┤Sincere├ ตอนพิเศษ : Déjà Vu [หน้า 16]**คำเตือน - Twincest (แฝด x แฝด)*
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┤Sincere├ ตอนพิเศษ : Déjà Vu [หน้า 16]**คำเตือน - Twincest (แฝด x แฝด)*  (อ่าน 213817 ครั้ง)

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ทั้งที่จูบมันควรจะหวานแต่ทำไมเรารู้สึกขมและเค็มจังคะ [น้ำตาไหลพราก] :o12:

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
งื้อออออ
ปวดตับ  :mew2:  :jul1:

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
┤S i n c e r e├







ปลดเปลื้องเหตุผลทั้งหมดทิ้งไป

เหลือแค่ร่างเปล่าเปลือยของเรา และความรู้สึกอันเป็นเนื้อแท้

ให้ไอร้อนจากตัวฉัน เคลือบอยู่บนผิวของนาย

ให้ร่างกายเราสองหลอมรวม..เพื่อเราจะไม่พรากจากกันอีก


ในฝันร้ายเบื้องหลังเปลือกตา..

กระซิบคำรัก และเอ่ยคำลวงกับฉันเถิด

โปรดบอกฉันสักครั้ง..ว่าเราจะไม่หันหลังกลับไป...








03 : Bittersweet Nightmare








ผมตื่นด้วยเสียงนาฬิกาปลุกที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนตั้งไว้

กริ่งของนาฬิกาซึ่งปกติไม่ค่อยได้ใช้นักแผดลั่นทั้งห้อง ปกติผมใช้มือถือตั้งปลุกมากกว่า พอได้ยินเสียงแหลมน่ารำคาญเช่นนี้จึงรู้สึกว่ามันหนวกหูจนชวนหงุดหงิด ผมควานมือเปะปะเพื่อปิดมันเสีย แต่อาการวิงเวียนก็เข้าจู่โจมทันทีที่ผงกศีรษะขึ้นมา ผะอืดผะอมและปั่นป่วนในท้อง ยิ่งหาปุ่มปิดไม่เจอยิ่งงุ่นง่าน สุดท้ายก็ปัดมันกระเด็นหล่นพื้น เสียงหน้าปัดกระจกแตกเป็นเสี่ยงติดหูและคงหลอกหลอนผมไปอีกพักใหญ่

กริ่งของนาฬิกาจบลงแค่ตรงนั้น เหลือแค่เสียงหายใจแรง ๆ ของผมที่ล้มตัวลงนอนแผ่บนเตียง ดิ้นรนกับการประท้วงจากร่างกายเมื่อยขบ พยายามลืมตาขึ้นสู้แสง เพิ่งตระหนักได้ตอนนั้นว่าผมกำลังนอนอยู่บนเตียงของวี แต่สวมชุดนอนของตัวเองเรียบร้อย..

“....วี..?”

ผมเด้งตัวขึ้นนั่งบนเตียง ห้องหมุนติ้วอยู่อีกวูบใหญ่ เหลียวมองไปรอบห้องแต่ไม่เห็นใครสักคน นาฬิกาแขวนผนังอีกฝั่งบอกเวลาแปดโมงครึ่ง วีคงเป็นคนตั้งนาฬิกาบนหัวเตียงไว้ เขารู้ตารางเรียนของผม

ผมเงี่ยหูฟังเสียงข้างนอก ทว่าไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต

ไม่อยู่..?

ความทรงจำผสมกันมั่วไปหมด ต้องตั้งสติอยู่ครู่ใหญ่กว่าภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเริ่มไล่เรียงเป็นลำดับ

คืนก่อนหน้าผมออกไปจากอพาร์ตเม้นต์กลางดึก หลังจากเกือบทำอะไรเลยเถิดกับวี...หรือบางทีอาจเรียกว่ามันเลยไปไกลแล้ว ผมปล่อยเขาทิ้งไว้ในสภาพครึ่ง ๆ  กลาง ๆ  ทั้งที่เป็นคนเริ่มสัมผัสรุกเร้าเขาก่อน ทนกับความรู้สึกทั้งรักทั้งเจ็บจนเจียนคลั่งไม่ไหว และเมื่อได้ยินถ้อยคำเขาว่าเราเป็นพี่น้องกัน ผมก็ไม่สามารถสู้หน้าเขาได้อีกจนต้องหนีออกมา ไม่ได้หยิบมือถือหรือเงินติดตัวมาด้วยสักบาท

ผมนั่งสงบสติอารมณ์หน้าร้านสะดวกซื้อไม่ไกลจากอพาร์ตเม้นต์นัก อยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมง ก่อนจะเจอบาสที่เดินสะโหลสะเหลออกจากประตูอัตโนมัติของร้านตอนใกล้รุ่ง มือหิ้วถุงพลาสติก อีกมือถือขวดกระทิงแดง ผมเพิ่งเห็นมันตอนกำลังจะเดินออก แต่ไม่รู้เดินผ่านเข้าไปตั้งแต่ตอนไหน อันที่จริงต้องเรียกว่าบาสเห็นผมก่อนมากกว่า

“ไอ้วิน!?”

ผมเงยหน้า ทำตาโหลใส่มัน

บาสโคลงศีรษะ หน้าตาอิดโรยไม่แพ้กัน ดูจากท่าทางและของที่ซื้อคงปั่นงานหามรุ่งหามค่ำด้วยสภาพเหมือนผมก่อนเกิดเรื่องกับวี

“มานั่งทำอะไรตรงนี้วะ” อีกฝ่ายว่าพลางหยิบกาแฟกระป๋องในถุงโยนมาให้

“เรื่อย ๆ น่ะ” ผมถอนหายใจ เปิดกระป๋องแล้วยกกาแฟกรอกปากตัวเอง เพิ่งจำได้ว่าหิวอยู่ตั้งแต่เมื่อตีสองจนตอนนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง อย่างน้อยกาแฟสักหน่อยก็ยังดี

“งานล่ะ?”

“ไว้ก่อน”

“เป็นไร” บาสเลิกคิ้ว “ทะเลาะกับพี่ชาย?”

“นายรู้?”

อีกฝ่ายยักไหล่ โยนขวดกระทิงแดงเปล่าลงถังขยะ “เดาน่ะ ปกติเรื่องที่ทำให้กลายเป็นหมาหงอยได้ก็เห็นมีอยู่เรื่องเดียว”

ผมก้มลงซบหน้าบนฝ่ามือตัวเอง บาสเองก็รู้ว่าผมคิดอย่างไรกับวี น่าหัวเราะที่แม้ตั้งใจเก็บไว้คนเดียว แต่เพื่อนผมกลับสังเกตเรื่องนั้นได้ แล้วอย่างนี้วีจะเอะใจบ้างหรือเปล่า หรือเขารู้อยู่แล้วจึงได้คอยย้ำกับผมเสมอว่าเราเป็นพี่น้องกัน

“บาส”

“หือ”

“ขอไปพักหอนายแป๊บดิ”

มันปรายตา ยืนค้ำหัว ถามกลับเสียงเรียบ “แป๊บคือนานเท่าไหร่”

“...ไม่รู้”

บาสไม่ตอบ แต่ผมก็ถือวิสาสะตามมันไปถึงห้องพัก ยึดเก้าอี้ที่มุมหนึ่งของห้องมันแล้วเอาแต่เหม่อมองออกนอกหน้าต่าง ส่วนเจ้าของห้องก็ทำงานของตัวเองไป ไม่สนใจผมที่มาขอเกาะเป็นเห็บ งานตัวเองไม่เสร็จเหมือนกันยังมัวแต่มานั่งจิตตกตั้งแต่เช้าจนบ่าย หมกมุ่นอยู่กับความสงสัยว่าวีจะกำลังร้องไห้อยู่หรือเปล่า จะคิดอะไรอยู่หลังจากผมล่วงเกินเขาไปอย่างนั้นแล้วหนีออกมา

เขาไม่ได้ติดต่อมาเลย แต่นั่นละ..ผมทิ้งมือถือไว้ที่ห้อง บอกแค่ไปหาเพื่อน ไม่รู้จะให้เขาติดต่อทางไหนหรือผ่านใครเหมือนกัน

“บาส”

ผมทำตัวเป็นเห็บหมาที่งี่เง่าอีกครั้ง ด้วยการสะกิดเพื่อนซึ่งกำลังฟุบหลับหลังจากทำงานต่อเนื่องมาหลายชั่วโมง

มันเงยหน้าขึ้นมา ถามเสียงงัวเงีย “อะไร”

“ไปกินเหล้ากัน”

“งานฉัน”

ผมพยักหน้าเข้าใจ “งั้นขอยืมตังค์หน่อย”

บาสนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะบิดขี้เกียจ ลุกขึ้นยืน ตบไหล่ผม เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสตางค์กับมือถือ จากนั้นก็เดินนำออกไป

เรานั่งแช่อยู่ร้านเหล้ากันตั้งแต่บ่ายยันค่ำ ไม่รู้ว่าหลังจากเริ่มเมาแล้วผมหลุดปากเรื่องอะไรออกไปบ้าง แต่ที่แน่ ๆ คือผมคายของเก่าออกทางปากชุดใหญ่ แล้วไม่นานจากนั้นวีก็กระหืดกระหอบมายืนอยู่ต่อหน้า

ผมดีใจที่เขามา ความหวาดหวั่นหายไปแล้ว ของเหลวสีอำพันที่ผมกรอกปากตัวเองมาตั้งแต่บ่าย ไม่ได้ทำให้ผมลืมเรื่องราวหรือความรู้สึกที่มีต่อเขา แต่มันละลายความกลัวที่จะเผชิญหน้ากับมันไปต่างหาก

ผมยืนโงนเงน เดินให้ตรงยังทำไม่ได้ ทิ้งน้ำหนักใส่เขา กว่าเราจะกลับถึงห้อง ปล่อยผมแผ่อยู่บนโซฟา ก็ทำเอาวีส่งเสียงหอบหนัก ๆ

ผมกอดเขา เรียกเขาว่าพี่ รู้ว่าพอเรียกอย่างนี้แล้วเขามักใจอ่อน แต่ผมไม่ได้อยากให้เขาเป็นแค่พี่เลย...ไม่เลยสักนิด

โดยเฉพาะตอนที่วีพูดว่าเขาก็รักผม

น้ำตาเขาเอ่อคลอ เราบอกรักกันซ้ำไปซ้ำมาในจูบ แต่ผมไม่รู้อีกแล้วว่ามันหมายถึงอะไร

ที่รู้คือผมจำภาพเขาได้ ร่างกายร้อนผ่าวและสั่นระริก หยาดเหงื่อโซมกาย ใบหน้าแดงซ่านกับไฝเล็ก ๆ ตรงหางตาและต้นคอที่ผมย้ำจูบลงไป รสหวานละมุนนั้นยังติดอยู่ที่ปลายลิ้นผม ตัดกับรสเค็มแปร่งของน้ำตาบนแก้มวี เสียงครางเขาหวานหู แต่แล้วกลับเปลี่ยนเป็นสะอื้นเมื่อผมกระแทกกระทั้นเข้าหา รุกล้ำในส่วนที่ไม่ควร หาความสุขกับเรือนร่างเขา กอดเขาไว้จนแน่นที่สุด บดเบียดตัวเองให้ลึกที่สุด...

วีร้องไห้ บอกว่ารักผม ต่อให้พอรุ่งเช้าผมจะลืมคำพูดเขา


...แต่ผมไม่ลืม....


ทั้งยังจำได้ ว่าวีไม่พูดเรื่องเราเป็นพี่น้องกันอีกแม้แต่คำเดียว

มือผมสั่น รวมทั้งเนื้อตัวผมก็พลอยสั่นเทิ้มไปหมดเมื่อตระหนักได้ว่าทำอะไรลงไป เขาอาจเกลียดผมแล้วก็ได้...และนั่นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย

ผมกอดเขา...จูบเขา....ทำเขาร้องไห้ครั้งแล้วครั้งเล่า...

...ผมมีอะไรกับเขา....กับพี่ชายร่วมสายเลือดของตัวเอง

“…ไอ้เหี้ยวิน....”

เสียงผมแหบแห้ง หัวใจผมเหมือนจะขาด

“...มึงนี่มัน....”


เช้านั้นผมไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย ผมขาดเรียนครึ่งเช้า นั่งตีอกชกหัวอยู่บนเตียง และใช้เวลาที่ควรเข้าเรียนไปกับการนั่งร้องไห้เหมือนคนบ้า

บาสโทรมาตอนสายโด่งแต่ผมไม่มีแก่ใจรับสาย สุดท้ายก็มีแต่เสียงเตือนข้อความเข้า ทว่าผมก็ไม่ได้เปิดดูอยู่ดี เป็นชั่วโมงผ่านไป กว่าผมจะลุกขึ้นมาเดินเตร่อยู่ในห้อง ก้มลงมองผ้าปูที่นอนผืนหนึ่งซึ่งถูกขยำอยู่ในตะกร้า หยิบออกมาคลี่ดู เห็นทั้งคราบคาวสีขาวขุ่น และคราบเลือดเป็นดวงเล็ก ๆ 

“...”

ผมขมวดคิ้ว หย่อนมันลงที่เดิม รวมกับเสื้อผ้ายับย่นของวีและของผมเองที่สวมไว้เมื่อวานนี้ สภาพผมเมื่อวานคงสกปรกเหมือนหมา แต่ตอนนี้กลับเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน สวมชุดนอนตัวที่ใส่สบาย จำได้ว่าวีเป็นคนซื้อชุดนี้ให้ผม เข้าคู่กับของเขาที่มีอีกชุดแต่เป็นคนละสี หลังจากเกิดเรื่องแบบนั้น วียังอุตส่าห์มาเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมอีก

"อึ้ก!"

ผมเม้มปาก กลั้นเสียงสะอื้นน่าสมเพช วีไม่ควรใจดีกับผมอย่างนี้เลย เพราะมันจะทำให้ผมหลงผิดไปว่าเขาเองก็รักผมในความหมายเดียวกัน จนผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เหมือนอย่างที่เพิ่งเกิด

ผมยกมือปิดหน้า เงยขึ้นให้น้ำตาที่กำลังจะไหลอีกครั้งไม่ร่วงลงมา แต่มันก็ยังเอ่อล้นจนหยดลงข้างแก้มจนได้

“...วี...ฉันขอโทษ...”


โทรศัพท์มือถือผมดังอีกครั้ง เป็นบาสอีกแล้ว แต่คราวนี้เพียงแค่ไม่นานก็เงียบไป แล้วมีข้อความถูกส่งมาแทน ผมกดไล่ดูตั้งแต่อันที่ไม่ได้อ่านก่อนหน้านี้ เลื่อนมาถึงข้อความล่าสุดที่เพิ่งได้รับ

‘วิน พี่แกเอาใบลาป่วยมาฝากยื่น บอกว่าไม่สบาย เมาค้างรึไง’

‘บ่ายนี้ต้องคุยกับอาจารย์เรื่องงานกลุ่ม ถ้าไม่ได้ป่วยแบบใบลานั่นก็มาด้วย’


วีส่งใบลาป่วยให้ผม?

ผมยกมือลูบหน้า ร้องไห้จนปวดตาไปหมด เหลือบมองนาฬิกาก็ใกล้เที่ยงเข้าไปแล้ว อยากโทรหาวีถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างแต่ไม่กล้า เขาต่างหากเป็นฝ่ายที่ควรลาหยุด ไม่ใช่ไปลาป่วยให้ผม

บ่ายนั้นผมเดินเข้าคณะด้วยสีหน้าหดหู่ เพื่อนหลายคนมองมาแต่ผมไม่ได้ใส่ใจ บางคนเดินเข้ามาถามว่าหายป่วยแล้วหรือ แต่ผมไม่ได้ป่วย ผมแค่งี่เง่า เรื่องนั้นรู้ตัวดีที่สุด ทว่าไม่สามารถทำอะไรกับมันได้

บาสเหลือบมองผมด้วยหางตา ตบไหล่แรง ๆ ครั้งหนึ่งเหมือนจะเรียกสติ ระหว่างที่เราเดินรั้งท้ายกลุ่มเพื่อนที่จะไปพบอาจารย์ด้วยกัน

“ก็กะอยู่แล้วว่าไม่เป็นอะไร” มันทัก

“นายเจอวีหรือ?”

“เมื่อเช้า มาฝากใบลากับใบรับรองแพทย์ที่มีชื่อแก ไม่ใช่ลายเซ็นแกใช่ไหม แต่ลายมือคล้ายกันอยู่”

ผมส่ายหน้า จะไปเซ็นได้อย่างไร ผมหลับไม่รู้เรื่องจนนาฬิกาที่วีตั้งไว้ดังนั่นละ

“เขาเป็นไงบ้าง” กลั้นใจเอ่ยปากถาม แล้วก็รอฟังคำตอบด้วยความหวาดหวั่นเสียเอง

“สภาพคล้าย ๆ แก” บาสเอ่ยเสียงเบา “ตาบวมกว่านิดหน่อย...กับ...”

บาสเงียบไป แล้วก็พึมพำต่อเสียงแผ่วกว่าเดิม

“...รอยที่คอ”

ผมใจหายวาบ

“มีเพิ่มขึ้นอีก จากตอนที่เขามารับแกที่ร้านเหล้า...”

“...อา...”

“..แก..ทำ....กับพี่ชายหรือ?”

ผมเงียบไป...และเราเดินมาถึงห้องที่นัดไว้กับอาจารย์พอดี ผมจึงไม่ได้ตอบคำถามนั้น



จนถึงตอนเย็น ผมก็ยังไม่ได้เจอกับวี ไม่ได้โทรหาวี บาสแยกออกไปก่อนแล้ว เหลือแต่ผมที่นั่งกุมหน้าผากอยู่บนเก้าอี้หินอ่อนใต้ร่มไม้ข้างตึกคณะ ยังคิดไม่ตกว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป วีจะเกลียดผมหรือเปล่า ถ้าเจอหน้าเขาแล้วผมจะพูดอะไร ทำหน้าแบบไหน ผมควรบอกเขาว่าจำเรื่องทั้งหมดได้หรือทำเป็นลืมมันไปเสีย แบบไหนจึงจะดีกับเขามากกว่า

หากบอกว่าจำเรื่องเมื่อคืนได้ทุกอย่าง นั่นหมายความว่าวีจะรู้เรื่องผมคิดไม่ซื่อกับเขาจริง ๆ  แล้วต่อจากนี้เราจะเข้าหน้ากันได้อย่างไร

แต่ถ้าผมบอกว่าจำเหตุการณ์ไม่ได้ หรืออ้างว่าทำไปเพราะเมา ก็เท่ากับเป็นการผลักความผิดที่ได้ร่วมกันทำทั้งหมดนี้ให้วีแบกรับไปคนเดียว เขาจะต้องร้องไห้อีกสักกี่ครั้ง แล้วผมจะทนเห็นสีหน้าเจ็บปวดของเขาได้หรือ?

ผมสับสนจนไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว.. พอไม่มีเขาอยู่ด้วย ผมก็กลายเป็นไอ้บ้าที่เอาแต่เพ้อเจ้อ แต่พออยู่กับเขา ผมก็เป็นไอ้บ้าอีกคนที่ห้ามหัวใจและการกระทำของตัวเองไม่ได้....


“วิน”


เสียงคุ้นหู ผมจำได้ว่าเคยได้ยินเสียงนี้บ่อย ๆ อยู่เกือบสามเดือน จนกระทั่งร้างรากันไปเมื่อราวสามสัปดาห์ก่อน

“พี่จูน?”

“วิน..มีคนบอกว่าวินไม่สบาย” เธอส่งสายตาเป็นห่วงเป็นใย ยื่นมือมาแตะหน้าผากผม “ไม่มีไข้แล้วนี่นา ค่อยโล่งใจหน่อย”

ผมนั่งหลังตรง พยายามทำตัวเป็นปกติ

“ผมไม่ได้เป็นอะไร”

อดีตแฟนคนล่าสุดของผมถอนหายใจโล่งอก ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ  ขยับขาไขว่ห้าง กระโปรงสีดำของเธอร่นขึ้นมาถึงกลางต้นขา

“ดีแล้ว พี่เป็นห่วงแทบแย่ ตานายดูช้ำ ๆ ยังไงไม่รู้...” เธอยิ้มบาง “...พี่เป็นห่วงมาตลอด ตั้งแต่เรื่องวันนั้น”

“ผมไม่เป็นไร” ผมย้ำ ที่ตาผมช้ำวันนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ ต่อให้เธอจะพยายามเอามันมาโยงกับการบอกเลิกครั้งก่อนก็ตาม

“วิน..นายยังโกรธพี่อยู่หรือที่บอกเลิกนาย”

“เปล่า”

“พี่ขอโทษ พี่รู้ว่านายเสียใจ”

“ผมไม่ได้เสียใจ”

“ขอโทษจริง ๆ”

“ผมไม่ได้โกรธ และไม่ได้เสียใจอะไรทั้งนั้น”

ผมถอนหายใจ ลุกขึ้นยืน เตรียมเดินออกจากตรงนั้น แต่กลับมีแขนเล็ก ๆ เอื้อมมารั้งไว้จากข้างหลัง

“วิน..” พี่จูนเรียกชื่อผมเสียงสั่น “พี่จะไม่เซ้าซี้ ไม่ทำตัวน่ารำคาญ ไม่วุ่นวายเรื่องนายกับแฝดของนายอีกแล้ว..”

“ดีแล้วครับ”

“...เรากลับมาคบกันอีกครั้งเถอะนะ”

“พี่จูน”

“ให้โอกาสเราเริ่มใหม่นะ...นะ....วิน....นะคะ”

ผมหันกลับไปมองหน้าเธอ พี่จูน รุ่นพี่ผู้หญิงที่เพิ่งเลิกกันไปเมื่อสามสัปดาห์ก่อน เธอเป็นคนขอแยกทางเองเพราะทนไม่ได้ที่ผมให้ความสำคัญกับวีมากกว่าคนอื่น และตอนนี้กำลังทำสายตาวิงวอน บอกว่าอยากกลับไปคบกันอีกครั้ง

พี่จูนตัวเล็ก ผมดำขลับ ดวงหน้าอ่อนโยน ไฝเม็ดเล็ก ๆ ที่คางเธอทำให้ผมนึกถึงวี เห็นแต่ภาพวีอยู่เต็มหัว ไม่รู้ตัวว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี จะกลับไปคบเธออีกครั้งทั้งที่ไม่ได้รู้สึกรัก ทำเหมือนที่ผ่านมาเวลามีผู้หญิงบอกชอบ หรือควรหยุดเรื่องพวกนั้นเสียที ผมจะตามหาคนอื่นอีกเท่าไรจึงแทนวีได้...ผมบ้าไปแล้ว...มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย ในเมื่อไม่เคยคิดอยากให้ใครมาแทนเขา ผมอยากได้ตัวและหัวใจเขาต่างหากไม่ใช่ผู้หญิงพวกนี้

“วิน..?”

เธอส่งสำเนียงอ้อนวอน ทว่ามันก็เพียงลอยผ่านหูผมไป

“วิน..มองหน้าพี่..”

เธอทำเสียงแข็งขึ้น ลุกขึ้นยืนต่อหน้า ฝ่ามือและนิ้วเรียวยาววางทาบลงสองข้างแก้มผมเบา ๆ 

มือเธออ่อนนุ่ม เล็บเธอทาสีสวยหวาน ริมฝีปากเธอเป็นสีชมพูสด เครื่องหน้าชวนมอง แต่สายตาผมไม่ได้จับจ้องอยู่กับสิ่งใดบนใบหน้านั้น แม้แต่ตอนที่เธอเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ เขย่งบนปลายเท้า แตะริมฝีปากของตัวเองแผ่วเบาบนริมฝีปากของผม

ผมมองไกลออกไป ใต้ต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้า ขณะที่ยังอยู่ในจูบซึ่งไม่มีความรักเจืออยู่สักนิด

ที่ตรงนั้น ผมสังเกตเห็นบาสยืนมองอยู่พอดี ด้วยสีหน้าไม่ประหลาดใจนัก และผมก็ไม่แปลกใจเช่นกัน แต่คนที่อยู่ข้างบาสต่างหากซึ่งทำให้หัวใจผมร่วงดิ่งลงเหว รีบผลักพี่จูนออกห่างตัว

วียืนอยู่ตรงนั้น นัยน์ตาแดงช้ำกำลังมองกลับมาที่ผม

เราสบตากันเพียงแวบเดียว ก่อนบาสจะเดินไปบังเขาไว้ จับไหล่วีให้หันหน้าไปทางอื่นเหมือนไม่อยากให้เขาเห็นผมกับพี่จูน แต่ผมรู้ดีว่าไม่ทัน ระยะทางระหว่างผมกับเขาไม่ใกล้พอจะได้ยินเสียงพูดคุย ทว่าก็ไม่ไกลพอให้มองข้ามไหล่สั่นเทาของเขาที่บาสโอบไว้ และมือเขาที่ยกขึ้นขยี้ตาตัวเอง

“วี!”

เขาได้ยิน...ได้ยินแน่นอน แต่ไม่ยอมหันกลับมาตามเสียงเรียก มีแต่ไหล่ไหวระริกที่ดูห่างออกไป เปลี่ยนจากที่แค่ยกมือขยี้ตาเป็นปิดไว้ทั้งหน้า

ผมจะทำให้วีร้องไห้อีกสักกี่ครั้งกัน?









----------| S i n c e r e |----------


มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ
v
v
v



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2014 12:03:40 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
----------| S i n c e r e |----------(ต่อ)





ไม่เอาแล้ว...พอสักที...


ผมบอกตัวเองอย่างนั้น แต่กลับไม่สามารถหยุดความรู้สึกที่เป็นอยู่ได้

ผมใช้ข้ออ้างกับตัวเองว่าวินเมา และผมขัดขืนไม่ได้ จึงได้เกิดเรื่องอย่างเมื่อคืนขึ้น แต่ส่วนลึกในใจผมรู้ดี ไม่ว่าวินจะมีสติขณะที่ทำเรื่องนั้นหรือเปล่า แต่ผลมันก็จะยังเป็นเหมือนเดิม

ผมห้ามเขาได้ เรี่ยวแรงมีมากพอกับเขา...แต่กลับไม่ทำ

...เรามีอะไรกันที่โซฟา...ที่เตียง...บนผ้าปูที่นอนของเขาซึ่งถูกทำให้สกปรก ย้อมสีขาวที่เคยบริสุทธิ์นั้นด้วยกลิ่นคาวและสีเลือด ย้ำถึงความผิดบาปที่ผมทำ แลกกับช่วงเวลาหอมหวานหนึ่งคืนที่ผมรักเขา และเขารักผม...มันก็เท่านั้น

แต่ไม่ว่ารักของเขาหรือของผมจะเป็นในความหมายใด...ทั้งหมดนั้นก็ผ่านไปราวกับเป็นแค่ความฝัน

วินหลับไปทั้งที่เนื้อตัวยังเปรอะเปื้อนและชื้นเหงื่อ ความเจ็บเบื้องล่างและสิ่งที่ยังค้างอยู่ในตัวผมบอกให้รู้ว่าทั้งหมดเป็นความจริง ผมแค่อยากลืม ๆ เรื่องนั้นไปเสีย นอนซุกอยู่กับเขาทั้งคืน แต่ทั้งที่อ่อนล้าออกอย่างนั้นแท้ ๆ กลับไม่สามารถข่มตาหลับได้

ผมเอาหลังมือปาดน้ำตา นึกรำคาญตัวเองไม่น้อย ไม่อยากร้องไห้พร่ำเพรื่อเลย นั่งสงบสติอารมณ์แล้วลุกขึ้นมาเช็ดตัวให้เขา เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนที่ผมเคยซื้อให้ กึ่งอุ้มกึ่งลากเขาไปนอนบนเตียงผมแทนแล้วโยนผ้าปูที่นอนของเขาลงตะกร้า วินไม่ตื่นเลย น้องชายที่น่ารักของผมยามหลับนั้นเหมือนเป็นเด็กน้อยคนเดิมเมื่อครั้งยังเด็ก พิศมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาของเขาแล้วก็ทั้งมีความสุขและปวดร้าว ผมมาไกลถึงเพียงนี้แล้ว ไม่สามารถถอยหลังกลับไปรู้สึกกับเขาอย่างที่เคยเมื่อเรายังเยาว์วัยอีกแล้ว...

วินละเมอเป็นถ้อยคำฟังไม่ได้ศัพท์ เขาร้องไห้ในความฝัน มือยื่นมาไขว่คว้าบางสิ่งในอากาศ ในภาพฝันของเขาที่ผมมองไม่เห็น

“วิน..”

ผมกระซิบ เอื้อมมือไปกุมมือเขาแล้วดึงมาไว้แนบอก

ปกติแล้ว เมื่อมีใครฝันร้าย ถ้าอีกฝ่ายเห็นเข้ามักจะปลุกให้ตื่น

แต่ตอนนี้ผมไม่รู้เลย..หากผมปลุกเขาขึ้นมาตอนนี้ มันจะหนักหนายิ่งกว่าฝันร้ายของเขาหรือเปล่า

“วิน...นายอย่าร้องไห้เลยนะ”

น้ำตาเขาร่วงลงมาตามแก้ม กระซิบเสียงแห้งผากทั้งที่ยังหลับ 

“...วี.......พี่.......”

ผมชะงักกับสิ่งที่ได้ยิน กล้ำกลืนคำว่าพี่น้องซึ่งเคยพร่ำบอกเขาลงไป ปลอบใจตัวเองว่าผมขอแค่คืนนี้ ให้มันเป็นแค่ความฝัน ไม่ว่าจะดีหรือร้าย แล้วพอรุ่งเช้ามันก็จะกลับไปเป็นแบบเดิม 

“...ฉันอยู่กับนายตรงนี้”

ผมจูบเขาที่หน้าผาก ประคองใบหน้าเขาไว้ด้วยสองมือ มือเขาที่เคยไขว่คว้าอากาศเอื้อมมากอดเอวผมไว้แล้วรั้งเข้าไปใกล้ แม้ใจคร่ำครวญว่าพอเสียที แต่อีกใจผมร่ำร้องว่าไม่เคยพอ

“...ช่วยรักฉันเถอะ....แค่คืนนี้ก็ได้....”

ผมอ้อนวอน กอดตอบเขา ซุกตัวเข้าหาไออุ่น ริมฝีปากคลอเคลียกับเรียวปากและปลายลิ้นของเขาซึ่งรุกล้ำเข้ามาทั้งที่ยังไม่ลืมตา ต่อให้มันผิด....ต่อให้มันโง่....ต่อให้วินจะเมาหรืออะไรก็ตาม

“...ขอร้องละ...ช่วยรักฉัน...เหมือนอย่างที่ฉันรักนายเถอะนะ....”





ผมตื่นก่อนเขา เจ็บร้าวไปทั้งตัวยิ่งกว่าเมื่อคืน ความฝันของผมจบลงเร็วเหลือเกิน

ฟ้าข้างนอกยังไม่สว่างดี แต่ผมไม่สามารถทนอยู่กับอาการหลับ ๆ ตื่น ๆ นี้ได้อีก  ลุกขึ้นมานั่งมองใบหน้าวินที่ยังหลับตาพริ้ม เปลือกตาบวมน้อย ๆ  ลากปลายนิ้วมือไปตามแก้มและสันกรามเขาแผ่วเบาใต้แสงรำไร นึกในแง่ดีว่าดีแล้วที่เขายังไม่ตื่น ผมไม่รู้จะพูดจากับวินเป็นปกติได้อย่างไรหลังจากเพิ่งทำเรื่องแบบนั้นลงไป

ผมถอนหายใจยาว หยิบนาฬิกาปลุกข้างเตียงที่แทบไม่เคยใช้ เพราะปกติแล้วเราใช้มือถือตั้งปลุกเสมอ ตั้งเวลาปลุกไว้ที่แปดโมงครึ่ง เผื่อว่าหากเขามีวิชาสำคัญที่ต้องเข้าวันนี้จะได้ไม่ขาดเรียน

หลังจากลุกขึ้นยืน ลองขยับร่างกายช้า ๆ  ความเจ็บปวดยังชัดเจนอยู่แต่ใช่ว่าจะถึงกับทำอะไรไม่ไหว ผมเม้มปาก พยายามทำกิจวัตรประจำวันเป็นปกติในเวลาที่เช้ากว่าเก่า รีบออกจากอพาร์ตเม้นต์ก่อนวินจะตื่น ส่วนหนึ่งคือผมคงไม่กล้าสู้หน้าเขาเร็ว ๆ นี้ และอีกอย่างคืออยากไปเขียนใบลาและขอใบรับรองแพทย์ไว้แทนเขา เผื่อวินจะเมาค้างจนไปเรียนไม่ไหวจริง ๆ

ผมเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้พาไปส่งที่คลินิกใกล้ ๆ  สภาพร่างกายแบบนี้ไม่อยากนั่งซ้อนท้ายเลย แต่อย่างน้อยคงดีกว่าเดินไปเอง

ผมรอคิวเข้าไปตรวจกับหมอ บอกเขาว่าผมปวดหัว เจ็บคอ เป็นไข้ แต่ใช้ชื่อ ‘ไกรกวิน ชลิตชานนท์’ ซึ่งเป็นชื่อของวินไม่ใช่ของผม  พร้อมกับขอใบรับรองแพทย์มาอีกอย่าง เซ็นชื่อเขากำกับตอนท้ายลงไปด้วยลายมือซึ่งคล้ายกันมาแต่ไหนแต่ไร หากไม่สนิทกันจริงหรือเพ่งดูให้ดีก็คงแยกไม่ออก

ถึงมหาวิทยาลัย ผมยืนรีรออยู่หน้าตึกคณะเขา โทรหาบาสด้วยเบอร์ที่ได้มาจากมือถือของวิน บาสมาถึงในเวลาไม่นานหลังจากวางสาย

“มีอะไร?”

“ฉัน..ฝากใบลาไว้ที่นายหน่อยได้ไหม?”

“ใบลา?”

“ของวินน่ะ” ผมหลบตา “เขาไม่ค่อยสบาย ไม่แน่ใจว่าจะมาเรียนไหวหรือเปล่า ถ้าเขามาไม่ได้ ฝากยื่นใบลาแทนได้ไหม คือฉันไม่รู้ว่าคณะพวกนายเคร่งหรือเปล่า แล้วอาจารย์จะเช็คชื่อไหม..ก็เลย...”

บาสยื่นมือมารับ ไม่ได้พูดอะไร แต่ผมรู้สึกว่ากำลังถูกจ้อง แล้วก็อดวิตกจริตขึ้นมาไม่ได้ บาสเป็นเพื่อนกับวิน แล้วคนตรงหน้าจะรู้เรื่องอะไรแค่ไหนแล้ว

“หน้าอย่างไอ้วินน่ะหรือป่วย”

ผมพยักหน้าช้า ๆ  “เอ้อ...มีใบรับรองแพทย์ด้วย...ตะ...แต่ถ้าเขามาเรียนหรือว่าถ้าไม่จำเป็นต้องใช้ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องบอกก็ได้ว่าฉันเอาใบลามาฝากไว้”

อีกฝ่ายพยักหน้า ผมโล่งใจที่เขาไม่ถามอะไรต่อเกี่ยวกับวิน




ผมเรียนไม่เป็นสุขเลยทั้งวัน สมาธิไม่เหลือสักนิด เพื่อนพากันทักว่าเอาแต่เหม่อ และผมก็ไม่มีอะไรจะเถียง

ผมอยากรู้ว่าวินได้มาเรียนหรือเปล่า หรือเขายังอยู่ที่อพาร์ตเม้นต์ เขาตื่นขึ้นมาแล้วจะจำเรื่องราวเมื่อคืนได้ไหม หากจำได้เขาจะทำอย่างไร แล้วถ้าจำไม่ได้มันจะเป็นอย่างไร

บ่ายแก่ใกล้เวลาเลิกคาบสุดท้าย ผมควรโทรหาเขาสักครั้ง แต่ก็ลังเลจนไม่สามารถทำได้ ผมแค่อยากรู้ความเป็นไป แต่ยังไม่กล้าฟังเสียงพูดคุยหรือเสียงลมหายใจของเขา แม้กระทั่งผ่านสัญญาณโทรศัพท์

สุดท้ายผมก็โทรหาบาสแทน

“วี?”

“ใช่”

“มีอะไรหรือ?”

“...ฉัน...แค่สงสัย...” ผมกัดฟัน เตือนตัวเองให้ทำเสียงเป็นปกติ “...ตกลงวินได้มาเรียนหรือเปล่าวันนี้”

“ไม่โทรถามมันเองล่ะ?”

“...เอ้อ....ฉัน....”

“ไม่งั้นก็มาดูเอง” เสียงพ่นลมหายใจดังจากปลายสาย “หงอยจนรำคาญลูกตาแล้ว มาเอามันกลับไปก็ดี”

ผมพยักหน้า แม้อีกฝ่ายจะไม่เห็น นึกโล่งใจที่อย่างน้อยเขาก็มาเรียนได้

“ขอบคุณนะ”

ผมวางสาย ครุ่นคิดกับตัวเองอีกพักใหญ่ สุดท้ายก็ตัดสินใจจะลองไปดูแถวตึกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ บางทีอาจได้เห็นว่าวินเป็นอย่างไรบ้างโดยไม่ต้องให้เขาเห็นผม

ตอนมาถึง ผมสวนกับบาสที่กำลังเดินออกมาพอดี อีกฝ่ายคล้ายจะรู้ว่าผมมาทำอะไร จึงได้พยักพเยิดไปทางโต๊ะเก้าอี้หินอ่อนข้างตึก

ผมมองตามสายตาเขาไป เห็นร่างคุ้นเคยนั่งกุมหน้าผากอยู่บนเก้าอี้ใต้ร่มไม้ บาสผงกศีรษะอีกครั้ง เป็นเชิงว่าให้ผมเดินไปหา แต่ยังไม่ทันได้ตัดสินใจว่าจะเข้าไปหรือถอยกลับ ร่างสะโอดสะองของผู้หญิงอีกคนก็เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าวิน พูดคุยกันโดยที่ผมไม่สามารถได้ยินจากตรงนี้ พักหนึ่งเธอก็ทรุดตัวลงนั่งข้างกันกับเขา

“...ผู้หญิงคนนั้น....”

ผมพึมพำ ไม่ได้ตั้งใจจะถาม แต่บาสก็ช่วยตอบ

“พี่จูน แฟนเก่าไอ้วิน ผู้หญิงเพิ่งบอกเลิกมันได้สักสองสามอาทิตย์”

“...อา...”

ทำได้แต่เพียงพยักหน้าเลื่อนลอย ความทรงจำเมื่อสองคืนก่อนปะติดปะต่อกันในหัว ผู้หญิงคนนี้ใช่หรือเปล่าที่วินพูดถึง ผมยังจำได้ที่เขาบอกผมว่ามีคนที่ชอบอยู่

วินลุกขึ้นยืน ทำเหมือนจะเดินออกมา แต่มือของพี่จูนยื่นมากอดเอววินไว้จากข้างหลัง และเขาหยุดชะงักเพียงเท่านั้น ครู่หนึ่งก็หันไปหาเธอ ขณะที่ผมสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามมองข้ามความเจ็บปวดในอกที่ล้นขึ้นมาจนคล้ายจะหายใจไม่ออก พูดซ้ำ ๆ ในหัวว่าดีแล้ว...แบบนี้ดีแล้ว...ผู้หญิงคนนี้ไงที่ผมบอกว่าอยากให้วินแนะนำให้รู้จัก น่ารักสมกับที่ผมเคยสัญญากับตัวเองว่าจะคอยเอาใจช่วย

พี่จูนลุกขึ้นยืน ประจันหน้ากับวิน สองมือวางไว้ข้างแก้มเขา เหมือนที่ผมทำกับวินเมื่อคืนนี้

บาสวางมือบนไหล่ผม เขาอาจเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่เห็นเตือนผมเรื่องนั้นสักคำ

ระยะห่างระหว่างใบหน้าพวกเขาขมวดเข้าหากัน


...ก่อนริมฝีปากทั้งสองจะแนบสนิท..


ผมเข้าใจ...ผมบอกตัวเองอย่างนั้น วินเป็นของคนอื่น...ริมฝีปากที่เพิ่งจูบผมเมื่อคืนนี้ก็เป็นของคนอื่นเช่นกัน...


แวบหนึ่งก่อนบาสจะดึงผมให้หันหลังกลับ ผมสบตากับวินโดยไม่ได้ตั้งใจ เพียงแค่ไม่ถึงวินาที...แต่ทิ้งความร้าวรานไว้ลึกจนราวกับจะคงอยู่ไปตราบชั่วชีวิตผม เหมือนตะปูที่ถูกตอกไว้แล้วถอนออก มันจะเป็นรูโหว่เช่นนั้นไม่มีวันหาย


“นายกลับก่อนไป” บาสพึมพำ


ทั้งที่เตรียมใจมาแล้ว แต่คล้ายจะยังไม่พอ ผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่างร่วงลงแล้วแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย...


...นั่นใช่หัวใจของผมหรือเปล่า...?


“วี!”


วินเรียกชื่อผม แต่ผมไม่สามารถหันหลังกลับไปมองได้อีก อย่างน้อยก็จนกว่าผมจะสามารถแสดงความยินดีกับเขาโดยเก็บอารมณ์ได้มากกว่านี้สักหน่อย

ผมยกมือขึ้นขยี้ตา กัดฟันแล้วเดินออกจากตรงนั้น บอกตัวเองว่าพอแล้ว...เหนื่อยเหลือเกินกับที่เป็นอยู่...เลิกร้องไห้เรื่อยเปื่อยเสียที


...แต่ตาผมพร่าไปหมดเลย...









เหตุผลของฉัน...กับเหตุผลของนาย...ใช่สิ่งเดียวกันหรือเปล่า

รักของฉัน...และรักของนาย เป็นแบบเดียวกันหรือไม่

ตัวฉันผู้งมงาย เฝ้าสงสัยว่าความฝันหรือเรื่องจริงที่เจ็บปวดยิ่งกว่า



ในฝันร้ายเบื้องหลังเปลือกตา..

กระซิบคำรัก และเอ่ยคำลวงกับฉันเถิด

โปรดบอกฉันสักครั้ง ว่ารักของเรามีความหมายเดียวกัน






 


----------| S i n c e r e |----------








ประนมมือรอคนอ่านสำเร็จโทษ  น้ำตาเรี่ยราดกันทั้งพระเอกนายเอกเบย

ตัดจบแบบนี้รู้ดีว่าค้าง แต่เพื่อให้ลงตัวกับคำโปรยเลยต้องตัดแค่นี้ (ดูเหตุผลเข้า) ให้อภัยเค้าเต๊อะ Orz :hao5:

แปะรูปพี่วีปลอบขวัญนะคะ (หรือจะยิ่งช้ำหนัก) ไม่รู้มีแต่เราที่คิดไปคนเดียวหรือเปล่า แต่ชอบรู้สึกว่าเด็กแบบพี่วีเนี่ย น่าแกล้งให้ร้องไห้แล้วเอามาโอ๋จริง ๆ เลย << นิสัยเสียเหลือเกิน



คือจะเรียกว่าสปอยล์หรือเปล่าไม่รู้ แต่เราชอบแฮปปี้เอนด์นะคะ (อ๊ะ...แต่ก็ไม่ได้เจาะจงอะไรนะ...เอ๊ะหรือยังไง ฮา) เพราะฉะนั้น หากทนได้กับดราม่านิดหน่อย ช่วยทนไปกับเรานิดนะคะ แฮร่ก

พบกันตอนหน้า ขอบคุณคนอ่านทุกท่านค่ะ รักมากมาย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2014 15:37:24 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ lonesomeness

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ปวดใจสุดๆ  :katai1:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ Jaiko★

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
โฮรววววววววววววววววววววววววววววววว  :sad4: :katai1: :z3:
อยากผ่านมาม่าไปเร็วๆจัง :m15:

ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนใจจะขาด
อะไรมันจะเจ็บปวดปานนั้นนนนน
แฝดทำไมไม่พูดกันนนนน
ถึงเรื่องแบบนี้มันจะไม่ใช่เรื่องปกติก้เถอะ
แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ใช่แค่แฝดนะที่ทรมาน
เจ้ๆคนอ่านอย่างพี่ก้แทบไม่ต่างกันเลย
อินมากกกกกค่ะ รู้สึกเหมือนสงสารวีมากกว่าวินนิดนึงด้วย? 555
วินจะทำอะไรก้รีบทำเลยยยย หยุดน้ำตาของวีได้แล้วนายน่ะ
รอตอนหน้านะคะ สนุกมากกกก เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:  ไม่ไหวแล้ววววววว ฮรือออออออ  จิตตกตามพี่วี
ฮรือออออออ  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ร้องสองคนไม่พออิป้าช่วยร้องด้วย  :sad11:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Serioz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ตอนนี้จะร้อง :sad4:

ออฟไลน์ michiri.sama

  • ลูกเป็ดที่หมกมุ่นในโลกสีม่วง (´∀`)♡
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
คิดเหมือนคนเขียนเลย
ชอบบุคลิกแบบวีมาก รู้สึกมันน่าแกล้งจริงๆ *0*
หรือพวกเราจะเป็น S คะ? (ฮา)
แต่แกล้งให้ร้องไห้แบบน่ารักๆเบาะๆก็พอค่ะ
ไม่ใช่ดราม่าน้ำตากระจายขนาดเนนนนน้
กรี๊ด ตอนนี้คือบีบคั้นแบบสะเทือนมากเพราะมีอะไรก็อุบอิบไม่ยอมพูดกันซักที
เด็กปากแข็งสองคนนี่มันน่าตีตูดจริงๆ

ออฟไลน์ neno.jann

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ใครก็ได้เอาอิพี่จูนนี่ไปเก็บที๊! :angry2: ทำครอบครัวเขาร้าวฉานแล้วนั่น ฮรือออ แฝดจะได้ลงเอยกันสักที หุหุ :hao6:

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

ร้องไห้น้ำตาท่วมโอ่งแล้ว โอ้ยยยย สงสาร อยากกรี๊ดออกมาดังๆ
ดราม่าทั้งคนพี่คนน้อง ร้องไห้กันทั้งคนพี่คนน้อง คนอ่านเองก็สะเทือนใจ กระซิกๆ

ยัยพี่จูน มาทำไม เลยกลายเป็นว่าไปกันใหญ่ จากที่ไม่เข้าใจกันทั้งคู่กันอยู่แล้ว
พี่จูนมายิ่งหนักเลย โถถถถถ พี่วี ณ จุดนั้นอยากเข้าไปกอดปลอบซับน้ำตามาก
พี่วีดูดราม่ากว่าคนน้องเยอะ โฮ การเป็นพี่ชายที่แสนดีมันช่างปวดใจจริงๆ

บีบคั้นอารมณ์มากค่ะ แต่ไม่รู้ทำไมเราชอบอ่ะ โฮ (เป็นมาโซนี่เอง กว๊ากกก -O-)

 
รอตอนหน้าน้า

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 :mew2:ขอไปรอตรงนิยายเรื่องนี้"จบ"แล้วนะคะ
อ่านไปลุ้นไปเจ็บหัวใจมาก กินมาม่าจนตาบวมสมองเครียดแล้ว
ดีใจทึ่เรื่องนี้คนแต่งบอกว่าจบแบบมีฟามสุข

จะรออ่านตอนจบค่ะ

PoofuGirl

  • บุคคลทั่วไป
อ่านจบนานแล้ว มาคอมเม้นต์แบบช้าไปหลายช่วงตัว  :ling1:
โอ้ยยยยย !! มันหน่วงงงงงงง !!!

ทำไมพี่วีถึงรักน้องได้ขนาดนี้คะ  :katai1:
รักมากจริง ๆ การกระทำ ความห่วงใย ทุก ๆ อย่าง
ขนาดเช็ดเนื้อเช็ดตัว อุ้มมาเปลี่ยนเสื้อผ้า ตั้งปลุก
ขอใบรับรองแพทย์ให้น้องวิน... ฝากใบรับรองแพทย์ไปลาเรียนให้ด้วย
TvT โอ้ยยยยยยยย... กอด ๆ พี่วี  :กอด1:


น้องวินคะ !! แม่ยกอยากจับหนูตีก้นจริงเชียว
ทำไมเป็นเด็กดื้องี้ ปล่อยทุกอย่างล่วงเลยในความเข้าใจผิด
ทำให้พี่วีเสียน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วตอนนี้ก็ยังตัดสินใจไม่ได้
ว่าจะเอายังไง จะเผชิญหน้า หรือว่าจะแกล้งลืมเพราะว่าเมา
ฮือ ฮือ... แล้วยัยแฟนเก่านั่นอีก จูบคืออะไรค๊าาาาาาาาาา


รีบวิ่งไปตามพี่วีเลยนะ !!!  :katai1:
ไม่งั้นจะเชียร์ให้เพื่อนบาสไปจีบพี่วี หรือให้พี่วีมีคนมาจีบแล้ว
ไม่ได้เรื่องเลยน้องวินอ๊าาาาาาาาาาา


ปล. ตับสลายกลายเป็นผุยผง
  :m15:

ออฟไลน์ grimace

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
มันเป็นความรู้สึกที่ฟินมาก ยิ่งอ่านยิ่งฟิน
แอบเห็นว่าคนบอกว่าดราม่ามันเป็นเสน่ห์ของทวินเซส
อันนี้เห็นด้วยจริงๆ ถึงจะแอบปวดตับปวดไตไปหน่อยก็เถอะ
แต่คิดว่าตอนนี้พี่วีก็ยังน่าสงสารอยู่ดี โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ
และอย่าเพิ่งเลิกกกกกสิ เลิกไม่ได้นะคะ ขอบังคับ ฮาๆ
ตอนหน้าจะเป็นยังไงเนี่ย น้ำตาอาบกันอีกทั้งสองคนหรือเปล่า
รอตอนต่อไปนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ drunrew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ดราม่าเอยจงดับมอด ดับมอด ดับมอดเสียเทททททททททท  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
เจ้นั้นมาทำไมตอนนนี้ เค้ามีเรื่องกันอยู่
ดีสิวีต้อง้องไห้หนักอีกแล้ว ร่างกายก็ยังไม่ฟื้นด้วย
ความผิดเจ้คนเดียวเลย

วินรีบตามมาตบเจ้สักครั้งนึงก่อยก็ได้ (อินมาก) จะมาทำไมเนี่ยยย
ตามไปเคลียร์กัยเสียที ว่าจริงๆแล้วความรักของทั้งคู่คืออย่างเดียวกัน
ืคือรักแบบที่อยากเป็นแฟนัน ไม่ใช่พี่น้อง
เราจะข้ามพ้นศีลธรรมไปด้วยกันนน
ลุ้นมาก อินมาก อึดอัดมาก และชอบมากค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
เจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่เลย โฮๆๆๆๆๆๆ T^T

ออฟไลน์ urmein

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 871
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
พูดความจริงกันเถอะะะะะ
ปร้าอึดอัดและเจ็บปวดแทน  :monkeysad:

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
 :serius2:  คู่นี้กว่าจะรักกันได้คงหน่วงกันไปอีกนานเลย

โอยปวดตับ ยังดีนะที่ตอนโดนจูบวินเห็นพี่วี ถ้าไม่เห็นพี่วีคงน่าสงสารมาก :o12:

รอตอนต่อไปนะคะ +1 :mew1:

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
รู้สึกว่าตั้งแต่เปิดเรื่องนี้มา สีหม่นหมองทุกตอน อึมครึมไปหมด  แต่เราจะผ่านตรงนี้ไปให้ได้ เพื่อจะได้พบกับความหวานของแฝด    

 :katai1:

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
หน่วงสุดๆ..น่าสงสารทั้งคู่เลยคำว่าพี่น้องมันค้ำคออยู่

แต่ก็ห้ามใจไม่ได้...

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
อยาก :z6:  วิน แกทำไปขนาดนั้นแล้ว ทำไมยังลังแลคิดมากอะไรอยู่อีก

แทนที่จะเด็ดขาด เป็นที่พึ่งให้วีได้ กลับทำให้วีเสียใจซ้ำซาก ให้อิจูนบ้ามาจูบได้อีก

จะผิดมั้ยที่ไม่สงสารวินเลยตอนนี้ หมั่นไส้สุดๆ  :m16:

ออฟไลน์ Shin Heeyoo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ขอให้ Happy End เถอะค่ะ

ดราม่าตอนนี้ พอทนได้ ถึงแม้หัวใจจะโดนบีบจนเจ็บจี๊ดๆก็ตาม


ออฟไลน์ benz-sirilada

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
จะว่าเราแปลกรึเปล่านะ แต่เราชอบแบบหน่วง ๆ  อึดอัดๆ แบบนี้นะ
ขอดราม่าอีกสัก สองสามตอนน่ะคร้าบบบ (โดน :z6: )
เราชอบเรื่องนี้ของคนเขียนจัง  เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ  :L1:

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
โอ๊ยยย คือเจ็บอ่ะ อ่านไปเจ็บจี๊ดๆ เหมือนตัวเองเป็นโรคหัวใจ
ปาดน้ำตา :hao5:

aeruk

  • บุคคลทั่วไป
บอกได้เต็มปากเต็มคำว่ายังไม่มีตอนไหนที่อ่านแล้วไม่ร้องไห้เลย
มันจะดราม่าไปไหนกันคะคู่นี้ อ่านแล้วมันหน่วงๆอึดอัดได้อีก  :hao5: :hao5:
ขนาดบอกรักกันแล้วยังจะเศร้าขนาดนี้ โอย  :katai1: :hao5: :ling1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด