สวัสดีตอนเช้า!!!
มารอด้วย โค้งงามๆ

***************************
จิระxจิระ
ตอน 33 ป่วน
“วันก่อนไม่มาเรียนวะโจ๊ก เห็นเมื่อวานเป็นวันหยุดเลยยิงยาวเหรอ หัดโดดร่มตั้งแต่เปิดเทอมนะมึง”
อาโปทักผมในคลาสเช้าวันพฤหัสบดีต่อมา ไม่อยากเลย ขอวันนี้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์เพิ่มได้ไหมโจ๊กขอร้อง (ไทม์ไลน์คือ อังคารเช้าเจ้ายักษ์กลับมาบ้าน พุธหยุด วันนี้พฤหัสบดีถึงจำใจลุกมาเรียนตามปกติ)
“กูไม่สบายกระทันหัน เป็นไข้ไม่สบายปวดหัวตัวร้อน เจ็บท้องขี้แตกมาไม่ได้ทำนองนั้น” เกทับซะเลยจบๆ เรื่อง
“กวนว่ะ เรียนรวมเช็กชื่อให้แล้ว แต่เข้าคณะเมื่อไหร่...ตาย!”
“แทงกิ้วหลายๆ สหาย บุญคุณนี้จะไม่มีวันลืมชั่วชีวิตครับท่านอาโป” ผมยิ้มโล่งสบายแล้วเรา คบเพื่อนดีล้วนดีไปแปดอย่าง
“พูดซะเพราะ แล้วเป็นอะไรเดินกะเผลก”
“เปล๊า! ขาไม่เท่ากันเฉยๆ”
“ไอ้นี่” อาโปจะเขกมะเหงกผมเล่นกันเป็นเด็กๆ
คนแวดล้อมโจ๊กเดี๋ยวนี้ตัวสูงเป็นยีราฟทุกที เจฟ เหยี่ยว กาย เอเจ อาโป ชายไทยแท้เยี่ยงจิระไม่เข้าใจครับ
“อุบัติเหตุนิดหน่อย เมื่อกี้เหยียบอะไรแถวนั้นตรงที่จอดรถไม่รู้”
ผมมั่วซั่วลิ้นพันกันหาคำตอบให้ว่อน ในใจเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันสุดติ่ง ไอ้เวรซากุระหงิลอบสังหารกู หรือกระผมเผลอใจอ่อนกะมันเอง
(=”=) งงตัวเอง
เจฟมันพรากพรหมจรรย์โจ๊กไปแล้วโรงเรียนจีนครับ สารภาพอย่างหน้าไม่อาย รายละเอียดไม่ขอเล่าเพราะลูกผู้ชายกินในที่ลับไม่ขายในที่แจ้ง
ตามพล็อตนิยายทั่วไปควรจะเป็นเวลาดึกมืดๆ มองไม่เห็น นางเอกอาจถูกมอมยาขาดสติว้อนท์ให้พระเอกจุดๆๆ หรือไม่ก็ข่มขืนตบจูบฉีกกระชากเสื้อขาดดังแคว่ก
บรรยายฉากอีโรติกแบบบถึงเนื้อถึงหนัง โยกกันให้เตียงสั่นปังๆๆ แก้มก้นกระทบกันดังพั่บๆๆ แล้วก็กรีดร้องอย่างสุขสมดังก้องลั่นห้องเทือกนั้น
ตูดันสมยอมกอดตอบมัน...จิระกับจิระ...
อร๊ายยยยยย!!! หน้าแดงไปไหน
...
“ฝรั่งซี้มึงไปไหนซะล่ะ แยกไปคณะแล้วเหรอ?” ถามถึงโจโฉๆ ก็มา
“ก็เออซิ หรือมึงอยากให้มันเปลี่ยนคณะมาเรียนกับเราก็ได้นะ เดี๋ยวกูบอกให้”
“ปากดีว่ะ”
“โอ๊ย เชี่ยอาโป!”
เฟรชชี่ส่วนใหญ่เข้าเรียนเช้าเวลาไล่เรี่ยกัน คณะใครคณะมันไม่เกี่ยว พูดเรื่องอื่นก็ได้นะอาโป ได้ยินเกี่ยวกับเจ้านั่นแล้วโจ๊กเขิน (>///<) กิ๊ว
อาโปนิ้วเฉดหัวผมในจังหวะมือถือพระเจ้าเหาสั่นครืดพอดี
‘HANG’ ใครวะ แฮงค์อีกแล้ว แฮงค์ไหน เมมชื่อไว้ด้วยต้องไม่ธรรมดา อย่ากระนั้นเลย
“ฮัลโหล วอซซัปแมน ขณะนี้ไอแอมกำลังจะสตาดี้อิงอิช กรุณาฝากข้อความภายใน...วัน...ทูว์...ทรี...” ผมกับเพื่อนๆ ศิลปศาสตร์นั่งในห้องเรียนรวมแล้ว อาจารย์ยังไม่เข้าจึงยังจ๊อกแจ๊กได้ตามประสา
(“ฮัลโหล เดี๋ยวๆ พี่โจ๊กอย่าเพิ่งวางสาย จะเข้าเรียนแล้วเหรอครับ”)
“งั้นมั้ง แต่จะไปขายไก่ย่างล่ะไม่เรียนแล้ว” ผมกวนกลับ นึกในใจว่าใคร เรียกชื่อถูกต้องเสียด้วย
(“555 กวนจริงๆ ทำเอาอารมณ์ดีแต่เช้า ว่าแต่เย็นนี้พี่เลิกกี่โมง เดี๋ยวผมไปหา”)
“หะ! หาไหน หาใคร? หากระผมนี่นะ ขอเวลานอกนิ้ดส์ คือกูไม่รู้จักมึงครับ เสียงนี้เบอร์นี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน โทรผิดหรือเปล่าขอโทษ”
(“ไม่ผิดหรอก นึกแล้วว่าพี่ต้องลืม ผมแฮงค์ที่จองมอเตอร์ไซด์ร้านพี่ไง เราเคยเจอกันวันก่อนโน้นที่เปิดร้านน่ะจำได้ไหม โถๆ น้อยใจนะเนี่ย อุตส่าห์คุยไว้ตั้งเยอะ”)
“อ้าวเหรอ คุณลูกค้ากวนตีนนี่เอง จำได้ล่ะ”
(“โห...พี่ 555”) บุคคลในสายหัวเราะร่วน
ผมคุยกับคนชื่อแฮงค์ต่อ เห็นว่าถ่อข้ามมาจากฝั่งธนบุรีเพื่อร่วมงานเปิดร้านใหม่ วันนั้นได้พูดคุยกันบ้างแต่ผมจำไม่ได้ มัวแต่เล่นเฟซแชทกับเจ้าหมาใหญ่อยู่นั่นเอง
ถึงนึกออกว่ารักชอบบิ๊กไบค์คันใหญ่ๆ เหมือนกัน เจ้าแฮงค์อยากได้ฮาร์เล่ย์ เดวิสัน ส่วนผมหวังแค่ฮอนด้าบอสส์ ที่โทรมาเนื่องจากทำนามบัตรที่ร้านหายติดต่อไม่ได้ ตงิดตรงใบจองต้องมีรายละเอียดที่ร้าน กระทั่งเว็บไซด์ก็มีทั้งชื่อที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์และแผนที่
มาสืบสาวอันใดกับโจ๊กวะ
คิดเสียว่าช่วยเจ๊หาลูกค้าก็แล้วกัน
“ลูกค้ามอเตอร์ไซค์ น้องมันบอกคุยกับกูวันเปิดร้าน แต่นึกไม่ออกว่าให้เบอร์ไปตอนไหน” ผมงงๆ พึมพำพลางปิดเครื่อง
“อ้อ” อาโปรับทราบก่อนตีหน้านิ่งไม่สนใจ
“อยากได้ฮาเล่ย์แต่เสือกมาจองวิบากเล็กร้านกู รวยชิบหายเจ้านี่”
“ก็ดีแล้วนี่ มีตังค์จ่ายจะสนทำไม”
“อืม” ผมไม่ติดใจหากอาโปคล้ายจ้องอยู่ก่อน
“โจ๊ก...”
“ว่า?”
“...เอาไป” อาโปพูดเบาๆ ขณะยื่นของผิดสำแดงใส่มือผม “จัดการให้ด้วย...เหมือนเดิม”
“เฮ้ย...อีกแล้วเหรอ วันก่อนแกเห็นตอนกำลังแงะล็อกเกอร์ กูโดนซักฟอกแทบไม่เป็นผู้เป็นคนเลยนะเว้ย แถเกือบตายอย่างที่เล่าให้มึงฟังนั่นแหละ” ผมโวย
“ก็อย่าให้เห็นอีกซิวะ”
“ไม่เห็นก็รู้ ช็อกโกแลตเอ็มแอนด์เอ็มหราแบบนี้จะมีใคร แถมคนเข้าออกห้องชมรมมีไม่กี่คนแกจับได้อยู่แล้ว หาอย่างอื่นบ้างดีกว่าไม่งั้นก็เดินไปบอกเองเถอะ ขอร้อง”
ผมแนะแนวทางพร้อมบอกความเดือดร้อนส่วนตัว
“พูดมันง่าย เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นกูไม่รู้นี่หว่าว่าเขาชอบอันไหน อันนี้แหละชัวร์ หรืออีกทาง...” อาโปเหล่
“เฮ้ยๆๆ อย่ามองมาทางนี้”
“ไปหามาโจ๊กว่าเขาชอบอะไร ไม่งั้นข้าวฟรี อด”
“โด่...” โจ๊กซวยเนื่องจากงกของฟรีล้วนๆ
อาโปริอ่านขั้นเทพกับพี่หยกครับ ตอนแรกไม่รู้บวกคิดว่าเพื่อนหยอกพี่สตาฟเชียร์ตามประสารุ่นพี่รุ่นน้องปีนเกลียวขำๆ สนุกสนานพอเป็นพิธี บังคับใช้ผมส่งส่วยนำของกำนัลไปวางไว้ในล็อกเกอร์ชมรมภาพถ่าย
อาโปดันกำชับว่า...‘กูเอาจริง’
งามไส้ครับงานนี้ เอ๊ะๆ คล้ายเห็นออร่าสีม่วงจากอาโปแฮะ
ซากุระหงิเสกเวทมนต์ใส่โจ๊ก!!!
...
...
พักเที่ยง อาโปกับผมละล่องตามตูดพี่หยกมาโรงอาหารคณะวิศวกรรมศาสตร์ พี่หยกก็ขยันข้ามมาเจอพี่ฮูกกีบพี่ติณเสียจริง ตั้งแต่เข้าเรียนมาไม่เคยข้องแวะฝากท้องที่อื่นเลย จะติดเพื่อนสนิทไปไหน
“ขยันข้ามมาจัง ทุกวันเลยว่าไหม” อาโปบ่น สายตาไม่ละจากแผ่นหลังพี่หยกแม้แต่น้อย ท่าทางจะเป็นเอามากนะเกลอ
“ก็เพื่อนสนิทแกอยู่นี่ พี่ติณไง” ผมอ้างความสัมพันธ์
“มันก็เกินไป” อาโปถอนหายใจ
“ลูกชิ้นวิดวะอร่อยนะโว้ย แกกินทุกวันมึงไม่สังเกตเหรอ นั่นไง ได้ของชอบแกอีกอย่างล่ะ” ผมเดินลำบากยอมให้เพื่อนนักฟุตบอลหิ้วปีกมาจนได้
“กับพี่ติณกูรู้สึกว่ามันจะเกินเพื่อนสนิทธรรมดานะ” อาโปตั้งข้อสงสัย
“เพื่อนกันธรรมดานั่นแหละ ใครจะกล้ามาเหยียบวิดวะนอกจากมีเพื่อนตัว หรือมึงกล้าฉายเดี่ยว อ๊ะๆ วันก่อนกูลาป่วยอย่าบอกนะว่ามึงมาคนเดียว”
“เปล่า กูมาหาไอ้เชษฐ์ต่างหากเล่า” อาโปหน้าแดง
“เหรอ เชษฐ์เพื่อนรัก 555” ผมรู้ล่ะ
“ไปได้แล้ว ฝรั่งแม่งหน้าเป็นตูด กลัวโดนตีหัวจริงวุ้ย เฮ้ย! เอามาส่งเฉยๆ ไปแล้วๆ” อาโปส่งผมถึงมือคนที่คุณก็รู้ว่าใคร คนหล่อมีกรรมจุงเบย
“เจฟ...” ผมอ้อยสร้อย เขินก็เขิน รู้สึกอายม้วนจูบพื้นแล้วร้องยูเรก้ารู้แล้วรู้รอด
...
ท่ามกลางผู้คนมากมาย เวลานี้เจ้าหมาใหญ่ของผมหล่อเหลาโดดเด่นผิดหูผิดตา สงสัยโจ๊กตาฝาดครับ
“ทำไมไม่เดินในร่ม โคเวอร์เวย์ก็มี” เจฟ
“เห็นด้วยเหรอ?” ผม
“อืม จากข้างบน” มือใหญ่ชี้สกายวอลค์เวย์เชื่อมระหว่างอาคารคณะ มิน่าล่ะ
“อาโปรีบตามควาย นั่นน่ะ...คนนั้น” ผมบุ้ยใบ้ให้มองพี่หยกที่กำลังเดินไปหาพี่ฮูกและพี่ติณเพื่อนตัวเอง
“อ้อ”
“นั่นแหละสาเหตุ” ผมสรุป
ขอโทษนะสหาย ความลับไม่มีในโลกแถมกับหัวแดงคนนี้ผมไม่กล้ามีอเจนด้าซ่อนเร้นเด็ดขาด
“ยังมีไข้อยู่ไหม?” มือใหญ่แตะแก้ม
“มะ...ไม่มี ไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย”
“งั้นนั่ง ไม่ต้องลุกไปไหนเข้าใจที่พูดหรือเปล่า”
“คร้าบพ่อ” ผมยิ้มแต้ “เอากุ้งนะ”
“ได้ครับ นั่งเร็ว”
“จะได้กินแล้ว อุอุ”
เรายิ้มให้กันประหนึ่งโลกนี้มีเพียงเรา
มีเจฟเฟอร์สันโคตรจะสุขสันต์ เห็นหรอกว่ายักษ์อมยิ้มแก้มตุ่ย เอากันมันส์อย่างนี้เอง กลับไปจัดอีกดอกดีกว่า เอ๊ยไม่ใช่ครับ ลบบรรทัดนี้ด่วน!!!
...
...
“คนเป็นหนอน กูชักอยากผูกปิ่นโตแล้วซิ” เหยี่ยวเดินมากระแทกจานข้าวกระทบปังตรงหน้าผม “น้ำอะไรโจ๊ก?”
“ส้ม” ผม
“โอเค น้ำนางเอก”
“เปลี่ยนๆ ไม่เอาน้ำนางเอก ขอกาแฟเย็น”
“ไม่ กูอยากกินน้ำส้มเหมือนกัน นั่งนี่ล่ะ ดูมันด้วยกาย” แล้วเหยี่ยวก็จรลีมุ่งสู่ร้านน้ำใกล้ๆ
กายนั่งลงรอเป็นเพื่อนผม แวบแรกที่รู้ว่าอยู่ตามลำพังสองคนนั้นคล้ายหายใจติดขัดบ้าง หากพอเงยมองหน้ากายจริงๆ กลับให้ความรู้สึกโล่งปนสดใสกว่าที่เคย
เสมือนเราหลุดขั้นกว่าขึ้นไป พอมองย้อนกลับมาหัวใจให้ความรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อ
ผมปลดภาระความผูกพันเร้นลับภายในจากกายได้อย่างหมดจดณ นาทีนี้เอง...เพราะเจ้ายักษ์หัวแดงคนเดียวแท้ๆ
...
“กินอะไรกาย?” ผมกล้าออกปากถามกายก่อนเสียเอง
“ข้าวมันไก่”
“อ้อ ร้านไหน อร่อยหรือเปล่า เผื่ออยากกินบ้าง”
“ยังไม่รู้เลย เพิ่งจะลองวันนี้ล่ะ เจอคิวว่างพอดี แล้วไม่สบายหายแน่หรือ เมื่อวานจะไปเยี่ยมแต่เจฟฟรี่บอกไม่ต้อง”
“อย่างที่เห็น กินได้นอนหลับสบายหายห่วงแล้วเรียบร้อย”
“ค่อยยังชั่ว เมื่อกี้เจฟฟรี่เร่งจะไปกินศิลป์สาดอยู่เหมือนกัน โจ๊กมานี่ซะก่อน”
“อาโปมาหาเพื่อนเลยโดนลากมา แต่ก็ดีนะ ชิมให้หมดทุกร้านก่อนค่อยย้าย ศิลป์สาดมีไม่กี่อย่าง รวมร้านน้ำด้วยก็แค่ 5 หรือ 6 นี่แหละ อยากไปโรงอาหารกลางฝั่งนิเทศมากกว่า เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าอร่อย”
เราคุยกันสะดวกปากกว่าที่เคย กายเป็นคนดีมากนะครับผมเชื่อเช่นนั้น
...
...
เจฟกลับมากพร้อมมักกะโรนีผัดกุ้งเรียกคะแนนสุดๆ
“กินได้ไหม?” คนที่คุณก็รู้ว่าใครถามผมอ่อโยน
“ได้ ของชอบ แต่จานนี้เค็มไปนิด” ผมเคี้ยวตุ้ย สบตาให้กำลังใจเด็กโข่งรู้กันสองคน ฮิ้ว! โลกช่างโสภา
“งั้นวันหลังค่อยทำกินบ้านเรา”
“แบบไม่เอาบร็อคโคลี่นะ”
“555 ได้ ไม่ใส่บร็อคโคลี่” ฝรั่งหัวเราะ
ออร่าหล่อเซอร์กระแทกตาสาวๆ เอนจิเนียร์แถวนั้นให้กรี๊ดกร๊าดน่าดู นึกขอบใจอาโปบัดเดี๋ยวนี้เอง ยอมลำบากมาที่นี่ดีกว่าปล่อยนายแบบเป็นอาหารตาของสาวๆ คณะเรา
โจ๊กไม่ได้หวงนะครับ แค่ไม่ชอบให้ใครมองหมอนี่มากเกินไปเท่านั้น
...
ครืดๆ โทรศัพท์ผมสั่น
“ฮัลโหล ว่าไงแฮงค์ ยังไม่เรียบร้อยเหรอ?” โจ๊กสวมหมวกเซลล์ช่วยบ้านเก่าเราก่อนขายของ
(“พี่โจ๊กครับ เพื่อนผมอยากได้เพิ่มอีกคันหนึ่ง มันจะเอาไปให้ญาติใช้ต่างจังหวัด”) เด็กแฮงค์บ้ารถจักรยานยนต์คนนั้นเอง ท่าทางติดใจร้านบ้านผมเกินไปแต่ถือว่าเป็นเรื่องดีชิมิ
“พี่ว่าแฮงค์คุยกับเจ๊เองเลยครับ มีเบอร์หรือเปล่า เมื่อเช้าให้ไปรอบแล้วเดี๋ยวพี่ข้อความส่งให้อีกก็ได้/...../ เฮ้ย! ไม่เอาซิไม่ต้องมา ไกลตายชัก/...../เดี๋ยวพี่คิดค่าต๋งพิเศษต่างหากนะเว้ย ราคาพิเศษน่ะรู้จักเปล่า/...../ 555 โอเคไว้จะบอกเจ๊ให้ ขอบคุณนะครับ”
ผมคุยธุระบอกให้น้องติดต่อโดยตรงกับเจ๊เอง หยอกว่าคุยให้จะคิดค่าต๋ง แฮงค์หัวเราะร่วนบอกอยากเห็นหน้าพี่โจ๊กอีกสักครั้ง ถ้าไม่ติดมาคุก่อตัวอยู่ข้างๆ พี่ก็อยากเสวนาต่อนานๆ นะครับน้อง
ฝรั่งขี้หึงขี้หวงสุดยอด อันนี้โจ๊กรู้ดี
“มันจะมาที่นี่” นั่นปะไร พูดไม่ทันขาดคำ
“มันไหน ไอ้คนนี้น่ะเหรอ ไม่มาหรอก น้องอยู่ฝั่งธน ถ่อมาทำไมที่นี่”
“แต่มันบอกว่าจะมา” เอาแล้วไง เจฟเฟอร์สันภาคพาลเพโลจะเกเรไม่ฟังใครออกฤทธิ์
“ไม่มา ถึงมากูก็ยุ่งไม่ว่างเจอหรอก จะมาทำไมเล่าวู้” โจ๊กหนาวคอพิกล
บทหัวแดงจะแปลงร่างผมจะทราบอย่างไม่มีสาเหตุครับ กระแสไฟฟ้าแล่นแปล๊บประหนึ่งสื่อพลังจิตถึงกันได้
“แต่...”
“เจฟ น้องมันชอบมอเตอร์ไซค์เฉยๆ ไม่มีอะไร”
ไม่อยากให้มันมีน้ำโหกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เขาควรเชื่อใจผม
ลอบวางมือลงบนหลังมือใหญ่เบาๆ เราแอบกุมมือกันใต้โต๊ะ ผมฉีกยิ้มแฉ่งให้ อีกฝ่ายถอนหายใจฟืดใหญ่ก่อนพยักหน้า
โออยู่นะคิดว่า เอาอยู่เว้ยงานนี้ วะฮะฮ่า
...
“กินซะ เสร็จแล้วจะได้กินยา”
“ไม่เอา ไม่กิน ง่วง เรียนไม่รู้เรื่องแน่”
“ตกลงโจ๊กยังไม่หายจริงๆ น่ะเหรอ” กายสอด
“เปล่า หายแล้ว อ้อ เย็นนี้จะเข้าไปดูวิดวะโซตัสนะ พี่ติณให้ไปเก็บภาพ” แสร้งเบี่ยงเบนเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ชิลๆ หวังหมาใหญ่ลืมอาการกินยายากไปของผมไป
“อ๋อ เห็นว่าจะคัดตัวดาวเดือนคณะด้วยนะวันนี้ โจ๊กได้ฝึกทำสกู๊ปแน่” กายยิ้มๆ ใจดี
“เหรอ มีใครบ้างอยากรู้”
“กินข้าว กินยา ไม่งั้นพี่ติณงด” บุคคลที่คุณก็รู้ว่าใครบีบมือโจ๊กแรงๆ
“แหงะ...!” ผมสลด แกล้งเอนตัวเอาศีรษะเกรียนๆ ถูไถเป็นแมวอ้อนกับหัวไหล่นายแบบ “เจฟครับ ขม ไม่กินยาได๋เปล่า นะๆๆ”
“ให้มันได้อย่างนี้” เก็บแต้มอีกดอก เย้!!!
...
...
เหยี่ยวตัวขโมยซีนกลับมาพร้อมน้ำส้มและสิ่งมีชีวิตสองขาที่ไม่คาดฝันว่าจะได้เจอ
“เซอร์ไพรส์! เรามีแขกมาเยี่ยมวิดวะเราด้วย เชิญครับฟ้าใส”
“ฟ้าใส!?” ผมเหวอ นักศึกษาหญิงสาวสวยหนึ่งเดียวที่โจ๊กโหวตเลือกดาวคณะตั้งแต่วันแรกเจอปรากฎอยู่ตรงหน้า
“สวัสดีค่ะ”
“นี่กาย เจฟฟรี่ แล้วก็โจ๊กครับ” เหยี่ยวแนะนำเพื่อนๆ รอบโต๊ะ
“กายกับเจฟฟรี่ยินดีที่รู้จักค่ะ ฟ้าใสรู้จักโจ๊กแล้วนะคะ เมื่อวันก่อนไม่มาแต่แอบเห็นเพื่อนเช็กชื่อให้ด้วยล่ะ” ฟ้าใสยิ้มให้ผม เหยี่ยวกุลีกุจอพาฟ้าใสไปเลือกอาหารก่อนกลับมานั่งกินร่วมโต๊ะกับเรา
โอ้ว้าว เหยี่ยวบินสูงโฉบคนงามของโจ๊กไปซะแล้ว (=”=) เศร้า
เหยี่ยวนัดหมายค่ำพรุ่งนี้คือวันศุกร์เรียนเสร็จจะพาออกท่องราตรีให้สมกับที่อัดอั้นมานาน
“ไปได้เหรอ ฟ้าใสว่าเราอายุยังไม่ถึงนะคะ” สาวสวยออกความเห็น
“ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการได้ ฟ้าใสไปด้วยกันนะ ชวนเพื่อนไปด้วยก็ได้” เหยี่ยวคะยั้นคะยอเต็มที่
“ดูก่อนได้ไหมคะ ขอคุณแม่ก่อน ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“โอ๋ย เศร้า” นกกระจิบแกล้งคอตก หากโดนเพื่อนเจฟโบกเข้าให้ “โอ๊ย! เจฟฟรี่”
“ฟ้าใสไม่สะดวกก็ไม่ต้องไปครับ โอกาสหน้ายังมี” เจฟบอกเลดี้
“งั้นฟ้าใสขอผ่านก่อนดีกว่าค่ะ เหยี่ยวไม่โกรธฟ้าใสนะคะ”
เหยี่ยวโอดพอประมาณ ผมนึกชอบฟ้าใสแฮะ เห็นติ๋มๆ แต่เด็ดเดี่ยวดี ติดแต่เหยี่ยวเป็นไบโดยรสนิยม ฟ้าใสของผมคงไม่แคล้วมีน้ำตา แย่จัง
“ทำไมฟ้าใสมาที่นี่ได้วะกาย?” ผมรอคู่หนุ่มสาวลุกไปหาขนมหวานอีกรอบถึงกล้านินทาลับหลังกับกาย
“รู้จักกันนะคิดว่า ถ้าจำไม่ผิดนามสกุลฟ้าใสคุ้นๆ อยู่ใช่ไหมเจฟฟรี่” กายให้ความเห็นก่อนถามคนนั่งชิดผม
“กินดีๆ เปื้อนหมดแล้ว” เจฟไม่สนกาย ส่งทิชชู่ใส่มือผมลูกเดียว ไม่ติดตามอัพเดตข่าวสารชาวบ้านชาวช่องสักหน่อยหรือพ่อ เพื่อนมึงกำลังเล็งกินตับอนาคตดาวคณะกูเชียวนะ
“เจฟ...” ผมลงทุนอ้อน
“เรื่องของมัน”
ครับผม เข้าใจแล้วครับท่าน
...
...
เย็นนั้นเชียร์รวมวิศวกรรมศาสตร์ พี่ติณ (สั่ง) เรียกผมไปเป็นช่างภาพกิตติมศักดิ์ (พี่ชมรมไม่ว่างจึงถึงเดชแขนมือเดียวเช่นจิระ) ยิงสแนปช็อตไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถูกเชิญตัวออกนอกห้องเนื่องจากเหล่าเอนจิเนียร์มีวาระคัดเลือกดาวและเดือนคณะพอดี
“เชิญหนุ่มๆ ทั้ง 10 คนเลยครับ สาวๆ มีน้อย 5 คน ครึ่งต่อครึ่ง มาข้างหน้าเลยครับ รายงานตัวให้เพื่อนๆ พี่ๆ รู้จักอีกที” พี่สตาฟเรียกหนุ่มหล่อสาวสวยทั้ง 15 ชื่อออกไปเวทีหน้าห้อง
อธิบายกฎกติกามารยาททำนองจะคัดเลือกตัวจริงอีกครั้งเพื่อส่งประกวดดาวและเดือนมหาวิทยาลัย รอบนี้นอกจากคัดหน้าตาสวยหล่อเด้งกินขาดแล้วยังมีรางวัลป๊อบปูลาร์โหวต ขวัญใจนักศึกษาด้วยกันเองอีกด้วย
ฝ่ายหญิงไม่เท่าไหร่ ฟ้าใสคณะผมกินขาด แต่หัวโด่สามตัวตรงนั้นคือ กาย เหยี่ยว และเจฟ ซากุระหงิของโจ๊กเองครับ
เย้ด! ข้าพเจ้าอภิสิทธิ์คบคนหน้าตาดีศักดิ์ศรีระดับเดือนคณะงั้นเชียว ขอปลื้มตัวเองแป๊บ
เห็นหัวแดงจ้องตรงมาที่ผมก่อนยักคิ้วแผล็บพร้อมอมยิ้มติดมุมปาก
(“กรี๊ดดดดดๆๆๆๆๆๆ”) สาวๆ คลั่ง
อะไรฟะ นั่นของผมนะ!!!
ของโจ๊กคนเดียว!!!
คนอื่นห้ามๆๆๆๆ
ในใจร้องตะโกน
...
“โจ๊ก ออกข้างนอกกับพี่” พี่ฮูกสะกิดเรียกผม
“อ้าว ไม่ให้ผมเก็บภาพล่ะพี่ฮูก”
“ความลับ รอคัดดาวเดือนคณะเสร็จก่อน ไม่ได้ตัดสินวันนี้หรอก อีกนานเลยล่ะ ได้ตัวเมื่อไหร่พี่ถึงจะให้โปรโมทเต็มที่ไม่อั้น”
“โอเช” ผมรับคำ “งั้นวันนี้ผมกลับคณะได้แล้วใช่ไหมครับ”
“ได้เลย ขอบใจมากไอ้น้อง”
“ครับผม สวัสดีครับพี่ ยินดีให้บริการครับ”
ช่างภาพเก็บอุปกรณ์กลับชมรมอย่างว่าง่าย ครู่ใหญ่ถึงมีข้อความบอก
YOUR’S JIRA : [‘รุ่นพี่เรียกซ้อมบาส เสร็จแล้วไปเจอกันที่โรงยิมด้วย’]
[[‘OK เข้าเชียร์คณะก่อนเดี๋ยวตามไป’]]
ผมพิมพ์ตอบกลับพร้อมยิ้มกับตัวเองไปด้วย ท่าจะบ้าแล้วเรา
วันนี้ทั้งวันผมฝันเห็นแต่หน้ามัน
โลกทาสีชมพูวิบวับปิ๊งปั๊งไปหมด
อยากกลับบ้านไปจู๋จี๋แค่เรา (กับเจ้าเจสเตอร์) เร็วๆ จัง
งัดล็อกเกอร์พี่หยกก่อนหย่อนถุงช็อกโกแลตของหวาน ส่งข้อความบอกอาโปว่าจ๊อบพ่อสื่อดำเนินการเรียบร้อยตามสั่ง อภิสิทธิ์เดินเข้าห้องเชียร์คณะศิลปศาสตร์ ซ้อมร้องเพลงปรบมือประมาณ 2-3 เพลงก่อนรุ่นพี่ปล่อยกลับบ้าน
...
ครืดๆๆๆ
มือถือผมสั่นเตือนสายเข้า ‘พี่ไข่มุก’ เออนะ วันนี้โจ๊กฮอตใช้ได้
“ฮัลโหลครับพี่ไข่มุกมีอะไรครับ?”
(“โจ๊ก! มาที่ยิมด่วน เชษฐ์กับเจฟฟรี่ต่อยกัน!”)
“เฮ้ย!?” ผมร้อง
*************
มันเดย์