สุขนิยม 555 รักตายเลย

*******************
จิระxจิระ
ตอน 18 มรสุม
ผมนั่งมือเย็นเฉียบอยู่ในเงามืดเพียงลำพัง
ความสับสนพร้อมๆ คำถามวิ่งวุ่นวายในหัวจนอยากอ้วก
ถ้าอาเจียนแล้วพิษเสพติดถูกถอนออกอย่างถ้ำกระบอก
จะยินยอมล้วงคอไม่เกี่ยงงอน
แก้วร้าวคาใจยังใหม่สด
แค่สูดลมหายใจเบาๆ เท่านี้ยังเจ็บเจียนตาย
สวรรค์...ผู้ชายอย่างโจ๊กจะหลงคารมไอ้หมาบ้าตัวนั้นได้
ไม่เชื่อ...
ไม่ใช่...
ไม่มีทาง...
ภายในกรีดร้องปฏิเสธ
“เฮ้คนเก่ง ผมปรับบล็อกจิระโฟโต้เป็นโหมดสองภาษาให้แล้ว เวิล์ดไวลด์ได้เต็มที่ เจ๋งเปล่า” เปิดประตูผลัวะร่าเริงขึ้นมาหาผม
“...” โจ๊กยังแทะเล็บไม่ได้ยิน
หมั่นไส้อาการดี๊ด๊าอีกใจนึกด่าว่ายุ่งอะไรกับกูนักหนาวะ
“เกิดอะไรขึ้น...?” รู้ดีเป็นหมาโกลเด้น
หูกระดิกเขย่งก้าวช้าๆ ขากะเผลกมานั่งข้างผม
ยื่นมือลูบหัวเบาๆ อ่อนโยนเหมือนดังเคย
“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ ไม่ทันฟัง” ยังปรับโหมดตั้งรับไม่สุด
จะเตียงหักจากชายหรือหญิงล้วนเรื่องของมัน
เกี่ยวข้องอันใดกับโจ๊กหรือก็หาไม่
แล้วตูเสียเวลาถ่ายมิวสิกอยู่ทำไมให้เปลืองชีวิต
ไปหาของอร่อยๆ ใส่ท้องดีกว่า
ผมลุกยืนหากความรู้สึกกลับไม่ลุกตาม
ไม่เคลียร์
มัวไม่ชัด
คลื่นแทรกรบกวนไม่เป็นตัวของตัวเอง
...
“บล็อกไดอารี่รูปถ่าย อัพเกรดเรียบร้อย โน้ตบุ้คอยู่ข้างล่างเปิดดู มีเค้กเนยสดด้วย ลงไปกินกัน” หมาใหญ่ยิ้มแฉ่งใจดี
“แทงกิ้ว อ้อเจฟ ไม่อยากเสือกหรอกนะ แต่ไหนกำชับไม่ให้บอกใครว่าอยู่ที่นี่ กับแฟนมึงเขารู้เรื่องดีอยู่ใช่ไหม ไม่ใช่มาวีนใส่กูวันหลังนะ”
“แฟนไหน วีนอะไร?”
“ทั้งผู้หญิงผู้ชายนั่นแหละ”
“มีใครมายุ่งกับคุณ ที่นี่?”
“เมื่อเที่ยงมีคนเอาของมาให้ วางไว้หลังตู้เย็น ผู้หญิง เขาบอกเป็นแฟน เจอกิ๊กด้วย” รื้อเหตุการณ์สดๆ ร้อนๆ ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
“ไม่ใช่ล่ะ ไม่มีแฟน โสด ว่างเป็นปีแล้ว บอกตั้งหลายที” ผรั่งยักไหล่ชิล ยิ้มหวานกระชากใจ
ผมไม่ละลายหากฉิววูบมากกว่า โกหกกันซึ่งๆ หน้า
“แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่ ไหนว่าไม่อยากให้รู้ว่าอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอรู้”
“ผู้หญิงที่ไหน ผมไม่ได้บอกใคร เพื่อนยังปิดไม่ให้รู้เลย มีใครบังเอิญเห็นเองหรือเปล่า”
“กูจะรู้กะมึงเหรอ!?” ตวาดลั่นเหลืออด
ถามตัวเองก่อนดีกว่า
แอบทำเรื่องแย่ๆ ลับหลังแล้วมาตีหน้าซื่อให้ผมหลงกล
เผลอปล่อยตัวปล่อยใจ
โอ...ไม่...หัวใจจิระไม่อยู่ตรงนี้
เผลอกุมวูบอกข้างซ้ายเต้นตุบ
...
“เฮ้ๆ คนดี เป็นอะไรหน้าซีดๆ เกิดอะไรขึ้น เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ขอร้องล่ะเจฟ กูปวดหัวกะมึงมากตอนนี้ เรื่องอะไรก็ไม่รู้แต่ช่วยไปไกลๆ ก่อนได้ไหมวะ”
“หมายความว่ายังไง”
“กูไม่ชอบ ไม่ได้เชี่ยอะไรกะมึงเลย มึงเองนั่นแหละทำให้คิดจนไม่อยากจะคิดเลยโว้ย!” วิ่งหนีตุบๆ ลงชั้นล่าง เกือบลื่นตกบันไดตาย
...
...
“คุณไม่มีเหตุผลเลยโจ๊ก!” ตามลงมาเสียงดังกลางโถงชั้นล่าง
ปะทะเจ๊ น้าจอมโผล่มาจากบ้านเล็กพอดีแต่ผมหยุดไม่ได้
“ใครว่าไม่มีเหตุผล กูมีเป็นล้าน มึงอยากฟังข้อไหนก่อนล่ะ สาวลูกครึ่งแฟนใหม่! หรือบอยเฟรนด์คนเก่า!”
“ใคร?” หัวแดงงงงวย
“นั่นซิใคร โจ๊ก เจ๊อยากรู้” เจ๊
“แหกตาดูซะ คริสติน่ากับปอร์เช่ น่ารักๆ ทั้งนั้น”
โยนแผ่นซีดี ‘CHRISTINA’ ลงบนโต๊ะ
“อ๋อ เข้าใจแล้ว คริสตี้เป็นเพื่อนผมเอง นักร้องที่ไปช่วยอัดเสียงตอนนั้นไง แล้วปอร์เช่ก็ เอ่อ...”
“เป็นอะไร พูด!” ผมฟิวส์ขาดสุดๆ
“บอกมาเถอะเจฟฟรี่” เจ๊
“เป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนครับ เคยไปไหนด้วยกันพักนึง เลิกตั้งแต่เกรด 11 เอ่อ ม.5 ไม่ได้ติดต่อเป็นปีแล้ว”
“แล้วทำไมถึงมีรอยดูดของมึงได้ล่ะ”
“...” ยักษ์สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ระงับอาการ
“กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง รู้อยู่แก่ใจยังกล้ากลับมานอนห้องเดียวกับกูอีก!” ผมเตลิดกู่ไม่กลับ น็อตหลุดนั่นล่ะว่าง่ายๆ
“ผมเป็นสุภาพบุรุษพอ บอกว่าไม่คือไม่ แล้วรอยนั่นมีชื่อติดอยู่หรือเปล่า คุณถามเขาไหมว่าของใคร”
“...” โจ๊กหน้าชาวูบ ฉิบหายแล้วตู
“โอยตายแล้วฉัน มรสุมเข้า” เจ๊ทรุดนั่งหมดแรง
“เจฟฟรี่ ออกไปข้างนอกก่อน” น้าจอมเข้าขวาง
ร่างสูงสบถหัวเสียจะเข้าหาผมแต่เฮียดึงออกไปจนได้
...
ผมเป็นบ้าอะไร ผมหงุดหงิดเม้งแตกกับเรื่องไหนอยู่
มันเป็นใครถึงมีอิทธิพลกับโจ๊ก
ทำไมถึงทำตัวงี่เง่าแบบนี้
ทำไมต้องสนใจกับทุกเรื่องที่มันพูด
ทำไมต้องใส่ใจกับทุกเรื่องที่มันทำ
คิดแล้วก็กลุ้ม อยากจะลืมก็ลืมไม่ได้
คิสมาร์กลำคอเด็กผู้ชายคนนั้นยังคาตา
ชื่อคริสติน่าคู่เดทก้องอยู่ในหัว
ผมควรจะดีใจที่พ่อมดมีหญิงคนรักแล้ว
กระทั่งคู่ขาหรือคู่นอนผู้ชายด้วยกันก็ไม่ขาด
ไม่ได้เหงาหงอยเดียวดายอย่างที่คิด
สิ่งแสดงออกมาแค่นิสัยช่างเอาอกเอาใจคนอื่นมากเกินไป
ตามประสาเท่านั้นเอง
ใช่...ผมควรยินดีที่ไม่ใช่เป้าหมาย
แต่นาทีนี้สับสนสภาพทางอารมณ์มากว้อย
....
.....
ครู่ใหญ่ถึงเข้ามาคุกเข่าข้างเดียวที่เก้าอี้โต๊ะกินข้าวที่ผมนั่งอยู่...
“คุณทำให้ผมเป็นบ้าโจ๊ก ผมไม่เคยฟิวส์ขาด น็อตหลุดกับใครซ้ำๆ อย่างนี้มาก่อน...ขอโทษ” อาการเดียวกัน
“กูก็โคตรจะไม่ชอบเลยเจฟ มีหลายที่กูไม่อยากรู้แต่ต้องรู้ แล้วเสือกรู้จากคนอื่นอีก แถมคิดเองเป็นตุเป็นตะอีก เชี่ยชิบหาย” ผมพยายามสงบ
“ถามซิ จะบอกทุกอย่างคุณอยากรู้ ผมอยู่นี่โจ๊ก”
“อย่าเลย เห็นใจกูบ้างเถอะเจฟ จะสอบอยู่แล้วแต่นี่มันอะไรวะ เป็นเรื่องที่กูสมควรจะรู้ด้วยกับหรือก็เปล่า” ผมสบถฟ้าฝนกลบเกลื่อน ยังไม่พร้อมตอนนี้
“ก็ได้ สบายใจเมื่อไหร่เราค่อยคุยกัน”
“เจฟ คือไม่...”
“ผมจะรอ...โจ๊ก” ดวงตาสีเทาเศร้าสร้อยจนยั้งคำตัดขาดไว้แค่ลำคอ
ร่างสูงลุกเดินจากไป คล้ายวันแรกที่เราเจอกัน
ปรากฏกายเข้ามาราวเทพนิยายก่อนหายตัวไปง่ายดายดังความฝันยามตื่น
ผมควรจะเป่าปากโล่งอกใช่ไหม ขอถาม
...
เป็นล้านวินาทีที่ผมอยากดีลิททิ้งให้หมด
พังฮาร์ดดิสก์ชีวิตให้สิ้นซากแล้วรีเซตใหม่จะรีบลงมือทันทีไม่รอช้า
อาหารไร้รสชาติ
คำทักทายหยอกเล่นของเพื่อนเลือนราง
สภาพปกติในชีวิตประจำวันพร่ามัว
...ไม่มีรอยยิ้ม
...ไม่มีคำพูด
...ไม่มีเสียงหัวเราะ
...ไม่มีเลย
...
...
“เป็นอะไรโจ๊ก ตั้งแต่หายดีกลับมาไม่พูดไม่จา มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ซึมกะทือเป็นศพหลายวันแล้ว” ตอง
“เรียนไม่ทันเหรอ ฝากไปกับเจฟฟรี่ทุกวันแล้วนี่นา” ปิง
“หิว รีบซื้อมาที” ผมคิ้วยุ่งไม่อยากให้ยุ่ง
“โอเคเข้าใจแล้วโมโหหิว ตัวเล็กไปครับ”
“แป๊บนึงนะ”
สองคนแยกไปซื้อข้าวกลางวัน
ผมอยากลุกหนีจากตรงแต่ทว่า...
“โจ๊ก...”
“หือ? อาร์ม” ซื้อหวยไม่ถูกอย่างนี้ โจ๊กเครียดล่วงหน้า
อาร์มเดินนำออกไปคุยด้านนอก
ยิงประโยคเด็ดใส่ผมทันทีไม่ให้ตั้งตัวติด
“กูชอบมึงนะโจ๊ก ชอบแบบแฟน”
“อืม...” ผมเฉยสนิท แอบขอพาราสองเม็ด ปวดกบาลค่อดๆ
“นอนไม่หลับตั้งแต่วันนั้นแล้ว อาจจะว่ากูบ้าแต่ทำไงได้ ความรักมันห้ามกันได้ที่ไหนจริงไหม”
“...” ผมเสมองต้นไม้ ความรักห้ามได้เสียที่ไหน สะท้อนเข้าตัวสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตามแต่ก็หยุดมองมึงไม่ได้ แย่ว่ะ”
ถูกต้อง เหมือนกูตอนนี้เลยอาร์ม ยิ่งคุยยิ่งเครียด (="=)
“ขอบใจนะอาร์ม แต่ขอโท...”
“เฮ้ย ไม่รับ ไม่เอา ไม่อยากได้ยินคำว่าขอโทษ มึงไม่ผิดโจ๊ก กูต่างหากที่คิดไปเองฝ่ายเดียว”
“อืม...” ถ้าผมเป็นอาร์มก็คงไม่อยากได้ยินคำตัดขาดเช่นนี้เช่นกัน
“ที่มาบอกเพราะรู้ว่าถ้าแข่งคงแพ้ แต่รักแรกมันแยกยาก กูพระเอกไง จบแบบนี้เท่กว่าเห็นๆ” อาร์มระบายยิ้มเศร้าสร้อยหากดูโล่งอก
“แน่นอนอาร์ม มึงเจ๋งดี ไม่งั้นกูไม่ยอมเป็นเบ้มึงหรอก”
“เหรอ เพิ่งรู้นะเนี่ย 555” เราหัวเราะผ่อนคลาย
ผมอยากดึงตัวเองกลับมาได้เต็มร้อยจริงๆ จังๆ
ไม่ต้องคิดถึงใคร
ไม่ต้องกังวลกับเรื่องไหนๆ
เป็นจิระคนเดิม ทว่าเป็นไปไม่ได้
...พ่อมดขี่ไม้กวาดรบกวนจิตใจ
แววตาคาดหวังบวกอ่อนโยนของอาร์มทำให้คิดถึงคนที่คุณก็รู้ว่าใคร
อาร์มขยี้หัวผมเบาๆ พร้อมกล่าวคำว่าโชคดี
รอยยิ้มเพื่อนตัวสูงยังใจดีไม่เคยเปลี่ยน
ไอ้หมาบ้า เพราะมึงคนเดียวทำให้มีผู้ชายมาสารภาพรักกับกู
จะรับผิดชอบยังไงเคยคิดบ้างไหม เชี่ยเอ๊ย!
...
...
ยังไม่หมด หลังเลิกเรียน ...
นักเรียนเทคโนสวมเสื้อชอปยืนกินลูกชิ้นอยู่รถเข็นหน้าโรงเรียน
เด้มกุ๊ยอันธพาลหล่อ เลว รวยบัดซบอีกคน
“ไงมึง ลูกชิ้นไหม หน้าแม่งตูด” คำทักทายซ่าทุกเม็ด
“กวนตีน” ผมเตรียมยกเท้า
“ปากดีเหมือนเดิม” ชวนทะเลาะแต่ยื่นลูกชิ้นให้ผมทั้งถุง จัดซะเลยอยากโชว์อาเสี่ยดีนัก เดินมานั่งกินหน้าบ้านกันสองคนพร้อมกับ 5-6 หางรุมตอม
(“โฮ่งๆ หงิงๆๆ”)
รายการแจกอาหารให้สุนัขรับประทานโดยจิระ
อภินันทนาการบายเสี่ยเด้ม
“แวะมาทำไมบ่อยวะ ถิ่นมึงรึไม่ใช่” ผมเปิด
“เดี๋ยวนี้ใช่แล้ว เยี่ยวไว้เสาไฟฟ้ากับประตูตรงนั้น ไม่ได้กลิ่นเหรอ”
“K!” โจ๊กยกนิ้วกลางถวาย
“555” หัวเราะหน้าหงาย ตบเข่าฉาดสะใจประกอบ
พอได้สัมผัสเด้มจริงๆ แล้วให้ความรู้สึกเราคล้ายฝาแฝดที่เพิ่งหากันเจอ
แต่ภาคดาร์คผสมปีเตอร์แพน ซนแสบเขี้ยวชอบวอนเรื่องและไม่รู้จักโต
(ไม่ได้ว่าตัวเองนะครับ นิยามไอ้เลวเด้มของทอฟฟี่โน่น; โจ๊ก)
“ไม่อยากจะคิด ทอฟฟี่เจอโหดมันส์ฮาแค่ไหนแต่ละวัน กูอยากรู้นัก” พูดอย่างที่คิดในหัว
“เอ๊า! กูหล่อ กูรวย กูหาเงินได้เอง แบดบอยเท่ที่สุดในสามโลกขนาดนี้เป็นใครก็ต้องหลง เพื่อนมึงโชคดีแค่ไหนได้กูเป็นผอ สระอัว”
“สัด!” ด่าโต้งๆ นักเรียนนักเลงชู้ตตรงเกินจนโจ๊กเติมมุกไม่ทัน
“มึงกวนตีนกูว่ะเตี้ย” เด้มลุกพรึ่บสาวแขนเสื้อเตรียมท้าต่อย
“อะแฮ่ม...!” ซาวนด์จากบุคคลที่สาม
ลืมไปว่าน้าจอมกำลังก้มดูหัวเทียนให้มอเตอร์ไซค์อีกคันอยู่ใกล้ๆ
อู่จอมมอเตอร์ไบค์ครับ ถิ่นนี้ท่านอาวุโสถือครอง
บังอาจเล่นรุ่นใหญ่ น้าจอมก็ศิษย์เก่าเทคโน
ถึงจะไม่ใช่โรงเรียนเดียวกันทว่าเลือดเด็กช่างแรงกล้าเหลือประมาณ
สื่อสารกันทางโทรจิต กระแสไฟฟ้าพุ่งออกจากรูขุมขนมาแตะกันได้
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
...
จำได้ผมอยู่ ม.ต้น กาลครั้งนั้นมีพวกพี่ๆ นักเรียนนักเลงยกขบวนมาหาถึงอู่
นอบน้อมยกมือไหว้ขอเสื้อชอปรุ่นใหญ่ไปปราบมาร
น้าจอมเงียบเว้ย ส่งภาษากายง่ายๆ ว่า ‘กูไม่ให้’
จากนั้นก็มีพี่พวกนั้นราว 3-4 คนแวะมาสวัสดีตลอด
จนเดือนหรือสองเดือนไม่แน่ใจ
พี่แกหัวแหว่ง ปากแตก หน้าบวม ผ้าพันท้องให้เพื่อนหิ้วปีกมาหาถึงในบ้าน
เจ๊ถึงเสียงดังกล่าวว่า...
‘มันทำถึงขนาดนี้ก็ให้น้องมันไปเถอะพี่ ไม่ได้จะเอาไปใส่เองหรอกใช่ไหม’ คุณหญิงจุ๋ยที่คุณรู้จัก
‘ครับ เอาไปขึ้นหิ้งบูชาที่ภาคครับ’ พี่พวกนั้น
‘พวกนั้นหาว่าปู่เราไปแหย่รังแตนแล้วแพ้ ทิ้งชอปในรั้วพวกมันด้วย ผมบอกว่าไม่ใช่ เสื้อรุ่นยังอยู่กับประธาน ได้ธงมาด้วย พวกนั้นโกหก...แล้วก็อย่างที่เห็นนี่แหละครับ’ ข่าวว่าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาหมาดๆ
โอ้แม่...
แค่ปรามาสบรรพบุรุษรุ่นพี่โรงเรียนแค่นี้ยังเดือดปุด พ่อแม่รึก็ไม่ใช่
จำได้ว่าน้าจอมกอดอกเงียบเชียบดังเคย
มองพี่ร่อแร่คนนั้นสักพักถึงขึ้นข้างบนไปคุ้ยเศษซากมายื่นให้
พี่พวกนั้นกราบกันสลอน
เฮียกูคืออดีตประธานสายตัวเอ้เว้ย เท่ค่อดๆ (ขออนุญาตวิบัติ ; โจ๊ก)
v
v
v
เล่าต่อ ช่างฟิตกระแอมเสร็จชิมิ...
“คร้าบ อยู่ด้วยเหรอครับ สวัสดีครับเฮีย แหะๆ ไม่บอกว่าเตี่ยมึงอยู่แถวนี้วะ” เด้มโค้งพนมมือไหว้อย่างไวเล่นเอาฮาก๊าก
“ส่องเลยป๋า ท่อไอเสียนั่นแหละทีเดียวอยู่ ดูต้นทางให้” เรื่องพรรคนี้โจ๊กถนัด
“เฮ้ยๆๆ เอาจริงดิ กูเป็นแขกนะมึง”
“หึหึ” เสียงน้าจอมหัวเราะหึหะพร้อมส่ายหน้า
“แขกก็แดกบาทาได้ โด่ นึกว่าจะแน่ รีบไปหาเมียมึงเลยไป ติวอยู่กับพวกนางๆ ข้างในล่ะมั้ง” ผมรูดไม้แจกลูกสมุนรายตัว
“กูรอได้ รอมาตั้งนานแค่นี้จิ๊บๆ” เด้มยิ้มหวานกระชากไส้ติ่ง
แปลกดี เด้มโผงผางกวนโอ้ยไม่เป็นมิตร
อยากทำอะไรก็ทำ อยากพูดอะไรก็โวเสียงดังไม่ยั้งเหมือนเก่าที่เคยเหม็นขี้หน้า
ทว่าวันนี้ผมกลับคล้ายได้นั่งพักเหนื่อยอยู่ในความคุ้นชินของผมกลายๆ
“เข้าไปกินน้ำข้างใน ใส่ชอปหราแต่เสือกมาเดี่ยว กูไม่มีเบอร์ปอเต็กตึ๊งนะเว้ย เสียบซ้ำลากเข้าวัดอย่างเดียว แถมมัคนายกมัดตราสังข์พร้อม จัดให้”
“ให้มันได้อย่างนี้ มีน้ำใจกับกระผมมากเลยนะครับท่านเจ้าของบ้าน”
เด้มโวยวายลุกตามเข้าไปในบ้านด้วยกัน
นั่งโต๊ะรอผมหาน้ำมาเสิร์ฟ
ทับรอยเก้าอี้ตัวที่ฝรั่งหัวแดงเคยครอง
ผมวูบไหวด้วยร่างสูงเกือบเท่าๆ กัน
กล้ามล่ำแต่รายนั้นรูปร่างสูงสง่าเป็นฝรั่งเท่เซอร์ชวนมอง
เปิดตู้เห็นน้ำแดงแล้วแสลงใจ โยนกระป๋องน้ำอัดลมเหลือๆ ให้แทน
คำถามวกวนในหัวคือเขาเป็นอย่างไรบ้าง ยังรอผมอย่างที่บอกหรือไม่
วู้! ความคิดทรยศ
...
“เฮ้ยมึง เด้ม...” ผมดลใจอยากปรึกษาศิราณี
“จ๋า”
“จ๋าพ่อง”
“อ๊า...ของฟรีอร่อยชื่นใจ” เด้มแกล้งจุ๊ปากซาบซ่าน้ำอัดลม
“เฮ้อ...” ตูละหน่ายกับมัน
“ว่า?”
เด้มเอ่ยลอยๆ ไม่ได้สบตาผม
เอนหลังพิงพนักหันไปหน้าร้านมองรอคนที่คอย
“ผู้ชายกับผู้ชาย คือ...มึงกับทอฟฟี่?” ผมไม่ทราบจะเริ่มตรงไหน
“ก็กูกับทอฟฟี่ไง” เลวเด้มย้อนศร
“เออ ไม่อยากรู้แล้ว” โจ๊กลุก หาสาระอันใดไม่ คิดผิดจริงๆ ที่ถาม
“กูรักมัน ชอบมัน ปิ๊งตอนไหนก็ไม่รู้ ตอนเด็กเห็นติ๋มๆ น่าแกล้งดี โตมายิ่งน่าแกล้งกว่าอีก เอาแม่งเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา เคไหม”
“มันง่ายงั้นเหรอวะ” ผมนั่งลงที่เดิม
“กามเทพแผลงศรตอนไหนมึงไม่มีทางรู้หรอกว่ะ ที่เหลือคือทำตามหัวใจตัวเองซะ ฝืนไปเจ็บเปล่าๆ กูลองแล้ว”
“อย่างมึงเนี่ยนะ”
ห่ามบรรลัยจักรยังสามารถมีมุมปกติธรรมดาอย่างใครๆ แปลกแต่จริง
“กูมีชื่อประธานสายค้ำคอแล้วแม่งเอาตุ๊ดมึงคิดดู หมาตัวไหนจะเคารพ แรกๆ ก็ไม่สนหรอกใครคิดอะไรก็ช่าง กูกลับมาไทยเพราะมัน แต่เพื่อนมึงเสือกคิดมาก กลัวนั่นกลัวนี่ กูต่างหากที่ต้องกลัวไม่ใช่มันถูกไหม”
“อือหึ” ผมรับฟัง
“นั่นแหละ เราเลิกกันเถอะเด้ม มึงเป็นอย่างเดิมน่ะดีแล้ว ดีพ่อง กูจัดหนักเลยคืนนั้น อยากเลิกเหรอ มึงเลิกเลย แต่กูไม่ ไข้ขึ้นสลบซะ ดีไม่ได้หามไปโรงพยาบาลให้อายทั้งโคตร”
“อูย...ไม่ต้องทุกเม็ดก็ได้” ผมหน้าม้านเขินแทน
คนพูดยังยิ้มๆ จิบน้ำเย็นชิลหาสนไม่
เห็นสาวแตกจ๊ะจ๋าเวิ่นเว้อไปวันๆ แต่ทอฟฟี่แมนมากนะครับ
กล้าประกาศว่าเป็นชาวสีม่วง ดูแลปกป้องสิทธิสภาพของตนเต็มกำลัง
ที่สำคัญ กับบุคคลอันเป็นที่รักแล้วธีรวิชรักและเทคแคร์ดีสุดโต่ง
ตองปิงเจอทอฟฟี่ปากเปราะแซวไม่เว้น
หากเห็นท่าไม่ดี ทอฟฟี่นั่นเองที่คอยเป็นหูเป็นตาสวมบทศิราณีให้ทั้งคู่
กับผมเองทอฟฟี่จะใจดีไม่จิกด่าจัดจ้านจนเกินเส้นกั้น
‘นางงามที่ใจ’ แคทเคยชมให้ได้ยิน
เรื่องเด้มผมพอทราบจากทอฟฟี่บ้างแล้ว
คืนวันปาจามาไนท์นั่นล่ะ บ้านเด้มสายเลือดวายทั้งตระกูล
เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย
ทั้งครอบครัวไม่มีปัญหาที่ลูกชายรักกับทอฟฟี่ด้วยเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ
แต่เกรงเพื่อนผมจะไม่รับรัก กลัวเด้มอกหักชอกช้ำอยู่คนเดียว
พ่อแม่พรรค์นี้ก็มีในโลก
“อยู่ที่ตรงนี้ล้วนๆ ไม่เกี่ยงว่าเพศไหน ใช้ใจอย่างเดียวตัดสมองทิ้งเชื่อกู” เด้มยิ้มๆ ตบก้อนเนื้อซ้ายของตน
ผมนิ่งขึง จะใช่อย่างที่ใจต้องการจริงๆ หรือ
(=”=) โจ๊กแอบเครียด
*************
edit: เช้าวันรุ่งขึ้น
- สะท้อนเข้าตัว
– หงาย
– พรรค์นี้
ขอบคุณ tuckky ตาดีหลายๆ