JIRA's JIRA
ตอน 26 รับน้อง ม.K
ผมเจฟฟรี่
จิระ เจฟเฟอร์สัน แมคไนท์ ว่าที่นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ชั้นปีที่ 1 ม.K มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร
มารับน้องโควตาน้องสถานที่ครับ นักศึกษายังน้อยจำนวนพอประมาณจึงอภิสิทธิ์เหมารวมอยู่ที่เดียวกันหมด
เดินทางมาถึงช่วงสายๆ ของวัน คณะอื่นแจมกันสนุกสนานยกเว้นวิดวะกลุ่มใหญ่สุด ทรงพลังสูงสุดเป็นผู้นำกลายๆ เปิดโซตัสใส่รุ่นน้องแรงตั้งแต่แรกกันเลยทีเดียว
เรา...ผมกับจิระของผมถูกจับแยกตั้งแต่เมื่อขึ้นรถคณะใครคณะมันแล้ว 10 โมงเช้ามาถึงก็เอาของไปเก็บที่พักซึ่งเป็นหอประชุมใหญ่ วางเตียงทหารเรียงพรืด 40 ที่ครบ เสร็จแล้วถึงถูกไล่ลงวิ่งออกกำลังกายเลียบหาด ทำกิจกรรมนั่งๆ นอนๆ อยู่ทะเลละแวกนั้นจนเที่ยงถึงกลับไปทานข้าวในวิทยาเขต
...
ค่อยชื่นใจหน่อย จิระของผมทำกิจกรรมอยู่ลานตรงนั้นพอดี
เห็นว่าคณะอื่นกับเพื่อนผู้หญิงได้นอนบนอาคารหอพัก ระบบสาธารณูปโภคครบครัน วิดวะชายเท่านั้นฝึกความอดทนแบบทหาร
เหยี่ยวบ่น “เวรกรรม”
ผมหัวเราะขำเพื่อน ตบบ่าให้กำลังใจ “แคมปิ้งลำบากกว่านี้ตั้งเยอะ”
“นอนตรงนี้นะ 1 2 3 4 5 เผื่อสองคนนั้นด้วย” กาย
“จองเผื่อกูด้วยเหรอ แทงกิ้วเว้ยกาย ขอข้างบนนะ” เก้
“กูก่อน มึงน่ะข้างล่างไปไอ้เก้” ซ้ง
เกาะกลุ่มเพื่อนโรงเรียนเก่าไม่เปลี่ยน คณะผม 5 คน ผม เหยี่ยว กาย เก้ ซ้ง สถาปัตย์มีเอเจกับเพื่อนผู้หญิงอีกคน เปิดเทอมใหญ่จริงๆ น่าจะมีเพิ่ม
...
ทานข้าวแบบบุฟเฟต์ไม่ลำบากอะไร อย่าลืมเรามหาวิทยาลัยเอกชน
“ไงมึง น้องโรงเรียนเรามากันแค่นี้”
“ไงเหยี่ยว เจฟฟรี่ กินได้ไหม”
พี่ติณกับพี่ฮูกสตาฟที่รู้จักแวะเข้ามาทักทาย พี่ติณเล่นบาสเกตบอลรุ่นพี่เก่าโรงเรียนเราเอง สนิทสนมถึงกึ๋น
ส่วนพี่ฮูกเพื่อนพี่ติณ เห็นว่าเรียนเซคเดียวกับพี่ติณ กินเหล้าด้วยกันบ่อย เจอพี่ติณที่ไหนจะมีพี่ฮูกห้อยติดไปด้วยทุกที่
พี่ฮูกเป็นนักวอลเล่ย์ทีม ม.K ด้วย ข่าวล่าว่าอย่างนั้น
“กินได้พี่ แต่ต่อไปขอร่มๆ หน่อยนะ จบรับน้องต้องบินไปคัดตัวมิลานแฟชั่นวีค”
“ห่า กลัวผิวเสีย หล่อใหญ่นะมึงน่ะ คู่หูเจฟฟรี่ด้วยหรือเปล่า ไอ้กายด้วยใช่ไหม” พี่ฮูกรู้จักกลุ่มเราทะลุปรุโปร่ง ชอบคนหล่อๆ ครับ
“ครับ” ผมรับ เหยี่ยวตัวตั้งตัวตีส่งพอร์ทโฟลิโอไป ห้ามไม่ทัน
“ผมรับงานถ่ายแบบไว้ครับ แต่อาทิตย์หน้าโน้น” กาย
“เห็นไหม กายมันยังไม่บ่นเลยสัด มะรืนก็กลับแล้ว คณะเราต้องโซตัสนะเว้ย หย่อนไปเสียชื่อแย่” พี่ติณ
“พี่ติณ ลิโพกับน้ำยอดข้าวเหมือนจะพร่องนะ ผมรู้ว่าพวกพี่คอแห้งต้องโชว์พาวเยอะๆ” เหยี่ยวยัดธนบัตรสีเงินสองใบใส่กระเป๋าอกเสื้อพี่ติณ
“555 ว่าแล้ว ป๋าตลอดล่ะเจ้าหมอนี่”
“ไม่เอากูเอาเอง” พี่ฮูกฉกแบงค์พันต่อจากกระเป๋าพี่ติณไปจูบจ๊วบๆ
“เฮ้ย เชี่ยฮูก ของกู!” พี่สองคนแย่งกันเป็นเด็กๆ
“พี่ติณ ชื่อโจ๊ก จิระคณะศิลป์สาดแขนเข้าเฝือกที่บอกพี่ไว้” ผมทวงรุ่นใหญ่
ป้ายชื่อห้อยคอ [โจ๊ก/จิระ] ส่วนของคณะเราไม่มี อยากรู้ให้หาเอง แต่รุ่นพี่ถามต้องตอบให้ได้ว่าเพื่อนชื่ออะไร สงครามโซตัสเล็กๆ
“อ๋อ จัดให้แล้ว ไอ้หยกไม่ให้แตะอะไรเลยมั้ง แต่เห็นบอกว่าดื้อมากจะทำตามเพื่อนหมดเลย พี่ก็ไม่รู้จะว่ายังไงจริงๆ ว่ะเจฟฟรี่” พี่ติณจัดได้ตามสั่งจริงๆ แต่ปัญหาคือแมวดื้อตัวนั้นต่างหาก
“ผมมีแผน เขาถ่ายรูปดี นี่ไงบล็อก ดึงมาถ่ายเฉพาะคณะเราได้ไหม วิดวะน่าจะมีภาพเก็บไว้หน่อย” เปิดแท็บเลตโชว์งานจิระโฟโต้ให้รุ่นพี่ดู
“เฮ้ย เอาลงเฟซด้วย ไวโว้ย โจ๊กเจ๋งวะ มือเดียวแท้ๆ” เหยี่ยวดึงไปดู พี่ฮูกกับกายจึงสนใจด้วย
“เจ๋งโคตรว่ะติณ น้องใหม่แน่เหรอวะ ฝีมือไม่ใหม่เลยนะนี่” พี่ฮูกตื่นตาตื่นใจ
“ก็ดีนะครับ ภาพลักษณ์มหาวิทยาลัยเราด้วย” กายสนับสนุน ผมไม่ชอบทว่าเลี่ยงไม่ได้
“พี่ติณ ให้เขาเป็นบัดดี้ผม ดึงเป็นช่างกล้องถ่ายแค่คณะเรา พ่อแม่เขาฝากผมดูแล” ผมสั่งพี่ติณแบบนิ่มๆ
“หวงฉิบ ท่าจะไม่ใช่แค่เพื่อนไว้เทคแคร์อย่างเดียวหรือเปล่าไอ้น้อง”
“มีบ้าง แขนยังเป็นเฝือกแข็งอยู่เลยเห็นไหม” เมื่อวานไซโคหมอยังไม่เปลี่ยนเฝือกอ่อนเพราะเหตุนี้ ก่อนเรียกกำลังเสริม “...เหยี่ยว”
“หา...อ๋อเอ้อ จริงครับ นั่นเป็นคนไข้ลุงผมเอง พี่ช่วยหน่อย” เหยี่ยวหลานชายเจ้าของโรงพยาบาลที่ผมขยำคอให้ช่วยรับแอดมิดออกปากอีกคน
“ได้ จัดให้” พี่ติณรับปาก
“ไว้จะหอบไวน์อิตาลีมาฝาก” ผมยิ้มๆ หว่านสินบน รู้ว่าจะดำเนินการให้แน่นอน
พี่ติณกับพี่ฮูกลั้ลลาจากไปพร้อมลาภก้อนใหญ่ ผมมองตามเห็นตรงดิ่งไปหาพี่หยก พี่สตาฟของคณะศิลปศาสตร์ คุยสักพักก่อนพยักหน้ามาที่ผม ส่งสัญญาณภารกิจลุล่วง
...
“โจ๊กแขนหักเหรอเจฟฟรี่ เป็นอะไรมา เมื่อเช้าลืมถาม” กายถามผม
“...” เงียบแสร้งตักเข้าปากไม่ว่างคุย จังหวะมือถือกายสั่นเตือนพอดี
“ใครโทรมาวะ?” เหยี่ยวถาม
“เก็ทไลน์มา” กายยิ้ม ยกมือถือบังพลางจ้องดูนัยน์ตาหวานเชื่อม
“ใช่เก็ทน้องชายจริงๆ รึเปล่า ดูทำหน้า ท่าจะมีข่าวใหญ่ว่ะ” เหยี่ยวแซวกายยิ้มแก้มแตกไม่สนใจอาหารในจาน
“ปะ...เปล่า ไม่ว่าไง พาเพื่อนไปซ้อมดนตรีเฉยๆ”
“แค่นี้ก็ต้องรายงาน น้องมึงท่าจะเพี้ยนไนซ์กายตามพี่ชายไปหน่อยนะ”
เหยี่ยวเล่นไม่เลิกแต่กายรีบปิดหน้าจอเก็บใส่กระเป๋าซ่อนไม่ให้เห็นเหยี่ยวจึงเลิกราไม่ติดใจ หากกายกลับอยากคุยกับผม
“เจฟฟรี่”
“หือ...ว่า?” ถ้ากายเรียกค้างคาพ่วงอากัปกิริยาประมาณนี้มักจะมีเรื่องคอขาดบาดตายเสมอ
“เอ่อ...” กายเหลือบมองเหยี่ยว
“เหยี่ยวมันเพื่อน ปากดีเพลย์บอยนิสัยเหี้ยแต่เชื่อใจได้ อย่างมันยังไงก็ต้องให้รู้ ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านโดยเฉพาะ...เพื่อน” ผมจงใจเผาตรงๆ
“อ้าวๆๆ” เหยี่ยวตาขวางออกอาการเล่นๆ
“555” ผมขำ ยกน้ำขึ้นดื่มพร้อมลอบมองตาคมที่กำลังมองมายังผมด้วยเช่นกัน
ท่ามกลางผู้คนมากมายเรามักหากันเจอเสมอ
“คะ...คือ...จะจีบกันผู้ชายด้วยกันต้องเริ่มด้วยอะไรก่อนดี” กายอึกอักแต่หลุดทั้งยวง
“พุ พรวดดด...!”
“พรวดดดดด...!”
ผมกับเหยี่ยวแข่งกันพ่นน้ำสงกรานต์ เสือกนั่งตรงข้ามกันด้วยเวรเอ๊ย
“กาย มึง จะ เป็น ...อุ๊บส์!”
“Stop!” ผมยื่นมือไปอุดปากเหยี่ยวทันเวลาพอดี “ฟังก่อน พูดมากาย” เปลี่ยนพูดภาษาอังกฤษไม่อยากให้โต๊ะข้างๆ รู้เรื่องเร็วเกิน
“มะ...ไม่ คือกูอยากรู้เฉยๆ เฮ้ยเหยี่ยว! เอามือถือกูคืนมา” กายตะกุกตะกักก่อนโดดคว้ามือถือคืนจากเหยี่ยว
ไอ้นี่ก็อยากรู้ความลับเหลือเกิน เพื่อนฝูงไม่มีละเว้น
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินกายน็อตหลุดขึ้นกูมึงกับพวกเรา
“เหยี่ยว!” ผมปราม กับเพื่อนใกล้ชิดยิ่งไม่ควรล้ำเส้น
กายหน้าแดงก่ำเหงื่อซึมสีหน้าเคร่งเครียดราวเพิ่งกระทำผิดบาปอย่างมหันต์
...
“ผู้ชายไหน มีแต่อัพไรท์เปียโน โด่...เพ้อรึเปล่าวะกาย” เหยี่ยวโวยด้วยเสียดายดูไม่หมด คงมองผ่านแว๊บๆ เหมือนที่ผมเห็น มือขาวๆ นิ้วเรียวยาวกับแป้นคีย์สีขาวดำ
วัยเด็กผมเคยเล่นไวโอลิน ส่วนเหยี่ยวถูกบังคับเรียนเปียโน เครื่องดนตรีชนิดนี้เหยี่ยวรู้จักดีมากกว่าผม
“ถะ...ถามทำไม ไม่ใช่กู เพื่อนกูต่างหากเล่า!”
“เพื่อนคนไหนวะ?” เหยี่ยวเซ้าซี้ ใครนอกจากกลุ่มเราคือใคร
“เพื่อนข้างนอก พะ...พวกมึงไม่รู้จักหรอก” กายเลิกลั่ก สีหน้าราวโลกถล่มกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก
ฉุกคิดถึงอาการชะงักงันวลาเห็นกายของคนนั้นแล้วผมตงิดไม่ชอบใจ เซนส์ลึกๆ บอกผมว่าจิระตาคมน่าจะสนใจกายอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แน่นอนว่าเวลานี้เขามองผมคนเดียวเต็มๆ สองตาแต่จะประมาทไม่ได้ ทุกอย่างของเขาต้องเป็นของผม ไม่แบ่งให้ใคร
...
“เพื่อนคนที่ว่าเคยมีประวัติชอบผู้ชายหรือเปล่ากาย” ผมตะล่อมสืบค้นข้อมูลเบื้องต้น
“เปล่า” No ชัดเจน
“แล้วน้องคนที่ว่ามีท่าทีเป็นเกย์หรือสนใจมึง เอ๊ย เพื่อนมึงหรือเปล่า”
“ก็เปล่า” กายเครียดหนัก
“โอ้ว้าว ชายจริงจะเล่นชายจริงๆ เหรอวะ กล้าขนาดนั้นเชียว” เหยี่ยวหูผึ่ง “ขนาดกูเพลย์บอยแต่ไม่เคยล่อชายแท้ๆ ที่เขาไม่เล่นด้วยเลยนะเว้ย มันไม่แมน”
ผู้ชายจริงๆ ริกินกันเองผมไม่เห็นด้วย
บรรลัย (=”=) กูก็คั่วกับเด็กฟุตบอลชายแท้อยู่นี่หว่า
ลอบมองอีกครั้ง จิระของผมคุยกับพี่หยกพลางจ้องเขม็งมาที่เรา พลังทำลายล้างพุ่งปรี๊ดมาแต่ไกล...จะซวยไหมวะ
ผมมีญาติพี่น้องเป็นเกย์รายรอบจึงคุ้นชินอยู่แล้ว พ่อกับแม่จำยอมยกให้ย่าตั้งแต่แบเบาะ ฝึกสอนสร้างวินัยเข้มงวดยิ่งกว่าทหาร สิ่งชูใจผมคือคู่สามีภรรยาเกย์ซึ่งเป็นอาผู้เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆ นั่นเอง
รู้ตัวชัดๆ ว่าชอบผู้ชายด้วยกันช่วงประถมปลาย ไม่อยากอยู่กับย่าจึงหาอิสระที่เมืองไทยกับน้าจีน่าญาติฝ่ายแม่
เหยี่ยวเบี่ยงเบนเกิดจากอุบัติเหตุล้วนๆ ผิดหวังจากหญิงคู่หมั้นคู่หมายตั้งท้องกับชายอื่นบวกพ่อไม่มีเวลาอบรมใกล้ชิดจึงเป็นไบประชด
ผมคบลึกกับมันไม่ใช่ชั้นเชิงเพลย์บอยเชี่ยวกราดทันกัน ทว่าเหยี่ยวเป็นคนหัวแข็งกล้าได้กล้าเสีย ชอบเซ็กส์และรู้จักศักยภาพตัวเองดีเยี่ยมจึงลอยลมบนฉิวสมนามเหยี่ยวขาวบินสูง
ฉายา ‘พ่อมดถุงยาง’ ของผมถูก ‘เจ้าชายคอมดอม’ ของเหยี่ยวทุบสถิติทิ้งภายในไม่กี่เดือน ร้ายพอกันถึงคบกันได้
บางคนเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ แต่กาย...ไม่ใช่
...
“แค่บอกจะลองก็ผิดแล้วกาย เรื่องนี้ไม่ควรลอง” ผม
“ทำไมวะเจฟฟรี่?”
“สงสารคนที่ถูกจีบ”
“...เอือก...” กายกลืนน้ำลายก้มหน้างุดหน้าซีดเข้าไปใหญ่
ผมรู้เลยว่านี่คือปราการหินที่สุดของเพื่อน อาจจะไม่มีวันก้าวข้ามเสียด้วยซ้ำ
“ตัวเรา ตัวเขา เพื่อน พ่อแม่ ครอบครัว สังคมรอบข้าง ทุกๆ อย่าง” ผมชักจูงให้ห่างไกล
“แค่วูบวาบกับน้องเขาเล่นๆ หรือเปล่า อยากได้เพราะหลงใหลชั่วครู่ชั่วยามกับรักแท้แพ้ใกล้ชิดมันคนละเรื่องเดียวกันนะเว้ยดูดีๆ ไอ้เพื่อนมึงคงไม่ได้พิศวาสผู้ชายด้วยกันจริงๆ หรอกกูว่า” เหยี่ยวเป็นงานเป็นการบ้าง
“วูบวาบ...?” กายเกาหัวเครียดจัด งงจัด
“ถ้าไม่มีใจยังไงมันก็เฟค เห็นหลายรายแล้ว อยู่ใกล้กูแม่งติดเชื้ออยากเป็นเกย์ กูหล่อกูดูดีไง เหยี่ยวสอนหน่อยซิวะ สุดท้ายคือเจ็บๆๆ บาดเจ็บเจียนตาย เข้าโรงพยาบาลบ้าต้องจูนสมองใหม่ก็มีนะเว้ย” เหยี่ยวช่วยแบบบวมๆ ทว่าได้ผล
“ก็...ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ก็ไม่คิดอะไรมาก เมื่อกี้เจอน้องเขา เลย...ไม่รู้ว่ะ” กายกุมศีรษะกลุ้มท่าทางสับสนมาก
“ถ้ายังสับสนก็ควรรอก่อน” ผมดึงเพื่อนด้วยความหวังดี just wait
“รอเหรอ?” กายเงยมองผม
“รอให้แน่ใจว่าเราพร้อมเคียงข้างเขาจริงๆ หรือเปล่า รักแท้อาจไม่ใช่การครอบครอง บางครั้งการยอมเสียสละเพื่อเห็นเขามีความสุขต่างหากคือรักจริง มึงมีคุณสมบัตินี้เต็มที่กาย อย่าลืม”
“จริงเหรอ...เสียสละ” กายทวนคำราวต้องมนต์
“ถ้าฟ้าลิขิตให้เป็นคู่กัน นานแค่ไหนก็ต้องได้เจอกันอยู่ดีนั่นแหละ” ผมกล่อม destiny
“ยกเว้นจะโดนสอยซะก่อน (โป๊ก) โอ๊ย!”
“ไอ้เหยี่ยว!” ผมลงโทษนกจัญไรไม่รู้จักโต
“มึงต่อยกูไอ้เจฟเฟอร์สั้น นี่แน่ะๆๆ” เหยี่ยวแค้นยืดเท้ามากระทีบเท้าผมใต้โต๊ะ ประเด็นของกายจึงถูกลดความสำคัญลง
เหมือนเจ้าแมวดื้อของผมไม่ผิด โลกจะแตกยังเห็นเป็นเรื่องสนุก
หากทั้งโลกติดเชื้อเกย์ได้เหมือนไวรัสซอมบี้ กายคือคนที่ผมไม่อยากให้เป็นเลย ความรักระหว่างชายกับชายกายไม่มีภูมิคุ้มกันและยังเด็กเกินไป ผมแค่ปรารถนาดีไม่อยากให้เพื่อนผิดหวังในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ พวกเรายังเยาว์นัก...ไม้อ่อนดัดง่าย ทว่าหักโค่นคือจบเห่
...
“เราอายุเท่าไหร่เอง จะเฟรชชี่ แล้วน้องอายุเท่าไหร่ เพศเดียวกันด้วย ให้ความหวังใครโดยเฉพาะความรักมันบาปมากนะเว้ย” ยิงกระสุนตรงกลางหัวใจ จุดอ่อนของกายที่มักจะฝืนตัวเองเพื่อผู้อื่นก่อนเสมอ
“คุกๆๆ คุกล้วนๆ” เหยี่ยวชิลร้องเป็นเพลงจิ้มไส้กรอกเข้าปากลั้ลลา
“โธ่เอ๊ย!” กายเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มขำ
คนคิดมากเช่นกายคงได้คำตอบในใจแล้ว
“แต่ถ้าเปลี่ยนใจอยากลองก็เชิญบอกท่านเจฟเฟอร์สันได้ทุกเมื่อ จัดเด็กติววางท่อน้ำแป๊บๆ รับรองฉิว” เหยี่ยวตัวชงไม่รู้เวร่ำเวลา
“ท่อน้ำไหนเหยี่ยว?” กายสงสัย
“เรื่องบนเตียง” ผมเฉลย
“อุ๊...แคกๆ” กายสำลัก หน้าแดงอยู่แล้วยิ่งลุกไหม้ควันโขมง “วางแผนให้เสพติดเซ็กส์เหมือนมึงล่ะซิ 555” กายเปลี่ยนเป็นหัวเราะ
“555”
พวกเราหัวเราะออก
เยี่ยม!!! เทคมือรอบวง
การรอคอยไม่ใช่นิยามความรักสำหรับผม เขาคนนั้นต้องเป็นของผมไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี หึหึ เจ้าแมวดื้อเอ๋ย
...
อิ่มข้าวจึงลุกจะไปหา...
“เจฟฟฟฟฟ!”
“ครับ” กางแขนรวบลูกกระสุนที่วิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“ทำไมกูต้องย้ายค่ายด้วยวะ คณะตัวเองก็มี” เขาหยุดอยู่ในวงแขนผมแต่โดยดี
“พูดดีๆ ย้ายค่ายไหน”
“พี่สตาฟให้มาถ่ายรูปคณะมึงอ่ะ เอาเฟซที่เพิ่งโหลดมาโชว์เองด้วย แกรู้ได้ไง วิดวะแม่งควายถึก ไม่มีสวยๆ งามๆ ซะด้วย แย่ว่ะ” อันหลังผมอยากแกล้งเขาแรงๆ แฮะ
ปลายจมูกเชิดรั้นย่นยู่เอาแต่ใจ คิ้วผูกโบส่งตาคมกลมโตน่ามอง ริมฝีปากจู๋เล็กๆ สีสดฉ่ำ ไม่ติดคนเป็นหาบจะจูบฟัดให้น่วม
“วิดวะมีไอที รูปหรือโพสต์รับน้องพี่เขาต้องดูก่อนอยู่แล้ว ข่าวรับน้อง ม.อื่นไม่ค่อยดี ภาพลักษณ์มหาวิทยาลัย” ผมใจเย็น
“เหรอ...”
“อืม...” ยอมฟังด้วย น่ารักตรงนี้
“น้องโจ๊กทางนี้ค่ะ มาจับสลากบัดดี้กับคณะพี่ก่อน น้องต้องอยู่กับพวกพี่อีกนานเลยล่ะค่ะ”
“โอ๋ย กรรมติดจรวด พูดปุ๊บมาปั๊บ” ตัวกวนซุกถูใบหน้ากับบ่าผม อยากกอดเต็มรับฉิบหาย
พี่ติณยกภาระให้รุ่นพี่ผู้หญิงมาจัดการเด็กแสบ ผมปล่อยวงแขนเปลี่ยนเป็นจูงมือพาไปส่งถึงกลุ่มพี่สตาฟถึงแยกไปรวมกลุ่มกิจกรรมกับเพื่อน เห็นพี่ฮูกขยิบตาส่งสัญญาณยิกๆ ท่าทางสนุกใหญ่
...
...
“เด็กเฝือกศิลป์สาดมาทำอะไรแถวนี้วะเจฟฟรี่ คุ้นๆ แต่นึกไม่ออก” ซ้งมองอยู่ก่อนแล้วเอ่ยถามผม
“นั่นโจ๊กเพื่อนพวกเราเอง อยู่ร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์หน้าปากซอยโรงเรียนเราไง เขาป่วยอยู่แต่ถ่ายรูปดี พวกพี่สตาฟเลยให้มาช่วย อย่าไปกวนล่ะ” กายตอบข้อสงสัยแทนผม
“อ๋อ บ้านที่ไปลากรถโฟลค์ให้เจฟฟรี่ไงซ้ง จำไม่ได้เหรอ” เก้
“จำได้ๆ ยังว่าอยู่ว่าเคยเห็นที่ไหน ศิลป์สาดซะด้วย ผูกมิตรดีๆ กูก็สามารถชะแว้บไปส่องสัตว์แถวนั้นได้ซิ...โอ๊ย!” ซ้งหน้าหม้อโดนฝ่ามือเก้
“ซ้ง...ไม่” ผมกระแทกไหล่ซ้งจนเซแท่ดๆ
“จิระ(ส์)จิระ” เหยี่ยวแซวขำๆ
“กวน” ผมชกเพื่อนพลางลอบยิ้ม ชอบชื่อนี้ชะมัด JIRA’s JIRA
...
แต่คิดผิด (="=) ภาคเอนเทอร์เทรนของช่างกล้องมีอานุภาพแรงจัด
(“ยิ้มหน่อยคร้าบ! ค้างไว้ๆ น่ารักได้ หายใจได้ ขอปรับแสงแป๊บ”)กางขาตั้งกล้องก่อนใช้มือเดียวปรับอุปกรณ์ สาวๆ วิดวะสวยไม่สวยโดนหมด
(“แมนๆ เซย์ชีสใน 9 8 7 6 5 4 3 2 1 ชีสสสสส์!”) หญิงหมดบวกพี่ฮูกล้งเล้งใส่ถึงเปลี่ยนเป็นชายงามบ้าง เห็นร้องเฮพร้อมใจโชว์หล่อเต็มที่
(“หน้าขึ้นกล้องกว่าปลาตีนอีกพี่ อีก 10 นาทีแอคชั่น!”) จิระของผม
(“นานไปมั้ยน้อง”)
(“ปลาตีนเห้อะไรวะ เอาหล่อๆ นะโว้ย ไม่งั้นพี่จัดเฝือกอีกข้างแน่”)
(เชี่ยฮูกเอาเปรียบว่ะ ลงมาช่วยน้องมึงคณะก่อนเลยให้ไว)
(ไม่ว่าง กางร่มให้น้องอยู่ มันเดี้ยงมีแขนเดียวไม่เห็นเหรอ เร็วๆ รีบทำรีบเสร็จ) พี่ฮูกย้ายข้าง
เสียงกลุ่มพี่สตาฟตัวดุแว่วๆ ไม่ไกล รุมพี่ฮูกบนฝั่งถือร่มกอล์ฟคันใหญ่ให้เด็กศิลปศาสตร์ ผมเป่าปากโล่งแต่กลุ้มใจหนัก กะซ่อนจากสังคมกลับกลายเป็นดาวเด่นของวิศวะเสียฉิบ ให้ตายเถอะ!!!
...
“เจฟฟรี่ กล้าโกงกางทั้งถุงหักหมดแล้วเชี่ย!” ซ้งร้องเสียงดังถึงรู้สึกตัวยกรถเข็นออก
“เก้รับไป”
"เฮ้ย อย่าโยน อ๊ากกกก!"
โยนเพื่อนอีกคนรับของร้อน เก้ร้องซวยแล้วจังหวะพี่สตาฟเข้ามาตรวจพอดี โทษทีสหาย
...
“ยิ้มหน่อย...!” มาแล้วเสียงนี้
“ยิ้มเชี่ย เหนื่อยชิบหาย โคลนเต็มตัวกูหมดแล้วโจ๊ก” เหยี่ยวว้าก โคลนเปื้อนถึงเอว เท้าเอวเกาะสะพานไม้ที่ตากล้องแวะมาซูมภาพพวกเรา
“สู้เว้ย 555” เด็กซ่ายิ้มแย้มกดชัตเตอร์แรงดีไม่มีตก
“เฮ่ย...ไม่เหนื่อยจะเบิ๊ดให้ เอาหล่อๆ นะโว้ย” เหยี่ยวหมดแรงโยนต้นกล้าที่เหลือให้กาย “เอาไปกาย หิวน้ำ” นายแบบตะกายขึ้นฝั่ง จังหวะพี่สตาฟเรียกรวมพลเพื่อกลับวิทยาเขตเตรียมเล่นรอบกองไฟยามเย็น
...
...
ปีนขึ้นมาได้แต่ละคนนอนแผ่หมดสภาพ เหยี่ยว กาย เก้ ซ้งตายคาตลิ่ง ผมไสรถเข็นปิดสะพานไม้ยึดเป็นของพื้นที่ส่วนตัว ดึงตากล้องลงนั่งเหยียดขายาวข้างๆ กัน ได้ทีถึงโยกไปนอนหนุนตักพักบ้าง
บอกได้คำเดียวว่าเข็ดจนตาย ขอกล้องจะเช็กภาพ เกือบ 300 ขยันไวใช้ได้ รูปผมซกมกเกินปกติแต่มีจำนวนมากกว่าทุกคน หึหึ
“เหนื่อย?” เขาถามผม
“อืม...” รับคำไม่เก๊ก คนนะไม่ใช่ยอดมนุษย์
“555”
“มีซ้ำ เกเรว่ะ อูย..เมื่อย ทุบหลังให้ที ขนกล้าจนกล้ามขึ้น”
ผมพลิกตะแคงนอนหันหน้าเข้าพุงเจ้าตัวแสบ สูดกลิ่นแป้งเด็กหอมจางๆ ทาไว้หนาเตอะเรียกว่าอาบมากกว่า เมื่อเช้าเหยียบพื้นห้องน้ำเกือบลื่นหัวฟาด
“เหมือนกัน พวกพี่ติณกับพี่ฮูกแกล้งด้วย ใช้งานเยี่ยงทาสยังสามัคคีถล่มกู หนอย เอาหน้าปลาตีนอัพแม่ง อยากแกล้งดีนัก” จิระของผมก็เปลี้ยพอกัน
“โหลดให้ เลือกทุเรศๆ เลยนะ” ผมร่วมมือเต็มที่
“ดีๆ จัดเลยให้ไว”
“หึหึ” เราสองคนกุลีกุจอลอบทำการ
...ผมหลุดเก๊กกรอบผู้ใหญ่เพราะเขา
...ผมหัวเราะเต็มเสียงเพราะเขา
...ผมกลับเป็นเด็กก็เพราะเขา...
...
เย็นนั้นกว่าจะอาบน้ำเสร็จ ออกมาร่วมทานอาหารกับคณะก็ช้าเกิน
สุภาพบุรุษยกห้องน้ำชายให้เพื่อนผู้หญิงอาบก่อนครับ
จิระของผมกลับไปเข้ากลุ่มกับเพื่อนศิลปศาสตร์ชั่วคราว ท่าทางจะเป็นหัวโจ๊กตามเคย นั่งตรงกลางพร้อมหัวเราะเสียงดังฟังชัดกับโบกแท็บเลตของผมโชว์ภาพไม่หยุด
“เด็กมึงทำกูป่นปี้ หน้าหล่อๆ งี้เละเป็นโจ๊ก เสียหายสุดตรีนว่ะเจฟฟรี่” พี่ฮูกฟ้องผมก่อน
“ดีแล้ว หล่อมากๆ พี่ติณเอาตาย” ปากเปราะแซวพี่อารมณ์ดีสบายใจ
“โด่...มึงอ่ะเจฟฟรี่” พี่ฮูกเงยมองหน้าหาเรื่องผมทันที
“ฮูก!”
“เรียกแล้วเห็นไหม ห่างๆ หน่อยผมไม่อยากโดนซิว” ผมยิ้มๆ
คนน่ารักของคนอื่นห่างไว้เป็นดีที่สุด หยิบจานตักกับข้าว ไม่ค่อยเหลือแล้ว ยังดีที่มีเศษไข่เจียวพอประทัง
พี่ฮูกหน้างอตักพะแนงตัดหน้าผมไปจนหมด บ่นพึมพำว่า “...เป็นเชี่ยอะไร เรียกอยู่ได้”
“ไปลากคอมันมากินเหล้าซิฮูก” ได้ยินพี่ติณสั่งคนของแก ท่าทางคืนนี้ผมยังต้องสวมหมวกสัตวแพทย์เฝ้าเจ้าคิตตี้อีกใบ
นึกอยากเก็บจิระของผมใส่กล่องปิดไว้ไม่ให้ใครเห็น อีกด้านกลับอยากเห็นตอนเมา สงสัยติดเชื้อแมวบ้าตามกัน ความคิดพิเรนทร์กว่าปกติที่เคย
...
...
ชายหาดด้านหน้าวิทยาเขต...
พี่สตาฟกลุ่มใหญ่แบ่งเป็นสองกอง เตาเผาอาหารทะเลปิ้งย่างกับวงเหล้า เพื่อนคุ้นหน้าเช่น เหยี่ยว เก้ ซ้ง เอเจ (หนีถาปัดมาซดน้ำข้าวหมักกับพี่โรงเรียน) อยู่กันครบ
“เจฟฟรี่ ถุงกุ้งกับปลาหมึกในถังตรงนั้นเอามาด้วย” พี่ติณชี้บอก
“ครับ” เมื่อบ่ายขนต้นกล้าจนล้า ค่ำมายังไม่รอดกรรมกรอีก ผมฉวยถุงของสดไปให้กายกับเก้ที่เตา ได้กุ้งเผาจานใหญ่ก่อนมุ่งวงสุรา
“เย้! กุ้งๆๆๆ” แมวร่าเริงชูมือรับของโปรด
“กินด้วย แบ่งมาๆ” พี่ฮูก
“ไม่ให้!”
“จะกิน!” สองคนโจ๊กกับพี่ฮูกแย่งกันเป็นเด็กๆ
“จาน พี่ติณ” ผมโกยใส่จานพี่ติณคนละครึ่ง
“เทเลยเจฟฟรี่ เอาไปไอ้ตัวกินกุ้ง แดกเป็นอย่างเดียวนะคู่นี้ เสือกอยู่ใกล้กันอีก วางหมดๆ ท้องร้องโครกครากน่ารำคาญ คนหรือนกฮูกวะ” พี่ติณเทศนาไปเรื่อยหากยัดใส่ตักพี่ฮูก ผมวางจานใส่มือเด็กพร้อมแย่งแก้วไปจิบ โอเคชงบางจ๋อย
เหยี่ยว ซ้ง เอเจฝั่งตรงข้ามมองเราคู่ดับเบิ้ลตาปริบๆ
รู้ว่าชอบเพราะน้าจุ๋ยต้มโจ๊กหมูจะบ่นอยากกินกุ้งทุกวัน ครั้งกลับจากอังกฤษไปอยู่ด้วยกันใหม่ผมลงทุนเข้าครัวทำกุ้งผัดบล็อกโคลีให้ เจ้าเด็กเกเรเขี่ยเลือกกินแต่กุ้งจนต้องผัดเฉพาะกุ้งใส่เข้าไปใหม่
ถึงทราบว่าไม่ชอบบล็อกโคลี คอยดูเถอะเจ้าเด็กไม่กินผัก
“กินข้าวแล้วเหรอจ๊ะ” หือ พูดว่าอะไรนะ
มีจ๊ะจ๋าจนตกใจ
เด็กตาคมยิ้มแฉ่งเงยคอตั้งบ่าตาแป๋วถามผม ฤทธิ์น้ำชาในมือเป็นแน่ ไม่น่าประมาทออกมาช้าเลยกู
“อืม...” ผมพาดขาคร่อมนั่งซ้อนลงเก้าอี้เปลตัวเดียวกัน
“แกะกุ้งให้โจ๊กหน่อยคร้าบ” เลื่อนจานกุ้งใส่มือผมเนียนๆ “แก้วกู เอามาจิ”
จะคว้าแก้วแต่ผมหยิบไปวางข้างหลัง คนกึ่มๆ ถึงเอนตัวกับอกจะเอาคืนให้ได้
“พรวดดดด...!”
“ฟู่วววว...!”
“555” เหยี่ยว ซ้งพ่นน้ำใส่ถังเหล็กที่ก่อไฟกลางวง เอเจหัวเราะร่วนอยู่คนเดียว ส่วนพวกพี่ 2-3 คนที่เหลือเหลือกตาค้าง
“บาดตาคนไม่มีแฟนว่ะ”
“นึกว่ามีแค่ไอ้นกฮูกตาโตคู่เดียว เจออีกล่ะ” พี่ๆ กลอกตาเบื่อๆ
เหยี่ยวมองเวลาก่อนถามผมจะร่วมงานกิจกรรมรับน้องเฉลยบัดดี้ข้างในหรือไม่ ผมบอกหิวกินไม่อิ่ม เหยี่ยวยิ้มๆ รู้กัน
“งั้นเก็บศพเองละกัน กูหาขนมไปแกล้งบัดดี้ดีกว่า ไปเว้ยพวกเรา ซ้งลุก เอเจไปบอกกายกับไอ้เก้ด้วย” เหยี่ยวชวนเพื่อนรุ่นเราและพี่ติณเข้าไปในรั้วอาคาร ได้ยินเสียงกลองตีเรียกน้องๆ ร่วมชุมนุมอยู่ข้างใน
“ได้ใครเป็นบัดดี้อ่ะเจฟจ๋า” จิระถามผม
“โจ๊กจ๋า...ของผมมั้ง” ผมก้มกระซิบคนเมา งับติ่งหูเค็มๆ ทีนึง
“เป็นไปไม่ด้าย นี่ไงจิระ ชื่อเราเหมือนกันเด๊ะ อิอิ” ยิ้มหวานหยาดเยิ้มหยิบแผ่นกระดาษออกมาอวด ‘จิระ’ วิศวะมีผมคนเดียว จะเป็นใครอีก
ยื่นหมัดเทคมือกับพี่ติณ “โอเคพี่ติณ” ผมค้อมศีรษะขอบคุณในที
“ง่วงจุงเบย”
“ง่วงก็นอน” ผลักหัวเกรียนโงนเงนลงกับเก้าอี้เปล พาดขากับตักผมส่งเสียงงึมงำหลับในทันที ฤทธิ์แอลกอฮอลบวกเหนื่อยจัด
“โอเคอยู่แล้วมีอะไรก็บอกพี่ เฝ้ามันไว้ไม่ต้องเข้าไปหรอก แล้วไอ้ดื้อคนนี้ให้แค่แก้วเดียวห้ามเกิน ดูไฟด้วยเดี๋ยวกลับมา” พี่ติณจิ้มพี่ฮูกจึกๆ
“คร้าบผ๊ม!” พี่ฮูกตะเบ๊ะ ยิ้มกริ่มยักคิ้วกวนเหมือนใครไม่รู้
...
...
บรรยากาศชิลบนหาดทรายสายลมผสมวงสุราชวนให้ชมชอบ พี่ๆ แต่ละคนผลัดกันอำเรื่องนั้นเรื่องนี้สนุก ผมดื่มบ้างแต่คอยดูแลคู่พี่ฮูกกับเจ้าคิตตี้มากกว่า เขาหลับคาตักทิ้งพี่ฮูกโม้เรื่องผีให้คนในวงขนลุกเล่น
“จริงๆ นอนอยู่ดีๆ รุ่งเช้ากลายเป็นศพลอยอยู่กลางทะเล นางเงือกที่นี่ทุกตัวอย่างสวย อื๋มกว่าดาราเอวีอีก”
“อยากได้อยากโดนว่ะฮูก จัดมาสักดอกซิวะ”
“อย่าท้านะมึง ลองไปก้มมองลอดหว่างขาดู เล็งไปตรงประภาคารตรงนั้นนะ วันนี้คืนเพ็ญด้วยเจ้าที่แรงห้ามพลาด ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”
“อย่างนี้ต้องลอง ลุกเว้ยพวกเรา ไปจับนางเงือกกัน!”
ยุขึ้นหายไปท้ายหาดด้านโน้นเกือบหมด เหลือพี่ฮูก ผมกับจิระที่หลับเป็นตายอยู่แค่ 3 คน พี่ปากเก่งถึงของเข้าตัวบ้าง
“อ้าว! ไอ้ตูดหมึกหายไปไหน เมิงทิ้งกูอีกแล้วเหรอ...ฮือ...” มาแล้วครับดราม่า พี่ฮูกหันซ้ายหันขวาไม่มีใครถึงสะอื้นน้ำตาไหลพราก
“พี่ติณ...ฟัง” ผมกดโทรออกบอกคนในสายก่อนชูไปใกล้ๆ รู้กัน
“เชี่ยตูดอยู่ไหน มานอยู่ที่หนาย อ่อก...จาอ้วก” พี่ฮูกคลานหนีจากวง ผมลุกตามหวังจะช่วยจังหวะเด็กในคอนโทรลตื่นพอดี
“งืม...เจฟ...”
“ตื่นเหรอ อยู่นี่นะดูพี่ก่อน”
“หือ...อือๆ กุ้งกูอยู่ไหนวะ” งุนงงหากพยักหน้าหงึกหงักควานหาของกินเข้าปาก (=”=) ปัญหาแต่ละคน
ลูบหลังให้พี่ฮูกที่วิ่งไปอาเจียนโคนต้นสน ทางโน้นก็เสียงดังเรียก
“เชี่ยเจฟ! บังอาจทิ้งกูเหรอไอ้บ้า มึงไม่บอกสามคำกูเลยนะวันนี้น่ะ ไอ้ชั่ว ไอ้เลว ไอ้ควายเรียกพ่อ...ฮึก” ผีเข้าอีกคนครับ
“อ้วกกกกก...!” พี่ฮูกภาระทางนี้พ่นเละเสื้อ แอร์โรสมิธตัวใหม่ของกู
“เจฟ...โฮ! ไหนว่ารักกูไง มึงทิ้งกูไปหาคนอื่นอ่ะ ไอ้เชี่ยนั่นมานเป็นครายฟะ ครายยยย...!” งานเข้าแล้วไง
“ผมอยู่นี่ แป๊บนึง!”
“อ้วกกกก...เจฟฟรี่...ขอน้ำหน่อย” พี่ฮูกทรุดจะจูบของเสียต้องจับไว้ ส่วนจิระของผมปล่อยโฮตะโกนลั่นหาด
“ไม่มีใครรักกู...ฮือ...!”
บัดซบเอ๊ย! ผมกัดฟันกรอดสบถในใจ ถอดเสื้อยืดล้างน้ำยื่นให้พี่ พระเอกก็โผล่มาทันเวลาพอดี
“เจฟฟรี่! อยู่ตรงไหนวะ?” พี่ติณ
“ทางนี้พี่ติณ!”
“ได้ตัวล่ะ ดูเองเจฟฟรี่ ใจมาก”
หันกลับไปเห็นร่างไหวๆ โผลงกับฟองคลื่น ผมใจหายวาบวิ่งกวดสุดชีวิต กว่าจะคว้าได้เล่นเอาเหนื่อย
“โจ๊ก...!” กอดเขาไว้แนบอก
“แคกๆ เค็มจังเจฟจ๋า”
“บ้าเอ๊ย จะตายยังเล่นอยู่อีก คิดยังไงวิ่งลงทะเล!” โกรธจัดโมโหมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“รักโจ๊กคนนี้ได้ยังครับเจฟ...”
“ได้แล้ว...ผมรักคุณโจ๊ก ผมอยู่นี่ ผมรักคุณ”
คลื่นทะเลเย็นฉ่ำ ผมพร่ำจูบพลางกระซิบบอกขณะกอดรัดแน่นสุดใจ
*************เวนสเดย์

edit : เช้าวันศุกร์
-----prueksa ขอบคุณมาก
ซ้งหน้าหม้อโดยฝ่ามือเก้=โดน