สามทุ่มกว่าแล้ว โต๊ะในร้านเริ่มเต็มจนไม่มีที่ว่างเหลือ บางโต๊ะที่อยู่โซนหลังถึงขั้นต้องดึงเก้าอี้นั่งออกเปลี่ยนเป็นโต๊ะยืนอย่างเดียว ต่ายมองไปรอบๆร้านๆแล้วรู้สึกว่าวันนี้ทั้งร้านจะเต็มไปด้วยกลุ่มคนวัยใกล้เคียงกันทั้งหมด แตกต่างจากคราวที่แล้วที่ถึงแม้จะคนเยอะแต่ก็ยังมีพนักงานบริษัทอยู่พอสมควร วันนี้มองไปทางไหนก็เป็นนักศึกษากันทั้งนั้น เฮียอู๋เจ้าของร้านยืนตบบ่าโก้หัวเราะร่าอยู่แถวโต๊ะหน้าสุด ต่ายเพิ่งรู้ว่าเป็นโต๊ะวีไอพีที่มีแต่ลูกค้าประจำ สักพักแสงแบลคไลท์ก็ค่อยๆหรี่ลง แสงไฟบนเวทีที่สว่างขึ้นเรื่อยๆ ต่ายไม่รู้ตัวว่าถูกดึงปนผลักไปยืนที่อีกฝั่งของโต๊ะที่ติดเวทีริมซ้ายตอนไหน รู้แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปเขาก็เห็นใบหน้าคมของคนที่หายไปยืนอยู่บนนั้นพร้อมกับกีตาร์โปร่งเงาวับ หูแว่วเสียงผู้หญิงที่เป็นพิธีกรแนะนำพร้อมกับบอกว่ามือกีตาร์ประจำของวงวันนี้ติดธุระมาไม่ได้ ส่งตัวแทนที่รู้จักกันดีมาแทน เสียงผิวปากแซววีดวิ้วดังลั่นร้านจนต่ายหัวเราะกับท่าทีอายๆของคนที่ถูกแซว
“ไอ้บาสมันดังนะพี่” ต่ายรู้สึกเหมือนเสียงนั้นกำลังคุยกับตัวเองแต่เป็นเสียงที่เขาไม่คุ้น ไม่เคยได้ยินมาก่อน เขาหันซ้ายขวาไม่เจอใครก็งงเล็กน้อย ก่อนที่จะรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกสะกิดให้มองต่ำลง เพราะยืนอยู่และคนส่วนใหญ่ที่อยู่ตรงนี้ก็ลุกขึ้นยืนทั้งหมดเขาเลยๆไม่นึกว่าจะมีคนที่นั่งอยู่ด้วย
คนสะกิดเป็นผู้ชายที่ดูท่าทางตัวบางกว่าเขามาก แต่น่าจะสูงพอๆกับเขาด้วยซ้ำ แขนขาเล็กไปหมดยิ่งเจ้าตัวใส่เสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงยีนส์สกินนี่สีดำสนิทเช่นเดียวกัน และที่เด่นมากคือผมสั้นสีเขียว! ใบหน้าสวยเงยหน้ามองเขาและแยกเขี้ยวให้ นี่คงเป็นยิ้มที่ดูเป็นมิตรที่สุดของเจ้าตัวแล้วล่ะมั้ง
“นั่งก็ได้มั้งพี่ไม่ต้องบ้าจี้ยืนเหมือนพวกมันหรอก ยังไงไอ้บาสมันก็เห็นพี่คนเดียวนั่นแหละ” คนที่นั่งอยู่เสนอ มองไปที่เก้าอี้ว่างข้างๆตัว แล้วใช้เท้าเขี่ยมาให้
“เอ้อ... ขอบคุณนะ” ต่ายตอบรับ เขาเลื่อนเก้าอี้มาใกล้แล้วนั่งลง
“พีค...”
“ห๊ะ?”
“ผมชื่อพีค”
“อ๋อ เออชื่อต่ายนะ” ต่ายแนะนำตัวกลับ เขาเห็นอีกฝ่ายเงียบไปไม่ได้พูดอะไรนอกจากนั้น สายตามองตรงไปบนเวที ต่ายเห็นไบค์โบกไม้โบกมือไปรอบๆก่อนที่สายตาเจ้าตัวจะมาหยุดที่คนข้างๆ ยักคิ้วหลิ่วตาให้จนคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขาสะบัดนิ้วกลางใส่พร้อมกับเบ้หน้า
บนเวทีเซ็ตอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว ต่ายเห็นบาสมองมาที่ตัวเองแล้วก็กดยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบที่เขาไม่ชอบเลยจริงๆ ชายหนุ่มถือกีตาร์นั่งอยู่ฝั่งตรงหน้าเขา ในขณะที่คนพี่อยู่ตรงกลางนั่งหน้าขาไมค์ที่ปรับระดับให้พอดีกับเวลานั่งเรียบร้อยและก้องนั่งอยู่อีกฝั่งบนคาฮอง(กลองกล่อง)ไม้
นี่คือเซอร์ไพรส์ที่บอกสินะ ว่าที่คุณหมออมยิ้มตอบ กอดอกหลิ่วตามองคนบนเวทีจนอีกฝ่ายเหวอไปครู่หนึ่ง พอไบค์สะกิดค่อยกลับมาสูดลมหายใจ หลับตาตั้งสมาธิ
“ก็... นานๆทีมือกีตาร์จำเป็นจะมาเล่นนะครับ เอ็นดูน้องผมกันหน่อยนะครับ”
ไบค์ที่ทำหน้าที่เป็นนักร้องนำพูดออกไมค์ บรรดาเพื่อนและคนรู้จักโห่ร้อง เขาหันไปพยักหน้ากับน้องชายที่เริ่มกรีดนิ้วกับสายกีตาร์เบาๆเป็นทำนองเพลง ไม่รู้ว่าคนทั้งร้านรู้จักเพลงนี้หรืออะไรเพราะทันทีที่เสียงดนตรีขึ้นทุกคนก็กรีดร้องกันเสียงดัง ต่ายไม่ได้เชี่ยวชาญหรือฟังเพลงบ่อยขนาดนั้นแต่พอท่อนเนื้อร้องขึ้นเขาก็ร้องต้องร้องอ๋อ
ไม่รู้ว่าเล่นไปกี่เพลงต่อกี่เพลงแต่คนในร้านก็สนุกสนาน พอนักร้องยื่นไมค์ให้ก็ร้องตอบ มีเพลงที่เขารู้จักบ้างหรือเพลงที่คุ้นหูแต่ร้องได้ไม่หมดทั้งเพลงอยู่บ้าน ปราชญ์ดูจะชอบเป็นพิเศษเพราะถึงกับวิ่งมากอดคอเขาร้องเพลงอยู่หน้าเวที ส่วนโน้ตไม่รู้ไปเข้าคู่กับไม้ตั้งแต่เมื่อไร เพราะเมื่อหันกลับไปก็เห็นเพื่อนของเขากระโดดเกาะไหล่รุ่นน้องต่างคณะโยกด้วยความสนิทสนมเสียแล้ว ต่ายรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองยิ้มมากกว่าปกติเพราะเมื่อเห็นสายตาจากคนด้านบนที่ทอดมองมาคล้ายเรียกหากำลังใจเขาก็จะยิ้มตอบตลอด
ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้หน้าบึ้งใส่นี่นา ในเมื่อวันนี้เขามีความสุขขนาดนี้แล้ว...
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกราเมื่อนักร้องนำบอกว่าเพลงต่อไปนี้จะเป็นเพลงสุดท้ายแล้ว หลายคนโห่ร้องด้วยความเสียดายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ไบค์คุยกับคนดูอีกสองสามนาทีก่อนที่จะเริ่มเพลงถัดไป หลายคนเริ่มทยอยนั่งลงแล้วเสียงกีตาร์กับกลองแบบอะคูสติกดังขึ้นเป็นทำนองเพลง ต่ายรู้สึกว่าปราชญ์หันมามองตัวเองพร้อมยักคิ้วหลิ่วตาเมื่อเห็นว่ามือกีตาร์บนเวทีจ้องมองมาทางนี้
ฉันไม่เคยดังและยังคงเดิม
ตอนนี้ รึว่าตอนไหน
ฉันก็คนหนึ่งแต่รักฉันยิ่งใหญ่
ใหญ่กว่าใคร เธอคงรู้ดี
ยังคงมีแค่เธอและต่อไป
ยังจะมีแค่เธอจนสุดท้าย กายแตกสลาย
จนวันที่ฉันหมดลมจากไป
เชื่อเถอะความรักไม่เคยห่างหาย
มันสถิตอยู่ในใจชายคนนี้
มันไม่อาจที่จะลบล้างเรื่องราวดีๆ
หัวใจฉัน จะมีแต่เธอเท่านั้น
เธอมาเติมให้ชีวิตมีการเปลี่ยนผัน
เธอมาทำให้เวลาแห่งรักสวยงามทุกวัน
หัวใจฉัน จะมีแต่เธอ
ไบค์กอดคอน้องชายตัวเองแน่น เลื่อนไมค์ไปจ่อที่ปากพร้อมกระซิบอะไรบางอย่างที่คนด้านล่างไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่าเมื่อชายหนุ่มโอบไหล่น้องชายที่หน้าพิมพ์เดียวกันแตกต่างกันแค่ทรงผมเสียงคนด้านล่างก็โห่แซวดังลั่น โชคดีที่บาสมีสมาธิพอที่จะไม่หยุดมือที่กำลังเกากีตาร์ มองคนดูเขินๆเล็กน้อย เสียงที่ร้องออกมาจึงสั่นๆและฟังดูประหม่าเพราะไม่ได้ตั้งตัว แต่ก็เพราะไม่ต่างจากคนพี่ร้อง
ฉันไม่เคยดังและยังคงเดิม
ตอนนี้ รึว่าตอนไหน
ฉันก็คนหนึ่งแต่รักฉันยิ่งใหญ่
ใหญ่กว่าใคร เธอคงรู้ดี
ยังคงมีแค่เธอและต่อไป
ยังจะมีแค่เธอจนสุดท้ายกายแตกสลาย
จนวันที่ฉันหมดลมจากไป
เชื่อเถอะความรักไม่เคยห่างหาย
มันสถิตอยู่ในใจชายคนนี้
มันไม่อาจที่จะลบล้างเรื่องราวดีๆ
หัวใจฉัน จะมีแต่เธอเท่านั้น
เธอมาเติมให้ชีวิตมีการเปลี่ยนผัน
เธอมาทำให้เวลาแห่งรักสวยงามทุกวัน
หัวใจฉัน จะมีแต่เธอ
ต่างกับที่ไบค์เป็นคนร้อง พอไมค์เปลี่ยนมือต่ายกับรู้สึกเหมือนร่างตัวเองถูกไฟช๊อต ใจสั่นหน้าร้อนไปหมด ยิ่งพอเห็นแววตาอายๆที่มองมายิ่งทำให้แก้มขาวแดงซ่านจนต้องเกาะมือปราชญ์ไว้แน่น เหมือนเพื่อนสนิทจะรู้ดี มือใหญ่จึงโอบบีบที่ไหล่มนของเขาเบาๆ ไม่หันมายิ้มล้อเลียนอย่างที่เคย
เซอร์ไพรส์... เซอไพรส์จนหัวใจจะวายอยู่แล้วเนี่ย!
.
.
น้อย - วัชราวลี
http://www.youtube.com/v/l_19et9L2nc.
.
ปล. อัพ 9.00AM เมื่อคืนตอนลงง่วงมากเลยลืมมาแจ้งข่าวค่ะ
อีก 2 ตอนจะจบแล้วนะคะ ปล.2 อยากให้มีดราม่าเคล้าน้ำตาบ้างหรือเปล่าเอ่ย เบื่อบ้างไหมเรื่อยๆงุ้งงิ้งแบบนี้
แต่คนเขียนชอบนะ ชีวิตกินมาม่ามาเยอะแล้วอ่านนิยายให้มีความสุขกันดีกว่าเนอะ
ปล.3 ลงไบค์พีคแล้วนะคะ กลัวไม่เห็นกันจังเลย ... ชื่อเรื่อง Paint Your Love แต่งแต้มเติมรัก นะคะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43624.0