- รักชาชา - A kiss from milk tea : ตอนพิเศษ - Lost Star #2 : page 46 : 30/08/15
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - รักชาชา - A kiss from milk tea : ตอนพิเศษ - Lost Star #2 : page 46 : 30/08/15  (อ่าน 629264 ครั้ง)

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
นั่นสิน้ำชาตัดใจให้ได้นะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
หวาน เธอเยี่ยมไปเลย  o13
เตือนชา จะได้ตัดแฟนเก่าอย่างคุณอาจารย์ให้ขาดซะที

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
เชื่อคำหวานพูดเถอะ
ชะนีมีประโยชน์ก็เรื่องนี้แหละ 555555555

ถ้าทำให้คนหล่ออย่างโฟล์คเสียใจ เราจะไปรุมตบเธอนะน้ำชาาาาาาา  :serius2:

mamaUM

  • บุคคลทั่วไป
ถ้ามีรวมเล่ม ... ซื้อแน่นอนค่ะ - เพราะชอบมากกกกกกก **เติมก.ไก่ไปล้านตัวเลย

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
กีสสสสสสสสสสสส
ตัดจบได้กระชากวิญญาณ
แต่แม้จะตัดจบได้กรี๊ดแค่ไหน แต่ที่กรี๊ดกว่าคือตรงปล.
อยากได้ เอ๊ย อยากอ่านๆๆๆ อยากอ่านนายหัว อิอิ

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
ค้างงงงง 55555
อย่าทำโฟล์คเสียใจนะน้ำชา

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
เห็นด้วยกับหวานนะน้ำชา อย่าให้คาราคาซัง :ling1:
โฟล์คดีมาก แล้วก็รักน้ำชามากด้วย เราเชียร์ :o8:

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
ช่ายยย น้ำชาเคลียร์ให้เรียบร้อยเลยนะ
จะได้เริ่มต้นใหม่แบบไร้ตะกอนในใจ สู้ๆ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ใช่!นำ้าควรทำอะไรให้มันชัดเจนซะที อย่าให้โฟล์คต้องเสียใจ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
เราไม่อยากเห็นคนหล่อเป็นพระรองน๊าา :katai1:

ออฟไลน์ ่jjay

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-0
หวานพูดถูกนะน้ำชา พูดกันให้รู้เรื่องไปเลยยยยย อย่าทำให้คนหล่อเสียใจจจจจจ :katai1:

รออ่านเรื่องพี่ฟลุคนะไคลี่ :z2:

ออฟไลน์ grenjewel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
เห็นด้วยกับหวานนะ น้ำชาอย่าไปกลัวอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไปเคลียร์กันให้จบจะได้สบายใจ สู้นะเราเชื่อว่าน้ำชาทำได้  :mew1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
น้ำชาต้องรีบจัดการให้เด็ดขาด

ออฟไลน์ ToeyTato

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
เบื่ออออคุณไคลี่จังเลย มาสปอยแล้วจากไป เราชอบเรื่องนี้มากเลยทำหนังสือเถอะ  คุณไคลี่ทำให้อยากอ่านพี่ฟลุคเหมือนกันอ่ะ แงงงง น่าสนใจมากกกก

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
ชอบพี่ฟลุคเหมือนกันค่ะ ฮาาา
เป็นผู้ชายที่เหมือนกับว่า โผล่มาแค่นามกับสรรพคุณ (อะไรเนี้ย?) แต่ก็มากระชากใจเราไปแล้ว
กร้ากกกกกกกก เรื่องติดบนเกาะร้างกับนายหัวก็น่าสนใจนะคะ แต่ไม่ว่าจะเขียนเรื่องไหนก็จะตามไปอ่านค่ะ! เพราะเราจะเกาะติด! 555555

ตอนนี้มุ้งมิ้งมากกกกกกก >,<
รู้สึกว่าบรรยากาศของเพื่อนโฟล์ค กับเพื่อนน้ำชาจะต่างกันเล็กน้อย
แต่ก็ให้ความรู้สึกดี อบอุ่น แบบว่าเพื่อนสนิทกันจริงๆ อ่านแล้วก็คิดถึงกลุ่มเพื่อนของตัวเองบ้างอ่ะคะ
อยากปาร์ตี้กับเพื่อนบ้าง เรียนจบมาแล้วพากันแยกย้ายคนละทาง อ่านตอนนี้แล้วทำให้คิดถึงช่วงเวลาที่อยู่กับเพื่อนจริงๆ

ชอบหวานมากเลยค่ะ
เราชอบสาวห้าว แมนๆ กากๆ สถุลๆ (หวาน : ชมหรือด่าย่ะ?) 55555555
จริงๆ นะ ถึงแม้ว่าในตอนนี้โฟล์คจะเป็นคนที่แสนดีของน้ำชา แต่คนที่น้ำชาเคยรักมาก่อน แล้วก็รักมากขนาดที่ว่าคบด้วยมานานกว่าคนอื่นๆ ก็คือกฤษฏ์ เราคิดว่าน้ำชาคงยังไม่ตัดใจไม่ลงได้ง่ายๆ หรอก จริงอยู่ที่พยายามจะลืมแล้ว แต่ก็เพราะรักล่ะนะ ก็เลยทำให้ยังฝันถึงอยู่ทุกคืน ทั้งที่ตอนตื่นก็ยังมาเจอหน้าโฟล์ค (เราแอบเจ็บใจนิดๆ อยู่นะเนี้ย ถึงโฟล์คจะไม่รู้เรื่องความฝันน้ำชาก็เถอะ 5555555)

ถ้าเราเป็นเพื่อนน้ำชา เราก็คงจะทำเหมือนที่หวานทำ ขอให้น้ำชาตัดขาดกฤษฏ์ออกไปจากชีวิตซะ
เพราะว่าแฟนน้ำชาหล่อมาก และเราไม่อยากเห็นโฟล์คเสียใจ (กร้ากกกกกกกกกก)

รอตอนหน้าค่ะ

ปล. ถึงแม้ตอนนี้พี่ฟลุคจะเข้ามากระชากใจ แต่รองจากโฟล์คแล้วเราก็ยังยืนยันคำเดิมว่าชอบเป๊กนะ  555555555 ขอพี่เป๊กเป็นพระเอกสักเรื่องด้วยค่าาาาาาาาาาา  :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2014 12:36:25 โดย aiLime13 »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
หวานประหนึ่งเธอมานั่งในใจเรา
น้ำชาน่าจะสบายใจกว่าไหมที่คบกับโฟล์ค
แถมทั้งสองคนเข้ากับเพื่อนแต่ละฝ่ายได้ดีไม่มีปัญหา
อีกทั้งความรักก็ไม่ต้องปิดบังซ่อนเร้นด้วย

ปล. เป็นเรื่องที่อัดแน่นไปด้วยหนุ่มแซ่บ อยากให้มีพาร์ทของแต่ละคนจัง หรือเป็นตัวเอกเรื่องใหม่ไปเลยก็ได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2014 12:08:43 โดย malula »

ออฟไลน์ paladin.kn

  • ไฟมอดลงยังคงทิ้งรอย...เถ้าถ่าน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 608
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
รอๆๆๆตอนต่อไป

รอๆๆๆซื้อแน่นอนนน

พลาดไม่ได้

 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ runma

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ถ้าน้ำชายังไม่เคลียร์เรื่องราวทั้งหมดกับกฤษฐ์ให้จบแบบจริงจัง
ในอนาคตมันจะเป็นปัญหาสำหรับน้ำชากับโฟล์คแน่นอน

ชอบความรักของโฟล์คที่มีให้น้ำชามาก มันดูจริงจังจริงใจ รวมถึง
แก๊งค์เพื่อนๆ ของทั้งคู่ เป๊ก กาย ปอม แยม เต ไอ ภัทร นิน ฯลฯ
มีเพื่อนดีๆ แบบนี้คงโคตรมีความสุข

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ รอติดตามต่อครับ o13

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
ใช่หวาน!!!
ใช่อย่างที่สุด!!!
กระทืบไลค์ให้หวานด้วยบวกและเป็ด
ห้ามทำคนหล่อช้ำใจ
ไม่งั้นเราไม่ยอม
น้ำชาเข้าใจนะ
ฮึ่ม อินๆๆๆ
 :sad4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Pawaree

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-2
    • FANPAGE

Leoforever

  • บุคคลทั่วไป
มาตามอ่านตั้งแต่ตอนแรกจนตามทันแล้ว  :impress2:

เรื่องนี้สนุกมากๆๆๆ ชอบการเขียนนิยายตั้งแต่เรื่อง ล่ารักหัวใจมาเฟีย แล้ว

จนมาถึง รักชาชา แบบสนุกมากจริงๆ

คือยิ่งอ่านยิ่งหลงรักโฟล์ค ผช แบบโฟล์คนี่หายากมากๆ

น้ำชา ต้องทำอะไรซักอย่างนะ อย่าทำให้โฟล์คต้องเสียใจเลย

รออ่านตอนต่อไปคะ  :mew1:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
รักโฟลค์

ออฟไลน์ FahFon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
มารอพี่โฟล์คที่หน้าจอทุกวันเลยยยยยยยยยยย

ปล. อยากได้พี่ฟลุคมาเลี้ยงดู >//////<

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
น้ำชารีบเคลียร์ให้จบแล้วมามีความสุขกับโฟล์คนะ

ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
เรื่องนี้ทำเป็นหนังสือก็ดีนะ เล่มคงไม่หนามาก พกพาสะดวก  :hao3:

ออฟไลน์ kyliewonderland

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +565/-4



ตอนที่ 12: อย่ากลัวการกลับมา









เมื่อคืนกว่าผมจะกลับถึงห้องก็ปาไปตีสาม ไอ้กายเมาเละเทะ พวกเราเลยตัดสินใจว่าจะให้มันค้างกับไอ้ถั่ว ส่วนไอ้เป๊กก็กึ่มขนาดหนัก ให้แว้นซ์มอ'ไซค์ราคาสองล้านกลับหอ คงได้สิ้นกันทั้งคนทั้งรถเครื่อง ก็เลยให้มันค้างด้วยอีกคน ส่วนปอมไม่มีปัญหาอะไร และด้วยอะไรๆไม่อำนวย บวกกับสติที่สมบูรณ์พร้อม มันจึงตัดสินใจกลับบ้านดีกว่า ห้องนอนถั่วก็ไม่ได้ใหญ่มาก นี่ก็อัดกันไปสิบกว่าคนแล้วด้วยซ้ำ

ผมเองก็เมาเละเหมือนกัน จำได้ลางๆว่าโฟล์คตัดสินใจไปส่งหวานกับเพื่อนผู้หญิงอีกสองคนที่หอหวาน แล้วจากนั้นผมก็เมาตายไม่รู้เรื่องไปเลย จริงๆก่อนหน้านั้นผมก็ไม่ได้คิดจะเมาขนาดนี้ แต่ผมมีปากเสียงกับโฟล์คนิดหน่อย--- จริงๆแม่งก็ไม่ได้นิดหน่อยสักเท่าไหร่ หัวข้อเรื่องที่เราทะเลาะกันมันหนักพอควร นั่นทำให้ผมซัดเหล้าลงคออย่างกับน้ำเปล่า โก่งคออ้วกในห้องน้ำไปหนึ่งรอบ มีเป๊กกับโฟล์คหิ้วปีกคนละข้าง แต่ผมก็ยังมึนตึงกับโฟล์คอยู่

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีด้วยอาการปวดหัวราวกับจะระเบิดตอนหกโมงกว่าในห้องของโฟล์ค เจ้าของห้องนอนอยู่ข้างๆกัน แต่วันนี้มันไม่ได้กอดผมไว้เหมือนเคย ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งที่ขอบเตียง แล้วพาร่างตัวเองไปห้องน้ำ คายทุกอย่างในกระเพาะออกมาอีกรอบ แล้วมองหน้าโคตรโทรมของตัวเองในกระจก ตาแดงก่ำ หน้าซีดขาว ปากแตกระแหง เจ็บคออีกต่างหาก

นึกย้อนไปถึงสาเหตุที่ทำให้ผมต้องแดกเหล้าชิงแชมป์ขนาดนั้นก็อดเดือดเบาๆไม่ได้ แต่พอนึกถึงแววตาของโฟล์ค ใจผมแม่งก็อ่อนยวบลงอย่างไม่มีชิ้นดี


'กูไม่ให้มึงไปเจอกับมัน'


ผมยังจำคำพูดโฟล์คได้ชัดเต็มสองรูหู เป็นครั้งแรกที่มันขึ้นเสียงใส่ผม ออกปากห้ามอย่างเครียดขึง ทั้งๆที่ปกติมันแทบจะไม่บังคับอะไรผมเลยทั้งสิ้น ผมบอกโฟล์คไปเมื่อคืนว่า ระหว่างที่มันกลับบ้าน ผมจะไปเคลียร์กับกฤตฎ์ให้รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าเมาหรือเปล่าถึงบอกไปแบบนั้น ทั้งๆที่รู้ดีว่าโฟล์คคงไม่ให้ไปหากฤตฎ์สองต่อสองโดยที่มันอยู่ไกลผมออกไปเกือบพันกิโลเมตร มันยื่นคำขาดให้รอมันกลับมาแล้วเราจะจัดการด้วยกัน แต่ผมไม่ตอบอะไร ไม่คุยกับมันเลยด้วยซ้ำ

มาตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าควรเสียใจอะไรหรือไม่ เพียงแต่่ผมเองก็รู้สึกว่าตัวเองพลาดเหลือเกินที่บอกโฟล์คไปเช่นนั้น มันไม่เวิร์คตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

ผมเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากจัดการอาบน้ำเสร็จ ไฟลท์บินของโฟล์คระบุเวลาตอนสิบโมงสิบห้า ตอนนี้ก็ใกล้จะเจ็ดโมงแล้ว ผมขี้เกียจมารีบเร่งตอนใกล้ๆเวลา ถึงจะทะเลาะกัน เราก็ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องปัดความรับผิดชอบทั้งหมดเสียหน่อย อย่างน้อยผมก็แคร์มันมากๆอยู่ดี

ผมแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เก็บของใส่กระเป๋าผ้าใบสี่เหลี่ยมของตนเองสำหรับจะเอากลับบ้านในช่วงวันหยุดนี้ ที่เหลือประปรายทิ้งไว้ที่คอนโดโฟล์คก่อน หลังปีใหม่คงได้เข้ามาเก็บอีกรอบ หรือไม่ก็ปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้แหละ ยังไงผมก็มีโอกาสได้มาค้างที่นี่อีกอยู่แล้ว

กระเป๋าเดินทางของโฟล์คตั้งอยู่ที่ข้างๆโซฟา เจ้าตัวยังนอนอยู่ไม่กระดิก ผมยังรู้สึกแฮงค์จากเมื่อคืนแต่ไม่มากนักเพราะคงได้อ้วกไปแล้วสองรอบ ยังมีอาการปวดหัวอยู่นิดๆหน่อยๆ แต่ก็ไม่อยากกลับไปนอน มันทรมานเท่ากันไม่ว่าจะตื่นหรือหลับ ผมเลยจัดการเปิดตู้แช่แข็ง ตั้งเตา แล้วเอาเกี๊ยวน้ำสำเร็จรูปแบบถ้วยสองถ้วยมาอุ่นในหม้อโดยแงะมันออกมาทั้งก้อนนั่นแหละ และหลังจากเปิดขวดยาแก้แฮงค์ดื่มไปหมดขวด นั่งนิ่งๆสักพัก ก็รู้สึกดีขึ้น

โฟล์คตื่นหลังจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง ผมตักอาหารเช้าส่วนของตัวเองออกมานั่งกินหน้าทีวีพร้อมกับอ่านหนังสือการ์ตูนไปด้วย เจ้าของห้องปรายตามองผมนิดหน่อยก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป มันออกมาอีกทีตอนที่ผมจบหนังสือในมือพอดี เสียงกุกกักตรงบริเวณครัวดังขึ้น ก่อนที่โฟล์คจะเดินมานั่งข้างๆผมพร้อมถ้วยอาหารเช้าในมือ


“นั่งด้วยดิ" มันบอกเบาๆ ก่อนเบียดตัวเข้าหาผม เส้นผมเกาะพราวด้วยหยดน้ำ สวมบ็อกเซอร์ตัวเดียว แต่การกระทำของมันก็ค่อยๆละลายความเย็นชาที่เกิดขึ้นระหว่างเราช้าๆ

ผมไม่ตอบ พลิกการ์ตูนในมือต่อทั้งๆที่อ่านจบไปแล้ว สายตาจดจ้องอยู่บนตัวหนังสือ แต่สะกดไม่ออกเลยสักคำ

“อร่อยดีนะ" เมื่อเห็นผมไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับมัน มันเลยเอ่ยประโยคที่โง่เง่าที่สุดในโลกออกมา นั่นทำให้ผมต้องเหล่ตามองมัน
“กูก็แค่อุ่นอาหารแช่แข็ง มึงอย่าเว่อร์" ผมค่อนขอด โฟล์คยิ้มๆ ก่อนเอื้อมมือมาหยิกแก้มผมเบาๆ
“เลิกงอนได้แล้ว" มันบอก "ขอโทษแล้วกัน แต่ห่วงจริงๆ"
“เปล่าสักหน่อย" ผมบอกเรียบๆ โฟล์คมองยิ้มๆก่อนจะยกมือขยี้หัวผมแรงๆ
“ชาร์จโทรศัพท์ให้แล้วนะ อยู่คนเดียวห้ามเมาแบบเมื่อคืนรู้ไหม--- อ๊ะ"


มันโยกตัวผมไปมา ก่อนที่จะลุกออกไปเมื่อโทรศัพท์มันดังขึ้น โฟล์คเดินไปรับโทรศัพท์ ท่าทางจะเป็นภัทร คุยกันอยู่สามสี่ประโยค มันก็เดินกลับมา


“เดี๋ยวภัทรไปรับนินแล้วมาที่นี่ ส่วนไอเดี๋ยวพี่ชายไปส่งที่สนามบินเลย" โฟล์คว่า ผมพยักหน้ารับ "ขับรถกลับไหวไหม" โฟล์คถาม ผมพยักหน้า
“ไหวดิ แฮงค์นิดหน่อยเอง" ผมบอก สัญญากับมันไว้แล้วว่าจะไปส่งที่สนามบิน แล้วจะเอารถกลับให้ คงเอาไปจอดที่คอนโดผมเลย ขี้เกียจไปๆมาๆ
“โอเค"


หลังจากกินข้าวเสร็จ โฟล์คก็อาสาล้างจาน ระหว่างที่นั้นนินก็โทรเข้ามา บอกว่าถึงคอนโดเรียบร้อยแล้ว ผมจึงโทรบอกยามด้านล่างว่าให้ปล่อยให้รถเข้ามาเลย หลังจากนั้นจึงเดินเอาคีย์การ์ดไปรับนินและภัทรที่ประตูลานจอดรถของชั้นอาศัย

ภัทรกับนินมาในชุดลำลองสุดๆ ท่าทางนินเหมือนจะยังไม่ตื่นดี แต่นินก็ไม่เคยมีสภาพตื่นเต็มที่เหมือนคนปกติอยู่แล้วเป็นธรรมดา ทั้งสองหอบกระเป๋ามาคนละใบ แต่ภัทรหอบเอากระดานเซิร์ฟขนาดกลางมาด้วย ผมพาทั้งสองคนเข้ามาในห้องของโฟล์ค เจ้าของห้องกำลังเก็บครัวเป็นรอบสุดท้าย เพราะจะไม่ได้อยู่อีกสามสี่วัน


“ไอจะออกกี่โมงวะ" โฟล์คหันมาถามภัทรที่เอนตัวนั่งลงบนโซฟาแล้วเรียบร้อย
“อีกสักพักน่าจะออกแล้วแหละ นี่ก็จะแปดโมงแล้ว" ภัทรตอบ นินคุ้ยกระเป๋าหาของอีกรอบก่อนหยิบครีมกันแดดมาพอกตัวจนผมนึกขำกับความสำอางผิดกับความเซอร์สุดๆของมัน
“งั้นออกเลยละกัน เดี๋ยวกูไปเอาหลังคาโฟล์คมาใส่ก่อน จะได้เอากระดานเซิร์ฟมึงขึ้นด้านบนได้" โฟล์คบอกแล้วเดินเข้าไปในห้องเก็บของ โดยมีภัทรตามเข้าไป ผมไม่มีอะไรทำ เลยเดินไปเปิดม่าน แล้วไปนั่งกับนินแทน

นินชำเลืองตามองผมนิดหน่อย ถ้าไม่รู้จักมันดีๆต้องคิดว่ามันหาเรื่องแน่ๆ แต่ผมรู้จักนินมันดีก็เลยไม่อะไรกับมัน นินเก็บสเปรย์กันแดดลงกระเป๋า ก่อนพาดขากับโต๊ะกระจกตรงหน้า แล้วหาววอด


“ตกลงมึงไม่ได้เลิกกับเพื่อนกูใช่ไหม" นินถามทำเอาผมสะดุ้ง มันหัวเราะนิดหน่อยที่เห็นท่าทางของผมเช่นนั้น
“ทำไม-- ต้องเลิก" ผมถามตะกุกตะกัก อีกฝ่ายเลยหัวเราะ
“อ้าว ก็สัญญาปัญญาอ่อนของมึงกับไอ้เหี้ยโฟล์คไง ประสาทเหี้ยๆ ตอนแรกที่พวกกูได้ยินเนี่ย แทบจะหัวเราะจนขาดใจตาย" เอ่อ ขนาดนั้นเลยเหรอวะ
“โฟล์คเล่าด้วยเหรอ"
“ก็ไม่มีอะไรปิดบังกันอยู่แล้วนี่ แต่มันก็บอกนะว่าชอบมึงจริงๆ" นินว่ายิ้มๆ "ว่าไงล่ะ"
“เอ้อ...ก็...” ผมพึมพำเบาๆอย่างเขินๆ "ก็ไม่มีเหตุผลต้องเลิกสักหน่อย" ผมบอก นั่นทำให้นินอมยิ้มออกมาอย่างน่ารัก นินน่ะน่ารักจะตายถ้าทำตัวเหมือนคนปกติทั่วไป ไม่ใช่เอะอะจิกตา เอะอะเหวี่ยง เอะอะสติแตก
“อย่าเลิกกันเลย พวกกูชอบมึงนะน้ำชา" นินบอกออกมา นั่นทำให้ผมหัวใจพองโต แต่ก็พยายามเก็บมันเอาไว้ในใจเงียบๆ
“ขอบคุณนะ"

ผมมองหน้านิน อีกฝ่ายเอนตัว ยกมือหนุนหัวไว้ด้วยท่วงท่าสบายๆ นินสวมเสื้อกล้ามสีขาว แขนเสื้อกว้างทำให้มองลอดไปเห็นถึงไหนต่อไหน หัวนมแม่งชมพูชิบหาย--- เอ้อ ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย นินสักไว้หลายรอยเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยมีใต้ร่มผ้าเท่าไหร่ ที่เห็นชัดก็มีแค่ลายมังกรที่พาดตั้งแต่ หัวไหล่ซ้ายไปจนเกือบข้อศอกซ้าย มีตรงข้อพับขวา ข้อเท้าขวา ข้อมือซ้ายอีกนิด นอกนั้นก็มีที่หลังเป็นยันต์ห้าแถว เป็นผู้ชายคลั่งสักแต่ก็โคตรเท่และดูดีกับรอยสักต่างๆเหล่านั้น นินขาวจัด ใบหน้าดูดีแต่เป็นแบบที่ไม่รู้ว่าจะจัดอยู่ในพวกคนหล่อหรือคนหน้าหวานดี แต่นินมีปากกระจับ ดูน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ และคงน่ารักมากสำหรับภัทรแน่ๆ วันนี้มันไม่เซ็ทผม ปล่อยผมเป็นทรงปรกหน้านิดหน่อย ผมนินหยักศกนิดๆ มันเลยดูเซอร์ๆน่ารักเป็นธรรมชาติ

ผมเหลือบเห็นรอยสักใต้ราวนมซ้ายของมัน ไม่ชัดมากและยังแดงๆอยู่เหมือนเพิ่งสักร่างโครงเอาไว้ มันโดดเด่นเหนือผิวขาวๆ นั่นทำให้ผมอดปากถามไม่ได้


“สักเพิ่มเหรอ" ผมถาม นินเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนเอื้อมมือลูบรอยที่ผมว่าเบาๆ
“ตรงนี้อ่ะนะ" มันว่า แล้วซี๊ดปาก ท่าทางคงยังเจ็บๆ "ตาดีจัง เพิ่งไปทำมาเมื่อวานน่ะ" นินว่า แล้วยิ้มออกมา มัน--- เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ใช่ยิ้มแสยะจิตๆซาดิสท์แบบที่มันชอบยิ้ม หรือยิ้มหัวเราะสะใจที่ได้แกล้งคน แต่เป็นยิ้มที่ผมก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง มันดูเขินๆ แต่ก็ดูน่ารักดี
“อ๋อ" ผมครางรับเบาๆ นินเลยค่อยๆเลิกเสื้อขึ้น
“กูยังไม่ได้บอกใครเลย มึงรู้คนแรกเลยชา" นินถอนหายใจเบาๆ "กูก็ไม่รู้ทำไม ทั้งๆที่รู้จักมึงแปปเดียว กูยังไว้ใจมึงขนาดนี้" มันว่ายิ้มๆ ผมไม่รู้จะดีใจหรือจะเสียใจดี เพราะไม่รู้มันต้องการด่าผมว่าเสือกหรือเปล่า ฮ่าๆ
“อ่า...”
“ลายเซ็นต์ภัทร"

มันบอกในที่สุด นั่นทำให้ผมอ้าปากค้างแล้วเบิกตามองหน้ามันนิ่งๆ นินจ้องมองผมดุๆ แต่แก้มมันก็ขึ้นสี

“แต่แค่ร่าง เอาจริงกูก็ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ ก็เลยไม่ได้ทำให้เสร็จ" มันบอก แต่แค่นี้ก็ทำให้ผมอึ้งมากพอแล้ว การสักชื่อใครสักคนเป็นอะไรที่ต้องใจกล้ามาก- ถึงมากที่สุด เพราะต้องมั่นใจว่ามันจะสามารถอยู่กับเราไปตลอดชีวิตได้

“แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่กูอยากจะสักชื่อใครสักคน แถมเป็นไอ้ภัทรอีก ที่แม่งสันดานเหี้ยสัดๆ"

“กูยังรับไม่ได้เลยด้วยซ้ำ" มันเบ้ปากนิดหน่อย แต่ดูท่าทางจะทำกลบเกลื่อนความเขินมากกว่า

“จริงๆ...กูแค่ไม่เข้าใจตัวเองมากกว่า แต่กูคงชอบมันมากจริงๆ ถึงขั้นรักเลยแหละ"

“ไว้อีกสักพัก กูคงรู้ว่าควรจะทำให้มันเสร็จดีหรือเปล่า แต่ภัทรแม่งไม่มีวันสักชื่อกูหรอก มันไม่มีทางสักอะไรทั้งนั้นแหละ" นินหัวเราะออกมาเบาๆ

“มึงเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนใช่ไหมล่ะ" ผมถาม นินพยักหน้า
“เออ สนิทที่สุดแล้วล่ะ นี่กูก็เพิ่งเสียเพื่อนสนิทกูไป"
“ฮ่าๆ" ผมไม่รู้จะตอบอะไร เลยได้แต่หัวเราะ แต่ความสัมพันธ์ของพวกมันมันน่ารักดีจะตายไป



อีกสิบนาทีต่อมาโฟล์คกับภัทรก็เดินเข้ามาเรียกเราไปขึ้นรถ นินทำท่าจะแบกเป้ แต่ภัทรก็ดึงไปถือให้เสียก่อน จากนั้นพวกมันก็เดินเถียงเรื่องไร้สาระกันออกไป เหลือผมกับโฟล์คสองคนในห้อง โฟล์คเดินไปเช็คแก้ส ไฟ น้ำ และอื่นๆ ส่วนผมก็จัดการปิดม่านแล้วหยิบกระเป๋าของตัวเอง

โฟล์คเดินมาสวมกอดจากทางด้านหลังในจังหวะที่ผมกำลังจะก้าวเดินออกไป มันกอดผมเอาไว้ ใช้คางเกยบนไหล่ของผม ผมเอียงคอจะหลบ แต่กลับเพิ่มโอกาสให้มันค้ากำไรกับผมอีกหน

“พอแล้วโฟล์ค--- ฮื้ออ" ผมพึมพำเบาๆ
“คุยกันก่อนสิ"
“คุยอะไร" ผมถาม "ไม่ได้โกรธอะไรสักหน่อย"
“งั้นห้ามไปหาอาจารย์นั่น เข้าใจใช่ไหม" มันถาม น้ำเสียงมันดูอ่อนโยน แต่ผมรู้ว่ามันเอาจริง


ผมหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้าโฟล์ค จ้องหน้ามัน แล้วกอดมันเอาไว้หลวมๆ โฟล์คชะงักไปสักพัก แล้วค่อยๆยกมือกอดตอบ


“มึงยังจะกลัวเหี้ยอะไรอีกวะ" ผมถามมัน ไม่รู้มันทำหน้ายังไง แต่ผมอยู่กับมันจริงๆ

“ไม่รู้สิ" มันถอนหายใจเบาๆ "แต่กูเชื่อใจมึง"

มันมองหน้าผมนิ่งๆ แล้วกดริมฝีปากลงมาที่หน้าผากเบาๆ

“อย่าไปนะ" น้ำเสียงออดอ้อน ผมคิดว่าตัวเองคงทนไม่ไหวอีกต่อไป ผมพยักหน้ารับเบาๆในอ้อมกอดของมัน ถ้านินไม่อยากเสียภัทรไปเช่นไร ผมก็ไม่เคยนึกถึงการสูญเสียโฟล์คเช่นกัน โดยเฉพาะในเวลานี้ ในวันนี้

"ไม่ไปก็ไม่ไป"









เราถึงสนามบินดอนเมืองตอนเกือบๆเก้าโมง ถือว่ามาเลทนิดหน่อยเพราะตอนนี้คนคลาคล่ำมากพอสมควรเพราะเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ก็ยังโชคดีที่มันได้คิวเช็คอินและโหลดสัมภาระไม่ช้ามากนัก ไอมารอก่อนหน้านั้นเกือบชั่วโมงแล้ว มีพี่ชายหน้าตี๋ตัวโตมาส่งถึงสองคน ภัทรกระซิบบอกว่าพี่ชายไอหวงน้องมาก ทั้งคู่เป็นแฝดคนละฝากัน หน้าตาจึงไม่เหมือนกันเท่าไหร่ แต่ไอ้เรื่องอาหารหวงน้องกำเริบนี่ไม่ผิดเพี้ยนไปจากกันเลย

โฟล์คเดินเลี่ยงไปโทรหาพี่ชายตัวเองสักพัก รายงานตัวว่ากำลังจะออก ก่อนที่จะเดินกลับมาสมทบกับกลุ่ม ไอเข้ามานัวเนียกับผมตามปกติ ผมคุยกับไอนิดหน่อยก่อนด้มมองนาฬิกาข้อมือและเห็นว่าถึงเวลาสมควรแล้วจึงหันไปบอกทุกคน

“กูว่าเข้าเกทได้แล้วล่ะ" ผมว่า ภัทรจึงพลิกนาฬิกาดูบ้าง ก่อนพยักหน้า
“ใกล้เวลาแล้ว"
“งั้นเดี๋ยวไอไปก่อนนะ" ไอหันไปบอกพี่ชายทั้งสองที่ยืนหน้านิ่งอยู่แถวนั้น ดูพวกเพื่อนๆมันจะไม่ค่อยสะทกสะท้านอะไรกับความน่ากลัวของพี่ชายแฝดทั้งสองเท่าไหร่ สงสัยคงชินกับมาดโคตรดุของคนทั้งคู่ไปแล้ว

ไอหันไปสวมกอดพี่ๆทีละคน นินกำลังเก็บบอร์ดดิ้งพาสลงกระเป๋ากางเกงแล้วเช็คของในกระเป๋าเป้ของภัทรอีกรอบ (อย่างกับผัวเมียฮันนีมูน แม่งใช้กระเป๋าเดินทางใบเดียวกันอีกต่างหาก) โฟล์คยืนอยู่ข้างๆผม มันไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่ายืนอ่านข้อความบนบอร์ดดิ้งพาสเงียบๆ ดูเหมือนมีอะไรไม่สบายใจ

สักพักไอก็เดินกลับเข้าสมทบ กระชับเป้แน่น แล้วชะโงกหน้ามาหาผม


“พี่ชายเราถามว่าน้ำชาจีบได้เปล่า น่ารัก" ไอยิ้มเผล่ ไม่ได้มองหน้าไอ้คนข้างตัวผมที่ชะงักกึกเลยสักนิด
ผมยิ้มแหย "เอ้อ...”
“คนไหน พี่อัพหรือพี่อิน" โฟล์คทำตาขวาง
“พี่อัพ แต่เราบอกไปแล้วว่าน้ำชาเป็นแฟนโฟล์ค" ไอหัวเราะคิก "อย่าทำหน้าโหดดิ ไปเร็ว ไออยากไปทะเล" ไอดุนหลังโฟล์คออกไป แต่โฟล์คยังเอี้ยวตัวมามองหน้าผม ผมถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนส่ายหัวแล้วยกมือโบกให้มัน แต่มันก็ยังไม่เลิกทำตาละห้อยสักที

ผมเลยตัดสินใจเดินเข้าไปหามันด้วยตัวเอง ให้มันเลิกว้าวุ่นใจเสียที โฟล์คไม่ใช่คนคิดมากแบบนี้ การที่มันคิดแต่เรื่องผมไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาสักนิด ผมเดินไปบอกไอว่าขอคุยกับโฟล์คสักครู่ ก่อนที่ไอจะยอมผละออกไปหาภัทรและนิน ผมดึงมือโฟล์คที่เบือนหน้าหนีเอาไว้ มันเหมือนหมาตัวโตขี้งอนชะมัด

ผมกอดมันเอาไว้หลวมๆและอย่างรวดเร็ว มันดูอึ้งๆไปเหมือนกัน


“รีบๆกลับมานะ กูเหงา"


ผมบอกออกไป เม้มปากแน่น หน้าก็ร้อนๆ แต่โฟล์คยิ้มออกมาได้สักที มันขยี้หัวผมเบาๆ ก่อนดึงเข้าหาตัวเอง


“ไว้เจอกันนะชา"

“อื้ม"









รถเต่าคันสีฟ้าดูกว้างขึ้นถนัดตาเมื่อเหลือเพียงแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่โดยสารมันไป ผมเลือกที่จะขึ้นโทลล์เวย์เพราะไม่คุ้นทาง แต่เอาจริงๆทางปกติรถก็ไม่ค่อยติดนัก เพราะมนุษย์กรุงเทพพากันแห่แหนไปต่างจังหวัดหรือไปทริปต่างประเทศกันหมดแล้ว ผมเปิดเพลงคลอไปด้วยจากมือถือของตัวเองต่อสายเข้ากับเครื่องเสียงรถ รับไม่ได้จริงๆกับเพลงที่ฟังไม่เข้าใจของโฟล์คมัน

ใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมงกว่าจะกลับถึงคอนโดของผมได้ ผมขับรถไม่เร็วมาก จริงๆก็ขับได้ แต่ไม่ได้ขับบ่อย ดังนั้นก็เลยไม่อยากโชว์เปรี้ยวเท่าไหร่นัก รถโฟล์คแม่งแพงกว่ารถผมราคารวมกันทั้งบ้านอีกมั้ง ขับไปเรื่อยๆมองท้องฟ้าขมุกขมัว มีแดดอ่อนๆแทรกตัวอยู่หลังม่านเมฆ ยังเช้าอยู่สำหรับเช้าวันเสาร์ ผมเลี้ยวรถเข้าในคอนโด เปิดกระจกทักทายยาม พี่ยามเห็นหน้าผมที่หายหัวจากบ้านจากช่องไปนานก็ทำหน้าตกใจ เขาทักทายก่อนกุลีกุจอเปิดรั้วให้ผมทั้งๆที่รถไอ้โฟล์คไม่มีตราติดหน้ากระจกด้วยซ้ำ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวไว้ไปขอมาติดให้มันก็ได้ หลังจากต่อไป มันคงมีธุระแวะเวียนมาหาผมได้บ่อยๆแน่นอน

เพราะห้องของผมเป็นห้องที่เรียกว่าห้องชุดขนาดใหญ่ ทำให้เราได้ที่จอดรถประจำจำนวนสามที่ รถของจอห์นและของแม่คนละคัน ส่วนอีกที่เป็นที่จอดรถแขก ซึ่งมันก็จะว่างเป็นประจำ ผมจึงเอารถของโฟล์คไปจอดที่ตรงนั้น แล้วหิ้วกระเป๋าลงจากรถ

เดินเข้าไปจนถึงห้องชุดด้านในสุด ผมแตะคีย์การ์ด ผลักประตูเข้าไปในห้องก่อนที่น้ำมนต์ที่กำลังนั่งงัวเงียอยู่บนเก้าอี้ทานข้าวจะหันขวับมาเบิกตากว้าง แล้วเรียกชื่อผมเสียงดังลั่น ตามด้วยการกระโจนลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งเข้าใส่เต็มแรง ผมหัวเราะเบาๆ รับน้องเข้ามากอด ก่อนอุ้มน้องกลับไปที่โต๊ะกินข้าวทั้งๆที่น้องตัวใหญ่และอายุจะสิบขวบแล้วด้วยซ้ำ จอห์นที่ได้ยินเสียงเอะอะจึงเดินเข้ามาในห้องครัวอีกคนก่อนยิ้มกว้างเมื่อเห็นผม ตามด้วยแม่ที่หอบเอาเสื้อผ้ากองใหญ่กลับมาจากตรงระเบียง เธอยิ้มให้ผมเช่นกัน

ผมยิ้มบางๆก่อนยกมือสวัสดีแม่และจอห์น แม่รีบกุลีกุจอทำข้าวเช้าอีกจานให้ผม แม้ผมจะบอกว่าทานมาแล้วก็ตามที น้ำมนต์กระโดดลงจากเก้าอี้แล้วไปค้นแผ่นเกมส์ที่อวดค้างไว้มาสองอาทิตย์แล้วมาให้ผมดู ผมนิ่งอึ้งไปสักพักเมื่อเห็นว่ามันยังไม่ได้แกะพลาสติกออกเลยด้วยซ้ำ น้องรอผมกลับมาเล่นด้วยกันจริงๆ

จอห์นถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ถามว่าการเรียนเป็นอย่างไรบ้าง เงินพอไหม ค่าใช้จ่ายมีอะไรให้ผมเบิกได้ทั้งหมด แต่ผมก็ปฏิเสธ เพราะเงินเดือนทั้งหมดมันโอเคมากๆอยู่แล้วสำหรับผม ผมนั่งกินข้าวเช้าเงียบๆ ตอบคำถามบ้าง แต่ไม่รู้สึกอึดอัดอะไรเท่าไหร่ มันเหมือนตะกอนในใจค่อยๆหายไปบ้าง เมื่อผมเริ่มรู้สึกว่าพวกเขารักผมจริงๆ บางทีผมอาจจะเคยมองข้ามหลายๆอย่างไป แต่มาวันนี้ผมรู้สึกว่าผมสัมผัสมันได้มากขึ้น มันแปลกนะ แปลกมากๆเลยล่ะที่ผมรู้สึกว่าตัวเองใส่ใจหลายๆอย่างมากขึ้น หลังจากที่ได้รับการเอาใจใส่ที่ดีจากใครบางคน คงเป็นโฟล์คล่ะมั้ง ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นในทุกๆวัน

ผมทานข้าวเช้าไปด้วย ฟังจอห์นกับแม่และน้ำมนต์คุยกันไปด้วย ก่อนที่จะเดินเอาจานไปวางที่ซิงค์ แม่กำลังล้างจานอยู่ เธอสวมถุงมือสีชมพูสดข้างหนึ่ง อีกข้างถือน้ำยาล้างจานและบีบออก แต่เหมือนมันจะหมดเสียแล้ว


“ว้า...หมดแล้วเหรอ สงสัยคงต้องลงไปซื้อ" แม่พึมพำ ดึงถุงมือออก ผมชะงักก่อนดึงแขนแม่เอาไว้
“แม่ เดี๋ยวชาลงไปซื้อให้ แม่ไม่ต้องล้างหรอก เดี๋ยวชาทำเอง" ผมว่า แม่ทำหน้าประหลาดใจนิดหน่อย
“เอางั้นหรือลูก"
“ครับ ไม่เป็นไรหรอก จานนิดเดียวเอง แม่จะได้ไปทำอย่างอื่น" ผมบอก แม่จึงพยักหน้ารับในที่สุด เธอเดินไปหยิบเงินในกระปุกเล็กๆตรงชั้นวางของก่อนส่งให้ผม
“เอาแบบเติมแล้วกันลูก แล้วหนูอยากกินอะไรก็ซื้อขึ้นมานะ ซื้อเผื่อน้องด้วยแล้วกัน"
“ครับ เดี๋ยวชามา" ผมรับคำ ก่อนหันไปจะชวนน้ำมนต์ลงไปด้วย แต่น้ำมนต์ยังทานข้าวไม่เสร็จผมจึงไม่อยากขัดจังหวะ เลยสวมรองเท้าแตะแล้วเดินออกไป



มินิมาร์ทอยู่ด้านล่างคอนโดแต่ปิดเนื่องในเทศกาลปีใหม่ ซึ่งก็ไม่สำคัญเท่าไหร่เพราะเซเว่นอยู่ไม่ไกลออกไปจากคอนโด ประมาณสองตึกเท่านั้น ผมลากแตะเดินเอื่อยๆไปตามถนน ช่วงปีใหม่อะไรๆก็เงียบไปหมด ขนาดพวกที่คอยมายืนเรียกแขกต่างประเทศยังหายไปเยอะเลย จริงๆคอนโดกลางย่านธุรกิจแห่งนี้ไม่ได้เป็นชื่อของจอห์นหรอกครับ แต่เพราะบริษัทที่ไทยเรียกเขามาทำงานต้องการจะซื้อใจ คอนโดนี้จึงเป็นเหมือนของสมนาคุณให้พ่วงมาด้วย แต่แน่นอนว่าเมื่อไหร่ที่จอห์นปลดเกษียณ เราก็ต้องคืนคอนโดนี้ให้บริษัท ซึ่งทำให้ในตอนนี้ จอห์นและแม่เริ่มวางแผนเรื่องบ้านเดี่ยวหลังใหม่ขึ้นบ้างแล้ว อาจจะอยู่ไกลออกไปจากตัวเมืองสักหน่อย แต่ก็น่าจะดีสำหรับวัยปลดเกษียณของพวกเขา


ผมเลือกซื้อของกินสองสามอย่างกับน้ำยาล้างจานแล้วเดินไปจ่ายเงิน จากนั้นก็เดินหิ้วถุงกลับคอนโด เตรียมจะขึ้นไปเล่นเกมส์กับน้ำมนต์ตามที่สัญญากันเอาไว้เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ผมทักทายยามที่ป้อมด้านหน้า พวกเขาจำผมได้ว่าเป็นพี่ชายของน้ำมนต์ เจ้าเด็กที่เป็นขวัญใจของพนักงานเกือบทั้งคอนโด ผมล้วงไปในกระเป๋ากางเกงเตรียมหยิบคีย์การ์ดมาแสกนเข้าด้านใน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมา สายตากลับปะทะเข้ากับใครคนหนึ่งที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจอเขามาก่อน...


เขาทำให้ทั้งร่างของผมเย็นเฉียบ หัวใจเต้นแรงในจังหวะที่โลกเหมือนหยุดนิ่งไปเสียเฉยๆ ผมเหมือนถูกตรึงปลายเท้าให้หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น ผมประสานสายตากับเขาเงียบๆ ความรู้สึกมากมายเอ่อท่วมท้นขึ้นมาในอก ทั้งเจ็บปวด ทั้งอึดอัด ทั้งทรมาน ตลอดจนความเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา ผมนิ่งงัน อยากจะจ้องลึกผ่านกรอบแว่นคุ้นตาอันนั้น...


เขาต้องการอะไรอีก...





ผมนิ่งคิด ยืนเหมือนหุ่น รอให้สมองประมวลผล และในวินาทีที่ผมเรียกสติกลับมาได้ ผมก็รีบขยับตัวเตรียมจะเดินผ่านหน้าเขาไปอย่างไม่เหลียวแล แต่มันอาจจะช้าไป ทุกอย่างเหมือนจะรวนและช้าไปหมด เมื่อกฤษฎ์รีบก้าวเข้ามาประชิดตัวผม รั้งข้อศอกของผมเอาไว้แน่น ไม่ให้ผมเดินหนีไปจากเขา

แววตาเขาจริงจัง มันดึงดันและเต็มไปด้วยความรู้สึกจนผมนึกกลัว ผมเม้มปากแน่น รู้สึกจุกขึ้นมาเสียดื้อๆในคอ ผมเบือนหน้าหนีจากเขา พยายามบิดแขนออกจนแรงเหวี่ยงทำให้ถุงในมือตกลงบนพื้น


“น้ำชา อย่าเดินหนี เดี๋ยว!” เขาขอร้อง ดึงรั้งผมเอาไว้ แต่ผมไม่ยอม และดึงดันอยู่เช่นนั้น
“ไม่! ปล่อย! อาจารย์อย่าทำแบบนี้!!!”
“น้ำชา ชา!” แล้วเขาก็ดึงรั้งผมเอาไว้ เขารั้งผมเอาไว้แน่น กลิ่นโคโลญจน์คุ้นจมูกลอยแตะจมูก ความสากของไรหนวดของเขาที่สัมผัสกับใบหน้าของผม เขากอดผมเอาไว้ ในวินาทีที่ผมร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ปล่อยเถอะ"
“ฉันจะปล่อย แต่น้ำชา...อย่าวิ่งหนี" เขาเอ่ยทอดปลายเสียงขอร้อง "ฟังกันก่อนได้ไหม"


ในวินาทีนั้น ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี รอยยิ้มของโฟล์คลอยขึ้นมาในความคิด ผมไม่อยากทำลายรอยยิ้มของมันเลยสักนิด...







ออฟไลน์ kyliewonderland

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +565/-4



อาจจะเพราะเชื้อเพลิงเก่าโง่ๆที่ลุกโชนขึ้นมา ทำให้ผมยอมมานั่งกับกฤษฎ์ในร้านกาแฟชื่อดังในซอยถัดออกไปเช่นนี้ ผมนิ่งเงียบ ไม่ได้พูดอะไร นั่งหมุนโทรศัพท์บนโต๊ะเล่นอย่างไม่มีสมาธิขณะรอกฤษฎ์เดินไปรับเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์ สักพักเขาก็เดินกลับมาที่โต๊ะ นั่นทำให้ผมได้สำรวจเขาเต็มตาอีกครั้ง

เขาสวมเสื้อยีนส์สีซีดพับแขนจนถึงศอกกับกางเกงผ้าสีครีม สวมคอนเวิิร์สรุ่นลิมิเต็ทป้ายยูเอสราคาเหยียบหมื่น เขาสวมแว่นกรอบดำอันเดิม กันหนวดเคราเป็นทรง ไม่ได้เซ็ทผมอะไรเท่าไหร่ แต่นี่คือกฤษฎ์ในแบบที่ผม 'เคย' ชอบที่สุด

ผมรับแมคกีอาโตเย็นมาไว้ในมือแต่ไม่ดูด คราบน้ำตาหายไปแล้ว ผมพยายามสร้างตัวตนที่เย็นชาที่สุดขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเอง แต่มันยากเหลือเกินในช่วงเวลาที่ไม่ได้คาดคิดหรือแม้จะได้เตรียมใจเช่นนี้ จริงอยู่ที่ผมอาจจะไม่ได้รักเขาแล้ว แต่ผมยังลืมเขาไม่ได้...นั่นคือความจริง


“มีอะไรก็พูดมา" ผมเอ่ยเรียบๆ จ้องกฤษฎ์อย่างไม่ลดละ ทั้งๆที่ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีความกล้านัก และกลัวเหลือเกินที่จะเผยอะไรในใจออกไป น่าแปลกเหลือเกินที่จนกระทั่งบัดนี้แล้ว ผมก็ยังไม่แน่นอนกับความรู้สึกแกว่งๆในอกของตัวเอง บ้าบอชะมัด

กฤษฎ์ทอดถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาประสานมือไว้ใต้คาง โน้มตัวเข้ามาจ้องผมเงียบๆ


“คิดถึง"


ผมเบือนหน้าหนี ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะเคยดีใจกับคำพูดอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่ ในเมื่อตอนนี้ผมคิดถึงโฟล์คมากกว่า


“พูดแล้วเลี่ยนปากตัวเองบ้างไหม" ผมย้อนถาม กลับถอนหายใจอีกครั้งอย่างอ่อนใจ
“คิดถึงคือคิดถึงจริงๆ เมื่อวานฉันไม่รู้ว่านายถอนวิชาไปแล้ว มาดักหน้าคอนโดถึงค่ำก็ไม่เจอ"
"วันนี้ก็เลยมาอีกงั้นหรือ" ผมร้องเหอะ แต่กฤษฎ์เหมือนจะไม่ใส่ใจท่าทีไม่เป็นมิตรนั้น
"น้ำชาก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนพูดเล่น" เขาจ้องมาอย่างจริงจัง "และไม่เคยพูดจาเอาใจใคร"
“งั้นสำหรับผมก็ไม่ต้อง ตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้ว"
“แต่สำหรับฉัน...มันจำเป็นต้องพูด" เขาว่า จะเล่นลิ้นกันไปถึงไหน
“หาคำที่ดีกว่านี้ได้ไหม!” ผมแทบหลุดตะคอก แต่กฤษฎ์ก็ไม่สะทกสะท้านอะไร เขาเอื้อมมือมาแตะมือผม แต่ผมดึงมือกลับแทบจะทันที


“ขอโทษ"


เขาเอ่ย ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง แต่ผมน้ำตาร่วงพรู


“ขอโทษที่วันนั้นพูดแบบนั้น มันโง่ชะมัด เพราะหลังจากที่นายไป ฉันนอนไม่หลับจริงๆ ยิ่งนึกถึงเรื่องการแต่งงาน นึกกับตัวเองว่าทำไมฉันจะต้องแต่งงานเพื่อความต้องการของครอบครัว กับผู้หญิงที่พ่อแม่ยัดเยียดให้ ทำไมฉันถึงต้องเป็นลูกชายคนเดียวแล้วต้องมาแบกรับความหวังของตระกูลด้วย ทำไมต้องบอกให้นายไป ทั้งๆที่ฉันยังชอบนายมาก มากจริงๆ"

ผมนั่งฟังเขานิ่ง ไม่กระดุกกระดิกหรือขยับตัว แต่ในใจกลับเต้นแรงอย่าบ้าระห่ำ เหมือนฝนตกกระหน่ำซัดสาดเป็นแอ่งลึกอยู่ในก้อนเนื้อนั้น...

“จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่นายนะน้ำชา แต่สุดท้ายฉันก็คิดว่า ฉันคงไม่สามารถทำอะไรที่พ่อแม่ฉันต้องการได้หรอก ฉันบอกเขาไปตรงๆว่าฉันแต่งงานกับผู้หญิงไม่ได้ ทั้งๆที่เขาก็พอจะรู้ว่าฉันเป็นเกย์ แต่เขาก็รับไม่ได้อยู่ดี ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีพ่อแม่คนไหนรับได้ตั้งแต่แรก"
“มีสิ พ่อแม่ผมไง" ผมแค่นยิ้ม
“น้ำชา...”
“พูดต่อให้จบ" ผมว่า
“ฉันคิดว่าอีกไม่นานเขาคงรับได้"
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกครับ" ผมสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ "ในเมื่อในตอนแรก คุณยังไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นเลยด้วยซ้ำ"
“......” เขาเงียบไป แต่ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองพูดแรงไป
“รู้อะไรไหม" ผมเอ่ย ไม่ใช่คำถามสำหรับเขาหรอก
“......”
“บางทีผมอาจจะเคยชอบคุณมากๆนะครับ จนมาวันนี้ก็อาจจะยังประทับใจอยู่ไม่น้อย แต่บางทีเรื่องแค่นี้มันอาจจะไม่พอ เพราะเราอาจจะเจอกันผิดที่ ผิดเวลา ผิดเหตุการณ์ หรือไม่โชคชะตาก็ทำให้เราผิดใจกันแบบโง่เง่า แต่ยังไง...สุดท้ายทุกคนก็ต้องยอมรับมัน ยอมรับในสิ่งที่เกิด"
“......”
“เราอาจจะไม่ได้เกิดมาคู่กันนะครับอาจารย์"



ผมเอ่ย จ้องหน้าเขานิ่ง กฤษฎ์เองก็จ้องตอบอย่างไม่ลดละ ก่อนที่เขาจะคลายมือออก แล้วจุดรอยยิ้มขึ้นบางๆที่มุมปาก


“ยิ้มอะไร" ผมถาม รู้สึกไม่สบอารมณ์
“ถ้าฉันจะบอกว่า ฉันไม่เชื่อเรื่องโชคชะตา นายจะโกรธไหม"
“ก็เรื่องของอาจารย์"
“แล้วก็ไม่เชื่อด้วย ว่านายไม่ชอบฉันแล้ว ไม่เชื่อว่านายไม่รู้สึกอะไรกับฉันจริงๆ" เขาบอก นั่นทำให้ผมต้องถอนหายใจยาวเหยียด "ถ้านายเชื่อแบบนั้น ฉันก็จะพังมันลงด้วยตัวเอง"
“ผมคงห้ามความคิดอาจารย์ไม่ได้"
“น้ำชา ฉันรู้จักนายดีนะ" เขาทอดเสียงอ่อน ดวงตาเขาจ้องมองผมอย่างเอ็นดู นั่นมันเคยเป็นสิ่งที่น่ารักมากที่เขาเคยทำกับผม วูบหนึ่งผมเกือบเผลอโอนอ่อนไปกับเขา แต่ก็ไม่
“ผมมีแฟนแล้ว"
“การเป็นแฟนกันอาจจะไม่ได้หมายความว่ารักกันมากที่สุด"
“แต่เสียใจ ผมชอบคนนี้มากจริงๆ"
“เคยบอกเขาไหม" กฤษฎ์ย้อนถาม ทำให้ผมนิ่งไปสักพัก
“ไม่เคย"
เขาจุดยิ้มมุมปากบางๆ "แต่นายเคยบอกฉัน นายอาจจะไม่ได้ชอบหมอนั่นมากอย่างที่ปากบอกหรอก ไม่อย่างนั้นนายก็บอกเขาไปแล้ว"


ผมนิ่งอึ้ง ก็จริง...ทำไมผมไม่บอกโฟล์คไปนะว่ารู้สึกกับมันอย่างไร รู้สึกดีแค่ไหน ทำไมต้องมาอมพะนำให้กฤษฎ์เอามันมาเล่นงานเป็นจุดอ่อนแบบนี้ แต่ผมไม่ยอมหรอก เพราะผมรู้แล้ว ว่ากฤษฎ์ไม่จำเป็นอะไรกับชีวิตผมอีกต่อไป


“คุณไม่มีทางรู้ดีไปกว่าผมหรอกกฤษฏ์" ผมถอนหายใจออกมาอย่างสุดกลั้น
“งั้นพิสูจน์สิ" เขาว่า ท้าทายเช่นนั้น
“ผมเหนื่อยกฤษฎ์" ผมตอบเขานิ่งๆ แววตาคงสะท้อนความอ่อนแอออกมาอย่างแน่นอน ผมเหนื่อย เหนื่อยอย่างที่บอกไปเช่นนั้นจริงๆ เขารับมือยากมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้วทำไม...เมื่อวานผมถึงคิดอยากจะไปพบเขาเพื่อเคลียร์ปัญหาที่ไม่มีวันเคลียร์ได้แบบนี้กัน ผมเองก็โง่สิ้นดี
“ให้โอกาสฉันจีบนายใหม่อีกครั้ง...แค่มื้อค่ำมื้อเดียว ถ้าฉันทำให้นายเปลี่ยนใจไม่ได้ ฉันจะไปจากนาย"
“คุณเป็นเด็กเอาแต่ใจหรือไง" ผมถามอย่างอ่อนใจ แต่เขาจ้องตานิ่ง ไม่ละสายตาไปไหน
“ฉันดื้อดึงได้มากกว่านี้อีก ถ้านั่นจะทำให้ได้นายกลับมา" เขาบอกเช่นนั้น และมันคุ้นเคยเหมือนเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดที่ไหนมาก่อน...อาจจะเป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มสนใจผม หรือผมเริ่มสนใจเขาก่อนนะ แต่ช่างเถอะ เพราะตอนนั้นเขาเดินเครื่องเข้าหาแบบเต็มสูบ ด้วยคำพูดเชิงหมาหยอกไก่อะไรแบบนี้ และนั่น เหมือนกวนตะกอนข้นเขียวที่นอนนิ่งอยู่ในใจผมมานานขึ้นมาอย่างช้าๆ...


“ผมไม่เชื่อได้ไหม ผมเหนื่อยจริงๆกฤษฎ์"
“แค่มื้อค่ำมื้อเดียว" เขาไม่ลดละ ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“คุณอย่าบีบคั้นผมเลย"
“แค่มื้อค่ำ อย่าปอดแหกเลยน้ำชา ถ้านายมั่นใจว่ายังไงก็ไม่มีทางกลับมารักฉันแล้ว ก็ไปกับฉัน เราไปแค่นั่งคุยกันเฉยๆ ถ้านายไม่ตกหลุมรักฉันอีกครั้ง ก็แค่แยกย้ายกันกลับ"
“ไม่มีวันชอบคุณอีกแน่นอน" ผมย้ำเสียงเข้ม นั่นทำให้กฤษฎ์เลิกคิ้ว
“ก็ตอบตกลงสิ" เขาท้าทาย แววตายียวนนั่นทำให้ผมเลือดขึ้นหน้า ครั้งหนึ่งความกวนประสาทของเขาเคยทำให้ผมหลงรัก ผมนึกถึงโฟล์คขึ้นมาในวินาทีที่เขาท้าทาย ผมรู้สึกผิด ผิดมากๆ แต่...แต่ถ้า...มันจะจบเรื่องบ้าบอนี้ได้ มันจะทำให้ผมตัดขาดกับกฤษฎ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบล่ะก็...



“ผมจะทำให้คุณดู"











3วันก่อนตกหลุมรัก (โดยสมบูรณ์แบบ)








tbc.



ล่ารักฯเจอกันแบบคอมโบจนจบเรื่อง เร็วๆนี้นะคะ ส่วนรักชาชาก็ใกล้จะไฟนอลแล้ว ใจหายเหมือนกันเนอะ
วันนี้ไม่มีเวลาพูดคุยมาก แต่ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาแบบนี้นะคะ^^

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ฮืออ ขอบคุณนะค้า มาต่อแล้ว

น้ำชาาาาาาาาาาา ไปหลงกลอีจารย์นี่ได้ไงเนี่ย ต้องหัดดูละครหลังข่าวบ้างนะ!

เคลียร์ให้เรียบร้อย ห้ามกินเหล้า เบียร์ รวมถึงทุกอย่างจากมือจารย์

ไม่งั้นจะมีคนเสียใจเยอะมากกกกกกกกก (แฟนคลับแถวๆนี้ล่ะ  :z3:)

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
ตากฤษณ์ จะอะไรยังไง ทำไมต้องมาเว้าวอน ทำไมถึงทำแบบนี้ เกลียดคนแบบนี้ที่สุดเลยยยย  :angry2: :angry2:

เราเชื่อใจน้ำชานะ  บอกแค่นี้แหละ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด