- รักชาชา - A kiss from milk tea : ตอนพิเศษ - Lost Star #2 : page 46 : 30/08/15
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - รักชาชา - A kiss from milk tea : ตอนพิเศษ - Lost Star #2 : page 46 : 30/08/15  (อ่าน 629451 ครั้ง)

ออฟไลน์ POMUI

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เสียใจแทนโฟล์คอ่าาาา :o12: ก็เข้าใจนะว่าน้ำชาไม่อยากให้โฟล์คเสียใจ อยากให้มีความสุข :hao5: ถ้าอิฉันเป็นโฟล์คก็คงอยากจะถามแล้วที่เลิกกันนี่ ฉันไม่เสียใจเลยใช่ไหม มันทำให้โฟล์คมีความสุขจริงๆเหรอ?  :katai1: น้ำชาไม่ควรตัดสินใจคนเดียวน่ะ  ก็รู้ว่ายังลืมอิตากฤตฎ์ไม่ได้แต่แบบว่าการลืมใครซักคนก็ต้องใช้เวลาป่าวว้าาและก็กำลังใจ อันนี้อารายยยยโฟล์คนายโคตรน่าสงสารเลยว่ะ :hao5:  มาๆขอกอดนายหนึ่งที  :กอด1:

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
น้ำชาคือแบบไม่รุ้จะพุดคำไหน ก้เข้าใจนะ แต่ถ้าแน่ จิงทำไมไม่บอกโฟล์คล่ะว่าไม่รัก ถ้าบอกว่ายังรักหรือรักโฟล์คอยุ่ก้เหมือนเปนการให้ความหวังโฟล์คป้ะ  :katai1:

Purple_Line

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ว่าสุดท้ายแล้วจะออกมาเป็นแบบไหน รับได้ทุกอย่าง

แต่ที่รับไม่ได้คือน้ำชาบอกเลิกโฟร์คแล้วยังบอกรักโฟร์คอีกทำไม มันสมควรแล้วเหรอกับการที่บอกเลิกแล้วก็บอกรักอีกฝ่ายในเวลาเดียวกัน

ถ้าคิดจะตัดใจ ก็ไม่ควรทำแบบนี้ จะเลิกก็เลิกเลย ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ หรือที่ทำกับโฟร์คแบบนี้โฟร์คยังเจ็บไม่พอ?

บอกรักคนใหม่แต่ถ้าใจยังนึกถึงคนเก่าอยู่ตลอดเวลา ยังไงมันก็ยังคงเป็นความรักความผูกพัน ถูกมั้ย

แล้วที่ชาบอกรักโฟร์คไป ทั้งๆที่ในใจยังไม่ลืมกฤต คืออะไร หมายความว่ายังไง

ออฟไลน์ saruwatari_guy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
สงสารน้ำชา ....แต่ก็เข้าใจ อกหักได้แค่ 2 อาทิตย์จะให้ลืมว่าเคยรักแค่ไหน ใครลืมได้แปลว่า ไม่รักแล้วล่ะ จะให้ทำร้ายคนที่รักอย่าโฟล์ค โดยการอยู่ด้วยกันแต่ไม่ลืมคนเก่านี่แย่ยิ่งกว่า เราว่าหลายคนคงลืมไป ว่า มันเพียงแค่ 2 อาทิตย์ 14 วันเอง การลืมคนเก่ามันต้องใช้เวลามากกว่านั้น แล้วเรื่องนี้คนเริ่ม ก็ คือ โฟล์คนะ ไม่ใช่น้ำชาอ่ะ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
รอตอนจบนะ

แต่ตอนนี้ก็จบแล้ว ในความรุ้สึกส่วนตัวอะนะ  อิอิ

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
แอบไม่เข้าใจน้ำชานะ

รักโฟร์คมากแต่ลืมกฤตฎ์ไม่ได้...

กลัวโฟร์คเจ็บแต่กลับบอกเลิกโฟร์ค...

นึกภาพกฤตฎ์ตอนตื่นมาไม่ได้แล้วแต่กลับปฏิเสธกฤตฎ์ไม่ได้เด็ดขาด...

บอกเลยว่าน้ำชาเป็นคนโลเลมาก

ไม่ได้ไม่ชอบนะ แต่ก็แอบเคืองน้ำชานิดๆ

เพราะยังไงก็มีคนเจ็บอยู่ดี ถึงน้ำชาจะยอมเจ็บด้วยก็ตาม

โฟร์ครักน้ำชามากเป็นไปไม่ได้ที่จะเลิกรักน้ำชาได้ง่ายๆ

ก็เหมือนกับน้ำชาที่ยังไม่ลืมกฤตฎ์นั่นแหละ

โอ๊ย ยิ่งอ่านยิ่งหน่วง เมื่อไหร่ความรักจะสมหวังสักที

อุปสรรคตอนนี้ คือ ตัวน้ำชาเองนั่นแหละ ไม่มีอุปสรรคอะไรใหญ่ไปกว่านี้แล้ว


 

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

สงสารโฟล์คมากเลย แต่ก็เข้าใจน้ำชานะ เพราะถึงโฟล์คจะดีมากยังไง
แต่ถ้าเป็นคนจริงๆ จะลืมคนเก่าได้เร็วภายในสองอาทิตย์มันก็ออกจะเกินไปหน่อย รอตอนต่อไปนะคะ
ไคลี่สู้ๆ ค่ะ รออาเมนกันเมษาด้วยค่ะ o18

ออฟไลน์ blackboy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อ่านมานานพึ่งจะเคยเม้นท์เป้นครั้งแรก
เพราะสงสารโฟล์ค555555
แต่ก็เข้าใจน้ำชานะต่อให้โฟล์คจะดีแค่ไหน
แต่ถ้าน้ำชายังลืมคนเก่าไม่ได้ก็เท่านั้น
ก็ขอให้น้ำชาลืมคนเก่าให้ได้
และขอให้โฟฟล์คยังรอน้ำชาอยู่อย่าพึ่งมีใครใหม่
ดีแล้วที่น้ำชาไม่ได้กลับไปหากฤษฏ์
แต่น้ำชาก็ใจร้ายมากเลยนะบอกเลิกวันปีใหม่แล้วก็วันเกิด
ถ้าเป็นเราคงจะจำไปอีกนาน ต่อให้รักมากแค่ไหน55555

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะแอบอ่านมานานตั้งแต่มิแล้ว555555
 :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
หึ น้ำเน่า
สงสารโฟคสุดๆ
เห็นแก่ตัวมากน้ำชา อยู่คนเดียวไปจนตายแล้วกัน

ออฟไลน์ linziess

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านไปได้แค่ 5 ตอนแต่แบบอ๊ากมันสนุกมากเลยยยยยย ย๊าๆๆๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
อ่านถึงตอนล่าสุดแล้วแบบน้ำตาตะไหล
ยิ่งฟังเพลงขอไปด้วยแล้วยิ่งแบบว่า...

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
หน่วงโคตรรรรร ;------;)

ออฟไลน์ paladin.kn

  • ไฟมอดลงยังคงทิ้งรอย...เถ้าถ่าน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 608
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
โนคอมเม้นจริงๆอ่ะตอนนี้

รู้สึกหน่วง

รอตอนต่อไป

 :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ konjingjai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +226/-4
ยิ่งอ่านยิ่งอินอ่ะ

ออฟไลน์ Evergreen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
นั่งกินข้าวไป อ่านไป
เจอมาม่าถ้วยนี้เข้าใจ ข้ากินข้าวไม่ลง
ปวดใจมากกกกก อ่านแลัวจะร้องงง
คือสงสารทั้งคู่ หวังว่าหลังจากนี้น้ำชาจะลืมเขาได้และกลับมาหาโฟล์คเหมือนเดิมนะ
โอัยยย หลังจากนี้ขอกินไอติม น้ำแข็งใส อะไรหวานๆขอเหมาหมดดดด

ออฟไลน์ mollolie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ท....ทำไมมล่ะ!!! ฮือออ น้ำตาไหลลลล พูดไม่ออกเลยยยย  :z3:
คืออ่านตอนแรกแล้วโกรธน้ำชามาก ทำไมถึงมาบอกเลิกโฟล์ค แต่พออ่านตอนท้ายกลับรู้สึกสงสารทั้งคู่เลยค่ะ
แต่ยังไงๆเราก็โกรธกฤตฎ์ที่สุดอยู่ดี ทั้งๆที่ตอนแรกเงียบหายไปอาจจะทำให้น้ำชาลืมได้อยู่แล้วมั้ง
แต่ดันกลับมากวนน้ำให้มันขุ่นอีกรอบ มาทำให้น้ำชารู้สึกว่ายังลืมไม่ได้!! แล้วสุดท้ายน้ำชาเลยไม่เลือกสักคน
โอยยยยยย อ่านแล้วรู้สึกอึดอัดมากจริงๆค่ะ ตอนนี้อยากรู้แล้วว่าตอนจบจะเป็นยังไง
เราไม่อยากให้น้ำชามีโฟล์คแค่ในความฝันเลยให้ตายเถอะ! T____T  :hao5:
รอตอนต่อไปนะคะ อยากรู้จริงๆนะว่าสุดท้ายแล้วน้ำชาจะเก็บกฤตฎ์ไว้ในส่วนลึกที่สุดของความทรงจำแล้วมีปัจจุบันอยู่กับโฟล์คได้มั้ย
ฮื่ออออ ขนาดตอนคอมเม้นอยู่นี่น้ำตายังซึมอยู่เลยค่ะ

ออฟไลน์ kyliewonderland

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +565/-4




ตอนที่ 15 : กาลครั้งหนึ่ง



***เพลงประกอบตอนนี้เป็นเพลงใหม่ อาจจะไม่รู้จักกัน แต่เป็นเพลงที่ไคลี่ฟังครั้งแรกแล้วชอบ (เพราะประสบการณ์ตรงหมาดๆ) เพลงกาลครั้งหนึ่ง ของ แสตมป์ feat.ปาล์มมี่ ค่ะ ลองเสิร์ชแล้วฟังกันดูหลังอ่านจบตอนก็ได้ค่ะ บอกตรงๆว่าอินมากๆ***









แล้วชีวิตก็กลับไปสู่จุดเดิมแบบที่ผมต้องการ...

ปีใหม่ผ่านไปพร้อมกับผมที่ทำลายวันเกิดของโฟล์คย่อยยับ ลาจากทั้งที่หัวใจยังเต็มไปด้วยความรู้สึกเช่นนั้น ไม่เคยคิดเลยว่ามันเจ็บปวดที่สุดในชีวิต

วันที่หนึ่ง เดือนหนึ่ง ของปีใหม่ ผมพาตัวเองกลับบ้านด้วยหัวใจที่บอบช้ำจนไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร ขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่อยากจะออกไปไหน คนในครอบครัวเป็นห่วงมาก จนกระทั่งเดือดร้อนถึงเป๊กต้องกลับมาก่อนกำหนด ผมร้องไห้งอแงอยู่ในอ้อมกอดของเพื่อนสนิท เป๊กไม่พูดอะไรสักคำ ไม่ว่า ไม่ตำหนิ เพราะมันรู้ดีว่าบทเรียนครานี้แสนสาหัสมากแค่ไหน

เรื่องของผมกับโฟล์คมันเกิดขึ้นเร็วไป

ถึงผมจะมั่นใจแค่ไหน

แต่เราจะอยู่ได้อย่างไร หากกฤตฎ์ยังคงตามหลอกหลอนผมในความทรงจำ โฟล์คจำเป็นต้องรับรู้ด้วยหรือว่าผมยังมีใครอีกคนในใจ...

ผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ ผมแทบไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเท่าไหร่ แต่ในเช้าวันแรกของการเรียน ผมก็ถีบตัวเองขึ้นจากกองผ้าห่มและเตียงนุ่ม เป๊กมารอรับไปเรียนแต่เช้า มันเป็นคนอย่างนี้ ไม่พูดอะไรแต่ทำให้รู้ไปเลยว่ารู้สึกอย่างไร ผมอยากเป็นคนแบบนี้ ซื่อสัตย์กับตัวเองให้ได้มากๆ เลิกลากคนอื่นมาเจ็บปวดกับความโลเลเสียที แต่ก่อนหน้านั้น...ก่อนอื่นเลย...ผมคงต้องเรียนรู้ที่จะรักตัวเองก่อน ก่อนที่จะรักใครได้อีกครั้ง







“เหี้ยแล้วไง ดราฟกู!!!”




เสียงไอ้กายดังขึ้นมาจากมุมห้องสตูฯที่เละเทะแบบวัดระดับไม่ได้ ตอนนี้เรากลับมาผจญเป็นผจญตายกับไฟนอลอีกครั้ง จบการสอบปีนี้ เราก็จะขึ้นเป็นนักศึกษาปีสี่กันอย่างเป็นภาคภูมิ ทั้งๆที่ไม่ได้อยากเป็นสักนิดครับสัด

เป๊กชะโงกหน้าผ่านโต๊ะดราฟไปก่อนสบถ มันตะโกนเรียกให้ถั่วโยนผ้าขี้ริ้วมาให้อย่างวุ่นวาย ไอ้กายมันหลับใน ทำกระทิงแดงหกใส่งานตัวเองเฉย กำหนดส่งคืออาทิตย์หน้า อาทิตย์เดียวกับชั่วโมงการสอบนรกนั่นแหละครับ

ใช่...เกือบสองเดือนผ่านมาแล้วที่ผมกลับมาอยู่คนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว อยู่กับเพื่อน เผาแต่งาน เมาปลิ้นบ้างตามกระษัย แต่ไม่เคยตามใครกลับอีกแล้ว...

ไม่ได้เจอโฟล์คเลย

ไม่ได้ติดต่อกัน

มีเพียงแค่การเข้าไปเช็คในเฟสบุ้คมันแทบทุกวัน ดูความเคลื่อนไหวในแต่ละวันของมัน เข้าไปดูว่ามันสบายดี แอบดูรอยยิ้มของมันแล้วอมยิ้มอยู่คนเดียวหน้าจอ...รอยยิ้มที่ครั้งหนึ่งผมเคยได้ครอบครองมัน


จริงๆแล้วชีวิตผมกับโฟล์ค แทบไม่มีโอกาสได้โคจรมาเจอกันเท่าไหร่ คณะห่างกันคนละฝั่งฟากมหา'ลัย แต่ละฝ่ายต่างก็เป็นคณะปิดที่ไม่ค่อยต้อนรับคนนอกนัก เราใช้ชีวิตกันอยู่คนละด้านของโลกใบกลมๆ หากกลับมาใช้ชีวิตที่เป็นของตัวเอง เราอาจจะไม่มีวันได้เจอกันอีก

ผมกลับไปอยู่บ้าน ทำตัวดีกับแม่มากขึ้น มีบ้างที่ไปค้างกับเป๊ก แต่ก็ไม่เคยหายไปเป็นอาทิตย์ๆหรือเป็นเดือนๆอีก เช้าตื่นมาเรียน บ่ายโดดบ้าง ทำโปรเจ็กต์ปีสามบ้าง เย็นอาจจะเกเรไปร้านพี่โอ กินหมูกะทะ ไปบ้านไอ้ถั่ว ไปเล่นเกมส์คอนโดเป๊ก ชีวิตแบบเดิมๆที่กลับมา ไม่มีเศษเสี้ยวไหนที่จะทำให้ผมได้เจอโฟล์คอีกครั้ง หากผมไม่เดินเข้าไปในชีวิตมันอีกครั้ง...ด้วยตัวเอง

โฟล์คไม่ได้ติดต่อมา...จริงๆก็มีเมสเสจมาบ้าง แต่ผมเลือกที่จะไม่ติดต่อกลับไป ไม่ใช่เพราะทำใจไม่ได้ แต่กลัวเสียมากกว่า...กลัว...กับทุกๆอย่าง...ที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อผมตอบกลับไป ถึงวันนั้น ใครกันที่จะแบกรับความรู้สึกนี้เอาไว้ได้

แค่รู้ว่ามันมีความสุข...ก็ดีใจมากๆแล้ว
 

กับกฤตฎ์เอง ผมก็ยังคิดถึงเขาบ้าง...มีบ้างที่เขาติดต่อมา ผมคุยบ้าง ไม่คุยบ้าง มีกินข้าวบ้างแค่สองครั้ง แต่ไม่เคยมีอะไรมากไปมากกว่านั้น เพราะผมบอกเขาว่าผมไม่พร้อม จริงๆแล้วผมรู้ตัวดีว่า...ผมคงกลับไปเป็นเช่นเดิมไม่ได้อีกแล้ว ไม่รู้เมื่อไหร่เหมือนกันที่กฤตฎ์แค่ยังวนเวียนอยู่ในความทรงจำ แต่เขาไม่สามารถทำอะไรไปมากกว่านั้นได้ ผมไม่ได้โหยหา ไม่เจ็บปวด ไม่ผูกมัดหรือยึดเหนี่ยวเขาเอาไว้ เราต่างเริ่มต้นใหม่ ใช่...มันเป็นเรื่องของอนาคต เขาอาจจะกลับเข้ามาในชีวิตผมได้ในสักวัน แต่มันไม่ใช่ตอนนี้ ผมรู้สึกดีกับเขา แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกดีที่โหยหาอย่างบ้าคลั่ง เป็นแค่ความรู้สึกดีและผูกพัน เหมือนแค่ดีใจที่เราได้พบกัน

แต่ถึงกระนั้น เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึงสองเดือน ผมก็ไม่มีความกล้าพอที่จะเดินกลับเข้าไปในชีวิตของโฟล์คอีกครั้งหรอก วันนี้โฟล์คอาจจะไม่ได้ต้องการผมอีกต่อไปแล้ว เราต่างฉีกเส้นทางแยกออกจากกันในคืนนั้น มันยากกว่าเดิมที่ผมจะสำคัญตัวเองและคิดถึงมันได้เหมือนเดิม...


...แม้ผมจะคิดถึงมันมากแค่ไหนก็ตาม...







“โมมึงจะเสร็จยังวะ" เสียงปอมเอ่ยถามผม มันยืนคร่อมผมที่นั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้น ในมือของเพื่อนมีเครื่องดื่มชูกำลังเอ็มร้อยห้าสิบ เป็นไปได้ว่ากระทิงแดงอาจจะหมดเซเว่นหลังมอไปแล้วก็ได้ ทำให้ปอมต้องดื่มเอ็มร้อยห้าสิบแทน แต่อะไรก็เหมือนกัน ขอให้แดกแล้วทำงานต่อได้ก็พอ ช่วงไฟนอล จะภาคไหน ปีอะไร ก็ตายยับกันหมดคณะอยู่ดี
ผมแปะชิ้นส่วนอีกหนึ่งเข้าไป ก่อนเงยหน้ามองมัน "อีกเกือบๆครึ่งเลยว่ะ จะเสร็จทันเปล่าไม่รู้"
“กูก็เหมือนกัน โปรเจ็กต์ใหญ่สัด" มันถอนหายใจทิ้ง "นึกว่าภาคมึงจะเสร็จกันแล้วเสียอีก"
“มึงดูไอ้ถั่ว" ผมหัวเราะหึ ไอ้ปอมหันไปมองแล้วก็ส่ายหัวทันที "เสร็จไหมล่ะ"

ภาพตรงหน้าคือไอ้ถั่วที่ซื้อน้ำแดงกับพวงมาลัยมากราบไหว้โต๊ะดราฟ กาว ดินสอ ชาโคล และอื่นๆเท่าที่มันจะเอามาสักการะได้ แถมยังจะติดสินบนเพื่อให้งานเสร็จ แต่มันเคยคิดไหมว่านั่นจะช่วยมึงไหม ถ้าไม่เริ่มทำต่อให้มันจบๆไป

“นี่กูเป็นเพื่อนมันได้ไงวะ" ปอมส่ายหัวพรืด
“กูก็สงสัยตัวเองเหมือนกัน" ผมยืดแขน บิดตัวไปมาอย่างปวดเมื่อย "หิวไหมมึง" มองนาฬิกา ห้าทุ่มสี่สิบแล้ว อาหารมื้อสุดท้ายคือบ่ายสามโมงครึ่ง
“ไม่ เพิ่งแดกลูกชิ้นไปเอง มึงอ่ะ"
“นิดหน่อยว่ะ แต่เครียด อยากดูดบุหรี่มากกว่า"
“เออกูด้วย" ปอมนั่งยองๆพิจารณางานผม "พรุ่งนี้มีเรียนเปล่าวะ"
“จบคอร์สแล้ว"
“ไปหอสมุดกลางกันมึง เดี๋ยวกูจะชวนไอ้กายกับเป๊กด้วย จะไปหาข้อมูลงานหน่อย" ปอมว่า "ไปเปล่า"
“กูไงก็ได้ ไปหอสมุดก็ดี เปลี่ยนบรรยากาศทำโมบ้าง เซ็งเหี้ยๆ" ผมบ่น
“เดี๋ยวกูข้ามไปรับมึงก่อนก็ได้พรุ่งนี้"
“กูว่าจะค้างหอเป๊กว่ะคืนนี้"
“เออ" ปอมไม่ทู่ซี้ "ดูดบุหรี่กัน"










ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเกือบสิบเอ็ดโมง ไอ้เป๊กนอนตายอยู่ข้างๆกัน โทรศัพท์ของมันแผดเสียงร้องดังลั่น ผมเอื้อมมือพาดตัวมันไปหยิบ มันครางหงุงหงิงในคอฟังดูน่าตบแล้วพลิกตัวหนี ในที่สุดผมก็คว้าโทรศัพท์ของมันมาได้ ผมกดรับเมื่อเห็นว่าชื่อใครปรากฏบนหน้าจอ ปอมนั่นเอง

ผ้าม่านยังปิดสนิทไม่รู้เตือนรู้ตะวัน แต่แสงแดดที่ไม่ลอดผ่านด้านใต้เข้ามาคงบอกได้ว่าวันนี้อากาศคงขมุกขมัวไม่น้อย อาการปวดเมื่อยร่างกายยังเกิดขึ้นเรื่อยๆตามความโหดร้ายของการทำงาน ไม่พร้อมจะตื่นเลยสักนิด เมื่อคืนกลับถึงห้อง...อย่าเรียกเมื่อคืนเลย เมื่อเช้ากลับถึงห้องตอนตีสี่ การอาบน้ำอุ่นๆ สวมชุดนอนสบายร่างกาย แล้วกระโดดซุกผ้านวมแม่งโคตรสวรรค์เลยว่าไหม


“ฮัลโหล เป๊กยังไม่ตื่น" ผมหาวจนแทบน้ำตาไหล

(เออ กูก็เพิ่งตื่น) มันว่า (กูจะฝากมันซื้อกาวเพิ่มหน่อย ของกูหมด กาวแดงอ่ะ)
“เมื่อวานกูเพิ่งซื้อมาเองสามหลอด เดี๋ยวเอาของกูไปหลอดหนึ่งก็ได้ ไม่ต้องซื้อหรอก"
(โอเค งั้นอีกชั่วโมงเจอกัน)
“เคมึง"


เราใช้เวลาอาบน้ำเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง ไม่ได้เร่งรีบ แต่เอาจริงๆก็เรียกว่าซักแห้งแหละครับ ไม่ได้อาบน้ำตอนเช้าเท่าไหร่ อากาศยังเย็นๆอยู่เลย เหงื่อก็ไม่ออก จากนั้นก็แว้นซ์ดูคาติสีแดงของเป๊กไปที่หอสมุดกลาง ไม่ลืมแวะโรงอาหารคณะวิทยาศาสตร์ที่อยู่ติดๆกันสำหรับมื้อกลางวันที่ล่วงเลยเป็นบ่ายอย่างช่วยไม่ได้

หอสมุดกลางเป็นหอสมุดที่เพิ่งรีโนเวทใหม่ไปเมื่อไม่นานมานี้ ตอนนี้มันเลยกลายเป็นที่นิยมของนักศึกษาอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยบริเวณโดยรอบที่ร่มรื่นเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่สำหรับนักศึกษาและคนทั่วไปมาวิ่งออกกำลังกาย ตึกใหญ่ของหอสมุดกลางก็ประกอบด้วยทั้งหมดเจ็ดชั้น อยู่ตรงกึ่งกลางมหา'ลัยตามชื่อของมันจริงๆ ที่สำคัญคือมีห้องคอมพิวเตอร์ที่ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์แมคกว่ายี่สิบตัวสำหรับนักศึกษาที่เรียนด้านกราฟิก หรือ โมชั่น กราฟิก หรือห้องคอมพิวเตอร์ปกติทั่วไปก็มีอยู่ในทุกๆชั้น ชั้นหนึ่งและชั้นสองนำอาหารและเครื่องดื่มขึ้นไปกินได้ และเป็นพื้นที่ใช้เสียงได้ โดยมีร้านกาแฟหรือร้านสะดวกซื้ออยู่ในทั้งสองชั้น ผมว่านี่เป็นสิ่งก่อสร้างแรกของมหาวิทยาลัย ที่ดูจะสร้างสรรค์และคุ้มการลงทุนที่สุดที่หาได้ในสถานศึกษาแห่งนี้

ผมโทรหาปอม มันยังมาไม่ถึง แต่บอกว่ากายกับคนอื่นๆมาถึงแล้ว คนอื่นๆที่ว่าก็คงไม่พ้นไอ้ถั่ว ไอ้อั้ม กับลิ่วล้อมันเล็กๆน้อยๆหรอกมั้ง ผมโทรหากาย มันบอกว่านั่งอยู่ตรงพื้นยกชั้น เมื่อเดินไปตามที่มันบอก ก็พบกับเด็ก'ถาปัตย์กลุ่มใหญ่เกือบเจ็ดแปดคนนั่งเผาโมสภาพไม่ต่างกับในห้องสตูดิโอเลยสักนิด ไอ้ถั่วก็ยังคงมาตรฐานเดิม หน้าตาเหมือนคนซ้อมตายแล้วกำลังจะเกิดใหม่ มันเบะปากทำท่าจะร้องไห้เมื่อเห็นหน้าผม จนผมต้องเบรคความเว่ออลังของมัน


“โห แม่งยกมาหมดสตูเลยเหรอวะ" เป๊กหัวเราะเบาๆ ไอ้ตองที่นั่งอยู่แถวๆนั้นถอนหายใจสุดเหยียด
“แอร์ห้องสตูฯภาคเสียเมื่อคืน หลังจากที่พวกมึงกลับออกไปแปปเดียวนั่นแหละ แม่งจะไม่มีที่ไปกันแล้วสัด" มันบ่น
“อ้าว แล้วเมื่อคืนนอนไหนกัน" เพราะห้องภาคสถาปัตย์เป็นห้องสตูที่ใหญ่ที่สุด ปัจจุบันถูกครองโดยเด็กปีสามอย่างพวกผมเป็นส่วนใหญ่
“ย้ายไปนอนห้องแลนด์สเคป แต่พอเช้าพวกปีห้ามาใช้ห้อง พวกกูเลยตามมานี่"
“แล้วซ่อมแอร์เมื่อไหร่วะ"
“เย็นนี้ ครูดีเรียกช่างให้แล้ว เดี๋ยวกูว่าวันนี้จะกลับบ้านอาบน้ำ เดี๋ยวดึกๆค่อยกลับไปห้องสตู"
“อ้อ" เป๊กพยักหน้า "เดี๋ยวกูคงย้ายกลับไปห้องสตูเหมือนกันตอนดึกอ่ะ ที่นี่แม่งปิดเร็ว" ช่วงสอบแม้จะเปิดนานกว่าปกติ แต่ก็แค่สี่ทุ่มเท่านั้น

ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนกวาดซากกระดาษชานอ้อยแล้วหาที่นั่งให้ตัวเองกับน้องโมที่ใส่กล่องอุ้มกันมาอย่างดีจากหอเป๊ก นั่งทำงานไปสักพัก ตัวตั้งตัวตีอย่างไอ้ปอมก็มาตอนเกือบบ่าย หน้าตามันอิดโรยขั้นสุด ก็งี้แหละครับ ไอ้พวกเฟอร์เพ็กต์ชั่นนิส สมน้ำหน้า เมื่อคืนมันคงกลับไม่ต่ำกว่าหกโมงเช้า ได้นอนบ้างหรือเปล่ายังไม่รู้เลย

ผมโยนกาวส่งให้มันที่นั่งอีกฝั่ง เราต่างนั่งทำงานกันไปเงียบๆ มีเสียงสบถ อุทาน หวีดร้องเสียสติเรื่อยๆ แต่ส่วใหย่เราต่างจดจ่อกับสิ่งตรงหน้าด้วยหลากหลายความรู้สึก ทั้งเครียด กดดัน เกร็ง เหนื่อย และอื่นๆอีกมากมาย พรุ่งนี้วันศุกร์ ถ้าเป็นปกติผมคงดีใจกับการมาถึงของสุดสัปดาห์ แต่ให้ตายเถอะ ช่วงนี้จะวันไหนผมก็เกลียดการลืมตาตื่นขึ้นมากับหัวแฮงค์ๆเพื่อมาเผางานต่ออยู่ดี

ผมชะงักนิดหน่อยเมื่อศอกโดนแรงกระแทกของอะไรบางอย่าง ผมหยุดมือที่กำลังจะแปะกาว หันกลับขึ้นไป ก่อนพบว่าเป็นหวาน สาวภาคสถาปัตย์ที่มาในชุดเสื้อยืดตัวโคร่ง กางเกงวอร์มขาสั้น หน้าไม่แต่ง สวมแว่นปิดไปครึ่งหน้า หวานส่งยิ้มแหยๆขอโทษผมที่เอาถุงกระดาษในมือสะกิดโดน มันยกมือไหว้ประหลกๆ ก่อนก้าวเข้ามาจัดแจงพื้นที่ให้กับงานของตัวเองและเพื่อนอีกสองสามคนที่ตามกันมา

หวานนั่งอยู่ด้านหลังผมกับเพื่อนของเธอ เราเอ่ยทักทายกันสองสามคำเพื่อไม่ให้รบกวนสมาธิกันและกัน ช่วงไฟนอล ขนาดนี่คือหวานแท้ๆ ยังโทรมผิดหูผิดตาได้ขนาดนี้ ผมไม่ค่อยตกใจอะไรกันแล้วครั้ง เพราะครั้งแรกที่ผมตกใจกับสภาพนี้ของหวานและสาวๆคือตอนปีหนึ่งเทอมหนึ่ง หลังจากนั้นความสะพรึงอะไรแบบนี้ก็ทำอะไรพวกผมไม่ได้อีก

“ง่วงว่ะสัด" เสียงไอ้เป๊กพึมพำก่อนหาววอด ผมพยักหน้าแล้วเอนหลังพิงโซฟาที่วางอยู่แถวนั้น โดยบนโซฟาก็มีไอ้ถั่วกำลังสู้ชีวิตปะติดปะต่อโมเดลสภาพรุงรังของมันอยู่
“เออ" ผมพยักหน้าสำทับ "เดี๋ยวว่าจะซื้อกาแฟหน่อย"
“เอาด้วยดิ ไปแล้วบอก"
“เดี๋ยวตรงนี้เสร็จก่อน" ผมบอก เป๊กพยักหน้ารับไม่ว่าอะไร จากนั้นแรงสะกิดจากด้านหลังทำให้ผมต้องมองข้ามไหล่ตัวเองไป

“น้ำชา หักคัตเตอร์ให้กูหน่อย ไม่เหลือแรงแล้ว" สาวห้าวเอ่ยขอร้องพร้อมตาปริบๆ ผมมองสภาพมันแล้วหัวเราะก่อนรับคัตเตอร์มาหักใบมีดให้มันตามคำขอ
“อ่ะ"
“ขอบใจเว้ย จุ้ฟๆ"
“แหม เขินจังเลย" ผมหยอกหวานเล่น หวานหัวเราะออกมาเสียงใส แม้ว่าหน้าตาจะเหนื่อยอิดโรยแค่ไหนก็ตามที
“ตอแหลจริงมึงนี่" มันว่า "ว่าแต่ทำไมกูไม่เจอมึงเลยวะช่วงนี้"
“มึงนั่นแหละหายไปไหน พวกกูก็อยู่ห้องสตูฯภาคกัน" ผมย้อนถาม
“เอ้อ นั่นดิ" มันหัวเราะเสียงใสอีกรอบ "อีปุ้ยมันไปทำโมฯที่สตูอินทีเรียร์ แฟนเด็กมันทำอยู่ที่นั่น" หวานโบ้ยเพื่อน
“แล้วมันไปไหน"
“ไปค้างหอน้องแพรวแฟนมัน ไม่รู้จะตามมาเปล่าเนี่ย" ผมก็ได้ยินอยู่ ว่าปุ้ยคบกับทอมปีสองได้สักระยะแล้ว
“อ้อ"
“แล้วมึงเหอะ" หวานเงยหน้ามองผม "เป็นไงบ้าง"

ผมมองหน้าหวาน มันจ้องหน้าผมก่อนหุบยิ้มฉับ เหมือนจะรู้อะไรมาบ้างแล้ว ผมพรูลมหายใจยาวเหยียดแล้วเอนหลังพิงโซฟา ไหวไหล่เบาๆเหมือนมันเป็นเรื่องเล็กๆ จุดน้อยๆที่เกิดขึ้นในชีวิต


“เลิกแล้ว...”


ต่อให้เป็นตอนนี้ก็ยัง...พูดยากชิบหาย แม้เวลาจะผ่านมาเกือบสองเดือน แต่ไม่มีอะไรสามารถเยียวยาจิตใจผมได้เลยสักนิด ผมยังคิดถึงมันอยู่ทุกวัน ว่างๆก็นึกถึงแล้วก็อมยิ้มอยู่คนเดียว บางทีเผลอๆก็อยากจะส่งเมสเสจไปหา แต่สุดท้ายก็ไม่เคยทำ เพราะกลัวว่ามันจะยุ่งยากกับชีวิตโฟล์คอีกครั้ง ไม่อยากทำแบบนั้น ไม่อยากล้อเล่นกับความรู้สึกของโฟล์คอีกแล้ว ไม่อยากให้ใครมาชี้หน้าบอกว่าเป็นคนทำลายความสุขของโฟล์ค ไม่อยากเดินกลับไปเพราะไม่อาจสำคัญตัวเองได้มากขนาดนั้น

หวานมองหน้าผม ไม่พูดอะไร แก้วตาใสมองหน้าผมนิ่งๆก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วยิ้ม...หวานยิ้มเหมือนจะปลอบใจ มือขาววางแปะลงบนไหล่ผมอย่างเข้าใจ


“แล้วโอเคไหม?”
“ก็...” ผมหยุดหายใจ มองหน้าเพื่อนสาวตรงหน้า สุดท้ายผมก็รักษาโฟล์คตามที่เคยบอกหวานไว้ไม่ได้ "ดีกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้โอเคขนาดนั้น"
“เข้าใจ แต่มึงต้องดูแลตัวเองนะชา"
“อืม" ผมพยักหน้าเบาๆ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง "เดี๋ยวจะไปซื้อกาแฟ จะเอาอะไรไหม"
“ไม่อ่ะ แดกกระทิงแดงมาแล้ว วันนี้ว่าจะกลับไปหลับยาวๆสักหน่อย" หวานยิ้มๆ
“ฮ่าๆๆๆ"



ผมเดินไปที่เคาน์เตอร์ร้านกาแฟที่เป็นเคาน์เตอร์สี่เหลี่ยมใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางพื้นที่บริเวณชั้นหนึ่ง เสียงพนักงานตะโกนชื่อเครื่องดื่มสลับกันเสียงสั่งออเดอร์ของลูกค้า ผมเดินไปยืนต่อแถว สักพักก็ได้คิว ผมสั่งเอสเปรสโซ่ร้อนให้ไอ้เป๊ก ส่วนของตัวเองเป็นลาเต้เย็น จากนั้นก็มายืนรอเครื่องดื่มที่อีกฝั่งของบาร์


“เอสเปรสโซ่ร้อนกับลาเต้เย็นค่า"


พนักงานรันออเดอร์ไปเรื่อยๆ ผมเดินไปห้องน้ำรอบหนึ่งก่อนเดินกลับมารอที่เดิม พอดีกับที่ออร์เดอร์ถึงคิวพอดี ผมรับกาแฟสองแก้วมาไว้ในมือก่อนจ่ายเงินที่เคาเตอร์ จากนั้นจึงเขยิบไปยังชั้นวางหลอดกับน้ำตาลและครีมเทียม ใส่ไซรัปเพิ่มให้ตัวเองเพราะชีวิตตอนนี้เลือดขาดน้ำตาลขั้นสุด หาววอดเพราะง่วงจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น แต่ระหว่างที่มือกำลังคนกาแฟในแก้วไปมาอย่างเหม่อลอย ความเปียกชื้นตรงไหล่ก็ทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว ตามด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวายและเสียงน้ำกระจายตัวลงพื้นดังซ่า




“นินอย่า!!!”




ผมไม่ทันตั้งตัวกับเหตุการณ์ พร้อมกับพนักงานคอฟฟี่ช็อปที่ช็อคกันทั้งบาร์เครื่องดื่มแล้วรีบตะโกนขอโทษขอโพยลูกค้า พวกเขารีบพากันออกมาดูเหตุการณ์แล้วรีบเตรียมทำความสะอาดยกใหญ่ ในขณะที่ผมยังยืนนิ่งตกใจจับต้นชนปลายไม่ถูก ภาพตรงหน้าคือนินที่ยืนทำหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ กับภัทรที่รั้งนินเอาไว้ทั้งๆที่ตัวเองเปียกโชกไปทั้งตัว และแยมที่ยืนอ้าปากเหวอ ส่วนผมเปียกไปแค่...ครึ่งเดียว สภาพชุ่มโกโก้ตอนนี้ทำให้ผมรู้สึกหนาวแล้วเหนียวเหนอะไปหมด แต่ด้านความรู้สึก...ไม่รู้จริงๆว่ากำลังรู้สึกยังไง ควรจะโกรธไหม...แต่จริงๆก็แค่งงเสียมากกว่า


“ภัทร มึง---”
“ถ้ามึงจะทำตัวเป็นหมาบ้าก้าวก่ายไปทุกเรื่องแบบนี้กูจะไม่สนใจแล้วนะ" ภัทรขึ้นเสียงบ้าง ก่อนกระแชกแขนนินเอาไว้ เขาหันไปขอโทษพนักงานเบาๆ "มึงทำบ้าอะไรของมึง"
“ก็กู---”
“มึงเลิกรู้สึกแทนคนอื่นไปเสียทุกเรื่องเถอะนิน" ภัทรถอนหายใจเฮือกใหญ่ สะบัดเอาน้ำและน้ำแข็งออกจากเสื้อเชิ้ตของตัวเอง ก่อนมองหน้าผม "ขอโทษนะน้ำชา"
“อะ---อืม"
“เดี๋ยวกูไปเอาเสื้อบนรถมาให้เปลี่ยน แยมอยู่เป็นเพื่อนชาไปก่อนนะ" ภัทรบอกเรียบๆ "นินมึงมากับกู"


ผมมองภาพภัทรที่ลากนินจนหายลับออกไปจากหอสมุดด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ใครบางคนกำลังถูกเหวี่ยงกลับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆจนนึกกลัว ไม่รู้จริงๆว่าควรจะรู้สึกอย่างไร กลัว – ดีใจ – เสียใจ หรือทะนงตัวเองว่ายังเป็นที่ต้องการ...

ผมถอนหายใจเบาๆ มองสภาพตัวเองแล้วอยากจะร้องไห้ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าใครยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมรอยยิ้ม ความรู้สึกแย่ๆเหล่านั้นก็พาลจะหายไป


แยมเอื้อมมือหยิบทิชชู่มาช่วยซับความเปียกบนเสื้อของผม ผมยิ้มขอบคุณบางๆ


“สบายดีไหมน้ำชา?”












ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ภัทรเดินเอาเสื้อยืดมาให้ผมในห้องน้ำ ก่อนพาตัวเองกับนินเข้าไปในห้องน้ำอีกห้องหนึ่งเพื่อเปลี่ยนเสื้อของตัวเอง ผมได้ยินเสียงกัดฟันกรอดของนินดังแว่วๆมา แต่แยมก็ยิ้มให้กำลังใจอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล หลังจากผมล้างคราบเหนียวเหนอะเสร็จ เปลี่ยนเสื้อเรียบร้อย แยมก็พาเดินออกมาที่ด้านนอก ผู้ชายตัวสูงกำลังจะเดินพาผมไปไหนสักแห่ง แต่ผมกลับรีบยื้อยุดฉุดข้อมือเล็กๆนั่นเอาไว้แทบจะทันที


“แยม...คือ...”
แต่แยมกลับยิ้มให้อย่างใจดี เหมือนรู้ว่าในใจผมกำลังคิดอย่างไร
“โฟล์คไม่อยู่หรอก เข้าบริษัทน่ะ"
“......”
“บริษัทฝึกงาน ปิดเทอมนี้เราต้องฝึกงานเก็บหน่วยกิต แต่โฟล์คมันเริ่มรับงานกับค่ายนี้มาสักพักแล้ว"
“อ๋อ...”
“มาเถอะ ไอคงอยากเจอ" แยมว่า รั้งให้ผมเดินตามไป ผมมองไปยังอีกฟากหนึ่งของหอสมุด กาแฟยังไม่ได้ถูกยกเอาไปให้เป๊กเลย


ผมพยายามทอดฝีเท้าให้ช้าขึ้นไม่รู้ว่ากลัวอะไรกันแน่ แยมพาเดินไปยังบริเวณที่นั่งที่ไม่ไกลไปจากห้องน้ำมากนัก จนกระทั่งเห็นร่างเล็กๆของใครบางคนกำลังตั้งอกตั้งใจอ่านชีทย่ออย่างขะมักเขม้น ไอขมวดคิ้วมุ่นอยู่กับชีทในมือ ก่อนที่ฝีเท้าของเราสองคนจะทำลายสมาธิไอเข้า


“น้ำชา!!!” เสียงร้องเรียกชื่อของไอทำให้ผมต้องยิ้มออกมาจนได้ ไอรีบผุดลุกมาโถมตัวใส่ผม ผมเองก็กอดไอกลับอย่างนึกคิดถึงจริงๆ
“เจอกันที่ร้านกาแฟน่ะ" แยมบอกยิ้มๆ "นินก่อเรื่องอีกแล้ว"
“อะไร นินทำอะไร?” ไอยู่หน้าอย่างไม่ชอบใจ
“ช่างเถอะ" ผมตัดบท แยมไหวไหล่เบาๆ "นี่มา...อ่านหนังสือกันเหรอ"
“อื้ม" ไอตอบพร้อมยิ้มกว้าง "น้ำชาล่ะ?”
“เรามาทำโมเดลน่ะ อยู่ฝั่งโน้น" ผมตอบยิ้มๆ "ยังไม่ได้เริ่มอ่านหนังสือเลย"
“โห ได้นอนบ้างไหมเนี่ย" ไอถาม
“ก็...นิดหน่อย" ผมตอบยิ้มๆ
“คิดถึงน้ำชาจังเลย ไม่ได้เจอกันเลย" ไอบอกยิ้มๆแล้วกุมมือผมเอาไว้ "น้ำชาได้เจอ...”
“......”

“...ได้เจอโฟล์คบ้างไหม?”



จบคำถาม ผมนิ่งชะงักเหมือนติดอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง ไอยิ้มเจื่อนๆมาให้ผม เช่นเดียวกับแยมที่ส่งยิ้มปลอบประโลมมาให้ ผมบีบมือไอเบาๆ ก่อนค่อยๆส่ายหน้า แล้วตอบเสียงแผ่วเบา...



“ไม่เลย...ไม่ได้เจอเลย"
“...เหรอ"
“อืม"
“โฟล์คก็...คิดถึงน้ำชานะ"



ไอกับแยมคงมีอะไรอยากจะพูดกับผมมากกว่านี้ แต่ก็คงพูดออกมาได้เพียงเท่านี้ แยมกับไออาจจะรู้เรื่องที่ผมทำเลวร้ายไว้กับโฟล์ค ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องมาทำดีกับผมแบบนี้แล้วด้วยซ้ำ แต่แยมกับไอก็ยังต้อนรับผม เหมือนผมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเพื่อนเหมือนทุกๆครั้ง


“...เออนี่...ขอโทษแทนนินด้วยนะ" แยมว่ายิ้มๆ "นินมัน...ก็เป็นแบบนี้แหละ เราก็พอรู้นะน้ำชา แต่ช่วงแรกๆโฟล์คแย่มาก แย่จนนินร้องไห้ออกมาเลยแหละ"


หัวใจผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อได้ยินอะไรเช่นนั้น ผมเม้มปากแน่น ความรู้สึกทั้งหลายแล่นขึ้นโจมตีอย่างแรงจนจุก...โฟล์คจะเป็นยังไงบ้างนะ ไม่มีผมแล้ว มันจะเป็นยังไง จะยิ้ม หัวเราะ ทำตัวบ้าๆบอๆได้เหมือนเดิมไหม แต่ผมไม่กล้าสำคัญตัวเองหรอก เพราะโฟล์คไม่ใช่โฟล์คของผมอีกต่อไปแล้ว


“เราขอโทษนะ...”
“ขอโทษทำไม" แยมยิ้มบางๆ "เรื่องแบบนี้ ไม่มีใครผิดหรอก"
ผมมองหน้าแยม แล้วได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“แล้วน้ำชาเป็นยังไงบ้าง ผอมลงเหมือนกันนะ"
“เราก็แย่...” ผมเปิดปากออกไปในที่สุด แยมกับไอจ้องตาผมนิ่ง

“...แล้วไม่คิดจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเหรอ"


แยมถาม เหมือนหมัดฮุคเข้าเต็มสีข้าง ผมนั่งนิ่ง ไม่รู้ว่าควรจะเปิดปากพูดอะไรออกไปดี...แต่...ถ้าถามว่าอยากไหม...


ก็คง...




“เราตอบไม่ได้หรอกแยม"




แยมนิ่งไป ก่อนสักพักจะระบายรอยยิ้มออกมา แยมทำให้ผมรู้สึกอยากจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา ทำไมกันนะ ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องยิ้ม ไม่จำเป็นต้องปลอบใจ ไม่จำเป็นต้องปกป้อง แต่แยมก็ทำ แยมพยายามทำทุกอย่างให้ผมไม่รู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ ด้วยกำลังเล็กๆของตัวเอง


“ไม่เป็นไรหรอก เราว่าเราเข้าใจ" แยมว่า ส่วนไอน้ำตาคลออยู่ใกล้ๆกัน "ดูแลตัวเองด้วยนะน้ำชา ว่างๆก็มาหาไอบ้าง ไอบ่นคิดถึงตลอดเลย"
“......”
“แต่ไม่ได้บ่นต่อหน้าโฟล์คหรอกนะ" ไอแก้ตัว นั่นทำให้ผมต้องยิ้มออกมา
“แล้วก็...”
“หืม"
“หนังของโฟล์คได้รางวัลนะ รางวัลชนะเลิศด้วย เจ๋งไปเลยใช่ไหม" แยมบอก นั่นทำให้ผมใจเต้นแรง เพราะรู้สึกยินดีไปด้วยจริงๆ "บริษัทเรียกตัวไปร่วมงงานก็ด้วยเรื่องนี้แหละ"
“ฝากบอกโฟล์คด้วยว่าเรารู้สึกดีใจด้วยจริงๆ"
“จะบอกให้นะ" แยมตอบ "แต่ถ้าน้ำชาไม่ว่าอะไร พรุ่งนี้ไปบอกโฟล์คเองก็ได้ มีเลี้ยงขอบคุณกองที่ร้านลำพัง ร้านเหล้าที่อยู่หลังคณะเราน่ะ ตอนสองทุ่มครึ่ง"
“เราไม่กล้าไปหรอก ฮ่าๆ" ผมหัวเราะกลบเกลื่อน
“แต่อยากให้ไปนะ" แยมว่า ส่วนไอพยักหน้าสำทับ
“โฟล์คไม่อยากให้เราไปหรอก" ผมปฏิเสธ "ไปก็ไม่สนุกเปล่าๆ"
“น้ำชาคิดไปเองหรือเปล่า"
“......”

“เอาเถอะ ค่อยๆคิดก็ได้ เรารู้น้ำชางานเยอะ" แยมว่ายิ้มๆ "เราไม่รบกวนเวลาน้ำชาแล้ว เดี๋ยวเราเดินไปส่งนะ"
“ไม่ต้องหรอกแยม รบกวนเปล่าๆ" ผมรีบบอก แต่แยมกลับฉวยกาแฟขึ้นไปช่วยถือแก้วหนึ่งทันที
“เราจะไปหากายด้วย คิดถึงมันเหมือนกัน" แยมอ้างเพื่อนสนิทตัวเอง นั่นทำให้ผมจนคำพูดตัวเอง


ผมล่ำลาไอ เรากอดกันแน่นอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะเดินนำแยมไปยังโต๊ะทำงานของผม เป๊กเลิกคิ้วนิดหน่อยเมื่อเห็นแยม ส่วนแยมก็เลิกคิ้วให้เป๊กแล้วส่งกาแฟให้ ก่อนจะเดินลัดไปหากาย ผมทรุดตัวนั่งลงที่เดิม มองหน้าเป๊กสลับกับงานตรงหน้า แล้วก็มองหน้าเป๊กอีกหน ก่อนถอนหายใจราบเรียบออกมา


“เจอกันแล้วเหรอ” เป๊กถามด้วยน้ำเสียงโมโนโทนเหมือนเคย
“หมายถึงใคร"
“โฟล์ค"
“เปล่า...” ผมเม้มปาก "เจอแค่แยม ไอ แล้วก็ภัทรกับนิน"
“...ทำงานต่อเถอะ" เป๊กบอก ผมพยักหน้ารับ มันส่งกระดาษทิชชู่มาให้แล้วยักคิ้วกวน
“กูไม่ได้จะร้องไห้"
“เก็บไว้ เผื่อจะร้อง"
“สัด"



ออฟไลน์ kyliewonderland

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +565/-4



ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเร็วขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มองด้านนอกอีกที ท้องฟ้าระบายสีส้มเสียแล้ว ห้าโมงเกือบหกโมงเข้าไปแล้ว งานคืบหน้าไปมาก แต่ก็ไม่มากดั่งใจหวัง ทั้งๆที่คิดว่ารวบรวมสติได้ แต่เผลอทีไร ก็นึกถึงเรื่องของโฟล์คไปเสียทุกครั้งไป

ผมถอนหายใจยาว วางคัตเตอร์ในมือลง กาวเปรอะมือไปบน มีรอยบาดเล็กๆจากกระดาษแต่ก็ไม่อะไรนักเพราะชินไปเสียแล้ว คนอื่นๆยังทำงานอยู่ บางคนก็ฟุบหลับไปแล้วเช่นไอ้เป๊กเป็นต้น ผมหมุนงานมันเล่น ใกล้จะถึงความฝันแล้วสำหรับงานของมัน ไอ้ปอมยังหน้าเครียดอยู่อีกฝั่งของโซฟาชุด กายไปกับหวานและสาวๆ ออกไปซื้ออะไรกิน ไอ้ถั่วนั่งเงียบไม่พูดไม่จามาสักพักแล้ว ไม่ใช่เพราะมีมารยาท แต่ไฟลนก้นจนทำอะไรไม่ถูกต่างหาก

ผมหยิบซูมใส่แบบของตัวเองออกมาจากกองซากกระดาษ เทหาทรัมไดรฟ์ที่อยู่ก้นกระบอก งานส่วนที่เหลืออยู่ต้องไปปริ้นท์แบบเพิ่มเพราะผมแยกปริ้นท์รายละเอียดออกมาในตอนแรก

ผมลุกขึ้นยืนบิดตัวด้วยความเมื่อยขบ ปอมเงยหน้ามองผมก่อนพยักหน้าเมื่อผมชูทรัมไดรฟ์ในมือให้ ห้องซีร็อกซ์อยู่ไม่ไกลจากที่พวกเรานั่ง ผมเดินลากขาเอื่อยๆไปตามทางอย่างหมดพลังงาน ยิ่งเป็นตอนเย็น คนยิ่งเต็มหอสมุดไปหมด โชคดีอย่างที่ส่วนใหญ่คณะสถาปัตย์จะปิดคลาสก่อนสอบราวหนึ่งอาทิตย์เพื่อให้นักศึกษาเผางานส่งให้ทัน แต่ถ้าเลือกได้จริงๆ ผมอยากเรียนไม่ต้องทำโมเดล พูดจริงๆ ต่อให้การเรียนมันน่าเบื่อแค่ไหน แต่การใช้ชีวิตกลับวันกลับคืน กินกระทิงแดงวันละขวดสองขวด อัดกาแฟทับ หน้าเบลอๆไปยันเช้า มันไม่สนุกเลยสักนิด

ผมเดินไปที่ห้องซีร็อกซ์ พี่ผู้ชายที่นั่งประจำหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์เลิกคิ้วมองหน้าผมเป็นเชิงถาม ผมส่งทรัมไดรฟ์ในมือให้กับพี่เขา


“ไฟล์ที่สี่ครับ"


เขากดไล่คลิกก่อนชี้ไปยังไฟล์ที่ผมต้องการ เมื่อผมพยักหน้าพี่เขาก็พิมพ์อะไรอยู่สองสามที ผมหาววอดๆมือเกาะขอบกระจกตู้ร้านซีร็อกซ์เอาไว้



“เอาอันนี้ชุดหนึ่ง แล้วก็นี่สองชุดครับ"



เสียงของลูกค้าคนใหม่ดังขึ้น และปลายเท้าเขาก็หยุดอยู่ที่ข้างๆผม เสียงที่คุ้นเคยกระชากเอาใจผมหล่นวูบร่วงหายไปไกลแสนไกล ผมชะงักขาที่กำลังตบลงพื้นเบาๆตามประสาคนไม่มีอะไรทำ ในใจกำลังหวังอะไรบางอย่าง ซึ่งก็ไม่รู้จริงๆว่ามันเป็นความรู้สึกอย่างไรกันแน่ แต่มันกำลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมเม้มปากแน่น รู้ดีว่าไม่มีทางแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ใดๆได้ ผมสูดลมหายใจเบาๆ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นช้าๆ

เสี้ยวหน้าที่คุ้นเคยในความทรงจำปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า ผมนิ่งค้างมองใบหน้าของคนข้างกายอยู่หลายวินาที มันยื่นชีทในมือให้คนในร้าน ก่อนหยิบแบงค์ร้อยส่งไปให้ ยังเหมือนเดิม ใบหน้าคมๆ มุทะลุ แล้วก็ดึงดันนั่น ยังเหมือนเดิม ไม่ต่างไปจากเดิมเลย ผมอาจจะยาวขึ้น มีหนวดเครารกครึ้มตามประสาอาจจะเพราะไม่อยากเสียเวลาโกน...


“อันนี้ของน้องครับ สิบหกบาท" เสียงของพนักงานร้านซีร็อกซ์ดังขึ้น ผมยื่นแบงค์ยี่สิบไปให้ก่อนรับกระดาษมาพร้อมกับทรัมไดรฟ์ แล้วยืนรอเงินทอนนิ่งๆอยู่เช่นนั้น


และชั่ววินาทีที่ผมเงยหน้ากลับไป เราก็สบตากัน...



ผมนิ่ง ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรดี สองเดือน เหมือนระยะเวลาที่ยาวนานเหมือนสองปี เหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างจุกอยู่ในลำคอ ทำให้ผมไม่สามารถเปล่งเสียงอะไรออกไปได้...



“หวัดดี...”


เป็นโฟล์คที่ส่งยิ้มมาให้ผมพร้อมกับคำทักทาย ผมเม้มปากแน่น แล้วพยักหน้าเบาๆ ทุเรศชะมัด ทำอะไรดีกว่านี้ไม่ได้หรือไงวะน้ำชา!



“หวะ...หวัดดี"


ผมสูดลมหายใจเข้าในปอดลึกๆ รับเงินทอนสี่บาทจากพี่พนักงานด้วยอาการมึนๆเบลอๆ โฟล์คยังยืนอยู่ข้างๆผม สวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์ขาดๆ รองเท้าคอนเวิร์สคู่เก่าของมัน

“ตลกว่ะ มาเจอกันที่นี่...” มันเอ่ยขึ้นมา ผมที่เสร็จธุระตัวเองแล้ว ก็ได้แต่ยืนนิ่ง เดินจากออกไปไม่ได้สักที
“นั่นดิ" ผมพึมพำ "เมื่อเช้าเจอพวกแยม เห็นบอกว่ามึงออกไปแล้ว"
โฟล์คยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไร มันเคาะนิ้วกับขอบหน้าต่างแสตนเลส อมยิ้มแล้วหันไปอีกฝั่ง
“ไปทำงานน่ะ" มันตอบในที่สุด "จริงๆว่าจะไม่กลับมาแล้วแหละ"
“หืม"
“กูโกหก" มันว่า จ้องมองผมนิ่ง "จริงๆมันไม่ตลกหรอก ไม่บังเอิญด้วย"
“......”
“ไอบอกว่าเจอมึง กูก็เลยรีบเคลียร์งานแล้วมาที่นี่"
“......”

คำสารภาพของมันทำให้เรื่องต่างๆยากขึ้นไปใหญ่ ผมกำทรัมไดรฟ์ในมือแน่น แล้วหลุบหน้าลงมองปลายเท้าตัวเอง...


“ทำโมฯเหรอ" โฟล์คถาม ผมพยักหน้าน้อยๆ
“อืม"
“แล้ว...ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง" คนถามเกาท้ายทอยเล็กน้อย
“เรื่อยๆน่ะ จะสอบแล้วเลยเลอะเทอะกันไปหมด" ผมหัวเราะเบาๆให้กับคำพูดเจื่อนๆของตัวเอง "แล้วมึงอ่ะ"
“ก็ดี ทำงานยุ่งๆ ลืมๆไปได้บ้าง"

'ลืมๆไปได้บ้าง'
ไม่เห็นต้องบอกก็ยังรู้ว่าเรื่องอะไร

“แต่สบายดีใช่ไหม" โฟล์คถาม ตาเสมองจุดอื่นไปเรื่อยเปื่อย เช่นเดียวกับที่ผมพยายามจะทำ
“ก็เรื่อยๆ อยู่บ้านก็กินข้าวเป็นเวลามากขึ้น แต่ช่วงนี้มันใกล้สอบเลยเน่าๆหน่อย เดี๋ยวคงดีขึ้น"
“อ่าฮะ" มันพึมพำในลำคอ เสียงเย็บกระดาษดังขึ้น คล้ายกับจะนับถอยหลังเวลาของเราไปเรื่อยๆ...
“มาอ่านหนังสือสอบเหรอ" ผมถามเหมือนคนโง่ที่ไม่รู้จะถามอะไรดี
“อือ เดี๋ยวไปอ่านกับพวกแยมที่เดิมอ่ะ" มันบอก แล้วยิ้มเฝื่อนๆออกมา "ว่าแต่วันนี้มึงยังไม่ได้ยิ้มให้กูเลยนะ"

มันท้วงขึ้น ผมนึกคิด ก่อนหัวเราะพรืดออกมา แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว...


“อืม ตกใจ แต่ก็...” ผมนิ่งไปหนึ่งลมหายใจ "ดีใจ"
“เหมือนกัน"


เราจ้องหน้ากันเงียบๆอีกครั้ง หลุบมองของในมือ กระดาษในมือผมและในมือมันบอกว่าเราพร้อมที่จะล่ำลากันอีกครั้งแล้ว...


“วันพรุ่งนี้มีเลี้ยงกอง หนังที่ถ่ายไปได้รางวัลชนะเลิศนะ"
“รู้แล้ว แยมบอก ยินดีด้วยนะ บอกแล้วว่ามึงทำได้" ผมบอกยิ้มๆ
“มาด้วยกันไหม"
“...โมเดลยังต้องทำอยู่เลย" ผมพึมพำ เสตาหนีอย่างทำอะไรไม่ถูก
“มึงนี่อ้างโมเดลมาตั้งแต่ไหนแต่ไรเลยนะ" โฟล์คหัวเราะเบาๆ
“ก็...ชอบเจอกันช่วงกูต้องเผางาน"
“งั้นถ้าช่วงอื่น...ไว้เจอกันได้ไหม หมายถึง...” มันเงียบไปสักพัก ก่อนมองผมเต็มๆตา "ไปกินข้าว นั่งคุยกัน อะไรแบบนี้"

ผมจ้องโฟล์คกลับเต็มตา หัวใจเต้นแรงผิดจังหวะกระเจิดกระเจิง แต่ทำไมกันนะ ผมถึงนิ่งแล้วหมดคำพูดได้แบบนี้ แววตามันยังเต็มไปด้วยประกาย ดึงดูด และชวนมองเหมือนเดิมไม่มีผิด ผมพรูลมหายใจเบาๆแบบไม่ให้คนตรงหน้าจับได้ มันทั้งอิ่มเอม อบอุ่น และ เต็มตื้น แต่กระนั้นก็ยังหวาดหวั่น เหมือนลูกโป่งที่ถูกสูบลมจนแน่น แต่อีกสักพักมันจะระเบิด และสร้างความเจ็บปวดให้เกิดขึ้นอีกครั้ง


“ก็คงได้มั้ง...”


ผมตอบออกไปในที่สุด โฟล์คหัวเราะเบาๆก่อนพยักหน้า


“ไว้มึงสะดวก"
“อืม...”
“......”
“ต้องไปแล้ว"
“ไปส่งไหม" มันถาม ผมส่ายหน้ารัว
“ไม่ต้องหรอก แค่นี้เอง" พยักเพยิดไปยังโต๊ะที่วางอยู่บนพื้นยกชั้น
“งั้นก็โอเค"
“ไปนะ"
“อืม"


ผมโบกมือลามันพร้อมรอยยิ้ม แต่หัวใจเหมือนโดนถ่วงน้ำเอาไว้ ก้าวขาออกมาทั้งๆที่มันสั่น ไม่ได้หันกลับไปมองแม้เพียงเสี้ยววิ เพราะรู้ตัวดีว่าคงทนไม่ได้ และไม่รู้จริงๆว่าหากทำเช่นนั้น มันจะดูเห็นแก่ตัวเกินไปไหม แต่การที่เจอมันแบบนี้ วันนี้ ตอนนี้ ได้รู้ว่าโฟล์คยังสบายดี ก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจมากแล้ว และการเจอกันโดยไม่คาดฝันเช่นนี้...

ทำให้รู้

ผมยังเหมือนเดิม ยังคิดถึงมัน แต่ก็คงไม่ใช่ผมที่ควรจะเดินกลับเข้าไปในเวลาที่ไม่รู้ว่ามันต้องการผมอีกต่อไปหรือไม่ เราเรียนรู้ที่จะปล่อยวางได้แม้จะไม่ทั้งหมด ทุกอย่างต้องใช้เวลา สองเดือนมันนานพอที่อาจจะทำให้อะไรต่อมิอะไรสลายหายไป แต่ในบางครั้งบางอย่างก็กลับแข็งแกร่งขึ้น สิ่งที่เคยเกิดขึ้นยังคงอบอุ่นอยู่ในใจ บางครั้งก็ยังรู้สึกว่าโฟล์คยังอยู่ใกล้ๆ คอยดูแล คอยเป็นห่วง จากความทรงจำเก่าๆที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเรา




แต่ตอนนี้...ผมคิดถึงมันมากกว่าเดิม...






เธออยู่ตรงนั้นสบายดีไหม
ฉันอยู่ตรงนี้เป็นเหมือนเดิม...คิดถึงเธอทุกวัน
คิดถึงเธอทุกวัน
หากชีวิตนี้เร็วดั่งความฝัน
กาลครั้งหนึ่ง
สักวันเราคงได้พบกัน




















tbc.


น่าจะเหลืออีกสองตอนนะคะ ตอนแรกนึกว่าจะอีกแค่ตอนเดียว แต่อยากเขียน Part โฟล์คด้วย
เจอกันจ้ะ ไม่นานเกินรอ ปั่นอยู่ทุกวัน ใจแตกไม่ทำงานทำการ เขียนแต่นิยาย555




ออฟไลน์ LovePraePiemt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้ำตาจะไหล...;_______; เจ็บปวดจัง

ออฟไลน์ paladin.kn

  • ไฟมอดลงยังคงทิ้งรอย...เถ้าถ่าน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 608
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
มันเป็นความรู้สึกดีๆที่ยังหน่วงๆอยู่

เฮ้ออ

อธิบายไม่ถูกเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ IIIA

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
รักชาชานี่ไม่ได้มาจากชื่อน้ำชาสินะ เจ็บจนชาแล้วววววว  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Nunun_B2UTY

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
น้ำชาาาา กลับไปหาโฟล์คเถอะนะ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :hao5: :hao5:

รอรักสมหวัง
รอพาร์ทโฟล์ค

ขอบคุณมากๆเลยนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ jj@room

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
 :mew6:
กลับมาเหมือนเดิมเถอะ สงสารทั้งคูเลย
 :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
โหยยยยย ถึงกับไม่กล้าหายใจแรงตอนท้าย ๆ เลย

ออฟไลน์ cynthia

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
อ่านตอนนี้แล้วมันหน่วงๆ ; ; ไม่ได้โทษน้ำชานะเพราะรู้ว่าทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง แม้มันจะเป็นเหตุผลที่ทำให้คนหลายๆคนบอกว่าน้ำชางี่เง่า โง่หรืออะไรก็แล้วแต่ ยังไงเหตุผลหรือความสำคัญในเรื่องบางเรื่องของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว

แต่อ่านแล้วก็เสียใจกับทั้งสองคน ขอให้น้ำชาดีขึ้นเร็วๆแล้วก็เลือกโฟล์คได้แล้วนะ!!

ปล.ที่เข้าใจเพราะมันเหมือนเรื่องของตัวเองเลยค่ะ เหมือนเจอเดจาวูของตัวเองกับน้ำชา 5555

ออฟไลน์ pemiko2012

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :hao5:
หน่วงงงงงงง เห้อออออ อยากจะร้องไห้มาก
มันอึดอัดไปหมด

ออฟไลน์ ่jjay

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-0
รออ่านพาร์ทของโฟล์ค อยากรู้ว่าโฟล์คเป็นยังไง รู้สึกยังไง  :mew6:

ออฟไลน์ omyim_jjj

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
สงสารทั้งคู่

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
เกือบตาย กลั้นหายใจตอนอ่าน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด