ตอน ยากรักสุดหยั่งถึง
บทที่ ๑๑.๑ ทางเลือกใด ใครเลยจะล่วงรู้
ปึงง
“ !!! ” เสียงจานกระแทกโต๊ะทำให้คนที่กำลังตั้งสมาธิอ่านหนังสือเรียนถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย
“อะไร” คำถามพร้อมหน้าตางุง งง ของตารกา ช่วงนี้รงคเพทมาแปลก หากไม่มีเรียนก็ชอบมานั่งเฝ้าเขาทุกวัน เช่นวันนี้เขากำลังตั้งใจอ่านแท็กโครงสร้างวิชาที่เรียนอยู่ ก็มีจานขนมสีสันน่ากินกระแทกลงโต๊ะเมื่อครู่
“ขนม เห็นเป็นไร ” ตอบแบบไม่ตั้งใจตอบ พร้อมเลื่อนเก้าอี้ข้างๆออก และนั่งหยิบขนมที่ตนเป็นคนเอามาฝาก
“เหอะๆ ไปนั่งกินที่โซฟาสิ ตรงนี้ผมอ่านหนังสืออยู่”
“กูเอามาฝาก” คนเอาขนมมาฝากยังคงหยิบเข้าปากตัวเองไม่เลิก
“เอามาฝากผม แต่กินเอาๆเนี่ยนะ”
“โห่ กูกินเป็นเพื่อนหรอก ”
“วันนี้ไม่ไปไหนรึไง” ตารกายังคงก้มหน้าก้มตาอ่าน และหยิบขนมมาใส่ปากหนึ่งชิ้น
“ว่าง” สั้น ง่าย ได้ใจความ รงคเพทหยิบขนมในจานใส่มืออีกสองสามชิ้นและเดินไปนั่งดูทีวีที่โซฟาตัวโปรด
“……” ปรากฏการณ์แปลกใหม่ของคนหน้าโจร ตารกาทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ
ทีวีช่องการ์ตูนที่เลื่อนเรื่องไปเรื่อยๆทุกครึ่งชั่วโมง กำลังฉายเฝ้าคนดูที่เมื่อกินขนมเสร็จก็เข้าสู่นิทรามันตรงนั้น ชีวิตจะสุขสบายไปถึงไหนรงคเพท
ครืดดดดดด บี๊ป บี๊ป ….. ครืดดดดดดดด……
“ฮัลโหล”
“เชี่ยเรียง อยู่ไหน” เสียงใครไม่ต้องบอก ไอ้เพื่อนหน้าโจรแสนใจร้อน รงคเพทลุกนั่งมองซ้ายขวา ไม่เห็นตารกานั่งอยู่ที่เดิมแล้ว เขาเดินออกไปยังระเบียงเพื่อคุยกับเพื่อน
“ห้องไอ้ตอง”
“เหอะ ซี้กันจังนะมึง” ไม่ว่าเปล่า เสียงมันสุดแสนจะเย้ยหยัน
“มึงสั่งกู”
“เออ กูสั่ง แล้วได้เรื่องไรมั่ง มันยังอยู่ในห้องอยู่ไหม”
“ไม่แน่ใจว่ะ กูเผลอหลับไป”
“เจริญเลยมึง”
“ก็กูง่วงนี่หว่า มึงก็รู้กูชอบนอนกลางวัน”
“เห้ย ๆ ไอ้กาว แค่นี้ก่อนนะมึง มันเข้าห้องมาละ” รงคเพทบอกเพื่อนอย่างร้อนรนและรีบตัดสายไป เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องกำลังถูกไข เขารีบวิ่งเข้ามาด้านในและกลับไปนั่งยังโซฟาตัวเดิม
“ไปไหนมาวะ” รงคเพททำทีเป็นนั่งดูทีวีและหันไปถามคนที่กำลังถอดรองเท้าและเดินเข้ามาด้านใน
“ผมไปซื้ออะไรมากิน นี่มันบ่ายกว่าแล้ว ผมหิว” พูดพร้อมชูถุงหิ้วให้รงคเพทดู
“แล้วไม่บอกกูวะ หน้าที่กู”
“ก็นายหลับอยู่ ผมไม่อยากปลุก”
‘มาแนวไหนของมัน ปกติจิกเอาจิกเอานี่หว่า’
“ผมซื้อมาเผื่อด้วย มากินดิ” ประโยคที่ทำให้รงคเพทยิ่งขมวดคิ้วเข้าไปกันใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าสามารถปฎิเสธของฟรีได้ลง เดินมาช่วยตารกาแกะใส่จานอย่างสวยงาม
“โห น่ากินมากกกก กินละนะคร๊าบบบ” หน้าตาตื่นเต้นใหญ่ พร้อมประนมมือเข้าด้วยกัน เพราะของที่ตารกาซื้อมาเป็นอาหารเซทใหญ่ ต่างจากเวลาที่เขาซื้อมาให้ตารกา มักเป็นข้าวราดแกง หรืออาหารจานเดียวสุดแสนธรรมดา
“ทานละนะครับ” ตารกาก็ทำตามที่รงคเพททำเช่นกัน และเริ่มลงมือทาน การกระทำของตารกาทำเอารงคเพท งง เป็นไก่ตาแตกอีกครั้ง วันนี้มาแปลกตั้งแต่ออกไปหาซื้ออะไรมาละ
“มึงเป็นไรมากป่ะวะ” รงคเพทตัดสินใจถามออกไป เพราะเขาไม่ชอบเก็บอะไรไว้
“ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ไม่อร่อยเหรอ” พูดกันคนละเรื่องละ
“กูหมายถึงว่าอารมณ์ไหน ซื้อมาเยอะแยะ” ก็คนมัน งง จริงๆ
“วันนี้ผมอยากกินหน่ะ”
“แค่อยากกิน?” เป็นคำตอบที่ไม่น่าเชื่อถือนัก
“ใช่”
“ดี กูจัดละนะ กินไม่ทันอย่าโทษกู ฮ่าฮ่าฮ่า” หลังจากจบประโยคก็ไม่มีการสนทนากันอีกเลย รงคเพทกินเร็วและเยอะมาก ตารกากินไม่ทันอย่างที่เขาถูกขู่ไว้จริงๆ จนอาหารหมดลงเกือบทุกจาน
“เอริ๊กกกก… อิ่มสัด” เสียงเรอดังลั่น และคนที่จัดการอาหารตรงหน้าก็เริ่มนั่งพิงพนักเก้าอี้เป็นที่เรียบร้อย การกระทำที่ตารกาบ่นนักบ่นหนาว่ามันไม่สุภาพ ตอนนี้กลับทำให้เขายิ้มออกมานิดๆ
“ยิ้มไร” รงคเพททักเพราะเริ่มรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป แต่คนยิ้มก็ยังคงยิ้มอยู่ไม่ได้หุบหนีแต่อย่างใด
“อิ่มไหมนั่น กูบอกแล้ว กินไม่ทันกูหรอก” ภาคภูมิใจเหลือเกินกับการกินจุของตัวเอง ตารกาลุกขึ้นเขี่ยจานให้เศษอาหารมารวมกันอยู่ในจานเดียว และรงคเพทก็รวบรวมจานทั้งหมด เก็บไปไว้ในอ่างล้านจานเตรียมตัวล้าง
โจรถึกยืนล้านจานพร้อมร้องเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี ด้านตารกาเมื่ออิ่มท้องก็เปิดคอมพิวเตอร์ทำงานไปเรื่อย
“ไอ้ต้นตอง เย็นนี้กินไร เดี๋ยวกูไปซื้อไว้ให้” เสียงตะโกนของคนกำลังยืนล้างจานในห้องครัว
“ว่าไงนะ” คนหน้าขาวชะโงกหน้าออกจากคอมไปทางห้องครัว
“เย็นนี้แดกไร!! ” ตะโกนดังลั่น หากไม่ใช่คอนโดที่มีผนังแข็งแรงดังห้องตารกา เสียงทุ้มใหญ่ของคนหน้าโจรคงทะลุไปสามสี่ห้องก็เป็นได้
“เย็นนี้ไม่ต้องซื้อไว้นะ ผมออกไปข้างนอก”
“ไปไหนวะ” คนที่กำลังล้างส้อม เดินออกมาจากห้องครัว พร้อมส้อมและสก็อตไบท์ จ้องหน้าคนหน้าคอมอย่างไม่ละสายตา
“ดื่มกับเพื่อนนิดหน่อยนะ”
“กูไปด้วย” พูดแบบไม่ต้องคิด พูดไปแล้วก็อยากเอาส้อมในมือยัดปาดตัวเองจริงๆ ตารกาทำหน้างงๆ
“ผมไปกับเพื่อนผม”
“ไม่เป็นไร กูไปนั่งเฉยๆก็ได้ ไปกับโอมใช่ป่ะล่ะ” ไม่พูดเปล่า หน้าตาจริงจัง ขึงขัง หากใครมาเห็นคงนึกว่ากำลังเมายาแน่นอน
“อืม ไปกับโอม แต่ผมว่า..”
“ให้กูไปด้วยนะ กูอยากไป กูไม่ได้ออกไปไหนนานมากแล้ว” รงคเพทอยากไปเที่ยวด้วยจริงๆ เขารู้ว่าที่ๆตารกาจะไปคงไม่พ้นผับของโอม และอีกเหตุผลหนึ่งคือ ต้องคอยจับตามองตารกาไว้ไม่ให้คาดสายตาเด็ดขาด
“อืม แล้วแต่นายละกัน”
“เย้ !!! เยี่ยมมากไอ้ตองงงง ฮ่าฮ่าฮ่า ” พอเริ่มดีใจ บ้าก็เริ่มขึ้นอีกแล้ว บางทีรงคเพทอาจจะหัวเราะครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้
“เหอะๆ ” ตารกาคลุกคลีกับรงคเพทมาเกือบเดือนแล้ว เขาเห็นอารมณ์ขึ้นลงของคนหน้าโจรคนนี้เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ถึงจะบอกว่าเกลียดเขานักหนา แต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นอีกโหมดอยู่ดี
“กูไปละ เตรียมตัวก่อน” พูดแล้วมันตื่นเต้น รงคเพทรีบขอตัวกลับ
“ตอนเย็นเอาไง ให้ผมไปรับไหม”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูไปกับไอ้แก่คู่ใจ เครื่องแรงกว่าเดิม 10 เท่า ฮ่าฮ่าฮ่า” มอเตอร์ไซด์ของรงคเพทที่เอาไปซ่อมแล้วได้คืนมา สมน้ำสมเนื้อกับราคาเป็นอย่างยิ่ง มันสามารถเร่งได้เร็วกว่า หกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วตอนนี้ ไอ้พี่อู๊ดมันเทพดีจริงๆ เลยให้ทริปไปด้วย
“งั้นเจอกันทุ่มนะ” รงคเพททิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วรีบเดินออกห้องทันที
เมื่อมาถึงคอนโดตัวเอง รงคเพทก็รีบต่อต่อสายไปยังไอ้กาวและไอ้ยีน ให้คุยด้วยกัน
“ไงมึง มันเป็นไงบ้าง” ไอ้ยีน ถามทันทีที่รับสาย
“คืนนี้มันจะไปผับโอมว่ะ กูเลยขอตามไปด้วย”
“โอโห ไอ้เรียง มึงทำงานดีไปป่าววะ ขอไปเที่ยวกับมันด้วยเนี่ยนะ เดี๋ยวแม่งก็สงสัยตายห่า”
“กูว่าไม่ทันละไอ้กาว ไอ้ต้นตองคงมองออกตั้งนานแล้ว ว่าไอ้เรียงกำลังเฝ้ามันอยู่” เสียงไอ้ยีนจริงจัง มันพอมองออกว่าไอ้ต้นตองตาทิพย์หูทิพย์แค่ไหน เพียงแค่ไม่ตีตนไม่ก่อนไข้แค่นั้นเอง
“เออ จะรู้ไม่รู้ก็ชั่งมันเหอะ กูขอรู้อย่างเดียวพอ ว่ามันใช่รึเปล่า”
รงคเพพแต่งตัวหล่อสุดฤทธิ์ เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้นั่งโต๊ะเดียวกับตารกาอย่างเป็นทางการ เมื่อถึงเวลา ก็ออกจากคอนโดด้วยไอ้แก่มาจอดหน้าผับ ก็เจอกับเฟอร์รารี่คันงามของตารกาจอดอยู่ในที่เฉพาะเรียบร้อยแล้ว
“เป็นเพื่อนเจ้าของผับนี่ดีว่ะ มีที่จอดประจำตำแหน่งด้วย” บ่นอุบอิบอยู่คนเดียว วันนี้เขาใส่เสื้อสีแดงปกดำตัวที่คิดว่าดูดีที่สุด พร้อมทรงผมที่เซ็ทมาอย่างดี ด้วยเจลที่เขาทำใจอยู่นานกว่าจะยอมเสียเงินซื้อ ก่อนเข้าไปสอดส่อง ต้องโทรรายงานแนวหลังก่อน
“โหลๆ ไอ้ยีน กูอยู่หน้าผับแล้ว ”
“เออ สืบให้ได้นะมึง เอาตอนมันเมาๆ”
“กูรู้น่า แค่นี้นะ จะรายงานสถานการณ์ให้รู้เป็นระยะ” รงคเพทเดินเข้าไปด้านในแล้ว สายตาสอดส่องหาโต๊ะวีไอพีที่เขาเจอครั้งแรก ครั้งนั้นเขาพลาดสาวไปให้มัน ครั้งนี้เขาไม่ได้มาแย่งสาวกับมัน แต่มาสืบราชการลับต่างหาก
เรื่องมันเกิดมาเมื่อไม่กี่วัน หลังจากที่รงคเพทแทบไม่ได้ติดต่อกับพบรักเลย เช้านั้นเขาไปหาศรรามที่หอพัก และจะส่งน้องไปเรียน แต่ต้องไปส่งข้าวให้ตารกาเช่นกัน เขาจึงพาศรรามไปส่งข้าวด้วย แต่ให้รอด้านล่าง เมื่อออกจากคอนโดต้นตองเหมือนกับน้องชายสุดที่รักเกิดสภาวะนิ่งงัน จนไปส่งถึงมหาวิทยาลัย รงคเพทไม่ได้สังเกตว่าน้องเป็นอะไร
ผ่านมาหนึ่งวันรงคเพทก็ไปหาศรรามอีก จึงได้ทันสังเกตว่าน้องเริ่มซึมๆไปอีกแล้ว และได้รู้ความจริงว่า ศรรามมั่นใจว่า ที่ๆคนร้ายพาเขามา คือที่นี่แน่นอน เขาจำองค์ประกอบหลายๆอย่างได้ โดยเฉพาะคานที่จอดรถใต้คอนโด รงคเพทที่สงสัยตารกาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วย่อมไม่อยู่นิ่งแน่ เขาเอาเรื่องทั้งหมดไปปรึกษาเพื่อนๆและได้รับมอบหมายให้ตามติดชีวิตตารกา เพราะไอ้ยีนบอกคนทำความผิด มันไม่มีวันปิดมิดอย่างแน่นอน
“ไงเรียง นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” เสียงโอมเอ่ยทัก เมื่อรงคเพทเดินมาถึงโต๊ะวีไอพีที่สุดในร้าน และได้พบกับคนหน้าหล่อ ที่วันนี้แต่งตัวซะเต็มยศ ต่างไปจากทุกวันที่ได้เห็น ตารกาใส่เพียงเสื้อเชิ้ตสีฟ้าพับแขนธรรมดา แต่กลับดูดีซะจนเขาเริ่มหงุดหงิด
“หวัดดีโอม มาดิ เราไม่ได้มาเที่ยวนานมาก ตั้งแต่…” แล้วหันมามองอีกคนที่ไม่ได้มองเขาสักนิดตั้งแต่เดินเข้ามา
“ช่างเหอะ นั่งด้วยแล้วกันนะ”
“เชิญครับๆ ตามสบายเลยนะ ผมเลี้ยงแล้วกัน”
“เห้ย โอม ไม่ต้อง มาเลี้ยงอะไรเกรงใจๆ” ถามว่าในใจคิดอย่างนั้นหรือไม่ หลายๆคนคงเดาออก พูดไปงั้นเป็นมารยาท
“เอาเหอะเรียง วันนี้ผมเลี้ยงไอ้ตองมันด้วย”
“เป็นเพื่อนเจ้าของผับนี่ดีจริงๆ มาไม่ได้จ่ายตลอด”
“ป่าวหรอกครับ ปกติไอ้ตองมันก็จ่าย แต่วันนี้ผมฉลองให้มันเนื่องใน..”
“ไอ้โอม !! ลูกค้าวีไอพีมึงมานั่น ไปรับแขกซะหน่อยสิ” โอมไม่ทันได้พูดอะไรออกมา เสียงตารกาก็ตัดบทซะก่อน เมื่อโอมมองลงไปก็เห็น สาวแสนสวยที่โอมกำลังขายขนมจีบเดินเข้ามาในร้านจริงๆ
“เพื่อนตองง…เดี๋ยวกูมา เรียงคุยเป็นเพื่อนไอ้ตองไปก่อนนะ” โอมรีบเดินลงโพเดียมทันที
“โอมชอบผู้หญิงคนนั้นจริงๆเหรอ”
“……” ไม่มีเสียงตอบกลับจากตารกา สายตาของตารกายังคงมองลงไปด้านล่าง ไม่สนใจคนข้างๆเพียงคนเดียวสักนิด จำได้ว่าตั้งแต่เดินเข้ามา หางตาคนหล่อยังไม่เหลือบแลมาเลยสักนิด เป็นแบบนี้ทุกที รงคเพทไม่เข้าใจ
“มึงจะนั่งเงียบอีกนานไหม กูถามเนี่ย”
“……” ตารกาสุดหล่อหันมาและจ้องตากับรงคเพทอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันกลับไปยังที่เขามองตอนแรกเช่นเดิม โดยไม่มีอะไรหลุดจากปาก
“เออดี ไม่คุยก็ไม่ต้องคุยนะ”
‘วันนี้กูมาจับผิดมึงหรอกนะ ไม่งั้นอย่าหวังว่ากูจะมาเลย หรือว่ามันไม่พอใจที่กูขอมาด้วย’
“มึงไม่พอใจที่กูมาด้วยใช่ไหมล่ะ” ตารกาหันมาอีกครั้งและยังไม่พูดอะไร
“ไอ้ตุ๊ด มึงจะเงียบอีกนานไหม น่ารำคาญชิบหาย มีอะไรก็พูดดิวะ มองหน้าหาพ่อมึงอะไรนักหนา!!!” เงียบอยู่นาน มีเพียงการเหลือบมา แบบนี้มันอึดอัด ระเบิดออกมาเลยทีเดียว
“นายต่างหากที่ควรพูด มีอะไรอยากถามผมไหม” จึกกก คำพูดที่ปักกลางใจรงคเพทพอดีเด๊ะ
“กะ..กูไม่มีไร” ไม่ต้องหันมามองก็รู้ ว่ากำลังโกหก
“งั้นผมก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน” นิ่ง ยังคงนิ่งคุมเชิงเช่นเดิม ครั้งนี้รงคเพทเริ่มก่อกำแพงระหว่างตัวเองและคนรอบข้างอีกแล้ว เขากำลังจะเข้าสู่ภวังค์ส่วนตัว
“ถ้านายยังเห็นว่าข้อตกลงของเราสำคัญ ก็พูดออกมาเถอะ ผมไม่อยากบังคับให้นายพูดผมรู้ว่ามันจะทำให้นายรู้สึกแย่” ไม่รู้ทำไม แต่รงคเพทรู้สึกดีใจที่ตารกาพูดแบบนี้ มันดีกว่าที่คนๆนี้เอาแต่นั่งเงียบ และไม่มีเขาอยู่ในสายตา….เงียบไปอยู่สักพักรงคเพทจึงตัดสินใจพูด
“คนรู้จักกูคนนึง เค้าโดนพวกใจหมาลากไปทำเรื่องเหี้ย”
“นายสงสัยผม” ตารกาหันกลับมามองตรงๆพร้อมกับประโยคนั้น ประโยคที่รงคเพทอาจคิดไปเองว่ามันแสนจะแฝงไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ แววตาไหวระริกที่เขาไม่เคยเห็นจากคนๆนี้ มันทำให้คนหน้าโจรใจหายวูบ รู้สึกเริ่มหายใจไม่ออก เย็นตามมือตามเท้าอย่างหาสาเหตุไม่ได้ขึ้นมา
“คืออ กู กู …เฮ้อออ ใช่” เห็นตารกาเป็นแบบนั้นก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจ แต่เขาก็ไม่รู้จะโกหกอย่างไร ยิ่งเมื่อได้สบตากับคนๆนี้ คำลวงที่เคยพูดบ่อยๆก็พลันหายไปจากสมอง และเปิดความจริงออกมาอยู่ร่ำไป
“ทำไมนายถึงสงสัยผมหล่ะ” แม้จะเป็นคำถามราบเรียบเช่นปกติ แต่น้ำเสียงและบางสิ่ง บ่งบอกได้ชัดว่า คนๆนี้คงกำลังเดือดอยู่ข้างในแน่ๆ
“คนรู้จักกูเค้าจำคอนโดมึงได้” ไม่สามารถ ไม่สามารถแม้แต่น้อย พูดอะไรไม่ออก ไม่กล้าโกหก กลัวถูกจับได้อีก แล้วคนที่เงียบอยู่แล้ว จะเงียบใส่กว่านี้อีก ถึงตอนนั้นคงแย่ นี่กูเป็นอะไรไป
“เพราะเป็นคอนโดผม เลยนึกว่าเป็นผมเหรอ ผมนึกว่านายจะเข้าใจผมมากกว่าคนอื่นซะอีกนะ” ยิ่งได้ยิน ยิ่งรู้สึกตัวลีบเล็กลงเรื่อยๆ ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ไม่อยากให้ตารกาน้อยใจ แต่จะทำไงดี
“กู…” อึดอัด อึดอัดเหมือนหายใจไม่ออก ไม่ชอบแบบนี้เลย
ครืดดดดดดด…. บี๊ป บี๊ป ….. ครืดดดดดดดดดดด
โทรศัทพ์รุ่นพ่อที่อยู่ในกระเป่ากางเกงรงคเพทเกิดสั่นขึ้นมา เขาค่อยๆหยิบขึ้นมาดูหน้าจอ ความกดดันเมื่อครู่หายไปเล็กน้อยเมื่อหน้าจอเป็นชื่อเพื่อนจอมโฉดของเขา รงคเพทโชว์โทรศัพท์ให้ตารกาดูและเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร
“ไอ้กาว กูจะทำไงดี ไอ้ต้นตอง มัน มัน มัน กูจะทำได้ดีวะ มัน กู คือ กู ……” เมื่อออกมาด้านนอก ก็ใส่โทรศัพท์ทันที สมองมันรวน พูดอะไรออกมาบ้างก็ไม่รู้
“เห้ย เห้ย!! ไอ้เรียง ใจเย็นมึง เป็นเหี้ยไรเนี่ย”
“มันรู้ ไอ้ต้นตองมันรู้ ว่ากูสงสัยมัน”
“ไม่แปลกหรอกไอ้เรียง ไม่รู้สึแปลก มึงใจเย็นก่อน มึงบอกไรมันไปบ้าง” รงคเพทเล่าทั้งหมดให้ไอ้กาวฟัง เมื่อได้เล่าความกดดันก็เริ่มคลายลงบ้าง ไอ้กาวบอกให้เขาใจเย็นๆ ไม่ต้องพูดอะไร ให้ลุกจากโต๊ะหาสาวสักคน จะได้ไม่ต้องไปนั่งให้มันกดดัน
เมื่อกลับเข้าไปด้านในอีกครั้ง รงคเพทเดินกลับไปเติมแอลกอฮอล์ที่โต๊ะ โดยที่ไม่ได้มองหน้าตารกาแม้แต่นิด แล้วรีบเดินลงไปหาผู้โชคดี มาช่วยบรรเทาสถานะการณ์เลวร้ายนี้
ไม่นานคนหล่อก็ได้รับสายตาเชิญชวนจากสาวสวยในชุดเดรสสีดำที่สั้นเพียงคืบเดียว ทั้งคู่เต้นด้วยกันอยู่กลางฟอร์ สายตาเขายังคงเหลือบขึ้นไปยังที่ตารกานั่งเป็นพักๆ เหลือบขึ้นไปบ่อยจนโดนสาวที่กำลังซบอกถามหลายครั้ง และครั้งนี้ที่เงยขึ้นไปกลับพบว่าที่ๆตารกานั่งตอนนี้มีสาวสวยรูปร่างอวบ หมวย ขาวกำลังนั่งอยู่ข้างๆ
ทั้งคู่คุยกันอยู่ ดูท่าว่าจะสนุกสนานน่าดู รงคเพทเมื่อเห็นเช่นกัน ก็เริ่มรู้สึกอะไรบางอย่าง เขาอยากเดินกลับขึ้นไปที่เดินซะแล้ว ได้แต่บอกตัวเองว่าอย่าไปสนใจๆ เหลือบขึ้นไปอีกครั้ง ครั้งนี้หน้าทั้งคู่อยู่ใกล้กันแค่ปลายจมูก นั่งชิดจนแทบนั่งตัก รงคเพทลอบด่าผู้หญิงคนนั้นในใจอยู่หลายครั้ง แล้วก็มาคิดได้ว่านี่กูเป็นอะไร
รอบล่าสุดสาวเจ้าออกตัวแรงขึ้นไปนั่งบนตักตารกาจริงๆและซบหน้าลงกับอก ตารกาเองก็ลูบผมดำสนิทนั้นอย่างเบามือ รอยยิ้มที่ถูกเติมบนใบหน้าหล่อเหลานั้น ทำเอารงคเพทแทบปรี๊ดแตก แล้วก็กลับมาหายใจลึกๆ บอกตัวเองตั้งสติๆ
ไม่นานทั้งคู่ก็เดินลงมาและเดินไปที่ประตูทางออกพร้อมกัน ตารกาเดินมาทางที่รงคเพทกำลังยืนอยู่กับสาวสวยชุดดำโดยให้ผู้หญิงอีกคนของตารกายืนรอที่ริมประตู ตารกาเดินมาถึงที่รงคเพทยืน ทั้งคู่มองกันอยู่สักพักตารกาก็เดินเข้ามากระซิบ
“คืนนี้ผมขออาหารรอบดึก เตรียมไว้ให้ด้วย เสร็จธุระแล้วผมจะกลับไปกิน” พูดเพียงเท่านั้นแล้วก็เดินกลับไปโอบเอวสาวหมวยออกจากผับไป รงคเพทที่ไม่สนุกตั้งแต่แรกแล้วกลับไม่สนุกเข้าไปใหญ่ เขาไม่เคยมาเที่ยวผับแล้วรู้สึกห่อเหี่ยวเท่าวันนี้มาก่อนเลย
ตารกาเดินออกไปได้สักพัก รงคเพทก็ตามออกมาทันที และก็พบว่าเฟอร์รารี่คันงามที่เขายังไม่เคยนั่งสักครั้ง ขับหายไปแล้ว ยืนอยู่หน้าร้านสักพัก รงคเพทก็ได้พบใครบางคนที่เขาไม่คิดว่าจะมาเที่ยวสถานที่แบบนี้เพียงลำพัง
“พบ !” พบรักที่แสนน่ารักมาเที่ยวที่แบบนี้ด้วยเหรอ ไม่น่าเป็นไปได้
“หวัดดีเรียง ไม่ได้คุยกันนานเลย” พบรักที่แสนน่ารักของเขาวันนี้ทำไมดูแปลกไป ไม่มีแว่นตาอันโต เสื้อผ้าและทรงผม ไม่ต่างอะไรกับเพล์บอยสักนิด ยิ่งหน้าตาแบบพบรักแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะฮอตเพียงใด
“พบมาได้ไง”
“ยีนบอกผม ว่าวันนี้เรียงจะมาที่นี่กับต้นตอง”
“ขอโทษนะพบ ที่เราไม่ได้บอกพบเลย”
“ไม่เป็นไรเรียง มีเรื่องอะไรยีนก็เล่าให้ผมฟังหมดแหล่ะครับ ผมเป็นห่วงเรียงเลยแอบตามมา” พบรักยังคงยิ้มเช่นเคย แต่รอยยิ้มที่รงคเพทเห็นวันนี้ มันช่างน่ากลัว รัศมีความสดใสที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวพบรักหายไป รงคเพทสัมผัสได้
“ขอบใจนะพบ ที่เป็นห่วงเรา”
“แล้วต้นตองไปไหนแล้วครับ”
“กลับไปแล้วหล่ะ เราก็กำลังจะกลับ”
“กลับด้วยกันไหมเรียง” ถ้าเป็นปกติของพบรัก รงคเพทคงไม่มีวันปฎิเสธที่จะกลับด้วย แต่วันนี้พบรักดูน่ากลัวเหลือเกิน ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขากลับสงสารพบรักจับใจ เขาเป็นคนทำลายความสดใสนั้นรึเปล่านะ
รงคเพทรู้สึกสงสารคนๆนี้เหลือเกิน เขาเดินเข้าไปจับมือพบรักและกล่าวคำขอโทษด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดสุดหัวใจ
“พบ เราขอโทษ เราทำให้พบเสียใจรึเปล่า” พบรักที่เปล่งรัศมีน่ากลัวเมื่อครู่ เมื่อได้เห็นแววตาและน้ำเสียงเจ็บปวดของรงคเพทแววตาก็เปลี่ยนไป เขากระชับมือที่ถูกจับและเขย่าเบาๆ พร้อมรอยยิ้ม
“ขอโทษผมทำไมเล่า อย่าคิดมากนะ ให้ผมไปส่งเหอะ เรื่องอื่นค่อยไว้คุยกัน” พบรักที่แสนน่ารัก คนที่คอยเคียงข้าง บัดนี้กลับมาให้ความรู้สึกคล้ายๆเดิมอีกครั้ง แต่ส่วนลึกของรงคเพทก็ยังคงบอกอยู่ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ใช่พบรักที่แสนน่ารักของเขา
“เดี๋ยวเราต้องไปหาอะไรรอบดึกให้ไอ้ต้นตองกินก่อน” แม้จะบอกไปอย่างนั้นแต่พบรักก็ยังคงอาสาไปส่งอยู่ดี จนรงคเพทใจอ่อน รงคเพทแวะซื้อโจ๊ะแถวๆผับให้ตารกา พบรักไปส่งรงคเพทที่คอนโดตารกา เมื่อรถจอด
“พบ กลับก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวเราหาทางกลับเอง เกรงใจพบอ่ะ”
“แค่ซื้อมาให้ไม่ใช่เหรอเรียง รีบเอาไปให้แล้วลงมาสิ”
“แต่เราว่า พบ”
“ไม่ต้องแต่ ยังไงผมก็จะคอยอยู่ตรงนี้แหล่ะ”
“โอเค เดี๋ยวเรามา แปปเดียว” รงคเพทเปิดประตูลงจากรถ เดินออกไปได้สองสามเก้า พบรักก็เปิดประตูออกตามมา ยังไม่ทันที่จะถามว่าลงมาทำไม ก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น พบรักเดินมาตรงหน้าเขาและล็อคคอจูบรงคเพทตรงนั้นทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว รงคเพทพยายามดันพบรักออก แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าพบรักเห็นแบบนี้แต่แข็งแรงมาก
ถูกบดริมฝีปากอยู่สักพัก รงคเพทก็เริ่มไม่ขัดขืนและจูบตอบเป็นที่เรียบร้อย เขาเคยแอบจูบปากนี้มาก่อน รู้ดีว่ามันแสนจะนุ่มนิ่มและน่าสัมผัสมากแค่ไหน ผ่านไปไม่นาน ทั้งคู่ก็ผละออกจากกัน กลับเป็นรงคเพทที่ไม่ยอมปล่อยพบรักเสียเอง
พบรักที่เหมือนจะเริ่มรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ขอโทษรงคเพทเป็นอันยกใหญ่
“เรียง ผมขอโทษ ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผม ผมรักเรียงนะ ฮือออ” เป็นพบรักเสียเองที่ร้องไห้ออกมาซะอย่างนั้น พบรักที่กำลังร้องไห้ ขอโทษขอโพย ให้ความรู้สึกว่าพบรักคนเดินกลับมาแล้ว เห็นแบบนี้แทนที่จะโกรธ รงคเพทกลับดีใจที่พบรักดาร์กโหมดหายไปแล้ว
“พบไม่ต้องของโทษเรา เราต่างหากที่ต้องขอโทษที่เป็นคนโลเล แต่พูดตรงตรง ….คือเราไม่รู้ว่าเรารู้สึกกับพบแค่ไหน เราไม่อยากทำให้พบเสียใจ” ไม่อยากพูดแต่ก็ต้องพูด ไม่อย่างนั้นก็ไม่เข้าใจกันสักที
“ไม่เป็นไรเรียง อึกก ผมรอนะ ผมจะรอ จนเรียงแน่ใจ ฮืออออ” พบรักผู้น่าสงสาร ถูกรงคเพทเดินเข้าไปกอดปลอบใจ ยืนกอดกันอยู่อย่างนั้นสักพัก รงคเพทก็ให้พบรักรอข้างล่าง
“เดี๋ยวเรามานะพบ แปปเดียว”
“ครับ” พูดไปพร้อมเช็ดน้ำตาป้อยๆอย่างน่าสงสาร รงคเพทเพียงยิ้มให้อย่างเอ็นดูแล้วเดินขึ้นตึกไป
ขึ้นมาจนถึงห้องตารกาเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีแสงไฟลอดออกจากมาห้อง ตารกายังไม่กลับมาหรอก จะแอบหวังอะไรนะรงคเพท หวังให้เขาไม่ไปกับผู้หญิงคนนั้นอย่างนั้นหรือ บ้าไปแล้ว
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าห้องมืดจริงๆ รงคเพทค่อยๆเดินคลำไปยังสวิตซ์ไฟ เมื่อไฟสว่างขึ้นก็พบกับเจ้าของห้องที่ขณะนี้กำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวโปรดของเขา หน้าตาไม่ได้บ่งบอกอารมณ์อะไร แต่สายตากำลังจับจ้องมาที่…เหยื่อ
………………………………………………………………………………………..
หยึยยยยย ไม่ใช่นิยายน่ากลัวนะคะ มันเป็นดาร์กปนดราม่านะ ไม่หลอนนะคะ ไม่หลอนน
ขอบคุณคอมเมนต์นะคะ ช่วยลุ้นกันต่อไปนะคะ ตอนต่อไปจะได้รู้แล้วน้า ใครอยู่ตำแหน่งไหน อิอิ ^^