เตยแค่นเสียงออกมาเล็กน้อย ก่อนจะกระชากแขนออกจากการจับกุมของผม แต่มันก็ไม่ได้ง่ายแบบนั้นหรอกครับ ผมกระชากแขนของเตยกลับ พร้อมกับยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้
“น้อยใจ?” ผมแกล้งพูดต่อ ในเมื่อสีหน้าตอนนี้ของเตยน่าแกล้งเป็นบ้า
“ไอ้แทม ปล่อย” เตยว่าผมกลับ ก่อนจะส่งสีหน้าที่อยากจะอัดคนมาให้ผม
“เรียกพี่แทมก่อน แล้วจะปล่อย” ผมบอกต่ออย่างนึกสนุก
“เหี้ยแทม กูมีเรียน” เตยว่าอย่างเหลืออด “กูขี้เกียจมาฟังมึงพล่ามไร้สาระ แล้วก็ปล่อยมือของมึงได้แล้ว เพราะกูไม่อยากอัดคนเจ็บซ้ำ”
“พี่ก็ไม่อยากมาทะเลาะกับเตยเล่นหรอกนะ” ผมพูดขึ้น แล้วถอนหายใจออกมา “แต่เตยแม่งดื้อ”
เตยหันมามองผมอย่างเอาเรื่อง ผมก็เลยได้แต่ยิ้มตอบกลับไปให้
“พี่แค่อยากพาไปกินข้าวเท่านั้นแหละ” ผมบอก ก่อนจะอมยิ้ม “พอดีก็ต้องออกไปหาอะไรกินข้างนอกอยู่แล้ว ก็ออกไปทีเดียวเลย”
“จะไปไหนก็เรื่องของมึง” เตยตอบเสียงเรียบ ก่อนจะดึงแขนที่ผมจับเอาไว้ออกอีกครั้ง
"เฮ้อ...นอกจากจะไม่ขอบคุณแล้ว ยังทำร้ายจิตใจกันอีก" ผมพูดตัดพ้อ แล้วถอนหายใจออกมา "แล้วเมื่อกี้ใครกันน้า...ที่บอกว่าตัวเองมีมารยาท”
“กวนตีน” เตยว่า แล้วดึงแขนที่ถูกผมจับไว้แน่นออก พร้อมกับมองผมด้วยสายตาที่เย็นเฉียบ “มึงควรรู้เอาไว้ ความอดทนของกูมีจำกัด”
“พี่ก็เหมือนกัน” ผมตอบรับ แล้วหัวเราะกับท่าทีแข็งกร้าวนั้นอย่างไม่เกรงกลัว “พี่จะจำใสสมองเลยครับว่าสุดหล่อไม่ค่อยอึดเท่าไร”
ทันทีที่ผมพูดจบ กำปั้นของคนที่อยู่ตรงหน้าก็พุ่งมาราวกับใบหน้าของผมเป็นแม่เหล็กต่างขั้ว แต่ผมเองก็เตรียมตัวกับท่าทีป่าเถื่อนของน้องเขาเอาไว้แล้วล่ะครับ หมัดที่ควรกระแทกใส่ใบหน้าที่ยับเยินของผมตอนนี้เลยแค่เฉียดแก้มของผมไปไม่ต่างจากลมพัดผ่าน ก่อนที่ผมจะส่งสายตาเอือมระอาไปให้
เด็กหนุ่มเลือดร้อน มักจะบ้าพลัง อืม...คนเป็นผู้ใหญ่กว่าอย่างผมก็พอจะเข้าใจครับ
“กูจะฆ่ามึง!” เตยตวาดขึ้น พร้อมกับท่าทีคุกคามที่ตั้งใจจะเข้ามาทำร้ายผมซ้ำ
โครม! ปึง!
ผมรีบออกห่างจากคนตรงหน้า แล้วกระโดดหนีไปอีกทาง ทำให้ปลายเท้าของเตยอัดใส่ตู้วางของ ก่อนที่จะพุ่งเข้ามาหาผม ในเสี้ยววินาทีที่ผมจะต้องรับมือกับคนสติแตก ผมก็รีบคว้าหมอนอิงมากันใบหน้าของตัวเองจากหมัดตรงของอีกฝ่าย แล้วถอยเท้าหลบจากวิถีการต่อสู้อย่างรวดเร็ว
“เอาแบบนี้ดีกว่า” ผมร้องห้าม ก่อนจะหลบลูกถีบที่ถูกประเคนมาให้ “มาเล่นเกมกันไหม”
“ไม่!” เตยปฏิเสธทันที แล้วมองผมไม่ต่างจากสัตว์ร้ายกระหายเลือด “ถ้ากูเอาเลือดมึงออกไม่ได้ กูจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!”
เอาล่ะเว้ย! น้องเขาจะรู้ตัวไหมเนี่ย นี่มันเป็นการสร้างเงื่อนไขผูกมัดตัวเองชัดๆ
“เอาจริง?” ผมยั่วถามพลางอมยิ้มออกมา เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงความจริงจังออกมาอย่างชัดเจน “งั้น...ถ้าเตยทำให้พี่เลือดออกได้เมื่อไร พี่จะเลิกยุ่งกับเตยเมื่อนั้นเลยดีหรือเปล่า”
“มึงหมายความว่ายังไง” เตยชะงักถาม พร้อมกับผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เหมือนข่มอารมณ์ของตัวเอง
“พี่ก็รู้นะครับว่าเตยไม่ชอบพี่เท่าไร” ผมพูดขึ้น ก่อนจะส่งสายตาหวานซึ้งไปให้ “แต่พอดีว่าพี่ดันชอบเตยมากๆ”
ผมยืนมองเตยที่ยืนกอดอกห่างจากผมราวสามเมตรด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ แล้วเลิกคิ้วขึ้น เมื่ออีกฝ่ายถีบโซฟาสุดโปรดของผมระบายอารมณ์เล่น
โครม!
โหย...เล่นทำลายข้าวของกันแบบนี้ ถึงจะเป็นสุดหล่อ แต่ผมก็แอบเคืองนะครับเนี่ย
“อะไร! อยากโดนกระทืบแทนโซฟาหรือไงวะ!” เตยถามซ้ำ พร้อมกับกระทืบโซฟาที่ไร้ทางสู้ของผมประกอบ
โธ่! น่าสงสารจริงๆ โซฟาของพ่อ
“เตยอ่า...โหดร้ายที่สุด”
“เลิกกวนตีนกูซะที! มึงจะเอายังไงก็ว่ามา!”
ผมถอนหายใจอีกรอบ คราวนี้คงต้องหาซื้อโซฟาใหม่ อาจจะรวมไปถึงแจกันกับโคมไฟที่แตกกระจายล้มระเนระนาดด้วย งานนี้ต้องมีคนรับผิดชอบนะครับ
“ทำข้าวของพี่เสียหายต้องชดใช้ด้วยนะครับ” ผมว่าเสียงเข้มขึ้น
"หึ" เตยแค่นเสียงในลำคอ ก่อนจะหันไปหยิบแจกันเซรามิกที่ตั้งโชว์อยู่
"เตยอย่า!" ปมร้องก้าม แต่ดูเหมือนว่าคนฟังจะไม่สนใจ แถมยังยืนยันความเข้าใจของผมด้วยรอยยิ้มเหยียด ก่อนจะปล่อยสิ่งที่อยู่ในมือลงพื้น
เพล้ง!
น้องช่างโหดเหี้ยม ใจทมิฬอะไรเยี่ยงนี้!
“เตยต้องชดใช้” ผมย้ำคำพูดเดิม พร้อมกับมองซากแจกันใบสำคัญที่หมดสภาพ
“มัวแต่ลีลาอยู่ได้ อยากให้กูทำลายของมึงเล่นทั้งห้องเลยหรือไง” เตยโต้กลับ แล้วยกเท้าออกจากโซฟาที่บอบช้ำของผม
“เฮ้อ...อย่างที่บอก ถ้าเตยทำพี่เลือดออกไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าพี่จะออกไปจากชีวิตของน้องเลยครับ” ผมบอก แน่นอนว่ารวมไปถึงค่าเสียหายเหล่านี้ด้วย
“แล้วมึงจะได้อะไร” เตยถามกลับ ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
“พี่ก็ได้ใกล้ชิดกับเตยบ่อยๆ ไงล่ะครับ” ผมตอบ ก่อนจะแต้มยิ้มออกมา
“แค่นี้ใช่ไหมที่จะทำให้มึงเลิกยุ่งกับกูแบบถาวร” เตยตอบรับเสียงเหี้ยม ก่อนจะหยิบเศษแจกันขึ้นมาอย่างมาดร้าย
“เฮ้ย! แต่ห้ามใช้อาวุธ” ผมรีบห้าม แล้วยกยิ้มขึ้นมา “สู้กันตัวต่อตัวแบบลูกผู้ชายนะครับ”
“หึ! เอาอย่างนั้นก็ได้” เตยตอบรับคำท้า แล้วมองผมไม่วางตา “มึงก็ระวังตัวให้ดี”
“พี่ระวังตัวเสมอครับ ไม่ต้องห่วง” ผมตอบรับ แล้วพัวเราะเบาๆ
เตยไม่ได้โต้ตอบอะไร นอกจากแค่นลมหายใจ แล้วเดินออกจากห้อง ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างที่หายไปจากสายตา แล้วผ่อนรอยยิ้มของตัวเองลง เมื่อพบความจริงที่เกิดขึ้น หลังจากทำข้อตกลงกันเมื่อครู่นี้
พังเละ...
ผมถอนหายใจอีกรอบ แล้วหยิบบุหรี่ที่วางไม่ห่างจากมือไปสูบที่ระเบียง ท้องฟ้าตอนนี้เป็นสีฟ้าใสและมีเมฆเคลื่อนตัวอยู่ประปราย ความสูงของชั้นสิบเก้าเป็นเส้นทางดีเยี่ยมที่ทำให้ลมได้เดินทางผ่านเข้ามาปะทะใบหน้าของผม
ผมไม่ใช่พวกอารมณ์ศิลปินที่ชอบจินตนาการว่าเมฆในตอนนี้มีรูปร่างอย่างไร เพราะไม่ว่ามันจะมองเป็นแบบไหน สุดท้ายมันก็ยังเป็นแค่เมฆอยู่ดี
ผมพ่นควันสีขาวจางที่กลืนหายไปกับมวลอากาศอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะเผยยิ้มที่มุมปาก
ไม่ว่าอย่างไร...คนเราก็ไม่สามารถลบเลือนสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ได้หรอก
++++++++++
หลังจากลงไปหาอะไรกินที่มินิมาร์ทในละแวกใกล้เคียง ผมก็ติดต่อแม่บ้านมาจัดการทำความสะอาดให้เรียบร้อย อะไรแตกหักก็คงต้องทิ้งไป ส่วนชิ้นไหนที่พอจะแก้ไขได้ก็รอซ่อมให้มันกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง
ผมใช้เวลาในการปรับปรุงห้องของตัวเองราวสามชั่วโมง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาที่ยังใช้งานได้ดี ถึงแม้ว่ามันจะเคยผ่านการรุมโทรมด้วยฝ่าเท้าของใครมาก่อนก็ตาม ทว่านั่งพักเหนื่อยได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น
[ไอ้แทม! มึงหายหัวไปไหนวะ! โทรไปก็ไม่รับ]
เสียงคุ้นเคยของไอ้เก้าดังผ่านคลื่นโทรศัพท์ทันทีที่ผมกดรับสาย แต่ผมก็ไม่ได้สนใจนัก แล้วมองโทรทัศน์ที่เปิดไปเมื่อครู่นี้
"อยู่ห้อง" ผมตอบ ก่อนจะกดรีโมตเพื่อดูรายการต่างๆ ในจอสี่เหลี่ยมที่อยู่ตรงหน้า
[ไอ้ห่าแทม! มึงลืมไปแล้วหรือไงว่ามีนัดคุยโปรเจกต์]
เสียงต่อว่าของมัน ทำให้ผมต้องนึกทบทวนถึงคาบเรียนที่โดดไป วันนี้อาจารย์มีนัดคุยโปรเจกต์ประจำเทอม แต่ผมก็เตรียมรายงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย และมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
"แล้วไงวะ" ผมถามกลับอย่างสงสัย ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจกลับคืนมา
[ไอ้สมองปลาทอง! แล้วมีไอ้เหี้ยตัวไหน ที่มันมีหน้าที่พรีเซนต์วะ!]
ผมนั่งฟังคำของมันอย่างพิจารณาอีกครั้ง จริงด้วยสินะ...วันนี้ผมมีหน้าที่ต้องนำเสนอผลงาน เพราะอาจารย์ที่ปรีกษาโปรเจกต์จะสอบความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ทำ
"โทษทีวะ กูไม่สบาย" ผมยกข้ออ้างมาช่วยตัวเองให้พ้นผิด แล้วเอนหลังพิงโซฟา "พอดีกูเพิ่งไปมีเรื่องมา"
[ฮะ?! มึงไปกวนส้นใครมา]
ผมยิ้มรับคำพูดนั้น ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่มิเชลนัดผมออกไปเจอจนมาถึงข้อตกลงของผมกับเตยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
[เล่นบ้าๆ]
ผมหัวเราะรับคำว่านั้นอย่างไม่ถือสา แล้วลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อนึกถึงคู่กรณี
“จับมือเปล่าไม่ได้ กูก็คงต้องวางกับดัก”
[คิดจะวางกับดักคนอื่น มึงไม่กลัวพลาดท่าเองหรือไงวะ]
ไอ้เก้ากระเซ้ากลับ ก่อนจะเอ่ยต่อเสียงใส
[คนที่มีอาหารมาป้อนถึงปากอย่างมึง พอต้องออกหาเองก็คงลำบากหน่อย]
“เออ เหนื่อยไม่ใช่เล่น” ผมบ่นรับอย่างอ่อนใจ แล้วหัวเราะแผ่ว “แต่มันก็สนุกดี”
ตั้งแต่ที่ผมเริ่มรู้จักกับเตยมา ผมก็รู้สึกว่ากำลังป่วนชีวิตที่สงบสุขให้ยุ่งยากขึ้นด้วยฝีมือของตัวเอง แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ผมก็ต้องยอมรับว่า ผลจากความพยายามที่แสนวุ่นวายโดยใช่เรื่องนั้น มันทำให้ผมสนุก
สนุก...ที่มีใครสักคนมาทำให้ชีวิตต้องคิดอะไรมากขึ้น
สนุก...ที่ทำให้ผมรู้ว่าการครอบครองใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย
สนุก...ที่ได้เห็นใครสักคบถูกทำให้เผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา
ผมรุ้สึกสนุกที่ทำให้อีกฝ่ายได้จนมุมอยู่ในเงื้อมมือของผม
[แต่กูไม่สนุกกับมึง]
โทนเสียงที่เปลี่ยนไป ทำให้เสียงหัวเราะของผมชะงัก ก่อนจะระบายยิ้มบาง เมื่อนึกถึงเจ้าของคำพูดที่มีน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ก็นุ่มนวล
"ไอ้บอส มึงอย่ามาทำซีเรียส"
[หึ! มึงก็รู้ว่ากูเกลียดมัน แต่มึงก็ยังดื้อแพ่งไปยุ่งกับมันอยู่ได้]
“มึงลืมจุดประสงค์ของกูไปแล้วหรือไง” ผมตอบกลับเสียงอ่อน “ภารกิจยังไม่ลุล่วง แล้วจะยกเลิกแผนการได้ยังไงวะ”
[กูล่ะเพลียกับมึงเต็มทน ถ้ามึงต้องไปเจ็บตัวเพราะมัน กูจะตามไปกระทึบไอ้เด็กเวรนั่นอีกรอบ]
“โอเคครับมายบอส กระผมรับทราบ!”
ผมอมยิ้ม ก่อนจะนอนฟังไอ้บอสบ่นอีกเล็กน้อย แล้วกดตัดสาย โชคดีที่มันยังไม่รู้ว่า ผมเพิ่งทำข้อตกลงเลือดสาดกับเตย โดยการสร้างความเสี่ยงให้ตัวเองเจ็บตัวเล่น เพียงเพราะความสนุกส่วนตัว ไม่อย่างนั้นไอ้บอสผู้เงียบขรึมคงได้ถลามาอัดผม แล้วมุ่งตรงไปทำร้ายสุดลห่อของผมต่ออย่างไม่ต้องสงสัย
ทำไมรอบตัวของผม ถึงมีแต่คนที่ชอบแก้ปัญหาด้วยกำลังทั้งนั้นเลยวะ...
ผมมองนาฬิกาที่บอกเวลาบ่ายสองโมง ก่อนจะเอนตัวลงนอนบนโซฟาด้วยความขี้เกียจ สภาพร่างกายที่เพิ่งใช้งานไปเมื่อวานกำลังกระซิบบอกเบาๆ ว่าต้องการพักผ่อน
ผมนอนเล่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองสักพัก ก่อนจะเห็นข้อความของมิเชลที่ส่งมาตั้งแต่เมื่อคืนว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ถ้ามีเวลาว่าง เราสองคนคงจะได้นัดเจอกันอีก ผมก็ได้แต่หวังว่าเหตุการณ์เมื่อคืนนี้จะทำให้หมีขาวของผมสามารถเพิ่มระดับความสัมพันธ์กับแมวน้ำแสนน่ารักคนนั้นได้ อย่างน้อยที่สุดสองคนนั้นก็ไม่ได้เป็นแค่คนแปลกหน้าในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันอีกต่อไป
น่าอิจฉาชะมัด...
ผมเลื่อนปลายนิ้วปิดข้อความ ก่อนที่สายตาจะสั่งการให้ผมลากนิ้วไปหยุดที่ไอคอนของแกลอรี่ตรงหน้าจอหลักของโทรศัพท์มือถือ
ผมเปิดดูรูปที่เก็บเอาไว้ไม่ต่างจากฉายหนังม้วนเก่า ก่อนจะหยุดมองภาพผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งก้มมองสิ่งที่อยู่ในมือด้วยรอยยิ้ม
แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อแมวน้ำกับเสือมันคนละสายพันธุ์กันนี่หว่า...
ผมหัวเราะเบาๆ กับความคิดของตัวเอง ก่อนจะปิดภาพที่อยู่ตรงหน้าลง แล้ววางอุปกรณ์สื่อสารของตัวเองไว้บนโต๊ะรับแขก
แถมนายพรานอย่างผมก็ดันถนัดแต่ล่ากระต่ายกับกวางมากินเล่นเสียด้วย...
ผมนอนเหยียดขายาวเต็มโซฟา ก่อนจะหลับตาลง ทว่าความมืดที่ปิดโสตการมองเห็นไม่สามารถบดบังนัยน์ตาคู่สวยที่แข็งกร้าวในความคิดของผมได้ ผมคลี่ยิ้มออกมา ยามที่นึกถึงเจ้าของที่ป่านนี้ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่
เสือหรือ...
มันก็แค่แมวร้ายตัวโตที่ดื้อรั้นและชอบใช้กำลังเอาแต่ใจเท่านั้นแหละ
TBC ++++++++++
Marionetta ::: สวัสดีค่ะ มาลงตอนใหม่แล้วจ้า

สำหรับตอนนี้ก็เป็นตอนต่อจากตอนที่แล้ว (จะบอกเพื่อ?) ที่จริงก็ไม่ได้เดินเรื่องไปไกลนัก นอกจากพี่แทมจะกลับมากวนประสาทเหมือนเดิม พร้อมกับเงื่อนไขเอาตัวเข้าแลก เพื่อความสนุกของตัวเอง ฮ่าๆ งานนี้ก็คงต้องรอดูว่าน้องเตยจะมีวิธีการเรียกเลือดพี่แทมยังไงบ้างนะคะ อิอิ (สุดท้ายก็ยังตีกันเหมือนเดิม แฮะๆ)
ขอบคุณที่ยังติดตามกันจนถึงตอนนี้ สามารถแนะนำและติชมได้เช่นเคย
จะได้นำไปปรับปรุงและพัฒนาต่อไปจ้า
ยังไงก็เอาใจ่วยกันด้วยนะคะ
ขอบคุณมากเลยค่ะ
