
ทาสรัก....สมัครใจ....45
“ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่
ข้ายังมิเคยพบเห็นงานมงคลใด
ใหญ่โตเยี่ยงนี้มาก่อน
เป็นบุญตาของข้าเสียเหลือเกินที่ได้มาดูมาแล”
“ช่างเหมาะเจาะสมกันเสียนี่กระไร
พวกเอ็งเห็นด้วยกันกับข้าฤาไม่
เจ้าบ่าวรูปร่างหน้าตาหมดจดงามสง่า
แลอีกยศศักดิ์นั้นก็สูงล้ำ
เจ้าสาวฤาก็แฉล้มแช่มช้อย
อ้อนแอ้นอรชร เอียงอายอ่อนหวาน
จริตกริยาวาจาแลมารยาทเพลาลุกนั่งเดินเหิน
ช่างงดงามเยี่ยงชาววัง”
“หากข้าเป็นคุณหนูแดง...
ตัวข้าคงลงนอนกองอยู่ตรงที่เดิม
ด้วยจะหยิบจับลุกนั่งอันใดก็ติดขัดไปเสียสิ้น
หลวงอรรถท่านก็เหลือเกิน
มิคิดจักเก็บกริยาอาการเอาไว้เสียบ้าง
จ้องมองกรุ้มกริ่มอยู่มิคลาดสายตา
ราวกับจักกลืนกินเจ้าสาวเสียทั้งตัว
สมคงอยากจักใคร่ให้ถึงเพลา
ส่งตัวเข้าหอห้องโดยไวแล้วกระมัง ฮะ ฮะ”
“ข้าว่าผ่านพ้นงานมงคลนี้อีกมินานนักดอก
นายท่านคงจักได้อุ้มชูคุณหนูตัวน้อยเสียแล้ว
ดูทีรึ หลวงอรรถท่านมองจ้อง
ราวกับใคร่อยากกลืนกินคุณหนูแดงเสียสิ้น”
“เอ็งลองมองดูเจ้าสาวเถิด
หน้าแดงตัวแดงราวกับกุ้งต้ม..ฮะ ฮะ”
เสียงนินทา....
ชื่นชมแกมริษยาของเหล่าสตรีทั้งหลายในที่แห่งนี้
มิเลือกชนชั้นว่าเป็นผู้ดีฤาไพร่ นายเงินฤาทาสในเรือน
มิได้ผิดแผกแตกต่างกันสักเท่าใดนัก
เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังแว่วขึ้นมาเป็นระยะ
ดังบ้างเบาบ้างคละกันไป
จักหยุดพักเงียบเสียงลงไปบ้างก็เพียงอึดใจ
คราผู้ชราสูงวัยเอ่ยห้ามปรามแลติเตียน
แต่ทว่าอีกสักเดี๋ยว ก็กลับมาวิพากษ์กันต่อ
“อิฉันว่าแม่หนูแดงงามสู้คุณพี่ของเธอมิได้สักนิดเจ้าค่ะ
เทียบกันมิติดฝุ่นผงเอาเสียเลย
รายคุณพี่เธอนั่นแหละที่เขาเรียกขานว่า
ราวกับเทพท่านบรรจงปั้นแต่งมา
งามลออตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
พิศด้านใดตรงใดให้ชวนมอง”
“ขุนจำเริญเป็นบุรุษเพศนะเจ้าคะ
จักงามเยี่ยงไรก็มิสู้สตรีได้ดอกเจ้าค่ะ”
“มิจริงดอกจ๊ะ
หล่อนแลดูผิวพรรณของขุนจำเริญเสียให้ถ่องแท้เสียก่อนเถิด
อย่าเพิ่งด่วนสรุปความ
ผิวเนื้อนวลผ่องเยี่ยงนั้นแลดูน่าจับต้องมากเพียงไหน
ปากคอคิ้วคางอีกเล่า ฉันล่ะหาที่ตำหนิมิได้เลยเชียว”
“เอ...แล้วนี่ท่านพระยาแลคุณหญิงศรีพิพัฒน์ท่านมิถือสาเลยฤาไร
พี่ชายยังค้างคามิมีคู่ครอง น้องสาวชิงออกเรือนมีงานมงคลไปเสียก่อน
โบราณท่านว่ามิควรมิใช่ฤาไรกัน”
“จริงสินะ น้องก็เห็นด้วยอีกคน ยิ่งขุนจำเริญอ้อนแอ้น
ระเหิดระหงเยี่ยงสตรีเช่นนี้ ฤาว่า........”
เสียงกระซิบกระซาบเบาค่อยลงมาทันควรครากล่าวว่า
“ฤาว่า ขุนจำเริญจัก...จักเป็นบัณเฑาะก์”
“อร๊าย...เป็นไปมิได้ดอกย่ะหล่อน
เป็นถึงขุนน้ำขุนนางเจ้าคนนายคนจักเป็นได้อย่างไรกัน”
“แต่...ขุนจำเริญเป็นชายใยอรชรอ้อนแอ้นเอวบางมิสมชาย
หากแต่งกายนุ่งห่มสไบแลผ้านุ่งแล้วไซร้
มิงามเกินหน้าสตรีทั่วทั้งพระนครหรือไรกัน”
เสียงนินทาแว่วดังถึงหูพระยาศรีพิพัฒน์แลคุณหญิง
สองสามีภรรยาพากันเงี่ยหูฟังหวังจับประเด็น
คราได้สดับรับฟังจนรู้ความ
พลันหน้าชาเห่อร้อนไปถึงหูกันทั้งคู่
พระยาศรีพิพัฒน์แลคุณหญิง
เหลือบแลไปทางคนต้นเรื่องที่ยังมิทันรู้ตัว
มิอยากจักเชื่อสายตาตนว่าจักเป็นจริงดังคำว่าร้ายได้อย่างใด
หากกริยาอาการของชายหนุ่มทั้งสองที่สำแดงให้เห็นนั้นเล่า
ประเดี๋ยวหยอกเย้า ประเดี๋ยวหน้าง้ำ อีกประเดี๋ยวก็กระซิบกระซาบ
สายตาที่ส่งให้กันทอประกายอ่อนแสงแลหวานเชื่อม
พระยาศรีพิพัฒน์แลคุณหญิงชักนั่งไม่ติดที่
ต่างร้อนรนภายในใจตน
จึงหมายมั่นปั้นมือว่าจักต้องสืบเสาะให้รู้ความเป็นจริง
ด้วยเสียงสะท้อนที่เข้าหูนั้น
แลดูมีมูลอยู่มากโข
ความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวลูกชายของตนที่มีมาเนิ่นนาน
จักถึงคราวกลับกลายเป็นความละอายอดสูมาแทนที่ฤาไรกัน
**********************************************
“ลอย...ทำไมเจ้าจึงไปนั่งหมอบอยู่เยี่ยงนั้น
คุณพ่อคุณแม่ขอรับ นี่มันเกิดเรื่องอันใดกันฤาขอรับ”
พระยาศรีพิพัฒน์แลคุณหญิงต่างพากันเมินหน้าหนี
ด้วยภาพที่ปรากฏให้เห็นเต็มสองตาตรงหน้านั้น
เป็นการยืนยันหลักฐานแลผูกมัดอย่างแน่นหนา
โดยมิต้องเหนื่อยแรงในการซักไซ้ไล่เลียงฤาเอ่ยถามแต่อย่างใด
ขุนจำเริญผวาเข้าตระกองกอดรับขวัญไอ้ลอยคนซื่อ
ที่เพลานี้นั่งหมอบก้มต่ำอยู่บนพื้นกระดานแทบเท้า
พระยาศรีพิพัฒน์แลคุณหญิง
“เงยหน้าขึ้นมาเถิดลอย ให้ข้าดูหน้าเจ้า...”
หากคราไอ้ลอยค่อยๆเงยหน้าของมันขึ้นมา
ขุนจำเริญแทบจักกลั้นน้ำตาเอาไว้มิได้
ด้วยใบหน้าของไอ้ลอยเพลานี้
มีรอยฟกช้ำหลายแห่ง
มุมปากหนาด้านหนึ่งปริแตกมีโลหิตไหลซึมออกมา
“โธ่เอ๋ย...ลอย..เจ้าเจ็บมากฤาไม่
ใยหน้าตาเจ้าจึงบอบช้ำเยี่ยงนี้”
ไอ้ลอยมันมิตอบความ
อีกมิยอมสบสายตาห่วงใยที่ส่งมาให้
มันได้แต่ส่ายหน้าแล้วจึงก้มหน้างุดลงไปดังเดิม
“คุณพ่อคุณแม่ขอรับ
เกิดเรื่องอันใดกันฤาขอรับ
ใยเจ้าลอยจึงราวถูกทำร้ายเยี่ยงนี้
มีโจรผู้ร้ายขึ้นเรือนฤาขอรับ”
พระยาศรีพิพัฒน์แลคุณหญิงนั้น
ได้ฉวยจังหวะเพลาจวนเลิกงานมงคล
ด้วยขุนจำเริญยังคงเพลิดเพลิน
ทักทายส่งแขกเหรื่อขุนนางใหญ่น้อย
พระยาศรีพิพัฒน์แลคุณหญิงจึงเรียกเจ้าลอยขึ้นมาบนเรือน
มิต้องคาดเดาประการใดเลยว่า
ไอ้ลอยคนซื่อจักแก้ตัวเพื่อให้รอดพ้น
จากข้อกล่าวหากินบนเรือนถ่ายรดบนหลังคาแต่อย่างใด
มันยอมรับผิดตามทุกคำกล่าวบริภาษ
ที่ออกมาจากปากของผู้ที่เคยเป็นนายเงินของมัน
พระยาศรีพิพัฒน์มิอาจระงับโทสะที่พลุ่งพล่าน
ทั้งทุบตี ชกต่อย ทำร้ายร่างกายของไอ้ลอย
ที่ยอมอยู่นิ่งเฉยให้ท่านระบายอารมณ์ฉุนเฉียว
คุณหญิงศรีพิพัฒน์แม้นจักเคืองขุ่น
แต่ก็มิได้ผสมโรงแต่อย่างใด
ด้วยรู้ดีว่าสามีของตนนั้น
อารมณ์โทสะเป็นเยี่ยงไร
ครั้นจักห้ามปรามก็กลับมิกล้า
“ข้านี่แหละโจรผู้ร้ายที่เจ้าว่า
แลจักทำยิ่งกว่านั้นเสียอีกด้วย”
พระยาศรีพิพัฒน์กล่าวตะคอกด้วยเสียงอันดัง
ขุนจำเริญแทบผงะด้วยงงงัน
มิคาดคิดว่าบิดาจักโมโหตน
“คุณพ่อขอรับ....”
ไอ้ลอยคนซื่อ
เอื้อมมือสั่นเทาเย็นเยียบของมันมาแตะที่หลังมือน้อย
“เจ้าทำให้พ่อแลแม่ผิดหวังเสียเหลือเกิน
วิปริตผิดแผกแตกต่างผู้คน
แล้วเยี่ยงนี้จักให้พ่อสู้หน้าใครได้
ลักลอบสมสู่กันกับไอ้ลูกทาสในเรือน
โธ่เอ๋ยเวรกรรมอะไรของข้ากันหนอ”
พระยาศรีพิพัฒน์กล่าวเสียงห้วน
แลสั่นเครือในตอนท้าย
“ใจเย็นก่อนเถิดเจ้าค่ะคุณพี่
รอฟังคำลูกเสียก่อน
ขุนจำเริญลูกแม่ บอกมาเถิดว่ามันมิใช่เรื่องจริง
ไอ้ลอยมันโป้ปดมดเท็จขึ้นมาเองใช่ฤาไม่”
คุณหญิงศรีพิพัฒน์เกาะแขนสามีเพื่อพยุงกายของตน
แข้งขาเพลานี้อ่อนเปลี้ยเสียจนจวนจักทรงกายมิอยู่
ดวงตาที่เคยอ่อนโยนต่อลูกเต้าแลข้าทาสบริวารของนางนั้น
เพลานี้คลอคลองปริ่มไปด้วยหยาดน้ำตาที่จวนหยด
ขุนจำเริญนั้นยังคงทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างไอ้ลอย
มือน้อยเย็นเฉียบข้างหนึ่ง
กุมมือหยาบกร้านสั่นเทาของไอ้ลอยเอาไว้
“คุณพ่อคุณแม่ขอรับ
โปรดเห็นใจลูกด้วยเถิดขอรับ”
ขุนจำเริญทรุดกายก้มลงกราบ
ตรงพื้นกระดานแทบเท้าบุพการี
ไอ้ลอยคนซื่อมันก้มลงกราบตาม
หากแต่มันมิได้พูดความอันใดทั้งสิ้น
พระยาศรีพิพัฒน์เห็นดังนั้น
พลันสั่นเทิ้มไปทั้งกาย
ชักเท้าหนีมิรับการกราบกราน
“ไอ้บุญไอ้ใบใครก็ได้
ไปเอาหวายมาให้ข้าบัดเดี๋ยวนี้”
พระยาศรีพิพัฒน์ตะโกนก้องร้องเรียก
เสียงห้วนดังทรงอำนาจคับเรือน

**************************************************
นายท่านขอรับ....
กระผมมิได้ใคร่อยากจักเขียนยืดเยื้อไปอีกสักตอนดอกนะขอรับ
หากเนื้อเรื่องจักมิอาจรวบรัดได้ขอรับ
ด้วยกระผมเกรงว่าจักขาดอรรถรสไปมากโข
ตอนหน้าหวายจักลงหลังผู้ใดกันหนอ
รอต่อไปอีกสักอึดใจนะขอรับ
