- รักชาชา - A kiss from milk tea : ตอนพิเศษ - Lost Star #2 : page 46 : 30/08/15
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - รักชาชา - A kiss from milk tea : ตอนพิเศษ - Lost Star #2 : page 46 : 30/08/15  (อ่าน 629280 ครั้ง)

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
หน่วงมากกกกกกกก
อึดอัดแทนน้ำชา
แต่ไม่ชอบกฤษฎ์จิงๆอ่ะ
กลับมาทำไมอีก
มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ

ออฟไลน์ bennnyyy

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 791
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
ก็ยังดีอย่างน้อยเสียงโทรศัพท์จากโฟล์คก็ทำให้น้ำชาได้สติกับเขาบ้าง

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
ใจเย็นๆชา...ค่อยๆคิดนะ

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวันนะน้ำชา  :กอด1:

ออฟไลน์ uchikas

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ช่วงนี้นิยายที่ตามอยู่ ตัวเอกกำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจทั้งนั้น
อึดอัดและหน่วงล่ะเกิน กลัวว่าคนที่เชียร์อยู่จะไม่ได้เป็นพระเอก =_=
ถ้าน้ำชาจะกลับไป ก็บอกโฟล์คให้ตัดใจเถอะ
เราเคารพการตัดสินใจของเธอ ก๊ากกกก


ออฟไลน์ tempo_oil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
เราเข้าใจน้ำชานะ  // ทำไมเรารู้สึกชอบกฤษณ์อ่ะ 55555 ดูเขาเป็นคนที่มีเสน่ห์ดีนะ

ออฟไลน์ ไอ้หัวแห้ว

  • ยิ่งมืดเท่าไหร่ ยิ่งเห็นดวงดาวชัดเจน...
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +568/-5
ปวดไตตตตตต

เอ้ย ปวดใจ TT

ออฟไลน์ makampom_yun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
 :o12: :o12: :o12:

เราเข้าใจชานะ ว่ารู้สึกยังไง คือทุกคนมีเหตุผลในการกระทำหมด
โดยส่วนตัวเราไม่ได้มองว่าใครผิดใครถูกนะ
คือต่อให้ชากลับไปหาอาจาร์ย ก็ไม่ผิดอยู่ดี

เพราะจุดเริ่มต้นของชากะโฟล์คต้องยอมรับว่ามันดูเร็วและง่ายไปหน่อย
ส่วนของอาจาร์ยเองก็เข้าใจด้วยสถานภาพหรืออะไรหลายๆอย่างย่อมทำให้หวั่นไหวไปบ้างง
แต่อย่างที่บอกแหละ
ในใจเชียร์โพล์คเพราะเราเห็นแต่ความดีโฟล์ค
ส่วนอาจาร์ยก็โนคอมเม้นละกัน ไม่เชียร์และไม่ไม่แช่ง

หวังว่าสุดท้าย ชาจะตัดสินใจได้ เพราะยังไงต้องมีคนเจ็บอยู่แล้ว
และที่สุดคือ ขอบคุณนักเขียนมากค่ะ เขียนดีเหมือนเดิม
น่ารักหมือนเดิมมมม นานแค่ไหนก็รอได้ค่ะ
ขอแค่สัญญาว่าจะแต่งให้จบ

เพราะเรารักอิตาโฟล์คมากเบยยย งื้ออออออ

:katai1: :katai1:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
ตกหลุมรักใครน้อ?

ออฟไลน์ salaseen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
น้ำช๊าาาาาาาาาาาาาาาาา คิดดีๆนะลูก ฮรือออโฟล์ครีบกลับมาเร็ววววววววววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ทำไมนำ้ชาเป็นคนโลเลแบบนี้!

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
หลงทาง สับสนกันไป  :ling1: :ling1: ทนอีก2วันก่อนตกหลุม ก็จะรู้ว่าใครรักใคร  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ mutoo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-37
กับคนที่มันเคยไม่เห็นค่า ถ้ายังให้โอกาสมันอีกเท่ากับให้โอกาสมันทำร้ายเราอีก
มันเห็นว่าเป็นของตายหรือไงฟระ
พวกนายเอกไร้ปัญญา ขี้ใจอ่อน แบบนี้ไม่สเปคอ่ะขอบอก
รับไม่ด๊ายยยย อยากจะกรี๊ดดด :katai1: :m31:


ออฟไลน์ alien.aiiwz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านตอนนี้จบแล้วเราไปไม่ถูก
 :m15: :m15: :m15:
ขอสตั้นแปบ
มันนิ่งอึ้งค้างมาก
เหมือนไม่รู้จะไปทางไหนดี
สงสาร อึดอัด ไปไม่ถูก


นี่สินะ.. ความรัก
เฮ้อออ~
ตอนหน้ามาไวๆ นะคะ
ยังไงเราก็เชียร์โฟล์คชาอยู่ดี..
เราชอบความอบอุ่นละมุ่นลไมของทั้งสองเวลาอยู่ด้วยกัน
อารมณ์เหมือนนั่งจิบชาไปฟังโฟล์คซองไปเพลินๆ
บางคนอาจจะมองว่าไม่เห็นเข้ากัน
น้ำชาดูหรูหราไฮโซคุณนายแม่
โฟล์คซองก็ดูบ้านๆไม่เท่าไหร่
แต่ถ้าเป็นโฟล์คซองแบบนี้เราว่าเข้ากันได้ดีเลย ไม่น่าเบื่อด้วยนะ
 :mew1: :mew1:



รอนะคะ :call:

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
น้ำชาอย่าทำให้โฟล์คเสียใจนะ ขอร้องละ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
โอ้ยยย บีบคั้นหัวใจ เหมือนชาก็ยังรู้สึกดีกับ อ.อยู่
แล้วกับโฟล์คก็เริ่มชอบแล้ว
ชาจะตัดสินใจยังไงล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ทันแล้ววว
โอ๊ย หน่วงอะะะะ :ling3: :ling3:
ไม่อยากให้ชาจะกลับไปหาอาจารย์เลย
 :katai1:

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
อีกสองวันก่อนตกหลุมรัก กับใครละ กฤษณ์ หรือ โฟล์ค ไม่กล้าเดาแล้วอ่ะ กัวใจมากกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Nunun_B2UTY

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ชา อย่ากลับไปนะ อย่ากลับไป  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ kyliewonderland

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +565/-4



ตอนที่ 14 - กุญแจที่หายไป






ผมให้คำตอบใครไม่ได้ แม้ว่าอยากจะให้ใครมากแค่ไหนก็ตามที เจ็บที่หัวใจ อึดอัดเหมือนโดนถ่วงน้ำให้หายใจไม่ออก ผมไม่ตอบกฤษฎ์ รอจนโทรศัพท์สายของโฟล์คเงียบไป ผมหยุดร้องไห้ไม่ได้ พยายามแค่ไหน น้ำตาก็ยังคงไหลออกมาเรื่อยๆไม่หยุด กฤตฎ์มองผม สายตาเขาวูบไหวประหลาด เขากุมมือผม เราเกาะเกี่ยวมือกันและกัน แต่มันไม่ได้ทำให้ผมอุ่นใจเหมือนเคย

กว่าสิบนาทีที่ผมตอบอะไรไม่ได้ กฤตฎ์ถอนหายใจแล้วเดินออกไปจัดการค่าอาหาร เขาพาผมเดินออกจากร้านแต่ไม่ได้พาไปที่ลานจอดรถ เขาพาผมเดินทะลุไปตามถนน เราเดินลัดเลาะไปถึงแยกบางรัก ท่าเรือประจำที่เราชอบปีนสะพานขึ้นไปสูบบุหรี่ด้วยกัน เขาเดินจูงมือผมไปเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร

จนกระทั่งเราขึ้นไปบนสะพานได้สำเร็จ ลมหนาวพัดตึงเข้ามาปะทะร่าง ผมเกือบหายใจไม่ออก กฤตฎ์ดึงบุหรี่มวนหนึ่งออกมา แล้วจุดมัน

เขายังกุมมือผมไว้ หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงยอมให้เขาทำอะไรแบบนี้

กฤตฎ์เหม่อมองออกไปยังพื้นน้ำที่สะท้อนแสงไฟของตัวตึก โทรศัพท์ผมดังขึ้นอีกครั้ง ผมดึงมันออกมา แต่มือใหญ่ของกฤตฎ์กลับวางทาบทับมันเอาไว้


“ขอเวลาหน่อยได้ไหม สักสิบนาทีก็ยังดี"


ผมจ้องหน้าเขา ปาดน้ำตา มันเริ่มหยุดไหลแล้ว ผมสูดหายใจเฮือกใหญ่ แล้วส่งมือถือให้เขา ไม่ต้องห่วง ผมจะรับสายโฟล์คแน่ จะโทรกลับหามัน แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ผมให้มันรู้ว่าผมอ่อนแอขนาดนี้ ผิดสัญญามันแบบนี้...ไม่ได้...

กฤตฎ์รับมือถือไปเก็บไว้ เขากดปิดเสียง เรายืนกุมมือกันเงียบๆบนสะพาน ผมใช้อีกมือหนึ่งพาดราวสะพานเอาไว้ ปลายนิ้วทำทีเขี่ยก้นบุหรี่ทั้งๆที่ไม่ได้ถือมัน เพราะไม่รู้จะทำอะไรจริงๆ...


“เอาสักตัวไหม" เหมือนกฤตฎ์จะเห็น เขาส่งบุหรี่มวนในมือให้ผม ผมรับมาเงียบๆ แล้วเขาก็จุดมวนใหม่ขึ้นโดยไม่พูดอะไร

เราจ้องมองควันบุหรี่ลอยอ้อยอิ่งขึ้นไปบนอากาศ ลมเย็นๆ หนาวจับขั้วหัวใจ


“ร้องไห้ขนาดนี้แล้วจะให้ปล่อยมือไปได้ยังไง" เขาถาม เกี่ยวมือผมแน่นขึ้น มันดึงความทรงจำเก่าๆทั้งหมดทั้งมวลกลับขึ้นมา แต่ผม...


ผมไม่มั่นใจ

กลัว

สับสน

แปลกแยก


“......” ทำอะไรไม่ได้นอกจากส่ายหน้าเบาๆแล้วดูดบุหรี่เข้าไปคำใหญ่
“ไม่พร้อมใช่ไหม"
“......” ผมพยักหน้าเบาๆ "อืม" เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แล้ว...มีโอกาสไหม"

เขาถามอีก ผมมองมือที่เราเกี่ยวกันเอาไว้ แล้วเม้มปากแน่น ก่อนส่ายหัว

กฤตฎ์มองตาผม บีบมือแน่นขึ้น


“ไม่รู้ หรือไม่มีอีกแล้ว"


ผมเงียบ ตอบยากเหลือเกิน น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วกำลังก่อตัวขึ้นรื้นที่หัวตาอีกครั้ง




“......ไม่รู้"




“ไม่ได้จะให้ความหวัง" ผมพึมพำเสียงแหบแห้ง "แต่ไม่รู้จริงๆว่าควรจะทำยังไงดี สับสนไปหมด ไม่รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไรไม่ให้ใครเจ็บ ไม่รู้จริงๆ"
“......” กฤตฎ์เงียบไปพักใหญ่ เขาดับบุหรี่ลงแล้วปล่อยมือผม กลิ่นบุหรี่เมนทอลลอยแตะจมูกเจือกับกลิ่นโคโลญจน์เย็นๆที่ฝ่ามือของเขาเมื่อเขาเอื้อมแตะที่แก้มผมเบาๆ


“ขอโทษนะ"

เขาเอ่ยขึ้นเบาๆ

“ไม่รู้เคยบอกไปหรือยัง แต่อยากบอกมาตลอด ว่านายเป็นคนที่มีเสน่ห์"

“ทำให้ใครชอบได้ง่ายๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน"


เขาสบตาผมนิ่ง แววตาสะท้อนอะไรหลายๆอย่าง กฤตฎ์อาจจะเห็นแก่ตัวในบางเรื่อง แต่ในวันนี้ เขาเจ็บปวดจริงๆกับทุกการกระทำที่ผ่านมา


“ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะมาไกลได้ขนาดนี้ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่...”
“อะไร?”
“ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ชอบนายได้มากขนาดนี้ พอตื่นมาแล้ว...ไม่เห็นหน้า ไม่ได้เจอ...มัน...”
“......”
“ทรมานไปหมด"


ผมเงียบ มองตากฤตฎ์นิ่ง ไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือพูดเล่น แต่...ไม่รู้ ทำไมผมถึงไม่รู้ตัวเองได้มากขนาดนี้นะ บ้าไปแล้ว ผมไม่รู้จริงๆว่าควรจะรู้สึกอย่างไร ควรแสดงออกอย่างไร ยิ้ม ดีใจ หัวเราะ ร้องไห้ หรือผลักไส...


“จะไม่ถามซ้ำหรอกนะ เดี๋ยวนายร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังอีก"
“......”
“ขอกอดทีหนึ่งได้ไหม"


เขาเอ่ยถาม ยกมือปาดน้ำตาให้เบาๆ ผมพยายามเบือนหน้าหนี แต่ก็ทำไม่ได้...


ผมจมเข้าไปในอกของเขา กลิ่นอุ่นๆยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ เรากอดกันนิ่งเงียบบนสะพาน ปล่อยให้สายลมพัดผ่านแล้วหอบเอาทุกความเจ็บปวดให้สูญสลายไปในไม่กี่วินาทีนี้ เขากอดผม ผมกอดเขา เราประคองกันและกันด้วยทุกความรู้สึกจากก้นบึ้งหัวใจ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่...มันคือความรู้สึกที่ดี ที่อยากเก็บไว้ แต่ก็สามารถปล่อยมือจากมันได้โดยไม่ยึดถืออะไรใดๆ...

ผมค่อยๆผละตัวออกจากเขา มองหน้าเขานิ่งๆ แล้วค่อยๆก้มหน้าลง


“อยากกลับแล้ว"
“อืม"
“ขอมือถือคืนได้ไหม" ผมถาม เขาไม่อิดออดที่จะหยิบคืน มีสายไม่ได้รับห้าสาย ผมเก็บใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้
“เดี๋ยวไปส่ง"
“......”
“จะรอนะ"



เขาว่าก่อนเดินนำออกไป ผมไม่ได้ให้เขาจับมืออีกแล้วในรอบนี้ เช่นเดียวกับที่ไม่ได้ร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังอีกต่อไป...ผมมองตามแผ่นหลังกว้างที่เคยวิ่งไล่ตามมาตลอด ตอนนี้มันอยู่ตรงหน้า ไม่ต้องวิ่งไล่ตามอีกแล้ว เขาอยู่แค่ปลายนิ้วเอื้อมแค่นี้

ผมจะได้หยุดวิ่งไล่ตามความรู้สึกที่หล่นหายไปนี้เสียที

ใช่ไหม?

ผมจะได้เขากลับคืนมาจริงๆงั้นหรือ...










กฤตฎ์มาส่งผมตามสัญญาที่คอนโดตอนเกือบๆสามทุ่ม ผมไม่ได้ล่ำลาอะไรเขา เขาถามผมว่าอยากให้อยู่เป็นเพื่อนก่อนไหมแต่ผมปฏิเสธ ผมส่งเขาขึ้นรถ สายตาจับจ้องไปจนเขาหักพวงมาลัยออกไป ผมจึงค่อยๆเดินทอดน่องออกไปนั่งที่ป้ายรถเมล์ด้านหน้าคอนโด

บุหรี่อีกตัวถูกจุดขึ้นสูบ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หน้าจอแสดงการแจ้งเตือนของโปรแกรมแชท โฟล์คถามว่าทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์พร้อมกับรัวสติกเกอร์มาสี่ตัว กับสายที่ไม่ได้รับอีกเจ็ดสาย ผมถอนหายใจ พยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ ยังรู้สึกชื้นๆอยู่ที่ปลายจมูก...

ผมกดโทรกลับ เสียงสัญญาณดังขึ้นครั้งแรกในชั่ววินาทีที่ยาวนาน จากนั้นปลายสายก็รับอย่างรวดเร็ว


“ฮ...ฮัลโหล" ผมพยายามบังคับเสียงให้มันไม่แปร่งมากไปนัก แต่ดูเหมือนปลายสายจะไม่ใส่ใจอะไรแบบนี้เท่าไหร่
(น้ำชา! นี่มึงทำเหี้ยไรวะ ทำไมไม่รับโทรศัพท์!) มันโวยวายมาตามสาย ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรใดๆ (มึงรู้ไหม อีกสามวินาทีกูจะโทรเข้าบ้านหาแม่มึงแล้วนะ)
“กูออกไปกินข้าวข้างนอกมา"
(กับใคร?) มันถามเสียงขึ้นจมูกทันที
“อยากรู้จริงๆเหรอ" ผมถามมัน ไม่รู้มันว่ามันจะรู้ไหมว่าผมพูดจริงไม่ได้แหย่
(เจ็บปวดใจจัง) มันเอ่ยติดตลก ก่อนทำน้ำเสียงแข็งขึงขึ้นมาอีก (นี่มึงคงไม่ได้ทรยศกูไปกะอาจารย์เหี้ยไรนั่นใช่ไหม?) มันถาม ผมจุก นั่งนิ่งไม่รู้ว่าควรจะบอกความจริงมันตอนนี้ดีไหม
“มึงไม่อยากรู้หรอก"
(โอ้ยน้ำชา กูจะเป็นบ้า) มันโวยมาตามสายอีกรอบ มันคงนึกว่าผมล้อเล่น (ไปกะใคร เร็วๆ ที่บ้าน? ปอม? กาย? เป๊ก?)
“จะให้บอกตอนนี้หรือจะให้ไปบอกที่ภูเก็ต" ผมถอนหายใจเบาๆพร้อมปล่อยควันออกมาในอากาศ ผมได้ยินเสียงมันระริกระรี้ดังมาจากปลายสาย
(อะไรนะ มึงจะมานี่เหรอ) มันถาม แทบลืมหัวข้อเดิมไปทันที
“อืม เดี๋ยวจะไปหา" ผมใจอ่อนยวบ "อาจจะวันมะรืนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ขอเอารถไปคืนแล้วไปเก็บของที่คอนโดมึงก่อน"
(ทำไมวะ เดี๋ยวกลับมาค่อยเอาคืนก็ได้) มันถามเสียงยุ่ง เสียงล้งเล้งจากปลายสายทำให้ผมรู้ว่ามันคงกำลังสังสรรค์กับเพื่อนๆมันอยู่
“กูไม่สบายใจอ่ะ เถอะน่า" ผมตะล่อมมัน "เจอกันมะรืนนะโฟล์ค"
(จะมาจริงๆอ่ะ) มันถามย้ำ น้ำเสียงดีใจปิดไม่มิด
“อืม"
(คนเดียวหรอ)
“อาจจะถามกายกับปอมด้วย แต่จะไปหา" ผมยืนยัน "เออ โฟล์ค"
(หืม)
“นอนหลับไหมเมื่อคืน" ผมถามยิ้มๆ มองควันบุหรี่ที่ลอยละล่องขึ้นไปบนฟ้า
(ทำไมถามงี้อ่ะ)
“เปล่า ก็เห็นมึงชอบเว่อร์เวลาไม่มีกูอยู่ด้วย"
(ฮ่าๆๆๆ) มันหัวเราะมาตามสาย (แทบขาดใจเลยว่ะ คิดถึ้ง คิดถึง)
“เอาจริงๆดิ"
(เออ นอนหลับดิวะ เดี๋ยวกลับไปก็เจอแล้ว แต่ตอนนี้มึงจะมาหาแล้ว ไม่เห็นว่าจะมีอะไรทำให้กูนอนไม่หลับ)
“งั้นไม่มีอะไรแล้ว ไปต่อกับเพื่อนๆเหอะ เดี๋ยวกูจะโทรหาเพื่อนกูหน่อย"
(นี่มึงเป็นอะไรหรือเปล่า เสียงนอยด์ๆ) มันถามกลับ
“เปล่า ตากลมมาน่ะ"
(ไอ้สัดไม่ดูแลตัวเอง เดี๋ยวเหอะ)
“เถอะน่าไอ้หมู มึงไปไหนก็ไปไป"
(กูจะฟ้องฟลุคว่ามึงไล่กู น้ำชา มึงมันใจร้าย มึงมันใจจืดใจดำ) มันด่ามาตามสายแบบโคตรปัญญาอ่อน ผมถอนหายใจเบาๆก่อนยิ้มออกมา
“เจอกันนะ"
(ไม่อยากเจอคนใจดำแบบมึง) มีสะบัดเสียงใส่
“ฮ่าๆ ไอ้บ้า" ผมหัวเราะแกนๆ ก่อนที่จะเงียบลง โฟล์คมันก็เงียบไป ก่อนที่มันจะถอนหายใจออกมาเบาๆ...

(มาเร็วๆนะชา เดี๋ยวจะพาเที่ยว)
“อื้ม"



ผมกดตัดสายหลังจากล่ำลาคนที่ปลายสายเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ได้แต่นั่งจ้องโทรศัพท์อย่างเหม่อลอย ลมเย็นๆพัดเข้าหาตัวเมื่อรถเมล์คันใหญ่คันแล้วคันเล่าแล่นผ่านไป ผมเหม่อมองขึ้นไปบนฟ้ากว้าง ที่ผ่านมา...ผมใช้โฟล์คเป็นเครื่องพิสูจน์ความเหงาของตัวเอง หรือเป็นตัวแทนของใครหรือเปล่านะ

แต่พอมานั่งคิดๆดูแล้ว คนที่มีอ้อมกอดอบอุ่นยิ่งกว่าท้องฟ้า รอยยิ้มเจิดจ้ายิ่งกว่าพระอาทิตย์ และหัวใจที่กว้างใหญ่กว่ามหาสมุทรเช่นนั้น จะเป็นตัวแทนของใครได้

ผมไม่อยากทำลายสิ่งเหล่านั้น โฟล์คก็คือโฟล์ค



(...ฮัลโหล)



น้ำเสียงง่วงงุนจากปลายสายทำเอาคิ้วขมวดมุ่น


“ฮัลโหลเป๊ก มึงนอนแล้วเหรอวะ" ผมถาม ระบายยิ้มอ่อนๆเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนสนิทหาววอด
(เปล่า......ฮ้าววววว) มันปฏิเสธ (ตะวันกับพี่ท็อปชวนกูมานวด สบายตัวไปหน่อยเลยเผลอหลับ)
(มีอะไรเปล่า) เป๊กถามกลับ
“เปล่า กูว่าจะลงไปภูเก็ต"
(ไปทำไมวะ ไปหาโฟล์คเหรอ) มันถามเสียงประหลาดใจ ผมดีดก้นกรองบุหรี่ที่เหลือเล็กน้อย ก่อนขยี้มันลงพื้น


“ไปบอกเลิกโฟล์ค"












ผมนั่งนิ่ง มองออกไปด้านนอกหน้าต่างของรถโฟล์คคันคุ้นเคยด้วยความรู้สึกโหวงๆในใจแปลกๆ รู้สึกปวดหัวหน่อยๆ เมื่อคืนแทบนอนไม่หลับนั่งคิด นอนคิด แล้วก็ร้องไห้แบบไร้เสียงอยู่ค่อนคืนกว่าทุกอย่างจะสงบลงได้ มันเจ็บปวดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ไม่รู้จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ มันอาจจะเป็นวิธีเดียวที่ทำให้ชีวิตทุกคนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

ปอมมองผมสลับกับทางด้านหน้า รถของกายยังขับตามหลังมา วันที่สามสิบเดือนสิบสอง หนึ่งวันก่อนสิ้นปี กรุงเทพฯเงียบพิลึก หลังจากเมื่อคืนผมบอกเจตนารมณ์ของตัวเองกับเป๊ก จากนั้นสักพักกายกับปอมก็แย่งกันโทรเข้ามาในสายจนสลับกันรับแทบไม่ทัน พวกมันมาหาตอนเกือบเที่ยงคืน นั่งเป็นเพื่อนจนเกือบตีสี่ ก่อนที่จะกลับไป



“มึงโอเคไหมวะ?” ปอมเอ่ยถาม ภายใต้แว่นกันแดดสีดำนั่น สายตามันคงฉายถึงความเป็นห่วงกับอาการไม่สู้ดีของผมเท่าไหร่นัก
“ก็...” ผมถอนหายใจ “จริงๆก็ไม่โอเค"
“ให้ตายเถอะ" มันสบถเบาๆ "กูแม่ง...”

ปอมพึมพำกับตัวเอง ดูท่าทางหงุดหงิดระคนไม่พอใจ

“ทำไม"
“เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำตัวเองวะ" มันด่า "ไม่ดิ...”
“......”
“เมื่อไหร่มึงจะมีความสุขสักทีวะชา"

ผมเงียบ อยากจะระบายยิ้มให้เพื่อน แต่พอนึกถึงการกระทำที่รังแต่สร้างความเดือดร้อน ทำให้ผมก็ได้แต่เม้มปากแน่น

“อย่าเลย"

“มีความสุขแล้วกูก็ยิ่งเหลิง"

“เหมือนเรื่องกูกับโฟล์ค"

“พอสุดท้าย...”


“กูก็ลืมตัว กอบโกยแต่ความสุข ไม่ได้นึกเลยสักนิดว่าโฟล์คแม่งทุกข์ใจกับอะไรบ้าง"



ผมได้ยินเสียงพรูลมหายใจหนักๆจากคนข้างตัว ปอมเลี้ยวพวงมาลัยเข้าคอนโดโฟล์ค พี่ยามกุลีกุจอเปิดที่กั้นให้ ผมชะโงกหน้าแจ้งว่ามาพร้อมกับรถของกาย พี่ยามตะเบ๊ะรับทราบก่อนปล่อยให้พวกเราเข้ามา

รถจอดสนิทที่จอดรถประจำของโฟล์ค ผมเอนตัวนิ่งกับเบาะ บ่ายแก่ๆเกือบจะเย็นแล้ว เมื่อคืนผมตัดสินใจบอกเรื่องราวทุกอย่างกับปอมและกาย เหมือนที่เล่าให้เป๊กฟัง เทศกาลแห่งความสุขทั้งที แต่พวกมันก็ยังต้องมาปวดหัวไม่จบไม่สิ้นกับเรื่องของผม ผมตั้งใจจะเก็บของออกจากคอนโดโฟล์ค คืนชีวิตปกติให้กับโฟล์ค ชีวิตที่ไม่มีผมคอยทำให้สับสนและต้องมารอคอยอะไรแบบนี้

น่าแปลกใจที่ปอมกับกายไม่ด่าผมแรงๆสักคำ หรือว่าพวกมันจะชินและปลงไปแล้วกันนะ...ผมที่ทำอะไรตามใจ ปลงใจคบกับใครแบบไร้สติ หาแต่เรื่องใส่ตัว พนันบ้าๆนั่นก็ด้วย ทำไมพวกมันไม่ห้ามกันตั้งแต่แรกอย่างจริงจังก็ไม่รู้ ปล่อยจนมันดำเนินมาเกือบจะถึงวันสุดท้าย

แล้วผมจะไปโทษมันทำไมวะ เรื่องทุกเรื่องมันก็เกิดจากการตัดสินใจไม่ยั้งคิดของผมเอง



“มึงไม่มีความสุขเหรอวะ"

ปอมเอ่ยถามขึ้นเรียบๆ เอื้อมมือปิดวิทยุ ระหว่างที่เรารอรถของกายถูกยกขึ้นมา ผมเหลือบมองหน้ามัน


“อะไร"
“อยู่กับโฟล์ค...” มันหยุดคำพูดไป "มึงไม่มีความสุขเลยเหรอวะ"
ผมนิ่ง มองตรงไปเบื้องหน้า ไม่รู้จะขุดคำพูดจากส่วนไหนขึ้นมาดี หัวใจเจ็บแปลบ "มีดิวะ"

“แม่งโคตรวิเศษ"

“มันเป็นผู้ชายที่วิเศษมากเลยมึง อย่างกับนักมายากล มีพลัง แล้วก็...”

“เหมือนหลุดมาจากความฝัน"



ปอมเงียบ เสียงแอร์ดังเบาๆภายในห้องโดยสาร มันยกมือกุมพวงมาลัยไว้ ก่อนปล่อยลง แล้วยกขึ้นวางบนพวงมาลัยอีกครั้ง ซ้ำไปซ้ำมาเหมือนไม่รู้จะพูดดีหรือไม่...



“มึงรู้ไหม...ทำไมพวกกูไม่ห้ามมึงคบกับโฟล์ค ทั้งๆที่จุดเริ่มต้นแม่งปัญญาอ่อนสิ้นดี" คำถามของมันทำให้ผมต้องเงยหน้ามองมันเงียบๆ ปอมถอดแว่นกันแดดเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ
“...ท...ทำไม"
“เพราะโฟล์คแม่งเป็นผู้ชายอย่างที่มึงบอก แม่งเป็นคนมหัศจรรย์"
“......”
“ไม่ใช่ว่าพวกกูไม่กลัว แต่กายคุยกับมันแล้ว มันบอกว่าชอบมึงจริงๆ ทำไมไม่รู้ แต่มันชอบมึง ทั้งๆที่มันไม่เคยบอกว่าชอบใครเลยสักครั้ง แฟนเก่ามันก็ไม่เคย"
“......”
“แต่แน่นอนพวกกูไม่เชื่อเต็มร้อยหรอก แต่เพราะแม่งคือโฟล์ค พวกกูเลยคิดว่า มันต้องทำให้มึงชอบมันได้ ทำให้มึงเป็นผู้เป็นคนได้แน่ ทำให้มึงมีความสุขได้"
“......”
“แต่พวกกูก็คงพลาดแหละ เพราะต่อให้มึงชอบมันแค่ไหน มึงก็ยังลืมกฤตฎ์ไม่ได้" มันพึมพำ คำพูดมันราวกับหอกแทงใจผมอย่างจัง "กูคงต้องขอโทษมึงด้วยแหละ"
“ไม่ต้องหรอก" ผมพึมพำ ยิ้มให้มันบางๆทั้งน้ำตาเอ่อคลอ "มันจบแล้วมึง"



“เพราะมันคือสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิตกูไง กูทำลายมันไม่ได้หรอก"


“กูจะเก็บมันกลับเข้าไปในความฝันเหมือนเดิม ไว้คิดถึง กูก็ค่อยจินตนาการถึงมัน"



ปอมเบือนหน้าหนี ผมได้ยินเสียงมันร้องหึเบาๆ



“น้ำเน่าสัดใช่ไหมมึง" ผมยิ้มให้กับตัวเองในเงาสะท้อนบนกระจก "แต่กูพูดจริงๆนะ กูคงมีมันในใจตลอดไปนั่นแหละ"




ผมขอให้กายกับปอมรอในรถ ก่อนเดินเข้าไปในห้องของโฟล์ค ห้องมันเรียบร้อยแบบน่าแปลกใจ คงเพราะแม่บ้านเพิ่งมาทำความสะอาด แล้วเจ้าของก็ไม่อยู่ น้ำหอมกลิ่นประจำของโฟล์คลอยอวลจางๆอยู่ในห้อง ผมมองบรรยากาศรอบๆด้วยความรู้สึกใจหายระคนเจ็บแปลบ ตุ๊กตาตัวโตที่โฟล์คซื้อให้ผมนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียง

ผมยิ้มบางๆกับของตรงหน้า ก่อนเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วดึงเสื้อผ้าของตัวเองเก็บใส่กระเป๋า ไม่อยากอยู่นานไปมากกว่านี้เพราะหายใจไม่ออก เหมือนอากาศในห้องมันน้อยลงไปทุกทีๆ ภาพของมันกับผมปรากฏในทุกตารางนิ้วในห้องนี้ ในครัว บนโซฟา เตียงนอน ห้องน้ำ......กระดานไวท์บอร์ดจดข้อความเตือนความจำสำคัญๆของเราสองคนไว้้แน่นขนัด

ผมยกแปรงขึ้นแล้วลบส่วนของผมออกช้าๆ เหลือไว้เพียงแต่ข้อความต่างๆของโฟล์ค ผมเก็บชีท สมุด หนังสือ และทุกอย่างโยนใส่ลังเปล่า พยายามไม่มองรอบๆให้มากนัก เพราะมันขโมยอากาศหายใจไปจนแทบหายใจไม่ออก ผมกระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตา ก่อนที่จะหอบเขาข้าวของพะรุงพะรังออกมาวางไว้หน้าประตู

ปอมกับกายที่ดูดบุหรี่อยู่เดินมาช่วยยกของขึ้นรถ ผมบอกให้มันสตาร์ทรถรอได้เลยก่อนที่จะขอเข้าไปเอาของสำคัญอีกอย่างออกมา

ของชิ้นสุดท้ายคือไอ้คุ๊กกี้ของโฟล์ค ผมมองหน้าตาซื่อๆไม่รู้เรื่องรู้ราวของมันแล้วอุ้มมันขึ้นมา อดยิ้มขำตัวเองไม่ได้ สุดท้ายมันก็คือตัวแทนของโฟล์คแบบที่เจ้าตัวมันหวังเอาไว้ กวาดตามองรอบๆห้องอีกครั้ง...ให้มันเป็นความทรงจำแบบนี้คงดีแล้ว ผมกลับหลังหันเดินออกมา ไม่ใช่ไม่เจ็บ แต่แม่ง...จะทำอะไรไปได้มากกว่านี้กัน ผมปิดประตูห้องลงอย่างเบามือ กักขังทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง ผมอุ้มไอ้ตุ๊กตายักษ์ออกมาที่ลานจอดรถ ปอมกับกายรออยู่บนรถแล้ว ผมเปิดประตูหลัง สอดตุ๊กตาตัวใหญ่เข้าไป ทั้งสองคนหันมามองแต่ไม่พูดอะไร


“จอดหน้าคอนโดให้หน่อย เดี๋ยวเอากุญแจไปคืนในกล่องจดหมายก่อน" ผมพึมพำเบาๆ กายพยักหน้าไม่พูดอะไร...




ออฟไลน์ kyliewonderland

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +565/-4

ตลอดวันผมยังคุยกับโฟล์คผ่านโทรศัพท์เป็นปกติ แต่ไม่มากนัก เพราะมันเองก็ยุ่งกับกิจกรรมที่เพื่อนและพี่ชายมันสรรหาพากันออกไปทำ ผมจองไฟลท์เครื่องบินไว้เป็นไฟลท์ตอนกลางดึกของวันที่สามสิบเอ็ด แน่นอนว่าช่วงเทศกาลที่นั่งว่างคือทองคำ แต่เพราะผมไม่รู้จะถือทิฐิต่อไปอีกทำไม ผมจึงเอ่ยปากขอให้จอห์นช่วย จอห์นไม่มีอิดออด เขายกหูกริ๊งเดียว ที่นั่งบิสิเนสคลาสของสายการบินประจำประเทศก็มาเป็นของผมทันที เช่นเดียวกับปอมและกายที่รบเร้าขอไปด้วย เพราะมันไม่วางใจอะไรในตัวผมทั้งนั้น

กฤตฎ์ไม่ได้โทรหาผมเพราะผมขอเอาไว้ ผมจะติดต่อไปเมื่อผมพร้อมจะคุย คืนก่อนวันเดินทางผมนอนไม่หลับ แต่มันไม่จำเป็นนักหรอก ผมใช้เวลาในวันสิ้นปีทั้งวันกับครอบครัว ไปเดินห้างด้วยกันช่วงสายเพื่อซื้อของเข้าบ้าน ตกบ่ายนอนเล่นเกมส์กับน้อง มื้อเย็นทานข้าวฝีมือแม่ และพูดคุยเรื่องต่างๆกับจอห์นในช่วงอาทิตย์ตกดิน แน่นอนว่าในใจเหมือนมีหลุมดำอันใหญ่ผุดขึ้นมากลืนกินทุกความรู้สึกอย่างเลือดเย็น แต่มากกว่าความเจ็บปวดของผม นั่นคืออิสรภาพของโฟล์ค

ปอมกับกายมาที่บ้านของผมในตอนเย็นของวันที่สามสิบเอ็ดเพื่อที่จะไปสนามบินพร้อมกัน เป๊กโทรมาแทบทุกสองชั่วโมงจนผมหมดเรื่องจะคุย แม่ชวนเพื่อนๆทานอาหารเย็นด้วยกัน ผมรู้สึกผิดมากจริงๆที่ต้องทำลายวันสิ้นปีของเพื่อนๆด้วยเรื่องเห็นแก่ตัวเช่นนี้ แต่หัวเด็ดตีนขาดพวกมันก็ยืนยันว่าจะไปกับผมให้ได้

กายเป็นคนขับรถ เราไม่มีกำหนดการค้างคืนอะไรใดๆ ผมแทบไม่พูดอะไร ปล่อยให้กายคุยกับปอมไปเรื่อยๆผ่านหู ไฟลท์บินของเรากำหนดการคือตอนสองทุ่มสี่สิบห้า กว่าจะถึงก็คือสี่ทุ่ม แต่ผมตั้งใจแล้วว่าจะขอเจอมันแค่ไม่กี่นาที เพราะไม่อยากให้เราต่างเจ็บปวดกันไปมากกว่านี้














“ฮัลโหล...”




สี่ทุ่มกว่าเครื่องก็แตะรันเวย์สนามบินภูเก็ต ผมไม่มีสัมภาระอะไรติดตัวทั้งนั้นนอกจากถุงกระดาษเล็กๆใบเดียว ไอ้ปอมกับกายออกไปดูดบุหรี่หน้าเทอมินอลเรียบร้อยแล้ว ผมกดโทรออกหาโฟล์ค คืนนี้มันมีปาร์ตี้เล็กๆริมหาด จัดที่บ้านพักตากอากาศของที่บ้านมัน ฉลองส่งท้ายปีเก่า...มันบอก และมันดีใจมากที่ผมจะมาหามันในคืนนี้


(ถึงยังวะน้ำชา เพื่อนกูแม่งไม่ยอมแดกเหล้า กลัวเมาก่อนเมียมาหาเนี่ย---- นิน เอาโทรศัพท์กูมา)


ผมได้ยินเสียงล้งเล้งมาจากในสายระหว่างที่เพื่อนรักยื้อแย่งกัน ในที่สุดโฟล์คก็ได้มือถือกลับคืนไป มันโดนนินแหย่อีกยกหนึ่งก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงคุ้นเคยของมันดังมาในสาย


(ชา ถึงแล้วเหรอ)
“ยัง ไฟลท์ดีเลย์ คืนนี้คงไปหาไม่ได้แน่เลยว่ะ" ผมว่าพลางยิ้มบางๆ น้ำเสียงมันร้อนรนและตกอกตกใจมากเมื่อได้ยิน
(เห้ย บ้าป่ะเนี่ย มึงบินสายการบินไหน เดี๋ยวเจอกูคอมเพลนเรียกค่าเสียหายแน่ ไอ้สัด! แล้วเขาบอกไหมว่ามาถึงเมื่อไหร่)
“ฮ่าๆๆ ไอ้สัด กูหลอก กูถึงแล้วเนี่ย" ผมบอก มันกระฟัดกระเฟียดมาตามสาย
(มึงนี่นะ บ้าสัด) มันว่าเสียงหงุดหงิด (แล้วไม่ให้ไปรับอีก กูส่งคนรถไปรอแล้ว เดี๋ยวเขาคงโทรหามึง)
“เออน่ะ...” ผมพึมพำ จากนั้นเสียงเรียกสายซ้อนก็ดังขึ้น "สงสัยโทรมาแล้ว แค่นี้นะ"
(เดี๋ยวชา!)
“อะไร...”
(เปล่า)
“......”


(รีบๆมานะ)













กว่าจะถึงหาดที่โฟล์คว่าก็ห้าทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว ผมลงจากรถแวนคันเงาวับพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน ประตูไม้ขัดมันเงาวับกับสนามหญ้าหน้าบ้านทอดยาวไปจนถึงตัวบ้านที่เป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นหลังใหญ่ที่ด้านหลังเป็นระเบียงกว้างติดทะเล ผมเดินตามกายเข้าไปด้านใน มันบอกว่ามันเคยมาที่นี่เพื่อฉลองจบมอปลายกับเพื่อนๆในห้อง ท้องฟ้าคืนนี้มีดาวมากกว่าทุกวัน เสียงคลื่นลมและกลิ่นเค็มของทะเลลอยแตะปลายจมูก

เราเดินทะลุตัวบ้านที่มีคนไม่รู้จักมากมายยืนอยู่เข้าไปจนถึงระเบียงใหญ่ที่ใช้สำหรับจัดงานปาร์ตี้ เสียงเพลงดังไปทั่วบริเวณ ตรงกลางพื้นที่มีคนยืนออเหมือนมีการเล่นเกมส์อะไรอยู่ ผมเห็นผู้ชายตัวโต ผิวแทน ยืนเปลือยอกล่ำถือไพ่สองใบแล้วยืนหรี่ตาอย่างเจ้าเล่ห์ นั่นพี่ฟลุคนั่นเองไม่เห็นต้องเดา

ผมสอดสายตามองหาคนที่ต้องการเจอมากที่สุด แต่แล้วแรงปะทะจากทางด้านหลังก็ทำให้ผมแทบล้ม ผมมองข้ามไหล่กลับไปมอง ก่อนพบว่าเจ้าของผมนุ่มๆหัวกลมๆนั่นคือไอ เพื่อนตัวน้อยของโฟล์คนั่นเอง


“น้ำชา!!! มาจริงๆด้วย" ไอร้องอย่างดีใจ ผมยิ้มเฝื่อนๆออกมาก่อนตอบ
“ก็บอกโฟล์คไว้แล้ว"
“โฟล์คไปไหนนะ เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย นินน ภัทร!!” ไอโบกมือเรียกเพื่อนอีกสองคนที่เดินคู่กันเข้ามาหยอยๆ นินเลิกคิ้วทักทายผมมาแต่ไกล
“ไงมึง คิดถึงมันขนาดต้องมาไกลเลยเหรอวะ" พนันได้ว่านินเมาแล้ว ผมไม่ตอบ มองหน้านินยิ้มๆ แล้วยิ้มทักทายภัทรแทน
“ทำไมคนเยอะจังวะ" กายเอ่ยถามภัทร ปอมยืนอยู่ไม่ไกลกัน
“เพื่อนพี่ฟลุค แล้วก็มีเพื่อนมัธยมไอ้โฟล์คมันอีก" ภัทรตอบ "เจ้าภาพหายไปไหนวะ" มันมองหาโฟล์ค ผมสอดสายตาตามมัน ก่อนระบายยิ้มอ่อนๆออกมาเมื่อเห็นเจ้าของงานเดินออกมาจากตัวบ้านพร้อมกับเพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง ก่อนที่มันจะเห็นผม แล้วก็รีบสาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“ชา!” มันร้องเรียกชื่อผมก่อนเดินมาหยุดตรงหน้า มันละล้าละลังไม่รู้ควรจะทำอะไรก่อนดี ผมยิ้ม รู้สึกปวดแปลบในใจแต่ก็ยังฝืนมองหน้ามันต่อไป
“จะกอดก็กอด ยืนซื่อบื้ออยู่นั่น" ผมว่า โฟล์คยิ้ม ก่อนโถมตัวเข้าหาผมเต็มแรง มันหัวเราะเบาๆที่ข้างหู กลิ่นคลอรีนจางๆยังติดอยู่บนผิวของมัน
“มึงมาจริงว่ะสัด"
“เออดิ" ผมตอบ "กูไม่โกหกอะไรมึงแล้ว" ผมกลั้นใจบอก มันดูชะงักไปนิดหน่อย
“อะไรวะชา พูดจามึนๆงงๆอีกแล้ว" มันขมวดคิ้วมุ่น ผมยิ้มก่อนส่ายหัว
“เปล่า" ผมดึงแขนมัน "ไปเอาเหล้ากัน"


ผมบอกมัน โฟล์คพยักหน้ารับก่อนเลื่อนมือมากุมมือผมเอาไว้ ผมหันไปสบตากับปอมและกาย สองคนนั้นมองหน้าผมก่อนพยักหน้าเบาๆ

ผมเดินออกมาพร้อมโฟล์ค มองผู้คนที่เมากึ่มกันได้ที่ บ้างก็ยังติดพันกับเกมส์พนันกลางวงเหล้า โฟล์คพาผมมาที่บาร์ ชะโงกหน้าสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ ก่อนรับมาแล้วส่งให้ผมหนึ่งแก้ว...

ผมมองออกไปที่เบื้องหน้า ทะเลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ฝ่ามือที่กอบกุมกันเอาไว้ทำให้ผมนึกหวั่นใจ โฟล์คจะรับได้ไหมกับสิ่งที่ผมจะพูดออกไป ผมจะปล่อยมือมันได้ไหมในเมื่อผมยังรู้สึกถึงมันอยู่เต็มหัวใจ แต่เราจะอยู่ด้วยกันได้จริงๆหรือ หากผมยังมีใครอีกคนวนเวียนอยู่ในความรู้สึกไม่จางหายไป

เวลาจะเป็นคำตอบ

แต่ตอนนี้เวลาของผมและโฟล์คกำลังจะหมดลง เพราะผมไม่ต้องการให้มันทนเจ็บปวด จนกว่าวันที่คำตอบจะเดินทางมาถึง


“ไปนั่งเล่นริมหาดกันไหม" มันถาม ผมพยักหน้าเบาๆ
“กี่โมงแล้ว" ผมย้อนถาม โฟล์คหยิบมือถือขึ้นมาดู
“ห้าทุ่มสี่สิบเอ็ด ทำไม?”
“ไม่มีอะไร" ผมจ้องหน้ามันเงียบๆ "ไปกันเถอะ"


เรากอบกุมมือกัน ความอบอุ่นแผ่ซ่านลึกไปถึงหัวใจ โฟล์คพาผมลงบันไดไปยังริมหาด เพราะเป็นหาดส่วนตัว มันเลยสะอาดมากแตกต่างกับหาดทั่วไป เราถอดรองเท้าไว้ชานบันได เท้าย่ำสัมผัสทรายไปตามทางเดิน โฟล์คพาผมไปหยุดอยู่กลางหาด น้ำทะเลเซาะทรายขึ้นมาสัมผัสปลายเท้า โฟล์คชวนผมนั่ง เรานั่งลงข้างกันในพื้นที่ที่ยังแห้งสนิท


“เหมือนฝันเลยว่ะ"
“อะไร?” ผมมองเสี้ยวหน้าโฟล์ค หัวใจแกว่งแปลกๆ
“มีมึงมาอยู่ด้วยตอนนี้"
“หึ"

มันมองหน้าผม ยกมือขึ้นยีหัวผมเบาๆ

“หัวเราะเชี่ยไรชา" มันถามหน้ามุ่ย "กูพูดจริงนะเว้ย นี่มึงกลับพร้อมกันใช่เปล่า พรุ่งนี้ไปดำน้ำกัน"
“...กลับคืนนี้" ผมตอบมันไปเบาๆ
“เชี่ยไรนะ บ้าป่ะวะ มาแล้วจะกลับเลยเนี่ยนะ ยกเลิกตั๋วไปเลย พรุ่งนี้วันเกิดกูนะเว้ยชา" มันงอแงทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ ผมรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ แต่จะให้ทำอย่างไรได้

ผมหยิบมือถือขึ้นมา กดดูเวลาบนหน้าจอ...อีกสิบสองนาทีจะล่วงเข้าวันใหม่



...วันเกิดโฟล์ค...



เหตุผลว่าทำไมผมต้องมาที่นี่ แบกหัวใจหนักอึ้งมาไกลแสนไกล เพื่อมาอยู่กับมัน วันเกิดปีแรก ปีเดียวของมัน ที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน เพื่อให้มันได้รู้ ว่าผมรู้สึกยังไง และมันจะไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด...




“โฟล์ค...” ผมเรียกชื่อมันเบาๆ ลมพัดพาเอามันไปในวินาทีถัดมา เหลือเพียงเราสองคนนั่งอยู่ข้างๆกันในค่ำคืนที่มืดมิด
“อะไร" มันขมวดคิ้วมุ่น
“ก่อนที่กูจะแฮปปี้เบิร์ดเดย์มึง กูมีอะไรจะบอก" ผมสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ "มึงจะยอมฟังจนจบไหม?” ผมถาม จ้องตามันนิ่ง โฟล์คมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ แต่มันคงรู้ดีว่าแววตาผมนั้นสั่นไหวนักจากเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่ในนั้น
“มีอะไรชา มึงจะพูดอะไร"


ผมเม้มปากแน่น ค่อยๆคลายมือเราที่กอบกุมกันช้าๆ ผมจ้องมองมัน ไม่สนใจหรอกว่าน้ำตาจะไหลออกมาตอนนี้หรือไม่ ไม่สนใจหรอก...


“กูมาตอบคำถามมึง"


โฟล์คมองหน้าผมด้วยความไม่เข้าใจ ผมเบือนหน้าหนี กลั้นก้อนสะอื้นจนจุกแสบไปหมด


“เมื่อวานกูไปกินข้าวกับกฤษฎ์มา"



ผมหลุดออกไปในที่สุด แล้วจ้องตามันเอาไว้นิ่ง โฟล์คอึ้งไปชั่วขณะ แต่ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก มันเหมือนจะพยายามพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูด มันมองผมด้วยสายตาที่อาจจะฆ่าผมได้ทั้งเป็นด้วยซ้ำ


“มึง...จะพูดอะไร"
“กูขอโทษที่รักษาสัญญาไม่ได้" ผมสูดหายใจ ปากสั่นไปหมด โฟล์คพยายามเอื้อมมือจับมือผม แต่ผมสะบัดทิ้ง
“ชา...”
“กู...กูไม่รู้จะทำยังไงดีโฟล์ค กูหายใจไม่ออกแล้วตอนนี้"
“......”
“แต่กูอยู่กับมึงไม่ได้แล้วโฟล์ค ไม่ได้แล้วจริงๆ" ผมสะอื้นออกมาในที่สุด หัวใจร้าวไปจนถึงข้างใน ยิ่งเห็นใบหน้าของโฟล์คอยู่ตรงหน้า ก็ยิ่งทนไม่ไหว มันนิ่งเหมือนคนหมดคำพูด ผิดหวัง เสียใจ เจ็บปวดไม่แพ้กันเลยสักนิด
“ทำไมชา...ทำไม เกิดอะไรขึ้น" มันถาม น้ำเสียงร้อนรนแต่ก็พยายามควบคุมเอาไว้
“กูลืมกฤตฎ์ไม่ได้โฟล์ค แล้วกูก็มีมึงทั้งๆแบบนี้ไม่ได้ เข้าใจไหม!!!” ผมกรีดร้องใส่มันอย่างสุดเสียง บ้าคลั่ง ไม่รู้ว่าตัวเองจมลงไปในอกโฟล์คตั้งแต่เมื่อไหร่ ฝ่ามือโฟล์คสั่น เสียงหัวใจมันเต้นแรง พอๆกับเสียงสะอื้นของผมที่ดังไม่หยุดจนแทบขาดอากาศหายใจ "กูทำไม่ได้ ฮึก...กูมีมึง...มีมึงไม่ได้จริงๆ"

“น้ำชา มึงโกหกกู...ใช่ไหม" โฟล์คถามเสียงสั่น ผมจนคำพูด เจ็บร้าวไปหมดที่ก้อนเนื้อตรงอกซ้าย ผมกำมือแน่น จิกมันลงไปบนแขนของโฟล์คอย่างลืมตัว
“ไม่โฟล์ค...มัน...เป็นความจริง" ยิ่งพูดยิ่งเหมือนตัวเองจมลงไปในน้ำลึก หัวใจถูกดึงออกมากรีดย้ำๆแล้วกระชาดทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งโฟล์คเจ็บปวด ผมก็ยิ่งเจ็บปวด แต่เราอยู่ด้วยกัน...ไม่ได้แล้วจริงๆ

“เราจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง...ในเมื่อกูยังมีเขา" ผมเงยหน้ามองหน้ามัน โฟล์คน้ำตาอาบแก้ม ผมกลัว...กลัวเหลือเกิน แต่ต้องตัดใจ "ในนี้"

“ในความคิด ในความทรงจำ"

“มึงทนไม่ไหวหรอกโฟล์ค กูทำร้ายมึงไม่ได้"


ผมสะอื้นไม่หยุด คำพูดแทบฟังไม่รู้เรื่องอีกต่อไป โฟล์คนั่งตรงหน้า มันคงมีอะไรอยากจะพูด อาจจะอยากจะตะโกนคำร้ายๆใส่ผม กระชากผมแรงๆแล้วเขย่า ทำอะไรให้สาสมกับที่ผมหักหลังมันหน้าด้านๆแบบนี้ แต่มันก็ไม่ทำ มันไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำว่าจะเจออะไรบ้าบอเช่นนี้ บ้าบอแบบผม เห็นแก่ตัวเช่นนี้



“ชา...มึงไม่เคย...รักกูเลยเหรอวะ"




คำถามสั่นพร่าของมันกรีดแทงใจผมยับเยิน เหมือนคนหมดแรง ผมมองหน้ามัน น้ำตาอาบแก้ม โฟล์คเองก็ตาแดงก่ำ ผมอยากจะเบือนหน้าหนี แต่ก็ทำไม่ได้ ผมทนให้มันเจ็บปวดกับตัวเองไม่ได้ มันคือบทลงโทษ ผมจะจำใบหน้านี้ของมัน เก็บไว้ในความทรงจำ ให้มันคอยย้ำว่าผมเคยทำร้ายมันมากแค่ไหน



“โฟล์ค...กูรักมึง"


“รัก"


“รักมึงมาก...จริงๆ"


“รักไม่แพ้กันกับที่มึงรักกู เชื่อกูเถอะ"



ผมเอ่ยทั้งน้ำตา เสียงขาดหาย แว่วลงเรื่อยๆ...



“ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่กูก็รักมึงไปแล้ว"


“กูดีใจที่มีมึงในชีวิต"


“แต่กูมีมึงต่อไปไม่ได้แล้ว...กูทนรู้สึกผิดต่อไปไม่ได้ เพราะเขายังอยู่ในความรู้สึกกู ในใจ...กูตัดเขาไปไม่ได้จริงๆโฟล์ค"



โฟล์คนิ่งอึ้งไปเกือบนาที ก่อนที่จะปาดน้ำตาให้ผมอย่างเบามือทั้งๆที่ตัวเองก็ยังมีน้ำตาไหลอาบแก้มไม่หยุด เรามองหน้ากันเงียบๆใต้แสงดาว โฟล์คมือสั่น ร่างกายใหญ่โตที่คอยกอดผมเอาไว้ บัดนี้ไหล่ตกลู่เหมือนเด็กตัวเล็กๆ


“ไม่ได้เลยเหรอน้ำชา...เป็นกูคนเดียวไม่ได้เลยเหรอวะ" โฟล์คถาม เสียงคล้ายจะหมดแรง
ผมมองหน้ามันนิ่งๆ หัวใจอ่อนยวบ แต่ก็รู้ดีว่ามันทรมานกับเราจนเกินไป "ไม่ได้โฟล์ค...กูหลอกตัวเองไม่ได้...”
“แล้ว...มึงอยากให้กูทำ...ยังไง"


สิ้นคำถาม น้ำตาผมไหลออกมาราวเขื่อนแตก สุดท้ายแล้วโฟล์คก็ยังมีแค่ผม มองเห็นแค่ผม แคร์แค่ผม ทำเพื่อผมคนเดียวมาตลอด...




“เลิกกัน...ได้ไหมโฟล์ค...”




ไม่ใช่ว่าผมไม่เจ็บ น้ำตาไหลไม่หยุด เสียงแทบจะไม่มีให้สะอื้นออกมาสะท้อนความเจ็บปวดอีกแล้ว โฟล์คเองก็เช่นกัน...เราต่างเจ็บปวด กับพันธะและข้อผูกมัดที่เราต่างก่อร่างขึ้นมาร่วมกัน...


“แล้วมึง...จะมีชีวิตที่มีความสุขใช่ไหม...”


โฟล์คถาม ผมเม้มปากแน่น...ไม่ใช่ไม่มีคำตอบ แต่ผมพูด...ออกไปไม่ได้


“...ไม่รู้"
“แล้วมึงจะดีกว่าที่เป็นอยู่ใช่ไหม"
“......”
“ถ้ากูปล่อยมึงไป...มึงจะดูแลตัวเองให้ดีใช่ไหม"
“......”


“จะได้ไหม...ถ้ากูจะคอยแอบดูมองมึงอยู่ห่างๆ"




มันถาม น้ำเสียงสั่นไหว กรีดแทงเป็นแผลนับร้อยนับพันในใจ แต่จะทำยังไง นี่ผมตัดสินใจถูกหรือเปล่า ผมมันเห็นแก่ตัวที่สุด ทำไมกัน...ทำไมผมถึงลืมกฤษฎ์ไม่ได้ ทำไมกัน ทำไมผมถึงทำกับโฟล์คได้ถึงขนาดนี้


“สักวัน...ถ้ากูพร้อม...”


ผมพยายามกลั้นก้อนสะอื้นในคอ แล้วพูดต่อ


“ถ้าเราเจอกันในโรงอาหาร...ร้านเหล้า...”


“...หรือห้องสมุด"


“กูจะยิ้มให้มึง ทักทายมึง กอดมึงแบบที่อยากทำ"


“ถึงวันนั้น มึงคงไม่ต้องเสียใจเพราะกูอีกแล้วโฟล์ค"



ผมกอดมันแน่น เช่นเดียวกับที่มันกอดผม เสียงนับถอยหลังดังขึ้น ผมจมอยู่กับน้ำตาและเสียงสะอื้นตัวเอง จนกระทั่งพลุถูกจุดขึ้นจากอีกฝั่งของหาด ลูกแล้ว ลูกเล่า กระจายตัวบนฟากฟ้ารัตติกาล เราก้าวข้ามปีใหม่ ด้วยหัวใจที่ขาดวิ่น ต่างหมดแรง เจ็บปวด และหวาดกลัว...

เราต่างกลัวอนาคตที่ไม่เคยเกิด และอดีตที่คอยตามหลอกหลอน จนลืมนึกให้ความสำคัญกับปัจจุบัน...


“แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะโฟล์ค มึงสัญญากับกูได้ไหม ว่ามึงต้องมีความสุข"


ผมกระซิบทั้งน้ำตา ภาพตรงหน้าพร่าเลือนไปหมด เราจ้องตากันนิ่ง มีคำพูดมากมายแต่เราต่างเก็บงำไม่ให้มันพรั่งพรูออกมาทำร้ายกันและกันอีก ผมเจ็บปวด ไม่ไหวแล้ว โฟล์คเองก็เช่นกัน มันเป็นคนอย่างไรทำไมผมจะไม่รู้ มันฝืน ยิ้ม...แบบที่เป็น...ในบางครั้ง มันก็แค่...อยากให้ผมยิ้มได้ ให้ผมสบายใจ ทั้งๆที่ในใจมันร้องไห้แทบขาดใจแล้วเช่นกัน


“ 0 1 0 1 ”


“กูยังจำได้นะ วันเกิดมึง เลขล็อคโทรศัพท์กู ตลกดีนะ ถึงตอนนี้กูก็ยังไม่ได้เปลี่ยน"


“ขอบคุณนะโฟล์ค สองอาทิตย์แม่งโคตรวิเศษ"



“กูรักมึง......จริงๆนะ"



“แต่อยู่ด้วยไม่ได้แล้ว"




ผมโน้มตัวจุมพิตมันเบาๆ วางของขวัญไว้บนมือมัน มองหน้ามันเป็นครั้งสุดท้าย แล้วต้องตัดใจเดินออกมาทั้งๆที่ในใจอยากกอดมันอีกครั้ง นอนเล่นด้วยกันบนผืนหาด กอดกันบนเตียงนุ่ม มีอะไรอยากทำด้วยกันอีกตั้งหลายอย่าง แต่มันคงเจ็บปวดหากในใจผมไม่ได้มีมันแค่คนเดียวอีกต่อไป ผมถามตัวเองซ้ำๆว่าถ้าเลือกได้อีกครั้งจะอยากรู้จักมันไหม ผมคงได้แต่ยิ้มให้กับตัวเอง แล้วก็คงตอบว่า อยากสิ...ผู้ชายอย่างมันทำไมจะไม่อยากรู้จัก


คงอยากให้มันเป็นรักแรกของผม

ต่อให้มันจะไม่ได้ตกหลุมรักผมในครั้งแรกที่เจอเหมือนตอนนี้

ผมคงวิ่งไล่ตามมันไปเรื่อยๆ จนมันรักผมเอง...


แต่เพราะโฟล์คสวยงามเกินไป วันนี้ผมไม่อยากให้อดีตของผมพันธนาการเรื่องราวของเราเอาไว้...




“น้ำชา!”




เสียงเรียกของมันหยุดผมเอาไว้ ผมหันกลับไปอย่างยากลำบากเหลือเกิน เมื่อเห็นภาพมันสะท้อนกับเงาพระจันทร์ตรงหน้า หัวใจก็ร่ำแต่จะวิ่งกลับไปหามันทุกที...



“จะกลับไปหาคนๆนั้นอีกไหม?”


มันถาม ดวงตาคมที่จ้องมองผมมีเพียงแววอ้อนวอนขอร้อง และอ่อนแรงจนน่าใจหาย ผมกำมือแน่น น้ำตาไหลพราก สิ่งที่ทำให้มันได้ก็เพียงแค่การส่ายหัวไปมาเบาๆเท่านั้น นั่นคือคำตอบ สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมพอจะให้มันได้







(...ฮัลโหล)
“ฮัลโหลเป๊ก มึงนอนแล้วเหรอวะ"
(เปล่า......ฮ้าววววว...ตะวันกับพี่ท็อปชวนกูมานวด สบายตัวไปหน่อยเลยเผลอหลับ)
(มีอะไรเปล่า)
“เปล่า กูว่าจะลงไปภูเก็ต"
(ไปทำไมวะ ไปหาโฟล์คเหรอ)
“ไปบอกเลิกโฟล์ค"
(......)
“......”
(เกิดอะไรขึ้น)
“...กู...ลืมกฤตฎ์ไม่ได้"
(แล้ว...)
“......”
(แล้วมึงจะกลับไปหากฤตฎ์เหรอ)
“......”
(น้ำชา?)
“...ไม่"
(......)
“กูไม่กลับไปหากฤตฎ์ ไม่มีวัน แต่กูแค่...”
(......)
“อยู่กับโฟล์คทั้งๆที่ยังคิดถึงกฤตฎ์ไม่ได้หรอก"
(แล้วมึงไม่ชอบโฟล์คเหรอ?)


“อย่าว่าแต่ชอบเลย"


“กูรักมันต่างหาก"


“มันคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตกูเลยว่ะเป๊ก"


“กูเลยไม่อยากทำร้ายมันไปมากกว่านี้ไง"








กุญแจที่หายไปของผม

ผมรักโฟล์คจริงๆ รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ

แต่ผมไม่สามารถหลบอยู่ใต้ปีกมันไปได้ตลอด ไม่สามารถทำให้คนเช่นโฟล์ค ต้องมาไม่มั่นใจและเจ็บปวดกับการรอคอยเช่นนี้

ผมนึกภาพที่ตื่นมาแล้วมีกฤษฎ์ไม่ออกอีกแล้ว แต่โฟล์คยังอยู่ในนั้น ในทุกเช้าของผม

เพียงแต่บางที วันนี้อาจจะเร็วเกินไปที่จะให้เราได้รักกัน

หรือบางที โลกอาจจะเหวี่ยงโฟล์คเข้ามาในเวลาที่ไม่เหมาะสม



สักวันหนึ่ง ผมจะยิ้มให้มันเหมือนเดิมได้ไหมนะ...






 

วันนี้เราจับจูงมือเดินเคียงกันริมชายหาด

วันนี้เรานั่งลง คุยกัน เราร้องไห้ เราสาดความเสียใจใส่กัน

วันนี้เราบอกเลิกกัน กรีดแทงกันด้วยความรู้สึกที่อัดมวลอยู่ในอกซ้าย

วันนี้ไม่มีอะไรง่ายเลย


นับตั้งแต่ผมปล่อยมือ กลับหันกลัง แล้วเราก็ค่อยๆเดินจากกันไปคนละทาง








วันนี้ผมตกหลุมรักผู้ชายที่ชื่อโฟล์คอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ











tbc.




ตอนแต่ง ก็พิมพ์ไปร้องไห้ไป
เจ็บปวดเนอะ
แต่น้ำชา ก็ไม่ได้ทิ้งโฟล์คไปหาคนเก่า
ถ้าเป็นเรา เราก็คงทำแบบนี้แหละ ไม่รู้เหมือนกัน T___T

อีกสองตอนจบนะคะ กำลังเขียนไปเรื่อยๆ ขอบคุณที่ติดตามกันมาถึงขนาดนี้ ดีใจจริงๆค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-07-2014 03:04:13 โดย kyliewonderland »

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ Nunun_B2UTY

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
อ่านไปร้องไห้ไป สงสารโฟล์ค  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ ppoi

  • When nothing goes right... GO LEFT.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 720
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-12
...อยากให้โฟร์คได้มีรักใหม่ที่ดี...

คือมันไม่ใช่แค่โฟร์คคนเดียวนะ แต่เพื่อนโฟร์คก็คือดีไง บอกตรงว่าเป็นเรา เพื่อนเราคว้างี้มานี่เราไม่โอนะ ถึงไม่ร้ายใส่ แต่คงไม่หนับหนุนอ่ะ คือเห็นได้ชัดว่าอกหักช้ำรักมา ใครลากคือไป ถามว่าหลังจากนี้ยังไง คือไม่เกลียดชานะ แต่มรึงช่วยไม่ต้องมาลำไยยืดเยื้อตัดไม่ได้ขายไม่ขาดกะเพื่อนกุอีกนะ ช่วยไปแล้วไปลับเห้อ ลาขาด

เชียร์พล็อตประมาณว่ามีคนในกลุ่มชอบโฟร์ค ดูแลพัฒนาความสัมพันธ์จนเป็นรักแท้ ให้ชาเป็นเพียงความหลงชั่ววูบไปเถอะ

อย่างที่บอก ชาไม่ผิด ความรักห้ามกันไม่ได้ อิอาจารย์ก็ไม่ผิด คู่นอน (ก็ยังไม่รู้ว่ารักนิ) ไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่ทั้งคู่เห็นแก่ตัว และรักตัวเองเกินกว่าจะคิดถึงใจใคร และดูจะมีส่วนเหมือนคือลังเล ไม่ตัดสินใจ ไปเรื่อยๆ คู่นี้จะคบกันทนในลักษณะที่ว่า... เดี๋ยวๆกฤตก็มีไรมากดดัน ก็เลิกอีก แล้วก็ทนไม่ได้อีก ชาก็จะเสียใจ ปล่อยตัว มีใคร แต่ผูกพันตัดกฤตไม่ได้ แล้วก็กลับมา จะคบแบบออนๆออฟๆ ไปเรื่อยๆ ...ซึ่ง...นี่เก๊าะเรื่องปกติไม่ผิดอีกเหมือนกัน แต่ถ้าเลือกได้ ก็อย่าเอาคนปกติทั่วไปเหล่านี้มาเป็นคู่ชีวิตเลย เปลืองแรง เปลืองใจ เปลืองความรู้สึก...

ให้กะลังใจและรออ่านต่อ  :กอด1:

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
จุกเจ็บจบ
แย่นะ โดนบอกเลิกใกล้ๆวันเกิด
คงมีความสุขพิลึก

แต่เค้าว่าเวลาเยียวยาทุกสิ่ง

ออฟไลน์ flyingploy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
จุกจนพูดไม่ออก มันหน่วงมาก รอเวลาให้น้ำชาลืมอาจารย์ให้หมดไปจากความคิด แล้วรีบกลับมาหาโฟลค์นะ
ปล. ชอบเวลาโฟลค์เรียก "น้ำชา" มากเลยค่ะ ไม่รู้ทำไม

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
สงสารโพลค์ เกลียดน้ำชามาก

ออฟไลน์ ่jjay

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-0
เจ็บปวดดดดด :z3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด