รู้ได้ไงว่ามีทริป
อรุณสวัสดิ์!!!

******************
JIRA’s JIRA
ตอน 41 บาร์เกย์และบาส
ผมสก๊อยเกาะเอวฝรั่งอัศวินนักบิดไปพบกายที่ลานจอดรถสถานอโคจรเพื่อชนชาวสีม่วงโดยเฉพาะแห่งหนึ่ง
เราเจอไนซ์กายทำหน้าเหรอหราตาตื่นยืนพิงรถอยู่กับชายวัยรุ่นราวคราวเดียวกันอีกคน
“อ้าว! เชษฐ์?” ผมถอดหมวกกันน็อกออกทักทาย
“เออ มาก็ดีแล้ว งั้นกูไปก่อนนะกาย ขอบใจมาก ไม่ได้มึงคงแย่” เชษฐ์ว่า
“อืมได้ ไม่เป็นไร ให้ช่วยอะไรก็บอก” กายไนซ์
เชษฐ์ตบบ่ากายพร้อมอธิบายคร่าวๆ “เพื่อนมึงขับรถมาส่งที่นี่ เจอมันแถวนั้น ไม่มีเงินค่าแท็กซี่เลยขอให้ช่วยกะทันหัน น้องกูมันดื้อไม่รักดี หนีเที่ยวแต่ได้ตัวแล้ว ไปล่ะ”
บรรยายสรุปเร็วๆ ก่อนผละจากไปเร็วจี๋ โจ๊กยังตามไม่ทันจึงรีวิวกับกายอีกหน
“หมายความว่ายังไงวะกาย ไม่ได้จะเข้าบาร์เกย์?” ผม
“เปล่า ลงมาซื้อของร้านแถวคอนโด อยู่ดีๆ เชษฐ์วิ่งมาบอกว่าน้องอยู่ในบาร์เกย์จะยืมตังค์ค่ารถก่อน เห็นรีบๆ เลยช่วยพามาเองก็แค่นั้น”
“อ้อ ไอ้เรารึก็นึกว่า...” ผมคิดเป็นตุเป็นตุ เบนซ์คันหรูของกายช่วยชีวิตญาติโกของโครมันยองซะงั้น
“น้องเชษฐ์?” เจฟมายืนข้างผม มองตามหลังเชษฐ์ที่วิ่งไปอย่างรวดเร็ว
“ยังไม่เห็นหน้าเลย เข้าไปด้วยกัน รู้อีกทีคือเชษฐ์โทรบอกว่าได้ตัวแล้วให้ออกมารอที่นี่ จะพาไปส่งบ้านก็ไม่เอา พอดีโจ๊กกับเจฟฟรี่มานี่ล่ะ”
“อ้อเหรอ มันแปลกๆ อยู่นะไม่ยอมให้เจอหน้า ว่าแต่น้องเชษฐ์ผู้ชายหรือผู้หญิง แอบมาทำงานไม่บอกพี่ชายมันหรือยังไง” ผมวิเคราะห์ ทำไมเชษฐ์ถึงไม่ยอมให้พวกเราเจอหน้าน้องที่ว่า
“ไม่แน่ใจ ไม่ได้ถามซะด้วย” กาย
“นั่นไงเชษฐ์” ผมชี้
เราสามคนมองตามหลังเชษฐ์ที่ข้ามถนนเข้าไปในร้านสะดวกซื้ออีกฝั่งถนน เชษฐ์ถอดแจ๊กเกตบาสเกตบอลสวมคลุมหัวให้เด็กผู้ชายรูปร่างคุ้นตาคนหนึ่ง ก่อนตระกองกอดถนุถนอมโอบพาขึ้นรถแท็กซี่หายลับไป
เท่าที่จำได้ อาโปเพื่อนสนิทเชษฐ์โครมันยองเคยเล่าว่าเชษฐ์มีพี่น้องด้วยกันรวม 4 คน เชษฐ์พี่ชายคนโต น้องสาวคนรองเป็นลูกติดพ่อเลี้ยงอายุห่างกัน 2-3 ปีไล่เรี่ยกัน ส่วนน้องสาวคนที่ 3 และน้องชายสุดท้อง 4 ก็เรียนชั้นประถมอยู่เลย ตัวกะเปี๊ยกขนาดนั้นไม่มีทางข้องแวะกับบาร์เกย์ได้แน่นอน
“คงเป็นน้องคนรู้จัก” เจฟสรุป
“งั้นมั้ง อาจจะเขินเราก็ได้” ผมไม่ติดใจ มองตามแสงไฟท้ายรถวิบวับ ใจเขาใจเราล่ะนะ
“เชษฐ์ก็บอกอยู่ว่าไม่ต้องเข้าไป แต่เมื่อกี้เกือบแย่ มีที่เป็นห้องๆ เหมือนโซนคาราโอเกะ เปิดเข้าไปเจอคนโดดกอดจะลวนลามซะได้ แฮะๆ” กายเปลี่ยนเรื่องชวนหัวเราะแห้งๆ มือลูบคอไปมาท่าทางประหม่าคล้ายเจอศึกสาหัสไม่คาดฝัน
“โดนเต็มๆ ลิปสติกข้างแก้มนั่นไง” ผมชี้
“โย่! จริงเหรอ” กายสะดุ้งรีบปัดแก้มตัวเองเร็วๆ
“เปื้อนเลอะหมด อยู่เฉยๆ” ผมช่วย เลิกชายเสื้อยืดของกายขึ้นเช็ดหน้า กายก็ก้มให้ผมเช็ดออกดีๆ
“ไปโดนยังไง?” เจฟกอดอกถามนิ่งๆ
“น่าจะตอนในเล้าช์ที่คนเต้นๆ กันอยู่ ไม่แน่ในห้องที่วิ่งออกมากอดคอก็ด้วย”
“โดนถ่ายรูปหรือเปล่า?” เจฟ
“ไม่น่านะ คนกำลังสนุกไม่ทันทำอะไร มืดๆ เมาๆ ซะเป็นส่วนมาก”
“ก็ดี นายแบบเป็นข่าวคงไม่ดีนักหรอก”
“เอียงหน่อย หลังคอมึงด้วยกาย หลายดอกเชียว อยู่ดีไม่ว่าดีจะชวนกันปลูกต้นไม้ซะแล้น”
ผมสนุกใหญ่ เลิกเสื้อยืดกายขึ้นจนเพื่อนเกือบโป๊ โชว์แพ็กฟิตแอนด์เฟิร์มบริเวณหน้าท้องจนสาวๆ แดรกควีนที่ออกมาสูบบุหรี่แถวนั้นเป่าปากแซววิดวิ้ว
(“กรี๊ดๆ ซิกส์แพ็กขาวๆ”)
(“ต๊าย! ฉันอยากกินเด็กแหละเธอ เค้าว่าจะได้เป็นอม-ตะ”)
(“วิ้ดวิ้ว! มานี่มะหนูจ๋า พี่อยากส่งเธอเรียน แต่คนนี้หน้าคุ้นๆ นะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน”)
(“ฉันก็ว่างั้น ไปฉุดมาเชยชมดีกว่า คืนนี้อยากได้ผู้ชายละอ่อนติดมือ อร๊าย!”)
“เอาล่ะซิ” ผมเห็นท่าไม่ดี
“รีบเผ่นก่อนดีกว่า” กายเห็นด้วย
“ขึ้นรถ” เจฟสั่ง
เอี๊ยด!!! รถยนต์สีขาววิ่งมาเบรกพรืดขวางบังเรากับสาวๆ สีม่วงเหล่านั้นจนบังเกิดเสียงร้องว้ายโกลาหล
“เฮ้ย! ไปไงบ้าง” เหยี่ยวลดกระจกมาทัก เจ้าชายขี่ม้าขาวชัดๆ
“GO! GO! GO!” ฝรั่งร้องสั่ง
ดึงผมซ้อนท้ายก่อนบิดยกล้อควันโขมง กายกับเหยี่ยวพุ่งตามมาคนละคนเบนซ์กับคาเยนน์ฝุ่นตลบ ทิ้งสาวๆ กรีดร้องเสียดายที่ถูกขัดจังหวะอย่างโหยหวน
...
....
บ้านผม อ่า...บ้าน 2J ที่มีเจ้าเจสเตอร์กับเจ้าทองดีรออยู่
“จะหกทุ่มแล้วยังบังอาจตื่นมาเสนอหน้าอยู่นะเจ้าพวกเน้!” ผมเท้าเอวเสียงดังใส่ลูกหมาหน้าแป้นแล้นลั้ลลาสุดติ่ง กระโจนออกจากกรงมากระดิกหางรอเจ้านายบันไดหน้าบ้าน
“หึหึ” พ่อมันขำๆ จับหัวผมโยกไปถูอกตัวเองทีนึง
“หมามึงไม่หลับไม่นอนวะเจฟฟรี่” เหยี่ยวลงจากรถตามมากวนโอ๊ย
“แล้วแต่ เจ้านายนอนก็นอน”
“อ้อเหรอ ไม่ให้นอนในกรง?”
“ให้ซิ ฝึกมาอย่างดี แต่เพื่อนมึงใช้แบบบานสวิงไม่ล็อก อยากเข้าอยากออกตอนไหนก็เชิญ มันสองตัวเลยได้ใจใหญ่” ผมค้อนเจ้าหมาใหญ่ตัวหัวโจกวงใหญ่
“ล็อกตอนฝึกกับตอนทำโทษ” เจฟอธิบายชิล
“ก็ดีนี่หว่า ถ้ากูมีหมาก็จะทำอย่างนั้นเหมือนกัน เลี้ยงแบบไม่ล่ามโซ่ ใช้หัวใจล็อกความรักของเราไว้ ฮิ้ว! 555” เหยี่ยวแกล้งลอยหน้าลอยตาลั้ลลา
“กวนล่ะเหยี่ยว เมาดิบเพราะดึกมากหรือไง ล็อกไว้ด้วยความรัก” ผมงุบงิบด่าแก้เขิน
“555”
เกย์เฒ่าหัวเราะดังก้อง ยกเอวผมขึ้นไปยืนบนบันไดโชว์อีกต่างหาก เพื่อนมึงเพิ่งแซวกูคาบ้านเลยนะ
“เข้าไปคุยข้างในกันก่อน”
เพื่อนพวกนี้แปลกดีครับ แทนจะรีบแยกย้ายเข้ารังนอนกลับขี่รถตามกันมาเสวนาร่วมมิตรต่อ
กายอธิบายอีกหนว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับบาร์เกย์ แค่เห็นยังขนหัวลุก ขยาดถูกจูจุ๊บเนื้อตัวไม่หาย ครั้งนี้ยอมข้องแวะด้วยเนื่องจากต้องการช่วยเหลือเชษฐ์เท่านั้น
“น่าขนหัวลุกอย่างนั้นกล้ายังเข้าไปนะคนเรา” ผมชงน้ำแดงแจก ไม่เอาน้ำเมาด้วยอีกไม่กี่วันนักบาสเกตบอลจะลงแข่งขัน ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ก็ต้องเพิ่มซ้อมเช้ากันแล้ว
แค่คิดยังเหนื่อยตาม ภารกิจลากไอ้ซากุระหงิลุกจากที่นอนคืองานมหาโหดของโจ๊กดีๆ นั่นเอง
“รีบช่วยเชษฐ์ตามหาคนเฉยๆ ตอนถูกคว้าคอไปหอมแก้มนี่ยังตกใจไม่หายนะเว้ย” กายสนุกกว่าทุกที สงสัยติดนิสัยคึกช่วงดึกเหมือนสองตัวนี้แหง
“ยังไงก็โดน เมื่อกี้ขนาดยืนอยู่ลานจอดรถยังจะวิ่งมาตามจับล่ะคิดดู หน้าให้มากนะกาย” ผมแซว
“จริงๆ ที่เข้าไปเพราะอยากรู้ว่าเป็นยังไงเหมือนกันแหละ” กายพลิก
“อ้าว?” ผม
“ซะงั้น” เหยี่ยว
“หึหึ” เจฟ
“ก็...เคยแต่ผับบาร์ปกติไง อยากรู้ว่าต่างกันไหม”
“ต่างหรือไม่ต่าง?” เจฟถาม
“ต่างซิ ต่างมาก มืดๆ ทึมๆ เสียงดังกว่า แล้วก็...”
“แล้วก็อะไร?” ผมอยากรู้เต็มที่ ชะโงกไปถามจนมือใหญ่ดึงเอวไว้พลางส่งเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอ เจ้าลูกหมาสองตัวที่วนเวียนใต้โต๊ะพลอยชะงักมองตามไปด้วย
“น่ากลัว” แล้วกายก็ปิดเงียบไม่เฉลยทั้งหมด
“งั้นมึงคงไม่มีดวงสมพงศ์กับเพศสีม่วงหรอกกาย โจ๊กฟันธง” ผม
“จริงๆ เหรอโจ๊ก” กายซีเรียสเกินจริง
“ก็เออซิ สัมผัสแค่นี้ก็น่าจะบ่งบอกว่าคุณไปต่อหรือไม่ได้ไปต่อ อย่าถามถึงขั้นจะมีเซ็กซ์ด้วยเลย ถ้าแขยงขนาดนี้ถอยจากประตูเกย์ไปเลยเถอะกาย ชีวิตจะมีความสุขกว่าเยอะ” ผมกึ่งสอนไปในตัว
คนบางคนบอร์นทูบี รวมถึงมีโชคลักกี้อินเลิฟ อาทิเช่น ผม มีกระแสเล็กๆ ในจิตใจก่อนประสบพบพักตร์เจ้ายักษ์ในที่สุด
จากประสบการณ์ตรงและการสังเกตของผมบ่งบอกว่า กายอาจมีความสนใจอยู่บ้างเนื่องจากเพื่อนสองคน เหยี่ยวและเจฟเป็นเกย์ บวกฮอร์โมนวัยอยากลองของย่อมติดมาบ้างเป็นธรรมดา ไม่เช่นนั้นคงไม่ก้าวเท้าเข้าไปในบาร์ทั้งที่ตัวเองแบกศักดิ์ศรีนายแบบไว้เต็มคราบ
แต่ถ้าไม่มีใจ หรือมีใจทว่าไม่ใช่คนของเรา หากเผลอไผลถลำมาทางนี้กายอาจเจ็บปวดจนถอนตัวไม่ขึ้น ผมกล้าออกปากเนื่องเพราะปรารถนาดีต่อเพื่อนล้วนๆ
“ก็น่าจะจริงนะโจ๊ก” กายครุ่นคิดก่อนถอนหายใจเหมือนเห็นโลกสลายตรงหน้า
“ต้องระวังให้ตลอดซิวะ เป็นข่าวมามันก็ใส่ไข่ให้งี่เง่าได้ทั้งนั้น จะไนซ์กายลับหลัง คนอื่นเขาไม่รู้ไม่เห็นด้วยหรอก” เหยี่ยวเตือนตรงๆ
“ถ้าจะเข้าก็ให้เหยี่ยวพาไป ฉายเดี่ยวยังไงก็โดนซิว ไปที่เราคุมได้หน่อย” ฝรั่งว่ากึ่งเตือนทำผมหูผึ่งหันขวับไปหาไอ้นกทันที
“หา! มึงเคยเข้าสถานที่เยี่ยงนี้ด้วยหรือเหยี่ยว ทำไมไม่ชวนกูบ้าง” โจ๊กอยากเปิดหูเปิดตาบ้าง
“ชวน?”
“ชวน!” สองเสียงเกือบๆ พร้อมกัน
เหยี่ยวเลิกคิ้วสงสัย ส่วนหัวแดงจ้องตาเขม็งดุๆ แบบเดียวกับตอนจะสั่งไอ้เจสเตอร์อ่ะครับโจ๊กจำได้
“ก็อยากรู้อยากเห็นของจริงบ้างไรบ้าง เผื่อทำข่าว”
“เคยไปดูผ่านๆ เป็นเคสดีไซน์ตอนจะทำผับกับพี่พงศ์ อยากรู้จริงๆ เหรอโจ๊ก” เหยี่ยว
“อยากซิ”
“ไม่ต้อง!” เสียงแข็งจากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร
“ก็อยากรู้เฉยๆ อ่ะ กายมันยังอยากรู้เลยเห็นเปล่า เผื่อพี่หยกให้เขียนสกู๊ปไง ข้อมูลๆ”
“555” เหยี่ยวหัวเราะ “ห้ามไอ้กายแต่อยากรู้เอง ซะงั้นคนเรา”
“แค่อยากเห็นเฉยๆ” โจ๊กตื้อเท่านั้นที่ครองโลก
“ไม่ได้! พรุ่งนี้ไปลาออก ส่วนมึง โทรไปบอกพี่หยกเดี๋ยวนี้เลยเหยี่ยว” เจฟจอมบงการชี้นิ้วสั่งสองทาง ผมกับเพื่อนนก
“เฮ้ย! ลาออกอะไร ชมรมกูเหรอ ไม่เอาดิ!” โจ๊กตาเหลือก ไม่น่าปากเปราะหาเรื่องเดือดร้อนเลยตู
“555 ถามก็ได้โจ๊ก เพิ่งเห็นมาเมื่อกี้” กายขำ มึงอยู่นอกสายตากูแล้วกาย นาทีนี้อย่าเพิ่ง ส. ใส่เกือก
“เหยี่ยว อย่านะเว้ย! เจฟ ปล่อย!”
“ไม่!” มือกาวรัดเอวผมแน่น
“ไอ้เชี่ยเจฟ! กว่าจะเข้าชมรมนั้นยากแค่ไหนรู้มั้ย! เจสเตอร์! จัดการพ่อมึงที!” โวยลั่น
ผมพยายามจะคว้าเหยี่ยวไม่ให้กดมือถือโทรหาบุคคลสำคัญของชมรมภาพถ่าย พี่หยกเป็นเหรัญญิก ผู้ช่วย ผู้จัดการ ตำแหน่งเบ้ทุกอย่าง ทว่าคำพูดพี่หยกสามารถชี้เป็นชี้ตายถือเป็นที่สุดของที่สุดครับ พี่ประธานตัวจริงต้องว่าตามพี่หยกทุกคำห้ามตกหล่นเลยคิดดู โจ๊กหลอนชีวิต ว้าก!!!
“ฮัลโหล...” เหยี่ยวยักคิ้วหยอกใส่ผมทีนึงก่อนลอยชายลุกไปคุยข้างนอกไม่เดือดร้อน
“เอาจริงดิ? ไอ้ๆๆ ไอ้ชั่ว ไอ้นกกระจอก! ไอ้นกหัวโกร๋น! ถ้าต้องระเห็จออกจากชมรมมึงไม่ตายดีแน่! ห้ามยุ่งนะเว้ย!” ผมโวยวายโมโห ฉุนก็ฉุน อยู่ดีๆ ทำไมแจ๊ตพ็อตแตกที่โจ๊กวะ
“อย่าดื้อ!” มือปลาหมึกดึงผมนั่งตักต่อหน้ากาย วะโว้ย! นี่ก็อีกคน
“ไอ้เชี่ย! เลวอ่ะ ไปสั่งมันทำอย่างนั้นได้ยังไง กูแค่อำไอ้กายเล่นเฉยๆ”
“พูดไม่เพราะ” กดจมูกฝังหัวไหล่ผม งับปีกหลังแรงๆ อีกต่างหาก
“โอ๊ยเจ็บ! อย่าซิ”
“เกเร”
“ให้โจ๊กอยู่ต่อเถอะนะเจฟนะ อย่าบอกพี่หยกเลยเถอะ นะๆๆๆ”
สิ้นคิดแล้วนาทีนี้ เหนื่อยด้วย ง่วงอีกต่างหาก ทำไมคนซวยที่สุดคือจิระหน้าตาหล่อเหลาคนนี้ครับ เค้าไม่เข้าใจ
...
กายกุมปากกลั้นขำเก้าอี้ตรงข้าม ส่วนเชี่ยเหยี่ยวแม่งยักคิ้วดิกๆ ใส่ผม อยากกระโดดถีบกระจกใส่หน้าไอ้ลูกครึ่งสัตว์ปีกของมันจริงๆ เลยพ่อ
“เป็นห้องๆ ธรรมดานี่ล่ะ ใช้ไฟแบล็กไลต์แค่สลัวๆ มืดมากคนเดินชนกัน แคบแล้วก็กลิ่นน้ำหอมฉุนจัดไปหน่อย”
กายสาธยายบรรยากาศไม่ดูเวล่ำเวลา คงหาเรื่องคุยแก้เก้อนั่นล่ะว่าง่ายๆ แต่ถามหน่อยไหมว่ากูอยากรู้หรือเปล่า
“อืม” ฝรั่งหัวแดง
“เชษฐ์จะให้วนรถกลับเดี๋ยวนั้นนั่นแหละ แต่เห็นวิ่งหายเข้าไปหลังร้านคนเดียวเลยตามไปดูด้วยดีกว่าเผื่อช่วยอีกแรง”
“มึงไนซ์มากกาย ครั้งหน้าเข้าไปอีกนะ กูจะสาบส่งให้ถึงสวรรค์เลยคอยดู”
“555 โจ๊กตลกนะนี่” กายขำขัน
“จุ๊บ...” ยักษ์จอมบงการแอบจูบหลังคอผมตรงด้านที่กายมองไม่เห็น ดูมันทำกับจิระของมันครับ (T^T)
ผมกัดฟันกรอด กอดอกนั่งทิ้งตัวลงน้ำหนักใส่ตักเต็มๆ ทำอะไรไม่ได้แล้วนี่
...
....
เหยี่ยวเลื่อนประตูบานเลื่อนครืดพร้อมใบหน้ายิ้มแฉ่ง ขี้เหร่ตายล่ะสัตว์
“เรียบร้อย หุหุ”
“กูเกลียดมึง-โป้ง!” ผมงอน
“เฮ้ย! มีโป้ง? 555 เด็กมึงโป้งกูว่ะเจฟฟรี่” เหยี่ยว
“555 ไว้จัดการให้” เจฟ
“555 โป้งเหมือนเด็กนะโจ๊ก” กาย
รุมขำกันหมด เจสเตอร์กับทองดีเห่าโฮ่งๆ ไม่เว้น
“มันถึงห้องแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผับนั้นคนของพี่พงศ์กำลังเข้าไปช่วยดูอีกแรง น่าจะเรียบร้อยดี คงไม่มีกอซซิปหรอกกาย เชื่อได้” เหยี่ยวผู้กว้างขวางหันไปเจรจาต้าอวยกับเพื่อนฝูง
อ้าว เรื่องของโจ๊กล่ะครับพ่อหนุ่ม
“ก็ดี” เจฟว่า บีบเอวผมเล่นเรื่อยๆ ชิลๆ จมูกโด่งวนเวียนติ่งหูชวนสยิวกิ้ว
“ให้พี่พงศ์ช่วยด้วยเหรอเหยี่ยว?” กายถาม
“เหนียวไว้เฉยๆ คนวงในคุยกันง่ายกว่า กันไว้ดีกว่าแก้”
ผมเคยได้ยินกิตติศัพท์อยู่บ้าง พี่พงศ์ที่ว่าเป็นเจ้าของผับในย่านราตรีชื่อดังของกรุงเทพมหานคร มีเอี่ยวกับอาทิตย์กรุ๊ปบริษัทพ่อของเหยี่ยวไม่มากก็น้อย
ตกลงไม่ได้คุยถึงชมรมโจ๊กดอกหรือขอรับท่าน ผมหันมองเลิกลั่ก เอิ่ม...จนป่านนี้จิระยังนั่งตักฝรั่งหัวแดงไม่ได้ขยับครับ (T-T) อนาถตัวเอง
“สรุปกูกับพี่หยกล่ะ?”
“อ้อ ลืม กดเบอร์พี่หยกทีซิเจฟฟรี่ เมื่อกี้พลาดกดเบอร์ควายตัวไหนสักตัว” เหยี่ยวเหล่ยิ้มๆ หลอกเด็ก
“ไอ้เลว!” ผมรีบคว้าจะแย่งโทรศัพท์มือถือจากมือยักษ์หัวแดง เหยี่ยวก้มอีกฝั่งพูดเบาๆ กับสหาย
“...เมื่อกี้มี (...voice)”
“...I guess so.” เจฟลอบคุยกับเหยี่ยวถึงอย่างไหนอีกไม่ทราบ
“มีอะไร อยากรู้ ขอดูหน่อย” โจ๊กชะเง้อเอี้ยวตัวไปส่องหน้าจอมือถือเหยี่ยว หัดมีความลับกันสองคนไม่แบ่งกันบ้าง
“ยุ่ง”
“ยุ่งว่ะโจ๊ก” ฝรั่งกับนกกระจอกจิ๊จ๊ะดุผม
เห็นชื่อ ‘พี่พงศ์’ และ ‘เชษฐ์’ ในลิสต์โทรออกล่าสุด ก่อนจะเหยี่ยวจะเปลี่ยนสไลด์นิ้วเป็นรูปนาฬิกาโรเล็กซ์เรือนหรูให้ดู
“หึหึ” เจฟอมยิ้มมุมปาก หากมือยังเกี่ยวเอวผมทั้งคู่ไม่ปล่อย
“ใช่ไหม” เหยี่ยวก็จุดยิ้มเจ้าเล่ห์อีกคน
“คุ้นๆ ว่าใช่ แต่เรื่องของเขา”
“อะไร? ทำไม? มีอะไรกัน?” ผมกระตือรือล้นเต็มที่
“มีอะไรเหยี่ยว เจฟฟรี่?” กายสนใจบ้าง เหยี่ยวจึงโชว์ภาพในมือถือให้ดู
“ว่าจะเอารุ่นนี้เข้ามาวางบ้าง ที่โน่นขายดี” เหยี่ยวเซไปเรื่องไหนไม่ทราบ แต่สหายสองตัวอมยิ้มมุมปากแปลกๆ โจ๊กรู้ดี อยู่กับพ่อมดจนชิน
(ผมทราบภายหลังนานมากๆ เมื่อครู่ที่เหยี่ยวโทรคุยกับเชษฐ์ ขณะนั้นโครมันยองเชษฐ์กำลังปลุกปล้ำโรมรันอยู่กับใครอีกคน ซึ่งก็คือน้องเจ้าของนาฬิกาโรเล็กซ์รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นที่เหยี่ยวโชว์ให้ดู
ลูกชายคนเล็กของเจ้าสัวผู้ชื่นชอบนาฬิกาข้อมือยี่ห้อนี้...ปอร์เช่กับเชษฐ์ จุ๊ๆ เหยียบไว้ครับ เรื่องนี้โจ๊กเล่า โจ๊กหล่อคนเดียวคู่อื่นห้าม ; โจ๊กเอง)
เหยี่ยวเฉว่ากำลังนำเข้านาฬิกาข้อมือมาวางขาย จะลงที่ห้างดังก่อนเอาทำเลเด่นเป็นหลัก พวกเราถึงปล่อยผ่านไม่สนใจ
“เออ เมื่อกี้ไปเลี้ยงสายพี่หริปู่รหัสไอ้นี่มา ทำให้กูรู้ความลับมึงอีกหนึ่งล่ะเหยี่ยว” ผมเป็นต่อ
“ความลับกู ความลับอะไรโจ๊ก?”
“คัดเลือกดาวคณะมึงไง” ผมยักคิ้วล้อเลียน
เล่าคร่าวๆ ถึงเหตุการณ์ในห้องลับ รุ่นพี่แทบทั้งหมดทราบรสนิยมไบเซ็กชวลของเหยี่ยวแล้วหากยังเลือกเป็นเดือนคณะ เพียงแต่ยังไม่ประกาศชื่อออกสื่อเท่านั้น กะจะเซอร์ไพรส์บนเวทีเฟรชชี่เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา การณ์กลับเป็นเหยี่ยวป่วยเข้าโรงพยาบาล (ป่วยการเมือง) ขึ้นเวทีไม่ได้ ไนซ์กายของเราจึงเป็นเดือนวิศวกรรมจำเป็นขึ้นแทน
ผลคือกาย-เดือนวิดวะแพ้เดือนรัฐศาสตร์ไปอย่างฉิวเฉียด ข่าววงในว่วๆ ว่าเฉือนแค่คะแนนเดียว ศึกชนคนหล่อของมหาวิทยาลัย K ครั้งนี้จึงเป็นทอล์คออฟเดอะทาว์นมาตลอด 2-3 วันที่ผ่านมาเนื่องจากสองคณะนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมาแข่งกันเองทุกปี
อาโปได้ที่ 4 ครับ ไม่ติดหนึ่งในสาม ส่วนสาวๆ ดาวแสนสวยชนะเลิศคือวิทยาศาสตร์ตามคาด ที่ 2 เมี่ยงคำ-นิเทศ ที่ 3 ฟ้าใสคณะผมเอง
ขอสารภาพว่าโจ๊กมัวแต่ฟ้าเหลือง รับใส่หัวสมองคือตอนไปกินข้าวกับพวกพี่หริโน่น
...
“อ๋อ 555 รู้กับเขาด้วยเหรอ อินไซด์นี่หว่าโจ๊ก” เหยี่ยว
“แหงอยู่แล้ว ถามจริง ที่ไม่ยอมเป็นเดือนคณะเพราะไม่อยากให้ใครมายุ่มย่ามว่าเป็นเกย์เหรอ”
“ส่วนนึง”
“เอาจริงๆ ซิวะ กูเพื่อนมึงนะ”
“งั้นกูตอบจริงๆ ไอ้นี่มันไม่อยากให้มีคนมายุ่งกับคนของมัน” เหยี่ยวชี้สหายผมแดง
“เอ๋...” ผมหน้าแดงแปร๊ด
“ส่วนกู เหมือนกัน อยู่ในแสงไฟขยับนิดขยับหน่อยก็เป็นข่าว ดาร์กๆ แบบนี้คั่วเด็กสบายใจกว่า โอเคไหม” เหยี่ยวแบมือเบๆ คิง ออฟเดอะ เวิร์ล
“อืม...” กายพยักหน้ารับ คงคุ้นนิสัยสันดานเพื่อนตัวเองดี
“งั้นโอเค จบ” ผมพูดรู้เรื่อง ทุกคนล้วนมีเหตุผลของตน
“ยินดีด้วยนะกาย จงอยู่ในแสงสว่างต่อไป ไนซ์กายห้ามข้องแวะกับที่มืดแบบกูเว้ย เป็นมึงน่ะดีแล้วโชคดีเพื่อน 555” เหยี่ยวตบบ่ากายแกล้งๆ
“โอ๋ย โดนทั้งวันล่ะวันนี้ รุ่นพี่เอย ในเว็บเอย” กายโอดประเด็นที่ถูกลากขึ้นเวทีไปแพ้เดือนรัฐศาสตร์คู่แค้นของเหล่าวิดวะ
“555”
“เอาน่า เดี๋ยวก็ชิน พระเอกอยู่แล้วนี่หว่า กลัวอะไร”
“ไปดีกว่าดึกแล้ว พรุ่งนี้ซ้อมเช้า”
เหยี่ยวเห็นสมควรแก่เวลา พยายามไม่มองผมที่ตะกายแด่วๆ จะออกจากตักเจ้ายักษ์แรงเยอะให้จงได้
(^0^) ไชโย! ลุกได้แล้ว วะฮะฮ่า
“ไปนะโจ๊ก ขอบคุณมาก” กายลุก ชูแก้วน้ำแดงเชิงบอก
“อย่าลืมนะครับ กรุณาปลุกมันด้วย เอาให้ตื่น ไม่อย่างนั้นพี่ติณบังคับนอนโรงยิมแน่” เหยี่ยวชี้นิ้วสั่งผม
“ทำไมต้องโจ๊ก” ผมเท้าเอวละหน่าย
“555 เอาน่า เพื่อชาติ เพื่อทีม”
...
สองหนุ่มร่างโย่งเลี้ยวรถหายลับ ทันทีประตูรั้วบ้านเลื่อนปิด ผมหันไปกอดหมับเจ้ายักษ์ข้างกายทันที
“เจฟ...”
“ครับ”
“ง่วง”
“งั้นนอนนะครับ”
“สัญญาก่อน ห้ามยุ่งชมรมกูด้วย” ผมยังไม่ลืมง่ายๆ
“555 คิดไปได้นะคนเรา ผมจะไม่รู้เชียวหรือจิระของผมเป็นคนแบบไหน ชอบอะไร...หือ?”
“ม่ายรู้...พ่อมึงขู่กูอ่ะเจสเตอร์” โจ๊กหน้าไหม้หันไปใช้เท้าเขี่ยลูกลาบราดอร์เล่นๆ แก้หน้าแดง
“ไม่ได้ขู่”
“ขู่เห็นๆ เปลี่ยนไปเตะฟุตซอลกับอาโปดีกว่า เบื่อคนแถวนี้”
“ไม่มีแล้ว ปะ เข้าบ้านเรา”
“จริงๆ นะ”
“ครับผม”
“ไม่เชื่อ...ขนาดคอร์สเรียนโฟโต้พี่ธรยังไม่สนับสนุนเลย แพงบ้างล่ะ เสาร์อาทิตย์ไม่ตื่นบ้างล่ะ มอเตอร์ไซค์เค้าก็ไม่ให้ขับ สก๊อยตาหลอด” ผมก้มหน้างุดเล่นนิ้วงอนๆ
“หึหึ งั้นอาเสี่ยจ่ายให้เอง...จุ๊บ”
“แอะ! เสียหายทุกที หน้าบ้านด้วย โจ๊กหัวกระไดไม่แห้งแล้วเนี่ย” ผมลูบแก้มป้อยๆ เรายืนอยู่ตรงสเตปทางขึ้นหน้าบ้านพอดี
“ค่าเรียนถ่ายรูปไง”
“เอาซะคุ้มเลยนะ ที่เห็นฟ้าเหลืองทั้งวันนี่คือไม่นับชิมิ...ใจ...ร้าย”
“หึหึ งอแง ไปนอนได้แล้วครับ อึ๊บ!” ยกเอวขึ้นเกี่ยวท่าลิงอุ้มแตงพาเข้าบ้านฉิบ
“เย้! 555” ผมชูสองแขนยิ้มแฉ่งเด็กน้อยดีใจได้ค่าเรียนถ่ายภาพฟรี แถมไม่ต้องเดินเอง
“ส่วนสองตัว C-A-G-E!”
พ่อมันสั่งสุนัข สองตัวกระดิกหางแป๊กๆ นั่งลองใจเจ้านายครู่เดียวถึงสลดจ๋องๆ ย่ำต๊อกเข้ากรงหลังครัว
...
....
บนเตียงนุ่มน่านอน...
ลอกคราบผมทั้งบนและล่างก่อนพาไปอาบน้ำ กอดให้ยืนใต้ฝักบัวตัวกันโจ๊กไม่ต้องฟอกสบูเอง เซอร์วิสบอยบริการดีเลิศ เสร็จถึงยกตักออกมาสวมเสื้อกับกางเกงนอนให้ พรมจูบเบาๆ ตรงรอยแดงที่หัวไหล่ หลังคอพลางลูบมือใหญ่ผ่านเสื้อกล้ามสีดำของผมเบาๆ วิธีร่ายเวทย์ขับกล่อมให้ตาปรือของพ่อมดเจฟเฟอร์สัน
“เจฟ...”
“หืม...ฟอด...” เอากำไรตลอดล่ะ
“เคยบอกหรือยังว่าโชคดีที่เจอกัน”
“โชคดี?”
“ที่บ้านเจ๊ไง ไม่งั้นเราคงไม่ได้คุยกัน”
“ผมมองคุณก่อนหน้าตั้งนาน จิระของผมไม่หันมาเอง”
“มองแบบมองหน้าหาเรื่องนั่นน่ะเหรอ”
“555 ใช่”
“เป็นเกย์แล้วมันส์ค่อดๆ นะจริงไหม...ฟอด” ผมยิ้มระรื่น กอดคอตีเข่าหอมแก้มยักษ์ใจดีฟอดใหญ่
“นี่มันส์แล้วเหรอ...หอมอีกข้างด้วย”
จัดไป ลิเกก็ยอมครับนาทีนี้
“ฟอด! อยู่กับเจฟแล้วสนุกดี ชอบ” ผมฟุบหน้ากับหมอนหนีปัญหา เค้าอ๊ายอายเป็นสาวน้อยตกน้ำ
“คนเก่ง...จูบก่อน”
“ไม่เอา ง่วง”
“งั้นจูบเองก็ได้...จุ๊บ...” ฝรั่งจูบเหม่งผมกล่อมให้นอน
ถ้าเขาไม่ก้าวเข้ามาในวันนั้น วันนี้ผมคงไม่รู้จักเส้นทางนี้ชั่วชีวิต
ถ้าไม่เปิดใจรักมัน วันนี้ก็คงไม่เจอรักที่แท้จริง
รอยยิ้มกว้างกระทบแสงไฟสลัวช่างอ่อนโยน
“เสียหายตลอด ไม่เบื่อบ้างรึไง” ผมพันนิ้วเล่นกับเส้นผมสีแดงพลางจิ้มๆ ใบหน้าหล่อเหลาแกล้งๆ
“เบื่อทำไม อยากให้เบื่อ”
“เบื่อตาย”
“นอนได้แล้ว งั่มๆ” หมาใหญ่งับนิ้วผมเล่น
“555 ไม่เอาแล้ว ง่วงนอนจะตายชัก”
“โอเค นอน”
ยักษ์ปลดผ้าเช็ดตัวพันเอวไปโยนพาดเก้าอี้ใใกล้ๆ ร่างเปลือยมุดเข้าผ้าห่มผืนเดียวกับผม บอกห้ามโป๊แต่ไม่เคยฟัง
“ล่อนจ้อนอีกล่ะ”
“จะได้กอดคุณทั้งตัว อา...”
“ดูมันดื้อซิ” ผมยืดกายเข้าวงแขนของเขาโดยดี
“หึหึ ผมต่างหากที่โชคดีที่เจอคุณ โจ๊ก”
“แหงอยู่แล้ว ให้มันรู้ซะบ้าง...ฮ้าว!”
“รักคุณที่สุด...ราตรีสวัสดิ์ครับจิระของผม”
“อืม...”
ผมหลับตา ครางในลำคอแผ่วเบาขณะมุดเข้าวงแขนไอ้เกย์เฒ่าเจ้าประจำ เป็นครั้งที่ผมฝันดีมากๆ คืนหนึ่ง
...
....(ต่อ)