
อรุณสวัสดิ์ขอรับนายท่าน.....
เมื่อวานกระผมพิมพ์ได้มิมากนัก ด้วยภาระหน้าที่ต้องเชียร์บอลขอรับ
หากเนื้อเรื่องในตอนนี้คงช่วยบรรเทาความขุ่นเคืองของนายท่านจากการรอคอยนะขอรับ
ตัวกระผมเองนั้น นิ้วน้อยจิ้มพิมพ์ที่แป้น หากอกใจเต้นระรัววาบหวิว
ปากคอมันแห้งผาก นั่งบิดนั่งเกร็งไปทั้งกาย สะท้านตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
อีกยังต้องคอยเหลียวหน้ามองหลังอย่างหวาดหวั่น ด้วยเกรงกลัวจักมีผู้ใดผ่านมาเห็นขอรับ

***********************************************
ทาสรัก....สมัครใจ....30
“ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน
ไม่ยินและไม่ยล อุปสรรคใดใด”
“ความรักเหมือนโคถึก กำลังคึกผิขังไว้
ก็โลดออกจากคอกไป บ่ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง”
“ถึงหากจะขังไว้ ก็ดึงไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง บ่ หวนคิดถึงเจ็บกาย”
“มัทนะพาธา บทพระราชนิพนธ์ ร.6”
(เพลานั้นยังมิถึงรัชสมัยร.6 นะขอรับ
หากกระผมขอหยิบยกมาเปรียบเปรยขอรับ)
นางแฉล้มส่ายหน้าช้าๆอย่างอ่อนอกใจกับภาพตรงหน้า
คราเห็นไอ้ลอยมิลังเลรั้งรออันใด
มันกระโจนลงสายน้ำมืดดำเบื้องหน้า
ดังโบราณท่านว่าไว้ นางจักกักขังไอ้ลอยไว้ได้เยี่ยงไร
หากกายแลใจของไอ้ลอยมันมิได้อยู่ร่วมกันเยี่ยงนี้
“จำข้าจักต้องเอาหูไปนา เอาตาไปไร่เสียกระมัง”
นางแฉล้มรำพึงออกมา แล้วถอนหายใจ
ราตรีนั้นกลางสายน้ำดำมืดเย็นเยียบ
ไอ้ลอยมิคิดคำนึงเกรงกลัวภยันตรายใดๆอันจักเกิดแก่มัน
เรี่ยวแรงมีเท่าใดไอ้ลอยมันถาโถมลงไปจนหมดจนสิ้นมิมีออมไว้
ด้วยยิ่งเร่งเร็วเท่าใด
ระยะห่างของดวงใจแห่งมันยิ่งลดลงเท่านั้น
เคราะห์ดีที่สายน้ำไหลเอื่อยไหลเรื่อย
ช่วยเอื้อหนุนนำพาไอ้ลอยไปในทิศทางเรือนแพ
เวลาผ่านเนิ่นนานเท่าใดแล้วมิรู้ได้
หากยิ่งใกล้จุดหมายปลายทาง
อกใจของไอ้ลอยยิ่งเต้นรัวแรงอึกทึกครึกโครม
ปีนป่ายขึ้นนั่งพักเหนื่อยริมตลิ่งที่คุ้นเคย....ชายท่าน้ำแห่งเรือนรัก
ไอ้ลอยทิ้งกายระโหยแลอ่อนเปลี้ยของมันลงนอนราบไปกับพื้นหญ้านุ่ม
ลมหายใจดังฟืดฟาด มันทั้งหอบทั้งเหนื่อยแลตื่นเต้นปะปนระคนกัน
ตาคมเข้มเขม้นมอง แลเห็นแสงตะเกียงเรืองรองสาดส่องตกกระทบมา
ขุนจำเริญ.....คนบนเรือน คงจักยังมิเข้าสู่ภวังค์หลับใหลเป็นแน่
“ดวงใจของไอ้ลอยขอรับ ไอ้ลอยมาแล้วขอรับ”
หัวใจของไอ้ลอยคนซื่อร่ำร้องเรียกหาขุนจำเริญจนดังก้องในอก
ชั่วลมหายใจคลายเหนื่อยหอบ ไอ้ลอยเร่งผุดลุกยืนขึ้น
ชะเง้อชะแง้ริมรั้วด้านชายท่า ครั้นเห็นว่าปลอดโปร่งหนทางโล่ง
ไอ้ลอยจึงเดินย่างก้าวเข้าไปจนชิดแนวกั้น
มันยอบตัวก้มลงต่ำสองมือหนาบรรจงถอดแผ่นไม้ที่หมายตาเอาไว้
ตะปูอันตอกติดแนวรั้วถูกคลายให้หลวมคอยท่า
ตั้งแต่ครามันจักจากไป เพียงเพื่อรอเพลามันกลับมาเยือนเรือนแพ
“มิเสียแรงที่ไอ้ลอยคนซื่อ ได้วาดหวังแผนการเอาไว้ล่วงหน้า”
ไอ้ลอยมุดกายกำยำของมันรอดช่องริมรั้วเข้าไปในอาณาเขตเรือนแพ
แล้วมันจึงยกไม้ที่ถอดถอนกลับปิดลงตามเดิม
ไอ้ลอยคนซื่อเดินแกมวิ่งเข้าไปด้านข้าง
จวนใกล้ถึงบันไดเรือนแพ จังหวะเดินเข้าประชิดติดตัวเรือน
มันเงยหน้าขึ้นมองด้วยเป็นฝั่งด้านห้องหับขุนจำเริญ
หน้าต่างบานนั้นเปิดกว้าง
แสงสลัวเรืองรองจากตะเกียงในห้อง
ส่องผ่านแผ่นหลังบอบบางของนายท่าน
ที่ยืนใจลอยพิงกรอบหน้าต่าง
สีหน้าท่านเป็นเยี่ยงไรไอ้ลอยมิสามารถมองเห็น
หากไหล่กลมมนงองุ้ม แลร่างบางที่ยืนนิ่งขึงอยู่กับที่
บ่งบอกภาวะจิตใจของขุนจำเริญได้ดี
“โถ...ขุนจำเริญของไอ้ลอย”
ไอ้ลอยกระพริบตาถี่ๆ
ให้หยาดน้ำที่คลอออกมาไหลย้อนกลับเข้าไป
แล้วกล้ำกลืนก้อนแข็งในลำคออย่างยากเย็น
“ขุนจำเริญขอรับ ไอ้ลอยมาแล้วขอรับ”
ไอ้ลอยส่งเสียงร้องเรียกถึงสามครา
ขุนจำเริญจึงได้หันมา
“ละ...ลอย...ลอยจริงๆด้วย”
สองมือน้อยกำกรอบหน้าต่างไว้แน่น ปากคอสั่นระริก
“ไอ้ลอยเองขอรับ ไอ้ลอยกลับมาแล้วขอรับ”
ไอ้ลอยส่งยิ้มมากำนัลให้ขุนจำเริญ
“รอ..รอประเดี๋ยวนะลอยของข้า”
ขุนจำเริญระล่ำระลัก
“ยิ่งปั่นป่วนรวนเรเสน่ห์รัก
สดจะหักวิญญาณเหมือนบ้าหลัง
อุตลุดผุดทะลึ่งขึ้นตึงตัง
โดยกำลังโลดโผนโจนกระโจม”
(บทเจ้าชู้ยักษ์ของนางผีเสื้อสมุทร)
เสียงเอะอะตึงตังโครมคราม คาดว่าจักต้องมีสิ่งใดตกหล่นเสียหาย
ไอ้ลอยได้สติรีบรุดขึ้นบันไดเรือนแพ
ประตูเรือนแพเปิดอ้าออกยังมิทันสุด
ขุนจำเริญโถมกายมาหาไอ้ลอย สองมือลูบไล้ใไปทั่วใบหน้าคมสัน
จวบจนพอใจแล้วจึงประคองหน้าไอ้ลอยไว้ในอุ้งมือน้อย
“ลอย ลอยจ๋า ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน”
ว่าได้เพียงเท่านี้
สองตาของขุนจำเริญก็กลบไปด้วยหยาดหยดน้ำตาเสียแล้ว
“ทูนหัวของไอ้ลอย อย่าร้องไห้เลยนะขอรับ
ใจไอ้ลอยมันจักขาดเสียให้ได้”
ไอ้ลอยตระกองกอดยอดรัก
จูบซับน้ำตาที่ไหลพร่างพรูออกมามิได้หยุด
กายร้อนผ่าวของขุนจำเริญสะท้าน
ยามสัมผัสกอดรัดกายเย็นหลังขึ้นจากน้ำของไอ้ลอย
“เข้ามาข้างในเถิดลอยเอ๋ย เจ้าคงจักว่ายตามน้ำมาใช่ฤาไม่”
ขุนจำเริญลากแขนกำยำของไอ้ลอยเข้าเรือนแพ
“ขอรับขุนจำเริญ ไอ้ลอยว่ายน้ำตามหาดวงใจของมันขอรับ”
ว่าแล้วไอ้ลอยมันก็ก้มลงจูบสองแก้มนวล
“ไอ้ลอยคิดถึงขุนจำเริญ คิดถึงที่สุดขอรับ”
เสียงนุ่มพร่ำบอก
พร้อมปากร้อนที่คอยวนเวียนมอบสัมผัสรุ่มร้อนบนริมฝีปาก
สองมือหยาบกร้านเริ่มสอดเข้าไปใต้เสื้อผ้าป่านเนื้อบางที่ขุนจำเริญใส่อยู่
ลูบไล้กายหอมเย้ายวนอย่างเพลิดเพลิน
ในเพลาเดียวกัน
ริมฝีปากหนาก็ยังคงขบเม้มสร้างร่องรอยจางบนต้นคอขาว
ก่อนจะเลื่อนไล้ไปที่ลาดไหล่มน
เสื้อตัวบางที่สวมใส่อยู่รุ่ยหลุดลงลงคราใดมิมีผู้ใดสนใจ
หากเผยให้เห็นผิวขาวนวลเนียนราวสตรี
ยิ่งทำให้สติของไอ้ลอยคนซื่อกระเจิดกระเจิงไปอีก
ขุนจำเริญปรือปิดเปลือกตาตาลงอย่างเคลิบเคลิ้ม
สัมผัสวาบหวิวที่ได้รับขับกล่อมให้ร่างกาย ตอบสนองไปตามธรรมชาติ
*************************************************
“อาาา ละ...ลอย...ลอยจ๋า”
เสียงหวานครางผะแผ่ว คราส่วนอ่อนไหวภายใต้ร่มผ้าเพลานี้
ถูกอุ้งมือใหญ่หยาบกร้านนวดคลึงจนจำปีน้อยแข็งขึงเต็มที่
นิ้วมือของไอ้ลอยที่คอยบดขยี้ส่วนปลายดอก สร้างความเสียวซ่าน
จนร่างบางเกร็งตัวขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ
อีกทั้งฟันคมที่ขบหยอกล้ออยู่ที่ยอดอกสวย
ขุนจำเริญฝืนทนมิไหว จำต้องผละมือมากดศีรษะของไอ้ลอยคนซื่อ
ให้มันเร่งรีบสร้างความกระสันมากขึ้นกว่านี้อีก
“งามเหลือเกินขอรับ...ขุนจำเริญของไอ้ลอย”
ไอ้ลอยเลื่อนใบหน้าคมมาพรมจูบที่แก้มนวลสีก่ำ
ตอกย้ำถ้อยคำว่างามอย่างที่บอก
ในสายตาของไอ้ลอยเพลานี้ตอนนี้ขุนจำเริญท่านงามจริงๆนี่นา
ใบหน้าขาวเนียนกลายเป็นสีแดงราวกับแต้มแต่งด้วยสีชาด
ดวงตาคู่สวยยังฉ่ำหวานซึ้ง
อีกทั้งริมฝีปากบางบวมแดงจากรสจูบที่เผยอหอบราวยั่วยวน
เยี่ยงนี้ไฉนเลยไอ้ลอยจักอดทนได้ ในอันที่จะลิ้มชิมเรียวปากบางนั่นอีกครา
ไอ้ลอยแทรกลิ้นหนาของมันแลกรสหวานจากโพรงปากของขุนจำเริญ
“อ๊ะ......”
ขุนจำเริญสะดุ้งสุดตัว ครารับรู้ถึงความคับแน่นที่ช่องทางด้านหลัง
ด้วยสัมผัสที่ห่างหายไปราวกึ่งเดือน ทำให้กายบางเกร็งขึ้นมาอัตโนมัติ
ไอ้ลอยพรมจูบที่ปลายคางมน
สอดแขนกำยำของมันยกเรียวขาขาวให้มาแนบกับสะโพกตน
เปิดช่องทางให้สามารถสอดนิ้วเข้าไปสำรวจได้
“ยะ...อย่า..ละ...ลอย...อย่า”
ขุนจำเริญร้องห้ามเสียงสั่นพร่า
“อย่าห้ามไอ้ลอยเลยขอรับ”
นิ้วสากหยาบกดสอดเข้าไปลึกอีก
ขุนจำเริญซบใบหน้าหอบหายใจกับไหล่กว้าง
แม้นจะรู้สึกเจ็บแต่นิ้วอุ่นร้อนของไอ้ลอยนั้น
กลับสร้างความรู้สึกวาบหวิวให้แก่ขุนจำเริญยิ่งนัก
นิ้วหยาบกร้านขยับเข้าออก
กลับยิ่งทำให้ขุนจำเริญรู้สึกดีอย่างประหลาด
เผลอคลายความเกร็งของร่างกายลง
ครางเสียงเครือครวญครางอยู่ในลำคอ
“อ๊ะ..ลอย...อย่าเพิ่ง..อ๊า..”
มือเพรียวบางบีบแขนกำยำของไอ้ลอยเอาไว้แน่น
ครารับรู้ว่ามีสิ่งที่ใหญ่กว่าเรียวนิ้วกดสอดลึกเข้ามาในช่องทาง
ใบหน้าหวานแดงก่ำเชิดเงยขึ้น
กัดริมฝีปากแน่นข่มความเจ็บร้าวที่ลามไปทั้งร่างกาย
ไอ้ลอยขบกรามแน่นคราช่องทางสีสวยที่มันคาดว่าจักเข้าไปได้โดยง่าย
เพลานี้กลับเกร็งรัดจำปีดอกใหญ่ของมันแน่น
ไอ้ลอยคนซื่อใช้สองมือหนาของมันจับเรียวขาขาวทั้งสองข้าง
มาเกี่ยวกระหวัดรัดรอบเอวของมันเอาไว้
พร้อมกับค่อยๆกดสะโพกบางลงมาบนจำปีดอกใหญ่ของตนจนมิด
“อ๊า..อูยยย..”
“อย่าเกร็งนะขอรับ หากเกร็งยอดรักของไอ้ลอยจักเจ็บนะขอรับ”
เสียงนุ่มทุ้มกระซิบปลอบ ขุนจำเริญพยักหน้าลงซบอกไอ้ลอย
แลพยายามผ่อนคลายลมหายใจ
ความเกร็งของช่องทางลดน้อยลงตามคำบอกของไอ้ลอย
หากแล้วก็ต้องผวากอดรั้งคอหนาไว้แน่น
เมื่อไอ้ลอยเริ่มขยับสะโพกแกร่งของมันเข้าออกช้าเนิบแต่หนักแน่น
ทุกการกระทำผิวเนื้อภายนอกของเจ้าจำปีใหญ่เสียดสีกับผนังเนื้อนุ่มจนสั่นระริก
สร้างความเสียวกระสันไปทั่วกายของขุนจำเริญ
จนเผลอครางออกมาอย่างสุขสม
อ๊า...ละ...ลอย...ลอยจ๋า”
จังหวะที่เคยช้าเนิบเริ่มเร่งเร้ารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
กายบางสั่นสะท้านจากแรงกระแทกแลแรงอารมณ์ที่พุ่งสูง
สะโพกกลมมนขยับตอบรับจังหวะของสะโพกแกร่งอย่างลืมตัว
ทว่ากลับสร้างรอยยิ้มบนริมฝีปากหนาด้วยความพอใจ
สองร่างสอดประสานบทรักอย่างเร่าร้อนและเต็มใจ
ขุนจำเริญสอดมือขยำเส้นผมดกหนา
คราเมื่อพายุอารมณ์เริ่มจะสิ้นสุดลง
ช่องทางด้านหลังตอดรัดจำปีดอกใหญ่
ที่เพลานี้คัดเคร่งเหมือนจะพาอีกคนไปพร้อมกัน
เสียงครางสองเสียงดังครางยาวเมื่ออารมณ์ถึงจุดสิ้นสุดพร้อมๆกัน
ขุนจำเริญหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
ไอ้ลอยคนซื่อมันกดจมูกโด่งคลอเคลียไปบนแก้มเนียนเพื่อสูดกลิ่นหอม
“ราตรีนี้ เจ้าอยู่เคียงข้างข้าเถิดลอยเอ๋ย”
เสียงหวานกล่าวแผ่วเบา
พร้อมกับเสใบหน้าไปทางอื่นราวกับเขินอายกับคำพูดของตัวเอง
ไอ้ลอยยิ้มกรุ้มกริ่มประคองดวงหน้าแดงก่ำของขุนจำเริญ
ให้หันกลับมารับจูบหวานก่อนจะกระซิบที่ข้างใบหูบางว่า
“ได้สิขอรับ ยอดรักของไอ้ลอย”
“อืมมมม”
เสียงหวานครางอื้ออึงในลำคอ
ด้วยลิ้นหนาของไอ้ลอยเลาะเล็ม
แล้วสอดแทรกเข้าไปเกี่ยวรัดรึงกับลิ้นเรียวของคนใต้ร่าง
อีกทั้งมือหยาบสากกร้านเริ่มซุกซน
ใบหน้าหวานผละออกมาหอบหายใจ
ดวงตาฉ่ำกับดวงตาคมมองสบตอบกันมิวางตา
นิ้วมือเรียวสวยยกขึ้นมาไล้กรอบหน้าคมสันราวกับต้องมนต์
“ข้าเป็นทาสรักของเจ้าเสียแล้ว...ลอยเอ๋ย”
เส้นผมสีเข้มที่ตัดสั้นขับให้ใบหน้าคมของไอ้ลอย
น่ามองแลแฝงความมีราศีจับตา
บัดนี้ไอ้ลอยดูดีขึ้นอีกหลายเท่า ดวงตาโตของมันคมกริบ
มีเสน่ห์ร้อนแรงราวกับจะแผดเผาไปทั้งร่าง
แล้วยังจมูกโด่งได้รูปแลริมฝีปากหนาสีธรรมชาตินั่นอีกล่ะ
ไฉนดูดีจนเกินไป ดูดีจนทำให้ขุนจำเริญควบคุมตนเองมิได้
ใบหน้าแดงก่ำจากเขินอายเลื่อนต่ำลง
ขุนจำเริญใช้ริมฝีปากที่บวมเจ่อจากรสจูบ
ค่อยๆขบเม้มไปทีละส่วนของกายไอ้ลอย
โดยมีสายตาคมมองตามไปอย่างไม่วางตา
ฟันคมงับหยอกที่ปลายคางเบาๆ
ปากจมูกสำรวจละเอียดลออไปทั่วทั้งใบหน้าด้วยความคิดถึง
สูดดมกลิ่น ชิมความหวานจากปากหนาจนหนำใจ
แล้วไล้เรื่อยลงมาตามลำคอหนาของไอ้ลอย ต่ำลงมาตรงแผงอกกำยำ
ลิ้นเล็กแดงซุกซนแลบออกมา จรดลงบนมัดกล้ามเนื้อแข็งแรง
ทำเอาไอ้ลอยสะดุ้งเฮือก
ความร้อนผ่าวเกิดขึ้นทุกคราที่ลิ้นไร้เดียงสานั้นลากไล้เลียลงแผ่นอก
ซอกแซกไปตามแนวกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยคล้ายกับต้องการจักค้นหา
ก่อนที่ปากบางร้อนจักกลับมาครอบกลืนยอดอกสีเข้มที่เริ่มแข็งชัน
“อาาา...ขุน...ขุนจำเริญของไอ้ลอย...อ๊า...”
ไอ้ลอยหลับตาแน่น
ความเสียวซ่านแล่นจากจุดไวต่อการสัมผัส
ลามไปถึงบางสิ่งบางอย่างที่ตื่นตัวอยู่เบื้องล่าง
ขุนจำเริญขุนนางหนุ่มน้อยค่อยๆขบเม้มตุ่มไตที่ดุนดันสู้ลิ้นอย่างช้าๆ
สลับกับใช้ลิ้นไล้เลียมันเล่นราวกับของเล่นชิ้นใหม่
ทำเอาคนถูกกระทำต้องจำทนด้วยทรมาน
ขุนจำเริญผละจากยอดอกที่กำลังดูดดุนอยู่แลย้ายมาอีกข้าง
สัมผัสเชื่องช้าเหมือนอย่างเดิม
ฟันขาวของไอ้ลอยขบกันไว้แน่น สะกดกั้นข่มอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
*****************************************
มือใหญ่จับหมับที่ไหล่บางกลมมนทั้งสองข้าง
พลิกผันร่างบางให้นอนลงกับเตียงก่อนจักตามมาคร่อมทับ
ลมหายใจที่กระชั้นชิดจากใบหน้าที่อยู่ใกล้กันมิถึงคืบ
ช่วยเร่งเร้าให้อารมณ์เพริศสูงขึ้นอย่างช่วยมิได้
ดวงตาคมบาดลึกหวานล้ำไล่มองใบหน้าหวานอีกครา
ก่อนจักประคองใบหน้าให้ปากหนาประกบกับริมฝีปากบางแผ่วเบา
แล้วไอ้ลอยคนซื่อก็เลื่อนปากหนาของมัน กระซิบที่ข้างหูของขุนจำเริญ
ด้วยแววตาเจ้าเล่ห์แลยิ้มกรุ้มกริ่มทั้งตาแลปากว่า
“ออมแรงไว้เถิดยอดรักของไอ้ลอย"
"ราตรีนี้ยังอีกยาวนานนักขอรับ”
********************************************
พร่ำคำรัก ป้อนคำหวาน มอบบทพิศวาส
ต่างเรียกร้องร่างกายของกันและกันอย่างกระหายอยาก
เท่าใดๆก็มิเพียงพอ จวบจนเวลาล่วงเลย นกกาออกหากิน
ฟืนไฟถูกจุด สิ่งมีชีวิตเริ่มต้นวันใหม่ตามกิจของตน
เสียงนกดุเหว่าร้องแว่วอยู่ไกลๆ
หากนกเงือกสองตัวผัวเมียกลับมิใส่ใจ
ด้วยพูดจาประสากายกันจนหนำใจ
มิทันจักเจรจาความภาษาพูด
กลับพลันหลับไปในอ้อมแขนของกันและกันไปเสียก่อน
“คุณพี่จำเริญเจ้าขา ตื่นหรือยังเจ้าคะ”
เสียงตะโกนเจื้อยแจ้วดังอยู่ริมรั้วเรือนแพพักใหญ่
สองกายเปลือยเปล่าใต้ผ้าแพรเพลาะสีหวานกลับนิ่งเฉยมิไหวติง
“คุณพี่จำเริญเจ้าขา ได้ยินน้องฤาไม่เจ้าคะ”
เสียงตะโกนมิยอมหยุด ด้วยร้อนรน
“ตื่นเถิดขอรับขุนจำเริญ”
เสียงตระหนกของไอ้ลอยดังอยู่ข้างหู

ขอขอบพระคุณทุกคอมเม้นท์ แลแจ้งคำผิดนะขอรับ
กระผมจักพยายามระมัดระวังให้จงหนักขอรับ

จากภาพ....ไอ้ลอยโจนลงสายน้ำดำมืด ด้วยไอ้ลอยจักไปตามหาดวงใจแห่งมันขอรับ
[attachment deleted by admin]