จิระxจิระ
ตอน 22 ห้องใต้หลังคา
ณ นาทีนี้ผมกำลังนิ่งฟังเสียงของหัวใจตัวเองอยู่ครับ
ผมลืมตาตื่นมองเหม่อตลอดทางตั้งแต่ขึ้นนั่งในรถยนต์
ในหัวมึนๆ เบลอไม่คิดอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเนื่องจากนอนไม่พอ
คิดโน่นคิดนี่ พลิกซ้ายพลิกขวาสุดท้ายเผลองีบเพราะความเพลียช่วงรุ่งสางนี่เอง
ฝั่งเบรฟฮาร์ทใจกล้าบอกอยากเจอ อีกฝั่งหวาดหวั่นไม่อยากเจอ
วู้! ช่างหัวมัน ถือว่ามาเที่ยวก็ได้ฟะ
ไหนๆ ก็ไหนๆ อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเป็นไป
คุณแซมผู้กุมพวงมาลัยเปิดเพลงวงเดอะคอส์เบาๆ เข้ากระแสงานมิวสิคเฟสของที่นี่
คุณซาราห์ชอบวงนี้ ได้รถเช่าก็ยื่นซีดีแผ่นนี้ให้คุณสามี
เฮียน้าจอมหลับอยู่เบาะข้างคนขับ
(สงสัยนอนไม่หลับรำคาญผมดิ้นไปดิ้นมา
เพราะเพิ่งได้ยินเสียงกรนตอนผมเกือบๆ ม่อยหลับเหมือนกัน)
ผมครองเบาะหลังคนเดียว
กดปิดเสียงลั่นชัตเตอร์กล้องแล้วยิงสแน็ปช็อตมาเรื่อยๆ ตามทาง
เงี่ยหูฟังเพลงหนีตามกันของแอนเดรียนักร้องสาวหน้าสวยเสียงสวย
http://www.youtube.com/v/7nCq9Yo8Y3E[ Runaway : ศิลปิน The Corrs ]
Say it’s true, there’s nothing like me and you
I’m not alone, tell me you feel it too
And I would run away
I would run away, yeah..., yeah
I would run away
I would run away with you
Cause I am falling in love with you
No never I’m never gonna stop
Falling in love with you
With you...***
“...เข้าถิ่นแมคไนท์แล้วล่ะ” คุณแซมเปรยเบาๆ ผ่านทางกระจกมองหลังบอกผม คงกลัวน้าจอมตื่น
เออว่ะ แมคไนท์สองข้างทางเรียงพรืด
ท่าทางน่าจะเป็นที่น่าสนใจของเมืองนี้ มิน่าคุณแซมถึงชี้ชวนให้ดู
ยกกล้องถ่ายภาพร้านรวงเล็กๆ สองข้างทางเก็บบรรยากาศ
สภาพตัวเมืองสงบน่าอยู่พอตัว ฉากหลังคือภูเขาสวย เช้าๆ อย่างนี้มีคนขี่ม้าด้วย
นึกสนุกเก็บภาพร้านค้าที่พบเห็น คิดในใจจะเอาไปนับว่ามีชื่อแมคไนท์นี้เท่าไหร่กันเชียว
- ร้านโฟโต้แมคไนท์ ป้ายรูปกล้องอันใหญ่ๆ เด่นหรา
- ฟลาวเวอร์ริสแมคไนท์ มีดอกไม้บานสะพรั่ง
- วูดคราฟท์แมคไนท์ กำลังเอาแจกันตั้งโชว์ตู้หน้าร้าน
- วูดสมิธแมคไนท์ ขายเครื่องมือสำหรับงานไม้
และอีกสารพันอัศวินต่อท้าย
ส่วนใหญ่เกี่ยวพันกับไม้และภูเขาบ่งบอกอัตลักษณ์ของถิ่นที่อยู่พอตัว
อ่านถึงตรงนี้...
โจ๊กจั๊ดหง่าวจริงๆ ครับ ถ้ารู้ชื่อจริงนามสกุลจริงของเจ้าหมาผมแดงสักนิด
จะไม่คิดมาเหยียบที่ไหนเลยให้ตาย
ไม่เคยสงกาใดๆ เนื่องจากเสื้อนักเรียนนานาชาติปักหน้าอก ‘JJ’
ผมมองผ่านคิดว่าเจฟฟรี่กับเจฟเฟอร์สัน ตามที่เขียนหน้าปกสมุดหนังสือเรียนเท่านั้น
ไม่เปลืองสมองหาคำตอบ ก็ตูไม่รู้ชื่อไทยมันนี่หว่า
(ภายหลังถึงทราบว่าร้านรับจ้างปักทำผิด
แทนที่จะปัก MJ ตามนาม McKnight, Jefferon Jira
คุณพนักงานปัก JJ ตามชื่อต้นและชื่อกลางซะงั้น
ซากุระหงิขี้เกียจแก้จึงใช้อย่างนี้มาตลอด
(T^T) ย้ำว่าโจ๊กบ่ฮู้จริงๆ สาบาน)
...
...
ผมยืนปากสั่นอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งในแมคเคิลส์ฟิล์ด
ห่างจากสนามเมืองแมนเชสเตอร์พอประมาณ
ไม่อยากกดกริ่งตรงประตูรั้วทว่าเฮียและคุณแซมกำลังไซโคโจ๊กจนขนหัวลุก
ส่งสายตาเพ่งกสิณใส่จนหลังไหม้
(~กริ๊ง!)
เสียงกระดิ่งดังกังวาน
เด็กดอยจากบางกอกสะดุ้งเฮือกถูกไฟซ็อต จะโดนเจี๋ยนไหมวะตู
“Good morning, may I help you?”
เสียงทักทายจากชายฝรั่งร่างโย่งสูงเสียดฟ้าเดินมาเยี่ยมหน้าที่รั้วโปร่ง
หล่อเทพนัยน์ตาสีเทาเข้มและผมยาวแดงรวบหางม้ากลางหลังคล้ายคนคุ้นเคยทำผมหลบวูบ
“Hello, we are...” คุณแซมสปีคอิงลิชรับหน้าสื่อแทนพวกเรา น่ารักสุดๆ “Jeffry is here?”
ชื่อนามหัวแดงหลุดจากปากคุณแซมปุ๊บ
โจ๊กเขินหน้าม้านปั๊บพุ่งม้วนสามตลบใส่เกลียวครึ่งรอบเตรียมลี้จากยุทธภพ
“จะไปไหน” น้าจอมจับหลังคอไว้หมับ เห็นกันเป็นลูกแมวต้องคาบคอห้อยร่องแร่ง
“เง้อ...” เกรียนน้อยอยากกลั้นใจตาย ถอยช้ากว่าครึ่งชั่วธูป
เรากลับกันเถิดท่านประมุข ข้าน้อยไม่ได้ว้อนท์เลยให้ตาย
แค่อยากแวะเยี่ยมชมโรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้สน
ชิมน้ำเชื่อมเมเปิลและชื่นชมป่าน็อทติงแฮมของโรบินฮูดบ้างเท่านั้น
ไม่มีเจตนามาหารูมเมทที่หายไปเลยจริงๆ
...
คุณแซมคุยแป๊บๆ ก็ผายมือที่ผม บอกชื่อแซ่อีกต่างหาก
“This is Joke...his friend.”
“All right, I understand.”
ฝรั่งเจ้าของบ้านคนนั้นปรายตามองผมนิ่งๆ
คุณแซมถึงผละมาบอกข่าวให้ผมกับน้าจอมทราบ
“เจฟฟรี่ไม่อยู่ ข้ามไปไอร์แลนด์งานคอนเสิร์ตเฟสอะไรนี่แหละ ไม่ได้บอกว่ากลับวันไหน อาจจะเที่ยวที่อื่นต่อไม่แน่ใจ”
“ไม่อยู่เหรอ...” ผมครางอ่อยๆ หน้าซีดไม่เหลือสี พื้นที่ยืนอยู่ยุบตัวลงกะทันหัน
บัดซบเอ๊ย อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามมหาสมุทรมา
ซากุระหงิดันหายหัวไปลั้ลลาฟังเพลงที่อื่น เห็นดนตรีดีกว่าความรัก
แสดงว่าเรื่องราวระหว่างผมกับมันก็เป็นเพียงแค่เรื่องสั้นฆ่าเวลา
อยากอาละวาดพังบ้านแม่ง!!!...
“แต่เมื่อวานโทรมาบอกว่ายังเตร่อยู่ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดนะ เสียดายไม่ได้เจอกลุ่มเรา ไม่อย่างนั้นคงได้ชวนทัวร์สนามด้วยกัน” คุณแซม
“เฮ้ย...” ผมร้องอุทานเบาๆ ที่เห็นแวบๆ คือไม่ได้ตาฝาดชิมิ
“อืม...” เฮียลูบคาง น้าหลานหันมาเหล่กันโดยมิได้นัดหมาย
ก้อนใจในอกจิระฟูฟ่องมีชีวิตอีกครั้ง
“โทรตามอีกทีไม่ได้หรือครับ” ผมโพล่งอย่างมีความหวัง
จังหวะคุณแซมหันไปถามให้
ฉับพลันร่างสูงใหญ่ยักษ์พุ่งออกมาตะปบจิระจนล้มลงกลิ้งโค่โร่ไปด้วยกัน
v
v
v
“Oh, no!” มิสเตอร์ตกใจ
“เฮ้ยยย!” โจ๊กร้องลั่น ปะทะอุบัติการณ์แห่งรักฉับพลันไม่ทันตั้งตัว
“Behave, boys!”
“ว้าก! ช่วยด้วย เอามันออกไปที!”
ผมล้มเค้เก้ฟุตบาทหน้าบ้าน
เกรทเดนตัวเท่าลูกวัวกระโจนใส่เต็มๆ ดีมีเป้หลังรองรับไว้ไม่เจ็บตัว
นาทีนี้โดนนัวเนียเลียถ้วนทั่วด้วยสัตว์สี่เท้านามว่าสุนัข 5-6 ตัววิ่งกรูออกมารุมโจ๊ก
“Don’t doggies! STOP!”
“ไอ้สคูบี้ หยุด สคูบี้!”
ชื่ออะไรอยู่ในหัวโจ๊กร้องลั่น
น้ำมูก น้ำลาย ขนสุนัขเลอะทั่วใบหน้า
เสื้อผ้าเละเทะเปียกโชกเปื้อนแชมพูอาบน้ำหมาพร้อมฟองฟ่อด
“How do you know his name is Scooby?” คุณพี่ฝรั่งถามผม
“กูไม่รู้ครับ เอ่อ...I dont know” ผมช่วยจับปลอกคอเจ้าหมานรกไว้ไม่ให้วิ่งเตลิดออกไปกลางถนน
ย่านนี้บ้านเดี่ยวแบ่งคลัสเตอร์แยกเป็นหลังๆ สงบเงียบอยู่แล้วแต่กันไว้ก่อน
เดาเอาล้วนๆ ถ้ามีรถโฟลค์สวาเกนชื่อแช็คกี้ ก็น่าจะมีหมาชื่อสคูบี้ดูได้เหมือนกัน
...
...
ไม่ถึง 10 นาทีต่อมา...
โจ๊กรับหน้าที่ใหม่เป็นผู้ช่วยอาบน้ำหมาให้มิสเตอร์แจสเปอร์คนเปิดประตูรั้วเมื่อครู่เป็นที่เรียบร้อย
เด็กดอยจากเมืองไทยถอดเสื้อตัวนอกออกเหลือเสื้อแดงแมนยูได้มาใหม่ๆ หมาดๆ จากสนามเมื่อวาน
เนื้อตัวเปื้อนฟองแชมพูอาบน้ำสุนัข
ยืนถือสายจูงให้คุณแจสเปอร์ฉีดน้ำล้างเจ้าเกรทเดนสีเชสนัสตัวควายๆ กลางสนามหญ้าของบ้านหลังนั้น
จมูกเปียกๆ ของมึงจูบลิ้นปี่กู แถมแทะตราสโมสรเยินหมดล่ะ
(“โฮ่งๆๆๆ”)
(“หงิงๆๆๆ”)
อีกห่าใหญ่ส่งเสียงงี้ดง้าดอยากเล่นน้ำหรืออยากรุมสกรัมเด็กไทยมิทราบ
เห่าต้อนรับโฮ่งๆ กระดิกหางดิกๆ ไม่หยุดเชียว
“I’m sorry”
“อ๋อ...Ok, accident.” ผมรับ
มิสเตอร์แจสเปอร์รูปหล่อกล้ามล่ำ ผมยาวแดงมัดรวบอย่างเท่
น่าจะรุ่นน้องน้าจอมหลายปี
อยากโต้ตอบยาวๆ ว่าบ้านที่บางกอกมีสุนัขพันทางเป็นฝูง
พวกนี้คงได้กลิ่นจากกางเกงยีนส์หรือรองเท้าผ้าใบคู่เก่งชัวร์
(="=) กลับไปถ้าได้เรียนต่อพ่อจะเลือกหลักสูตรอินเตอร์ประชดชีวิต
...
“This is Scooby, he’s very naughty 555”
“I understand...naughty Scooby” ศัพท์คำนี้ผมพอรู้ หัวแดงเคยว่าโจ๊กเป็นลิงซนครั้งหนึ่ง
“Bernise is Zeus, he’s nice, that pointers are Megan Dilan and Sherlock, like Sherlock Holmes”
ท่าทางแจสเปอร์รักหมาน่าดู
ดวงตาสีเทาอ่อนโยนเวลาเรียกชื่อสุนัขก็นุ่มนวลจนรู้สึกได้
“Sherlock, hi.”
ผมทักสามตัวสีขาวมีจุดสีน้ำตาลเข้มลายพร้อยท่าทางปราดเปรียวเหมือนดัลเมเชี่ยล
แต่หน้าตาเอาเรื่องกว่า ยื่นมือให้มันดมๆ ดันระริกระรี้แย่งกันถูหัวจะให้ลูบอยู่นั่น
โจ๊กเหลือมือเดียวโว้ย
อีกข้างใส่เฝือกเดี้ยงอยู่เห็นไหม
เห็นใจบ้าง
...
“They’re good seeking and...”
ต่อยหอยเยอะแยะงานนี้ เจอเหยื่อแล้วนี่
มิสเตอร์รูปหล่อแนะนำฝูงสัตว์หน้าขนพลางเล่าวีรกรรมของพวกมันไป
เกรทเดนสคูบี้ตัวนี้เป็นของบราเธอร์ชื่อจิลเลี่ยน
ฝูงสกอตติชเทอร์เรียลสีดำ 4 ตัวนั่งนอนเกลื่อนเท้าเฮียที่ระเบียงเป็นของแกรนด์มา
ไม่รู้ว่าย่าหรือยาย เดาว่าคงจะเป็นย่านะผมว่า
ในกรงด้านโน้นคือโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ 2 ตัวไว้เก็บนก
ไวด์มาราเนอร์ แจ็ครัสเซลล์เทอร์เรีย คอร์กี้กับบัซเซสฮาวด์อย่างละกี่ตัวจำไม่ได้
มิน่าบ้านหลังนี้ถึงกั้นรั้วหลังบ้านไว้ดีเยี่ยมทีเดียว
หลังอื่นๆ แค่ปลูกไม้พุ่มเป็นแนวเฉยๆ
(ไม่รู้ว่าย่านนี้แมคไนท์ทั้งตระกูล จุ๊ๆ เงียบไว้ครับ)
มีซับไตเติ้ลไทยจะดีมาก ผมคุ้นสำเนียงอเมริกาแบบในหนัง
พี่แกแอ็คเซนส์อังกฤษแท้ๆ เด็กดอยฟังบ่ฮู้เรื่องเด้อ
แล้วกรุณาช่วยล้างเจ้าวัวนัยน์ตาโศกตัวนี้เร็วๆ หน่อย
มันกำลังย้ายมาแทะเฝือกข้าพเจ้าล่ะ
“He’s like you.”
“Oh, very good 555” ทำอย่างไรได้นอกจากหัวเราะ
ถามว่ากูอยากรู้จักพวกมึงไหมขอรับ
สคูบี้ยื่นจมูกเปียกๆ มาอมลิ้นปี่นิ่ง
ช้อนมองหน้าอ้อยสร้อยเลียปากแผล็บๆ อ้อนทำแปะ
เลียหัวนมกูด้วยสัตว์ เพราะมึงตัวเดียวถึงต้องมาติดแหง็กอยู่ที่นี่
ก่อนกลับขอมะเหงกสัก 3 ทีจะเป็นพระคุณ
เซอุสลั้ลลาขนเปียกหมาดเดินมาสีโจ๊ก
แล้วเสือกใจดียืนสะบัดน้ำอยู่ใกล้ๆ
พันธุ์ที่ขนสลวยยาวๆ ขาว น้ำตาล ดำ
สามสีเหมือนแลสซี่แต่ตัวเบ้อเริ่มประมาณเซนต์เบอร์นาร์ด
อ้าปากงาบพุงคงร้องจ๊ากลั่นบ้าน
แจ็ครัสเซลล์เทอร์เรีย คอร์กี้กับบัสเซสฮาวนด์ขาสั้น
จะมานั่งไซโคจ้องหน้าทำตาหวานใส่ทำไมจ๊ะ
ไม่ใช่เจ้านาย ไม่มีอาหารมีแต่บาทาเอาไหม
พอยเตอร์สีกระดำกระด่าง 3 ตัววิ่งดุ๊กๆ พันแข้งพันขานี่อีก
...
เห็นกูเป็นตัวอะไร เพื่อนเล่นเหรอ
ยิ้มสยามอย่างเดียวปล่อยสรรพสัตว์กระทำชำเรา
ไม่ติดสร้างภาพแขกผู้มาเยือนจะเตะให้ร้องเอ๋งรายตัว
น้าจอมนั่งเก้าอี้ตรงพอร์ชระเบียงหน้าบ้านห่างจากผมกับฝูงหมาแค่พุ่มดอกไม้กั้น
มีคนรับใช้นำอาหารชากาแฟ ขนมปัง ขนมเค้กมาเสิร์ฟดีจริงๆ
...
...
ครู่เดียวก็มีหนุ่มผมแดงอีกคนวิ่งมา
คนนี้หน้าหวานดวงตาสีเขียวสดใส
น่าจะเป็นพี่ผมแต่อ่อนอายุกว่ามิสเตอร์แจสเปอร์แน่ๆ
“Jasper! I heared that my Scooby $#%@#”
พ่นไฟใส่พี่แจสเปอร์ท่าทางร้อนรน
ทั้งคู่ตอบโต้กันเล็กน้อยก่อนหันมาที่ผมเขม็ง
“It’s alright Jillian and here Joke, he come from thailand”
“Aha! you’re Jira!?”
พี่ผู้ชายคนมาใหม่ทักชื่อจริงผมทันใด
เงิบครับ หนุ่มรูปงามผมแดงหยักศกพุ่งเข้ามากอดหมับรวดเร็ว
พิมพ์เดียวกับเจ้าเกรทเดนลูกน้องเด๊ะ
“Jillian, my brother.” พี่แจสเปอร์แนะนำ
“It’s really you 555 unbeliveable!” จิลเลียนคล้องแขนผมเต้นรำไม่สนโจ๊กป่วยแต่ประการใด
คุณแซมอย่ามัวแต่จิบกาแฟสบายใจ ช่วยโจ๊กทีครับ
...
จิลเลียนหันไปคุยเร็วปรื๋อกับแจสเปอร์
ผมฟังไม่ออกทั้งหมดจึงไม่สามารถบรรยายไทยได้
แต่เดาท่าทางยิ้มแย้มดีใจถึงพอโล่งอยู่บ้างว่าคงไม่โดนฆ่าแน่
...
...
ครู่เดียวคนรับใช้ก็เลื่อนวีลแชร์นำคุณผู้หญิงหัวหงอกออกมา
คุณแซมลุกยืนจูบหลังมือทักทายเลดี้แล้วผายมือแนะนำเฮียที่ลุกขึ้นต้อนรับเช่นกัน
น้าจอมจับมือเลดี้เบาๆ แล้วนั่งลง
คุณแซมเรียกชื่อโจ๊ก ผมจึงโค้งทำความเคารพอย่างงามๆ
อยากไหว้อยู่แต่มือเดียวเกรงจะไม่สุภาพครับ
ผู้ใหญ่โอภาปราศรัยชั่วครู่...
“Come on...” หญิงชราเรียกขึ้นไปหา โทนเสียงสไตล์เดียวกับซากุระหงิของผมเด๊ะ
ตกอยู่ในเวทมนต์ยื่นสายจูงให้คุณแจสเปอร์
(ทราบภายหลังว่าเป็นพี่ชายคนกลาง โจซัว โจเซฟีน (พี่สาวคนเดียว) แจสเปอร์ จิลเลียน และเจฟเฟอร์สัน)
เดินไปหยุดยืนเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ไกลๆ จนคุณแซมเรียกซ้ำ
“โจ๊กเข้ามาใกล้ๆ ท่านเลยครับ นี่คุณย่าเจฟฟรี่เอง”
“ผมตัวเปียก” ดึงเสื้อเปื้อนให้เห็น
“It’s alright, come on...” คุณผู้หญิงรอผม
...
ราศรีสตรีสูงศักดิ์ข่มผมจนจ๋องจ๋อย
สวมแว่นอันเล็กๆ ติดดั้งจมูกงุ้ม
หน้าตาเหมือนแม่มดเออซูร่าในหนังการ์ตูนดิสนีย์ยังไงยังงั้น
หากทว่าดวงตาสีเทาคู่นั้นช่างคุ้นเคย
และคล้ายเงาไม้ร่มเย็นชวนเข้าใกล้ไม่รู้ตัว
นึกดีๆ เจฟหัวแดงก็เป็นพ่อมดนี่หว่า
ครอบครัวแม่มดพ่อมดสืบเชื้อสายจากย่าถึงหลานคงไม่แปลก
ผมนั่งชันเข่าข้างเดียวให้คุณผู้หญิงเชยคางชมหน้าตามอมแมม
ท้องดันร้องโครกครากแซงหน้าเจ้าของ
((“โครกกกก...”)) ดังสนั่นกลางที่ชุมนุมชน
คุณย่า แม่บ้าน พ่อบ้าน พยาบาลของคุณย่า คุณแจสเปอร์ พี่จิลเลียน และผู้อาศัยของบ้านบานตะไท
ฝั่งไทยเรามีน้าจอมกับคุณแซม ไม่รวมม็อบเขี้ยวขาวอีกฝูงใหญ่ (>///<) อายมาก
...
...
พี่จิลเลี่ยนพาผมขึ้นไปชั้นสอง ยิ้มระรื่นชอบใจเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้
จับใจความได้ว่าเจฟฟรี่น้องชายตัวโตกว่าพี่ไปงานมิวสิคเฟสที่ไอร์แลนด์
เพราะจะหาซื้อแมกาซีนเพลย์บอยเล่มแรกลิมิเต็ดเอดิชั่นที่มีหน้าปกมาลิรีน มอนโรให้เพื่อนชาวไทย
ผมสันหลังหวะวูบ บุคคลที่ว่าคือข้าพเจ้าชิมิ
ของสัญญาจากรูมเมทที่เคยลิสต์ไว้
เจ้าหมาใหญ่ไม่เคยลืมรายละเอียดระหว่างเราแม้แต่น้อย
‘หรือมันกลับมาที่นี่เพื่อตั้งหลักกันแน่’ ลอบยิ้มใจเต้นโครมครามกลัวใครได้ยิน
...
ถึงโถงบันไดจึงดึงบันไดลิงลงมา
รุนหลังให้ผมปีนขึ้นไปหาเสื้อผ้าเปลี่ยนในห้องนั้นเอง
คุณแซมแปลไทยคร่าวๆ แล้วว่าเจ้าของห้องอนุญาตให้ใช้ได้
เลือกตัวที่ใส่ได้ตามสบายอย่างนี้ก็เสร็จโก๋สิ
ห้องใต้หลังคา...
เคยเห็นแต่ในทีวี น่าอยู่เหมือนนะนี่
ผมขึ้นไปยืนกลางห้อง จังหวะหัวใจบีบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ปิดงับไม่ได้รูดซิปวางอยู่อย่างลวกๆ
มีร่องรอยการใช้ของเจ้าของเมื่อไม่นานมานี้
โปสเตอร์นักกีฬา NBA ลูกบาสเกตบอลสีส้ม
ที่สูบลม อุปกรณ์นานาของของนักยัดห่วง
สเกตบอร์ด รองเท้ากับไม้สกี แผ่นเกมส์
หนังสือการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่อเมริกา โปสการ์ดหลายใบกับหลายๆ สถานที่
หนึ่งในนั้นคือภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่วัดอรุณราชวรารามของไทย
ผนังอีกฝั่งมีชุดคอมพิวเตอร์ PC แผงใหญ่
ฟูลออพชั่นพร้อมลำโพงครบเซตครองเต็มพื้นที่
แต่บนโต๊ะมีสายต่อสำหรับโน๊ตบุ้กถูกถอดออกกับแท่นวางเหลือไว้ดูต่างหน้า
...
สิ่งของต่างๆ บ่งบอกว่านี่คือห้องของเด็กผู้ชาย
ระเกะระกะสารพันแต่เป็นระเบียบในชั้นโซนของใครของมัน
...ห้องของไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
ถึงวินาที ผมรู้แจ้งแก่ใจตัวเองแล้วว่าผมคิดถึงมันเชี่ยๆ
คิดถึงสุดๆ โคตรจะคิดถึง
ที่เงยหน้าถามท้องฟ้า...
‘ไอ้ฝรั่งหัวแดงมันจะคิดถึงผมบ้างไหม’ คำตอบอยู่ที่นี่แล้ว
ผมเข่าอ่อนทรุดลงร้องไห้โฮ
สายตาพร่าเลือนด้วยน้ำตาแต่มิอาจละจากจุดนั้นได้
เสื้อสีเหลืองทีมชาติบราซิล แขวนเอาหลังออก
โชว์ ‘JIRA’ เบอร์ 13 เด่นหราอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า
...เสื้อของผม...
http://www.youtube.com/v/J1DFVl9vlSg[ไม่เคยหมดใจ : ศิลปิน Gear Knight ]
จากวันที่ปลดปล่อยเธอ ให้โบยบิน
ให้เธอเลือกทาง ที่เธอต้องการ
หัวใจสลาย ชั้นเหยียบมันไว้
ให้เหมือนลืมทุกสิ่ง
เธอคงไม่รู้ เธอคงไม่รู้หรอก เธอคงไม่รู้
ว่าทุกวัน ฉันยังคงเก็บไว้ที่เดิม
ตรงนี้ที่เคยใกล้ชิด ตรงนี้
ยังรัก และรัก ไม่เคยหมดใจ**********
เซอร์วิส บาย เชอร์ล็อก
