จิระxจิระ
ตอน 16 ปิ๊กบ้านเฮา
รายงานสถานภาพ ณ เวลาปัจจุบันคือโจ๊กเดี้ยงครับ
การเจ็บป่วยครั้งนี้บังเกิดบัตเตอร์ฟลายเอฟเฟคคร่าวๆ ว่า...
- จิระได้หลีคุณพยาบาลรุ่นป้าเต็มที่
(หนีจากโรงพยาบาลของรัฐมาเจอเอกชนนึกว่าจะแน่ แต่เซมๆ ขอบอก)
- ฟ้าลิขิตให้ฝรั่งหัวแดงขาหายดีเดินได้วิ่งได้แต่ผมเป๋ห่าวแทน
โชคชะตาสลับกัน เจ๊หัวเราะขำพร้อมสมน้ำหน้ายกใหญ่
เข้าตัวคราวนี้จะได้รู้ฤทธิ์เสียบ้าง
ส่วนเฮียตีหน้านิ่งพูดว่า “ก็ดีแล้ว”
- พ่อมดแปลงร่างเป็นพระเอกจำเป็นหรือเต็มใจมิทราบ
เนื่องจากมาเฝ้าไข้ทุกวัน ย้ำว่าทุกวันไม่ขาด
ห้องที่บ้านคงหยากไย่เต็มล่ะป่านนี้
หลังเลิกเรียนจะขับรถยนต์ไปรับเจ๊มาหา
ก่อนปล่อยคุณผู้หญิงกลับเอง ตัวมันนั่งเล่นคอมพิวเตอร์
จับคอร์ดเกาอาคูเลเล่ สลับกับอ่านหรือติวหนังสือให้ผม
จากนั้นคือนอนด้วยกันเหมือนเดิม
แต่ดีหน่อยที่ยอมแยกไปโซฟาใกล้ๆ พูดจาน่าถีบมาก ว่า...
“กลัวทำแขนหักอีกข้าง” ใจดีเนาะว่าไหม
อาชีพหลักคือออเซาะกอดหอมแก้มกู
สัมผัสเนื้อตัวทุกตรงที่สามารถนัวเนียได้
อันนี้ตื่นเต้นฉิบ ขอไม่เล่าเนื่องจากกลัวคุณพยาบาลจะน้ำตาลวายในเลือดพุ่ง
แต่เอ๊ะ ข้าน้อยสมยอมกับปีศาจซากุระหงิตอนไหน โจ๊กงง
เอาเป็นว่าทุกส่วนของผมล้วนผ่านนิ้วมือชายผู้นั้นหมดล่ะ
ช่วงโปรโมชั่นลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์สุดคุ้ม
ผมนอนแซ่วอยู่โรงพยาบาลเอกชนสิริรวม 13 วัน
ก่อนหมอจะอนุญาตให้กลับบ้านได้
ใจจริงอยากกลับเร็วกว่านั้นแต่ฝรั่งขู่ไว้
จึงหน้าด้านอยู่ต่อจนข้อเท้าพลิกหายเป็นปลิดทิ้ง
นั่งๆ นอนดูทีวี อัพเฟซจนเบื่อถึงอ้อนเจ๊ว่า กลับบ้านเฮาเต๊อะ
แอบกลัวเปลืองค่าหมอ (ซึ่งได้ข่าวว่าฟรีหรือราคาพิเศษทำนองนั้น)
อ้อ จิระมีบล็อกไดอารี่แล้วครับ ‘JIRA’s FOTO’
เหตุจากจิ๊กมือถือท่านอัศวินแดงเล่นเกมแล้วถ่ายรูปเล่นๆ
ท่านพ่อมดบอกสวยดีจึงสร้างเว็บไซด์ให้โจ๊กอัพเป็นเรื่องเป็นราว
ฝีมือการถ่ายสกิลเทพแบบที่คุณไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ยกนิ้วให้แน่ๆ รับรอง
(^D^) อวดๆๆๆ
....
.....
ช่วงเลิกเรียนพอดี ลงจากรถเล็กซัสสีดำหรู (ของใครไม่รู้) ก็โดน...
“ไงสหาย ต้องให้อุ้มอีกเหรอ วันก่อนกูไปเห็นวิ่งปร๋อ ไหนว่าหายแล้ว ซุ่มซ่ามอีกรอบเหรอวะ”
ตองชุดนักเรียนยิ้มทัก กุลีกุจอช่วยยกของเข้าบ้าน
สองน้าเดินเลยเข้าบ้านเล็กไปก่อนแล้ว
คงเห็นเพื่อนรออยู่เต็มจึงเปิดโอกาสให้โจ๊กโกยคะแนนตีตื้นเต็มที่
“โจ๊กดีขึ้นหรือยัง บนโต๊ะมีชีทข้อสอบเก่า ในสมุดคือที่เรียนวันนี้กับเมื่อวานนะครับเจฟฟรี่” ปิงคอยเสิร์ฟวิชาการ
ไม่ยื่นให้ผมแต่บอกผ่านติวเตอร์ร่างยักษ์แทน
ท่าทางตี๋น้อยกลอยใจจะต้องมนต์พ่อมดอีกคน
ปิงเขินคนหล่อบิดเป็นเกลียวเชียว
คู่นั้นจะอายแทนโจ๊กที่ถูกอุ้มหรือก็หาไม่
ผมเขินจนก้มดมน้ำหอมที่คองุดไม่กล้าสบตาเพื่อน
เอ๊ะ! ขาก็เดินได้ทำไมตูยังปล่อยให้มันอุ้มหว่า
เกมแคนดี้ในแท็บเลตแท้ๆ เชียว
(=0=) โทษทีเค้าเพิ่งรู้ตัว
“หยุดต่อเลยโจ๊ก รอสอบอาทิตย์หน้าโน้นทีเดียว อาจารย์ไม่ว่าหรอก” ทอฟฟี่ ไม่ตกใจท่าล่อแหลมของผมเช่นกัน
“โจ๊กของเยี่ยมจ้า” แคทยิ้มกว้าง
“แม่ฝากมาให้ หายเร็วๆ นะ” ไก๋ยื่นรังนกพร้อมยิ้มแบบมีเลศนัยเต็มเปี่ยม อิ๊อ๊ะสุมหัวสองสาว
สามคน TCK ไปเยี่ยมผมที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่อพยพกลับมาบางกอก
เพิ่งเห็นอีกครั้งวันนี้ ท่าทางจะอ่านหนังสือเตรียมสอบกันโฮก
...
และคนที่ไม่คิดว่าจะเจอ...
“ไงมึง ดีขึ้นแล้วซิ” เด้มดีดตัวจากผนังข้างหลังทอฟฟี่
เพิ่งสังเกตเห็นรอยประดับลำคอธีรวิชกระจาย เสื้อคอเต่าเอาไม่อยู่
“เดินได้แน่เหรอโจ๊ก” อาร์มกับเพื่อนและก๊วนทีมฟุตบอลกลุ่มผมราว 6-7 คนเตร่อยู่หน้าบ้านมีจังหวะแวะเข้ามาบ้าง
เด้มกับอาร์มเสไม่มองหน้ากันซะงั้น
ดีแฮะ อย่างน้อยก็เลี่ยงไม่เห็นบ้านข้าพเจ้าเป็นสังเวียน
และอีก 3-4 คนตามเข้ามาร่วมแจม...
“โจ๊กกลับมาแล้วเหรอ นุ้กว่าจะไปเยี่ยมแล้วแต่วันนั้นทอฟฟี่ออกไปก่อนเลยไม่ได้ไปด้วย ขอโทษนะ นี่ขนมจ๊ะ”
“หายเร็วๆ ล่ะโจ๊ก” นุ้กกับนางข้าหลวงห้องเดียวกับทอฟฟี่
“ขอบคุณครับ”
ผมถูกหย่อนให้นั่งลงเก้าอี้โต๊ะกินข้าวที่นั่งประจำ
ผิดครั้งนี้กลายเป็นฝ่ายยกเท้าพาดหลังเบาะอีกตัวเสียเอง
หายแล้วแต่แกล้งไปงั้น กลบอาการเขินถูกอุ้มเมื่อครู่
v
v
v
“เอารถไปเปลี่ยนกับเพื่อน เดี๋ยวมา...จุ๊บ”
v
v
v
หัวแดงกดระเบิดพลีชีพชนิดเฉียบพลันทันใด
แล้วมูนวอล์กท่าโมเดลเท่เซอร์แบบสโลโมชั่นผ่านหน้าทุกคนอย่างช้าๆ ทิ้งให้ที่เหลือ...
“...(0-0)...”
“...(0o0)...”
“โอ้ว้าว!”
“อุกรีสสสส อกอีแป้นจะแตก!”
“แก๊! แกเห็นอย่างที่ฉันเห็นมั้ยอีนุ๊ก!”
“เจฟฟรี่จุ๊บปากโจ๊กด้วยอะตัวใหญ่!” แค่มุมปากหนูปิง แก้ข่าวด่วน
“หึหึ” ตองกลั้นหัวร่อสุดฤทธิ์
“555” ไอ้เลวเด้มดังก้องไม่กั๊ก
“...(=”=)...”
จิระงับโต๊ะมิได้ คนบ่ใช่ปลวกจึงนั่งนิ่งตีหน้าตายลูกเดียว
“โจ๊ก! มึงกับไอ้เหี้ยนี่มัน---!” อาร์มตะโกนลั่น
“โจ๊กกับเจฟฟรี่---!” นุ้กตกใจตาโตเท่าไข่ห่าน
“นุ้ก! จะไปไหนตัวเธอ!”
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก อาร์ม เพื่อนอาร์ม
นุ้ก เพื่อนนางงามของนุ้กวาร์ปหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เดธแอร์ชั่วครู่...
“เอ้อโจ๊ก เรื่องทุนไม่ต้องคิดมากนะ อาจารย์ฝากมาบอกว่าแกดึงไว้ให้อยู่สบายใจได้ เอาเรื่องสอบให้จบก่อน”
“หายเร็วๆ นะเว้ย มีอะไรก็บอกพวกกูได้ เรื่องนี้ไม่ถือจะเกย์ตุ๊ดยังไงมึงเพื่อนกู เจอกันที่สนาม ไปล่ะ” ทีมนักเตะยิ้มๆ ทยอยกลับบ้าง
“เออ ใจมากเว้ย” ผมตลกไม่ออกแต่ซึ้งใจ
...
เด้มแกะชิ้นเค้กของนุ้กจ้วงกินอย่างไม่เกรงใจ
ทอฟฟี่ฟาดเผียะเข้าให้จนเด้มร้องโอ๊ยแต่สติลมูมมามต่อเฉย
บ่นอุบว่าหิวข้าวไม่ได้ทานตั้งแต่เที่ยง
“เมียกูแม่งอยากแดกส้มตำ กูก็คอยไง เลิกเรียนแทนที่จะรีบไปก็ดันรอเพื่อนเดี้ยงกลับมาอีก เห็นใจกันไหม เมียหรือแม่เนี่ย” เด้มบ่น
“ไอ้เลวเด้ม ใครเมียมึง!”/ (‘เพียะ!’)
“โอ๊ย!”
ออกตัวแรงจริงคุณสามีและภริยา
“เฮ้ยๆ ผัวเมียคู่นั้น ส้มตำไก่ย่างหน้านานาชาติเปิดใหม่ไปลองยัง ตำไทยอย่างแซบ ข้างๆ มีร้านเค้กเนยสดด้วย รีบพามันไปประเดี๋ยวของเยี่ยมกูจะหมดซะก่อน” ผมหย่าศึก ดีใจที่ไม่มีใครใส่ใจจุ๊บจรวดเมื่อครู่
TCK+1 ทอฟฟี่ แคท ไก๋และเด้มถึงลาโรง
พอดีกับเพื่อนในห้องผมกับน้องๆ พวกที่ฝากจอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้หลังบ้าน
เฮโลเข้ามาอีกระลอก ไม่เหงาครับรับแขกจนเมื่อย
...
...
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็มีรถยนต์หน้าตาประหลาดมาจอดหน้าบ้าน
“Come on!” คนขับสุดเท่กวักมือเรียก
“เฮ้ย! โฟล์คตู้ สีเขียวด้วย!” ผมตื่นเต้น
“เดี๋ยวมานะคร้าบ!” โชเฟอร์หัวแดงร้องบอกผู้ปกครอง
เจ๊ เฮียน้าจอม ตา ลุงป้าน้าอาคนรู้จักแถวบ้านและพี่ๆ มอเตอร์ไซค์วินสนิทๆ ที่แวะเข้ามาคุยถามข่าวผม
“รถใครวะ ได้มาไง เลกซัสเมื่อกี้ไปไหน?” โจ๊กปีนขึ้นนั่งลั้ลลาเป็นตุ๊กตาหน้ารถอย่างไว เก่าแต่เก๋ากว่าเห็นๆ
“ฮะฮ่า ไปเดทกัน 555” นั่นคือคำตอบ
มือใหญ่หมุนโวลุ่มเปิดวิทยุดังลั่น
[อยากโดนเป็นเจ้าของ : ศิลปิน ไอซ์ ศรัณยู]
‘~ซ้ายก็มีคนจอง ขวาก็จูงมือกัน
ฉันก็ยังต้องว่างเปล่าเหมือนเดิม
ร้างมานานเกินไป คนนั้นจะเป็นใคร...ฟ้าไม่มีเวลาตอบฉันเลย
อยากเป็นคนมีเจ้าของเต็มที หาเป็นปี
แต่จะเป็นใครกันดี เธอหรือเปล่า
ที่มาพอดีกับใจ กับรักที่มันมีเพียงแค่คำเดียว
...ที่รอจะใช้กันสองคน~’
...
15 นาทีเท่านั้นเราก็มาถึงที่หมาย
โรงเรียนนานาชาติท้ายซอยนั่นเอง โธ่ๆ อุตส่าห์นึกว่าไปไกลข้ามประเทศ
(ถ้าบิดมาจะแค่ 5 นาที รถบุโรทั่งมาก ; จุ๊ๆ นินทาในใจ)
“ที่นี่เนี่ยนะ นึกว่าจะไปทะเล เขาใหญ่อะไรงี้” ผมขำ
“ไว้วันหลัง แต่งเครื่องดีๆ ถึงจะพาไป” ยักคิ้วดิกๆ กวนโอ้ย
“นี่ยังไม่เสร็จอีกเหรอ”
“ยัง ว่าจะวางเครื่องใหม่ ใส่แลคข้างบนจ๊าบๆ เปลี่ยนไฟท้าย เพ้นท์ตรงนั้นด้วย แล้วก็...”
หลายครับ เล่าฉอดๆ ฝรั่งเพ้อเป็นตุเป็นตะ
ศัพท์เทคนิครถยนต์เป็นกระตั๊กบวกแววตาตื่นเต้นเป็นเด็กๆ
ผมเห็นเป็นครั้งที่ 2 ได้ ครั้งแรกคือห้องซ้อมไข่ไก่แล้วเสร็จ
พ่อมดจับเฟนเดอร์โซโล่ก่อนคุยโม้เรื่องกีตาร์ แนวเพลง ศิลปินนักร้องนักดนตรีอีกพะเรอ
เล่าว่าได้คันนี้เมื่อหลายวันแล้ว เอาไปจอดไว้บ้านตัวเองก่อน
ด้วยใช้รถยนต์ที่เพื่อนให้ยืมจะสะดวกเดินทางไปโรงพยาบาลมากกว่า
หาเงินซื้อเองจากรับจ๊อบทำงานกับเกลอคนดังกล่าว
(ไม่ยอมบอกว่าประสานมือเล่นหุ้นกับสหายเหยี่ยวครับ
ประมาณปีกว่าๆ ต่อมาถึงทราบความจริงจากการถอยรถสปอร์ตสีส้มมาโฉบให้ผมเป็นตุ๊กตาหน้ารถอีกคัน; โจ๊กเอง)
...
กอดอกพูดเรียบๆ หากแววตาวิบวับตื่นเต้นเป็นเด็กๆ ปิดไม่มิด
รอยยิ้มกว้างบวกท่าทียียวนจนล้นนั่นอีก
(^.^) เด็กน้อยเหมือนกันนะเจ้าโย่งคนนี้
“สรุปรับจ๊อบกับเพื่อนแล้วตังค์เยอะจัดเลยซื้อเจ้าเศษเหล็กนี่”
“NO! ตั้งใจเลยล่ะ เล็งไว้นานแล้ว มันก็ซื้ออีกคันแข่งกัน นั่นเพิ่งได้วันนี้ เอาป้ายแดงไปอวดที่บ้านเลยขับตามกันมา ยอดไหม”
“อีกคันไหน มันที่ว่าคือใคร?” คิดถึงบอยแบนด์ แบ๊คสตรีทบอยชุดขาว หนึ่งในนั้นแน่ๆ เชื่อขนมกินได้
“เหยี่ยว ปอร์เช่คาเยนน์” ตูว่าแล้ว ไอ้นกกระจิบตัวกวน
“โอ้ คาเยนน์กับโฟลค์ตู้พระเจ้าเหารุ่นปลูกสาระแหน่ โคตรจะเข้ากั๊นเข้ากัน”
“555 ก็ชอบ”
...
...
เรานั่งม้าหินชื่นชมรถยนต์รุ่นปู่ทวด ณ อาณาบริเวณโรงเรียนหรู
ไม่ได้เข้าทางประตูใหญ่ตามธรรมเนียมนิยม
ชะแว๊บเข้าประตูเล็กมาพบสวนหย่อมน้อยๆ มีรูปปั้นสไตล์เทวรูปกรีกสีขาวเด่นสง่า
ผมเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง...
วันนั้นกำหนดฌาปนกิจศพยาย
ขบวนแห่เริ่มต้นเดินรอบเมรุผมสติแตกคว้ามอเตอร์ไซค์แว้นมาหยุดที่นี่
กอดเข่านั่งร้องไห้ซุกตัวอยู่ในดงพุ่มไม้เขียวขจีเพียงลำพัง
พักใหญ่ถึงมีแมวร้องเหมียวๆ มุดลอดต้นไม้มาคลอเคลียถึงหัวเราะออก
นามจารึกที่ฐานรูปปั้นยังจำติดตา...
“เพลโตนุส...” ละเมอความทรงจำเก่าเก็บ
“การ์เดี้ยน...” เขาเอ่ยตาม สายตาเราทั้งคู่ทอดมอง ณ จุดๆ เดียวกัน
“หือ?”
“รูปปั้นชื่อเพลโตนุสถูกแล้ว ที่นี่เราเรียกเล่นๆ ว่าการ์เดี้ยน เทพผู้พิทักษ์รักษา คอยติดปลาสเตอร์ปิดแผลให้เด็ก หึหึ”
“ท่าจะจริงแฮะ”
สมกับที่ตั้งอยู่หน้าห้องพยาบาล
ทว่าไม่คิดสงสัยหรือแปลกใจที่ผมรู้เรื่องราวภายในของโรงเรียนสักนิดเดียว
คงกำลังเห่อรถใหม่ชัวร์
“ให้มันชื่ออะไรดี เหมือนเดอะ มีสเทอรี่ แมชชีน ในสคูบี้ดูเลยว่าไหม” คิดไว้ไม่ผิด บ้ารถยนต์จุงเบย
“งั้นก็ชื่อนั้นเลยซิ” ผม
“น่า ช่วยคิดหน่อย”
“แช็คกี้ไง พ่อสคูบี้ แล้วเลี้ยงหมาตัวใหญ่ๆ ให้มันโผล่หน้าออกไปเห่าคนเล่น เจ๋งดีออก” โจ๊กไอเดียบรรเจิด
“อืม...โอเคแช็คกี้ เอาสีเขียวไว้เหมือนเดิมไม่ต้องเปลี่ยน”
“โห ถ้าบอกชื่อสคูบี้ดูคือจะทำสีใหม่งั้นเหรอ”
“แน่นอน”
“แม่เจ้า...!” เชื่อเขาเลย
“555” เจ้าของรถชอบใจใหญ่
ผมยิ้มกว้างขำตามไม่รู้ตัว เปิดใจให้เข้ามาครอบครองเต็มที่ว่าง
ฟังว่าต้นตำรับในการ์ตูนจริงๆ ไม่ใช่รถโฟล์คแต่ซื้อมาเพราะความชอบส่วนตัวล้วนๆ
สรุปมึงชอบรถยี่ห้อนี้และสุนัขสายพันธุ์ใหญ่นั่นเองว่าง่ายๆ
...
“จะเลี้ยงลาบราดอร์ ไม่เอาเกรทเดน สีเยลโล่เพลกับดาร์กช็อกโก้สองตัว ปล่อยให้มันหยอกกันอยู่เบาะหลัง เรานั่งหน้าสองคนนะ”
“เออ ตามสบายเถอะ”
ถ้าไม่ถึงมือผมดูแลเองเป็นพอ
พวกสมุนหน้าบ้านก็เจ๊ที่คอยให้ข้าวให้น้ำ
ปากบอกไม่รักหมาแต่เวลาร้องเอ๋งๆ ขึ้นมาคือเจ๊จะใช้เฮียอุ้มไปส่งถึงมือสัตวแพทย์นะครับมิใช่กากๆ
“give me kisses” จุ๊บหัวเหม่งย้ำๆ ซ้ำๆ จนเปื้อนน้ำลาย
“ตลอดล่ะ เป็นอะไรกับหน้าผากกูนักหนาวะ เอะอะตบจูบทุกที”
“ชอบ”
“ครับผม ดีครับท่าน” ผมเมาจูบตาลอย
“อ้อ ในวาระที่เรามีแช็คกี้ มีนี่ให้จิระของผมด้วย ทะดา!”
เข้าไปล้วงกุกกักในรถก่อนถุงกระดาษตราห้างดังยังมีเทปติดแน่นจะถูกยื่นให้
“อะไร?” ตื่นเต้นนะนี่ แม้ไม่มีโบหรือกระดาษห่อของขวัญก็ตามที
“เปิดซิ เปิดเลยเร็วๆ”
“อะไรเล่า” โจ๊กขำขัน ดีใจเป็นเด็กๆ ไปได้ ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายรับ...ก่อนจะ “โอ้ว้าว! อะไรวะ?”
“นี่ไง ใส่ฟิลม์ตรงนี้ แพ็กนึง 10 ใบ ขนาดโปสการ์ดเชียวนะ” คนซื้อมาพรีเซนต์เต็มกำลัง
“กล้องโพลารอยด์?” เคยรู้จักแต่ไม่คิดว่าจะมีบุญถืออยู่ในมือ
“อือหึ ชอบไหม”
“ก็โอเคหยวนๆ ใช้ยังไง” ตอบไม่ยี่หระแต่นัยน์ตาแวววาวปิดไม่มิด โจ๊กไม่ได้เห่อจริงๆ
ซานตาครอสผมแดงหัวเราะก้องดึงไปกดเสียเอง
รูปผมยิ้มกว้างแก้มปริสุดบรรยาย...คือภาพแรก
สนุกดี ชอบตอนลื่นปรื๊ดออกมาสะบัดๆ ให้ภาพปรากฏ
เวทมนต์ทางวิทยาศาสตร์ชัดๆ ถูกใจโจ๊กชะมัด
v
v
“Selfie! smile!”
รูปต่อมาคือใบหน้าเราสองแนบชิด ขโมยจุ๊บแก้มผมด้วยอีกใบเป็นของแถม
เปื่อยหมดล่ะ ใครว่างบอกเสาไฟฟ้าให้เพลาๆ หน่อยเถอะ
v
v
‘Roarrrrrrr!’
รูปชุดสิงโตร้องคำรามเบ่งกล้ามปูทำท่าตลกหน้าเจ้าแช็คกี้ (เปิดไฟหน้าส่องเต็มที่)
ผมขำก๊ากเลย ดีที่กล้องใช้ง่ายแค่มือเดียวจึงกดแบบไม่นับ
เก็บภาพนายแบบกับรถกระป๋องของเขาจนสาแก่ใจ
...
ชอบเวลาพูดอังกฤษง่ายๆ คล้ายหยอกเย้าเด็กเล็ก
‘Come on!’ เวลาเรียกจะให้ชิดใกล้ ไม่เคยให้ห่างเกินระยะมือเอื้อมถึง ถูกเรียกหาจนชินโดยไม่รู้ตัว
‘Give me a kiss’
‘Good night kiss’ (ก่อนนอน)
หรือ ‘lucky kiss’ (ตอนเช้า) แล้วแนบริมฝีปากนุ่มกับหน้าผากผมเบาๆ
‘My naughty monkey’ หรือ ‘Stupid kitten’
พูดแกล้งๆ เวลายื่นจมูกมาชนแก้มผมแบบมันเขี้ยว
ถ้าอยู่ต่อหน้าผู้ปกครองจะขอหอมดีๆ ถ้าลับหลังขโมยตลอด เจ้าเล่ห์ไม่มีใครเกิน
และหลายต่อหลายครั้งในห้องของเรา...
‘I love you...my Jira’ ขณะสวมกอดโอ๋ผม
...
“เฮ้ย จะหมดยังเนี่ย 8 เหลืออีก 9,10 สองใบเอง อ้าวๆ ได้ข่าวว่ากระผมเป็นเจ้าของไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่มีรูปตูเลยวะ” เห็นแค่ใบแรกภาพเดียว
“ถ่ายให้ เข้าไปยืนซิ” ชี้รูปปั้นกลางสวนหย่อม
“ให้หล่อๆ นะมึง ไม่งั้นตาย”
“Five for one, cheese!” ตากล้องผมแดงกดแช๊ะ
รูปใบที่ 9 ผมยืนกอดอกยิ้มแต้มีฐานรูปปั้นสีขาวเป็นฉากหลัง
“ไม่หล่อเลยวะ ถ่ายใหม่”
“ห้ามหล่อ แค่น่ารักพอ...จุ๊บ” ปากชนขมับให้ผมร้องวู้ขณะรอภาพปรากฏ น้ำลายเต็มหน้าโจ๊ก คุ้มค่ากล้องมาก
“กวนว่ะ” โจ๊กเขินจนอยากตั๊นหน้าฝรั่งเล่น
“ใบสุดท้าย นายแบบแฟชั่นวีค...หึหึ” หึหะร้ายๆ ในลำคอให้ผมเทคโฟโต้
รูปอมยิ้มมุมปาก ถอดเสื้อยืดดำเหวี่ยงทิ้งหายไปไหนไม่รู้
เปลือยท่อนบนโชว์แพ็กกล้ามสวย บุกพุ่มไม้เข้าไปยืนพิงรูปปั้นที่เดียวกับผมเมื่อครู่
สองมือนิ้วโป้งเกี่ยวหูกางเกงยีนส์ชิล เชิดหน้าเล็กๆ ตามสไตล์
ภาพที่ผมใจเต้นโครมคราม
การ์เดี้ยนผู้มีเลือดเนื้อจริงๆ ปรากฏตรงหน้า
----------------
ปล. แช็คกี้ลูกพ่อจอดนิ่ง ณ โรงรถในบ้านหลังเล็ก
ให้น้าจอมกับพ่อมดเจฟมีเรื่องคุยกันตามประสาคนรักรถอีกกระบุงโกย
โจ๊กแขนเดี้ยงถูกเจ้าเศษเหล็กขโมยซีน หมาหัวเน่าชัดๆ (=”=)
***edit : เช้าวันต่อมา
สะดวก สะดวก สะดวก มีสระ-อะ คราวนี้จำได้ชัวร์ๆ ล่ะ
ขอบคุณ tuckky