ตอน 14
“ไม้ ไม้ ไม้!!” เสียงเรียกที่ไม่เบาหนักพร้อมกับแรงเขย่าที่ไหล่ทำให้ผมหลุดจากความคิดของตัวเอง
“เป็นอะไรหรือเปล่าพี่เรียกตั้งนานทำไมไม่ยอมตอบ” พี่ต้นถาม
“เปล่าครับ ผมคิดอะไรนิดหน่อย”
“แน่ใจนะ ว่าไม่ได้ป่วย” อีกคนถามย้ำพลางอังหน้าผากของผมเหมือนจะวัดไข้
“แน่ครับ ผมแข็งแรงจะตายจะป่วยได้ยังไง”
“เฮ้อ เอาเถอะ ไม่ป่วยก็ไม่ป่วย รีบไปอาบน้ำได้แล้วเราเองก็ตากฝนมาเหมือนกันนิ เดี๋ยวไม่สบายเอาไปเร็วๆ” ร่างสูงว่าพลางฉุดให้ผมลุกขึ้นก่อนจะดันผมเข้าห้องน้ำ
ผมมองเงาที่สะท้อนในกระจกก่อนจะถอนหายใจ ผมกำลังทำอะไรอยู่กันแน่
ภาพที่พี่ต้นวิ่งตามพี่อิทยังคงติดตา ผมหลับตาแน่นพยายามจะลบมันออกไปจากสมองแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาช้าๆอย่างห้ามไม่อยู่ มันเจ็บ เจ็บทุกครั้ง ที่แววตาคมคู่นั้นสะท้อนเพียงแค่คนที่เขารัก เจ็บทุกครั้งที่น้ำเสียงทุ้มนั้นเรียกหาแค่คนที่เขาคิดถึง ผมเคยคิดว่าตัวเองชินชาแล้วกับความรู้สึกนี้ แต่เปล่าเลย ผมไม่เคยชิน เพราะผมยังเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้เห็นหรือได้ยินมัน ….
คนเรานี่ก็แปลก ทั้งๆที่รู้ว่ามันเจ็บยังดันทุรังที่จะเดินต่อไป ผมมาไกลเกินกว่าจะหยุด หรือผมแค่ไม่อยากจะหยุดเอง…
ก๊อกๆๆๆ
“ไม้เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเงียบไปล่ะ” เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงคนที่อยู่นอกห้องน้ำเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรครับ” ผมตะโกนตอบก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดฝักบัว
“วันนี้ไม้ดูเหม่อๆนะ ” ร่างสูงที่นั่งอยู่บนเตียงถาม หลังจากที่ผมออกจากห้องน้ำแล้ว
“เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร”
“ผมต่างหากที่ต้องถามว่าพี่ไหวไหม” ผมถามก่อนจะสบตาคมคู่นั้น ที่มันสะท้อนร่องรอยของความเจ็บปวดอย่างชัดเจน
“ไม่รู้สิ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่ควรจะยิ้มที่เห็น อิทเขามีความสุข หรือพี่ควรจะร้องไห้ดีล่ะ” พี่ต้นบอกก่อนจะยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่ขมขื่นเหลือเกิน
“พี่ต้น เลิกคิดถึงมันได้ไหม ผมจะอยู่กับพี่เอง”
“พี่เป็นคนเห็นแก่ตัวใช่ไหมไม้ ทั้งที่พี่รู้อยู่เต็มอก แต่พี่ก็ยัง…”
ผมหยุดคำพูดพวกนั้นไว้ด้วยริมฝีปากของตัวเอง ไม่อยากได้ยิน คำพูดพวกนั้น ไม่อยากได้ยิน คำขอโทษเพราะความรู้สึกผิด ไม่อยากได้ยินสิ่งที่ตอกย้ำว่าความสัมพันธ์ของเรามันคือสิ่งที่ผิดพลาด ผมไม่อยากได้ยินมัน…..
จากฝ่ายรุกจูบตอนนี้ผมกลายเป็นฝ่ายถูกจูบแทนรสจูบที่อ่อนโยนค่อยๆเพิ่มความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆตามแรงอารมณ์ของเรา ผมหลับตาลงก่อนที่จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นตามแรงผลักของสัญชาตญาณ ปล่อยให้ ความรู้สึกทั้งหมดดิ่งลงก้นเหวของอารมณ์
“อ๊ะ” เสียงครางแผ่วดังขึ้นเมื่อเมื่อหนาลูบไล้ไปตามร่างกายที่เปลือยเปล่า ทุกสัมผัสนั้นทิ้งความร้อนวูบวาบไว้จนแทบจะทนไม่ไหว ทั้งๆที่มันเจ็บปวดเหลือเกิน แต่ผมกลับเลือกที่จะไม่ยอมหยุดมัน
“ไม่ว่าพี่จะเจ็บปวด เพราะอะไร ผมจะช่วยพี่เอง”
ผมหลับตาลงปล่อยให้สัมผัสนั้นดำเนินไปอย่างที่มันควรจะเป็น บทรัก ที่มีแต่ ความรัก ของผมคนเดียว
7โมงเช้าของวันใหม่ผมมองละอองฝนที่อยู่ตามพื้นหญ้าก่อนจะสูดหายใจเอาอากาศสดชื่นของยามเช้าที่นานๆจะมีโอกาสได้สัมผัสเข้าเต็มปอด จะว่าไปก็ไม่เชิงว่าผมตื่นเช้าแต่เพราะมันนอนไม่หลับต่างหากแม้ร่างกายจะอ่อนล้าแต่เหมือนจิตใจมันว้าวุ่น จนข่มตาหลับไม่ได้เลยตั้งตื่นมาตั้งแต่เช้าเดินเล่นให้สมองมันโล่งบ้าง ผมเดินเข้าไปในสวนสาธารณะที่เริ่มมีคนมาออกกำลังกายบ้างแล้วก่อนจะนั่งลงบนม้านั่ง
“เฮ้ย!! ระวัง”
พลั่ก!!
“โอ้ย!!!”
เสียงหนึ่งร้องขึ้นพร้อมกับที่ที่วัตถุทรงกลมลอยมาตกที่หัวผมอย่างสวยงาม ผมกุมหัวด้วยความเจ็บก่อนจะมองเจ้าลูกบอลที่ทำร้ายร่างกายผมเมื่อครู่ เช้าขนาดนี้ใครมันอุตริมาเตะบอลวะ ผมได้คิดอย่างหัวเสีย ก่อนที่ใครบางคนจะวิ่งเข้ามาหาผม
“เฮ้ย เป็นอะไรไหม ขอโทษจริงๆ ไม่ทันเห็น” ร่างสูงเกิน 180 เซนติเมตรในชุดนักบอลวิ่งเข้ามาขอโทษขอโพยก่อนที่ผมจะตวัดมองไอ้คนเล่นไม่เป็นที่เป็นทางอย่างเอาเรื่อง
“เฮ้ยมึง/มึง” ผมกับคนมาใหม่ร้องขึ้นแทบพร้อมกัน เมื่อต่างคนต่างมองหน้ากันชัดๆ ชัดเลย ชัดเจนมาก เพราะ มันคือ ไอ้ป๋อง ประธาน ช่างกล S ที่เป็นคู่อริของโรงเรียนผม และดูเหมือนไอ้คนตรงหน้าจะจำผมได้เหมือนกัน
“เหอะ ถ้ากูรู้ว่าเป็นมึงกูไม่มาให้เสียเวลาหรอก ขอโทษพวกเทคนิค M กูเสียชื่อชิบหาย” ร่างสูงว่า
“อ้าว กูต่างหากที่สมควรต้องด่ามึง ใครเขาเตะฟุตบอลกันตอนนี้วะ ไอ้เชี่ย แล้วมึงเตะภาษาอะไรถึงไม่ดูคน เห็นไหมว่ากูนั่งหัวโด่อยู่เนี่ย”
“แล้วโลกนี้มีกฎห้ามเตะบอล ตอนเช้าด้วยเหรอกูไม่เห็นรู้เลย” ไอ้ป๋องบอก เห็นแล้วแทบอยากจะประเคนฝ่าเท้าใส่หน้ามันสักหลายที แต่ผมขี้เกียจจะมีปัญหา ไหนๆวันนี้ก็ไม่ได้ใส้ช๊อปมาถือว่า ไม่เคยเจอมันก็แล้วกัน
“ไอ้.. เอาเป็นว่า เลิกแล้วต่อกันแล้วกัน กูไม่อยากมีเรื่อง”
“เออ วันนี้กูอารมณ์ดี จะไม่เอาเรื่องพวกมึงสักวัน ไหนเอาหัวมาดูสิ” มันบอกก่อนจะกระชาก ย้ำว่า กระชาก ตัวผมเข้าไปใกล้ก่อนจะใช้มือใหญ่เท่าในลานของมันขยี้หัวผม
“เฮ้ย มึงทำอะไรวะ” ผมแหวลั่น แม้ว่าสวนสาธารณะเวลานี้คนจะยังไม่เยอะแต่พวกผมก็ดูจะเป็นที่สนใจไม่น้อย แหงล่ะ ผู้ชายตัวควายๆสองคน กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันกลางแจ้งขนาดนี้
“กูก็จะดูให้ไง ว่าหัวมึงโนหรือเปล่า คนอย่างพี่ป๋องน่ะ ทำอะไรรับผิดชอบเสมอเว้ย”
“ไม่ต้อง กูไม่ได้เป็นอะไรเก็บความหวังดีของมึงไว้เถอะ” ผมว่าก่อนจะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุม ผมก็ว่าตัวผมไม่เล็กนะ แต่ทำไมไอ้นี่จริงๆ ไอ้แทนกับ พี่ต้นด้วยนะ มันถึงถึกเยี่ยงควายกันนักแถมยังสูงอย่างกับเปรตจนผมดูตัวเล็กบอบบางไปเลย ทั้งๆที่ผมสูง 178 พอๆกับพี่เล็กส่วนพี่เมฆสูง 183 แต่ความถึกของร่างกายก็ยังห่างไกลไอ้พวกนี้อยู่มาก
“เฮ้ย ได้ไง กูพี่ป๋อง ช่างกล S ใจนักเลงพอเว้ย มาเดี๋ยวกูไปส่ง หอมึงอยู่ไหน” มันบอกก่อนจะล็อคคอผมให้เดินตามไปทันที เฮ้ย ทำไมรอบตัวผมถึงมีแต่พวกไม่ยอมฟังคนอื่นพูดเลยนะ
ไอ้พี่ป๋องลากคอผมมาที่ บิ๊กไบค์ คันเท่ ทำไมไอ้พวกนี้ถึงมี มอไซต์เท่ๆ กันทั้งนั้นนะ พูดแล้ว อนาถ เวฟน้อยๆ ของตัวเอง ไอ้พี่ป๋องขึ้นคร่อม พลางส่งสายตาบังคับให้ผมซ้อนท้าย
“เฮ้ย ไม่เป็นไร หอกูอยู่แค่นี้เองกูเดินเองได้”
“ไอ้….เออ มึงชื่ออะไรวะ” คนที่อยู่บนมอเตอร์ไซค์เอ่ยถาม คุยกันมาตั้งนานสรุปจำได้แค่หน้าผมสินะ
“กูจำเป็นต้องบอกมึงไหม”
“จำเป็นสิ เพราะกูอยากรู้ ”
“กวนตีน” สักหน่อยเถอะ เริ่มจะทนกับมันไม่ไหวแล้ว
“เฮ้ย กูรุ่นพี่มึงนะ ให้เกียรติกันบ้างก็ดีนะไอ้น้อง”
“กูไม่นับพวก ช่างกล S เป็นรุ่นพี่” ร่างสูงแค่นเสียงในลำคอก่อนจะมองหน้าผมด้วยสายตานิ่งๆ แต่กลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนมัน
กำลังเอาปืนจ่อหัวยังไงไม่รู้ เท่าที่รู้มา ไอ้พี่ป๋อง ประธาน ช่างกล s ไม่ใช่ธรรมดา เพราะมันเป็นประธานสถาบันตั้งแต่ ปวช ปี 2 จนตอนนี้ มันกำลังจะจบแล้ว โรงเรียนช่างอย่างพวกผมถ้าไม่แกร่งจริง มันคงอยู่ไม่นานขนาดนี้
“กูชื่อไม้”
“ก็แค่นั้น ขึ้นเร็วๆ อย่าลีลา บอกทางไปหอมึงมาด้วย” ผมจำใจต้องกระโดดซ้อนท้ายคู่อริอย่างช่วยไม่ได้ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ผมต้องเจอกับมัน บอกได้คำเดียวว่าซวยบรรลัย
“ถึงแล้ว จอดตรงนี้ล่ะ” ผมบอกก่อนจะกระโดดลงจากรถทันทีที่มาถึง
“ไปดิ ถึงหอกูแล้ว”
“ขอบคง ขอบคุณนี่คิดจะพูดบ้างไหม”
“จำเป็นด้วยเหรอ มึงอาสาของมึงเอง กูไม่ได้บอกให้มาส่ง”
“มึงนี่มัน..” ไอ้พี่ป๋องจ้องก่อนจะชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง
“ไม้ / ไม้ !!” สองเสียงที่ดังขึ้นพร้อมกันทำให้ผมต้องหันไปมอง
“โห เสน่ห์แรงใช่ย่อย นิหว่า” คนตรงหน้าบอกด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ก่อนจะมองไปที่พี่ต้นที่ก้าวเร็วๆลงมาจากบันได กับ ไอ้แทนที่เหมือนจะรีบร้อนลงมาจากรถเสียเหลือเกิน
“แล้วใครเป็นเจ้าของ รอย บนคอมึงวะ แต่ถ้าจะให้กูเดา คงเป็นคนที่กำลังลงมาใช่ไหม เอ๊ะ หรือ ว่าทั้งสองคนวะ”
“ไอ้เชี่ย เรื่องนี้เกี่ยวกับมึงหรือไง” ผมแหวลั่น ก่อนจะมองหน้ามันอย่างเอาเรื่อง แต่อีกคนดูไม่ได้เดือดร้อนสักนิด
“ไม้ ทำไมมึงมาอยู่กับไอ้เชี่ยนี่ได้ มันเป็นประธานช่างกล s ไม่ใช่เหรอ” ไอ้แทนที่มาถึงก่อนถามเสียงเข้มก่อนจะมองอีกคนอย่างไม่เป็นมิตร แหงล่ะ ปกติถ้าเจอกันคงตีกันไปแล้ว แต่วันนี้มันไม่ปกติไง
“โห พวกมึงเนี่ย ให้เกียรติกูมาก อย่างน้อยกูก็รุ่นพี่มึงสองปีนะไอ้หนู” อีกคนบอก
“กูไม่ใช่รุ่นน้องมึง” ไอ้แทนบอกเสียงเข้ม
“เหอะ ไอ้พวกเทคนิค M นี่เป็นอย่างนี้หมดเลยหรือไงนะ นี่ไอ้น้อง วันนี้กูไม่มีอารมณ์ต่อยเด็ก เอาไว้วันหลังกูจะมาเล่นด้วยนะ กูไปล่ะ” ว่าจบคนประธานช่างกลก็สตาร์ทรถไปทันที แต่ก็ไม่วายหันมาส่งยิ้มกวน..ให้ผมกับไอ้แทนก่อนไปด้วย
“มึงจะบอกกูได้หรือยังว่าทำไมไปอยู่กับไอเชี่ยนั้น” ไอ้แทนถามเสียงเข้ม
“มึงจะเสียงดังทำไมวะ ไม่มีอะไร ไปเจอกันที่สวน มีเรื่องกันนิดหน่อยมันเลยอาสามาส่ง” ผมบอก
“แล้วมึงเจ็บตรงไหนไหม ไหนมาดูสิ” ไอ้เพื่อนรักว่า ก่อนจะสำรวจร่างกายผมยกใหญ่
พรึบ!!
“เฮ้ย!” ผมร้องลั่นเมื่อถูกมือใหญ่กระชากเข้าหาตัวก่อนที่ผมจะซบอกแกร่งที่คุ้นเคย
“ทำอะไรกัน” เสียงนิ่งเอ่ยถาม แต่ดูเหมือนพี่ต้นจะถามไอ้แทนมากกว่าก็เล่นจ้องซะขนาดนั้น
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร ว่าแต่มึงมาแต่เช้ามีอะไรหรือเปล่า” ผมหันไปบอกพี่ต้นก่อนจะถามเพื่อนรัก ไอ้แทนเหมือนจะส่ายหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะเดินกลับไปที่รถ แล้วกลับมาพร้อมถุงโจ๊กเจ้าประจำของผมสองถุง
“กูซื้อมาฝาก พอดีเมื่อเช้าไปส่งไอ้โปรดที่โรงเรียน เลยวะซื้อมาให้” มันบอกก่อนจะยัดถุงโจ๊กใส่มือผม
“ขอบใจว่ะ กำลังอยากกินเลย”
“เออ ไม่ต้องมาทำพูดดี มึงก็รู้ว่ากูเต็มใจ” ไอ้แทนบอกก่อนจะเดินกลับไปที่รถพร้อมกับขับออกไป
“ไปกินข้าวกันดีกว่าครับ” ผมบอกกับร่างสูงที่ยังยืนทำหน้านิ่งอยู่
“เมื่อกี้ยืนคุยกับใคร” เขาถามเสียงเข้ม แรงบีบที่หัวไหล่ดูเหมือนจะแรงขึ้นด้วย ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บแต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะ
ไม่รู้ตัวเพราะแววตาคมจ้องผมเหมือนกำลังรอคำตอบ
“รุ่นพี่ น่ะครับ ไม่มีอะไร”
“แล้วทำไม ต้องให้มาส่ง”
“พอดีไปเจอกันที่สวน เขาเลยอาสามาส่งครับ”
“แค่นั้น??” พี่ต้นเลิกคิ้วถาม
“ครับ แค่นั้น”
“อืม” คนตรงหน้าพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำผมกลับห้อง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพี่ต้นคิดอะไรอยู่กันแน่ การกระทำบางอย่างที่แสดงออกว่า ไม่พอใจ มันทำให้หัวใจผมหวั่นไหว อีกแล้ว …
.......................................TBC..........................................
พี่ป๋อง แห่ง ช่างกล S ฮ่าๆ บอกเลย ว่า นางเป็น ตัวประกอบ
ที่มี ความสำคัญ มากอยู่ นะ
รูปปากอบ
ปอลอ เม้น ให้เค้าหน่อยนะตัวเธออออออออออ
เค้าจะได้รู้ว่า ยังมีคนรอเค้าอยู่