★หัวใจ♥ซ่อนรัก Special★ เมียรัก (เจฟฟ์♡ปอนด์ฉบับรีไรท์) ตอนจบ วันที่ ๑๘/๒/๒๕๕๗
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ★หัวใจ♥ซ่อนรัก Special★ เมียรัก (เจฟฟ์♡ปอนด์ฉบับรีไรท์) ตอนจบ วันที่ ๑๘/๒/๒๕๕๗  (อ่าน 55463 ครั้ง)

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
สองคนนี้น่ารัก คุยกันเข้าใจง่ายไม่ดราม่า  :L1:

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
นึกว่าจะมีปะทะกันที่ร้านซะแล้ว 555
รออ่านตอนเจฟฟ์เจอพ่อตาแม่ยายนะคะ >.<

ขอบคุณมากค่ะ +1^^

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
 :-[  ปอนด็จะพาสามีไปเปิดตัวที่บ้านแล้ว

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

jokirito

  • บุคคลทั่วไป
เตรียมสินสอดทองหมั้นไปให้พร้อมเลยค่าาาเจฟฟฟฟ

ออฟไลน์ grimace

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
นั่นๆ ขนมปังปอนด์ตัวน้อยจะพาผู้ชายเข้าบ้าน!
เจฟฟ์นี่น๊า เมียรัก รักเมียมากจริงๆ คึคึ
แบบนี้ปลื้มตายเลยอะ เทใจให้เจฟฟ์มากกว้ทอเล็กซ์อีก ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
เจฟฟ์เกือบงานเข้า  :laugh:
ปอนด์จะพาเจฟฟ์มาเปิดตัว :o8:





ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
555 ตาฝรั่งเกลียมัว กลัวเมียอยู่นะเนี่ย ปอนด์วีนได้อีกนะลูก หุหุหุ พาไปเปิดตัวกับพ่อตาแม่ยายเลยเหรอเนี่ย หวังว่าเค้าคงไม่หวงลูกสาว เอ้ย ลูกชายจนต้องหาบททดสอบ ให้ฝรั่งคลั่งหรอกนะ 555 รอตอนต่อไปจร้า

ออฟไลน์ udongjay

  • ความรัก...ไม่เคยจำกัดเพศ แต่เพศต่างหากที่จำกัด...ความรัก
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +235/-2
ในที่สุดก็ได้มาเม้นให้พี่ใหม่แล้ววววว
เจฟฟฺปอนด์สุดที่รัก ชอบตั้งแต่ก่อนจะรีไรท์ ยิ่งพี่ใหม่เอามารียิ่งชอบ
งื้อออออออออ หนูปอนด์น่ารักมากกกกก เข้าอกเข้าใจเจฟฟ์จริงๆ
แค่นี้เจฟฟ์ก็ไปไหนไม่รอดแล้วล่ะ คึคึ

ออฟไลน์ zelesz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 525
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
อร๊ายยยยยยยยยยยยย
พ่อตาแม่ยายจะถือปืนไล่ยิงแบบในหนังไทยป่ะค๊าบบบบบบบบบ อิอิ

 :pig4:

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
รอตอนต่อไป
พาไปเปิดตัวซ่ะแล้วปอนด์

ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
เจฟฟรี่เวอร์ชั่นนี้น่าหมั่นเขี้ยวจริงๆเลย แต่ละคำช่างสรรหา
เล่นเอาคนไทยอย่างปอนด์ยังนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้
ก้าวผ่านอุปสรรคที่เรียกว่าเวลาแล้ว ต่อไปก็ครอบครัวล่ะ
รู้จักเตรียมตัวเข้าหาผู้ใหญ่อย่างนี้ท่าทางจะไปได้สวย :hao3:
อีกเรื่องที่เจฟทำได้ดีคือ เชื่อฟังภรรยา อันนี้ทำได้ดีมากๆ
ทำให้เคยชินซะตั้งแต่เนิ่นๆไปอยู่นู่นจะไดัไม่มีปัญหา :laugh:
น่ารักมุ้งมิ้งทุกตอนเลย ชอบๆๆ
ขอบคุณวันใหม่มากค่ะ :กอด1: แน่นๆทีนึง
+ 1และเป็ดจ้ะ


ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
เมียรัก

ตอนที่ ๘ ว่าที่ลูกเขย



“พร้อมหรือยัง?”

ปอนด์เอ่ยถามคนตัวโตที่ยืนตัวเกร็งอยู่ข้างกาย อมยิ้มเล็กๆกับท่าทีดูตื่นเต้นมากมายนั่น จะไปรอดไหมนี่เจฟฟรี่ ดีฟไคล์

“อย่าถามแบบนี้สิปอนด์ คำถามพาผมตื่นเต้นขึ้นไปคูณสิบ”

“เอ๊า” ปอนด์เสียงสูงแล้วหัวเราะพลางบอกคนตื่นเต้น “สูดลมหายใจเข้าลึกๆ”

ช่วยทำท่าทางประกอบให้เสียด้วย เจฟฟรี่ทำตาม สูดลมหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกมาช้าๆ ก่อนเลี้ยวมาจูบแก้มคนข้างกาย

“คุณนี่ ผมบอกสูดลมหายใจ ไม่ได้ให้มาจูบแก้ม” ปอนด์หน้ามุ่ย ถูแก้มตัวเองที่ถูกจูบ

เจฟฟรี่ยิ้มร่า ก่อนว่าหน้าตาเฉย “ก็สูดลมหายใจไง แต่อยากได้กลิ่นหอมๆจากแก้มเมียด้วย”

“แหนะ อีกแล้ว อย่าเผลอพูดว่าเมียต่อหน้าพ่อผมเชียว เดี๋ยวได้เรื่อง” นิ้วเรียวชี้หน้าอีกคนเป็นการสำทับ เพราะตกลงกันเอาไว้แล้วว่าจะยังไม่บอกครอบครัวของปอนด์ถึงความสัมพันธ์ที่มี ขอดูท่าทีไปก่อน

“ครับผม ไม่พูด ไม่บอก แล้วแต่ปอนด์จะจัดการครับ”

เมื่ออีกคนรับปากมั่นเหมาะปอนด์จึงได้พาเข้าบ้าน เจอญาดา พี่สะใภ้ของปอนด์จึงหยุดทักทาย หญิงสาวมองพวกเขางงๆในทีแรก ก่อนจะยิ้มออกมา

“อ้าว ปอนด์”

“สวัสดีครับพี่ดา” ปอนด์ยิ้มทักพร้อมไหว้พี่สะใภ้คนงาม

“ตายจริง พี่ก็นึกว่าหนุ่มที่ไหน”

เธอหัวเราะกับความก๊งของตัวเองที่จำน้องสามีไม่ได้ เมื่อได้พูดคุยทักทายปอนด์จึงได้แนะนำเจฟฟรี่ให้ญาดาได้รู้จักเพราะเห็นเธอมองฝรั่งตัวโตอย่างสงสัย เจฟฟรี่เคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่อเล็กซานเดอร์บุกมาตามหาอัลเบิร์ต แต่ตอนนั้นปอนด์ยังไม่ทันจะได้แนะนำให้ใครได้รู้จักเพราะอเล็กซานเดอร์ทำกร่างค้นหาอัลเบิร์ตทั่วทั้งฟาร์มแล้วก็กลับ

“คนนี้ใครน่ะปอนด์?” เจฟฟรี่ก้มลงกระซิบถามเมื่อญาดาเดินออกไปแล้ว ปอนด์เงยมองแล้วยิ้มบอก

“พี่สะใภ้ ชื่อญาดา หรือพี่ดา”

“อ้อ” เจฟฟรี่พยักหน้ารับรู้ เก็บข้อมูลเอาไว้ในหัว

“เดี๋ยวพาไปหาพ่อกับแม่ พร้อมไหม?” คนตัวเล็กอมยิ้มล้อ เจฟฟรี่กระตุกยิ้มมุมปาก

“จะไม่พร้อมก็เพราะคุณนี่ล่ะที่ระ... ปอนด์” เกือบหลุดไปแล้ว ดีที่ปอนด์ขึงตาใส่

หนุ่มตัวเล็กพายักษ์ตัวโตไปแนะนำให้รู้จักกับพ่อแม่ของตน คุณภาสกร เจ้าของฟาร์มโคนมภาสกร และคุณประภา ผู้เป็นภรรยา เมื่อเห็นว่าลูกชายกลับบ้านก็ดีใจ นานทีปีหนกว่าปอนด์จะกลับบ้านเพราะอยู่ไกลกัน พอลูกกลับมาพร้อมกับเพื่อนฝรั่งตัวโตพ่อกับแม่ก็ออกจะแปลกใจ เมื่อได้รับการแนะนำว่าเป็นเพื่อน พ่อของปอนด์ก็มองเจฟฟรี่เขม็ง ซึ่งเจฟฟรี่ก็ยิ้มให้ท่านอย่างมีไมตรี เอารอยยิ้มเข้าสู้ถึงแม้ว่าใจจะสั่นอยู่นิดหน่อย

“รู้จักกันมานานแล้วหรือ?” เสียงเข้มเอ่ยถามฝรั่งตัวโต

ปอนด์สะกิดให้เจฟฟรี่ตอบ ก่อนจะฉีกยิ้มให้พ่อเมื่อท่านมองมาอย่างสงสัย

“ตั้งแต่เรียนมหา’ลัยครับคุณพ่อ เราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันเลยรู้จักกันครับ” เจฟฟรี่ตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม

“ก็นานแล้วนะ”

“ครับผม”

“ปรกติปอนด์เขาไม่ค่อยพาใครมาที่บ้าน ตั้งแต่อยู่ที่ไทยแล้ว แสดงว่าคงสนิทกันพอสมควร”

สองหนุ่มสะดุ้งในใจกับประโยคเรียบเรื่อยที่คล้ายจะชวนคุยแต่ก็เหมือนกำลังจับพิรุธพวกเขาอยู่กลายๆ ปอนด์เหลือบมองเจฟฟรี่ที่ยังคงรักษาอาการได้ดีอยู่ก็พอจะเบาใจ

“...ประมาณนั้นครับ”

เจฟฟรี่ตอบกลับไปไม่เต็มเสียงนัก ขณะที่ปอนด์นั่งเงียบตลอดการสนทนา พ่อของเขาถามเยอะกว่าตอนพาอัลเบิร์ตมาที่นี่เสียอีก กับอัลเบิร์ตแทบไม่ได้ถามอะไรเลย แค่บอกว่าเป็นเพื่อน พ่อก็แค่รับรู้ตามนั้น แถมยังให้การต้อนรับดีกว่านี้ หรือหน้าเจฟฟรี่มันแปะป้ายเอาไว้ว่าไม่ควรให้การต้อนรับขับสู้กันนี่

“แล้วทำงานทำการอะไรกันล่ะ?” คำถามยังมีมาให้เจฟฟรี่ได้ตอบอีก

“เป็นบอดีการ์ดครับ”

“หือ งานอันตรายไม่ใช่หรือ?”

เจฟฟรี่ชะงักไปเมื่อน้ำเสียงคุณพ่อของปอนด์เปลี่ยนไปจากเดิม เหมือนท่านจะไม่ค่อยชอบใจกับคำตอบของเขานัก ท่านคงไม่อยากให้ลูกมีเพื่อนที่ทำงานอันตรายแบบนี้กระมัง

“เที่ยวให้สนุกแล้วกัน ที่นี่มันคงไม่ได้หรูหราเหมือนบ้านเธอหรอกนะ” คุณภาสกรสรุปจบเมื่อถามไถ่ได้ความมาพอสมควร แม้จะตงิดใจกับหน้าที่การงานของเจ้าหนุ่มฝรั่งตรงหน้าก็ตาม

“ไม่เป็นไรครับ ผมชอบที่นี่เพราะเป็นที่ที่ปอนด์เกิดและเติบโต”

ดวงตาของผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนหรี่มองคนพูด ทำให้ปอนด์สะกิดคนตัวโตที่นั่งยิ้มแป้น อีกฝ่ายกลับยังคงยิ้มอยู่อย่างไม่สนใจว่าเขาจะสะกิด ตาบ้า

“เดี๋ยวแม่ให้เด็กไปทำความสะอาดห้องพักแขกให้ เสร็จแล้วปอนด์ค่อยพาเพื่อนไปพักนะ” คุณประภาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอารี

“ขอบคุณครับแม่”

คุณประภาลุกไปเรียกเด็กให้จัดการปัดกวาดห้องพักแขกใหม่ หาผ้ามาปูเตียง ทั้งหมอนผ้าห่มจัดมาให้เรียบร้อย สองหนุ่มจึงเอ่ยขอตัวกับคุณพ่อเพื่อเอาของขึ้นไปเก็บบนห้องของปอนด์ก่อน

“คุณว่าพ่อจะรู้ไหม?” เจฟฟรี่เอ่ยถามเมื่อเข้ามาในห้องของปอนด์ ดวงตาคมมองการแต่งห้อง คล้ายกับห้องที่อังกฤษ ดูเหมาะกับปอนด์ดี

“แหงล่ะ คุณดันไปพูดให้ท่านสงสัย” ปอนด์ว่า ถอดเสื้อแขนยาวออกแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง

“ผมอยากบอกใจจะขาดว่าไม่ได้เป็นเพื่อนครับแต่เป็นผะ... สามี” คนตัวโตยิ้มเจ้าเล่ห์ ปอนด์เลยเบ้ปากใส่

ปอนด์ลากกระเป๋าที่วางอยู่บนเตียงมาค้นเอาข้าวของออกมา จัดเป็นหมวดแล้วเอาไปเก็บในที่ที่ต้องใช้ ก่อนจะบอกให้เจฟฟรี่ยกกระเป๋าของตัวเองมาบ้าง เขาจะจัดการให้

“วันนี้ใจดีจัง” เจฟฟรี่นั่งลงข้างคนตัวเล็กที่จัดของให้เขาอยู่บนเตียง

“ก็ใจดีทุกวัน”

“จริงอ่ะ?” อีกคนอมยิ้มล้อ ทำให้ตากลมเหลือบขึ้นมามอง

“เดี๋ยวไม่ทำให้เลยนี่”

“โอ๋ ล้อเล่นนิดเดียวเองที่รัก” คนตัวโตเขยิบเข้าไปหา วาดแขนโอบเอวบางแล้วอ้อน ปอนด์ทุบต้นแขนแกร่งแล้วจึงค่อยยิ้มออกมา

ไม่รู้ว่าจะตีเนียนเป็นเพื่อนกันต่อหน้าพ่อแม่ไปได้สักกี่น้ำ ครั้งแรกที่เจฟฟรี่ได้แนะนำตัวให้พ่อแม่ปอนด์รู้จัก แต่ดันเป็นในฐานะเพื่อนเสียนี่ แล้วต่อไปจะบอกพวกท่านอย่างไรหนอว่า... ผมไม่ใช่เพื่อนแต่เป็นสามีปอนด์ครับ คุณพ่อ


--------------


เจฟฟรี่ลงมาจากห้องแต่เช้าตรู่ในวันต่อมา เวลามันเปลี่ยนทำให้เขายังปรับตัวไม่ทัน เห็นคุณพ่อของปอนด์ออกไปที่ฟาร์มเลี้ยงโคนมจึงได้เดินตามไปด้วย ท่านดูทะมัดทะแมงแม้อายุมากแล้ว ฝรั่งตัวโตมาหยุดยืนดูการทำงานของคนในฟาร์มทำให้คนงานซุบซิบกัน คุณภาสกรขมวดคิ้ว ก่อนหันมามองตามสายตาเหล่าคนงานทั้งหลาย เมื่อปะหน้ากันเจฟฟรี่ก็ชะงัก ก่อนเปิดยิ้มแล้วเดินมาหาท่าน

“ตื่นเช้าเหมือนกันนี่” คุณพ่อเอ่ยทัก

“ยังปรับตัวกับเวลาไม่ได้ครับ เลยนอนไม่ค่อยหลับ” เจฟฟรี่ยิ้มบอก มองบรรยากาศรอบๆที่เต็มไปด้วยพื้นที่เขียวขจี และคนงานที่ต่างตั้งใจทำงานของตนอย่างขะมักเขม้น

“สนใจหรือ?” มองตามสายตาเจฟฟรี่แล้วคุณพ่อก็ถาม ทำให้ฝรั่งตัวโตละสายตามามองท่าน

“ก็... อยากลองอยู่เหมือนครับ เผื่อในอนาคตต้องทำฟาร์มโคนม”

“จะเปิดฟาร์มของตัวเองอย่างนั้นหรือ?”

“ไม่เชิงครับ” เจฟฟรี่ยังคงยิ้ม อธิบายอะไรมากมายไม่ได้

“ลองดูสักหน่อยไหมล่ะ ตัวโตแบบนี้น่าจะมีเรี่ยวมีแรงอยู่นะ”

ฟังคำชวนของท่านแล้วก็ดูเข้าที เจฟฟรี่จึงตอบรับไป “ครับ”

คุณภาสกรเรียกหัวหน้าคนงานมาหา ก่อนบอกให้ช่วยสอนงานให้เจฟฟรี่สักหน่อย แนะนำกับทุกคนว่าเป็นเพื่อนของลูกชาย แต่ใช้ได้ไม่ต้องเกรงใจ เพราะคนเขาใฝ่อยากทำงานแบบจริงจัง เมื่อมีโอกาสได้ทำเจฟฟรี่ก็ตั้งอกตั้งใจเป็นอย่างมาก พยายามใช้ภาษาที่ตนเองพอรู้มาสื่อสารกับคนงาน หัวหน้าคนงานพูดอังกฤษพอได้ แต่กับคนอื่นเขาคงรัวอังกฤษแบบไฟแลบใส่ไม่ได้ จึงพยายามตั้งใจฟังแล้วทำตาม

คุณภาสกรมองฝรั่งตัวโตที่สนอกสนใจงานในฟาร์มแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก จะไปได้สักกี่น้ำกัน คงนึกสนุกเพียงครั้งคราว อย่าได้นึกดูถูกงานของพวกเขาเชียว เห็นว่ามันง่ายดายเลยอยากลองท่านก็ปล่อยให้ได้ลองจนสมใจ

ปอนด์เดินหน้าบูดมาหาผู้เป็นพ่อที่ยืนอยู่ใต้ร่มไม้ใกล้โรงเลี้ยงวัว สายตาสะดุดเข้ากับยักษ์บ้าก็บ่นพึมพำ “มาอยู่นี่เอง”

“ตามหาเพื่อนหรือปอนด์?” คุณพ่อหันมาถามไถ่

“อ่ะ... ครับ นึกว่าหายหัวไปไหน แล้วนี่...”

มองเจฟฟรี่ที่ขะมุกขะมอมอยู่ในโรงเลี้ยงวัวแล้วก็ทำหน้าแหย เพราะคนงานสอนให้กวาดมูลวัวใส่รถเข็นไปที่โรงเก็บมูลเพื่อทำปุ๋ยไว้ใส่ต้นไม้ ทั้งยังขายได้ราคา ก่อนจะพากันล้างคอกวัวแต่ละคอกเพื่อสุขลักษณะที่ดี ที่ฟาร์มภาสกรจะล้างโรงเลี้ยงวัวเดือนละสองครั้ง แต่การเก็บมูลวัวจะเก็บทุกวัน บนพื้นปูนนั่นถูกปูด้วยฟางแห้งเพื่อให้วัวขับถ่ายไว้บนนั้นเวลาเก็บจะได้เก็บง่ายไม่เลอะติดพื้น ส่วนการล้างจะไม่ทำบ่อยเดี๋ยววัวจะไม่ชินกลิ่น วันนี้ไม่ใช่วันที่ต้องล้างโรงเลี้ยง แต่เพราะถือเป็นการสอนงานเจฟฟรี่วันนี้จึงให้หัดล้างตามคำสั่งของเจ้าของฟาร์ม

“เขาเข้าไปทำอะไรในคอกวัว?” ปอนด์คิ้วขมวด

“เขาว่าในอนาคตอยากทำฟาร์ม พ่อเลยให้ลองฝึกงานกับลูกน้องพ่อดู”

คุณภาสกรเป็นคนตอบคำถามนั้น เห็นท่านยิ้มในสีหน้าปอนด์ก็มองอย่างแปลกใจ นี่เข้ากันได้แล้วหรือ? หรือที่เจฟฟรี่ต้องไปล้างคอกวัวแบบนั้นเป็นเพราะถูกพ่อของเขาแกล้ง? แต่คงไม่หรอกน่า ท่านออกจะใจดีมีเมตตา คงอยากสอนงานให้เจฟฟรี่นั่นล่ะนะ

หลังจากเจฟฟรี่ได้เรียนรู้งานจนครบทุกขั้นตอนไม่มีขาดมีเหลือ เสร็จจากล้างคอกก็ไปดูการหมักปุ๋ย มีหัวหน้าคนงานประจำอยู่ที่นั่นช่วยสอนงานเขาเสียดิบดี หมักปุ๋ยเสร็จได้นั่งพักครู่หนึ่งก็เข้าไปดูเขาใช้รถเกี่ยวหญ้าสดที่ปลูกเอาไว้อีกฝั่งหนึ่งของฟาร์มมาให้วัวกิน ต้องช่วยเขาขนมาที่คอกแล้วโกยใส่กระบะด้านหน้าแต่ละคอกจนกระทั่งครบอีก เท่านั้นก็ยังไม่จบสิ้นกระบวนการเพราะคุณภาสกรให้ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนพาไปดูที่โรงงานผลิตนมสดส่งขาย ทั้งยังวิธีการแปรรูปนมให้เป็นผลิตภัณฑ์พร้อมบริโภคหลากรูปแบบ วันเดียวครบ เกือบจะจบทุกสิ่ง เหลือแต่ยังไม่ได้นั่งรถไปส่งนมเท่านั้นเอง

“เป็นไงบ้างเจฟฟรี่ สนุกเลยสิ”

เจฟฟรี่เหลือบตาขึ้นมองคนที่โน้มก้มอยู่เหนือตัวเขาที่นอนแผ่บนเก้าอี้ยาวแล้วลากเสียงตอบ

“มากกก”

ปอนด์หัวเราะ นั่งลงข้างๆเมื่อเจฟฟรี่ขยับลุกขึ้นนั่งแทนการนอนเอกเขนก

“นี่คุณพ่อโกรธอะไรผมหรือเปล่า ใช้ซะคุ้มเลย”

“เธอเป็นคนอยากลองทำเองไม่ใช่หรือเจฟฟรี่?”

เสียงเข้มที่เริ่มคุ้นดังมาให้ได้ยิน เจฟฟรี่ตัวชา แทบไม่ต้องหันไปมองทางต้นเสียงก็รู้ว่าใคร “คุณพ่อ...”

“ฉันไม่นึกว่าความหวังดีของฉันจะถูกมองเป็นอื่นไปแบบนี้ ถ้ารู้ว่าเธอคิดแบบนี้แต่แรกคงไม่ให้เธอทำ” สีหน้าคุณภาสกรดูเรียบเฉย แต่คำพูดที่แฝงแววเคืองขุ่นนั่นทำให้เจฟฟรี่นั่งไม่ติด

“คุณพ่อครับ คือผม...” อยากที่จะอธิบายแต่มันก็คงเป็นการแก้ตัว เมื่อท่านหันหลังแล้วเดินจากไปเจฟฟรี่ก็ยืนเคว้ง

“ปอนด์...”

“หา...” ปอนด์ขานรับด้วยเสียงล่องลอย รู้สึกไม่ต่างจากเจฟฟรี่เลยตอนนี้

“ทำไงดี...?”

ยักษ์ตัวโตหันมาขอความคิดเห็นด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ปอนด์ยิ้มเจื่อน ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร การพบกันครั้งแรกของเจฟฟรี่และครอบครัวปอนด์ ดูๆไปแล้วก็ช่างไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย

เวลาอาหารค่ำ ครอบครัวพี่ชายของปอนด์ก็มาร่วมโต๊ะด้วย พวกเขาอยู่ไร่ข้างๆนี่เอง เป็นไร่ส้มของญาดา พี่สะใภ้ของปอนด์ เมื่อธนัส พี่ชายปอนด์แต่งงานจึงได้เข้าไปจัดการดูแลไร่ส้ม ถึงแม้จะบอกว่าอยู่ติดกันแต่ก็ต้องขับรถไปมา เพราะอาณาบริเวณแสนกว้างของฟาร์มภาสกรและไร่ส้มของพี่สะใภ้ปอนด์

พี่ชายของเขามีลูกชายหนึ่งคนชื่อน้องฌาน น้องฌานเป็นเด็กน่ารักแต่ไม่ค่อยช่างพูดเหมือนเด็กวัยเดียวกันสักเท่าไรนัก เห็นพวกเขามีครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมแล้วปอนด์ก็ยินดีด้วย

ระหว่างมื้ออาหาร ผู้เป็นพ่อนั่งหน้าบึ้งตึงอยู่หัวโต๊ะ ไม่พูดไม่จากับใคร ขณะที่แขกของบ้านอย่างเจฟฟรี่ก็ถูกเอาใจจากครอบครัวปอนด์ ชวนชิมอาหารสารพัดอย่างบนโต๊ะกันใหญ่ แต่เจฟฟรี่ที่ทานเผ็ดนักไม่ได้เพราะอย่างไรเสียก็ลิ้นฝรั่งทำให้เลี่ยงถ้วยน้ำพริกบนโต๊ะจนคุณพ่อของปอนด์เริ่มสังเกตเห็น

“พวกมีเหลือกินเหลือใช้ ก็เลือกกินกันไป”

ทั้งโต๊ะชะงักกึกเมื่อคุณพ่อว่ากระทบใครบางคนขึ้นมา เหลือบมองเจฟฟรี่ก็ดูท่าจะฟังออกทำให้ฝรั่งตัวโตหน้าเจื่อนไป

“คุณคะ” คุณประภาปรามสามีเมื่อเห็นท่าว่าอาหารบนโต๊ะจะกร่อยเอา

“ฉันมั่นใจนะว่าคุณภาทำอาหารอร่อยทุกอย่าง หรือเธอว่าไงเจฟฟรี่?” ท่านเอ่ยถามเสียงเรียบ

ธนัสหันมามองน้องชายที่นั่งอยู่ข้างตนอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพ่อกับเพื่อนของน้องหรือเปล่า คนเป็นน้องก็ได้แต่ยิ้มแห้ง

“ครับ คุณแม่ทำอาหารอร่อย” เจฟฟรี่ตอบกลับไปอย่างจริงใจ

“แล้วทำไมเธอไม่ชิมให้มันครบทุกอย่าง หรือที่จริงแล้วไม่ชอบ แค่พูดเอาใจ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ” ฝรั่งตัวโตรีบปฏิเสธ

ปอนด์เองก็ทำตัวไม่ถูกเมื่อพ่อมาบทโหดแบบที่เขาไม่ค่อยได้เจอบ่อยนัก ได้แต่มองเจฟฟรี่ด้วยความเห็นใจ มือเรียวเอื้อมไปกุมมือใหญ่อย่างให้กำลังใจกันที่ใต้โต๊ะ เจฟฟรี่กลืนน้ำลายหนืดคอเมื่อมองถ้วยน้ำพริก คุณพ่อเองก็กำลังจ้องเขาอยู่ ชายหนุ่มตัดสินใจค่อยเอื้อมไปตัก นั่นทำให้ปอนด์ตาโต แต่จะห้ามก็ไม่ได้ ได้แต่ส่งสายตาอ้อนวอนไปให้คุณพ่อเห็นใจ แต่อีกฝ่ายกลับทำไม่เห็นจนปอนด์หน้าม่อย

เจฟฟรี่ค่อยคลุกข้าวกับน้ำพริกสีสันจัดจ้าน หยิบผักมาแนมแล้วตักเข้าปาก ทุกคนบนโต๊ะต่างลุ้นไปกับเขาด้วย สิ่งที่ทานเข้าไปมันอร่อยก็จริง แต่เพียงลิ้นสัมผัสกับความเผ็ดร้อนเขาก็แทบเคี้ยวต่อไม่ไหวได้เพียงพยายามกลืนมันลงไปให้ได้ คุณแม่ของปอนด์มองคุณพ่อแล้วส่ายหน้า ส่งเหยือกน้ำให้ปอนด์เอาไว้เติมให้เพื่อนที่หูแดงตาแดง จนแทบจะแดงไปทั้งหน้าแล้วตอนนี้

“กินไม่ได้แต่ยังฝืนกิน แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ?”

ทุกคนพากันเงียบ ไม่มีใครกล้าแย้งคุณพ่อได้ อาหารมื้อนี้กร่อยอย่างที่คุณแม่คิดเอาไว้ไม่มีผิด ทานข้าวเสร็จคงต้องต่อว่ากันสักหน่อยกับคนแก่หัวรั้น ไปแกล้งเด็กมันทำไมไม่รู้สิน่า

เมื่อทานข้าวเสร็จเจฟฟรี่ก็ขึ้นห้องมากับปอนด์เพื่อบ้วนปากล้างคอในห้องน้ำ มันเผ็ดปากเจ่อไปหมด ชายหนุ่มเดินออกมาข้างนอกแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของปอนด์

“ปอนด์ ปวดท้อง...”

ปอนด์รีบก้าวมาหาเมื่อคนตัวโตทำเสียงเสียน่าสงสาร

“คุณ นี่ยา ลุกขึ้นมากินเร็ว”

เจฟฟรี่ยกแขนขึ้นให้คนตัวเล็กช่วยดึงลุกขึ้นมากินยา

“ปากเจ่อหมดเลย” นิ้วเรียวจิ้มปากของอีกคนเบาๆ

“ยังมาขำผมอีก ทรมานสุดๆ” เจฟฟรี่ว่า ส่งแก้วน้ำคืนคนรักเมื่อกินยาเสร็จ

“ไม่ไหวแล้วคุณกินทำไมเล่า ถึงกินไปก็ไม่ได้ใจพ่อผมหรอกนะ คุณนั่นแหละที่จะลำบาก”

คนตัวโตนั่งเงียบ เห็นแล้วก็สงสารเหมือนกันนะนี่

“ปวดมากไหม?” เอ่ยถามเสียงอ่อน

“อือ”

ตัวบางนั่งเกยตัก ซึ่งอีกคนก็โอบเอวไว้หลวมๆ

“ขอโทษนะเจฟฟรี่”

“ไม่ใช่ความผิดคุณสักหน่อย ผมดันทุรังเอง” เจฟฟรี่ยิ้มบาง ช้อนมือเรียวขึ้นมาจูบเบาๆ

“คุณไปนอนพักนะ นอนนิ่งๆ มันจะได้หายปวดท้อง เดี๋ยวยาก็ออกฤทธิ์” คนตัวเล็กบอกอย่างห่วงใย

“ขอจูบราตรีสวัสดิ์ที” เอ่ยอ้อนเสียงเบา ปลายจมูกโด่งแตะจมูกคนบนตัก

“ให้สองทีเลย” ปอนด์ว่า

“จริงอ่ะ?”

“จริง เพราะวันนี้คุณทำตัวดี”

“ว้าว แบบนี้ทำทุกวันเลยดีกว่า”

ริมฝีปากหนาค่อยเลื่อนเข้าไปแตะจูบปากอิ่ม ปอนด์ยิ้ม ริมฝีปากค่อยเบียดบดกันช้าๆ...

“คุณพระ!”

เสียงอุทานนั่นทำให้ทั้งสองคนหันขวับไปมอง

“แม่!!”

ต่างฝ่ายต่างอึ้ง ปอนด์ก้มมองสภาพตัวเองที่นั่งเกยบนตักเจฟฟรี่แล้วก็รีบลุกขึ้น คุณแม่เองเมื่อได้สติก็รีบปิดประตู เดี๋ยวได้มีใครมาเห็นเข้าอีก ท่านว่าจะมาถามไถ่อาการของเพื่อนลูกชายสักหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง หากยังไม่ดีขึ้นจะได้หาหยูกยามาให้ ไม่นึกว่าจะเข้ามาเห็นภาพแบบนี้เลยจริงๆ

“แม่...” ปอนด์หน้าจ๋อย ค่อยเดินเข้าไปหาคุณแม่

“โอย แม่จะเป็นลม”

หนุ่มตัวเล็กตกใจ รีบพยุงท่านมานั่ง เจฟฟรี่เองก็ลุกมาหาทั้งคู่ด้วย

“แม่” ปอนด์นั่งลงข้างคุณแม่ จับมือท่านแล้วเอ่ยเรียกเสียงเบา

“นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไงหื้อ เราสองคนไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรอกรึ?”

“คือ...” ปอนด์อึกอัก หันมามองเจฟฟรี่ที่หน้าซีดเพราะปวดท้อง ก่อนจะเป็นคนเปิดปากสารภาพความจริงกับคุณแม่เอง “ที่จริงเรา... คบกันอยู่ครับแม่”

“ตายจริง แล้วทำไมถึงมาบอกแม่ว่าเป็นเพื่อนกันล่ะปอนด์ นี่ลูกเล่นสนุกอะไรกัน?”

“ปอนด์เปล่าเล่นสนุกนะครับ ก็... ก็ปอนด์กลัวพ่อกับแม่รับไม่ได้ เลยอยากให้เจฟฟรี่เขามาสร้างความคุ้นเคยกับครอบครัวเราก่อน...” ยิ่งพูดเสียงปอนด์ก็ยิ่งเบาลงเรื่อยๆ ตากลมหลุบมองต่ำ หลบสายตาของคุณแม่ที่มองมา

“แม่โกรธปอนด์หรือครับ ปอนด์ขอโทษ”

“จะโกรธก็เพราะปอนด์ไม่คิดเชื่อใจพ่อแม่นี่ล่ะ พูดกันดีๆแม่ก็เข้าใจ นี่อะไร มาหลอกกันได้ ให้แม่มาเห็นเองแบบนี้หัวใจจะวายตาย” ท่านบ่น

“ปอนด์ขอโทษ” บอกกับท่านเสียงออด สีหน้ารู้สึกผิดจนคุณแม่โกรธไม่ลง

“คบกันมานานแค่ไหนแล้ว?” ท่านเอ่ยถามอย่างจริงจัง

“เริ่มคบกันตอนเรียนปีสามเทอมสุดท้ายครับ”

คุณแม่ถอนใจเบา “แม่ก็ไม่เข้าใจความสัมพันธ์แบบนี้หรอกนะ หวังก็แต่ว่าพวกเราสองคนจะไม่ได้คบกันเล่นๆเพื่อรอวันเลิกรากันไป”

“ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่ครับคุณแม่ ผมจริงจังกับปอนด์ พวกเราคาดหวังที่จะมีอนาคตที่ดีร่วมกัน” เจฟฟรี่เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้างเพื่อแสดงความจริงใจให้ท่านได้รับรู้ ปอนด์หันมามองคนตัวโตอย่างขอบคุณ

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี ปอนด์ก็โตแล้ว แม่ก็ไม่อยากพูดมากนอกเสียจากว่าให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ”

“ขอบคุณครับแม่ที่ไม่โกรธปอนด์”

“จะไปโกรธเราได้หรือ อ้อนเก่งก็เท่านั้น เดี๋ยวแม่ก็ได้ใจอ่อนไปกับเราอีก” ท่านค้อนให้วงใหญ่

ปอนด์ยิ้มกว้างก่อนกอดท่าน “รักแม่ที่สุดเลย”

“นั่น พูดไม่ทันขาดคำก็ออดอ้อนแม่เสียแล้ว”

“แหม รักแม่จริงๆนะครับ”

“จ้าๆ”

สองแม่ลูกกอดกันกลมเกลียว คุณแม่คือคนที่เข้าใจเขาเสมอ เขาไม่น่ามองข้ามความรู้สึกของท่านแบบนี้เลย ท่านเป็นคนใจดีถึงได้ไม่โกรธลูกชายโง่เง่าแบบเขา และอย่างน้อยตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนก็มีคุณแม่คนหนึ่งล่ะที่พร้อมจะเข้าใจมัน


--------------


เช้าตรู่ของวันใหม่ คุณภาสกรยังลงมาทำงานในฟาร์มด้วยตัวเองเช่นทุกวัน เจฟฟรี่เดินมาที่ฟาร์มเพื่อขอทำงานเช่นเมื่อวานนี้ อยากที่จะเรียนรู้จริงๆ เพียงแต่เขาเพิ่งเริ่มต้น อาจมีบ่นบ้างก็ขออย่าได้ถือสา

“เห็นว่าปวดท้อง หายแล้วเรอะ” มองเจ้าหนุ่มฝรั่งตัวโตแล้วคุณภาสกรก็ถามไปอีกทาง

เจฟฟรี่ยิ้มก่อนตอบ “ดีขึ้นแล้วครับ เมื่อวานคุณแม่หายามาให้กิน วันนี้เลยไม่ปวดแล้ว”

“ไม่พักสักหน่อยล่ะ เธอมาเที่ยวไม่ใช่หรือ ไม่ต้องมาจริงจังกับมันมากนักก็ได้” ท่านว่า ใช้คราดตักหญ้าจากรถเข็นลงไปบนรางอาหารให้โคนม

“ถ้าคุณพ่อจะกรุณาสอนผม ผมจะยินดีมากครับ การมาเที่ยวของผมคงไม่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์”

สายตาดุอันเป็นเอกลักษณ์ปรายมามองหน้าฝรั่งตัวโตที่ยังคงยิ้มละไม

“ถ้าทนได้ก็เอา” ท่านว่าอย่างนั้น

เจฟฟรี่ยิ้มกว้าง กุลีกุจอเข้ามาช่วยใหญ่ แต่คุณพ่อปอนด์กลับไม่ให้ให้อาหารวัว หน้าที่ประจำของเจฟฟรี่คือกวาดมูลวัวไปโรงปุ๋ย หนุ่มฝรั่งชะงัก ก่อนจะยิ้มแล้วมุ่งหน้าสู่การกวาดมูลของน้องวัวที่น่ารัก

“ดูท่าว่าพ่อจะได้ผู้ช่วยคนใหม่แล้ว” คุณประภาที่มองอยู่ไกลๆพูดกับปอนด์ที่ยืนอยู่ข้างกัน

ปอนด์อมยิ้ม “ถ้าพ่อคิดแบบนั้นจริงๆก็ดีสิครับ”

เขาขับรถพาแม่มาที่ฟาร์มพร้อมอาหารสำหรับคนงาน ฟาร์มกับบ้านอยู่ไม่ไกลกันนักหากเดินมาตัวเปล่าคงถือเป็นการออกกำลังกายที่ดี แต่หากจะยกของมาคงมีลิ้นห้อยกันบ้าง

ตลอดช่วงเวลาใน ‘การมาเที่ยวบ้านเพื่อน’ ของเจฟฟรี่ ฝรั่งตัวโตก็เป็นลูกมือช่วยคุณพ่อของปอนด์ทำงานทุกวัน วันแรกๆอาจจะเหนื่อยเพราะนอนไม่ค่อยหลับเนื่องจากปรับเวลาไม่ได้ แถมมาถูกใช้งานหนักเลยมีแอบบ่นจนคุณพ่อเคือง แต่หลังๆเริ่มรู้ทาง ทั้งยังเหนื่อยจากงานในฟาร์มทำให้นอนหลับแบบไม่ต้องสนเรื่องเวลาและยังทำหลายอย่างได้ดีขึ้น ส่วนตัวคุณพ่อของปอนด์เองก็ยังคงดูเขม่นเจ้าหนุ่มฝรั่งเพื่อนลูกชายอยู่ในที แต่เจฟฟรี่ก็ไม่เก็บมาใส่ใจมากนัก คิดว่าหากเขาทำตัวดี สักวันท่านคงเอ็นดูไปเอง

ปอนด์มานั่งเล่นที่ห้องพักแขกที่ยักษ์บ้าอยู่ บนโต๊ะทานข้าววันนี้พ่อของเขาไม่แกล้งเจฟฟรี่ให้ต้องกินอะไรที่ไม่ชอบ นั่นถือเป็นพัฒนาการที่ดี เพราะคงเป็นผลพลอยจากการที่เจฟฟรี่คอยป้วนเปี้ยนวนเวียนช่วยงานท่าน

“อยากไปหาอัลเบิร์ตจัง” ปอนด์เท้าคางบ่นเบาๆ เมื่อเจฟฟรี่ที่อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยแล้วเดินมาทิ้งตัวนอนตะแคงหันหน้ามาทางเขาที่นั่งอยู่บนเตียง

“ไปกันไหม ก่อนกลับอังกฤษแวะไปเยี่ยมอัลบ้างก็ดีนะ” เจฟฟรี่เสนอ

“ได้ที่ไหนล่ะ ผมไม่แน่ใจว่าอเล็กซ์ให้คนแอบตามคุณมาหรือเปล่า เดี๋ยวได้เป็นคนพาให้หมอนั่นได้เจออัลเบิร์ตพอดี”

“คิดมาก” คนตัวโตว่า

“ต้องคิดสิ ปลอดภัยไว้ก่อน”

เจฟฟรี่ส่ายหน้ายิ้มๆ

“เออนี่ วันนี้ผมเห็นคุณไปช่วยพ่อผมทำงานอีกแล้ว ดีกันแล้วหรือ?” ปอนด์เขยิบเข้ามากลางเตียงแล้วนอนลงข้างๆพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ไม่รู้สิ ท่านยังดูเขม่นผมอยู่เลย แต่คิดว่าถ้าเอาหน้าไปให้ท่านเห็นบ่อยๆท่านอาจจะชินไปเองก็ได้”

“ความคิดดี” นิ้วเรียวปัดจมูกโด่งเบาๆอย่างเย้าหยอก

“มีรางวัลไหม?” อีกคนอมยิ้มเจ้าเล่ห์ รั้งเอวบางเข้ามาหา

“ไม่ เดี๋ยวได้มีใครโผล่มาเห็นอีก”

“นั่นสิ”

นึกถึงวันที่คุณแม่มาเห็นฉากเด็ดแล้วก็ไม่อยากเสี่ยง ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ ทุกอย่างกำลังไปได้สวย คิดว่าอย่างนั้นนะ


----------------


เมื่อถึงวันกลับคุณภาสกรและคุณประภาก็มาส่งลูกชายที่สนามบิน ผู้เป็นแม่รู้สึกใจหาย ได้อยู่ด้วยกันเห็นหน้าทุกวันจนเริ่มชิน คิดหาอาหารการกินดีๆมาทำให้ลูกได้ทานทุกวัน พอปอนด์กลับไปที่โน่นแล้วท่านคงเหงา กว่าลูกจะกลับไทยอีกทีก็คงเป็นปีโน่นเลย

“ดูแลตัวเองดีๆนะลูก กว่าจะได้กลับมาอยู่บ้านก็อีกเป็นปีๆ แม่ล่ะเป็นห่วง”

“ไม่ต้องห่วงปอนด์หรอกครับ ปอนด์ต่างหากที่ต้องห่วงแม่ ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ ทั้งคู่เลย”

พ่อวางมือบนศีรษะลูกชาย ก่อนจะหันมาทางเจฟฟรี่ ท่านส่งสมุดเล่มหนึ่งให้ เจฟฟรี่เลิกคิ้วแล้วรับมา มันเป็นสมุดที่พ่อเขียนเกี่ยวกับสิ่งสำคัญต่อการทำฟาร์มให้เจริญก้าวหน้า ทั้งเคล็ดลับดีๆที่พ่อเคยปฏิบัติมาก่อน

“อยากทำฟาร์มมันต้องหนักเอาเบาสู้ ถ้าแค่เจองานหนักเข้าหน่อยก็บ่นเธอคงทำฟาร์มไม่ได้ มัวแต่เดินสวยหล่อไปวันๆแล้วใจไม่สู้ ความสำเร็จก็ไม่มีทางมาหาเธอ”

“คุณพ่อ...” เจฟฟรี่คราง ซาบซึ้งใจ

“เลิกทำสายตาแบบนั้นใส่ฉันเสียที ขนลุกจะแย่”

ปอนด์มองทั้งสองคนคุยกันแล้วก็หัวเราะ ดูเหมือนพ่อของเขาจะเริ่มเปิดใจให้ยักษ์บ้าของเขาบ้างแล้ว การมาพบครอบครัวเขาครั้งนี้มันก็ไม่ได้เลวร้ายเสียทีเดียวนะ ฝรั่งขี้นก

--------------
ต่อด้านล่างค่ะ :man1:

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

เจฟฟรี่และปอนด์กลับมาทำงานที่อังกฤษ ปอนด์ยังคงทำงานที่ร้านแพททริก ขณะเจฟฟรี่ที่เพิ่งกลับมาก็ต้องไปไทยกับอเล็กซานเดอร์อีก เพราะอีกฝ่ายหาอัลเบิร์ตเจอแล้วจากการส่งข่าวของเกวนที่บังเอิญไปพักที่นับตะวัน ปอนด์ที่รู้เรื่องนั้นก็ออกจะขัดใจอยู่หน่อยๆ แต่ก็ถือว่าน่าพอใจในระดับหนึ่งเพราะอเล็กซานเดอร์ก็รอมาตั้งหลายปี หวังว่าจะคิดได้บ้าง

ช่วงเวลาหลังจากนั้นปอนด์ก็ได้พาเจฟฟรี่กลับไปเยี่ยมครอบครัวกับตัวเองทุกปี ฝรั่งตัวโตก็ดูจะเข้ากับครอบครัวของเขาได้มากขึ้น คุณแม่ท่านก็ไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้เพราะรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่แล้ว คงมีแต่คุณพ่อที่ปอนด์ยังไม่ได้บอก เจฟฟรี่บอกว่าท่านดูจะยังเขม่นเขาเหมือนเคย หรือที่จริงแล้วท่านรู้แต่อาจกำลังรอเวลาให้พวกเขาเป็นฝ่ายบอกอยู่ก็เป็นได้

บางครั้งวันหยุดเจฟฟรี่ก็พาปอนด์ไปที่บ้านของตนเองบ้าง สำหรับปอนด์แล้วเจฟฟรี่แนะนำกับครอบครัวว่าเป็นคนรักไม่ได้ปิดบัง เขาไม่คิดว่าจะมีใครสนใจเขานักหรอก แต่ปอนด์ก็ยังถูกจับตามองจากครอบครัวของเขาอยู่ดี

“นายเป็นไงบ้างอัล สบายดีใช่ไหม หลานฉันล่ะ โตเป็นหนุ่มหรือยังนี่?”

ปอนด์โทรทางไกลถึงอัลเบิร์ตเพื่อนรัก เมื่ออเล็กซานเดอร์หาตัวเพื่อนเขาพบแล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังที่อยู่ของเพื่อนอีก เวลากลับบ้านที่ไทยทุกครั้งก็จะไปหา ตอนนี้อัลเบิร์ตรับเด็กมาเป็นลูกบุญธรรม เขาเลยกลายเป็นคุณลุงไปเสียแล้ว ทั้งที่อยากให้เด็กมันเรียกอามากกว่าแต่มันกลับไม่ยอมเรียก เขาจึงต้องเลยตามเลย กลายเป็นคุณลุงทั้งที่เพิ่งสามสิบกว่า

“โตอะไร เพิ่งอยู่ชั้นประถม” เสียงเพื่อนตอบกลับมากลั้วหัวเราะ

“เด็กสมัยนี้โตไว แป๊บๆเป็นหนุ่มละ เดี๋ยวไว้มีวันหยุดคราวหน้าฉันกลับไทยจะไปเยี่ยมนะ” ปอนด์บอก ฟังเสียงเพื่อนดูสดใสขึ้น อเล็กซานเดอร์คงคิดได้และดูแลเพื่อนเขาดีกว่าเมื่อก่อน เห็นแบบนี้แล้วปอนด์ก็ค่อยวางใจได้หน่อย

“ยินดีต้อนรับเสมอ คิดถึงนายมากเลยปอนด์”

ปอนด์ยิ้ม คิดถึงเพื่อนไม่ต่างกัน “พ่อยอดขมองอิ่มของฉัน เดี๋ยวกลับไปจะให้จูบสองที”

“จูบใครฮันนี่?”

เจฟฟรี่ที่เดินออกจากห้องน้ำมาทันได้ยินเสียงเมียรักคุยโทรศัพท์จึงเอ่ยถามมา ปอนด์หันไปมองคนที่เดินเช็ดผมเข้ามาหาแล้วยิ้มบอก

“คุยกับอัล ผมว่าจะไปเยี่ยมเขา เจ้านายคุณน่าจะมีน้ำยามากกว่านี้สักหน่อยนะ ถ้าพาอัลเบิร์ตมาที่อังกฤษได้จะขอบคุณมาก”

“เขาก็พยายามอยู่นะ” เจฟฟรี่ว่า พลางนั่งลงข้างคนตัวเล็ก

“รอความพยายามของอเล็กซ์ ผมว่าผมไปหาอัลเบิร์ตเองยังง่ายกว่า”

ปอนด์บิดปากแล้วกลอกตาอย่างไม่เชื่อน้ำยาของผู้ชายที่ชื่ออเล็กซานเดอร์ เฟอร์ริงตัน ได้ยินเสียงอัลเบิร์ตหัวเราะเบาๆ หนุ่มตัวเล็กเลยเอ่ยแซวกลับไป

“อะไร หรือนายว่าไม่จริง?”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” ปลายสายตอบกลับมา ที่ปอนด์พูดก็ไม่ได้ผิดจากความเป็นจริงนัก

วางสายจากเพื่อนแล้วปอนด์จึงหันมาสนใจคนตัวโตที่ลุกไปใส่เสื้อผ้า มองแผ่นหลังกว้างนั้นนิ่ง เขากับเจฟฟรี่คบกันมานานหลายปี ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันแบบจริงๆจังๆ นอกจากงอนกันไปเรื่อยเปื่อย ถือว่าพวกเขาเป็นคู่ที่เข้าใจกันที่สุดแล้ว ปอนด์เคยคิดถึงเรื่องอนาคต ก่อนนี้ที่ยังไม่ได้รู้จักกับเจฟฟรี่เป้าหมายของเขาคือเรียนจบแล้วทำงานอยู่ที่อังกฤษสักพักก่อนกลับไปอยู่ที่เมืองไทย เมื่อได้คบกันเป้าหมายของเขาไม่ได้เปลี่ยน เพียงแต่เพิ่มบางอย่างเข้ามาคือ... เขาอยากอยู่กับเจฟฟรี่ อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบจริงๆจังๆ ไม่ใช่ไปๆมาๆตามแต่เวลาจะเอื้ออำนวย แต่เรื่องที่คิดอยู่ก็ไม่เคยได้พูดกับอีกคน เพราะรู้ว่าฝ่ายนั้นรักงานที่ทำ คงเห็นแก่ตัวเกินไปหากจะบอกให้เลิกทำงานที่รัก

เจฟฟรี่หันมามองเมื่อรู้สึกว่ามีคนกำลังจ้องมองเขาอยู่ ปอนด์ชะงัก ก่อนจะยิ้มไปให้เหมือนไม่มีอะไร คนตัวโตเดินมาหา นั่งลงตรงหน้าแล้วยื่นหน้าเข้ามาเพื่อมองตากลมในระยะใกล้

“กำลังคิดอะไรอยู่?” เอ่ยถามเมื่อรู้สึกว่าคนตัวเล็กมีเรื่องกังวล

“เปล่านี่ ทำไมถึงคิดว่าผมคิดอะไรอยู่ หน้าผมบอกแบบนั้นหรือ?”

“เปล่า แต่ผมรู้สึกได้”

“แหม เซนต์ดี”

“หึๆ” เจฟฟรี่หัวเราะในลำคอ รั้งร่างเล็กเข้ามากอด

“อารมณ์ไหนนี่?” เอ่ยถามอย่างแปลกใจ ขณะที่ริมฝีปากอมยิ้มน้อยๆ

“อารมณ์อยากกอด”

“...?” ถึงจะงงแต่ปอนด์ก็กอดร่างสูงใหญ่ตอบ เบียดตัวเข้าหาความอบอุ่นของอ้อมแขน อยากอยู่ด้วยกันมากกว่านี้อีกเจฟฟรี่ ผมจะบอกคุณอย่างไรดี

เจฟฟรี่หลุบสายตามองคนในอ้อมแขน ยังมีเรื่องที่เขาไม่ได้บอก แต่คิดว่าปอนด์คงดีใจหากได้รู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ อีกไม่นานหรอกที่รัก รอผมหน่อยนะคนดี...


---------------


จนเมื่อปอนด์ได้กลับมาที่ไทยอีกครั้งก็มาหาอัลเบิร์ตที่รีสอร์ตนับตะวัน เจฟฟรี่ก็อยู่ที่นั่นเพราะอเล็กซานเดอร์ก็มาหาอัลเบิร์ตด้วย และการมาครั้งนี้ทำให้ปอนด์ได้รู้ว่ายักษ์บ้ากำลังจะทำให้สิ่งที่เขาคิดเป็นจริง เมื่อได้คุยกับเพื่อนอย่างอัลเบิร์ตแล้วอีกฝ่ายแอบกระซิบให้ฟัง ปอนด์วิ่งลงบันไดมากอดคนตัวโตที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่หน้าบ้านของอัลเบิร์ต คนถูกกอดงงว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะส่งสายตาปรามลูกน้องที่มองมา ทำให้พวกนั้นหันไปคนละทิศทาง ไม่มองสองหนุ่มที่กอดกันกลมอยู่ตอนนี้

“ตาบ้า ทำไมไม่บอกกันบ้าง” ปอนด์ต่อว่า

“เรื่องอะไรครับยาหยี?”

“อัลเบิร์ตบอกว่าคุณจะเลิกเป็นบอดีการ์ดแล้วมาอยู่กับผมใช่ไหม ไม่ได้หลอกให้ผมดีใจเล่นใช่ไหม?”

เจฟฟรี่เลิกคิ้ว รู้แล้วหรือ มองสายตาคาดคั้นจากคนตัวเล็กแล้วเขาก็ระบายยิ้มอ่อนพลางบอกเสียงนุ่ม

“เรื่องจริงครับ แต่ขอเวลาหน่อยนะ ต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน”

ปอนด์พยักหน้ารับหงึกหงัก เอาอย่างไรก็ได้ ขอแค่ได้อยู่ด้วยกัน แขนเรียวกอดเจฟฟรี่แน่นเข้าแล้วพึมพำอุบอิบอยู่ข้างหู

“โคตรดีใจ”

“ขนาดนั้นเลย?” เจฟฟรี่หัวเราะ กอดตัวบางที่ใช้ขาเกี่ยวเอวเขาเอาไว้ ยิ่งกว่าอุ้มลูกลิงเลยท่านี้

ขณะที่อเล็กซานเดอร์ยังอยู่ที่รีสอร์ตของอัลเบิร์ต ปอนด์ก็ถือโอกาสนี้พาเจฟฟรี่กลับมาที่ฟาร์มภาสกรด้วยกัน ไม่ว่ากี่ครั้งที่ได้มาที่นี่เจฟฟรี่ก็ยังตื่นเต้นเสมอ มือเรียวเอื้อมมาจับมือของเขาทำให้สายตาคมหันมามอง

“พร้อมหรือยัง?”

เจฟฟรี่หัวเราะเมื่ออีกคนถามเหมือนครั้งแรกที่มาไม่มีผิด

“พร้อมแล้วครับที่รัก จะเจออะไรก็ไม่หวั่น”

ต่างยิ้มให้กันก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหาพ่อแม่เพื่อแนะนำเจฟฟรี่ในฐานะใหม่ ฐานะคนรักของเขา ทั้งสองคนนั่งบนพื้นขณะที่พ่อกับแม่ของปอนด์นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น หลังจากบอกออกไปว่าแท้ที่จริงแล้วเจฟฟรี่ไม่ใช่เพื่อนธรรมดา แต่เป็นคนรัก และคบหากันเนิ่นนานเป็นสิบปีแล้วคุณพ่อก็มองนิ่งจนพวกเขาชักหวั่นใจ

“พ่อ...”

ปอนด์ร้องตามเมื่อพ่อลุกออกไปไม่พูดจา เบะปากจะร้องไห้ เจฟฟรี่รั้งบ่าเล็กเข้ามาหาแล้วโอบเอาไว้ ปลอบใจกันเบาๆ ปอนด์เงยมองแม่ที่ยิ้มบางส่งมาให้ ก่อนจะยกตัวขึ้นโผเข้ากอดท่าน

“ให้เวลาพ่อหน่อยนะ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น พ่อไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล” คุณประภาบอกกับลุกชาย พลางยิ้มให้กำลังใจเจฟฟรี่ที่นั่งอยู่บนพื้น

มือหนาเอื้อมไปเกี่ยวนิ้วเรียว ปอนด์ค่อยหันมามองคนรักที่ส่งยิ้มมาให้ ก่อนที่หนุ่มตัวเล็กจะยิ้มตอบกลับไปเพียงบางเบา กำมือเข้าหากัน พวกเขายินดีจะฝ่าฟันทุกปัญหา... ไปด้วยกัน



TBC



มาช้า เค้าขอโต้ด ปั่นไม่ทัน :o8:

บวกให้ทุกคนอย่างทั่วถึงฮะะะ

วันใหม่ :L2:

ปอลิง. ได้จิ้มท้ายพี่greensnake ทุกตอนเลยอ่ะ มันคือพรหมลิขิต กร๊ากก :laugh3:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เจฟฟรี่ทุ่มสุดตัวขนาดนี้ พ่อตายกลูกชายให้อยู่แล้วล่ะ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ grimace

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
สู้ๆนะทั้งสองคน เดี๋ยวจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี
แต่อ่านตอนนี้แล้วอิจฉา(อีกละะะะะ5555)
ก็ดูเจฟฟ์ดิ เดี๋ยวที่รัก เดี๋ยวฮันนี่ เดี๋ยวยาหยี! น่าอิจฉาอะไรอย่างเน้><
ปอนด์ก็น่ารักมากๆ ชอบสองคนนี้นะ ดูเข้าใจกัน ดูแลกันและกันมาก
เอาใจช่วยเจฟฟ์กับปอนด์ คุณพ่อไม่ใจร้ายหรอกเนาะ^^

ออฟไลน์ bb_b

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
พ่อคงน้อยใจที่คบกันมาตั้งนานแล้วเพิ่งมาบอก
ยิ่งถ้ารู้ว่าแม่รู้มานานแล้วอาจจะยิ่งน้อยใจเข้าไปอีก
พยายามเข้านะปอนด์กับเจฟฟ์ คงต้องให้เวลาพ่อนิดหนึ่ง  :กอด1:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
คิดว่่าคุณพ่อคงรู้นานแล้วล่ะ แค่รอว่าลูกจะเป็นคนบอกเองมากกว่า อารมณ์น้อยใจลูกน่ะเนี้ย

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
คุณพ่อคงรู้มานานแล้วใช่มั๊ยคะ
แต่พอมาถึงวันที่มาแนะนำสถานะใหม่กัน
คุณพ่อคงอดใจหายไม่ได้ >.<

ขอบคุณนะคะ +1^^

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
เมียรัก

ตอนที่ ๙ คุณสามี



เมื่อเจฟฟรี่จัดการเรื่องงานของตัวเองจนเรียบร้อยแล้วจึงได้ยื่นใบลาออกกับวิคเตอร์ พ่อของอเล็กซานเดอร์ ชายชราไม่ได้ถามอะไรมากมาย เพียงแต่อวยพรให้เขาประสบความสำเร็จในชีวิตหลังจากนี้ไป เขากล่าวขอบคุณก่อนจะไปลาผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและนายอย่างอเล็กซานเดอร์ ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นที่พวกเขามีมันทำให้อดใจหายไม่ได้เมื่อต้องจากกัน แต่ทุกคนย่อมมีทางเลือกของตนเอง และเขาเลือกแล้วที่จะอยู่กับคนที่เขารัก ใช้ชีวิตด้วยกันแบบธรรมดาสามัญโดยไม่นึกเสียใจในภายหลัง

“ฉันยอมรับในการตัดสินใจของนาย และขอบคุณสำหรับการทำหน้าที่มือขวาและเพื่อน... ที่ดีที่สุด”

อเล็กซานเดอร์ยื่นมือมาตรงหน้า เจฟฟรี่จึงได้ยื่นออกไปจับ พวกเขายังไม่ได้จากกันโดยสิ้นเชิง ยังคงมาเยี่ยมเยียนกันได้ในทุกโอกาส ปอนด์เป็นเพื่อนอัลเบิร์ต พวกเขาเป็นเพื่อนกัน แม้ในวันนี้จะไม่มีเจฟฟรี่ ดีฟไคล์ บอดีการ์ดมือหนึ่งของเฟอร์ริงตัน แต่ก็ยังมีเจฟฟรี่ เพื่อนที่ดีที่สุดของอเล็กซานเดอร์อยู่เหมือนเคย

เจฟฟรี่มาที่ฟาร์มภาสกรหลังจากนั้น ปอนด์กลับมาอยู่ที่นี่อย่างถาวรแล้วตั้งแต่เมื่อปีต้นปี ก่อนที่เขาจะตามมาอยู่ด้วยในวันนี้ บททดสอบสำหรับเขยขวัญของฟาร์มภาสกรเริ่มมีเข้ามาให้เจฟฟรี่ผ่านมันไปให้ได้อยู่เนืองๆ เมื่อคุณพ่อตาส่งสาวสวยที่ท่านทาบทามให้เป็นคู่ตุนาหงันของปอนด์มาป่วนทั้งสองคน เธอเป็นคนที่ครอบครัวปอนด์รู้จักกันมาช้านาน ปอนด์เองก็รู้จักเธอเช่นกันจึงได้ให้ความสนิทสนมและดูแลสาวนางนั้นเป็นอย่างดีทุกครั้งที่เธอมาหาที่ฟาร์ม เจฟฟรี่พยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ ไม่กระโตกกระตากหรือโวยวายน้อยอกน้อยใจอะไรออกไป เมื่อก็รู้ดีว่าปอนด์ไม่ได้คิดอะไรกับสาวน้อยคนนั้น และตอนนี้คุณพ่อตากำลังทดสอบเขาอยู่

ฝรั่งตัวโตทำงานทุกอย่างในฟาร์มเช่นแต่ก่อนที่เคยทำมา ไม่เหนื่อย ไม่บ่น ยอมทุกอย่าง แต่คุณพ่อของปอนด์ท่านก็ยังใจแข็งน่าดู แถมวันหนึ่งยังพูดขึ้นมากลางโต๊ะทานข้าวที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าว่าจะให้ปอนด์หมั้นกับแม่สาวนางนั้นไว้ก่อนเพราะปอนด์ก็อายุมากขึ้นทุกวันเดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้ เจฟฟรี่นิ่งงันที่ได้ยินเช่นนั้น กำลังใจที่สร้างให้ตนเองมาตลอดนั้นราวกับมันจะพังพินลงเพราะคำพูดท่านเพียงคำเดียวนี่เท่านั้น

ปอนด์หันมามองเจฟฟรี่แล้วจึงเอ่ยกับผู้เป็นพ่อ “พ่อ ปอนด์ไม่ได้ชอบน้องเขาแบบนั้นพ่อก็รู้”

“ไม่เคยได้ยินหรือ อยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง” คุณภาสกรว่า

“แต่ว่าพ่อครับ...”

“เลิกมีข้อแม้นู่นนี่สักทีเถอะปอนด์”

ปอนด์จำต้องเงียบเสียงลงด้วยกลัวว่าพ่อจะโกรธ คุณภาสกรทานข้าวต่อราวไม่มีอะไรเกิดขึ้นในขณะที่ลูกชายกับลูกเขยพากันทานไม่ลงแล้ว ส่วนคุณประภามองสามีแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ จะพูดอะไรก็พูดยากเพราะอยู่ต่อหน้าลูก ได้แต่ติติงเมื่ออยู่กันลำพัง แต่ก็ดูเหมืนตาแก่จะไม่ฟังคำท่าน ก็ได้แต่ปล่อยไป เดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดไปเองนั่นล่ะ

“คุณพ่อครับ” เจฟฟรี่เอ่ยเรียกท่านขึ้นมาหลังจากได้แต่เงียบฟัง

“เอาตามนี้นะ พ่อจะได้คุยเรื่องฤกษ์ยามกับทางนั้นเลย” ยังไม่ทันที่เจฟฟรี่จะได้เอ่ยปากคุณภาสกรก็เอ่ยขัดขึ้นมา ท่านยกน้ำขึ้นดื่มแล้วจะลุกจากโต๊ะไปทำงานโดยไม่คิดจะฟังเจฟฟรี่เลยสักนิด

“คุณพ่อครับกรุณาฟังผมสักนิด”

เจฟฟรี่ขยับลุกแล้วเอ่ยรั้งท่าน คุณภาสกรปรายตากลับมามอง ปอนด์นั่งไม่ติดเมื่อเจฟฟรี่กับพ่อของตนเผชิญหน้ากันเช่นนี้ บรรยากาศมันไม่เอื้อต่อการพูดคุยเลยสักนิด

“ผมรักปอนด์นะครับคุณพ่อ” ชายหนุ่มบอกความรู้สึกของตนเอง หวังว่ามันจะทำให้ท่านยอมฟังเขาบ้าง

“ฉันก็พอรู้” คุณภาสกรตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และถ้อยคำต่อจากนั้นที่ท่านเอื้อนเอ่ยถึงกับทำให้คนฟังจุกจนพูดไม่ออก “กลับประเทศของเธอไปเสียเถอะเจฟฟรี่ ปล่อยให้ปอนด์ได้เจอคนที่เหมาะสมกับเขา และอยู่ในทำนองคลองธรรมที่ถูกต้องตามวิถีของคนปรกติทั่วไปเถอะ”

เจฟฟรี่นิ่งเงียบ กลืนน้ำลายหนืดคอ มันตื้อตันในหัวอกจนพาลพูดอะไรไม่ออก เขาไม่ได้รับการยอมรับ ไม่มีวันจะได้...


-------------


“เจฟฟ์…” ปอนด์เอ่ยเรียกคนที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ใต้ร่มไม้ใกล้โรงเลี้ยงโคอย่างห่วงใย ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆแล้ววางมือบนมือของอีกฝ่าย เจฟฟรี่หันมามองคนข้างกาย คำพูดของคุณพ่อตามันทำให้เขาเจ็บหนึบไปทั้งใจเลยทีเดียว

“ผมจะพยายาม จะสู้ต่อ ผมจะไม่มีทางปล่อยมือจากคุณ ไม่ว่าจะเจอกับอะไรก็ตาม”

ปอนด์ยิ้มบาง โน้มกายเข้าไปหาแล้วสวมกอดร่างหนาเอาไว้ เจฟฟรี่กอดกระชับร่างเล็กตอบกลับ รับรู้ได้ถึงความห่วงใยและกำลังใจที่อีกคนถ่ายทอดมากับอ้อมกอดนี้

“สู้นะ ฝรั่งขี้นก”

คำพูดเสริมสร้างกำลังใจจากคนตัวเล็กทำเอาเจฟฟรี่หลุดขำ “ฉายาใหม่หรือ รู้สึกผมจะมีฉายาเยอะจัง”

หนุ่มตัวเล็กหัวเราะกับคำหยอกเย้า วางศีรษะแนบไหล่หนา สองแขนยังกอดฝรั่งตัวโตเอาไว้ เพียงเท่านี้กลับทำให้เจฟฟรี่มีแรงฮึดสู้ต่อได้แล้ว แค่มีปอนด์อยู่เคียงข้าง เขาก็พร้อมจะอดทนรอคอยและสู้กันต่อไป เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจและความรู้สึกดีๆจากทุกคนในครอบครัวของปอนด์ คนที่เขารักดั่งดวงใจ


--------------


เจฟฟรี่เฝ้าทนอดและอดทน ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอะไร ดูเป็นลูกเขยผู้ทรหด งานหนักงานเบาไม่เคยเกี่ยง แต่มันก็จะมีปัญหาก็เพราะแม่สาวที่คุณพ่อเลือกเฟ้นมาเป็นสะใภ้ดูจะเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เขาแทนที่จะเป็นปอนด์ เขาไม่ได้ตั้งใจให้เกิด แต่เธอกลับตามติดแจทั้งเวลาไปทำงานที่ฟาร์มและกลับมาบ้าน

“คุณเจฟฟรี่นี่พูดไทยเก่งนะคะ ฝรั่งพูดไทย น่ารักมากเลยค่ะ”

เธอฉีกยิ้มขณะเจื้อยแจ้วเจรจาอย่างสนิทสนม ควงแขนเขาเดินเข้ามาในบริเวณบ้านทั้งๆที่เขาพยายามปลดออกแต่เธอก็ยังกอดเอาไว้แน่น จะเหวี่ยงเธอออกไปเลยก็ดูไม่ดีนักเลยให้เธอติดสอยห้อยข้างกลับมาที่บ้าน

ปอนด์ที่กลับจากสำนักงานของฟาร์มหลังจากเข้าไปดูเรื่องบัญชีและอื่นๆเกิดมาปะหน้ากันตรงหน้าบ้าน ตากลมเบิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นคุณสามีถูกคล้องแขน ถลึงตาใส่คนที่ยอมให้คล้อง อีกฝ่ายก็รีบสั่นหน้าปฏิเสธว่าไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด

“สวัสดีครับน้องมูน” ปอนด์ปั้นหน้าเดินเข้ามาทักสาวสวย ซึ่งอีกฝ่ายก็เพียงยิ้มทักอย่างเสียไม่ได้

“นี่ไปไหนกันมาหรือครับ ถึงกับต้องควงแขนเสียแนบแน่น” ปอนด์เอ่ยถาม ริมฝีปากยังยิ้มเยือนขณะที่ในใจราวมีไฟมาสุม

“นี่ไม่ใช่เวลามาหึงหวงมูนนะคะพี่ปอนด์ เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน มูนมีสิทธิ์ไปไหนมาไหนกับใครก็ได้” หญิงสาวนามว่ามูนจีบปากจีบคอ ท่าทางจะมั่นใจเหลือเกินว่าตนเองเป็นที่หมายปอง

“อ้อเหรอ” ปอนด์ได้แต่ตอบกลับไปสั้นๆ กัดฟันกรอดๆกับคำพูดของอีกฝ่าย น้องมีสิทธิ์จะไปไหนมาไหนกับใครก็ได้อย่างที่น้องว่า ถ้าคนที่น้องควงอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ผัวพี่ล่ะก็นะ!

ปอนด์ฉีกยิ้ม เดินผ่านคนทั้งคู่เข้าบ้านไป พอลับตาก็ทำปากขมุบขมิบ คนของเราก็จริงๆเลย ปล่อยให้เขาควงไปเสียทั่วฟาร์มแล้วกระมัง เจฟฟรี่ พ่อสุภาพบุรุษสุดสายใจ!

“ปอนด์ โกรธผมหรือที่รัก ผมไม่ได้สนใจเขานะ เขาทึกทักไปเอง”

เจฟฟรี่ตามเข้ามาง้องอนเมียรัก กลัวอีกฝ่ายเข้าใจเขาผิดไป แต่กว่าจะผละจากเธอคนนั้นมาได้ก็ตอนที่คุณพ่อตากลับมาเจอ ไม่อย่างนั้นคงถูกเกาะเป็นตุ๊กแกไม่ยอมปล่อย ถ้าไม่เกรงใจกันหน่อยเขาคงจัดการกับเธอได้ไม่ยาก แต่นี่เธอเป็นแขกของคุณพ่อตา จะทำอะไรก็หวั่นว่าจะทำให้ท่านกับเพื่อนผิดใจกันหรือเปล่า

“ผมไม่ได้โกรธ” ปอนด์ว่าอย่างนั้น “แค่ไม่ชอบเห็นเวลามีใครมานัวเนียคุณ”

ได้ยินอย่างนั้นแล้วเจฟฟรี่ก็ยิ้มกริ่ม “งั้นก็แสดงว่าหึง”

“หวงด้วยต่างหาก”

เจฟฟรี่กอดรัดคนตัวเล็กแน่นอย่างมันเขี้ยว บทจะตรงก็ตรงขนาดนี้เลยนะที่รัก

“เจฟฟ์ อึดอัด” ปอนด์ดิ้นอึกอักอยู่ในอ้อมแขน เพราะอีกคนแกล้งรัดเขาจนจะแบนติดอกล่ำๆนี่แล้ว

เจฟฟรี่ยอมคลายอ้อมกอด แต่ก็ยังโอบเอวบางเอาไว้ มองสบตาคนรักที่กำลังพูดกับตน

“ถ้าเรื่องเชื่อใจหรือไม่เชื่อใจขอให้คุณรู้ไว้เลยว่าระหว่างคุณที่คบหากันมาเป็นสิบปี กับคนที่รู้จักกันเพียงผิวเผิน ผมเลือกที่จะเชื่อใจคุณ”

“น่ารักที่สุดเลยปอนด์” หัวใจคนฟังพองโตคับอก

“เพิ่งรู้หรือ?” ปอนด์ยียวน

“หึๆ รู้มาตั้งนานละ ไม่อย่างนั้นคงไม่ตามตอแยให้โดนไล่ประจำแบบเมื่อก่อนหรอก”

หน้าผากกว้างก้มลงจนแนบกับหน้าผากของอีกคน จูบปลายจมูกคนตัวเล็กเบาๆ อมยิ้มเล็กๆเมื่อเลื่อนริมฝีปากเข้าไปใกล้ปากอิ่มแล้วนาบจูบ แขนเรียวยกขึ้นคล้องคอเขา เผยอปากรับจูบจากเขาด้วยความเต็มใจ


---------------


น้องมูน หญิงสาวที่คุณพ่อตาเลือกเฟ้นมาเพื่อเป็นสะใภ้ ในตอนนี้กลับตามติดเจฟฟรี่แทนที่จะเป็นปอนด์อย่างที่ท่านตั้งใจเอาไว้ เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วคุณภาสกรก็ชักจะปวดหัว ยิ่งถูกภรรยาเหน็บแนมเข้าให้ก็ยิ่งไม่ชอบใจ

“เป็นยังไงล่ะค่ะ แม่สะใภ้คนดีของคุณ ไหงมายุ่งกับลูกเขยแทนที่จะเป็นลูกชายของเราเสียล่ะคะ”

“เจฟฟรี่ไม่ใช่เขย!” ท่านโต้แย้งเสียงดัง

“จะปฏิเสธไปให้มันได้อะไรคะ ในเมื่อคุณก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ปอนด์กับพ่อเจฟฟ์เขารักใคร่ชอบพอกันมาตั้งนาน คุณตั้งใจจะให้หนูมูนมาป่วนพวกเขา ท่าทางตอนนี้คุณจะทำสำเร็จแล้วล่ะค่ะ พวกเขาปั่นป่วนกันน่าดู”

“จะประชดผมทำไมกัน” หัวคิ้วผู้เป็นสามีขมวดปม คนมันทำพลาดไปแล้วจะให้ทำอย่างไร ยิ่งเห็นปอนด์มองสองคนนั้นด้วยท่าทางเศร้าสร้อย ใจคนเป็นพ่อก็สั่นไหวคลอนแคลน ที่จะขัดจะขวางก็ดูจะล่มไม่เป็นท่าเสียให้ได้

“ก็อยากให้คุณยอมรับความจริงเสียที คุณไม่สงสารลูกหรือคะ คุณหาคนเข้ามาเป็นมือที่สามในชีวิตรักของลูก และตอนนี้คนๆนั้นกำลังจะแย่งคนรักของลูกไปนะคะ ปอนด์ต้องเสียใจมากแน่” คุณประภาเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เป่าหูคนแก่หัวรั้นให้เห็นควรตามกัน

“ถ้าเจฟฟรี่เกิดลงเอยกับหนูมูน ปอนด์จะได้รู้เสียทีอย่างไรเล่าว่าเจ้าฝรั่งนั่นมันไม่เหมาะกับเขา ก็แค่หมาป่าในคราบคนดีเท่านั้นแหละ” คุณภาสกรว่า ยังคงรักษาท่าที

“แล้วถ้าเขาไม่รู้สึกอะไรกับหนูมูนล่ะค่ะ คุณจะยอมรับพวกเขาไหม?”

คุณแม่ยายไล่ต้อน นั่นทำให้คุณพ่อตาถึงกับนิ่งไป ก่อนจะโบกไม้โบกมือแสร้งพูดไปเรื่องอื่น

“ฮึ่ย ผมไปทำงานแล้ว คุยอะไรกันอยู่ไม่รู้ ไม่มีสาระเล้ย”

“อ้าว หนีไปเสียแล้ว”

คุณประภายิ้มขำสามี หันไปมองเจฟฟรี่ที่มีท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะมีหญิงสาวมาเกาะแกะแล้วท่านก็ถอนใจเบาๆ สร้างปัญหาให้ลูกเสียแล้วไหมล่ะตาแก่หัวรั้น

ฟาร์มภาสกรเปิดรับคนงานใหม่เข้ามาทำงาน เจฟฟรี่ที่รู้สึกไม่ชอบมาพากลกับคนที่เข้ามาใหม่ทำให้ชายหนุ่มนำเรื่องนี้ไปเตือนพ่อตาของตนเอง หากดูเพียงผิวเผินแล้วอาจจะเห็นว่าคนงานใหม่กระตือรือร้นอยากทำงาน แต่เขากลับไม่คิดเช่นนั้น

“คุณพ่อครับ ผมมีเรื่องอยากปรึกษาสักหน่อย” เจฟฟรี่มาหาท่านที่โรงเก็บนมดิบ ซึ่งท่านก็หันมาหาแล้วเดินออกมาคุยกับเจ้าฝรั่งตัวโต

“ว่ามา”

“คนงานสองคนนั่นผมไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน” เจฟฟรี่พูดถึงสิ่งที่ตนเองสงสัยพลางมองไปที่คนงานใหม่สองคนที่กำลังทำงานอยู่ในฟาร์ม

“เพิ่งรับเข้าทำงานเมื่ออาทิตย์ก่อน” ท่านว่า

“พวกเขาดูไม่น่าไว้ใจ”

“ยังไง?”

“ไม่รู้สิครับ มันเป็นความรู้สึกน่ะ ผมก็อธิบายไม่ถูก”

คุณภาสกรมองเจฟฟรี่อย่างครุ่นคิด เจฟฟรี่เคยเป็นบอดีการ์ดมาก่อน ย่อมมีความรู้สึกกับเรื่องผิดสังเกตพวกนี้ไว

“ฉันจะให้คนจับตามองพวกเขาไว้แล้วกัน”

เจฟฟรี่เปิดยิ้มกับคำพูดของคุณพ่อตา “ขอบคุณครับ”

ถึงท่านจะไม่ชอบใจในตัวเขาสักเท่าไร แต่อย่างน้อยท่านก็ยังยอมรับฟังในสิ่งที่เขาบอก กำลังใจที่ถูกบั่นทอนลงไปเริ่มกลับมีขึ้นมาอีกครั้ง แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่เจฟฟรี่ก็ถือว่ายังดีกว่าไม่มีเลย


---------------


“โอ๊ย!! จะทนไม่ไหวแล้วนะ!”

เจฟฟรี่สะดุ้ง ผงะหงายมองเมียรักที่อยู่ๆก็ร้องเสียงดัง โดยข้างกายเขามีแม่สาวสวยมูนสตาร์เบียดเบียนที่นั่ง แทบจะขึ้นมาเกยตักหากทำได้

“จัดการอะไรสักอย่างสิเจฟฟรี่ เข้าใจแต่ไม่ใช่ว่าจะรับได้ทุกอย่างนะ!” น้ำเสียงคนตัวเล็กยังคงระดับความหงุดหงิด ทั้งยังมองฝรั่งตัวโตตาคว่ำ

“เอ่อ...” เจฟฟรี่มัวแต่อ้ำอึ้งทำให้หญิงสาวข้างกายเขาขยับลุกขึ้นเผชิญหน้ากับปอนด์แทน

“อะไรกันคะพี่ปอนด์ อยู่ๆก็มาเสียงดังใส่”

“เจฟฟรี่!!” ปอนด์คำรามในลำคอ ไม่สนใจจะตอบคำถามของหญิงสาว

เจฟฟรี่ตัดสินใจลุกขึ้นมาพร้อมบอกกับว่าที่สะใภ้ของคุณพ่อตาที่เบนเป้าหมายมาที่เขา “ผมว่าคุณกลับไปก่อนดีกว่านะ และทางที่ดีอย่าเข้าใกล้ผมมากจะดีกว่า”

“คุณเกรงใจพี่ปอนด์หรือคะ มูนมีสิทธิ์เลือกนะว่าจะรักชอบใคร และมูนก็ไม่ได้ชอบพี่ปอนด์แบบนั้น ต่างกับคุ...”

เจฟฟรี่ยกมือให้เธอหยุดพูด “ก่อนนี้ผมเกรงใจคุณเพราะกลัวว่าครอบครัวคุณกับปอนด์จะมีปัญหากัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ปอนด์สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด”

“อะไรนะ?”

“ผมไม่ชอบให้ใครมาเกาะแกะเท่าไร ถ้าผมพอใจใครผมมักเป็นฝ่ายเข้าไปหาเอง ไม่ต้องให้ใครมาเสนอตัวให้ถึงที่”

“คุณ!” หญิงสาวเต้นเร่า

“ผมไม่ได้ว่าคุณ เพียงแต่บอกให้ฟังเท่านั้น ขอตัวนะครับ” ร่างสูงใหญ่เดินผ่านเธอไปหาปอนด์ แตะข้อศอกให้คนรักเดินออกไปด้วยกัน

“พี่ปอนด์!”

ปอนด์หันกลับมามองคนเรียกด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“นี่พวกพี่เป็นเพื่อนกันจริงๆรึเปล่า!?”

ตากลมเหลือบมองเจฟฟรี่ ก่อนจะค่อยหันกลับมาทางหญิงสาวพร้อมคำตอบแสนกำกวม

“นั่นสินะ”

สองหนุ่มเดินออกไปจากจุดนั้น ปล่อยให้หญิงสาวได้แต่ฮึดฮัดทั้งย่ำเท้ารัวด้วยความขัดอกขัดใจอยู่คนเดียว

“ไม่กลัวเขาเข้าใจผิดหรือที่รัก คุณไม่ชอบที่มีคนรู้เรื่องเราเยอะๆนี่ คราวก่อนก็โมโหผมใหญ่ที่บอกกับสาวๆที่มาระรานคุณว่าเราเป็นอะไรกัน” เจฟฟรี่เอ่ยถามเมื่อวันนี้ปอนด์เป็นคนแสดงออกถึงความพิเศษระหว่างกันมากขึ้น

“เมื่อก่อนก็เมื่อก่อนสิ” คนตัวเล็กว่า

“แสดงว่าตอนนี้บอกคนอื่นได้แล้วสิ?”

“แล้วแต่สถานการณ์”

ปอนด์ไหวไหล่ ท่าทางยียวนกวนคนมองนัก อีกคนจึงพาดแขนโอบบ่าเล็กแล้วพากันเดินกลับบ้าน

“คุณลุงคะ!!”

เสียงแปดหลอดจากว่าที่สะใภ้ของคุณพ่อตาดังมาจนท่านสะดุ้ง หญิงสาวเดินมาหาท่านหน้าง้ำหน้างอ

“มูนไม่เอาด้วยแล้วนะคะ เหมือนมูนเป็นตัวตลกเลย วันนี้ยังถูกพี่เจฟฟรี่ว่าเอาด้วย” เธอฟ้อง

“มันว่าอะไรหนู ลุงจะจัดการให้” แม้จะยังงงๆ แต่คุณภาสกรก็เข้าข้างหญิงสาวเต็มที่

“ไม่ต้องล่ะค่ะ มูนรู้ดีว่ายังไงมูนก็คงคิดกับพี่ปอนด์มากไปกว่าพี่น้องไม่ได้ เพราะฉะนั้นคุณลุงก็เลิกคิดเรื่องจับคู่พวกเราเถอะค่ะ” เธอว่าด้วยท่าทีที่อ่อนลง

คุณภาสกรมองหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจนัก ตกลงที่เธอตามติดเจฟฟรี่มาตลอดนั่นมันคืออะไร ไม่ใช่เพราะเปลี่ยนใจจากปอนด์ไปหาหนุ่มฝรั่งแล้วหรอกหรือ

“ลุงอยากได้หนูมาเป็นสะใภ้จริงๆนา”

“มูนรู้ค่ะ ใครๆก็อยากได้มูนไปเป็นสะใภ้ทั้งนั้น” เธอว่าแล้วหัวเราะขำ “เราท่าจะไม่มีวาสนาต่อกันนะคะคุณลุง ลูกชายคุณลุงคงไม่เหมาะกับหนูหรอก น่าจะเหมาะกับฝรั่งตัวโตมาดเท่คนนั้นเสียมากกว่า”

“นี่หนูรู้หรือ?” ท่านออกจะตกใจที่หญิงสาวตรงหน้าพูดราวกับล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ของลูกชายท่านกับฝรั่งตัวโต

“ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกค่ะ เพิ่งมาแน่ใจเอาเมื่อกี้นี้เลย” เธอว่า หน้าบูดขึ้นมาอีก ที่ลงทุนยั่วเจฟฟรี่ไม่เสียเปล่าเพราะได้รู้ว่าสองคนนั้นมีความรู้สึกพิเศษต่อกันจริงๆ ไม่รู้ว่าป่านนี้คนจะมองเธออย่างไรที่ตามตอแยผู้ชายทั้งที่เขาไม่เอา แต่นั่นก็ช่างมันเถิด เพราะจะให้เธอแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกโดยไม่ดูเบื้องลึกเบื้องหลังคงไม่ได้

“ขอบใจหนูมากนะหนูมูน” คุณภาสกรยิ้มอ่อน ท่านว่าท่านมองคนไม่ผิด แม้ในทีแรกจะเขวไปเพราะการกระทำของหญิงสาว แต่แท้ที่จริงแล้วเธอก็ยังเป็นจันทิมา เป็นหนูมูนที่ท่านรู้จักมาตั้งแต่เกิดคนเดิมอยู่ไม่เปลี่ยน

“ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่ถึงไม่ได้ดองกันแต่มูนยังมาที่ฟาร์มได้อยู่ใช่ไหมคะ?” เธอเอ่ยถามท่าทางขี้เล่นตามนิสัย

“ยินดีต้อนรับหนูเสมอเลยลูก”

“ขอบคุณค่ะ ถ้าอย่างนั้นมูนคงต้องกลับแล้วล่ะค่ะ”

“ได้ๆ เดี๋ยวลุงให้คนไปส่ง” คุณภาสกรจะหันไปเรียกคนขับรถของฟาร์ม

“ไม่เป็นไรค่ะ มูนขับรถมา มูนลาล่ะนะคะ สวัสดีค่ะ”

รับไหว้กันแทบไม่ทัน เมื่อเธอมาไวไปไว เมื่อหญิงสาวกลับไปแล้วคุณภาสกรก็ถอนใจ เจ้าฝรั่งนั่นมันพูดอะไรกับหนูมูนกัน เธอถึงได้ยอมถอดใจกลับไปแบบนั้น


----------------


หมดเรื่องของว่าที่คู่หมั้นปอนด์ไปได้เจฟฟรี่ก็แทบโล่ง หนูมูนของคุณพ่อตายังคงมาที่ฟาร์มบ้างเป็นบางวัน แต่มาในฐานะน้องสาวของปอนด์แทนคู่หมั้นคู่หมาย ดูเหมือนเธอจะรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับปอนด์แล้วด้วย แต่กลับไม่คิดจะเอาเรื่องนี้ไปพูดกับใคร แท้จริงแล้วหากปัดเรื่องที่เธอเคยทำเอาไว้ออกไปแล้วมองเธอใหม่ เธอก็เป็นคนน่ารักและนิสัยดีคนหนึ่งทีเดียว

เรื่องคนงานที่เจฟฟรี่บอกว่าดูน่าสงสัย เขาและคุณพ่อตาก็ยังคงจับตามองทั้งสองคนนั้นอยู่ คุณภาสกรไหว้วานคนที่ท่านไว้ใจได้ให้ช่วยเป็นหูเป็นตาอีกแรง เผื่อเกิดอะไรขึ้นมาจะได้หาทางป้องกันได้ทัน

“ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรใช่ไหม?” ท่านถามคนที่ให้ช่วยทำงานให้ เรื่องนี้รู้กันไม่กี่คน

“ตอนนี้ยังครับ แต่ผมเห็นพวกมันมักหายหัวไปเวลาพักกินข้าว ไม่รู้ไปทำอะไร”

“จับตาดูให้ดี”

“ครับ”

คุณภาสกรหันมาทางเจฟฟรี่ที่ยืนร่วมอยู่ด้วย ท่าทีของทุกคนเหมือนกำลังคุยเรื่องงานกันมากกว่าจะเป็นการเฝ้าจับผิดใคร

“เธอคิดว่าเราควรจะจับตามันไปอีกนานแค่ไหนเจฟฟรี่?” ท่านถามความเห็น

“ผมว่าเราควรเตรียมการป้องกันเอาไว้นะครับ อีกไม่กี่วันพวกมันลงมือแน่”

ท่าทางดูมั่นใจของหนุ่มตัวโตทำให้คุณภาสกรคิ้วขมวด แต่แม้จะไม่รู้ว่าเจฟฟรี่เอาอะไรมามั่นใจขนาดนั้นท่านก็เลือกจะเชื่อ ป้องกันไว้ดีกว่ามาแก้ไขทีหลัง

------------
ต่อด้านล่างค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
สิ่งที่เจฟฟรี่คาดการณ์ไว้ไม่ได้ผิดไปจากนั้นสักเท่าไร เมื่อดึกดื่นคืนหนึ่งหน้าโรงเก็บน้ำนมดิบ ชายสองคนท่าทางน่าสงสัยแอบย่องมาดูลาดเลา ก่อนจะค่อยไขประตูเข้าไปโดยไม่เอะใจเลยว่าเหตุใดจึงไม่มีคนเฝ้า เพราะพวกมันดูจนมั่นใจแล้วว่าเวลานี้เป็นเวลาเปลี่ยนกะของยามในฟาร์มภาสกรทำให้หน้าโรงเก็บไม่มีคนอยู่

เมื่อเข้ามาด้านในได้แล้วพวกมันก็ตรงไปยังส่วนที่เก็บน้ำนมดิบเอาไว้ ขวดบรรจุอะไรบางอย่างถูกนำออกมา ขณะที่อีกคนเปิดฝาถังนมออก รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าที่ถูกปกปิดด้วยหมวกไหมพรม ขณะที่กำลังจะเทบางอย่างลงไปในถังนมนั้นเสียงขึ้นไกปืนที่ดังขึ้นมาภายในห้องเงียบสงัดก็ทำให้ใจพวกมันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ยิ่งหันกลับมามองที่ด้านหลังตาพวกมันก็เบิกกว้างเมื่อพบกับเหล่าคนงานและเจฟฟรี่ที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าพร้อมอาวุธในมือ ปิดหนทางหนีของพวกมันจนสิ้น

“ไม่อยากตายก็ยอมมอบตัวกับตำรวจเสียดีๆ ไอ้โจรกระจอก!!” หนึ่งในคนงานตะโกนมา

ชายต้องสงสัยทั้งสองเริ่มออกอาการเลิ่กลั่ก ชักปืนออกจากเอวมา แต่เมื่อเห็นว่าไม่ใช่เพียงเจฟฟรี่ที่มีปืนก็กลับใจฝ่อเตรียมจะหนี แต่เจฟฟรี่กลับยิงสกัดเอาไว้จนพวกมันหัวคะมำ เขาไม่ได้กะให้ถึงตายหรือบาดเจ็บใดๆ อยากสอบสวนหาคนผิดตัวจริงเสียมากกว่า

ดูท่าพวกมันกำลังจะเสียที เมื่อลุกขึ้นมาได้มันจึงค่อยย่อตัวลงวางปืนในมือแล้วเอามือไว้บนหัว เจฟฟรี่ส่งสัญญาณให้หนึ่งในคนงานไปเก็บปืน ในขณะที่เขายังคงเล็งปืนในมือไปที่พวกมันไม่มีพลาดเป้า

“ไฟไหม้! ไฟไหม้โรงเลี้ยงวัว!!”

เสียงตะโกนโหวกเหวกนั่นทำให้คนงานแตกฮือ เจฟฟรี่ชะงักแต่ยังคงพุ่งเป้าไปที่โจรห้าร้อย มือยังคงถือปืนเล็งไปทางพวกมันที่ทำท่าว่าจะลุกหนีไปขณะที่เหตุการณ์กำลังชุลมุน พวกมันหาเรื่องสร้างสถานการณ์ได้ดี!

“ทุกคนไปช่วยกันดับไฟ เหลือไว้ที่นี่สองคนพอ!” เจฟฟรี่ตัดสินใจรวดเร็วแล้วสั่งการทันที

“ครับ” คนงานต่างรับคำแล้วกรูกันออกไป เหลือเอาไว้กับเขาตามที่บอกเท่านั้น เจฟฟรี่จึงได้สั่งคนที่เหลือ

“นาย ไปหาเชือกมามัดพวกมัน ส่วนนาย ไปเก็บปืนบนพื้นมา อย่าประมาท”

“ครับ”

ทั้งสองคนรีบจัดการให้อย่างไวว่อง แม้จะอยากไปช่วยคนอื่นดับไฟแต่หน้าที่ตรงนี้ยังไม่เสร็จสิ้น เขาจำต้องใจเย็นในขณะที่สถานการณ์มันบีบคั้นเช่นนี้ จนเมื่อจัดการมัดชายทั้งสองคนเสร็จเขาก็ให้คนงานลากพวกมันไปนั่งกองรวมกันกลางลานเพื่อรอตำรวจ สั่งคนงานให้กะระยะห่างจากพวกมันหนึ่งช่วงตัวและอย่าฟังอะไรก็ตามที่พวกมันพล่าม จะหิวน้ำ หิวข้าว ปวดท้อง หนองที่ตาแตกก็ช่างหัวมัน ไม่ต้องไปสนใจ ไม่ต้องเข้าใกล้มากกว่าที่สั่ง ให้รอจนกว่าตำรวจจะมา

เมื่อทำความเข้าใจกันดีแล้วเจฟฟรี่จึงรีบไปช่วยคนอื่นดับไฟ ไฟลุกลามไปรอบๆโรงเลี้ยงโคนมอย่างรวดเร็ว คนงานและปอนด์กับคุณพ่อต่างช่วยกันดับ หนุ่มตัวเล็กทิ้งถังในมือเมื่อมันไม่ทันใจ วิ่งไปเปิดน้ำเพื่อลากสายยางมาฉีดแต่ไฟยังคงลุกโหม เสียงร้องของวัวภายในคอกยิ่งทำให้ปอนด์ร้อนใจ จนกระทั่งร่างสูงใหญ่ที่ก้าวผ่านสายตาไปสาดน้ำดับไฟทำให้ปอนด์ใจชื้นขึ้นมาบ้าง

“เจฟฟรี่...”

แสงและควันไฟที่ลอยคลุ้งเรียกให้คนงานในฟาร์มกรูมาช่วยกันดับ ธนัสที่อยู่ไร่ข้างกันได้รับแจ้งจากคนงานในไร่ของตนว่าเห็นแสงไฟจากฟาร์มภาสกรทำให้รุดหน้ามาที่นี่พร้อมคนงานและอุปกรณ์ที่หยิบฉวยได้ด้วย หลายคนหลายแรงในที่สุดไฟที่ลุกลามก็ดับลง แต่กว่าทุกอย่างจะจบก็เล่นเอาพวกเขาแทบหมดแรงไปตามกัน

ปอนด์มองสภาพโรงเลี้ยงวัวตรงหน้าด้วยความทดท้อ ค่อยทรุดนั่งลงกับพื้นหญ้าแล้วล้มตัวลงนอนเอาแขนทั้งสองข้างปิดหน้า เจฟฟรี่เดินเข้ามาหาร่างเล็กที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นโดยไม่กลัวว่ามันจะสกปรกแม้แต่น้อย เสียงสะอื้นเบาๆจากคนที่นอนเอาแขนปิดหน้าทำให้เจฟฟรี่ต้องย่อตัวลงนั่งวางเข่าข้างหนึ่งบนพื้น มือหนาเอื้อมไปแตะแขนเรียวเล็กนั้นแล้วเอ่ยบอก

“ปอนด์ มันผ่านไปแล้วนะ”

น้ำเสียงอาทรที่เอ่ยบอกทำให้ปอนด์ลดแขนลงจากใบหน้า ขยับลุกขึ้นมากอดเจฟฟรี่แน่นอย่างต้องการที่พึ่ง

“เจฟฟ์ เจฟฟรี่ ฮือออ”

“มันผ่านไปแล้วปอนด์” เจฟฟรี่กอดตอบ ลูบหลังปอนด์พร้อมกระซิบถ้อยคำปลอบขวัญ

“ผมกลัวมากเลย ผมหาคุณไม่เจอเลย... เลยเดินออกมาตาม แต่... แต่เห็นคนน่าสงสัยเลยตามมาดู อยู่ดีๆไฟมันก็ลุกขึ้นมา วัวมันร้องเสียงดังมาก ผมกลัวมันตาย ฮึ่ก...”

“ชู่ววว มันไม่เป็นอะไรปอนด์ มันปลอดภัยดี คุณช่วยมันไว้ได้นะ”

วงแขนแกร่งกระชับอ้อมกอดคนตัวเล็กมากขึ้น ถ้อยคำที่พร่างพรูออกมาทั้งอาการสะอึกสะอื้นทำให้เจฟฟรี่ต้องกอดเอาไว้แน่น พอๆกับแขนเรียวเล็กที่กอดเขาไม่ปล่อย

“เข้มแข็งสิยาหยี ถ้าคุณอ่อนแอคนที่มันคิดร้ายกับเรามันจะยิ่งได้ใจนะรู้ไหม คุณเป็นคนเข้มแข็งจะตาย ตัวเล็กๆแต่เก่งกล้ายิ่งกว่าใคร”

คนตัวโตกระซิบปลอบโยน แต่อีกคนกลับส่ายหน้ากับอกเขา เจฟฟรี่ดันตัวคนในอ้อมแขนออกมา มองหน้าที่เลอะไปด้วยคราบเขม่าควันไฟและน้ำตาแล้วมือหนาก็เกลี่ยไล้เบาๆ

“พวกมันจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เอ่ยถามปนสะอื้น ไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้ในทันทีทันใด

“ไม่หรอก ตอนนี้ถึงมือหมอแล้วนะ คุณเห็นไหม คุณหมอกำลังรักษาพวกมันอยู่”

ราวปลอบเด็กเสียขวัญ ริมฝีปากหนาโน้มจูบหน้าผาก ปอนด์ค่อยๆหลับตาลงซึมซับความจริงใจที่อีกฝ่ายมอบให้ ทั้งคำพูดและรอยจูบที่แสนอบอุ่นไปทั้งใจ เมื่อเจฟฟรี่ถอนจูบร่างเล็กนั้นก็โผเข้ามาซุกอกแกร่งเหมือนเด็กตัวน้อย

เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงหลังจากนั้น คนร้ายถูกพาไปโรงพัก แต่มีอีกคนที่รอดไปได้ตอนเกิดเหตุชุลมุน คนที่ปอนด์บอกว่าเห็นตอนออกมาเดินหาเจฟฟรี่ ตอนนี้คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะหาคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย เท่าที่รู้ตอนนี้คือพวกมันคิดจะกระทำการบางอย่างกับผลิตภัณฑ์ของฟาร์มภาสกร อาจเป็นคู่แข่งทางธุรกิจด้านนี้ หากสอบปากคำคนร้ายแล้วคงได้ข้อมูลต่างๆเพิ่มขึ้นและโยงไปหาคนบงการได้ในที่สุด

“เอาล่ะ คืนนี้คงหมดเรื่องแล้ว ไปพักกันเถอะ ขอบคุณทุกคนมากที่มาช่วยกัน พรุ่งนี้เราจะมาสำรวจความเสียหายกันอีกรอบ ตอนนี้ปล่อยตำรวจเขาจัดการไป”

คุณภาสกรประกาศกับคนงานทุกคนเมื่อเรื่องราวทุกอย่างจบลงได้ในค่ำคืนนี้ ทางสัตวแพทย์ประจำฟาร์มจะคอยดูอาการของวัวที่บาดเจ็บ พวกมันตื่นตระหนกจนไม่อยู่เฉยทั้งที่พากันเจ็บก็หลายตัว กลัวว่ามันจะเหยียบกันเองจนบาดเจ็บไปตามๆกัน

“เอ่อ... ผมขออยู่เป็นเพื่อนนายดีกว่าครับ” หนึ่งในคนงานผู้ภักดีเอ่ยบอก คนอื่นๆจึงพากันพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวตำรวจกลับฉันก็จะไปพักแล้ว กลับไปดูลูกเมียเถอะไป เดี๋ยวเขาเป็นห่วงเอา” คุณภาสกรยิ้มบอกพร้อมให้เหตุผล

“ครับนาย พรุ่งนี้พวกผมจะมากันแต่เช้า”

คนงานรับคำ ก่อนที่จะหันไปพยักหน้าให้ทุกคนกลับบ้านกันตามคำสั่ง เมื่อหมดเรื่องคุณภาสกรจึงได้เอ่ยกับลูกชายคนโตบ้าง

“เราก็กลับบ้านได้แล้วธนัส ขอบใจมาก” ตบบ่าผู้เป็นลูกอย่างขอบคุณที่มาช่วยกันในสถานการณ์ฉุกเฉิน

“ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกนะครับพ่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะมาแต่เช้า ตอนนี้คงต้องกลับบ้านอย่างที่พ่อบอก ญาดาคงรอฟังข่าวอยู่”

“ไปเถอะ กลับไปพักผ่อน เจฟฟรี่ก็เหมือนกัน พาปอนด์กลับบ้านไปเถอะ คุณภาคงรออยู่” พูดเช่นนั้นแล้วท่านก็เดินไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งทำการเก็บหลักฐานกันอยู่

ธนัสจึงได้ขอตัวกลับไร่ของตน ขณะที่เจฟฟรี่พาปอนด์กลับมาที่บ้าน คุณประภารอฟังข่าวอยู่ด้วยความกระวนกระวายใจอย่างที่คุณพ่อบอก เมื่อเห็นลูกชายกลับมาด้วยสภาพมอมแมมก็เข้ามาสำรวจตรวจดูว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ ปอนด์บอกท่านให้คลายกังวลว่าตนเองไม่เป็นอะไร เหตุการณ์ทุกอย่างจบลงด้วยดีเพราะทุกคนช่วยกันดับไฟเอาไว้ได้ทันท่วงที แต่ก็มีส่วนที่เสียหายอยู่ พรุ่งนี้ตนเองจะเข้าไปตรวจดูอีกที

เมื่อคุณประภาทราบว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วก็พลอยเบาใจ บอกให้ปอนด์ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วนอนพักผ่อน เดี๋ยวท่านจะรอคุณภาสกรกลับมาค่อยไปพักเช่นกัน

ปอนด์ขึ้นห้องมาอาบน้ำ เจฟฟรี่ตั้งใจว่าจะอยู่รอจนคนรักอาบน้ำเสร็จแล้วส่งเข้านอนก่อนจะลงไปช่วยคุณพ่อตาที่ฟาร์มอีกแรงหนึ่ง แต่คนตัวเล็กที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำไปกลับหยุดแล้วหันมาถามเขาเบาๆ

“อาบพร้อมกันไหม?”

เจฟฟรี่ยิ้มบางพลางตอบรับ “ครับ”

หลังอาบน้ำเสร็จพอจะนอนปอนด์ก็นอนไม่หลับ แม้จะเพลียแต่ภาพที่เห็นมามันยังติดตาไม่หาย เจฟฟรี่ลูบผมคนรักเบาๆ กอดเอาไว้ไม่ไปไหนจนกว่าคนในอ้อมแขนจะหลับ ที่คิดไว้ว่าจะลงไปช่วยคุณพ่อเป็นอันต้องพับไป เฝ้าวนจูบกระหม่อมบางอย่างปลอบประโลม ปอนด์ไม่เคยต้องเจอเรื่องแบบนี้คงตกใจไม่น้อย อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย พรุ่งนี้ตื่นมาทุกอย่างคงดีขึ้นกว่านี้



TBC



ตอนที่ 9 แล้วฮะะะ ตอนหน้าก็จบแล้วนะเออ เรื่องนี้ไม่มีดราม่า เพราะมาม่าเรามอบให้เฮียไปหมดบ้านละ เลยเหลือแต่น้ำตาลไว้ให้เจฟฟรี่  :hao3:

ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดค่ะ บวกและบวกตอบแทนทุกคนเช่นเคย :L2:

วันใหม่ค่ะ

ออฟไลน์ grimace

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
จิ้มคุณวันใหม่ จุ๊ก จุ๊ก^

เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเนอะ แล้วพรุ่งนี้จะค้องดีกว่าเดิมแน่นอน
เจฟฟรี่เท่มากๆ และเป็นคนที่น่ากิ๊ดมากจริงๆ ชอบมาก
ยกใจให้พระเอกเลยตอนนี้ หวังว่าคุณพ่อจะเปิดทางให้อย่างโล่งๆนะ
จะได้หวานกันให้น้ำตาลอายไปเลย
ชอบเรื่องนี้มากๆ อยากอ่านเรื่อยๆ อ่านแล้วมีความสุข><
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2014 05:14:31 โดย grimace »

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
นี่ไงประโยชน์ของคนเคยเป็นบอดี้การ์ด ดีที่พ่อเห็นด้วยกับเจฟฟ์
แล้วให้คนจับตาคนงานใหม่ไว้ เจฟฟ์น่าจะได้ใจพ่อตาไปเต็มๆ. เนอะ ^^

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
เสียขวัญน่าดู เจฟฟ์โอ๋ได้น่ารัก >.<

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
รูปหล่อ กล้ามใหญ่ ใจถึง พึ่งพาได้ แถมรักเดียวใจเดียว คุณพ่อตาจะรออะไรคะ  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด