ผมระบายความรู้สึกทุกอย่างที่มีด้วยการโถมตัวเข้าใส่คนที่ร้องครวญครางอยู่เบื้องล่างอย่างรุนแรง ถึงอย่างนั้นเม็ดเหงื่อที่ไหลผ่านใบหน้าก็ยังไม่สามารถดับความหงุดหงิดที่ฝังรากลึกอยู่ในใจได้ จนกระทั่งเส้นด้ายของความต้องการขาดสะบั้น พร้อมกับเสียงร้องของความเสียวซ่านที่ดังขึ้น
ผมมองใบหน้าแดงระเรื่อของนัทที่กอดผมเอาไว้แน่น เสียงหอบหายใจดังสะท้อนไม่เป็นจังหวะ ก่อนที่ผมจะก้มตัวลงจูบริมฝีปากอวบอิ่มเพื่อบรรเทาความอ้างว้างที่เติบโตอยู่ในหัวใจ
ความปรารถนาที่จะได้เจอกับใครอีกคน
“อืม...แทม” นัทครางเสียงพร่า เมื่อผมถอนจูบของตัวเองออก ก่อนที่ผมจะซุกไซ้ไปตามซอกคอหอมละมุนที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากที่คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูก
น่าหลงใหล...แต่ก็ยังทำให้มัวเมาไม่ได้
ผมเงยหน้าขึ้นพลางสบสายตาที่เปี่ยมอารมณ์ของนัทครู่หนึ่ง ก่อนจะพลิกตัวไปนอนข้างกันแทน แล้วดึงถุงยางอนามัยที่หมดประโยชน์โยนใส่ถังขยะอย่างไม่ค่อยสนใจนัก
“นัทมีความสุขมากเลย”
ผมหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างกัน นัทส่งยิ้มหวานมาให้พร้อมกับอ้อมแขนที่กอดเอวของผมเอาไว้ ผมลอบถอนหายใจออกมา ก่อนจะลูบเส้นผมของอีกฝ่ายอย่างใช้ความคิด
“แทมถามอะไรหน่อยได้หรือเปล่า”
“ว่ามาสิ”
“นัทรู้สึกยังไงตอนที่แทมปฏิเสธนัทอ่ะ”
นัทเงยหน้าขึ้น ก่อนจะมองผมด้วยความแปลกใจ ใบหน้าสวยได้รูปแสดงความสงสัยอย่างชัดเจน ผมก็ได้แต่กลอกตารอบหนึ่ง ก่อนจะสบกับนัยน์ตาสีดำที่เหมือนพยายามค้นหาบางอย่างในแววตาของผม
“ก็...เสียใจ ผิดหวัง ทำนองนี้” นัทบอก พร้อมกับมองผมนิ่ง “ทำไมหรือ”
“แทมแค่อยากรู้” ผมบอก พลางมองสีหน้าที่ยังฉายเครื่องหมายคำถามของนัท “ทั้งที่รู้แบบนั้น แล้วทำไมนัทถึงยังรักแทมอยู่อีก”
ทำไมถึงยังงมงายกับความรักข้างเดียวแบบนี้
ผมไม่เข้าใจแลย
“นัทก็อยากลืมแทมนะ แต่ถ้าทำแบบนั้นได้ง่ายๆ ก็คงไม่มีใครผิดหวังเรื่องความรักแล้ว” นัทบอกเสียงอ่อน ก่อนจะส่งยิ้มบาง “แทมจะยอมคบกับนัทแล้วหรือไง”
“ถึงเราสองคนจะคบกัน แต่แทมก็ไม่ได้ต่างไปจากตอนนี้หรอก” ผมบอกไปตามตรง ในเมื่อผมไม่ได้รักนัทแบบนั้น ถึงอยากจะคบเป็นแฟนกัน แต่ความรู้สึกของผมก็ยังเหมือนเดิม
เรื่องบนเตียงสำหรับผมแล้ว มันไม่จำเป็นต้องใช้ความรัก แค่ความพอใจซึ่งกันและกันก็พอ
“แทมใจร้าย” นัทบ่นกระปอดกระแปด แล้วก้มลงหอมแก้มของผม “ช่างเถอะ...นัทก็ฟังคำปฏิเสธของแทมมาจนชินแล้ว”
“ขอโทษนะ” ผมบอก พร้อมกับยันตัวขึ้นนั่ง พลางมองนัทที่ยังส่งยิ้มมาให้
“ไม่ใช่ความผิดของแทมหรอก นัทโง่เองที่ยังรักแทมอยุ่ได้” นัทพูดขึ้น แล้วคล้องคอของผมเอาไว้ “ถ้าแทมอยากขอโทษนัทจริงๆ คืนนี้ก็ต้องนอนค้างที่นี่นะ”
ผมนึกลังเลใจ เพราะปกติผมไม่เคยนอนค้างคืนในห้องของคู่ขามาก่อน แต่อาจเป็นเพราะผมรู้สึกไม่ค่อยดีนัก ทำให้ผมยังไม่อยากกลับห้องพักของตัวเองในตอนนี้สักเท่าไร
“...อืม”
++++++++++
ถึงจะบอกว่านอนค้าง แต่หลังจากเจ้าของห้องหลับสนิท ผมก็ลุกจากเตียง แล้วเดินทางกลับห้องพักของตัวเอง ทั้งที่ความคิดยังวิ่งวนอยู่ในเขาวงกตที่หาทางออกไม่ได้
ผมนั่งลงบนโซฟาที่ห้องรัยแขกด้วยความเหนื่อยล้า ร่างกายกำลังร้องบอกถึงการพักผ่อน แต่ผมก็ยังข่มตาไม่หลับ ทำได้เพียงปิดเปลือกตาของตัวเองชั่วคราวเพื่อปิดกั้นความสับสนที่แจ่มชัดอยู่ในใจ ก่อนที่ผมจะลืมตาขึ้น เมื่อได้ยินเสียงออดที่หน้าประตู
ผมขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าจะมีใครมาหาในเวลาที่ฟ้ายังไม่สางแบบนี้ แต่ทว่าทันทีที่เห็นแขกที่ยืนอยู่อีกฟาหของประตู หัวใจที่เคยเต้นอย่างเฉื่อยชาก็เร่งจังหวะขึ้น
“เตย!” ผมร้องเรียกเสียงดังด้วยความดีใจ พร้อมกับเปิดประตูออก “กลับมาแล้วหรือ”
“กูแค่กลับมาเอาของ” เตยบอก ก่อนจะเดินผ่านผมอย่างไม่สนใจ แล้วตรงเข้าห้องนอนของตัวเอง
“จะไปไหน” ผมถามเสียงเรียบ พร้อมกับเดินตามคนที่เพิ่งกลับมาอย่างไม่พอใจ
“ไม่เกี่ยวกับมึง” เตยบอก พลางเก็บสัมภาระใส่กระเป๋าเสื้อผ้า “ไม่ต้องมายุ่งกับกู เพราะกูจะไม่ยุ่งกับมึงแล้วเหมือนกัน”
ผมกำมือของตัวเองแน่นอย่างข่มอารมณ์ ความโกรธเกรี้ยวทะยานสูงขึ้นจนควบคุมไม่อยู่ และเมื่อเตยกำลังจะเดินผ่านผมไปอย่างไม่สนใจอีกครั้ง ผมก็ดึงแขนของคนตรงหน้าเอาไว้ทันที ก่อนจะได้รับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่บ่งบอกความไม่พอใจกลับคืนมา
“เตยเป็นพ่อบ้านของพี่ และต้องอยู่ที่นี่” ผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกดต่ำ พร้อมกับมองเตยด้วยสายตาที่จริงจัง “ตามสัญญาจ้าง”
“หึ! กูไม่ใช่พ่อบ้านของมึง” เตยบอก แล้วมองผมด้วยสายตาดุดันแวววับ “ส่วนสัญญานั่น ก็เป็นเรื่องของกูกับติน ไม่เกี่ยวกับมึง”
“หึ! พูดบ้าๆ” ผมว่ากลับ แล้วจับแขนของเตยแน่นขึ้นด้วยความโมโหที่ลุกโชนไม่ต่างจากเปลวไฟต้องลม “พี่ไม่คิดว่าเตยจะงี่เง่าได้ขนาดนี้เลยว่ะ”
“ในเมื่อมึงไม่ได้สนใจกู แล้วจะยุ่งกับกูทำไมวะ!” เตยพูดขึ้น แล้วกระชากแขนของตัวเองออก ก่อนจะเดินตรงไปยังทางออกของห้องนี้ ทว่าในขณะที่ผมกำลังจะหยุดยั้งคนตรงหน้าอีกครั้ง ผมก็ต้องผงะไปเล็กน้อยตามสัญชาตญาณจนเผลอปล่อยมือของตัวเองออก เมื่อเตยหันมาเหมือนจะทำร้ายผม
“โธ่เว๊ย!” ผมสบถอย่างหัวเสีย แล้วรีบตามไปรั้งคนที่เดินมาถึงประตูห้อง แต่ทว่าผมก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อคนตรงหน้าหมุนตัวกลับมากะทันหัน ก่อนจะดึงตัวของผมเข้าไปจูบอย่างรวดเร็วโดยที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว
ในขณะที่ผมกำลังตั้งรับกับความนุ่มนวลที่คาดไม่ถึง ผมก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับความเจ็บที่วิ่งผ่านรสฝาดของเลือดตรงริมฝีปากของตัวเอง
“สัญญาของมึงกับกูก็จบลงแค่นี้ แล้วเราก็ไม่ต้องเกี่ยวข้องกันอีก” เตยบอกเสียงเรียบ แล้วยกยิ้มที่มุมปาก “หึ! เลือดของมึงเป็นสีแดงหรือวะ กูนึกว่าเป็นสีดำ”
เตย...!!!
++++++++++
ผมเบิกตากว้างพร้อมกับเหงื่อที่ซึมตรงไรผม ก่อนที่ผมจะกะพริบตาอีกครั้ง พลางยกมือขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองอย่างลืมตัว
ไม่มีรอยเลือดหรือแม้กระทั่งบาดแผล
ผมถอนหายใจออกมา เพราะความอ่อนเพลีย ทำให้ผมเผลอหลับไปโดยที่ไม่รู้ตัว แล้วก็ฝันเป็นเรื่องเป็นราว ถึงอย่างนั้นความรู้สึกกลับสัมผัสได้จริงในเวลานี้
ความผิดหวัง...
ตอนนี้เวลาประมาณเจ็ดโมง ผมกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก หลังจากคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ผมก็นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในจินตนาการที่เพิ่งเจอมาก่อนหน้านี้
จะเป็นฝันบอกเหตุหรือเปล่าวะ?
ผมเดาะลิ้นในปากอย่างหงุดหงิดใจ ความรู้สึกไม่สบอารมณ์วิ่งพล่านราวกับน้ำเดือด ก่อนที่ความอดกลั้นที่มีจะระเหยในอากาศ
การรอคอยที่มองไม่เห็นปลายทางผลักดันให้ผมก้าวต่อด้วยความอยากเอาชนะ และเพื่อความรวดเร็ว ผมคงต้องยืมแรงจากผู้ช่วยคนสำคัญ
พี่ชาย...
ไพ่ตายสุดท้ายที่เป็นไปได้ผมก็ไม่อยากใช้ ผมยอมเดินคลำทางในความมืดด้วยตัวเองดีกว่าขอร้องให้พี่ชายเพียงคนเดียวช่วย แต่ในเวลานี้ผมไม่ได้ใจเย็นพอจะทำแบบนั้น
ผมหยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อติดต่อทางไกลผ่านเครือข่ายออนไลน์ เพียงไม่นานปลายทางก็ตอบรับสัญญาณ พร้อมกับเสียงที่คุ้นเคยแต่ไม่ได้ฟังมานานดังขึ้บ
[มีอะไรไอ้แทม ตอนนี้กูทำงานยุ่งมาก]
“เรื่องของมึง แต่ตอนนี้เตยหนีออกจากห้อง แล้วกูก็ติดต่อไม่ได้ มึงต้องช่วยตามให้กู”
[ฮะ?!!! หนี?! เกิดอะไรขึ้นวะ! นี่มึงทำอะไรเตยเนี่ย ไอ้น้องเวร!]
“กูไม่ได้ทำอะไร ตื่นขึ้นมาอีกที เตยแม่งก็หายไปแล้ว”
[ถึงกูจะชอบกินผัก แต่กูไม่แดกหญ้าไอ้แทม เล่าความจริงมา]
“เล่าอะไร ไหนมึงบอกว่ายุ่งไงวะ”
[เออ งั้นมึงก็จัดการเอาเอง]
“ตินแม่ง เออๆ”
ผมสบถกับตัวเอง ก่อนจะเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ที่เกิดขึ้นให้พี่ชายฟังอย่างคนอารมร์ไม่ดีนัก ตินไม่ได้พูดแทรกอะไรจนกระทั่งผมให้ข้อมูลที่คิดว่าเป็นใจความสำคัญทั้งหมดจบ
[ถ้าเป็นอย่างที่มึงบอก เตยคงไม่อยากเจอมึงอีกจนกว่าจะทำใจได้ ถ้ายังสบายดี ก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก]
“ไม่ได้ มึงต้องตามเตยให้กู ตอนนี้ไม่มีคนทำความสะอาดห้อง”
[เรื่องแค่นั้นมึงก็จ้างแม่บ้านคนอื่นไปสิวะ]
"กูจะเอาเตยคนเดียว! เอ่อ... กูไม่ไว้ใจคนอื่น เดี๋ยวมาทำของมึงพัง จะว่าไง"
[ธรรมดากูไม่เห็นมึงจะสนใจงานของกู แน่ใจว่ามึงไม่ได้คิดอะไร]
"เออ! กูแค่อยู่กับเตยจนชินแล้ว ไม่อยากปรับตัวกับใครใหม่อีก"
[ถ้าแค่นั้นจริง...คนอย่างมึงคงไม่ทุรนทุรายแบบนี้ ที่มึงอยากให้น้องเขากลับมา เพราะมึงชอบเตยจริงๆ ใช่หรือเปล่า]
" โอเค! กูชอบเตย แต่เพราะหน้าตา ไม่่ได้คิดจริงตังอะไรทั้งนั้น พอใจหรือยังวะ!"
[กูไม่เชื่อ หรือว่า...มึงรักเตยไปแล้ว]
"เหี้ยติน กูเปล่า..."
[ไอ้แทม... ถ้ามึงรักเตย กูก็ไม่ว่าหรอก ดีใจด้วยซ้ำที่เห็นมึงจริงจังกับใครสักที]
“กูไม่ได้รัก ทำไมต้องให้กูย้ำด้วยวะ”
[หึ! มึงเคยบอกว่ากูโง่ที่ไม่รู้ว่าเตยมารัก แต่มึงดันโง่กว่ากูอีก ที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรักใคร คนที่กลัวความรักอย่างมึง น่าสงสารจริงๆ ว่ะ]
กลัวความรักบ้าบออะไรของมัน ผมก็แค่ไม่อยากยุ่งเรื่องพรรค์นั้น
“น่ารำคาญ พล่ามอะไรอยู่ได้ ตกลงมึงจะช่วยหรือเไม่ช่วย”
[เฮ้อ... เพื่อน้องโง่ๆ อย่างมึง ยังไงกูก็ต้องช่วยอยู่แล้ว]
“กูต้องการแค่นั้น ขอบใจ”
ผมตัดการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะระบายลมหายใจของตัวเองออกมา แล้วเอนหลังพิงกับโซฟาด้วยหัวใจที่ยังร้อนรน
ผมถอนหายใจพลางมองหน้าจอของโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะกดเปิดคลิปวิดีโอหนึ่งขึ้นมา เพียงไม่นานใบหน้าหล่อเหลาที่เปื้อนรอยยิ้มก็ฉายขึ้น พร้อมกับฉากหลังเป็นสวนสนุกในเวลาที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า
คิดถึงว่ะ เตย...
TBC ++++++++++
Marionetta ::: 
ดีค่ะ! สบายดีกันนะคะ ^^
หลังจากพี่แทมได้พิจารณาตัวเอง พี่แกก็เริ่มลงแดงแล้ว ฮ่าๆ แล้วก็เป็นโอกาสดีที่จะให้พี่ตินได้โผล่ออกมาอีกครั้ง อิอิ เจอน้องชายแบบนี้ ปวดกบาลแทนพี่ตินจริงๆ >< จะเป็นยังไงต่อ ก็ต้องคอยติดตามกันต่อไปค่ะ
ขอบคุณทุกกำลังใจและทุกการติดตามที่มีให้จนถึงตอนนี้ค่ะ สรุปว่าพี่แทมก็ยังโดนยำเละอย่างที่คาดเอาไว้ ฮ่าๆ ส่วนนัทกับเก้า ไม่มีอะไรในกอไผ่นะคะ ^^ แต่ใครอยากจิ้นก็ตามสบายค่ะ เพราะมิ้นจิ้นเก้ากับบอส (ซะงั้น)
ปล. ตอนหน้าเจอกับน้องเตยค่ะ