ... อ้วกผมไปแล้ว...” เสียงพูดค่อยเบาลงเรื่อยๆอย่างไม่ตั้งใจ ก็ยิ่งพูดยิ่งแย่ น่าขายหน้าชะมัด
เจฟฟรี่อมยิ้ม ใส่ใจเขาเสียด้วย ทำดีได้ดีแบบนี้ค่อยดีหน่อย แต่พอมองเลยไปที่แพททริกอารมณ์ดีๆก็กลับมาขุ่น พวกเขามีความสัมพันธ์ต่อกันแบบไหน ไหนปอนด์บอกไม่ได้เป็นเกย์ ทำไมถึงได้มีบรรยากาศแปลกๆระหว่างคนทั้งคู่
“ไม่ต้องซื้อให้ใหม่หรอก ไว้ว่างๆเลี้ยงข้าวผมสักมื้อก็พอ” เจฟฟรี่ละสายตาจากเจ้าของร้านอาหารผู้เป็นศัตรูหัวใจมาบอกกับปอนด์ที่ดูจะกังวลเรื่องคืนนั้นและชุดของเขาไม่เลิก
“จะถล่มผมหรือเปล่านี่?” ใบหน้าเรียวเงยขึ้นมามอง แววตาดูไม่ค่อยไว้ใจเขาเท่าไร
“ไม่หรอกน่า ผมกินไม่จุหรอก” เอ่ยบอกยิ้มๆแม้อีกฝ่ายจะดูไม่เชื่อก็ตาม
“เอาอย่างนั้นก็ได้ ไว้คุณนัดวันมานะ” ปอนด์ยิ้มน้อยๆเมื่อรู้สึกสบายใจขึ้น เจฟฟรี่เผลอมองเพลิน เพิ่งเคยยิ้มให้เขาแบบนี้เป็นครั้งแรกเลย รู้สึกดีเป็นบ้า
“ตกลงตามนี้” คนตัวโตสรุปความ
“อื้อ ตกลงตามนี้”
ดวงตาคมมองคนตรงหน้าแล้วยิ้มบาง ปอนด์ที่เผลอแสดงความสนิทสนมกับอีกฝ่ายไปค่อยหุบยิ้มแล้วเบือนสายตาไปทางอื่น
“ผมว่า... ผมไปทำงานก่อนดีกว่า” เสียงทำไมเบานักก็ไม่รู้ ทั้งที่คิดว่าพูดแบบปรกติแล้วแท้ๆ ปอนด์ได้แต่ต่อว่าตัวเองที่ทำตัวแปลกๆแบบนั้น
ร่างเล็กวิ่งกลับไปที่ร้าน เจฟฟรี่มองตามแล้วหัวเราะเบาๆ ปอนด์ค้อมศีรษะขอโทษเจ้าของร้านแล้ววิ่งเข้าร้านไป ไล่หลังปอนด์ ทางนั้นก็หันมามองเขาอยู่ชั่วครู่ก่อนผลุบหายเข้าไปในร้านเหมือนกัน
“ท่าทางจะหวานนะขนมปังปอนด์นี้ มดแมงตอมกันตรึมเชียว หึ”
เจฟฟรี่ออกจะไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก เพราะไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างแพททริกและขนมปังปอนด์ของเขา เมื่อรถมาจอดเขาจึงได้ขึ้นรถไปหาอะไรทำฆ่าเวลา เพราะอเล็กซานเดอร์บอกให้กลับช้าหน่อย คงต้องหาเรื่องออกกำลังสักหน่อย เผื่อจะหงุดหงิดน้อยลงกว่านี้
-----------------
เจฟฟรี่ที่แอบเนียนขอเบอร์โทรศัพท์ปอนด์มา ด้วยเหตุผลที่ว่าจะได้โทรนัดวันเลี้ยงตอบแทนตนเองง่ายๆสักหน่อย ซึ่งปอนด์ก็ไม่ได้คิดมากอะไรกับเรื่องเบอร์โทรศัพท์จึงได้ให้มา หนุ่มตัวโตดีใจเนื้อแทบเต้น แต่พยายามกดมันไว้สุดชีวิต กระโตกกระตากไปเดี๋ยวพาลไม่ได้กินขนมปังปอนด์กันพอดี
ชายหนุ่มโทรนัดวันเวลากับปอนด์ หนุ่มตัวเล็กเลยขอลาหยุดกับที่ร้านหนึ่งวัน แพททริกถามเหตุผลก็เพียงบอกไปว่าติดธุระ อีกฝ่ายดูมีเรื่องคาใจแต่ก็ไม่ได้ถามเขาอีก
“นี่ ถ้าหรูมากผมไม่มีจ่ายหรอกนะ” ปอนด์เอ่ยดักไว้ก่อนเมื่อเจฟฟรี่บอกว่าจะเลือกร้านเอง
“ไม่แพงอะไรหรอกน่า ผมแค่ไม่อยากไปทานที่ร้านคุณ”
หนุ่มตัวเล็กเลิกคิ้ว “คุณคงไม่ชอบอาหารไทย”
เจฟฟรี่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ปล่อยให้อีกคนเข้าใจไปแบบนั้น ทั้งที่จริงแล้วเขาไม่ได้ไม่ชอบอาหารไทย แต่ไม่ชอบเจ้าของร้านต่างหาก
“พรุ่งนี้มีเรียนตอนไหน?” คนตัวโตเปลี่ยนเรื่อง
“เช้า บ่ายฟรี”
“โอเคเลย เดี๋ยวเลิกแล้วผมไปรับ ผมฟรีทั้งวัน”
“สบายเกินไปแล้ว” คนตัวเล็กบ่นอุบอิบ
เจฟฟรี่หัวเราะ รู้สึกครึ้มอกครึ้มใจ หยอกล้อกันบ้างแบบนี้ดีกว่าถูกไล่ทุกวันตั้งเยอะ ปอนด์อาจไม่รู้ตัว หรือรู้ แต่เพราะอยากตอบแทนน้ำใจเขาเลยพยายามพูดดีด้วย แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ เพราะแบบไหนเขาก็ได้กำไรทั้งนั้น
หลังหมดคาบเรียนของวันเจฟฟรี่ก็มารอรับคนที่สัญญาว่าจะเลี้ยงตอบแทนและไถ่โทษที่ทำให้เขาลำบาก วันนี้เขาและอเล็กซานเดอร์ที่เรียนคณะเดียวกันไม่มีคาบเรียน ทำให้อีกฝ่ายกลับเฟอร์ริงตันไปตั้งแต่เมื่อคืน เขาจึงไม่จำเป็นที่ต้องอยู่เฝ้าเพราะบอดีการ์ดตัวจริงพากันอยู่เต็มเฟอร์ริงตันไปหมด คงมีอยู่หน้าที่เดียวที่เขาได้รับมอบหมายคือพาอัลเบิร์ตกลับเฟอร์ริงตันด้วยกันเย็นนี้
เจฟฟรี่พาปอนด์ไปที่ร้านอาหารไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก พอเห็นร้านกับราคาอาหารแล้วปอนด์ก็พยักหน้าหงึกหงักว่าพอได้ ไม่ลำบากเงินในกระเป๋า เจฟฟรี่จึงเลือกซื้อใส่กล่องแล้วพากันไปทานที่สวนสาธารณะใกล้ๆแทนที่จะนั่งทานในร้านให้เรียบร้อย
“คุณนี่ก็แปลก ไม่ทานในร้านดันอยากใส่กล่องมาทานที่นี่” ปอนด์แอบบ่นขณะที่เปิดฝากล่องอาหารที่ยังคงอุ่นๆอยู่
“ได้บรรยากาศกว่ากันเยอะ”
ทั้งคู่ค่อยๆทานอาหารที่ซื้อมาด้วยกัน แดดยามบ่ายไม่แรงมากเพราะยังอยู่ในช่วงหน้าหนาว แต่อากาศมันแห้งอาจทำให้แสบผิวจึงต้องนั่งหลบในร่มกันสักหน่อย แบบนี้อุ่นกำลังดีเลย
ปอนด์จิ้มไส้กรอกชิ้นเล็กเข้าปาก คาบไว้แล้วค้นหาซอสในถุง เขาติดจิ้มซอสพริกก่อนกิน เจฟฟรี่มองคนที่หันรีหันขวางเพราะหาซอสไม่เจอแล้วยิ้มขำ ก่อนจะโน้มไปหาแล้วกัดอีกด้านของไส้กรอกเจ้าปัญหา ริมฝีปากเฉียดกันไปเพียงนิดทำให้ปอนด์นั่งตาโต
“อร่อย” คนตัวโตว่าอย่างนั้น อมยิ้มมุมปากขณะเคี้ยวไปด้วย
ปอนด์งับปากที่กัดไส้กรอกค้างไว้ ค่อยๆเคี้ยวมันขณะมองจ้องคนที่มางับอีกครึ่งหนึ่งไปจากปากตน
“อยากกินก็ไม่บอก มีตั้งเยอะ” ยกกล่องไส้กรอกทอดมาวางให้
“ไม่ได้อยากกิน”
ปอนด์ขึงตา “แล้วมาแย่งทำไม?”
“เห็นมันน่าอร่อยดี... ในปากคุณน่ะ”
คนตัวเล็กนิ่งอยู่นานก่อนจะยกกล่องอาหารทั้งหมดมาวางตรงหน้าเจฟฟรี่
“ผมกลับล่ะ” ว่าอย่างนั้นแล้วลุกพรวดจนเจฟฟรี่ตกใจร้องเรียกแทบไม่ทัน
“เฮ้! เดี๋ยว... เฮ้! เกิดอะไรขึ้น!?”
ไม่ได้คำตอบจากคนที่เดินดุ่มหนีไปแล้ว เจฟฟรี่สบถ รีบเก็บกล่องอาหารใส่ถุงแล้ววิ่งตามคนตัวเล็กไป เมื่อเข้าไปใกล้แล้วก็ผ่อนฝีเท้าลง เปลี่ยนเป็นเดินตามหลังไปช้าๆบนทางเดินที่ปูด้วยอิฐ สองข้างทางคือสนามหญ้าเขียวๆและต้นไม้น้อยใหญ่ให้ร่มเงา บ้างก็มีดอกใบปลิดปลิวลงมาตามกาลเวลา
สายตาคมมองแผ่นหลังบางที่เดินตรงไปข้างหน้าไม่หันมามองเขาเลยก็ได้แต่ถอนใจ คิดว่าทุกอย่างกำลังไปได้สวยแล้วเชียว เกิดอะไรขึ้นอีกก็ไม่รู้ หรือโกรธเรื่องที่เขางับไส้กรอกมาจากปากนั่น แต่เขาไม่ได้จูบเสียหน่อย แค่เฉียดๆเอง
เพราะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีขนมปังปอนด์ของเขาก็มีหนุ่มเข้ามาป้อเสียแล้ว เจฟฟรี่ตาขวาง ก้าวเข้าไปรั้งไหล่คนตัวเล็กมาชิดแล้วประกาศตัวกับหมอนั่นเสียงดัง
“มายุ่งอะไรกับแฟนผม!?”
หนุ่มคนนั้นมองเจฟฟรี่ด้วยความมึนงง กะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ตัวเองทำอะไรผิด แค่มาถามทางเขาผิดอะไร?
“ยังไม่ไปอีก!” ใช้เสียงดังเข้าข่มทั้งแววตาข่มขู่
ปอนด์เงยมองคนที่โอบไหล่ตัวเองไว้แล้วขมวดคิ้ว พอหันไปมองชายผู้เข้ามาถามทางก็เห็นเดินจากไปด้วยความงงงัน อย่าว่าแต่ฝ่ายนั้นงงเลย เขาก็งง ยักษ์บ้านี่เป็นอะไร อยู่ดีๆก็องค์ลง
“ขี้ตู่ชะมัด” ปอนด์บ่นอุบอิบ
“ไม่อยากให้ตู่ก็มาเป็นแฟนกันจริงๆสิ” อีกคนก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน
‘หน้ามึนด้วย’ แอบบ่นในใจ กลัวคนหูดีได้ยิน
“สนใจไหมล่ะ?”
คำถามนั้นทำให้ปอนด์เบ้ปาก ก่อนจะขืนตัวพลางบอก “ปล่อยได้แล้ว”
เจฟฟรี่ยอมปล่อยไหล่มนแล้วเลื่อนมาจับมือเอาไว้แทน ตาเขียวขุ่นตวัดมามอง แต่เขาก็เพียงไหวไหล่นิดหน่อย
“นิดหน่อยน่า”
ปอนด์กัดปาก มองคนหน้ามึนที่ยังทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวทั้งที่เขามองจนตาจะถลนออกมานอกเบ้าแล้ว เดาะลิ้นเบาๆแล้วปอนด์จึงค่อยก้าวเดิน ไม่ได้ดึงดันที่จะปลดมือออกจากอุ้งมือใหญ่ นั่นทำให้เจฟฟรี่อมยิ้ม ตัวสูงใหญ่เดินให้ช้าลงเท่าช่วงก้าวเดินของอีกคน บีบมือเรียวเบาๆทำให้ตากลมปรายมามองทันที
“ตกลงเราเป็นแฟนกันหรือยัง?” เจฟฟรี่กระแซะถาม
“ยังไม่เลิกพูดอีก” ปอนด์ว่าเสียงเขียว “แล้วเมื่อกี้ทำอะไร อยู่ดีๆก็มาตะคอกคนอื่นเขา บ้าหรือเปล่า?”
พอถูกบ่นคนตัวโตก็จิ๊ปาก “ช่วยไม่ได้ ผมหวงคุณมันผิดตรงไหน?”
“หวงบ้าอะไร คนเขามาถามทาง”
“หา??” เจฟฟรี่ร้องอุทานเสียงดัง
“ไม่รู้จะไปถูกหรือเปล่า เขาพูดภาษาอังกฤษไม่คล่องด้วย คุณเป็นเจ้าบ้านแทนที่จะมีน้ำใจ ไปไล่เขาอีก บ้าชะมัด”
เจฟฟรี่เหวอค้าง เขาทำอะไรลงไป รู้สึกขายหน้าที่สุดแล้ว นี่เขาคิดไปเองแล้วโมโหอยู่คนเดียวนี่นะ อาการหนักแล้วเจฟฟรี่ ดีฟไคล์
“หึ... ฮ่า ๆ ๆ” อยู่ๆคนตัวโตข้างกายก็หัวเราะ ปอนด์ผงะถอยห่างอย่างระแวง มองซ้ายมองขวากลัวว่าใครจะเข้าใจผิดว่าตนรู้จักมักจี่กับคนบ้า
ตัวสูงใหญ่กระแซะมาชิด เบียดคนตัวเล็กกว่าอย่างเย้าหยอก อีกคนกลับไม่เล่นด้วย มีคำรามขู่แต่เขาหรือจะกลัว ในเมื่อมือนุ่มๆยังวางอยู่ในมือเขา ขู่มาเถอะ เขายอม
เจฟฟรี่มาส่งปอนด์ที่ห้องพัก เอาของที่ปอนด์จ่ายเงินซื้อยกให้ปอนด์ไว้ทานจะได้ไม่ต้องออกไปซื้อใหม่ ปอนด์มองอย่างไม่เข้าใจ เขาซื้อเลี้ยง นอกจากไม่กินแล้วยังยกให้เขาอีก มือเรียวรับถุงอาหารมาถือเมื่ออีกฝ่ายยืนยันว่ายกให้ ถึงมันจะดูแปลกๆอยู่ก็เถอะที่เอาของที่ตัวเองให้กลับมากินเองแบบนี้ บอกลาอีกฝ่ายแล้วก็หมุนกายจะเดินเข้าตัวอาคารที่พัก เท้าเรียวหยุดกึกเมื่อเห็นหนุ่มใหญ่ผู้เป็นเจ้าของที่นี่ยืนกอดอกมองอยู่ไม่ไกล ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วก้าวไปเผชิญหน้า
เจฟฟรี่มองศัตรูหัวใจ แทนที่จะอยู่ที่ร้านอาหารกลับมายืนรออยู่หน้าที่พักของปอนด์แบบนี้มันพอจะบอกกับเขาได้อย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายรู้สึกกับปอนด์อย่างไร แต่ใครจะคิดอย่างไรก็ช่าง เขาไม่มีทางยอมรามือแล้วยกปอนด์ให้ง่ายๆแน่ เพราะเขาจะจับจองเป็นเจ้าของหัวใจขนมปังปอนด์คนนี้แต่เพียงผู้เดียว!
TBCตอนที่สองมาแล้วงับ! 
ขอบคุณทุกการอ่าน ทุกคอมเม้นต์และคนที่ไม่ได้คอมเม้นต์แต่แอบมาจิ้มเป็ดให้เราด้วยค่ะ 555
บวกและบวกตอบแทนทุกคนค่ะ
วันใหม่ 