หลังจากเล่นเกมเสร็จ สมองที่เคยประมวลผลเรื่องกลวิธีในการกำจัดศัตรูก็หยุดลง ก่อนตะกอนความคิดที่ตกค้างจะถูกกวนขึ้นต่อ ตอนนี้ผมมีอยู่เรื่องเดียวที่ได้แต่เก็บข้อสงสัยเอาไว้ในใจเพื่อใช้เพิ่มการตัดสินใจของตัวเอง
ก็เรื่องที่ว่า... เตยชอบผมแล้วหรือเปล่านั้นแหละครับ
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ถึงผมจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์เชิงบวกที่พุ่งสูงเกือบจะเป็นแนวดิ่ง แต่ผมก็ลอบสังเกตอยู่ตลอดนะครับ แล้วตอนนี้ผมก็วิเคราะห์กราฟการทดลอง พร้อมกับหาค่าเฉลี่ยความเป็นไปได้ของสมมติฐานที่ตั้งเอาไว้ ซึ่งผลสรุปที่ได้ก็เป็นไปอย่างที่คิดมากกว่าครึ่ง อย่างน้อยที่สุดผมก็เป็นคนสำคัญคนหนึ่งในชีวิตของน้องเขาล่ะครับ
แต่ปัญหาก็คือ... จะทำอย่างไรต่อ?
ก่อนหน้านี้ผมก็เคยลองเข้าหาอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไร้ผล เพราะไม่อยากฝืนใจบังคับ ถึงจะคล้อยตามกันด้วยการเล้าโลม แต่พอถึงจุดสำคัญทีไร ก็ต้องติดขัดทุกที จะใช้แรงงัดข้อกับคนใจแข็ง ก็คงเหนื่อยก่อนจนหมดอารมณ์จะทำอะไรต่อ ในเมื่อเราสองคนยังไม่คิดจะยอมเสียประตูของตัวเอง สุดท้ายเลยได้แต่ลองเชิงกันไปมาพอให้้เสียวเล่น
สำหรับเตย...ถ้าไม่ทำให้โอนอ่อนตามอย่างเต็มใจ ก็คงไม่มีทางยอมผมง่ายๆ แน่ และตอนนี้ผมก็นึกอยากจะลองดูอีกสักครั้ง
ผมขอเรียกแผนการในคืนนี้ว่า 'ตะลุยถ้ำเสือ' แล้วกันนะครับ!
ผมเดินออกจากห้องนอน แล้วมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของพ่อบ้านสุดหล่อ ก่อนจะเคาะประตูเรียกเจ้าของห้อง พลางนึกตลกตัวเองที่ทำคัวเหมือนเจ้านายที่แอบย่องเข้าห้องคนใช้กลางดึก และหลังจากที่ปราการไม้บานใหญ่เปิดออก ผมก็ต้องอมยิ้มขึ้น เมื่อเห็นสภาพของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“มีอะไร” เตยถามเสียงห้วนแกมงัวเงียราวกับเด็กงอแงที่ถูกขัดจังหวะการนอน
“อ่า...นอนแล้วหรือ” ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงเกรงใจที่แต้มด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาแขวนผนัง "จะตีสองแล้วหรือเนี่ย ไม่รู้เลยว่ะ"
“ช่างเถอะ...แล้วมีอะไร” เตยตอบปัด พร้อมกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่ส่อความนัยว่า ถ้าเหตุผลไม่ดีมีเรื่องแน่!
“พอดีพี่นอนไม่หลับ เลยกะว่าจะมานอนกับเตย” ผมบอกเสียงใส พร้อมกับส่งยิ้มต่อสู้กับแววตาดุที่กำลังจ้องจับผิดอยู่ ถึงสายตาหงุดหงิดของเตยจะดูน่ากลัว แต่แม่ทัพที่ออกรบแล้วอย่างผม จะมาถอยทั้งที่ยังไม่ได้ชักอาวุธได้อย่างไร
“นอนไม่หลับ? เป็นอะไร” เตยถามต่อ พลางส่งสายตาที่ฉายแววสงสัยออกมา
“ผ้าปูที่นอนมันคัน จะไปนอนที่โซฟา ก็กลัวเมื่อยหลัง เลยว่าจะมาขอนอนกับเตยแทน” ผมบอกต่อ แน่นอนว่าคำบอกเล่าที่ผมเพิ่งถ่ายทอดออกไป มันเป็นแค่บทตามสคริปต์ที่เตรียมเอาไว้ และเมื่อเห็นคนตรงหน้านิ่งเงียบไป ผมก็ยิ้มกว้างขึ้น “ตกลงนะครับ”
เตยถอนหายใจออกมา พร้อมกับยอมเปิดทางให้ผมเข้าไปในห้องแต่โดยดี ผมกวาดตามองอย่างสำรวจ ก่อนที่ผมจะต้องเลิกคิ้วขึ้น เมื่อเห็นเจ้าของห้องยังยืนอยู่ที่เดิม
“มึงก็นอนที่นี่ เดี๋ยวกูไปนอนข้างนอกเอง” เตยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ นัยน์ตาคู่สวยที่มีแววดุก่อนหน้านี้เจือด้วยความง่วงงุนอีกครั้ง
“จะหนีหรือไง”ผมถาม แล้วคลี่ยิ้มออกมา "ไม่กล้านอนกับพี่หรือครับ"
“มึงคิดว่าเตียงสามฟุตครึ่งจะพอให้ผู้ชายอย่างกูกับมึงนอนด้วยกันหรือไง” เตยตอบกลับ ผมก็แค่ยักไหล่ แล้วเดินไปนอนลงบนเตียงอย่างไม่สนใจ
“พอสิ ถ้าเรานอนเบียดกันหน่อย” ผมบอกด้วยรอยยิ้ม พลางใช้มือรองศีรษะของตัวเองอย่างสบายอารมณ์
อันที่จริงพื้นที่มันก็น้อยไปสำหรับขนาดตัวของเราสองคนอย่างที่เตยบอก แต่เรื่องแบบนั้นจะสนใจทำไม เพราะไม่แน่ว่าคืนนี้อาจจะไม่ได้นอนก็ได้
“แล้วทำไมกูต้องไปนอนเบียดด้วยวะ” เตยว่า แล้วถอนหายใจออกมา “มึงนอนคนเดียวไปนั่นแหละดีแล้ว”
“แต่พี่อยากนอนกับเตยนี่” ผมบอก แล้วลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับมองคนตรงหน้านิ่ง
“มึงคิดอะไรอยู่กันแน่” เตยถามกลับ พลางขมวดคิ้วขึ้น ผมก็กลอกตารอบหนึ่ง แล้วล้มตัวลงนอนต่อ
“พี่คิดถึงเตย มานอนด้วยกันเถอะ” ผมบอก ถ้าเตยยังดึงดันจะไปนอนข้างนอกให้ได้ ก็คงต้องใช้กำลังนิดหน่อย แต่ดูเหมือนว่าผมจะไม่ต้องออกแรงกับเรื่องแบบนั้น
“เอาแต่ใจสุดๆ” เตยบ่นออกมาอีกครั้ง และเมื่อไฟในห้องปิดลง ผมก็จุดยิ้มให้กับตัวเองอย่างพอใจ
ผมเปิดไฟที่หัวเตียง แล้วมองเจ้าของห้องที่เดินมานั่งลงบนที่นอน แสงไฟสีส้มอ่อนกำลังย้อมใบหน้าหล่อเหลาที่ดูไร้อารมณ์ให้นุ่มนวลชวนมอง ผมขยับตัวเปลี่ยนเป็นท่านอนตะแคง เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างที่มีจำกัดให้กว้างขึ้น
เตยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะหันไปปิดไฟที่หัวเตียง แล้วล้มตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้ผม ถึงแม้ความมืดจะกำลังขับกล่อมให้ตกอยู่ในห้วงนิทรา แต่ผมกลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่าราวกับกำลังยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดดเจิดจ้า
ผมมองแผ่นหลังที่อยู่ใกล้แต่รู้สึกเหมือนไกลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเริ่มต้นบุกด้วยการกอดเอวของเตยเอาไว้ แน่นอนว่าคนในอ้อมแขนมีปฏิกิริยาตอบสนองในทันที
เตยหันหน้ากลับมามอง และเมื่อเราสบตากัน ผมก็กดไหล่ของอีกฝ่ายให้นอนราบไปกับเตียง แล้วก้มลงจูบริมฝีปากที่ไม่ว่าจะลิ้มรสสักกึ่ครั้งก็ยังไม่รู้สึกเบื่อ
“แทม...” เตยเรียกชื่อของผมเสียงเบา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มทอดมองด้วยประกายที่เห็นชัดในความมืด
ผมยิ้มขึ้น พลางลูบไล้ใบหน้าได้รูปอย่างหลงใหล ก่อนจะก้มลงช่วงชิงลมหายใจผ่านเรียวปากนุ่มที่ตอบรับด้วยปลายลิ้นที่เร่าร้อนอีกครั้ง พร้อมกับเลื่อนมือไปตามเรือนร่างที่อยู่ด้านล่างเพื่อจุดไฟปรารถนาให้กับภารกิจในคืนนี้
เสียงทุ้มครางดังแผ่ว ผมลอบยิ้มกับตัวเอง พร้อมกับกดจูบไปที่ต้นคอไล่ลงมาถึงหน้าอกอย่างย่ามใจ การตอบสนองที่ไร้การขัดขืนของเตยนั้น ทำให้ผมไม่รีรอที่จะเร่งสัมผัสผิวเนื้อแน่นอย่างที่ใจต้องการ
ในที่สุดผมก็จะได้สมหวังสักที ถึงแม้จะดีใจที่ได้กลืนกินสุดหล่อเต็มคำ หลังจากได้แต่กินเล่นมานาน ทว่าอีกด้านหนึ่งของความยินดีนั้นกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า เพราะเมื่อบรรลุสิ่งที่หวังไว้ ความสนใจที่ผมมีให้เตยก็คงหมดลงไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่ผ่านมา
มันก็แค่เกม
เมื่อพิชิตบอสได้ เกมก็ไม่น่าเล่นอีกต่อไป
ผมดึงขอบกางเกงยางยืดลง เพื่อจัดการกับเตยน้อยที่หลบซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้า
แต่ทว่าในขณะที่ผมกำลังจะเล่นกับน้องชายสุดหวงของพ่อบ้านคนสำคัญ พี่ชายที่ส่งเสียงงึมงำในลำคอก็ยันตัวขึ้น แล้วช้อนใบหน้าของผมให้หันมามองอย่างเรียกร้องความสนใจ
เพียงชั่ววินาทีหลังจากนั้น เตยก็โถมตัวเข้าหาผม พร้อมกับแรงปะทะที่ทำให้ผมต้องนอนราบไปกับเตียง ก่อนที่ผมจะรับจูบดึงดันที่ซ่อนความอ่อนหวานด้วยสัมผัสที่บ่งบอกความต้องการยิ่งกว่า พลางเค้นคลึงสะโพกอย่างพอใจ
"เตย พี่..."
"แทม ถึงกูจะรักมึง แต่กูไม่ตามใจมึงแล้ว"
ผมนึกอี้งกับคำพูดที่ได้ยินอย่างกะทันหัน ถึงจะเดาความรู้สึกของอีกฝ่ายล่วงหน้าได้อยู่แล้ว แถมยังไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาสารภาพรัก แต่หน้าอกข้างซ้ายของผมกลับเต้นแรงไม่หยุด
จังหวะของหัวใจที่ถี่เร็วและรุนแรงจนน่ารำคาญ
เพราะอะไร...
คำบอกรัก?
แต่ผมไม่เคยรู้สึกอะไรกับคำพูดเลื่อนลอยแบบนั้นอยู่แล้ว
หึ! ก็แค่อารมณ์ทางเพศเท่านั้นนั่นแหละ
ผมข่มคงามรู้สึกผิดปกติพลางบอกคัวเอง ทั้งที่ไม่เคยมีอาการแบบนี้เวลามีอะไรกับใครมาก่อนก็ตาม
"ถ้างั้น..." ผมพูดขึ้น ในเมื่อเตยก็รักผมแล้ว ก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธความสัมพันธ์ทางกายที่ผมหยิบยื่นให้
"กูอยากทำต่อ แต่ตอนนี้กูง่วงมาก แล้วพรุ่งนี้กูมีสอบเช้า" เตยพูดขึ้นขัด พร้อมกับสบตากับผมนิ่ง "ไว้ต่อคราวหน้านะครับ"
ต่อคราวหน้า...?!
ถึงภารกิจนี้จะเป็นแค่เกมปล้นสวาท แต่เรื่องแบบนี้จะให้เซฟ แล้วค่อยกลับมาเล่นต่อไม่ได้นะเว้ย!
"พูดเป็นเล่น" ผมว่า แล้วยกยิ้มขึ้นอย่างนึกตลก แต่ก็ขำไม่ออก
"กูไม่ชอบพูดเล่น" เตยบอกเสียงเรียบ ผมขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
"พี่ก็เอาจริง" ผมบอก ก่อนจะพลิกตำแหน่งของตัวเอง อล้วจับแขนทั้งสองข้างของเตยตรึงไว้กับเตียง
"แทมอย่าทำตัวน่าหงุดหงิดน่า" เตยว่าเสียงขุ่น ผมก็แค่เลิกคิ้วขึ้นรับ แล้วก้มลงกัดแก้มของคนหน้าบึ้งอย่างกวนอารมณ์
"พี่ก็ชักจะหงุดหงิดเหมือนกัน" ผมบอกต่อ ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูนิ่ม "แล้วเตยต้องรับผิดชอบ"
"สรุปว่าคืนนี้ มึงอยากเป็นเมียกู?"
"ใครเป็นเมียใครกันแน่ครับน้องเตย"
เตยไม่ได้โต้ตอบอะไร แล้วปล่อยให้ผมซุกไซ้ซอกคอตามใจชอบ ถึงอย่างนั้นผมก็รับรู้ได้ถึงเรี่ยวแรงที่ต่อต้านพันธนาการของผมเอาไว้
เตยไม่ใช่ผู้ชายร่างบางตัวเล็ก ไม่ได้เป็นจิ้งจอกแสนสวยเหมือนนัท ไม่ได้เป็นกวางน้อยน่ารักเหมือนโอ หรือเหมือนใครก็ตามก่อนหน้านี้ทั่ยินยอมพลีกายให้ผมแต่โดยดี
แต่เตยเป็นเสือหนุ่มสุดหล่อ...ที่เวลาปกติก็น่าหยอกเล่นไม่ต่างจากแมวตัวโต แต่หากเวลาโมโหหรือไม่พอใจ ก็พร้อมจะกางเขี้ยวเล็บและใช้กำลังต่อต้าน
และตอนนี้เสือที่ผมเลี้ยงเหมือนแมวเอาไว้ ก็เริ่มจะไม่เชื่องแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่เรืีองสนุกเลยสักนิดกับการปราบพยศคนที่มีขนาดตัวพอกันแถมยังมีแรงมากแบบนี้
"ให้ตายสิ! นึกถึงตอนที่ขึ้นเตียงด้วยกันครั้งแรกเลยว่ะ" ผมเปรยขึ้น เมื่อสถานการณ์ตอนนี้ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ในวันเก่า และผมก็จะไม่ยอมพลาดเหมือนครั้งนั้นแน่ ถึงแม้ตอนนี้จะเคลื่อนไหวไม่ถนัดนัก เพราะต้องใช้มือทั้งสองข้างจับคนที่นอนอยู่ด้านล่างเอาไว้ก็ตาม
"หึ...แต่ไม่เหมือนตอนนั้นหรอก" เตยบอก ก่อนจะยกขาขึ้นรัดตัวของผมเอาไว้ทันที ทำให้ผมล้มลงจนใบหน้าแนบชิดกับคนด้านล่างจนขยับตัวลำบากมากกว่าเดิม
ผมขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะเผลอคลายมือที่ตัวเองกำลังจับอยู่ จนเปิดโอกาสให้มือข้างหนึ่งของเตยหลุดจากแรงที่ผมยึดเอาไว้ เพราะโดนอีกฝ่ายโจมตีจุดอ่อนเข้าอย่างจัง
ทำไมผมต้องสะท้านสุดๆ กับการถูกเป่าลมใส่หูด้วยวะ!
ในขณะที่ผมยังตั้งตัวไม่ทันนั้น เตยก็ฉวยจังหวะดึงมืออีกข้างที่ผมจับเอาไว้ออก ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดเต็มรัก แล้วทิ้งตัวลงนอนตะแคงต่อ พร้อมกับใช้ขาเกี่ยวรัดเอาไว้อีกชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว
โธ่เว้ย!
ผมร้องตะโกนพลางสบถต่ออยู่ในใจ ถึงแม้จะได้รับไออุ่นและกลิ่นหอมจางน่าหลงใหล แต่ต้องมาถูกกอดเป็นหมอนข้างอย่างนี้ ผมก็ไม่เอา!
"ทำอะไรวะเตย" ผมถามด้วยความไม่พอใจ ตอนนี้ใบหน้าของผมซุกอยู่ตรงซอกคอของเตยพอดี ไม่อย่างนั้นแรงกอดจนขยับตัวไม่ได้แบบนี้ ผมคงหายใจไม่ออกแน่
"หลับได้แล้วแทม" เตยพูดขึ้น ก่อนทีีผมจะรู้สึกถึงความอ่อนนุ่มที่หลังคอของตัวเอง "ฝันดีครับ"
"เตย!" ผมร้องเรียก แต่คำตอบรับก็เป็นแค่แรงกอดที่กระชับขึ้นเท่านั้ย
เฮ้ย! ไม่ใช่แบบนี้สิวะ!
ผมร้องตะโกนพลางสบถอยู่ในใจอีกรอบอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ผมไม่ได้หมดท่า เพราะหนีจากอ้อมแขนของเตยไม่ได้ แต่ไม่อาจต่อสู้กับหัวใจของตัวเองที่ไม่กล้าทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายเพื่ออิสระของตัวเองต่างหาก
หัวใจที่ยังเต้นกระหน่ำอยู่ตอนนี้
ทำไม...
ก็ทำเหมือนที่ผ่านมาเท่านั้น
แค่เรื่องอย่างว่า...
ผมเดาะลิ้นในปากพลางกลอกตาไปมาอย่างหงุดหงิด ทั้งที่มีอีกหลายวิธีที่สามารถจัดการได้ แต่ผมกลับยอมทนนอนอึดอัดอยู่ในวงแขนที่อบอุ่นแปลกๆ ด้วยใบหน้าที่ร้อนวูบวาบและจังหวะของขีวิตที่เต้นแรง
ทำไม...ถึงเป็นแบบนี้วะ!
TBC ++++++++++
Marionetta ::: 
ดีค่ะ มาแบบอืดๆ แต่ก็พยายามสุดๆ แล้วล่ะค่ะ แฮะๆ
ตอนนี้เป็นตอนที่แต่งยากมากที่สุดในเรื่องนี้เลยค่ะ (ปวดคับมากๆ) พี่แทมเข้าใจยากที่สุด! แถมช่วงท้ายก็กลัวโดนท่านผู้อ่านที่รักทำร้ายร่างกายอีก (แต่งไปก็เครียดไป ><) ถ้าใครได้สังเกตฉากหวิวของสองคนนี้จะเริ่มเห็นพัฒนาการที่เกิดขึ้นค่ะ และเมื่อเวลานั้นมาถึงเราก็จะได้จัดเต็มกันสักที อิอิ (แต่งแบบไม่สุด มันยากกว่าปกติเยอะจริงๆ ค่ะ)
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ที่ติดตามและเป็นแรงบันดาลใจชั้นเลิศมากเลยค่ะ เนื้อเรื่องช่วงนี้ค่อนข้างอ่อนไหว ทำให้แต่งยากมากๆ ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปก่อนะคะ เอาใจช่วยและป็นกำลังใจกันต่อไปด้วยค่ะ
ปล. ตอนหน้าก็ยังเจอกับพี่แทมอยู่