----nekko สวัสดีตอนเช้า
----tuckky มอร์นิ่ง

********************
จิระxจิระ
ตอน 30 เปิดเทอม
เช้าแล้ว...
เปิดเทอมวันแรกของชาวเราเหล่านักศึกษามหาวิทยาลัย K
“ฮ้าวววว...!” โจ๊กเองจ้า ให้ลั้ลลารับวันใหม่ยังมิใช่นิสัยอยู่ดี เด็กวัยกำลังกินกำลังนอนต้องทำใจ
“มอร์นิ่ง” เจ้าของบ้านร่างสูงโย่งชุดนักศึกษาที่หล่อเท่ดูดีกว่าโจ๊กนิดเดียว (ซะเมื่อไหร่) เอ่ยทักทาย
“หิวจัง มีอะไรกินบ้าง” ผม
“ไทด์ยุ่ง ยืนก่อน” จับบ่าจิระยืนตรงเคารพธงชาติ
“เป็นก้อนๆ ยังไงไม่รู้ ผูกยากจัง”
“นิ่งๆ”
มือใหญ่คลายเนคไทออกหมดก่อนเริ่มต้นมัดให้ใหม่ เนี้ยบเป็นระเบียบกว่าเจ๊ 200 เท่า ขอมอบรางวัลแม่ศรีเรือนดีเยี่ยม
“มัดผมไหม?” ผมเต็มใจเซอร์วิสกลับบ้าง เห็นงัวเงียเซๆ เป็นซากซอมบี้จึงอยากอยากเอาใจบ้างก็เท่านั้น ตำแหน่งผู้อาศัยดีเด่นเป็นประกัน
“อืม...เจสเตอร์ come...” นายแบบนั่งลง กระดิกนิ้วเรียกลูกสมุนอันดับหนึ่งที่สภาพตาปรือพอกันมาใกล้ๆ แล้วเอาอุ้งเท้าแล้วเหยียบไว้
สภาพออโต้ไพรอทยังมิพร้อมใช้ทั้งคนทั้งหมา
เส้นผมสีแดงยาวสยายถึงต้นคอ สั้นกว่าปกติเล็กน้อยเพราะเมื่อวานเพิ่งเล็มปลายผมให้เอง พ่อเจ้าเจสเตอร์ชอบนั่งกลางหว่างขาโจ๊ก กางแขนพาดสองข้างเห็นกันเป็นเก้าอี้ส่วนตัว แฮร์สไตลิสต์คันไม้คันมือจึงจัดซะ
บ้านนี้มีแม่บ้านและพนักงานจากเพ็ทชอปมาดูแลตั้งแต่ส่งส่วยเลี้ยงดูปากท้องของเราสองคนทุกเช้ากลางวันเย็น พร้อมทำความสะอาดบ้านทั้งหลัง ดูแลสวนและสนามหญ้ารวมถึงซักผ้าให้ สบายยิ่งกว่านอนโรงแรมห้าดาวมากแถมพิเศษคือฟรีไม่ต้องจ่ายตังค์
ข้อนี้โจ๊กชอบที่สุด อุอุ
...
...
จัดการมัดผมให้เรียบร้อยซากุระหงิก็ฟุบกับท่อนแขนเข้าโหมดสลิปปิ้งต่อ นิสัยค้างคาวนอนหลังเที่ยงคืน เมื่อเช้ากว่าจะลุกจากเตียงผมเกือบก่อคดีเหตุฆาตกรรมในห้องปิดตาย
ปลุกไม่ตื่นสักที ทุบก็แล้ว ถีบก็แล้ว เกือบจุดไฟเผาบ้านแต่ยั้งไว้ทัน
“ข้าวต้มกุ้ง?” ผมเลื่อนโถข้าวหวังอีกฝ่ายเอาเข้าปากหลายๆ คำจะได้ตาสว่างขึ้นบ้าง
“กินเถอะ”
“กิน!” เชิญชวนเต็มที่
“ฮึ...” ยักษ์เซย์โน
“งั้นน้ำส้มคั้น น่านะ” ผมพยายาม
“อือ...”
“หมดแก้วแล้วจะไม่กวนเลยจริงๆ” ยกมือสาบานตน
“โอเค”
พยักหน้าหงึกหงักหนังตายังปิด เท้าเหยียบคอเจ้าเจสเตอร์ที่นอนหลับอยู่ใต้โต๊ะคงเดิมไม่เปลี่ยน
เอาวะ เซอร์วิสเบรกฟัสท่านเจ้าของบ้านเสียหน่อย
ผมจับแก้วป้อนจ่อปากพร้อมยัดขนมปังตาม เด็กโข่งอ้าปากเคี้ยวๆ กลืนอย่างเสียมิได้ เอามือปิดปากไว้ครับ มุกนี้เห็นจากป้อนยาเจ้าเจสเตอร์วันก่อน ยัดแล้วลงคอแล้วจับปากไว้ไม่ให้อ้ารับรองกระเดือกแน่นอน
อาหารเช้าเต็มพุงก็ได้ฤกษ์ออกรบกันล่ะ (^0^) เล็ทสะโก!!!
...
...
ตัดฉากไปที่ ม.K ของเรา...ฮัลโหล!!!
ดับรถโฟลค์แช็คกี้โชเฟอร์ก็หันมาสั่งการ ไม่สนว่าจะมีโปรแกรมรับน้องนักศึกษาใหม่แน่นเอียดรออยู่ข้างหน้าแต่ประการใด
“อย่าดื้อ อย่าซน รีบกลับมาหาผม”
“โห คนนะไม่ใช่แมว แล้วจะรู้ไหมวันนี้มีอะไร ไว้บ่ายๆ เย็นๆ ก็เจอกันล่ะน่า”
“โทรไปต้องรับ”
“คร้าบ ได้ครับเสด็จพ่อ” กระผมยิ้มกว้างอารมณ์ดี ตูกำลังจะไปเจอซัมธิงนิวในเทศกาลเฟรชชี่กันล่ะเหวย
“ดื้อ...หึหึ” ตัวสูงกว่ายื่นหน้ามาทำท่าจะหอม อย่าหวังซะให้ยาก
“จุ๊ๆ สถานที่ราชการเขาห้ามให้อาหารสัตว์เลี้ยง”
“คนไม่ใช่แมว ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง” ดูมันย้อน ยิ้มแล้วด้วย
“ก็นั่นแหละ ห้าม” โจ๊กหรี่นัยน์ตา
“555” สว่างไสวเสียงดังแต่เช้า วิ้งๆ เท่เซอร์เกิน โจ๊กหมั่นไส้จึงชกหัวไหล่ไปหลายตุบ
...
เราเดินไปด้วยกัน...
ที่จอดรถนักศึกษาอยู่ติดรั้วท้ายตึกคณะศิลปศาสตร์ สภาพเป็นลานโล่งๆ รกร้างพอสมควร มองเห็นอาคารชอปกับคณะวิศวกรรมศาสตร์อยู่ถัดไปไม่ไกล มีที่เหลือให้จอดในรั้วสถาบันนับถือว่าดีพอใช้ครับ
“ตรงนี้นะ” ยังไม่วายบอกจุดนัดพบของเรา ณ ลานชมพูพันธุ์ทิพย์ ด้านข้างอาคารคณะผม
“อะไรตรงนี้?”
“เรียนเสร็จจะกลับบ้านให้มาเจอกันตรงนี้ไม่ต้องไปรอที่รถ มันรก งู อย่าลืมโทรบอกด้วยล่ะ”
“รู้แล้วย้ำจริง เสร็จเมื่อไหร่จะโทรบอกเองหรอกน่า ไปได้แล้ว วิดวะอาคารเอ EN-201 ห้องประใหญ่ชั้นสองเร็วๆ เข้า”
ผมรุนหลังพร้อมบอกที่หมายของอีกฝ่ายบ้าง เบบี้ซิสเตอร์จำเป็นกลัวพ่อเจ้าเจสเตอร์จะโดนโซตัสเล่นงาน
‘ตายได้แต่ห้ามขาด ห้ามหาย ห้ามสาย ทำตัวเปรี้ยวมากจะโดนหมายหัวตั้งแต่วันแรกเลยนะมึง กูก็ช่วยไม่ได้’ พี่ติณขู่ไว้
อุเหม่ ดีแล้วที่ไม่ได้เรียนวิดวะ ผมคิดในใจ
“EN-201 ครับผม ขอบคุณครับ...อยากหอมแก้มจัง” เจ้าเล่ห์อีกล่ะ
“กวนล่ะ ไปได้แล้วเจฟ!” ผมดังลั่น เผลอยิ้มกว้างมองตามจุกสีแดงเส้นผมชี้โดเด่อย่างขำๆ
...
...
เฟรชชี่คณะศิลปศาสตร์ทั้งหมดถูกต้อนเข้าห้องเลคเชอร์ใหญ่ คุ้นหน้าจากโควตาบ้างบางคนหากส่วนใหญ่เป็นเพื่อนใหม่ใสกิ๊ง อาจารย์กล่าวต้อนรับอย่างเป็นทางการ แนะนำนั่นนี่พร้อมให้โอวาทตามสเต็ป
“โจ๊ก” ผมบอกชื่อตัวเองกับผู้ชายร่างโย่งผิวทองแดงนั่งติดกัน
“อาโป”
“เราณีเป็นบัดดี้อาโปตั้งแต่โควตา เราจำโจ๊กได้นะ ใส่เฝือกแขนเดียวแต่ถ่ายรูปเก่งมากเลย” ณี
“อีฟค่ะ เพื่อนณี เพิ่งเปลี่ยนใจมาเรียนที่นี่ แนะนำด้วยนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” สาวสวยผมยาวท่าทางคิกขุเพื่อนณี
“ชื่อทักษ์กับฟ้าใสค่ะ เอกมิวสิกยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
สาวสวยน่ารักที่สุดในห้องชะโงกมาแนะนำตัวกับโจ๊ก เห็นกล่องไวโอลินวางข้างๆ ด้วย
โอ้ว้าวสตั้นไป 0.1 วิ เลือกมานั่งแถวนี้เพราะคนนี้ครับ...ฟ้าใส คัดเลือกดาวคณะเมื่อไรผมว่าฟ้าใสนี่ล่ะชนะใสๆ ขอเสนอชื่อพร้อมยกมือโหวตให้ตั้งแต่นาทีนี้กันเลย
...
“พักเที่ยงแล้วไปหาอะไรกินกัน เร็วโจ๊ก!”
“จะรีบไปไหน เฮ้ยๆ แขนกูเบาๆ เพื่อน!”
อาจารย์สั่งเลิกปุ๊บ ผมถูกอาโปกระชากปั๊บ หิ้วปีกแขน (ข้างขวาข้างดี) ร่องแร่ง ดึงซ้ายป่ายขวาแหวกฝูงชนประหนึ่งวิ่งตามควายโดยไม่ได้ฟังเสียงร้องท้วงของณีและอีฟใดๆ
ต่อไปตูเลือกคบแต่กับสาวน้อยน่ารักดีกว่าแฮะ
...
...
ผมกับอาโปมาหยุดตรงหน้าโรงอาหารวิศวะ
เอิ่ม...ตูอยากลิ้มชิมอาหารคณะตัวเองเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย เหตุไฉนเธอพามาไกลถึงที่นี่
“อ้าวโจ๊ก คิดถึงกูมากเหรอ ถ่อมาหาถึงคณะเชียว” เหยี่ยวโผล่มาจ๊ะเอ๋พอดี
“อ้วก! คงคิดถึงอยู่หรอก” ผมกลอกตาหน่ายๆ หนีไม่พ้นชิมิ
“เพื่อนมึง?” อาโป
“ศัตรู” ผม
“กวนว่ะ ไปๆ พวกกูนั่งตรงนั้น” เหยี่ยวต้อนผมสองคนเข้าไปข้างใน
พลันประสบพบยักษ์หน้าตาถมึงทึงก้าวยาวๆ มาคว้าตัวผมลากไปโต๊ะม้ายาวที่หมาย
“นั่งนี่” ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครนั่นล่ะไม่ต้องเดา
“เจฟ...” ผม ดีใจปนโล่งอกอย่างมากมายแต่เก๊กหน้าตายไว้
“กินอะไร?”
“อะไรก็ได้ ข้าวก็ดี มีกุ้งด้วยจะสุดยอด อิอิ” ถูกกดบ่าให้นั่งแหมะลงกับเก้าอี้ยาว
“รอนี่”
“ครับผม”
จิระไม่ได้ยิ้มแต้อยู่ชิมิ แค่ติดนิสัยเด็กน้อยถูกตามใจจนเคยตัวเท่านั้นเอง จะเอาอะไรพ่อมดเสกให้สบายไปล้านแปด
...
โอ๊ะโอ๋ เหล่มาฝั่งตรงข้ามเจอะอาโปกำลังจ้องผมอยู่
“แฟนมึง?” ไอ้อาโป (=^=) ไอ้ผีเจาะปากไร้สกุลรุนชาติตัวดำปิ๊ดปี๋
“หา! เฮ้ย...ก็ เอ่อ...นี่...” (>///<) โจ๊กกรี๊ดในอกคิดหาคำตอบให้วุ่น ซาตาน หมาใหญ่ประจำบ้าน ซะมี สถานภาพยุ่งขิงจริงโว้ย
“เดี๋ยว...ก่อนจะพูดอะไรออกมากรุณาคิดดีๆ ให้เกีรยติคนของมึงหน่อยโจ๊ก ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วกูรับได้ เอาให้แน่ๆ อย่าโกหกตั้งแต่วันแรกรู้จักกัน ขอร้อง”
“Oh, I like this guy 555” เหยี่ยวหัวเราะตบหลังอาโปดังอั๊กๆ ราว 6-7 ครั้ง อาโปร้องอ๋อยทรุดตามแรงโน้มถ่วงลงจูบโต๊ะ พวกนรกนี่มัน...
“โหวววว...!” ข้าพเจ้าเจอใครเข้าล่ะงานนี้
“อะแฮ่ม...!” ยักษ์วัดแจ้ง (ยังไม่ไปไหน) กระแอมพลางเหล่ผม มือกำหลังคอไว้อีกต่างหาก เค้าบ่ใช่เจสเตอร์นะตัวเอง
“เอ่อ...เจฟ นี่อาโปเตะบอลสมัครตัวทีมมหาวิทยาลัย แล้วก็...” กลืนน้ำลายแป๊บ มาคุจังฮู้
“ม.6 เมื่อกี้เคยเข้าค่ายกับไอ้นี่แต่คนละกลุ่มไม่รู้จักกันหรอก อยู่เป็นเดือนถึงมีข่าวว่าเด็กกรุงเทพมาใหม่แขนหักเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นไม่รู้ เจออีกทีโควตา เพื่อนชี้ให้ดูเลยอ๋อคนนี้นี่เองโจ๊กเดี้ยง” อาโปชิงเล่าประวัติความเป็นมาเสียเอง
“นั่นแหละ โรงเรียนฟุตบอลที่สระบุรีไง จำได๋เปล่า” ผมกะพริบปริบๆ ชะม้อยชะม้ายชายตาเงยมองหมาดุ ไม่ได้ร้อนตัวจริงๆ นะเออ
“...” เสียงพ่นลมหายใจฟู่แทนคำตอบ คิ้วผูกโบหนักข้อ เอาล่ะเหวยรู้สึกโจ๊กจะงานเข้าตงิดๆ
“เอาโอเลี้ยงใช่เปล่า ไปซื้อน้ำก่อนนะ” เผ่นครับ คติประจำใจจิระ
...
...
ย้อนกลับมาพบเหยี่ยวกำลังแนะนำเพื่อนคนมาใหม่เต็มโต๊ะ
“นี่กาย เก้ ซ้ง แล้วก็เจฟฟรี่เพื่อนกู”
“อาโป” อาโปพยักหน้าบอกสั้นๆ
“ลุก ซ้ง”
“จ๊าก!” ยักษ์ดึงคอซ้งออกจากจุดที่ผมนั่งเมื่อครู่ ซ้งร้องว้ากดังลั่นจนทุกคนละแวกนั้นหันมามองโต๊ะเราเป็นตาเดียว
เหวย เหล่าวิดวะฝูงหย่าย!!!
“เช้ด! คล้ายว่ามู้ดนี้ท่านเจฟเฟอร์สันจะองค์ลงกะทันหัน ข้าพเจ้าขอลี้ก่อนนะขอรับ ไปกันเถอะซ้ง อ้าวเอเจสหายรักมาพอดี นั่งไหนแจมด้วยจ้า พี่ไข่มุกหวัดดีครับ” เก้ร้องทักเอเจกับพี่ไข่มุกที่แวะมาเฉียดใกล้โต๊ะ สองคนเก้กับซ้งแยกจากไปทันทีเหลือพวกเราโด่เด่ไม่กี่คน
ฤทธาท่านเจฟเฟอร์สันโดยแท้
จิระอีกคนเวลาไม่เอาใครก็ประมาณนี้ล่ะครับ แยกได้ดังนี้คือ...
เลเวลแรกจะเข้ากอดอ้อนจากข้างหลัง พูดใส่หู “นอนเถอะง่วงแล้ว”, “ป้อนหน่อยอยากกิน” เป็นต้น พูดจารู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างตามระดับความเอาแต่ใจ แต่ตัวติดเป็นปลิงเกาะอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการ
เลเวลถัดมาคืออย่างเมื่อเช้า เงียบกริบ ไม่หือไม่อือไม่เอา อีหรอบนี้จะพูดไม่รู้ กรอกหูแค่ไหนท่านไม่สน หูทวนลมไปเรื่อยต้องบังคับป้อนใส่ปากยัดใส่มืออย่างเดียวถึงจะเอาอยู่
ต่างจากเวลาอยู่กับเพื่อนฝูง กับเหยี่ยว เอเจหรือเพื่อนคนอื่นจะเคร่งขรึมเป็นผู้ใหญ่ผิดเป็นคนละคน เวลายักษ์หลับสนิทผมเคยด้อมๆ มองๆ ล้วงแคะแกะเกาแถวๆ หลังหูเผื่อเจอปุ่มสวิทช์ปิด-เปิดแล้ว ฟู่...มีตัวเอเลี่ยนเล็กๆ แบบในหนังเรื่อง เมนอินแบล็ก บังคับร่างกายอยู่ข้างใน
จินตนาการอยู่เหนือเหตุผล คติโจ๊กบัญญัติเองสดๆ ร้อนๆ
...
“ซื้อมาแก้วเดียวเหรอวะโจ๊ก น้ำแข็งเปล่าล่ะ” เหยี่ยวมองแก้วโอเลี้ยงกับขวดน้ำเปล่าในมือผม
“สั่งแล้ว คนเยอะขี้เกียจรอเลยเอามาเท่านี้ก่อน”
“ไปซื้อข้าว เดี๋ยวเอาน้ำแข็งมาเพิ่มเอง ร้านนั้นใช่ไหม โจ๊กนั่งเลย” กายลุกไป
ผมกับฝรั่งยึดทางนี้ เหยี่ยวกับอาโปฝั่งตรงข้าม 4 คน แต่เสาไฟฟ้าทั้งคู่แอบพ่นไฟใส่กันไม่หยุด
[‘กินข้าวเสร็จก่อนเข้าบ่ายไปหาพี่ที่ห้องชมรมด้วย’]
เสียงติงเบาๆ ข้อความเข้าเครื่องผม ตัวใหญ่ยื่นหน้ามามองใกล้ๆ จงใจเบียดร่างผมติดเสาหัวโต๊ะโจ่งแจ้ง อยากรู้มากล่ะสิ
“พี่หยก” ผมบอก ยื่นมือถือให้รับไปดูเอง นั่งตักได้นะเจฟ โจ๊กไม่ถือ นาทีนี้แล้ว
“อือหึ” กุมทั้งมือถือและมือผมไม่ปล่อย ผมก็ลืมสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามแตะ ห้ามดูแล ห้ามให้อาหารสัตว์เลี้ยงในสถานศึกษาไปสิ้น
“ไหนดู มีเบอร์พี่แกแล้วทำไม่บอกกูวะโจ๊ก” อาโปยื้อข้ามมาจะเอาโทรศัพท์ผม เอ๊ะ อะไรกันเพื่อนใหม่จัญไร
“อยากได้?” ฝรั่งถาม
“เออ” อาโปพยักหน้ายอมรับ
“08 ที่เหลือ...”/ (‘ติ๊ด!’) ฉิบหาย พ่อกดลบเนียนๆ แบบมองหน้าอาโปตาไม่กะพริบ
“อ้าวเฮ้ย มือถือกู!?”
“อะไรวะ!?” อาโปร้องเป็นควายถูกเชือดเหมือนกัน
“เล่นอะไรกัน?” เหยี่ยวงง
“มันลบเบอร์พี่หยกกูอ่ะ อุตส่าห์ให้มาตั้งกะโควตา!” ผมหน้าง้ำฟ้องนกกระจิบฉอดๆ เล่นอะไรกันพวกนี้ ไม่ชอบขี้หน้ากันนักก็วัดเลยสิอย่าช้า ประทุษร้ายเบอร์โทรพี่สุดหล่อผิวขาวจั๊วะของจิระทำไมมิทราบ
“ก็ขอใหม่ซิวะจะยากอะไร หรือจะให้กูยิงให้”
“ไม่ต้องเหยี่ยว เป็นผู้ชาย อยากได้ก็หาเอง” ดวงตาสีเทาจ้องเขม็งที่เพื่อนทองแดงฝั่งตรงข้าม
“ให้มันได้อย่างนี้” อาโปเกาหัวยุ่ง มองข้ามไหล่ผมไปอีกล่ะ
“โจ๊ก พี่แกอยู่นั่น” เหยี่ยวบอก
“อ้อ พี่หยกอยู่นี่ด้วยเหรอ ไปดีกว่า เบื่อคนมือบอนชอบใช้อำนาจในทางมิชอบกับชาวบ้านชาวช่องจริงว้อย ลบทำไมวะคนยิ่งมีธุระอยู่” ผมงุดๆ ลุกไปหาพี่คณะ
...
...
พี่หยก เหรัญญิกของชุมรมภาพถ่ายแห่งคณะศิลปศาสตร์นั่งอยู่ในโซนใกล้ๆ กันนี่เอง ชุดโต๊ะเก้าอี้พลาสติเดี่ยวๆ สี่ตัวแบบในศูนย์อาหารทั่วไป มีเก้าอี้ล้มตึงทุก 5 นาทีได้
“พี่หยกครับ อ้าวพี่ฮูกพี่ติณสวัสดีครับ” จิระไหว้กราด
“อ้าวโจ๊ก มาเหยียบวิดวะตั้งแต่วันแรกเลยเหรอ เออว่ะ พวกเจฟฟรี่กับเหยี่ยวอยู่ที่นี่ๆ หว่า”
“ครับ” แต่โจ๊กไม่ได้ตั้งใจมาประสบพบพักตร์พวกมันนะ แค่ความบังเอิญบวกพรหมลิขิตบันดาลชักพาเท่านั้นเอง
“เจอตัวก็ดีแล้วพี่ว่าจะให้เราถ่ายรูปงานรับน้องต่ออีก อาจารย์บอกรูปสวยดี วิดวะซอฟต์ไปเลยใช่ไหมติณ”
“อืม คณบดีสั่งมา” พี่ติณนั่งฝั่งเดียวกับพี่ฮูก กำลังสาละวนบริการพวงเครื่องพวงให้พี่ฮูกแบบตัวติดกันด้วยนะนั่น
“โอ้ว้าว เหรอครับ ให้ตามถ่ายทุกช็อตทุกวันแบบครั้งที่แล้วหรือเปล่า อย่างนั้นผมจะไม่ได้รับน้องคณะเราน่ะซิ ยิ่งไม่ค่อยได้รู้จักใครซะด้วย เพื่อนโควตายังจำได้ไม่หมดเลย” เป็นปลื้มเล็กๆ แต่แอบเล่นตัวน้อยๆ
“ไม่ต้องรู้จักใครหรอก เพราะพวกเรารู้จักมึงหมดแล้วโจ๊ก” พี่หยกหยอกผม ทราบเพราะขึ้นกูมึงพร้อมส่งรอยยิ้มหวาน มุมนี้พี่หยกหล่อแฮะ
“อ้าว ไหงงั้นล่ะพี่”
“โซตัสเอนจิเนียร์ ม.K แรง คนนอกเข้าไปส่องทุกวันได้ที่ไหน บอกน้องกูไปติณ เชิญ” พี่หยกพยักหน้าไฟเขียวให้พี่ติณ มีพี่ฮูกยักคิ้วดิกๆ กวนผมอีกคน
“ไว้พี่โทรตามเอง วันไหนก็ติดกล้องมา ฝากด้วย มีเบอร์น้องแล้วใช่ไหมฮูก...กินดีๆ เปื้อนหมดแล้ว” พี่ติณดุพี่ฮูกที่กำลังโซ้ยราดหน้าอยู่ ยื่นทิชชู่ให้บวกก้มใกล้มากจนจมูกพี่ติณจะชนหน้าพี่ฮูกล่ะ กิ้ว!!!
“ครับผม” โจ๊กถูกหวยไม่ทันตั้งตัว ทว่าแวบนั้นผมเห็นแววตาพี่หยกหม่นแสงลง พี่หยกที่กำลังมองคู่เพื่อนตัวเอง...อย่างเผลอๆ
...
เดิน 13 ก้าวกลับมาที่โต๊ะม้ายาว เบียดยักษ์ลงที่เดิม เหลือที่ไว้แคบมากอยากให้นั่งตักก็บอกมาเถอะ โจ๊กจะจัดให้อย่างสาสม
“ว่า?” อาโปยื่นหน้าถามกระตือรือร้นจนผมสงสัย
“ว่าไหน?” โจ๊ก
“พี่แกว่าไง”
“อ๋อ พี่ติณจะให้ถ่ายรูปรับน้องใหญ่ ที่วิดวะนี่แหละ วันไหนเดี๋ยวโทรบอก คราวนี้ห้ามลบเบอร์พี่ฮูกกูด้วย เออว่ะ ลืมขอเบอร์พี่หยกอีกแหละ วู้ อะไรวะวันนี้” ประกาศข่าวพร้อมเพลียตัวเอง
“แปะก๊วยหน่อยไหม ความจำจะได้ยาวๆ” เหยี่ยวแซว
“แหวะ กินข้าวไปเลยมึง อาโปไม่ไปซื้อข้าววะ” ผม
“อือๆ” อาโปพึมพำเหม่อๆ สายตามองข้ามไหล่ผมไปที่โต๊ะรุ่นพี่ไม่วาง ผมมองตามอยากรู้ว่ามองใคร...พี่หยกนี่เอง
พี่หยกหรือ???
คุ้นๆ ว่าอาโปจ้องพี่หยกตั้งแต่ออกจากห้องเลคเชอร์คณะเราแล้ว (เมื่อครู่พี่หยกกับพี่สตาฟไปยืนคุมพวกเราในห้องครับ)
เอ๊ะ หรือดริฟท์ผ่านฝูงชนเมื่อครู่คืออาโปวิ่งไล่ตามพี่หยก เสือกเรื่องชาวบ้านคือเซนส์พิเศษของโจ๊กครับ เพื่อนเก่าสมัยมัธยม TCK ทอฟฟี่ แคท ไก๋ สอนมาดี
...
ตรงหน้าผมมีข้าวราดผัดบล็อกโคลี่กับหมูทอดวางอยู่ เหยี่ยวกับยักษ์แดงจานคล้ายๆ กัน คงเลือกส่งเดชด้วยความรวดเร็ว แต่ไม่เอาหรอก ข้าน้อยไม่โปรด
“เจฟ...ไม่กินบล็อกโคลี่อ่ะ” ผมโอด อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ผักเขียวอื๋อชนิดนี้ ผักบุ้ง คะน้า ตำลึงอย่างอื่นได้หมด
“อ้าว ก็สั่งกุ้ง ทั้งร้านมีแค่อันนี้แหละ” เหยี่ยว
“กูไม่กิน ขมคอจะอ้วก นะเจฟนะ”
“มานี่” มือใหญ่สลับจานไก่ผัดขิงกับหมูทอดเปลี่ยนกับผม เหยี่ยวก็เลื่อนจานจะตักไข่เจียวให้สมทบ โอ้เยี่ยม
“วู้ เรื่องมากนะมึงเนี่ย มิน่าถึงเตี้ยม่อต้อ โตมาได้ยังไงวะ” บ่นจัง
“ไอ้นกกระจอกปากห่างหัวโกรน ขี้บ่นปากมากแถมใจร้ายอีกต่างหาก”
“งั้นอย่าเอาเลยไข่” เหยี่ยวชักจานกลับ
“เอามานี่เหยี่ยว”
เจฟตักไข่เจียวฉึกแบ่งครึ่งให้ผมสงบศึก รักหมาใหม่จุงเบย อุอุ ส่วนอาโปยังคงทานอาหารว่างไปพลางๆ ไม่ขยับไปไหนแต่มันยิ้มๆ ขำโจ๊กครับ หมาเจฟเลยยิ่งล้วงมือมาบีบต้นขาผม
อายแต่ด้านเพื่อปากท้อง จำไปใช้ได้ครับไม่หวง
...
“เจฟฟรี่ โกลเด้นที่มึงถาม กูบอกผ่านให้น้าแก้วหมดเลยนะ” เหยี่ยวเล่าเรื่องใหม่
“อืม” ฝรั่งรับทราบ
“โกลเด้นไหน!?” โจ๊กหูผึ่ง เหยี่ยวถึงบอกมีสุนัขโต 2-3 ตัว บ้านคนรู้จักจะโละเพราะซื้อพันธุ์อื่นมาเลี้ยง ถามแล้วแต่หัวแดงบอกปัดไม่เอา
“เขาเปลี่ยนไปเลี้ยงซาลูกิเลยจะยกให้ฟรีๆ แต่โกลเด้นตัวใหญ่มากแล้ว รอลูกหมาดีกว่าโจ๊ก เจฟฟรี่หาได้อยู่หรอก” เหยี่ยวบอก
“แต่กูอยากได้ ชอบพันธุ์นี้ เล็งไว้ตั้งนานแล้ว”
“ของบ้านท่านเจ้าสัวพ่อปอร์เช่นะ คนที่ไปบุกบ้านมึงวันนี้น่ะ” เหยี่ยวหันมาเจรจาต้าฮวยกับผมตรงๆ โต้งๆ
“อ้อ” ขอบาย ไม่เอาก็ได้ฟะ ไม่อยากมีข้อพิพาทภายหลัง ชื่อนี้ฝังใจพิกล
เหยี่ยวเปลี่ยนเรื่องบอกว่าจะแวะไปหาคุณแก้วที่บ้านเพราะอยากขึ้นรถเต็มแก่ ที่ผ่านมาติดดอยนานเกิน
“เล่นหุ้นด้วยเหรอวะ?” อาโปละสายตาหันมาถามเหยี่ยว
“อืม” เหยี่ยวยิ้มๆ สบตาพ่อมดของผมอย่างรู้กันนัยๆ สองคนไม่ปริปากใดๆ ต่อ
“แม่กูทำงานบริษัทนั้น (บอกชื่อบริษัทโบรกเกอร์) ซื้อไว้ให้บ้างแต่รอ 20 เปิดพอร์ตเอง ตอนนี้เล่นบอลอย่างเดียว” อาโป
“อ้าวเหรอ คนที่กูจะไปเจอชื่อคุณแก้วกานดา ทำงานบริษัทนั้นเหมือนกัน”
“เฮ้ย น้าแก้วกานดาเหรอ คุ้นๆ เหมือนจะรู้จักว่ะ”
อาโปกับเหยี่ยวคุยวงในกันเอง แม่เป็นเลขาของใครสักคนในบริษัทนั้นและรู้จักคุณแก้ว-แก้วกานดาที่เหยี่ยวกล่าวถึง
คู่นี้เล่นหุ้นทาอินเทอร์เน็ตผมพอทราบด้วยเห็นหนังสือเต็มห้อง หลักๆ คือ คอมพิวเตอร์ รถยนต์ประเภทซูเปอร์คาร์ กีตาร์ สุนัข อาหาร ของแต่งบ้าน ประวัติศาสตร์ แต่แผงใหญ่คือธุรกิจและการลงทุน หัวแดงเป็นหนอนหนังสือผิดคาดครับ
ห้องที่บ้านตูมีเกม กีฬา การ์ตูนและโป้ โจ๊กอายไหมบอกเลยว่าไม่ (แต่ตอนนี้นิ้ดส์นึง)
อาโปเป็นนักฟุตบอล เข้าที่นี่เพื่อคัดตัวทีมมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ คุยกันว่าถ้าแขนผมหายเมื่อไหร่จะชวนไปเล่นฟุตซอลด้วยกัน มอบความฝันบรรเจิดให้จิระโดยแท้
...
“โลกมันกลมนะว่าไหม 555” อาโปยิ้มกว้างสบายใจ
“เออว่ะ เอาเบอร์มาเผื่อได้คุยกัน” เหยี่ยวจะแลกหมายเลขโทรศัพท์
“เมื่อกี้มีเบอร์พี่หยกใช่ไหม ยิงให้หน่อยซิวะ”
“เหยี่ยว...ไม่” ท่านประธานเจฟเฟอร์สันเอ่ยเรียบๆ เหยี่ยวชะงักกึกหันมองยักษ์แดง
“เฮ้ย! อาโป มึงจะจีบพี่หยกเหรอ” ผมโพล่งตามความรู้สึก
“เปล๊า!” อาโปสะดุ้งโหยงมือถือหล่นโต๊ะดังตุบ
“เป็นเกย์หรือแค่สนใจ?”
“เปล่าไม่ใช่ วู้ แค่เวลาซ้อมไม่ได้เข้าเชียร์จะส่งข่าวบอกพี่แกไง เรื่องมากไปได้” อาโปร้อนรนเกินจำเป็น
“เหยี่ยว...” เจฟเสียงเย็นใส่เหยี่ยว
“งั้นไม่ให้ว่ะ นั่นพี่โรงเรียนเก่ากู มึงมีธุระก็ไปบอกพี่หยกเอง คณะเดียวกันนี่หว่าจะยากอะไร” เหยี่ยวเก็บมือถือ
“โธ่...” อาโปเซ็งเป็ดฟุบกับโต๊ะอีกหน
ผมหันมองตาซากุระหงิ ตั้งแต่แลกเปลี่ยนสสารทางพันธุกรรมกันและกันอาการเกย์เรดาร์เริ่มมีลางๆ พอให้เห็นบ้างบางครั้งบางคราว อาโปและพี่หยกผมว่าเป็นชายแท้ไม่ส่ออาการให้เห็น หากแวบๆ ที่อาโปลอบมองพี่หยกมากเกินไป
เก็บไว้ในเวทติ้งลิสท์รอจับสังเกตอีกนิด...หวังว่านะ
...
“มีอะไรกันเหรอ?” กายถือจานอาหารกลับมานั่งโต๊ะ ถามอยากมีส่วนร่วมเฉยๆ
“เปล๊า!”/ เปล่า!” ผมกับเหยี่ยวตอบพร้อมกัน
(ต่อ)