“วันหลังก็ไม่ต้องซื้อแล้วชาเขียวสตาร์บัคอะ เสียดายเงิน ไม่ได้ชอบกินขนาดนั้น” เสียงแหบเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังเช็ดขนเจ้าหมาตัวขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ เจ้าพิซซ่าสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลนั่งนิ่งมองเจ้าของตัวเองที่กำลังเช็ดขนให้ หมอบนอนลงอย่างเพลิดเพลิน
“ทำไมอยู่กับพี่ต่ายมันไม่เห็นซนเลยอะ ปกติหมาพันธุ์นี้ซนนรกเลยนะเนี่ย” บาสถามอย่างประหลาดใจ เพราะตามลักษณะนิสัยของสุนัขพันธุ์นี้นั้นมักจะอยู่ไม่นิ่ง แถมยังชอบขุดทำลายข้าวของไปทั่ว แต่ชายหนุ่มสังเกตมองรอบบ้าน นอกจากลูกบอลที่เละไม่เป็นชิ้นดี กับตุ๊กตาของเล่นแล้ว มันก็ไม่เห็นจะสร้างความเสียหายอื่นใด ผิดกับที่ได้เห็นตัวอื่นๆเป็น
“ก็พูดกับมันสิ มันก็ฟังรู้เรื่อง ... คนแถวนี้กลับประหลาดฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง” ประโยคหลังบานอุบอิบในลำคอ แต่ยังไงเขาก็คิดว่าอีกคนก็คงได้ยินอยู่แล้ว ก็อยู่ใกล้กันเสียขนาดนี้
“ฟังรู้เรื่องสิครับ แหม พี่ต่ายบอกไม่ต้องซื้อแล้วชาเขียวอะ ไม่บอกผมแต่ทีแรกเล่า ทิ้งแบบนั้นเสียดายแย่ เพื่อนผมมันยังบอกเลยว่าถ้าพี่ต่ายทิ้งอีกให้บอก มันจะไปรอเก็บจากถังขยะ” พูดติดตลก
“แล้วรู้ได้อย่างไรว่าทิ้งทุกครั้งที่ได้ ... นี่สะกดรอยตามทุกอย่างเลยหรือไง ฉันชักจะกลัวล่ะ แจ้งตำรวจเอาไว้ดีกว่า”
“ผมไม่ได้ตามเองหรอกพี่ต่ายก็ ในโรงบาลเนี่ยพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ผมจะเข้าไปดูได้ยังไง๊ ใครเอาไปให้พี่เค้าก็มาบอกผมเองแหล่ะ” เขาแก้ตัว มองว่าที่คุณหมอหน้าสวยที่หรี่ตามองอย่างคาดโทษ
“อ้อ รู้แล้วว่าควรไปไล่เบี้ยกับใคร ติดสินบนอะไรพี่เดือนไว้ล่ะ”
“หมอต่ายว่าผมหล่อไหมอะ”
“อย่าเปลี่ยนเรื่อง”
“โธ่ ผมก็กำลังจะบอกนี่ไงว่าผมใช้ความหล่อของตัวเองติดสินบนเจ๊เค้าเอาไว้ไงพี่” พูดพร้อมยิ้มกว้าง ต่ายมองหน้าอีกฝ่ายทำท่าโก่งคอจะอ้วก ไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน
“งั้นก็ใช้ความหล่อเท่าที่มีของนาย ไปจีบผู้หญิงดีกว่าไหมล่ะ”
“พี่ต่าย ผมถามอะไรอย่างดิ”
“อย่างเดียวนะ” ย้อนกลับอย่างว่องไว
“โอ้ย ผมเปรียบเทียบครับพี่ งั้นเปลี่ยนเป็นผมขอถามอะไรหลายๆอย่างหน่อยได้ไหมครับพี่ต่าย” บาสโอดครวญ คนตัวโต นอนเอนบนพื้น แทบจะลงไปเกือกกลิ้งกับเจ้าพิซซ่า คนตัวบางกว่าเลยมองนิ่งๆ พลางคิดในใจว่าพื้นยังไม่ได้ถู ก็มีคนอาสาเอาตัวลงไปถูให้ นี่มันดีจริงๆ
“ให้อย่างเดียว” เขายื่นคำขาด “ไม่พอใจก็ไม่ต้องถามอะไรอีกเลย”
“ก็ได้ ก็ได้ครับ ผู้ชายนี่จีบยากอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่าวะเนี่ย” ประโยคหลังแอบพึมพำทำปากขมุบขมิบ หมอต่ายมองหน้า “อย่างเดียวนี่มันยากนะ ผมมีเรื่องที่อยากรู้เต็มไปหมดเลย อย่างเช่นพี่ต่ายชอบกินอะไรนอกจากชาเขียว ชอบทำอะไรในวันหยุดแบบนี้ มีเพื่อนกี่คน เป็นลูกคนที่เท่าไร เคยมีแฟนไหม หรืออย่างเรียนหมอหนักไหม ยากหรือเปล่า พี่เหนื่อยไหม ผมเห็นพี่ต้องทั้งเรียนและเข้าเวรไปพร้อมๆกัน พี่ว่างตอนไหนบ้าง ผมไม่เคยมีเพื่อนเรียนหมอ แต่ก่อนก็ไม่อยากมี ผมว่าคนเรียนหมอนี่มันต้องพราวอะพี่ แบบข้าภูมิใจ ข้าสูงส่งกว่าคนอื่น ชอบมองคนอื่นเหยียดๆอะไรแบบนี้อะ”
พูดเสียยืดยาวจนว่าที่คุณหมอนึกขำ ส่ายหน้าเล็กน้อย “คิดอะไรแปลกๆ ไม่รู้ว่าคนอื่นเขาคิดแบบนี้เหมือนนายทุกคนหรือเปล่า แต่ถ้าคนเป็นหมอคิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าคนอื่น ดูถูกคนอื่น ถ้าหมอคนไหนคิดแบบนี้ก็ไม่ควรรักษาคนไข้ ลองคิดดูนะ ถ้าเป็นนายเจอคนที่เป็นโรคติดต่อร้ายแรงมากๆ นายจะอยากอยู่ใกล้เขาไหม?”
“เพื่อนกันยังไม่อยากใกล้เลยพี่”
“แต่คนเป็นหมอไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่ญาติพี่น้องหรือคนรู้จักก็ต้องรักษา ต้องอยู่ใกล้ ต้องให้กำลังใจคนไข้ให้เขาสู้กับโรคนั้นๆได้ ต้องไม่รังเกียจคนไข้ ไม่ว่าเขาจะรวยหรือจนเราก็ต้องให้การรักษาแบบเท่าเทียมกัน เคยเจอหมอคนไหนเห็นคนไข้เจ็บป่วยมาแล้วมองคนไข้อย่างเหยียดหยามเหมือนอย่างที่นายคิดหรือเปล่าล่ะ?”
บาสคิดในใจแล้วส่ายหน้า “ไม่มีนะพี่”
“ใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นอย่าคิดเลยว่าคนเรียนหมอ หรือคนเป็นหมออยู่เหนือกว่าคนอื่น เราอยู่ใต้คนอื่นด้วยซ้ำเพราะไม่ว่าจะป่วยแค่ไหน จะจนหรือรวย หน้าที่คือต้องรักษาเขาให้หาย เราทำงานกัน 24 ชม.นะ ไม่เหมือนอนาคตนายช่างใหญ่อย่างนายหรอก เข้างานแปดโมง ห้าโมงเลิกงานตั้งวงเหล้า” แอบกัดให้เจ็บน้อยๆ เห็นอีกคนหัวเราะร่าอย่างยอมรับข้อกล่าวหาโดยดี
“เด็กวิศวะ ไม่มีเหล้างานไม่เดินนะพี่ สมองไม่แล่น มันจะหงุดหงิดจิตงุดเงี้ยว” พูดให้คล้องจองติดตลกพอเป็นพิธี พอเห็นคนหน้าสวยหัวเราะในลำคอแล้วก็ยิ้มตาม
“ผมว่าผมชอบพี่จริงๆอะแหละ” โพล่งขึ้นมากลางปล้องอย่างไม่มีเหตุผล “พี่ไม่เหมือนคนอื่น ผมอยู่ใกล้แล้วแฮปปี้ มีความสุข ผมชอบที่พี่ยิ้มนะ พี่ยิ้มสวยมาก ผมอยากให้พี่ยิ้มเยอะๆ ดีกว่าขมวดคิ้วตั้งเยอะ”
“ฉันก็ไม่ได้หน้าบึ้งเป็นปกติอย่างที่นายเห็น มันเป็นเพราะปวดประสาทกับนายนั่นแหละ”
“พี่ต่ายใจดีด้วย”
“เห็นคนแถวนี้เจอกันกี่ครั้งก็บอกว่าใจร้าย”
“พี่จำได้ด้วย” บาสผุดลุกขึ้นนั่ง เจ้าหมาน้อยเห็นคนรู้จักของเจ้านายลุกขึ้นนั่งแล้วก็คิดจะชวนตัวเองเล่นด้วย กระโดดโลดเต้นสะบัดหางไปมารอบๆ ไม่รู้ทำไมแต่เขารู้สึกว่าเขากำลังเห็นภาพทับซ้อนเป็นหมาสองตัวที่หูกระดิกสะบัดหางพร้อมๆกัน
“ความจำไม่ได้เสื่อมนี่” เขาตอบ มือขาวรวบอุปกรณ์เช็ดตัวสุนัขที่กองเต็มชานบันไดหน้าบ้านรวบเข้าหากันลวกๆ ลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งสุนัขสองตัวเกลือกกลิ้งอยู่ที่เดิม เสียงทุ้มหัวเราะลั่น
“พิซซ่า พี่ต่ายโคตรน่ารักอะ!”
