
ขุนจำเริญท่านรุกแรงเหลือเกินขอรับ
ไอ้ลอยถอยร่นจนเกือบตกเตียง...คริคริ

****************************************
ทาสรัก...สมัครใจ....13
ขันเงินสลักลายพุ่มข้าวบิณฑ์เทพพนมใบใหญ่ จุน้ำอุ่นสะอาดค่อนขัน
ในมือของไอ้ลูกทาส สั่นงันงก น้ำไหลเทลาดเอียงไปมาจนน่าวิตก
จวนเจียนจะกระฉอกออกนอกขันก็หลายหนหลายครา
ด้วยคนถือมันข่มใจสกัดกั้นอย่างหนัก กลับมิอาจนิ่งสนิทดังใจหมาย
สายตาเบิกกว้าง ตะลึงงัน...กับภาพเบื้องหน้า....
บนเตียงฟูกยัดนุ่นหนานุ่ม ปูด้วยผ้าไหมเนื้อดีสีขาวสะอาดตา
มุ้งผ้าโปร่งลายเม็ดพริกไทย ทอละเอียด รวบมุมไว้ด้านหลังให้พ้นเตียง
บัดนี้มีนางฟ้านางสวรรค์เอนกายระทดระทวย อิงแอบแนบหมอน
กายงามใต้แพรเพลาะสีหวาน จักมีสิ่งใดขวางกั้นก็หาไม่
ไอ้ลูกทาสเหลือบตาคมของมัน ดูดวงหน้าหวานของขุนจำเริญ
บอบบางอ่อนหวาน ละมุนละไม พริ้มเพรา ในความคิดของมัน
ลำคอยาวเรียวกลมกลึงเหมาะเจาะ สมตัว
สายตาไอ้ลอยทอดยาวลงมาถึงเนินอก โผล่พ้นผ้า
แสงนวลจากตะเกียงที่หรี่ลงตั้งแต่คราใด ไอ้ลอยมิทราบได้
ด้วยมิได้เป็นต้นตอที่ทำให้ไส้ตะเกียงหรี่ลง จนแสงอ่อนจาง
แสงนวลตกกระทบผิวเนื้อเนียนละเอียดของขุนจำเริญ
ไหล่กลมมนสองข้างห่อเข้าหากันเล็กน้อย
ขนบางน้อยนิดสีอ่อนบนเรียวแขนท่าน พร้อมใจกันตั้งชัน
อากาศยามดึกดื่นค่อนคืน ลมกรูเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอน
“ลอยเอ๋ย ลมแรงนักข้าหนาวจนสะท้านกาย
เอ็งจงปิดงับหน้าต่าง แง้มไว้พอหายใจเสีย”
เสียงขุนจำเริญ แผ่วหวาน ออดอ้อนเอากับไอ้ลูกทาส
อีกยังสายตากรุ้มกริ่มยิ้มยวน ชวนเชิญ
ไอ้ลอยรับคำเสียงแหบพร่า คอมันแห้งผาก
ใจสั่นหวั่นไหว กล้ำกลืนน้ำลายฝืดฝืน
“ขะ ขะ ขอรับคุณท่าน”

ขันเงินใบใหญ่วางลงบนโต๊ะข้างเตียง มือใหญ่แข็งแรงกลับมิมั่นคง
น้ำอุ่นในขันกระฉอกออกมาหกเลอะเปรอะ เนื้อไม้สลักเสลา
ไอ้ลอยงกเงิ่นระคนประหม่า มิรู้จักทำเยี่ยงใด จักทำสิ่งใดก่อนหลังดี
จักปิดงับบานหน้าต่างเสียก่อนดี ฤาจักเช็ดน้ำที่หกรดโต๊ะ
ขุนจำเริญเม้มปากกลั้นรอยยิ้ม แล้วกลับทอดกายระทวยลงกับที่นอน
สายตาปรารถนามิปิดบังแรงพิศวาส แววหวานวูบส่อส่งมา มิวางตัว
ไอ้ลอยรีบเร่งงับหน้าต่าง บานไม้หลุดมือด้วยลนลาน
“ปัง”
บานหน้าต่างกระแทกขอบคิ้ว ไอ้ลอยรีบจับยึดแต่มิทันการ
“ขอ..ขอโปรดอภัยให้กับความงุ่มง่ามของไอ้ลอยด้วยเถิดขอรับ”
ไอ้ลอยรีบหันกลับมาหาขุนจำเริญ ที่นอนทำหน้ากรุ้มกริ่มเจ้าชู้อยู่บนเตียง
มันยอบตัวหมอบลง แล้วระล่ำระลักในความพลาดพลั้งเผอเรอ
ขุนจำเริญยิ้มหวานหยดย้อย ดวงตาฉ่ำเยิ้ม
ลิ้นแดงเล็กซุกซน โผล่แพลมไล้เลียริมฝีปากบาง ยวนยั่ว
ท่านส่ายหน้าไปมาน้อยๆ อย่างมีจริตงามตา พาเคลิบเคลิ้ม
ขุนจำเริญขยับกายเลื่อนตัวขึ้นมานั่งพิงหมอน ที่หัวเตียง
แพรเพลาะสีหวานละม้ายคล้ายดวงหน้า พลันเลื่อนไหล
ลงกองตระกองเกาะกอด รอบเอวบาง
ผิวเนียนนวลไร้ราคี โผล่พ้นให้ได้ยล
ตุ่มไตเม็ดเล็กกลางอก สีแดงเรื่อ หดตัวนูนเด่นทั้งสองข้าง
นางอัปสร ฤา นางกินนร ล่อหลอกถอดปีกหาง กันหนอ
จึ่งหลงเหลือเพียง ผิวเนื้อนางงามละออ
ไอ้ลอยเดิมทีประหม่างันงกมิใช่น้อย
มาบัดนี้หัวใจลูกทาสเต้นรัวแรง แทบทะลุออกนอกอกกำยำ
มือไม้เย็นเยียบ หากกายร้อนผ่าว ระอุทั่วตัว
จำปีหนุ่มฉกรรจ์ขยับขยาย ดันตัวในผ้าโจงผืนบางจนปวดหนึบ

“ขอ..ขอรับคุณจำเริญ”
ไอ้ลอยพูดออกไป ปากคอแห้งผากจำต้องแลบลิ้นหนาเลียริมฝีปาก
หัวมันเบาโหวงราวกับมิมีสิ่งใดบรรจุอยู่
คล้ายโดนค้อนปอนด์ขนาดมหึมา ทุบลงตรงกลางหน้าผาก
มึนงง อื้ออึง ตาพร่ามัว
มันสะท้านร้อนรุ่มไปทั่วตัว เลือดลมฉีด พุ่งพล่าน
ฝืนระงับเก็บงำกริยา สูดลมหายใจแล้วระบายออกทางปาก
เร่งปิดงับหน้าต่าง มิสนิทนัก แย้มออกพอถ่ายเท
ฉวยผ้าตรงพื้นกระดานขึ้นมา คุกเข่าเช็ดถูโต๊ะขมีขมัน
ซับรอยน้ำที่หกกระฉอกออกนอกขันเงินใบใหญ่
พลันไอ้ลอยเสียวสันหลังวูบ ผ้าเช็ดถูเนื้อไม้ ในมือมัน...
กางแกงแพรสีหมากสุกผ้าลื่นเนื้อดี
มันหมดแรงเลยทรุดตัวหมอบนิ่งก้มหน้า อยู่หน้าโต๊ะข้างเตียง
“ช่างมันเถิด มิใช่สิ่งสำคัญ เพลานี้ข้าเหนียวตัวนัก
สร่างไข้เหงื่อไหลระคายตัว เอ็งเร่งเช็ดเนื้อตัวข้าให้ไว
ตาข้าจวนปิดเต็มที”
ขุนจำเริญกล่าว เสียงสะท้านท้ายคำ แต่ไอ้ทาสคนโง่มันมิทันรู้
ไอ้ทาสลอยละทิ้งผ้าแพรในมือ
ฉวยผ้าเนื้อนุ่มจุ่มน้ำอุ่นในขันเงิน
บรรจงบิดผ้าจนหมาดชื้น
ขยับตัวไปคุกเข่าอยู่ชิดติดเตียง
ยื่นมือสั่นเทาข้างที่กำผ้านุ่ม เกร็งจนข้อนิ้วปูดโปน
สัมผัสแรกแตะลงตรงผิวเนื้อนวลเนียน
ขุนจำเริญสะดุ้ง สะท้านกาย สูดปากน้อย
ไอ้ทาสคนซื่อรำพันในอก
"ใยขุนจำเริญแกล้งมาเย้ากัน ให้หวั่นใจ"
มันสูดลมหายใจอย่างกลัดกลุ้ม รุมเร้า
กลิ่นกายฟุ้งหอมจากกายท่านโชยโดยพระพาย
กระจายทั่วห้องหับ หวานหอมชวนสูดดม

“พักตร์น้องละอองนวลปลั่งเปล่ง
ดังดวงจันทร์วันเพ็ญประไพศรี
อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์
ดังกินนรีลงสรงคาลัย
งามจริงพริ้งพร้อมทั้งสรรพางค์
ไม่ขัดขวางเสียทรงที่ตรงไหน
พิศพลางประดิพัทธ์กำหนัดใน
จะใคร่ไปโอบอุ้มองค์มา” (อิเหนา)
“ลอยเอ๋ย ขยับขึ้นมานั่งเสียบนตั่งเตียงข้างตัวข้า
ห่างออกเป็นโยชน์จักเช็ดเนื้อตัวข้าได้เยี่ยงไร”
ขุนจำเริญกล่าวเสียงเบา หน้าแดงม้าน
นายเงินท่านประหม่า หากกดข่มเอาไว้
“ไอ้ลอยมิกล้าตีเสมอขุนจำเริญขอรับ”
ไอ้ลอยนิ่งเงียบอยู่เป็นครู่แล้วรวบรวมความกล้า
บอกความมิควรนั่งเสมอตัวนายเงิน
“เอาเถิดข้าสั่ง เอ็งก็จงทำตาม มิต้องเกรงผู้ใดจักล่วงรู้
เอ็งกับข้าอยู่ลำพังในห้องหับ อย่าชักช้าไอ้ลอยเอ๋ย
ข้าสะท้านไปทั้งกายด้วยความโง่เง่าของเอ็ง”
ขุนจำเริญหน้าง้ำทำปากยู่ ด้วยไม่พอใจ
เซอะซะน่ารำคาญใจ จักทำฉันใดกับมันดี
จะเอ่ยปากบอกกล่าวเยี่ยงไร ว่าใคร่ชิดใกล้

“ขอรับคุณจำเริญ”
ไอ้ลอยรีบขยับตัวลุกขึ้นจากพื้นห้อง
ทรุดกายหมิ่นเหม่อยู่ริมเตียง
แรงลากไล้ผ้านุ่มหมาดจากสองมือไอ้ลูกทาส
วนเวียนไปทั่วกายช่วงบน
หากคราเวียนมาถึงตุ่มไตกลางอก กลับมิเลื่อนเปลี่ยนที่
วางนิ่งเฉยที่เดิม แขนแมนอ่อนเปลี้ย ราวกับมิมีแรง
“เช็ดหลังให้ข้าที เหงื่อชุ่มเปียกแฉะ ระคายตัว”
ขุนจำเริญว่าแล้วผินหลังเปลือยเปล่า
บั้นเอวคอด สะโพกกลมมน ตลอดจนเรียวขา ระทวยราบกับที่นอน
แพรเพลาะสีหวานผืนเดียวห่มคลุม
หลังไหล่ตะแคงอิงแอบแนบหมอนที่วางพิงหัวเตียง
ไอ้ลอยกลืนน้ำลาย แล้วรวบรวมกายใจ
จุ่มผ้านุ่มลงบิดในขันใหญ่
กำผ้าหมาดไว้แน่น บรรจงเช็ดแผ่วทั่วหลังไหล่ ตลอดลงมาถึงบั้นเอว
ไอ้ทาสลอยหายใจติดขัด ผิวพรรณขุนจำเริญช่างอ่อนละออ เหลือเกิน
มันตกอยู่ในภวังค์ความคิด มิทันระวัง
ผ้านุ่มหลุดจากมือ
สัมผัสในฝ่ามือคือแผ่นหลัง
เผลอไผลลูบไล้แผ่วเบา
ครั้นมือสากหยาบกร้านด้วยกรำงานทาส แตะลงบนแผ่นหลัง
ขุนจำเริญสั่นสะท้านไปทั้งตัว เม้มปากบางแน่น แต่มิวาย
“อืมมมม”

ไอ้ลอยพลันได้สติ ละมือออก แล้วเร่งฉวยผ้าผืนน้อยขึ้นมา
“มิต้องเช็ดแล้วลอยเอ๋ย ข้าหนาวสั่นไปทั้งตัว”
ขุนจำเริญหันกลับมา ไอ้ลอยมิกล้าสบตา
ไอ้ทาสคนซื่อผุดลุกขึ้นยืน รีรอหันซ้ายขวา
“กระผมจักไปนำผ้าผ่อนมาให้ท่านสวมใส่นะขอรับ”
ยังมิทันก้าวย่าง ขุนจำเริญคว้าข้อมือหนาเอาไว้ทัน
ครานี้ผ้านุ่มในมือหลุดตกอีกครา หล่นไปตกบนพื้นกระดาน
“ความไข้นุ่งเสื้อห่มผ้าเท่าใดก็มิหายดอก ลอยเอ๋ย”
ขุนจำเริญมิรู้จักสื่อเยี่ยงใดให้มันรับรู้ จุดหมายที่ต้องการ
“กระผมจักไปขอยาต้มที่โรงครัวจะเป็นการดีหรือไม่ขอรับ”
ไอ้ลอยจับจ้องมือน้อยของนายท่าน
ยังมิปล่อยมัน ให้อิสระ
กลับบีบแน่น ราวกับกลัวมันหนีหาย
“มือขุนจำเริญเย็นนักขอรับ โปรดรอไอ้ลอยเพียงอึดใจ...ไอ้ลอยจัก...”
“ชู่ว...มิต้องพูดจาให้มากความ เอ็งขึ้นมาบนเตียงข้า
ไออุ่นจากตัวเอ็ง จักคลายความไข้ให้ข้าได้”
ขุนจำเริญหน้าแดงกล่ำ ท่านค้อนควักให้กับความซื่อของไอ้ลอย
ไอ้ลอยทรุดตัวลงนั่งอย่างช้าๆ
ขุนจำเริญอดทนรอจวบจนมันขึ้นมานั่งข้างตัว แล้วสั่งมันเสียงสั่นเทา
“นอนลงสักทีสิ ข้าง่วงจนจักลืมตามิขึ้นแล้ว”
ไอ้ลอยมองหน้าขุนจำเริญที่บัดนี้ก้มงุด เอียงอายราวสตรี
มันรวบรวมแรงใจแล้วกลั้นใจ ทอดตัวลงนอนเคียงข้าง

“กอดข้าสิลอย ข้าหนาวเหลือเกิน”
เสียงอ่อนหวานออดอ้อนของคนข้างกาย
ทำไอ้ลอยหัวใจพองโต
เทพยดาฟ้าดินท่านประทานเมตตามาหรือไร
เจ้าดวงใจของมันจึงเร่งเร้า รุกล้ำมันนัก
ไอ้ลอยสุดหักห้ามใจ
มันโผเข้าไปตระกองกอดขุนจำเริญจนแน่น
วงแขนแข็งแรงรัดแน่นรอบเอวบาง
ไอ้ลอยหายใจแรงด้วยแรงปรารถนาที่มันมิรู้แจ้ง
จนขุนจำเริญขวยเขิน
“ละ ละ ลอย”
ขุนจำเริญซบหน้าลงกับแผ่นอกกำยำ
“ขะ ขะ ขอรับท่านขุนของไอ้ลอย”
ตะกุกตะกักกันทั้งนายทั้งบ่าว
เสียงคุณจำเริญที่กล่าวกลับมา
ไพเราะจับใจไอ้ลอยยิ่งนัก
“ถะ ถอดผ้านุ่งเอ็งเสีย"
"ผ้าเอ็งเปียกชื้น"
"จักทำที่นอนข้าเสียหาย”

********************************************
กระผมเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินขอรับ
ขอตัวไปดื่มน้ำ ปัสสาวะขอรับ
ฮะ ฮะ ฮ่า ....

ขันเงินลายพุ่มข้าวบิณฑ์เทพพนม (จากภาพ)
ที่ไอ้ลอยทำน้ำ(อุ่น) กระฉอกขอรับ (คริ คริ)
[attachment deleted by admin]