JIRA’s JIRA
ตอน 42 ตะโกน
โย่!!! ประกาศข่าวดี โจ๊กเปลี่ยนที่นั่งจากเบาะหลังเป็นเบาะหน้า ยึดตำแหน่งสิงห์นักบิดมอเตอร์ไซค์บอสส์ลูกรักของพ่อเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนจีน ฝรั่งคิ้วยุ่งหงุดหงิดจะไม่ยอมในครั้งแรก แต่ด้วยคุณงามความดีล้วนๆ
เปล่าหรอก ลูกอ้อนเกาะแข้งเกาะขาติดเป็นลูกลิงพร้อมเป่าหู
‘นะๆๆ นะเจฟนะ’ ตลอด 24 ชั่วโมง คงรำคาญถึงยอมเปลี่ยนเป็นสก๊อยในที่สุด อุอุ เจอคิตตี้เล่นลูกอ้อนเมื่อไหร่ล่ะก็เสร็จโจรเมื่อนั้น
“เท่าไหร่ 10 บาทพอไหมมอเตอร์ไซค์”
“โห เขาคิดเป็นพัน จากบ้านมานี่ไกลนะ”
“มีอยู่ 20” หัวแดงบอกสีเขียวทว่ายื่นแบงค์สีม่วงๆ ให้หยอกเล่น แต่โจ๊กเอาจริง คว้าหมับเก็บเข้ากระเป๋าทันที
“นั่งให้มันห่างๆ หน่อยก็ได้นะครับคุณผู้โดยสาร” ผมบ่น
“อ้าว วินหน้าใหม่ ขับเร็วไม่คุ้นต้องกอดแน่นๆ เป็นธรรมดา”
“แน่นเกิ๊น” ผมบ่นอุบ
แทบขี่หลังติดเป็นหมีโคอะลา ติดตัวใหญ่ประหนึ่งยักษ์วัดแจ้งหน่อยเดียวเท่านั้น อะไรต่อมิอะไรทิ่มตูดโจ๊กเต็มๆ
“งั้นเปลี่ยน กุญแจมาจะขับเอง”
“ไม่เอาดิ”
“รีบ สายแล้ว”
“ครับผม”
“อ้อ ห้ามให้ใครซ้อนท้าย ห้ามให้ใครยืมใช้รถเข้าใจไหม สอบเสร็จมารอนี่ ถ้าไม่เห็นจะขึ้นไปหาที่ห้อง” พ่อบ้านร่ายยาวยืด
“โอเค คร้าบ”
ผมรับหมวกกันน็อกกับเสื้อแจ็กเกตไปเก็บห้องชมรมอย่างขมีขมัน เนื่องจากขณะเวลานี้คือช่วงฆาตกรรมหมู่ของเหล่าเยาวชนวัยกำลังศึกษาเล่าเรียนหมดประเทศไทย
สอบ
สอบ
สอบ (=”=)
ยังดีวันนี้เป็นวิชาสุดท้าย ใจผมภาวนาถึงตอนยื่นกระดาษข้อสอบให้อาจารย์แล้วด้วยซ้ำ
...
....
วินาทีที่รอคอย...
“ไชโย! สำมะเร็จเสร็จแล้ว ไปฉลองกันโจ๊ก!”
“นี่ๆ นักศึกษาข้างนอกเบาๆ หน่อย เพื่อนยังสอบอยู่เต็มห้อง ที่เสียงดังนั่นจิระใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ครับอาจารย์ ไม่ใช่ผม!” โจ๊กรีบปฏิเสธมือไม้ว่อน ไอ้พวกแต๋วแตกเตะฟุตซอลด้วยกันต่างหากเล่า
“ไปแล้วคร้าบอาจารย์!”
“ฮิ้ว! ไปก่อนนะเพื่อนๆ โชคเอทุกคน”
“เบาๆ”
“คร้าบ! 555”
พวกเราวิ่งแจ้นแห่กันลงมาข้างล่าง ชายล้วนกวนเมืองทั้งขบวน ถึงจะไม่ค่อยได้ชิดเชื้อเท่าใดนัก รู้จักจากแมทช์ดวลแข้งเตะฟุตซอลช่วงเย็นเท่านั้นเอง
...
เจออาโปกำลังซื้อน้ำกับของกินเล่นที่โรงอาหารใต้ถุนคณะพอดี
“เฮ้ยโจ๊ก สอบเสร็จแล้วเหรอ?” อาโปทัก
“เออเพิ่งเสร็จนี่ล่ะ อาโปเตะบอลกัน” ผมชวน
“ไปซิ กูกำลังเซ็งๆ อยู่พอดี” อาโปยิ้มแห้งๆ
“เซ็งทำไมวะ มีอะไรต้องเซ็ง ไหนของมึงสอบเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่เหรอ?” ผมสงสัย อาโปสวมชุดวอร์มนักกีฬามหาวิทยาลัยไม่ได้สวมชุดนักศึกษา
หมู่นี้ไม่ค่อยเจออาโปด้วยแยกเซคเรียน ช่วงเย็นก็หายหัวซ้อมฟุตบอลอีกต่างหาก
“ไปเถอะ...” อาโปรุนหลังผมให้ออกจากโรงอาหาร
หันไปเห็นพี่หยกกับเพื่อนแก 3-4 คนนั่งมองอยู่แต่ไม่พูดอะไร โจ๊กนักข่าวหัวเห็ดตกข่าวสองคนนี้แหงแซะ
“ปิดเทอมจะไปไหน มีแผนยังโจ๊ก?” อาโปชวนคุย
“ยังไม่มี คงกลับไปนอนบ้าน แต่มีคอร์สเรียนถ่ายรูปกับพี่ธร พี่คนรู้จักน่ะ”
“เออดี เอาให้เก่งๆ เพื่อน กูเห็นมีประกวดทุนฝรั่งเศษอะไรสักอย่าง ติดบอร์ดอยู่เห็นรึเปล่า”
“เห็นแล้ว พี่หยกให้กูสมัครแล้วด้วย” ผม
“...”
ทันทีที่หลุดชื่อพี่หยก อาโปเงียบเว้ย เดินก็ช้าลงเกือบหยุดด้วย
“เป็นอะไร มึงมีอะไรจะบอกกู”
“ว่า?”
“ไม่ต้องมาแถ มึงกับ...นั่น” ผมพยักพเยิดหน้าไปทางพี่หยกที่ยังมองตามหลังเราอยู่อย่างไม่คลาดสายตา
“ปิดเทอมนี้ฟุตบอลต้องเข้าค่ายเก็บตัวไม่ได้พัก ไหนจะงานกีฬาเฟรชชี่ เสร็จแล้วเจอมหกรรมฟุตบอลสัมพันธ์ 4K อะไรนั่นอีก จะบ้าตาย กูอยากเมา อยากกินเหล้า!” อาโปร้องตะโกนคับข้องใจ
“อ๋อ ฟุตบอล 4K ที่จะไปแข่งกระชับมิตรที่เชียงใหม่น่ะเหรอ โชคดีเพื่อน กูอยากไปจะตาย” ผมตบบ่าให้กำลังใจ ไม่อยากเล่าก็ไม่เซ้าซี้ให้รำคาญ ผู้ชายเราส่วนมากเป็นเช่นนี้เอง
“เฮ้อ...แต่กูอยากเมา” อาโปถอนหายใจ
“เอาน่าเดี๋ยวค่อยเมา มีเวลาเยอะแยะ”
“อาโป โจ๊ก ได้ทีมมาล่ะ เล่นกัน!” เพื่อนร้องบอก สนามหญ้าติดโรงอาหารนี่เองครับไม่ใกล้ไม่ไกล
“เอาซิ!”
“ไปโจ๊ก!”
“วู้!”
...
....
พวกเราเย้วๆ กันข้างตึกโชว์สาวๆ ที่นั่งทานข้าวแถวนั้นตามประสาวัยฮอร์โมนพลุ่งพล่าน รู้ตัวอีกทีเกือบบ่าย 4 โมงโน่น
“หลังสอง!” เพื่อนข้างสนามป้องปากตะโกนบอกสัญญาณการต่อเวลานอกภายหลังครบ 10 นาทีตามกำหนดเกม
“ไม่ต้องรอหลังหรอก กูว่างส่งมา นี่เลย-ตูม!” ผมได้ลูกพอดี
“เย้! ชนะ 3-2”
“ไอ้โจ๊ก!”
“อ้าวเฮ้ย! เข้าได้ไงวะ”
“ฝีมือ 555”
“เลิกๆๆ ชนะแล้วรีบเลิก ไปกินข้าวเว้ยพวกเรา!” อาโปร้อง
ทั้งทีมพร้อมใจกันเดินออกนอกเส้น ชนะแบบตีหัวเข้าบ้านนิสัยน้ำใจนักกีฬาช่วงซัดเด้นเดธ (แบบเลวๆ) ยิงได้แล้วรีบวอล์กเอาท์ให้ทีมคู่อื่นใช้สนามครับ
((“เด็กโง่ ทำไมถอดเสื้อ!”)) แม่เจ้า เสียงนี้หมดโลกมีอยู่ตัวเดียว
“พ่อมึงมาล่ะโจ๊ก” อาโป
“เจ้าของมึงมาแล้วหัวเกรียน”
“โดนแน่โจ๊กเกอร์” เพื่อนๆ รุมว่าดีๆ ทั้งนั้น
“เจฟ! เมื่อกี้ทันเห็นเปล่า ยิงเข้าด้วย ทีมชนะล่ะ ฮิ้ว!” ผมกางแขนขาวิ่งแจ้นไปหาฝรั่งร่างสูงใหญ่ข้างสนาม
“เห็น...!” เจฟยะเยือกแต่ผมกำลังลั้ลลาเต็มที่
“555 ฉายาใหม่จิระรองเท้าทองคำ อึ๊บ!” สปริงตัวโดดสองขาเกี่ยวเอวให้รับอุ้มลูกลิง
เช้ดโต้!!! ลืมไปว่าไม่ได้อยู่ในบ้านเรา แถม...สนามหญ้าตรงนี้เป็นสวนหย่อมระหว่างตึกศิลปศาสตร์กับสถาปัตย์พอดิบพอดี
(“กรี๊ด! โจ๊กกับเจฟฟรี่อ่ะ!”)
(“ว้ายๆๆ น่ารัก ฉันจิ้นคู่ แอร๊ย! ละลาย”)
(“ใครเค้าจิ้นกันยะหล่อน คู่นี้น่ะเรียล!”)
(“เจฟฟรี่หล่อมากเลยแก๊!”)
“เจฟ...คนเต็มเลยแหะๆ” เค้าลืมตัวแต่แขนคล้องคอไม่ปล่อย ขาเกี่ยวเอวไม่ยอมหล่นง่ายๆ
“ดื้อ ซน เคยบอกไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้ถอดเสื้อ”
“อ๊า!” ช่วยด้วยมันบีบก้นโจ๊ก “อยู่ข้างนี้ไง เป่ายิ๊งฉุบแพ้อ่ะ” ผมฟ้องด้วยภาพ
จำไม่ได้ว่าเคยบอกตอนไหนเมื่อไหร่ เถียงไปแพ้เปล่าๆ นาทีนี้ลูกอ้อนเท่านั้นถึงจะเอาอยู่
“อาโป!” แล่วๆๆ
ยักษ์อุ้มลูกลิงเดินไปหาอาโปที่กำลังคุยกับเหยี่ยวกับกายครับ สาวๆ รายรอบวี้ดว้ายสนั่นคอร์ท
(“กรี๊ดดดดดดด!”)
(“เจฟฟรี่หวงโจ๊กอ่ะ!”)
(“อุ้มกันแน่นเชียว อ๊า! ฉันอยากได้แบบเน้!”)
“ว่าไงเจฟฟรี่?” อาโปหันมา
“อย่า-ให้-ถอด-เสื้อ-แบบ-นี้-อีก”
“ถอดเสื้อไหน อ๋อ โอเคได้เลย โทษทีกูลืมไม่ทันระวังเองแหละ” อาโปขอโทษขอโพย
อูย เจ็บจี๊ดถึงทรวง ผมก้มหน้างุดสูดกลิ่นน้ำหอมจางๆ จากซอกคอแม่ง โปรดอย่าถามว่าเสียหายระดับไหน โจ๊กได้เกิดแบบแกรนด์โอเพ่นนิ่ง
“...กูผู้ชายหรอก”
“โจ๊ก!”
“ไม่เห็นต้องซีเรียสเลยเรื่องแค่นี้”
“คุณนี่มัน...!” พ่อมดจิ๊จ๊ะในลำคอก่อนสั่งคนแถวนั้น “เสื้อมา!”
“ก็ได้ๆ ต่อไปไม่ทำแล้วจ้า...”
ผมอุบอิบกับต้นคอแกร่ง อยากลงแต่อุ้มไม่ปล่อย อยู่ท่านี้สบายดีไม่หยอก อยากเหนื่อยก็ลองดู
...
“เออว่าจะถามอยู่ ทำไมโจ๊กมันตัวแดงเป็นจ้ำๆ เหมือนผื่นขึ้นวะเจฟฟรี่” อาโปสนใจเนื้อตัวผม
“เจอถีบลงสระหมาน่ะซิ” เหยี่ยวเหมือนช่วยแต่น้ำเสียงสะใจมาก
“รับจ๊อบเป็นพี่เลี้ยงดูแลหมาที่เพ็ทชอป อุ๊วะ โยนใส่หัวกันทำไมเนี่ย!” ผมอัพเกรดตัวเองให้ดูดี ลงจากกอดก่อนยืนนิ่งๆ ให้ท่านเจฟเฟอร์สันโยนเชิ้ตนักศึกษาใส่หัวพรึ่บ กระผมร้อนตับแลบแถมเหงื่อซกเพิ่งออกกำลังกายมาหมาดๆ ไม่เห็นใจหน่อยหรือขอรับ
“มีคลิปด้วยนะเว้ย ฮาดีนี่หว่า มึงยังไม่ได้ดูเหรออาโป” เพื่อนในทีมปากโป้ง
“คลิปไหนวะ?” อาโปสนใจ
“คลิปในเน็ตเมื่อเร็วๆ นี่แหละ คนเข้าไปกดไลคกันใหญ่ ขนาดน้องกูยังรู้จักชื่อลูกหมาที่ชื่อทองดีเลย ดีใจไหมโจ๊ก”
“ถามกูก่อนไหมเพื่อน” โจ๊กอยากถีบใครสักคน
“ว่ายน้ำแพ้หมา อย่างฮา 555”
“อ๋อ คลิป JJ นั่นน่ะเหรอ ถึงว่าคุ้นๆ เจโจ๊กนี่เอง 555” อาโปหัวเราะลั่น
“ว่ายน้ำไม่เป็นก็บอกมาเถอะโจ๊ก” เพื่อนในกลุ่มจอมเสือก
“หุบปากไอ้นี่ เอาความจริงมาพูดเดี๊ยะ!” ผมโวยจะถองเพื่อนแถวนั้น
กลายเป็นประเด็นหลัก ทั้งวงเสวนาความอ่อนหัดของผมยกใหญ่ โจ๊กโวยวายไล่ฟาดเพื่อนด้วยเสื้อ ต่อไปจะไม่ลงน้ำอีกจนชั่วชีวิตจะหาไม่
แก๊งฟุตซอลนั่งดื่มกินพร้อมพูดคุยเล่นๆ กับเหยี่ยวและกาย ชั่วครู่เอเจจากถาปัดก็เดินเข้ามาร่วมแจม สรุปนัดแนะกันจะออกร่อนราตรีฉลองสอบเสร็จ ทูไนท์เราจะแดนซ์และเมา เฮ!!!
...
....
แต่...
“เจฟ...”
“...” เงียบ
“เจฟ ซดเพียวๆ แต่หัววันอย่างนี้ไม่ดีนะ”
“...อึก” ยกอีกชอตคือคำตอบ
ไม่มองหน้า ไม่ขานตอบ ไม่พูดกะกูสักคำตั้งแต่ออกจากบ้านเมื่อหัวค่ำ ไม่สิ ตั้งแต่ออกจากสนามคอร์ทกลางคณะเมื่อตอนเย็นแล้วต่างหาก
บระเจ้าจ๊อดเกิดอะไรขึ้นกับเดอะ เกรท เจฟเฟอร์สันกันเล่า
“กาย เจฟมันเป็นอะไร ผีแคลคูลัสเข้าสิง?” ผมมืดแปดด้านร้อนใจอยากรีบหาคำตอบ ซากุระหงิไม่เคยเมินผมเช่นนี้มาก่อน
“เล่นเสียหรือเปล่า วันนี้ออกจากห้องสอบก็เฮฮาดีนะ จนเจอโจ๊กเตะบอลนั่นแหละ”
“อ้อ” ผมพยายามทำความเข้าใจหากข้างในเริ่มรุ่มร้อนอยู่ไม่สุข เกมไข่ห่านทองคำถึงจะชวนเครียดมากมายแต่พ่อมดการเงินของผมไม่เคยออกอาการ
วันนี้เช้า เที่ยง เย็นยังปกติดี ทมึงถึงเป็นยักษ์แค่เห็นกูถอดเสื้อเล่นฟุตบอลเล็กนี่เอง ทุกทีจะช่วยสวมช่วยถอดแจ็กเกตตัวเก่ง แต่เมื่อเย็นไม่ใช่ มือใหญ่โยนเชิ้ตโครมให้ผมใส่เอง เอิ่ม...ตูมัวแต่เช็ดเหงื่อแล้วไล่ฟาดเพื่อน
เอาแล้วไง (=”=) โจ๊กเอ๋ย
“เจฟ...โกรธเหรอ?”
“...”
“แค่ถอดเสื้อเล่นบอลเนี่ยนะ”
“...” เหล่หางตามามองพร้อมยกอึกๆ หมดแก้ว สัญชาตญาณบอกชัวร์ว่าใช่
“เจฟ มึงเป็นบ้าอะไรกับเรื่องแค่นี้วะ กูตัวแดงแล้วไง ไม่ใช่เพราะมึงบังคับกูลงน้ำหรอกเหรอ” ผมของขึ้นเหมือนกัน น้ำตาจะปริ่มให้ได้ ไม่เคยสักครั้งที่ถูกเมินเหมือนไม่อยากพูดด้วยถึงขนาดนี้
ผมเป็นใคร เป็นจิระของมันแล้วทำไมไม่บอกตรงๆ จะเหตุผลงี่เง่าแค่ไหนผมก็พร้อมยอมรับฟัง ขอให้ออกจากปากไม่ใช่เย็นชาใส่กันแบบนี้
“...”
“กูโดนล้อแล้วไงอ่ะ”
“หึ!” ผมเกลียดเสียงนี้
“ไม่อยากว่ายน้ำเป็นแล้ว ทีหลังไม่ต้องยุ่งเลยด้วย!” ผมน้ำตาคลอ มือสั่นพาลเพโลไปหมด
“โจ๊กน่าจะหัดไว้หน่อยนะ เผื่อไปถ่ายรูปแถวน้ำตกหรือทะเลจะได้ช่วยตัวเอง ช่วยอุปกรณ์กล้องได้ยังไงเล่า” กายให้เหตุผลสุดประเสริฐตามประสาไนซ์กายแสนดีแต่ผิดเวลาสุดๆ
“กายอย่ายุ่ง...เพราะกูช่วยไว้ ชีวิตมึงต้องเป็นของกู” ดวงตาสีเทาเข้มดุดัน
“...” กายอึ้ง
“...” เหยี่ยวกับอาโปที่คุยส่วนตัวกันอยู่ใกล้ๆ ก็หันมาอึ้งเช่นกัน
“...” โจ๊กยิ่งกว่าอึ้ง เรียกว่าผงะหงายปลิวไปเลยสามโลก
ผมไม่เคยเห็นสีหน้าฆาตกรเลือดเย็นจากใบหน้าหล่อเหลาของการ์เดี้ยนตนนี้เลยครับ ตกใจมาก
...
ยังมีกลุ่มบุคคลหันเหความสนใจ...
“เฮเฮ้! อยู่นี่เอง สวัสดีครับคุณเหยี่ยว คุณเจฟฟรี่ คุณกาย กระผม เก้ ซ้งและชาวเรารายงานตัวครับผม!”
“มานานยังเหยี่ยว” เอเจ
“มีอะไรกินบ้างคะ หิวจัง” พี่ไข่มุก
“โอ้โห! ชั้นลอยตรงนี้โซนวีไอพีเลยนี่หว่า”
“วิวแจ่มสุดยอด ว้าว!”
เอเจกับพี่ไข่มุก เก้ ซ้ง เชษฐ์กับเพื่อนคุ้นหน้าจากวิดวะและทีมบาสเกตบอลราว 15-20 คน โผล่เข้ามากลุ่มใหญ่
“เข้ามาๆ นั่งโต๊ะนี้กับโต๊ะนั้นได้ตามสบาย กาย เอเจบริการหน่อย โซนนี้ของเราหมด” เหยี่ยวเปย์เพื่อนมาใหม่พลางชี้บอก
กายลุกจากโซฟาเหลือผมกับเจฟแค่สองคนเผชิญหน้ากัน เสียงเพลงเทคโนดังลั่น บรรยากาศความสนุกสนานของเหล่าผีเสื้อราตรีไม่ระคายหัวสมอง จะมีแค่คนตรงหน้าเท่านั้นที่ผมใคร่อยากรู้
“เหยี่ยว...กูไปล่ะ” เจฟลุก
“เออ” เหยี่ยวพยักหน้ารับทราบ
สองคนไม่ถามไถ่ใดๆ ร่างสูงก้าวยาวลงจากไปไม่มีเค้าเหล้าออนเดอะร็อกค่อนขวดแม้แต่น้อย
(“ปัง!”)
ผมกระแทกแก้วหลังกรอกอึกๆ รวดเดียว แอลกอฮอลเกือบบาดคอตาย
“...เป็นเชี่ยไรวะ จู่ๆ ก็งี่เง่า”
“กูก็งี่เง่าที่เขาไม่ยอมรับดอกไม้ ลืมไปว่าคนในห้องชมรมก็เยอะ เพื่อนเขาอีกต่างหาก” อาโปหย่อนตัวลงนั่งเข้ามุมกับผม เอ่ยถึงพี่หยกเคยปาดอกกุหลาบใส่หน้าจนเป็นข่าวกอซซิปลับแต่ไม่ลับเมื่อไม่นานมานี้ ผมมัวแต่ยุ่งๆ ถ่ายภาพงานน้องคณะต่างๆ จึงไม่สนใจเท่าที่ควร
“ห้ามอะไรมันไว้ล่ะ สัญยงสัญญาอะไรไว้มีบ้างไหม” เหยี่ยวว่าลอยๆ
เซ็กส์ซีน!!!
นิ่วหน้าสงสัย เหยี่ยวรู้ได้อย่างไรว่าผมห้ามมีซัมธิงกันจนกว่าจะสอบเสร็จ สาเหตุจากฟ้าเหลืองล้วนๆ หลังวันแข่งบาสเกตบอลเสร็จเกือบ 2 สัปดาห์มาแล้วที่เกย์เฒ่าไม่แม้แต่จะแตะปลายก้อยผม
ยืนห่าง สองมือล้วงหรือเกี่ยวหูกระเป๋าไว้ไม่เกาะแกะแตะต้องดังเคย
สงวนถ้อยคำมากกว่าปกติแต่ติวข้อสอบให้ผมมากขึ้นกลบเกลื่อน
ไม่ยอมให้ผมจัดการเส้นผมบนหนังศีรษะให้
ไม่เข้านอนพร้อมกัน กระทั่งเข้าห้องน้ำแปรงฟันด้วยกันเหมือนทุกทีก็เลี่ยง
WTF!!!
“ชิ...!” โจ๊กจิ๊ปากพร้อมสองมือกุมศีรษะ เรื่องบนเตียงทำพิษ
“ไม่ถึงขีดมันไม่ตบะแตกอย่างนี้หรอก” เหยี่ยวจิบน้ำเมาชิล
ผมจุกอั๊ก ในหัววนเวียนว่าความผิดร้ายแรงถึงขั้นอมาเกดอนล้างโลกขนาดนี้เชียวหรือ
“เฮ้ยโจ๊ก เบาๆ”
“อาบเลยไหมนั่น”
ผมยกดวลจนสองคนร้องห้ามก่อนบอกเหยี่ยวเผ่นกลับบ้าน...ตามหลังใครบางคน
“กูกลับล่ะ”
“ให้ไปส่งไหม”
“ไม่ต้อง บ้านอยู่ใกล้แค่นี้”
“โอเคโชคดี หึหึ” เหยี่ยวหัวเราะโรคจิต
...
....
ถึงบ้าน...
“ไฟก็ไม่เปิด เจ้าของบ้านไปไหนวะ-โอ๊ย!”
ผมร้องเสียงหลงเผลอเตะโต๊ะเล็กชุดโซฟารับแขก เปิดประตูบ้านเข้ามาได้แสดงว่าเจฟกลับมาถึงก่อนผม ทว่าตัวตนเป็นๆ เขาอยู่ที่ไหน
ควานหาสวิทช์เปิดก่อนเดินตามหาถึงเห็นเจอแสงไฟบุหรี่ที่ลานนั่งเล่นหลังครัว
“เจฟ...อยู่นี่เอง” ถอนหายใจโล่ง ความรู้สึกคล้ายนักเดินทางค้นพบโอเอซิสกลางทะเลทราย
“...” แสงวาบไฟปลายมวนถูกขยี้ดับ กายสูงใหญ่ก้าวเลยผ่านผมจะเดินเข้าบ้าน
“เจฟ นั่นจะไปไหน กูอยู่นี่รอให้มึงกอดอยู่นะ”
“คุณกอดผมเองไม่ได้ ต้องให้ผมลงมือก่อน?”
“ก็ไม่รู้นี่ว่าต้องการกูมั้ย มึงว่างตอนไหน!” ผมเหลืออดหากแต่เจอเขื่อนแตกมากกว่า
“ผมว่างทุกตรง สำหรับจิระของผมคนนี้ ผมว่างทุกวินาที!”
“ก็เห็นยุ่งทุกที”
“ผมยุ่งเพราะคุณ ผมหาอะไรทำวุ่นไปหมดเพราะคุณ แต่...”
“แต่อะไร พูดมา”
“แต่คุณกลับให้ใครก็ไม่รู้แตะรอยที่ผมมาร์กไว้”
“หา...มาร์กไหน” ผมเอ๋อสุดติ่ง
อย่าบอกนะว่ารอยแดงๆ ที่อาโปกับเพื่อนๆ ล้อหนักข้อบริเวณบั้นเอวด้านหลังคือคิสมาร์ก
“คุณนี่มัน...จริงๆ เลยโจ๊ก”
...
ผมลากแขนเข้าห้องนอนแขกใกล้ๆ ถอดเสื้อยืดพ้นศีรษะก่อนยืนหมุนส่องกระจก
“เข้ามาดูนี่ พูดมาเลยว่าทำไว้ตรงไหนไว้ จะได้รู้”
“อย่าทำแบบนี้”
“ทำแบบไหน แบบนี้ใช่ไหม กูอยากมีอะไรกับคนที่กูรักทำไมต้องกลั้นไว้ด้วยไม่เข้าใจ”
“คุณบอกไม่ให้ผมทำ...”
“แล้วเชื่อด้วยเหรอเจฟ เราเป็นคนละครึ่งของกันและกันไม่ใช่เหรอ มึงเซ็กส์จัด อยากได้ก็จัดการเลยซิ สนใจที่กูห้ามทำไม” ผมโกรธ ผมโมโห ผมหงุดหงิดเพราะอีกครึ่งของชีวิตปั่นป่วนหัวใจ
“...” พ่อมดลูบปากกลั้นอารมณ์
“งั้นขอสั่ง ทีหลังมีอะไรต้องบอก อย่าให้ต้องเดาเอง” ผมยื่นคำขาด
“นี่...”
“มึงเงี่ยนก็บอกว่าเงี่ยน มึงหึงกู หวงกูก็บอกมาเลยว่าหึงว่าหวง”
“คุณ...”
“รักกูไม่ใช่เหรอเจฟ กูจิระของมึงไง ทำซิ ทำรอยให้ทั่วกูจะได้ไม่กล้าถอดเสื้อโชว์ใครอีก”
ผมผลักร่างยักษ์ลงบนเตียงนอนตูมใหญ่ ลงมือดึงทึ้งถอดเสื้อผ้าเขาออกก่อนเปลือยตัวเองช้าๆ
อยากด่าว่าเดฟตัวนี้ถอดยากฉิบหาย (=”=)
“โจ๊ก...”
“เออ นั่นแหละชื่อกู เรียกทั้งคืนด้วย ไม่ได้ยิน...ตาย”
ก้าวขึ้นเตียงไปนั่งคร่อมบนร่างคนที่ผมรักสุดใจ
ออนท็อปแม่ง!!!
************* ราตรีสวัสดิ์ (>///<)
