เมียรัก
ตอนที่ ๗ ยอดยาหยี
รสจุมพิตอ่อนหวานจากคนตัวโตทำให้ร่างเล็กที่ถูกครอบครองเรียวปากนุ่มราวกำลังเคลิ้มฝัน ริมฝีปากอิ่มสวยเผยอน้อยๆตอบรับจุมพิตที่ค่อยเลาะเล็มไม่รีบร้อน ปลายลิ้นอุ่นสอดแทรกค้นคว้าในโพรงปาก ตวัดไล้หยอกล้อปลายลิ้นเล็กขณะที่มือหนาเคลื่อนมาที่กระดุมเสื้อ ปลดมันออกทีละเม็ดจนเปิดเปลือยแผ่นอกขาวบางน่าฝากฝังรอยจูบ ไม่รอช้าเมื่อละริมฝีปากจากการไล่ต้อนให้คนตัวเล็กหัวหมุนมันก็ถูกทำหน้าที่อื่นในเวลาต่อมา ค่อยซุกไซ้ลากไล้ลิ้นร้อนไปตามผิวเนื้ออ่อน เสียงครางเบาๆในลำคอเจ้าของร่างกายที่เขากำลังสัมผัสยิ่งทำให้ลำพองใจ ลิ้นสากลากไล้ตวัดวนบนยอดอกสีอ่อน
“พอแล้วเจฟฟ์...” ปอนด์ดันบ่ากว้าง แต่ก็สู้แรงคนตัวโตไม่ไหว พอดันออกอีกฝ่ายกลับงับยอดอกเขาติดไปด้วยจนต้องร้องประท้วง
“อีกนิดหนึ่งที่รัก ยังมีเวลาเหลือ” คนตัวโตยังดื้อดึง ดูดกลืนเม็ดทับทิมจนมันชุ่มโชก
“เวลาคุณเหลือ แต่ของผมไม่เหลือแล้วเจฟฟรี่!” กำปั้นเล็กทุบไหล่แกร่ง “คนจะไปทำงาน”
ใบหน้าเรียวงอง้ำ แก้มใสขึ้นสีระเรื่อเพราะอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่น เจฟฟรี่บุ้ยปาก ยื่นหน้าไปจูบปากอิ่มจนถูกคนตัวเล็กตีแก้มเอาซ้ำอีก มือเรียวบี้แก้มสากไรเคราแล้วตบเบาๆ
“กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองได้แล้วยักษ์บ้า”
เจฟฟรี่กุมมือเรียวมาจูบกลางฝ่ามือแล้วมองดวงตากลมอย่างแสนเสียดาย “คิดถึงผมบ้างนะเบบี๋”
“ทำเหมือนจะลาไปไกลอย่างนั้นแหละ เดี๋ยวก็ฝึกเสร็จแล้ว ผมจะรอ”
คนฟังอมยิ้มแก้มจะแตก รวบกอดรัดคนตัวเล็กจนอีกฝ่ายร้องโวยวาย
“อย่าแอบไปมองใครที่ไหนนะปอนด์”
“รู้แล้ว จะมองใครได้เล่า รีบไปได้แล้วเดี๋ยวสายก็ถูกลงโทษเอาหรอก”
“รักปอนด์นะ”
“อือ เหมือนกัน”
ปอนด์มองส่งคนรักที่ขึ้นรถกลับไปที่ฝึกจนกระทั่งรถคันดังกล่าวลับสายตาไป เจฟฟรี่ไปแล้ว หมดวันหยุดที่ได้มา ต่อไปก็คงต้องรอจนกว่าเจฟฟรี่จะได้เป็นบอดีการ์ดเต็มตัว ช่วงเวลานั้นเขาก็ต้องทำงานของตัวเองให้ดีเช่นกัน
เจฟฟรี่กลับมารับการฝึกต่อจนจบหลักสูตร จนเมื่อถึงวันทดสอบทักษะและความสามารถ เขาและอัลเบิร์ตสามารถผ่านการทดสอบมาได้จนได้รับตำแหน่งบอดีการ์ดที่เฟอร์ริงตันเตรียมไว้ให้ เจฟฟรี่ได้เป็นมือขวาของอเล็กซานเดอร์ที่จะขึ้นเป็นผู้นำของเฟอร์ริงตันคนต่อไป เพราะพวกเขาอยู่ด้วยกันมานานทำให้รู้ใจกันเป็นอย่างดี ขณะที่อัลเบิร์ตได้เป็นหนึ่งในบอดีการ์ดของวิคเตอร์ ทำให้ทั้งสองคนต้องแยกกันทำงาน จนกระทั่งวันที่อเล็กซานเดอร์เรียกตัวอัลเบิร์ตมาทำงานด้วย พวกเขาถึงได้ทำงานด้วยกัน
วันเวลาค่อยๆผ่านไป เขาและปอนด์ต่างก็ค่อยปรับตัวกับเวลาของแต่ละคนที่มีไม่เท่ากัน ปอนด์ยังคงเลิกงานสามทุ่มครึ่งขณะที่เจฟฟรี่ต้องรอส่งต่อหน้าที่ให้บอดีการ์ดของคฤหาสน์เฟอร์ริงตันจึงจะหมดเวลาทำงานในแต่ละวัน หากบางวันอเล็กซานเดอร์เกิดอยากไปเที่ยว วันนั้นเขาก็ไม่ได้กลับมาหาปอนด์ที่ห้องเพราะกว่าจะกลับก็ดึกดื่นจนข้ามไปช่วงเวลาของวันใหม่ ดูเป็นการเอาเปรียบที่ให้ปอนด์รอเสียทุกที แต่ปอนด์ก็ไม่เคยบ่นเรื่องนั้น ถ้าเป็นเรื่องงานปอนด์จะไม่พูดถึง แต่อย่าให้รู้ว่าที่หายไปนานๆเพราะแอบไปมีใครซุกไว้ที่ไหน ไม่อย่างนั้นมีหวังบ้านแตก
----------------
ร้านอาหารของแพททริก
อัลเบิร์ตมาหาปอนด์ที่ร้านในวันหนึ่ง ปอนด์ออกจะแปลกใจอยู่สักหน่อยที่เพื่อนมาหาตนเองได้ จนเมื่อได้มานั่งคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันแล้วถึงได้รู้ว่าเพื่อนท่าทางจะกำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะยอมอเล็กซานเดอร์มากไปนั่นล่ะถึงได้ต้องเหนื่อยใจอยู่แบบนี้ แต่เขามันก็คนนอกจะเข้าไปยุ่งมากก็ไม่ได้ ได้แต่ยุให้เพื่อนลุกขึ้นสู้บ้างถึงแม้มันจะไม่มีทางเลยก็เถอะ เพราะอย่างไรเสียนอกจากความเป็นเพื่อนที่แสนจะคลุมเครือในความสัมพันธ์แล้วอัลเบิร์ตก็ยังอยู่ในฐานะลูกน้อง คงหือกับเจ้านายอย่างอเล็กซานเดอร์ได้ยาก แต่ในเมื่อวันนี้ที่อัลเบิร์ตมาหาแล้วบอกว่าตัดสินใจที่จะถอยห่างจากอเล็กซานเดอร์ เขาก็พร้อมจะช่วยเพื่อนเต็มที่ แม้เพื่อนจะไม่ได้เรียกร้องแต่เขาก็ยินดีจะทำ หมั่นไส้อเล็กซานเดอร์มานานหลายปีละ คราวนี้เอาให้อกแตกตายไปเลยท่าจะดี
“เฮ้ย! ไม่ดีมั้งที่รัก เดี๋ยวได้โดนอเล็กซ์แหกอกเอาหรอก” เจฟฟรี่ทักท้วงมาตามสายเมื่อขนมปังปอนด์ตัวยุ่งกำลังจะก่อเรื่องอีกแล้ว เรื่องเมื่อคราวทอมกับแพททริกยังไม่เข็ดอีกหรือ เขาล่ะหวั่นใจว่าสุดที่รักตัวป่วนของเขาจะทำอะไรแผลงๆเสียจริง
“ปอดแหก!” นั่น โดนว่าเข้าให้ “ถึงยังไงผมก็อยู่ข้างอัล คุณเลือกมาเลยดีกว่าว่าจะอยู่ข้างใคร ผม หรือ อเล็กซานเดอร์!”
หนุ่มตัวเล็กยื่นคำขาด ทำให้คนปลายสายมีสีหน้ายุ่งยากใจ
“เลือกได้ที่ไหนล่ะ” บ่นพึมพำ หนักใจกับพ่อเจ้าประคุณปังปอนด์เหลือเกิน
“เลือกไม่ได้ไม่เป็นไร คุณก็อยู่ข้างเจ้านายคุณไป แล้วต่อไปผมทำอะไรก็อย่ามาห้าม โอเค๊?” มีการเลือกข้างให้เสร็จสรรพเสียอีก อยากอ้ำๆอึ้งๆนัก เสียเวลาจริงเจฟฟรี่นี่
“ปอนด์ อย่าทำให้ผมลำบากใจได้ไหม?” เจฟฟรี่โอดครวญ
“ก็จัดการให้แล้วนี่ไง คุณไม่ต้องหักหลังอเล็กซ์ ยังเป็นลูกน้องที่ภักดี ยอดเยี่ยมไปเลย”
คนตัวโตถอนใจกับคำประชดประชัน ลองให้ตัดสินใจทำแล้วปอนด์ไม่มีทางถอยแน่ เกิดเป็นเจฟฟรี่นี่มันลำบากจริ๊ง
ปอนด์จัดการนัดแนะกับเพื่อนหลังจากที่เพื่อนหนีอเล็กซานเดอร์มาได้ เขาจะพาเพื่อนกลับไทยด้วย ที่นั่นมันถิ่นเขา รับรองได้เลยว่าต่อให้อเล็กซานเดอร์จะเก่งแค่ไหนก็ไม่มีทางหาเจอ แต่แล้วสิ่งที่นัดกันเอาไว้ก็กลับล่ม เมื่อก่อนไปไทยอัลเบิร์ตได้กลับไปบ้านที่เคมบริดจ์แล้วเกิดเรื่องขึ้นที่นั่น และอเล็กซานเดอร์ก็เป็นคนตามไปช่วยเอาไว้ได้ทันพร้อมกับพาเพื่อนของเขากลับมาที่เฟอร์ริงตัน ปอนด์ที่รู้เรื่องจากเจฟฟรี่ก็ได้แต่ทอดถอนใจ สองคนนี้มันเป็นคู่เวรคู่กรรมกันหรืออย่างไร หนีกันไม่พ้นเสียที
หลังจากนั้นมาปอนด์ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับอัลเบิร์ตนัก เพราะอีกฝ่ายถูกกักให้อยู่แต่ในเฟอร์ริงตัน จนกระทั่งได้เห็นข่าวเรื่องที่อเล็กซานเดอร์จะแต่งงานผ่านทางรายการโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ปอนด์ก็ร้อนรนแทนเพื่อน มันมากไปแล้วแบบนี้ จะแต่งงานกับลูกสาวตระกูลผู้ดีเก่าแล้วจะให้เพื่อนเขาไปอยู่ตรงไหน อเล็กซานเดอร์ท่าจะบ้าไปแล้ว
ปอนด์คว้าโทรศัพท์จะกดโทรหาอัลเบิร์ต วันนี้เป็นไงเป็นกันสิ เขาทนไม่ไหวแล้ว เพื่อนของเขาทนได้ แต่เขาจะไม่ทน ปอนด์จะไม่ทนได้ยินไหม!
ประสบการณ์ที่เคยทำอะไรพลาดผิดจากเรื่องของทอมกับแพททริกทำให้ปอนด์ไม่กล้าพอจะยื่นมือเข้าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องของคนอื่น กลัวมันผิดพลาดซ้ำสอง แต่คราวนี้มันไม่ใช่ คนอย่างอเล็กซานเดอร์ควรได้รับบทเรียนเสียบ้าง!
แต่ก่อนที่จะได้กดโทรไปไหนอัลเบิร์ตก็เป็นฝ่ายโทรมาหาเขาเสียก่อน ปอนด์รีบกดรับก่อนจะนิ่งไป เพียงคำพูดสั้นๆจากเพื่อนของเขาก็ทำให้ใจที่ร้อนรนสงบลงได้
“ปอนด์ ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม?”
------------------
เมื่อวันแต่งงานของอเล็กซานเดอร์เดินทางมาถึง ปอนด์ได้แต่นั่งเจ็บใจอยู่หน้าจอโทรทัศน์ ยังมีหน้ามายิ้มระรื่นไม่ห่วงความรู้สึกของเพื่อนเขาเลย หนุ่มตัวเล็กปิดโทรทัศน์แล้วโยนรีโมทไว้บนเตียง ก่อนจะลุกไปเปลี่ยนชุดเพื่อออกไปข้างนอก วันนี้เขาหยุดเพราะมีแผนจะบินกลับไทยในเร็ววัน จึงลาหยุดแต่เนิ่นๆเพื่อตระเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสรรพรอเวลากลับบ้าน
ปอนด์ลงมาเดินเตร่อยู่แถวสวนสาธารณะใกล้ที่พัก ป่านนี้เจฟฟรี่คงกำลังควบคุมดูแลเรื่องความปลอดภัยอยู่ในงานแต่งของอเล็กซานเดอร์ เขานี่ดูว่างงานจังแฮะ มีเวลามามองฟ้ามองนกด้วย
เสียงโทรศัพท์ของปอนด์ดังขึ้น เบอร์ที่โทรมาคือเจฟฟรี่ทำให้หัวคิ้วปอนด์ขมวด ปรกติเวลาทำงานเจฟฟรี่จะไม่ใช้โทรศัพท์พร่ำเพรื่อเพราะงานที่ทำมันต้องใช้สมาธิ
“ฮาโหล...”
“ปอนด์ รีบไปที่โรงพยาบาลตอนนี้เลยได้ไหม อเล็กซ์ถูกยิง ผมกลัวว่าอัลเบิร์ตจะสติแตกจนทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้เกวน เจฟเฟอร์สันก็อยู่ที่นั่นด้วย”
เจฟฟรี่รัวมาเป็นชุดเมื่อปอนด์กดรับ หนุ่มตัวเล็กพยายามตั้งสติหลังจากตกใจที่รู้ว่าอเล็กซานเดอร์ถูกยิง
“ผมจะรีบไป คุณก็ระวังตัวเองด้วยนะเจฟฟ์”
“ครับ ไม่ต้องห่วงนะที่รัก ฝากอัลเบิร์ตด้วย”
“อื้อ”
ปอนด์ตรงมาที่โรงพยาบาลด้วยความร้อนใจ เกิดเหตุชุลมุนขึ้นกลางงานแต่งงานจนอเล็กซานเดอร์ถูกยิงบาดเจ็บต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน และตอนนี้เจฟฟรี่ก็กำลังควบคุมดูแลสถานการณ์ทั้งยังไปให้ปากคำกับตำรวจ เท่าที่รู้มาคือหนึ่งในตำรวจที่อเล็กซานเดอร์ให้มาช่วยดูแลภายในงานยิงคนร้ายที่เข้ามาป่วนงานจนเสียชีวิต แทนที่จะจับตัวไปสอบปากคำหาคนบงการ เมื่ออเล็กซานเดอร์ต้องรีบเข้ารับการรักษา ดังนั้นเจฟฟรี่ผู้ซึ่งเป็นมือขวาจึงต้องจัดการทุกอย่างแทนทั้งหมด
ปอนด์ก้าวไปหาอัลเบิร์ตที่ยืนกระวนกระวายอยู่หน้าห้องผ่าตัด จับมือเพื่อนแล้วรั้งให้เดินตามมานั่งรอพลางปลอบใจ ที่ตรงนั้นยังมีเกวน เจฟเฟอร์สัน เจ้าสาวของอเล็กซานเดอร์อยู่ด้วย
“จะเอายังไงต่อไป?” เอ่ยถามเมื่อเพื่อนดูจะเย็นลงบ้างแล้ว
“เรื่องที่ขอให้นายช่วย...”
“ฉันจัดการให้แล้ว จะไปจริงๆใช่ไหม?” ปอนด์ตอบกลับไป พร้อมถามเพื่อความแน่ใจอีกหน
อัลเบิร์ตพยักหน้า ดูหมองเศร้าจนปอนด์พลอยเศร้าไปด้วย มือเรียวลูบหลังเพื่อนเบาๆ อยากให้เพื่อนของเขาหลุดพ้นจากความเจ็บปวดนี้เสียที...
อัลเบิร์ตอยู่เฝ้าจนกระทั่งอเล็กซานเดอร์ฟื้น หลังจัดการทุกอย่างจนเรียบร้อยดีแล้วปอนด์จึงได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนนี้ให้มาหาเพราะเจ้าตัวเขาไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสามารถก้าวออกมาจากชีวิตอเล็กซานเดอร์อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ได้ หนุ่มตัวเล็กจึงมาโดยเร็วรี่ ยืนรอเพื่อนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วก็ถอนใจ ขาเรียวก้าวไปหาพร้อมคว้าแขนพาเดินออกมา หากครั้งนี้อัลเบิร์ตใจอ่อนอีกคงต้องติดอยู่ที่นี่ไม่มีทางไปไหนได้แล้ว
ปอนด์มาที่สนามบินกับเพื่อน เขาจะพาเพื่อนคนนี้บินลัดฟ้าสู่ประเทศไทย พาไปให้ห่างจากความเจ็บช้ำให้มากที่สุด อัลเบิร์ตคือเพื่อนรักเพียงคนเดียว คนที่คอยห่วงใยกันและกันมาตลอด เมื่อเพื่อนกำลังทุกข์หนักเขาก็ไม่สามารถที่จะวางเฉย แม้ตลอดมาจะทำอะไรไม่ได้เพราะเพื่อนไม่ได้ขอ เขาจึงยุ่งวุ่นวายมากไม่ได้ แต่ในวันนี้ที่ความอดทนของอัลเบิร์ตหมดลง เขาก็พร้อมจะพาเพื่อนไปพบสิ่งที่ดีกว่า
เจฟฟรี่ตามมาสมทบหลังจากจัดการธุระหลายอย่างแทนอเล็กซานเดอร์ที่นอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล ทั้งอัลเบิร์ตและอเล็กซานเดอร์ต่างก็เป็นเพื่อนของเขาทั้งสองคน เขาไม่สามารถจะตัดสินใจแทนใครได้ เมื่ออัลเบิร์ตเลือกที่จะไปเขาก็ทำได้แค่มาส่ง และหวังว่าสิ่งที่พวกเขาเลือกมันจะไม่ทำให้ต้องมานึกเสียใจทีหลัง
“ขอให้นายโชคดี เริ่มต้นใหม่นะอัล ทิ้งความเจ็บช้ำไว้ที่นี่ ฉันได้แต่หวังว่าสักวันพวกนายจะมีความสุข” เจฟฟรี่บอกกับเพื่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับเบาๆ
“ขอบคุณเจฟฟ์ ขอบคุณมาก...”
เจฟฟรี่ยิ้มให้ หันมาหาหนุ่มตัวเล็กแล้วบอก “ดูแลตัวเองด้วย อย่าทำอะไรโลดโผนนัก”
“รู้แล้วน่า” คนตัวเล็กบุ้ยปาก ถูกบ่นอีกละ
เจฟฟรี่มองส่งคนรักและเพื่อนที่เดินออกไปเมื่อได้เวลาขึ้นเครื่อง หนุ่มตัวโตทอดถอนใจ สำหรับอัลเบิร์ตมันจบแล้ว แต่อเล็กซานเดอร์เล่า
เมื่อกลับมาที่โรงพยาบาลเจฟฟรี่ก็เข้ามารายงานตัวกับอเล็กซานเดอร์ ท่าทางมองเหม่อไปแสนไกลนั่นทำให้เขาต้องเงียบ ก่อนจะชะงักเมื่ออเล็กซานเดอร์เอ่ยถามราวรู้ว่าอัลเบิร์ตไม่อยู่แล้ว เจฟฟรี่ได้แต่ขอโทษ เพราะทุกอย่างมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว อัลเบิร์ตจากไปแล้ว และคงไม่มีทางกลับมาในเร็ววันนี้
---------------
ณ บริษัทการเงินเฟอร์ริงตันหลังจากนั้น
อเล็กซานเดอร์ทุ่มทำงานเป็นบ้าเป็นหลังทำให้เจฟฟรี่ผู้เป็นมือขวาต้องเหนื่อยตามไปด้วย เพราะปอนด์พาอัลเบิร์ตไปซ่อนทำให้อเล็กซานเดอร์ตามหาไม่เจอ ความหงุดหงิดที่มีจึงลงที่งาน และเจฟฟรี่ก็รับผลพลอยไปเต็มๆจนเวลาให้ปอนด์มีน้อยลงไปอีก แต่คนตัวเล็กกลับไม่บ่น เพราะดูจะสนุกที่ได้ปั่นหัวอเล็กซานเดอร์เสียมากกว่า เจฟฟรี่ก็ได้แต่โอดครวญให้เลิกกลั่นแกล้งผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและนายตน ยิ่งทำ งานเขาก็ยิ่งเพิ่ม ผัวใกล้จะตายแล้วเมียจ๋า
“แค่นี้มันยังน้อยไป” เสียงปอนด์ตอกกลับมาเมื่อเขาโทรไปคร่ำครวญ
“โธ่ ปอนด์ นี่มันก็นานมากแล้วนะ จะไม่ให้พวกเขาได้เจอกันเลยหรือไงที่รัก?” เจฟฟรี่ทวงถามแทนนายตน รู้สึกเห็นใจอยู่เหมือนกันนา
“ถ้าหาไม่เจอก็แสดงว่าสวรรค์ไม่เข้าข้าง ปล่อยให้แห้งเหี่ยวเฉาตายอยู่ที่เฟอร์ริงตันนั่นแหละ แค่นี้นะ”
“ปอนด์ เดี๋ยวปอนด์...”
วางสายไปเสียแล้ว เจฟฟรี่ได้แต่ทอดถอนใจ เป็นคนกลางนี่มันเหนื่อยใจจริ๊ง
เวลานี้อเล็กซานเดอร์กับภรรยาสาวก็หย่าร้างกันไปแล้ว ทั้งคู่จากกันด้วยดี ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มันคงจะดีกว่านี้หากอเล็กซานเดอร์จะยอมรับใจตัวเองในขณะที่ยังมีโอกาส มันน่าเสียดายแทนที่มานึกเสียใจเมื่อสายไปเช่นนี้
เจฟฟรี่กลับเข้าบริษัทมาหลังจัดการธุระในฐานะตัวแทนของอเล็กซานเดอร์เสร็จ ร่างสูงใหญ่ก้าวเดินอย่างมั่นคงโดยมีลูกน้องเดินตามหลังมา หางตาคมเหลือบไปเห็นหญิงสาวแสนคุ้นตาที่นั่งอยู่ตรงชุดรับแขกหน้าห้องทำงานของอเล็กซานเดอร์ เมื่อหันกลับไปมองก็ถึงกับนิ่งงันเพราะไม่ใช่เพียงคุ้นตา แต่เขายังจดจำเธอคนนี้ได้ดี
ที่เจฟฟรี่พูดไทยได้ไม่ใช่เพราะเขาใฝ่เรียนใฝ่รู้อะไร แต่เพราะครั้งหนึ่งเคยจีบสาวไทยจึงต้องทุ่มทุนสร้างให้เธอประทับใจ อยากสื่อสารกับเธอโดยใช้ภาษาของเธอ มันคือกลยุทธ์พิชิตใจอย่างหนึ่งทำให้เขาหาข้อมูลและเริ่มเรียนด้วยตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้ไม่สามารถที่จะบอกปอนด์ได้ หากปอนด์รู้อาจมีการวางมวยกันเกิดขึ้น และคนที่จะน่วมก็คือเขาเอง
เจฟฟรี่ยืนนิ่งอยู่นานเท่าไรไม่รู้ จนกระทั่งหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วส่งยิ้มมาให้นั่นล่ะเขาถึงหลุดจากภวังค์ ร่างสูงใหญ่ผงกศีรษะเป็นการทักทายเธอเล็กน้อยก่อนจะเข้าห้องทำงานของอเล็กซานเดอร์ไป
ด้านในนั้นมีแขกจากบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเป็นลูกหนี้ของเฟอร์ริงตันอยู่ด้วย เมื่อหันมาเห็นเจฟฟรี่อเล็กซานเดอร์จึงได้เอ่ยแนะนำลูกน้องคนสนิทของตนว่าหากมีอะไรก็สามารถติดต่อกับเจฟฟรี่ได้ เจฟฟรี่สามารถตัดสินใจได้เทียบเท่ากับการตัดสินใจของเขาเอง
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณดีฟไคล์” ชายสูงวัยผู้เป็นเจ้าของบริษัทกล่าวทักทายเขา ซึ่งเจฟฟรี่ก็จับมือทักทายตอบกลับไป
ฝ่ายนั้นมาคุยเรื่องผัดผ่อนหนี้สิน ซึ่งอเล็กซานเดอร์ก็พิจารณาให้กระทำการดังกล่าวได้เพราะนี่เป็นครั้งแรก เมื่อพูดคุยตกลงกันเสร็จแล้วเจฟฟรี่จึงได้เดินไปส่งชายสูงวัยที่ด้านนอก ทำให้ได้รู้ว่าหญิงสาวผู้ซึ่งเคยเป็นคนรู้จัก หรือพูดกันตรงๆคืออดีตคนรักของเขานั้นทำงานอยู่ที่บริษัทนี้ จากนี้ไปเขาอาจได้เจอเธอบ่อยขึ้น
หลังจากวันที่ได้พบอดีตคนรักในวันนั้นและไม่ได้มีโอกาสคุยกันเพราะเธอต้องรีบตามผู้เป็นเจ้านายกลับไป เมื่อเธอมาติดต่อประสานงานที่เฟอร์ริงตันอีกครั้งเจฟฟรี่ถึงได้มีโอกาสได้พูดคุยกับเธอ และเพราะการพบกันหลังจากผ่านมาเสียหลายปีทำให้เธออยากจะทานข้าวด้วยกันสักมื้อ หากเป็นเมื่อก่อนเจฟฟรี่คงตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดอะไร แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ทำให้เขายกเรื่องงานมาอ้างแล้วบอกอเล็กซานเดอร์อาจต้องใช้งานด่วน
“ไปสิ ฉันอนุญาต”
มันอาจเป็นคราวซวยของเจฟฟรี่เมื่อคนที่เขายกมาอ้างดันมาได้ยินเข้าและเอ่ยอนุญาตหน้าตาเฉย
“อเล็กซ์...”
“คงมีเรื่องอยากคุยกันใช่ไหม ฉันอนุญาตให้นายลา เอริคก็อยู่ไม่ต้องเป็นห่วง”
อดีตคนรักของเขาขอบคุณอเล็กซานเดอร์ ขณะที่เขาแทบยกมือกุมศีรษะ ไม่อยากให้อนุญาตโว้ย!
ไม่รู้เพราะอยากเอาคืนปอนด์กับเขาหรือเปล่าถึงได้อนุญาตให้ลา มันแกล้งกันชัดๆแบบนี้ ถ้าปอนด์รู้จะเป็นอย่างไรเขายังไม่อยากจะคิด สุดท้ายแล้วเจฟฟรี่ก็ออกไปทานข้าวกับหญิงสาว เขาให้เธอเป็นคนเลือกร้าน แต่นั่นเขาคงคิดผิดเมื่อเธอพามายังร้านที่เธอบอกว่าเป็นร้านอาหารไทยที่มีฝรั่งเป็นเจ้าของแต่รสชาติของอาหารกลับไม่เพี้ยนมากนัก ยังคงมีความเป็นไทยอยู่ ไม่ได้ดัดแปลงจนเสียรส
เจฟฟรี่ยืนนิ่งอยู่หน้าร้านอาหาร กลืนน้ำลายแสนหนืดคอ ขาแทบก้าวไม่ออก เพราะมันคือร้านของแพททริก ซวยแล้วไงไอ้เจฟฟ์
ถึงจะคร่ำครวญหวนไห้ภายในใจสักแค่ไหน แต่เจฟฟรี่ก็จำต้องเดินตามหญิงสาวเข้ามาในร้านอยู่ดี เมื่อมานั่งที่โต๊ะเขาก็แทบอยากจะยกเมนูขึ้นมาบังหน้า แต่นั่นมันคงไม่เหมาะนักจึงได้แต่นั่งตัวตรงรักษาอาการเอาไว้สุดกำลังที่มีจนกระทั่งอาหารมาเสิร์ฟ
“ไม่อร่อยหรือคะเจฟฟ์? เห็นเมื่อก่อนคุณชอบทาน หรือที่นี่จะทำไม่ถูกปากคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามไถ่ เธอยังจำได้ว่าเจฟฟรี่ชอบทานอะไรและมักจะให้เธอทำให้ทานอยู่บ่อยๆ ดังนั้นถึงได้เลือกมาเผื่อจะถูกปากเขา
“เอ่อ... ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก”
เจฟฟรี่บอกปฏิเสธไม่เต็มเสียงนัก ก่อนจะลงมือทานอาหารตรงหน้าไม่ได้อธิบายอะไรต่อ สายตาทิ่มแทงที่กำลังจ้องมองมาจากที่ใดที่หนึ่งในร้านนี้ทำให้เจฟฟรี่แทบไม่รู้รสอาหารที่ทานเข้าไป ที่รัก ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฮือ
เมื่อทานข้าวเสร็จเจฟฟรี่จึงได้ไปส่งหญิงสาวกลับบริษัท ก่อนที่ตนเองจะย้อนกลับมาที่ร้านของแพททริกอีกครั้งเพื่อฟังคำพิพากษาจากขนมปังปอนด์ที่ยืนกอดอกตาเขียวปั้ด
“ที่รัก” เจฟฟรี่ทำเสียงอ้อนไปก่อนเผื่อรอดตัว
“ค่อยกลับไปเคลียร์กันที่ห้อง!”
“จ้า” คำเดียวรู้เรื่อง ไม่กล้าเถียง ไม่กล้าแย้ง
คนตัวเล็กเดินกลับเข้าไปทำงานของตน ในขณะที่เจฟฟรี่ก็ได้แต่รอเวลา ตอนนี้เขาควรกลับบริษัทเฟอร์ริงตันเสียก่อน อเล็กซ์นะอเล็กซ์ทำกันได้ลงคอ งานเข้าเสียแล้วไหมล่ะ เฮ้อ
---------------
ปอนด์นั่งทับขากอดอกอยู่บนเบาะนั่ง ตรงหน้าคือยักษ์ตัวโตที่นั่งหน้าเจื่อน พออ้าปากจะอธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้นก็ถูกคนตัวเล็กยกมือห้ามจนสุดแขน
“เดี๋ยว ก่อนจะพูดอะไรขอผมพูดให้จบก่อน”
“...........” เจฟฟรี่งับปากฉับแล้วพยักหน้าก่อนผายมือเชิญให้สุดที่รักพูด
“กล้าดียังไงพาสาวมากินข้าวที่ร้าน พามาเย้ยผมถึงที่แบบนี้อยากมีเรื่องกันใช่ไหม!”
“อ่า...”
“เงียบแล้วฟัง! จะอธิบายอะไร จะแก้ตัวอะไรค่อยพูดทีหลัง ยูโนว!?” ตบโต๊ะปังแล้วรีบดักเมื่อเจฟฟรี่จะอ้าปากพูด
“ครับ...” คนตัวโตเสียงอ่อย ปล่อยให้คนกำลังโมโหพูดต่อ
“ไอ้เรานะปล่อยให้รอเป็นชาติกว่าจะมีเวลาได้อยู่ด้วยกันที เราก็เอ๊ออออ เข้าใจว่าเขาทำงาน คงปลีกเวลามาหาไม่ได้ แต่ที่ไหนได้ดันมีเวลามานั่งกินข้าวกับสาว ให้ตายเหอะเจฟฟรี่ ผมอยากจะบ้า!!”
“คือ...”
“เข้าใจความรู้สึกของผมปะ? ในขณะที่ผมต้องรอ แต่คนอื่นกลับได้มานั่งหัวร่อต่อกระซิกกับคุณเป็นชั่วโมง ผมล่ะอยากเดินเข้าไปกระชากหัวคุณแรงๆให้หน้าหงาย บ้าเอ๊ย!!”
“ปอนด์...”
“ยังไม่ได้บอกให้พูด!”
“...ครับ”
ปอนด์ถอนใจแรง เมื่อครู่ออกท่าออกทางมากไปหน่อย ร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะนุ่ม ตากลมจ้องคนตัวโตที่นั่งหน้าเจื่อนเขม็ง โมโห คนมันโมโหรู้ไหม อุตส่าห์อดทนเฝ้ารอกันมา เวลาอยู่ด้วยกันก็น้อย มันน่าน้อยใจนัก แทนที่มีเวลาจะมาหาดันพาสาวที่ไหนไม่รู้มาเย้ยหน้ากัน คนบ้า
“เอ่อ... ที่รัก”
ตาเขียวขุ่นตวัดมามอง เห็นแบบนั้นแล้วเจฟฟรี่ก็ชักไม่มั่นใจว่าควรพูดดีไหม จำต้องเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ
“ผมพูดได้หรือยังที่รัก?”
“ก็พูดสิ ใครไปอุดปากไว้หรือไง”
เจฟฟรี่หน้าเหรอ ร้องอ้าวออกมาเบาๆ นี่เขาผิดใช่ไหม?
“ที่คุณเห็นน่ะลูกค้าของบริษัท แล้ว... คือผมก็รู้จักกับเธอมาก่อน แบบ... มันไม่ได้เจอกันนานน่ะที่รัก เราก็เลยมาทานข้าวด้วยกัน...”
เหลือบมองคนตัวเล็กก็ยังเห็นนั่งนิ่ง หน้าก็ยังงออยู่เหมือนเดิม ที่เขาเล่าข้ามขั้นข้ามตอนไปก็เพราะคิดว่าจะโยนความผิดให้อเล็กซานเดอร์ก็คงไม่ได้ มันไม่สำคัญเท่าเขาเองที่ไม่ปฏิเสธไปแต่แรก แต่ดันยกอเล็กซานเดอร์มาอ้าง พอฝ่ายนั้นบอกอนุญาตเลยยากที่จะปฏิเสธได้อีก
ปอนด์ถอนใจเบาๆก่อนพูดเสียงเรียบ “เอาตรงๆเลยเจฟฟรี่ พูดกันให้จบตรงนี้แล้วไม่ต้องพูดถึงมันอีก”
เจฟฟรี่กลืนน้ำลาย รู้สึกหวั่นใจกับท่าทีของคนตัวเล็ก
“เธอเป็นใคร?”
คำถามง่ายๆจากปอนด์แต่ตอบยากเหลือเกิน สายตาคาดคั้นที่มองตรงมาทำให้เจฟฟรี่ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจหนักๆ เป็นไงเป็นกันวะ
“เธอเป็นลูกค้าของบริษัท... เฮ้ เดี๋ยวสิ!” มือหนารีบคว้าแขนทั้งร้องห้ามเมื่อปอนด์จะลุกหนีเพราะเขาเยิ่นเย้อ
“...........” ตากลมปรายมามอง เจฟฟรี่จึงต้องบอกความจริงไปเสียงอ่อย
“เคยคบกันพักหนึ่ง...”
เมื่อได้ฟังคำตอบปอนด์ก็นิ่ง เจฟฟรี่เองก็ลุ้นว่าจะถูกอาละวาดไหม หรือจะงอนหนักกว่าเดิม แต่สิ่งที่กลัวกลับไม่เกิดขึ้นสักอย่างเพราะปอนด์ค่อยซบหน้าวางหน้าผากลงกับโต๊ะเตี้ย เห็นแบบนั้นแล้วเจฟฟรี่ก็รีบอ้อมมาหาด้วยความตกใจ มือหนาวางบนแผ่นหลังเล็กอย่างลนลาน
“ปอนด์ เป็นอะไรน่ะ ผมขอโทษ”
“ขอโทษทำไม” เสียงอู้อี้ย้อนถามกลับมา แต่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะ
“ก็... ไม่รู้สิ คุณอาจจะโกรธ หรือเสียใจ หรืออะไรแบบนั้น ผมไม่รู้ แต่คุณทำแบบนี้ผมกังวล”
“.........” น้ำเสียงเป็นกังวลจากคนตัวโตทำให้ปอนด์เงียบ ยังคงนั่งนิ่งก้มซบโต๊ะ
“ปอนด์...”
“ผมเข้าใจ... คุณก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร มันก็ต้องเคยมีแฟนมาบ้างแหละ”
“ปอนด์...” เอ่ยเรียกเสียงเบา รู้สึกสะท้อนใจกับน้ำเสียงของคนรัก
“ผมแค่...”
“.........”
“แค่อดเปรียบเทียบไม่ได้ก็แค่นั้น”
“โธ่ ที่รัก” ฟังคำเฉลยแล้วเจฟฟรี่ก็รู้สึกโล่งอกที่มันไม่ใช่ปัญหาหนักหนาอะไร “ไหนเงยขึ้นมาพูดกันซิ หืม”
“ไม่ใช่เด็กนะ หลอกล่อบ้าอะไร?” อีกคนตอกกลับเคืองๆ พลางเงยขึ้นมามองคนตัวโต
“หึๆ” หัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปเกลี่ยแก้มนุ่มแล้วโน้มจูบหน้าผากนูนก่อนผละออกมามองตากลม “ไม่ใช่เด็กหรอก แต่เป็นเมียผม เป็นผู้ชายตัวเล็กๆแต่ขี้โวยวาย”
“ไม่เห็นมีอะไรดีเลย” คนตัวเล็กว่า
“ดีสิ ผมชอบแบบนี้แหละ ชีวิตไม่จืดชืด”
“บ๊องหรือเปล่า ชอบอะไรแปลกๆ”
“อาจจะ” เขาว่าอย่างนั้น ก่อนรั้งตัวเล็กเข้ามากอด “อดีตก็คืออดีต เพราะมันผ่านมาแล้วมันถึงเป็นอดีต ปัจจุบันคือคุณ อนาคตก็ยังเป็นคุณคนเดียวนะยาหยี”
“หือ?” ปอนด์ทำเสียงแปลกใจ อิงซบอกแกร่งแล้วช้อนสายตาขึ้นมองเจ้าของอ้อมแขน
“อะไร?” เจฟฟรี่เลิกคิ้ว ถามกลับมายิ้มๆ
“เมื่อกี้พูดว่ายาหยี” ปอนด์ทวนคำ
“ใช่ ยาหยีแปลว่าที่รัก ฮันนี่ มายเดียร์” คนนี้ก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจกับภาษาไทยของตัวเองเหลือเกิน
“โฮะ เยอะจริง ฝรั่งดอง”
“ฝรั่งดองคืออะไร?”
“คือการถนอมอาหารชนิดหนึ่ง”
“หา???” เจฟฟรี่อุทานกับคำตอบกลับหน้าตายนั่น
“หึ... หึ ๆ ฮ่า ๆ ๆ”
เห็นอีกคนทำหน้างงแล้วปอนด์ก็หัวเราะ เจฟฟรี่มองแล้วก็มันเขี้ยว แกล้งฟัดแก้มขาวของยอดยาหยี ปอนด์ได้แต่เบี่ยงหลบ พยายามรูดตัวออกจากอ้อมแขนแต่ก็ถูกกักไว้ทุกทางจนต้องยอมให้ฟัดจนหนำใจ
มองตากันในระยะประชิดแล้วทั้งคู่ก็ค่อยยิ้มออกมา หัวเราะน้อยๆกับการหยอกล้อเมื่อครู่ ปัดปัญหาคาใจออกไปจนหมด อย่างที่ปอนด์บอก พูดกันวันนี้ จบวันนี้ และจะไม่พูดถึงมันอีก
“เจฟฟ์...”
“ครับ?”
“อยากไปเยี่ยมพ่อแม่ผมไหม?”
“จริงอ่ะ!?”
“ตื่นเต้นอะไร?” ปอนด์หัวเราะ
“โธ่ จะได้เจอพ่อตาแม่ยายทั้งทีนี่นา ต้องเตรียมหาของฝากดีๆไปให้ท่าน ฝากเนื้อฝากตัวให้ท่านเอ็นดู”
ปอนด์ยิ้มขำคนตัวโต นับจากนี้ก็ถือว่าก้าวไปอีกขั้น ทีละขั้น... ทีละขั้น... ให้ความรักของเรามั่นคง
TBCช่วงคาบเกี่ยวกับเฮียอเล็กซ์จบลงแล้วฮะ ต้องย้อนความกันแบบนี้อาจทำให้คนอ่านเซ็งที่ต้องอ่านฉากเดิมซ้ำ อย่าเพิ่งเบื่อเค้านะ
ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่ด้วยกัน บวกและบวกเช่นเคยค่ะ
วันใหม่