---tuckky โย่ว! จำได้ด้วย ใช่ ปอร์เช่เคยไปไหนมาไหนกับเจฟฟรี่ ช่วงเกรด 11
นานเดือนหรือเทอมนึงไม่แน่ใจ ขอค้นลิงค์แป๊บ
---สุขนิยม ต้องมือบอนเลื่อนดูบรรทัดท้ายๆ ก่อนนะเออ
---อรุณสวัสดิ์ rujaya

*****************************************
จิระxจิระ
ตอน 19 ระหว่างเรา
บ้าน...
ห้องแถวที่เดิม เวลาเกือบห้าโมงเย็น
ท้องร้องโครกครากกดดันให้ผมระเห็จออกจากห้องไปหาอะไรกิน
แต่สภาพซกมกไม่ได้อาบน้ำมาเกินกว่า 48 ชั่วโมง
จึงยอมเสียเวลาฟอกสบู่ สระผม แปรงฟันให้เอี่ยมอ่องก่อนลงมาข้างล่าง
ว่ากันว่าการแปรงฟันทำให้คนเราหยุดมองเห็นตัวเอง
ภาพในกระจกเงาสะท้อนหน้าตาอย่างจริงแท้ที่สุด
ลมหายใจสดชื่นมีชีวิตชีวาดีแฮะ เสียอย่างเดียว...
ผมเกลียดแปรงสีฟันอีกอันในแก้วตรงหน้านี้เหลือเกิน
เจ้านายมึงบังอาจหายหัวตั้ง 2 วัน ตามกลับมาเดี๋ยวนี้!
ลงมาเพื่อพบกับ...
“เจฟ...” เผลอหลุดปาก ปะทะคนที่นั่งอยู่กลางใจโต้งๆ จังเบอร์
ไม่ทันได้เตรียมใจเลยพ่อแก้วแม่แก้ว
ดวงหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน ชุดไม่เชิงสูทออกทักซิโดสีดำเด่นสง่าแต่ไม่เนี้ยบ
กระดุมเชิ้ตปลดกว่าครึ่งโชว์แผงอกแกร่ง
โบดำคล้องคอไม่ผูกเป็นหูกระต่าย
คงตั้งใจจะไปทั้งอย่างนี้ชัวร์ เท่ร้ายเหลือใจ
ละจากสองมือเกี่ยวขอบกระเป๋ากางเกงก้าวมารอรับผมลงบันได
ฉากเจ้าชายรอรับเจ้าหญิงดิสนีย์ในห้องโถงสวยๆ เทือกนั้น
ออร่าหล่อเท่เปล่งประกายแสบตา
โมเดลแฟชั่นวีคที่เคยคุยโม้กับรูปในพอร์ทโฟลิโอจืดสนิท
ตัวเป็นๆ ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าผม
ลงจะถึงขั้นสุดท้าย เขาผายมือให้วางลงไป
บระเจ้า สัมผัสนั้น...โคตรจะคิดถึง
มือใหญ่บีบนิ้วของผมแน่น
จิระเม้มปากแน่นหลับตาปี๋กักลูกระเบิดเป็นโกโก้ครั้ชน์ภายในไม่ให้แสดงออก
“สำหรับ...จิระของผม” เสียงทุ้มนุ่มดึงสติ
“หือ ให้ดอกไม้เนี่ยนะ”
บูเก้ขนาดย่อมทรงกลมรวบรวมดอกหลากชนิด
หลักๆ คือสีเหลือง ขาวและเขียวอ่อน
ถ้าสวมชุดเจ้าสาวจะไม่บ่นสักคำ
“...คิดถึง” โน้มกระซิบข้างหู
ไอ้เชี่ย เอามีดมาแทงกูดีกว่า ผมตะโกนในใจ
“อะ...เอาก็ได้ ขอบใจ” ถือแนบอก ก้มหน้างุดข่มสตินับกลีบใบ 1,2,3,4
ดี๊ด๊าดีใจเร็วไปไหม เพศผู้ให้ดอกไม้แถมรับมาง่ายๆ อีกต่างหาก
อยากมีมือที่สามขัดบรรยากาศสีม่วง
อีกใจกลับวอนขออยู่ในโลกนี้เพียงเราสองตราบนานเท่านาน
“มาทำไมวะ”
“ผมอยู่ที่นี่ ของ กีตาร์” เออว่ะ ถามโง่ๆ
“แล้วแต่งตัวจะไปเล่นงิ้วที่ไหน” ผมเมียงมอง
ออกห่างไม่ได้ด้วยคีมชื่อเจฟยังกำข้อมือผมไว้ไม่ปล่อย
“แถวนี้ หล่อไหม”
“มั้ง” ถามนำให้ชมตัวเองก็เป็น ผมเงอะงะเล่นช่อบูเก้ไปมา
คิดไม่ถึงจึงหาประโยคโต้ตอบไม่ทัน
พลังรูปโฉมระดับเซนต์ไซย่าแผ่รังสีการ์เดี้ยนทำลายล้างหัวสมองจนอ่อนยวบ
หล่อเอี้ยๆ ดูดีบรรลัย ปกติเห็นซกมกเท่เซอร์เหลือกินเหลือใช้เกินใคร
นาทีนี้กลับกลายร่างเป็นคนละคน
เคยเห็นแต่เงาะถอดรูป หากบุคคลตรงหน้าคือฝรั่งถอดผ้าขี้ริ้ว
“งานพรอม” หัวแดงเฉลย
“หือ? งานพรอมแบบในหนังน่ะเหรอ อ๋อเข้าใจแล้ว” ผมบางอ้อ
ตามปกตินานาชาติท้ายซอยมักจะปิดเทอมก่อนโรงเรียนเราร่วมเดือนทุกที
สำหรับมัธยมปลายปีสุดท้ายคืองานเลี้ยงเพื่อจบเกมอย่างสมบูรณ์
...
เส้นผมยาวแค่ต้นคอถูกรวบไว้ครึ่งหัวลวกๆ
ปอยผมหลุดลุ่ยบ้างเพิ่มความเทพ
ดวงตาเรียวดุรับกับลูกตาสีเทาสดใสคู่นั้นดึงดูดจนไร้เรี่ยวแรง
เสก้มลงมองรองเท้าหนังมันปลาบสีดำ
ปลายยาวงอนติดครอบเงินวาววับ
ไม่ใช้รองเท้าคัทชูตามธรรมดาทั่วไป
ซากุระหงิห้าวเป้งผู้นี้สวมบู๊ตสไตล์หรูหรา
สเปอร์กับตราสัญลักษณ์ห่วงเงินตกแต่งที่แลบออกมา
บ่งบอกยี่ห้อฝีมือแฟชั่นดีไซน์เนอร์ระดับโลกแน่นอนไม่ต้องเดา
บุคคลที่ผมหลงใหลเขาสุดใจ
คนอย่างนี้จะเสียเวลาลดตัวลงมามองผมหรือ
ใจเต้นแรงพร้อมๆ กับในท้องกลวงโบ๋...โจ๊กคงหิวโซจนตาลาย
“เจฟ คือ...”
พยายามบิดมือหนีหากมีบางอย่างพุ่งมากระทบระหว่างเรา
จนปลาหมึกยอมปล่อยออกเสียเอง
“พี่เจฟฟรี่ขา ฮิๆ”
“Hello, lady...”
“อ้าวเฮ้ย ใครครับนี่”
ผมมองต่ำ เด็กหญิงลูกครึ่งแขกขาวหน้าตาจิ้มลิ้มจมูกแหลมเปี๊ยบน่ารัก
ดวงตาคมผมหลอดมัดแกละด้วยโบสีขาว
สวมชุดกระโปรงนางฟ้าสีขาวประดับลูกปัดสีฟ้าลายพร้อย
ติดปีกเอนเจิลขนฟูๆ อยู่กลางหลังเป็นพร็อพประกอบ
ลูกสาวใครทำไมถูกใจจริงๆ ส่งสายตาให้กัน ปิ๊งๆๆ
“รายงานตัวซิครับ พูดไทยนะคนเก่ง”
อุ้มคุณหนูขึ้นยืนบนเก้าอี้กินข้าว ประคองหลังเด็กหญิงไว้
คุณพ่อวัยสะรุ่นกับหนูน้อยแก้มแดง
“หนูชื่อสุนิสา เรียกแซมมี่ก็ได้ค่า วันนี้มากับคุณพ่อแซม คุณพ่อจะพาแซมมี่ไปเที่ยวงานแฟรี่ทอยส์ที่ห้างตรงนู้น พี่ชื่ออะไรคะ”
“พี่ชื่อพี่โจ๊กครับ”
“เพ่โจ๊ก...” อายม้วนยิ้มหวานเชื่อม “แซมมี่อยากได้อันนั้น แมวสีส้มๆ”
นิ้วจุ่มน้ำลายชี้เลยบ่าผมไปยังแก้วพลาสติกจากโรงหนัง
ตุ๊กตาประดับฝารูปแมวการ์ฟิลด์ฝุ่นเขรอะบนตู้เย็น
“ถ้าอยากได้ก็ต้องบอกพี่โจ๊กก่อน แซมมี่เรียนชั้นไหนแล้วเอ่ย” ชวนคุยประวิงเวลาเช็ดตุ๊กตาให้สะอาด
“ตอบพี่โจ๊กซิครับแซมมี่” นายแบบทักซิโดใจดีลูบหลังเด็กหญิงตาแป๋วจ้องของเล่นไม่วางตา
“ป.1 ค่ะ แซมมี่ได้ที่ 4 ด้วย คุณครูให้ตั้ง 4 ดาวแน่ะ”
“4 ดาวเชียว พี่โจ๊กให้แก้วเป็นรางวัลนะ โอเคได้แล้วครับ” ผมยื่นให้
“เย้!” กอดหมับทันที
“แซมมี่ขอบคุณค่ายัง” ผู้ใหญ่ชุดดำท้วงมารยาท
“ขอบคุณค่าเพ่โจ๊ก” ย่อไหว้งามหยดย้อย
...
น้องหนูดีใจลั้ลลาเสียงดัง เจ๊เดินมาจากคูหาที่ 3 ฝั่งไกลๆ โน้นมาสมทบพอดี
ทุบผนังทะลุถึงกันเรียบร้อย เก็บกวาดเศษซากปรักหักพังหมดเกลี้ยงรอช่างตกแต่งภายใน
เข้ามาก่อห้องเพิ่มเท่านั้นก็น่าจะเปิดร้านได้
เจ๊อยากเร่งอยากให้เสร็จทันขายในช่วงปิดเทอมของโรงเรียนผม
เพื่อคนจะได้ตัดสินใจออกรถใหม่กันเยอะๆ
เปิดเทอมพ่อแม่ก็ไม่มีเงินเหลือ เราต้องช่วงชิงจังหวะ
พูดกรอกหูให้ได้ยินทุกวัน
“คุณน้าจุ๋ยขา นี่แก้วพี่โจ๊กให้แซมมี่ค่ะ แมวเหมียวๆ การ์ฟิลด์เหมือนบ้านแซมมี่เลยดู ฮิๆ” เด็กหญิงชูอวดน้าสาว
“โอ้โห แมวพี่โจ๊กนี่เอง น้าล้างให้สะอาดๆ ดีกว่าหนูแซมมี่จะได้ใส่น้ำแดงกลับบ้าน เอาไหมคะ”
“เอาค่า!”
“อึ๊บ! ไปกันเลย”
เอนเจิลน้อยถูกยักษ์ยกลอยหวือจากเก้าอี้ไปหาเจ๊ที่ซิงค์ครัวใกล้กัน
สองสาวต่างวัยมีกิจกรรมของหวานง่วนชั่วครู่ก่อนเจ๊จะจูงมือคุณหนูแซมมี่
กลับไปหาน้าจอมกับคุณแซมที่คุยธุระกันอยู่
ทิ้งผมกับร่างโย่งยืนเผชิญหน้าชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน
วันคืนที่ห่างไกลกันเมื่อครู่ทิ้งระยะให้ผมทบทวนย้อนคิดจนหัวแทบแตก
ทว่ากลับนึกไม่ออกว่าเราเริ่มต้นทะเลาะกันจากเรื่องไหน
หลายต่อหลายครั้งจะคอยสอดส่ายสายตามองหาเสาไฟฟ้าหัวแดงต้นนี้
เพื่อว้อนท์อยากมีเรื่องฟาดฟันแต่ไม่เคยได้ฤกษ์ลงมือเสียที
โจ๊กกลายเป็นหมาเห่าใบตองแห้งทุกครั้งที่พบ
และมีบางอย่างเกิดขึ้นกับผม
ทุกๆ ครั้งที่เราเจอกัน
จังหวะหัวใจของจิระจะแดนซ์หลุดโลกทุกทีไป
ผมคอยชะเง้อมองหาคนนี้...โดยไม่รู้ตัว
แล้วจู่ๆ ฟ้ากลับดลบันดาลให้เรามีโอกาสได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างไม่น่าเชื่อ
...จูบที่หน้าผาก
...พวงแก้ม
...มุมปาก
หอมโคโลญจางๆ
ลมหายใจเจือกลิ่นบุหรี่บ้างในบางครั้ง
อ้อมกอดยามค่ำคืน
คำกระซิบข้างหูให้ใบหน้าร้อนฉ่า
‘ผมรักคุณ’
อาจเป็นเขาคนนี้
“เจฟ...” ผมสบตาอยากสารภาพความใน
ความรู้สึกถลำไกลเกินควบคุม
เขาผู้บันดาลให้เกิดสมควรได้รับรู้
“เจฟฟรี่คะ!” เสียงตื่นเต้นดังแทรกจากหน้าบ้าน
คริสติน่า...หญิงสาวแต่งหน้าแต่งตัวโทนแดงสด
ชุดราตรีพริ้วสวยฟูฟ่องก้าวเข้ามาขัดจังหวะ
“เจฟฟรี่อยู่นี่เอง เมื่อกี้มองแวบๆ คริสตี้ไม่แน่ใจแต่เห็นรถเหยี่ยวจอดอยู่เลยคิดว่าใช่ ไปกันยังคะ ดีจังจะได้เข้างานคู่กันเลยไม่ต้องรอ”
“...” ผมอ้าปากค้างไม่ได้ไปต่อ
“เอ คุ้นๆ ว่ามีเบนซ์ทะเบียนของลุงแซมอยู่แถวนี้ด้วยนี่นา อ๊ะนั่น จริงด้วย สวัสดีค่ะคุณลุง!” หญิงสาววิสาสะสอดมือควงแขนชุดทักซิโดพลางโบกมือทักทายคุณผู้ชายสูงวัยอย่างสนิทสนม
ดั่งอกถูกกรีดเป็นทางยาวเลือดซิบ
หันหนีจะหาที่หลบภัยโดยด่วน
“โจ๊ก!” มือใหญ่ดึงแขนไว้
ดีที่เป็นข้างขวาปกติ เจอซ้ายใส่เฝือกจะไซด์คิกให้
เขามองผม เราสบตากันนิ่งนานจนนึกหวั่น
หวังว่าจะไม่ล่วงรู้ถึงข้างใน
ภาวนากับตัวเอง ลูกช้างขอถวายหัวหมูสองหัวถ้ารอดจากนาทีนี้ไป
“สวัสดีค่ะโจ๊ก คริสตี้รู้จักเมื่อวันก่อน เอาซีดีมาฝากไว้ โจ๊กเขาขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งร้านเค้กหน้าโรงเรียนเราด้วยล่ะค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
“...” นายแบบหรี่เหล่ผมเงียบๆ
“ครับ...” ผมรับเบาๆ
“นี่พ่อผูกให้เอง บอกหวงลูกสาว ฮิๆ แต่อันนี้ของเจฟฟรี่ค่ะจะได้เหมือนคู่เดทหน่อย อ้อ รถคริสตี้จอดซ้อนคันอยู่ในซอยนะคะ”
หญิงสาวชูข้อมือผูกดอกไม้ประดิษฐ์กับช่วยติดช่อดอกคาร์เนชั่นสีแดงที่อกซ้ายชุดดำ
“ขอคุยเดี๋ยว คริสตี้ช่วยย้ายถ้วยรางวัลในรถไปใส่คันของคริสตี้ให้ที คนรถของเหยี่ยวมารอเอาที่งานแล้ว ผมกลัวลืม” ยังไม่ปล่อยแขนผม ใช้ข้างที่สาวสวยเกาะอยู่ควานหากุญแจรถจะยื่นให้
ทุลักทุเลมากบอกตรงๆ ล้วงมือขวาข้ามมากระเป๋ากางเกงอีกฝั่ง
“โอเคคริสตี้ช่วยค่ะ เลกซัสดอกนี้นะคะ แล้วใช่อันที่ส่งรูปให้คริสตี้ดูหรือเปล่า เดี๋ยวจัดการให้ค่ะ” กลายเป็นฝ่ายหญิงดึงกุญแจรถออกไปเอง
สนิทกันถือขนาดกล้าจับงูต่อหน้าประชาชีถึงขนาดนี้เชียว
บระเจ้าช่วยกล้วยทอด (=0=)
หญิงสาวผละไป ผมพยายามแงะมือเหนียวออกแต่ไม่เป็นผล
บีบแน่นจนแขนแดงเป็นรอยนิ้วเจ็บเชี่ยๆ
...
ถูกพาออกประตูด้านหลังห้องแถว
ผมขัดขืนไม่เข้าใต้ชายคาบ้านเล็กเราจึงพากันมาหยุด ณ โรงรถ
ที่มีโฟลค์แช็คกี้ลูกพ่อจอดนิ่งอยู่ตรงนั้นแทน
“ว่า?” ยักษ์จอมบังคับเริ่ม
“ว่าอะไร” ผม
“เมื่อกี้จะพูดว่าอะไร”
“ลืมแล้ว”
“โจ๊กครับ...คนดี”
ผมเม้มปากแน่น วลีคุ้นหูมาพร้อมน้ำเสียงออดอ้อน
“แค่ไม่ชอบ...”
งุ่นง่านนึกไม่ออก อาการคล้องแขนควงคู่จี๋จ๋าเมื่อครู่
สับสวิตช์เซลล์สมองลืมเมมโมรี่ชั่วคราว
“คริสติน่าเป็นคู่เดทเดินเข้างานพร้อมกันเฉยๆ พิธีตามธรรมเนียม แค่เพื่อนไม่ได้มีความหมายอะไร แล้วก็เป็นญาติของคุณแซม หลานสาว” อธิบายยืดยาวขณะผมเริ่มยิ้มออกหน่อยๆ
“ก็เห็นสนิทกันจัง” โจ๊กไม่ได้ค้อนลมฟ้าอากาศอยู่ชิมิ
“ช่วยทำเดโมเลยคุยกันบ้าง คริสติน่ารู้ว่าผมชอบผู้ชายมากกว่า”
“ไม่อยากรู้เรื่องนั้นสักหน่อย” รู้สึกหน้าไหม้คึ่ก
“โอเคครับ ไม่อยากรู้แต่อยากบอก หึหึ” หัวเราะในลำคอ
สืบเท้าเข้ามากางแขนเตรียมโอบกอดผม
อ๊ะๆ โจ๊กบ่ใช่คนใจง่าย แค่โหยหาอ้อมอกอุ่นๆ เท่านั้นเองสาบาน
...
หมับ...
ถูกต้องที่สุด วงแขนโอบล้อมร่างกาย
สูดน้ำหอมใหม่ไม่คุ้นหากไม่แปลกนาสิกเท่าใดนัก
อวลกลิ่นบุหรี่อ่อนๆ ยี่ห้อเดิมๆ ติดปลายจมูก
เป็นซากุระหงิหัวแดงของผมไม่เปลี่ยน
“เจฟ...”
“ครับ”
“คือ...เมื่อวันก่อนโน้นกูงี่เง่าไปหน่อย”
“ลืมแล้ว ปล่อยมันไป แค่วันนี้จิระของผมอารมณ์ดีอย่างนี้ก็พอ”
“จิระของผม...โด่” ผมซุกบ่ากว้างซ่อนหน้าแดงเถือก
“อึดอัดเหรอ”
“เปล่าไม่ได้อึดอัด สับสนบ้าง รู้สึกดีบ้างบอกไม่ถูก คืองี้...พูดตรงๆ อย่างลูกผู้ชายเลยนะ ที่มึงเคยบอกว่า เอ่อ...นั่นน่ะ”
“หือ...บอกว่า?”
ยักษ์คลี่ยิ้มน้อยๆ อยากกระทืบเท้าสักเป้ง
แต่บู้ตท่าทางจะแพงระยับ ยอมหมั่นไส้ด่าในใจก็ได้
“อย่างที่บอกทุกวันยังไงเล่า ไอ้สามคำของเจฟที่พูดประจำๆ น่ะ”
“555 ครับๆ ผมรู้”
เจฟที่ผมเรียกชื่อหัวเราะเสียงดัง
อุ้งมือใหญ่ลูบหลังหัวให้ผมอู้อี้กับอกมากเข้า
“ที่ผ่านมาก็ไม่ได้รังเกียจอะไร แต่กูคง...ให้ไม่ได้” ปลายประโยคผมลอยหายไปกับอากาศ
“...”
“คนนั้นของมึงคงไม่ใช่กูหรอกเจฟ...ขอโทษด้วย”
ไม่ทราบว่าโลกใต้เท้าหมุนไปกี่วินาที
เวลาผ่านไปช้าและช้ามากมายจนผมหายใจไม่ทั่วท้อง
“Please, shin up honey...” กำปั้นหลวมๆ เชยคางผม “พูดกับผม มองหน้าผม”
เสียงยักษ์สั่นเครือ รอยยิ้มเหือดหายไม่เห็นสีเลือดบนหน้า
“กะ...กูไม่ได้เป็นเกย์ อาจมีออร่าสีม่วงให้ใครต่อใครหลงมาติดเป้งบ้างแต่คง...ไม่รู้ว่ะ ตอนนี้ไม่ไหวจริงๆ” ผมหวิวจะยืนไม่อยู่
สบตาผมนิ่งงัน นัยน์ตาสีเทาหม่นแสง
“เข้าใจแล้ว...”
“...” ผมกลืนน้ำลายขมลงคอ โคตรจะไม่อร่อย
ในใจตะโกนรีบไปๆ เสียทีเถิด
อย่าให้รู้สึกผิดมากไปกว่านี้เลยขอร้อง
เขาโน้มลงมาหา ผมเงยรับ
ร่างสูงขบเบาๆ ให้เผยอริมฝีปาก
ล้วงลิ้นแตะปลายลิ้นชื้นของผมนุ่มนวล
ผมจุมพิตตอบ กลืนความรู้สึกของเขาไว้ในโพรงปาก...เราจูบกัน
...อ่อนโยน
...ไม่ดึงรั้ง
...ไม่บังคับ
...และเข้าใจ
ผมลืมตาอีกครั้ง
ม่านน้ำตาพร่ามัวจนมองไม่เห็นแผ่นหลังสีดำที่เดินจากไป
*************