ไอ้แทมเป็นผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้ และรางวัลที่ได้รับก็คือความเหนื่อยล้าและเหงื่อที่ไหลเต็มใบหน้า ผมนอนลงบนสนามหญ้า โดยไม่ได้สนใจว่าชุดที่ตัวเองใส่อยู่จะเลอะเศษหญ้าหรือคราบดิน ผมแค่อยากจะนอนพักอาการอ่อนล้าของตัวเอง
หยุดพักหัวใจที่เต้นแรงอยู่ตอนนี้
“เหนื่อยว่ะ อยากเอาหัวจุ่มน้ำชะมัด” ไอ้แทมพูดขึ้น พลางนั่งเหยียดแขนเหยียดขาอย่างขี้เกียจ ก่อนจะหันมามองผม “แต่ก็รู้สึกดีเหมือนกัน ว่าไหม”
“อืม” ผมตอบรับไปตามเรื่อง ก่อนจะหลับตาลง ความชุ่มชื้นของพื้นดินแทรกผ่านลมหายใจอย่างเต็มที่ ความผ่อนคลายที่ถูกธรรมชาติขับกล่อมกำลังทำให้ผมอยากจะนอนหลับขึ้นมา แต่ทว่าผมก็ต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่อ่อนโยนประทับตรงหน้าผากของตัวเอง
แสงแดดยามสายฉายภาพใบหน้าที่กำลังเปื้อนรอยยิ้มบางและนัยน์ตาสีดำที่เป็นประกายสวย สายลมอ่อนที่พัดผ่าน ทำให้บรรยากาศรอบตัวนุ่มนวลราวกับกำลังอยู่ในโลกแห่งความฝัน
“พี่รักเตยนะครับ”
++++++++++
ทั้งที่หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น แต่ผมก็ยังมีสีหน้าเฉยชาเป็นปกติ ทำได้เพียงแต่เก็บคำนั้นเอาไว้ในใจของตัวเอง
ผมไม่ได้ตอบรับอะไร แล้วคุยเรื่องอื่นแทนราวกับคำพูดนั้นเป็นเพียงสายลมที่ลอยผ่าน ไอ้แทมขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร
หลังจากนั้นมันก็พาผมไปหาอะไรกินเป็นมื้อกลางวัน แล้วขับรถมาส่งผมที่ห้องในตอนบ่ายสามโมง และเมื่อผมกลับมานอนพักเอาแรงจนถึงห้าโมงเย็น ผมก็เตรียมตัวไปทำงานพิเศษที่ผับสตาร์ไลท์ต่อ
บรรยากาศที่คุ้นเคยเข้ามาทักทาย ผมมองลูกค้าที่ทยอยเข้ามาใช้บริการไม่ขาดสายด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนสายตาจะไปเห็นไอ้แทมที่กำลังนั่งดื่มเหล้าคนเดียวอยู่ที่บาร์
ผมยกเหล้าขวดหนึ่งมาเสิร์ฟที่โต๊ะวัยรุ่นที่กำลังถูกแอลกอฮอล์เล่นงานเต็มที่ ก่อนจะเดินหลบผู้หญิงอีกกลุ่มที่กำลังโยกย้ายสะโพกไปมาตามจังหวะของเสียงเพลงอย่างสนุกสนาน แล้วเดินตรงไปที่เคาท์เตอร์เพื่อทำงานต่อ
เวลาผ่านไปพักใหญ่ โดยที่ผมแทบจะไม่ได้หยุดพัก กว่าจะได้สังเกตสิ่งรอบตัวอีกครั้ง เพดานที่เคยมีแสงไฟสลัวก็สว่างจ้า ขณะที่ผมกำลังเก็บแก้วน้ำและทำความสะอาดโต๊ะที่ไร้ผู้คน ผมก็ต้องชะงักไปเล็กน้อย เมื่อมีใครอีกคนเข้ามาช่วยงานของผมอีกแรง
"แทม มึงกลับไปก่อน คืนนี้กูจะช่วยไอ้ลมเตรียมของ อีกนานกว่าจะกลับ" ผมหันไปบอกคนที่ยืนอยู่ใกล้กัน เพราะคืนนี้รับปากกับไอ้ลมที่ต้องเช็กสินค้าเข้าผับแทนลูกพี่ลูกน้องของมันเอาไว้
"ไม่เป็นไร รอได้" ไอ้แทมตอบ ก่อนจะวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะล้อเลื่อนที่อยู่ข้างตัว
"ตามใจ" ผมตอบรับอย่างจนใจ เพราะขี้เกียจโต้เถียงกับคนชอบเอาแต่ใจ ทั้งที่ผมหวังดีต่อมันก็ตาม
ผมทำงานล่วงเวลากับไอ้ลมอีกสองชั่วโมง และเมื่อเดินมาหาไอ้แทมอีกครั้ง ผมก็เห็นมันนอนฟุบหลับไปกับโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
"เอาไงวะ'" ไอ้ลมหันมาถาม ผมลอบถอนหายใจออกมา
"ก็ปลุกมันไง" ผมตอบ แล้วก้มลงชิดใบหูของมัน พลางเขย่าหัวไหล่ของมันเบาๆ "แทมตื่น"
โชคดีที่ไอ้แทมไม่ใช่คนหลับลึกหรือขี้เซาเท่าไรนัก ผมมองสีหน้าของคนที่เพิ่งตื่นนอนอย่างทอดถอนใจ
"พี่ไหวหรือเปล่าวะ" ไอ้ลมถามขึ้น พร้อมกับส่งยิ้มไปให้
"เออ...ไหว" ไอ้แทมตอบ แล้วหันมามองผมต่อ "เสร็จแล้วใช่ไหม"
"อืม" ผมตอบรับ ก่อนจะหันไปทางเพื่อนที่ยินอยู่ด้วยกัน "แน่ใจว่ามึงขับรถไหว"
"เออ สบายมาก งั้นกูไปก่อน" ไอ้ลมบอก แล้วหันไปมองไอ้แทมอีกครั้ง "ไว้เจอกันพี่"
ไอ้แทมแค่ตอบรับในลำคอ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังลานจอดรถวีไอพีของผับ และเมื่อมันล้วงกุญแจรถออกมา ผมก็คว้าไปถือไว้เองทันที โดยไม่สนใจใบหน้างัวเงียที่มองมาอย่างประหลาดใจ
"กูขับเอง เดี๋ยวไปไม่ถึงที่" ผมพูดขึ้น ไอ้แทมก็มองผมครู่หนึ่ง ก่อนจะเลิกคิ้วใส่
"อะไรกัน ยังไงพี่ก็พาเตยไปถึงอยู่แล้ว ไม่ปล่อยให้ค้างระหว่างทางหรอก" ไอ้แทมบอก ก่อนจะหัวเราะแผ่วกับคำพูดสองแง่สองง่ามของตัวเอง
"ทะลึ่ง" ผมว่ากลับเย่างขอไปที ก่อนจะเข้าไปในรถยนต์คันสวย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้ทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ราคาแปดหลักด้วยตัวเอง
"ถ้าเตยขับรถไปส่งพี่ ก็ต้องนอนค้างที่ห้องพี่ด้วย" ไอ้แทมพูดขึ้น พร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัย
"เรื่องของมึง แต่กูส่งมึงเสร็จ แล้วจะนั่งแท็กซี่กลับ" ผมบอกความตั้งใจของตัวเอง พร้อมกับเร่งความเร็วของเครื่องยนต์ให้ทะยานไปข้างหน้า
++++++++++
ผมยืนมองท้องฟ้าสีเข้มอยู่ตรงระเบียง ความเย็นจากอากศยามที่วันใหม่ยังไม่สดใสปะทะผ่านผิวหนัง ก่อนที่แสงสีทองจางจะสาดส่องแปรเปลี่ยนความมืดให้สว่างขึ้นทีละน้อย
ผมมองความเปลี่ยนแปลงที่ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ก่อนจะหรี่ตาลง เมื่อดวงอาทิตย์ทอแสงเต็มที่โดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ก็คงไม่ต่างจากความรู้สึกของผม...
ความสัมพันธ์ที่เป็นดั่งด้ายเส้นบางถูกถักทอเป็นเกลียวผ่านกาลเวลา กว่าที่ผมจะรู้สึกตัว ด้ายเส้นบางก็ประสานกันเป็นเชือกเส้นใหญ่ที่ดึงอย่างไรก็ไม่ออก ทำได้เพียงยอมรับหรือทำลายมันลงด้วยการตัดให้ขาดสะบั้น
และผมก็ไม่ใช่คนที่ยอมทำร้ายตัวเองได้ถึงขนาดนั้น
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น ทำให้ผมเดินกลับเข้ามาในห้อง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูต้อนรับแขกขาประจำที่ยังขยันมาทุกเช้า แถมวันนี้ยังหิ้วน้ำเต้่หู้กับปาท่องโก๋ที่ผมเปรยขึ้นว่าอยากกินตั้งแต่เมื่อวานมาด้วย
"พี่มาแล้วครับ" ไอ้แทมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ก่อนจะจูบที่ริมฝีปากของผมเบาๆ เหมือนหยอกเล่น
ผมมองผู้มาเยือนเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะหันไปใช้เท้าปลุกไอ้เพชรที่ยังหลับไม่รู้เรื่องต่อ เสียงงึมงำของคนที่ยังไม่ตื่น ทำให้ผมต้องเพิ่มความรุนแรงในการปลุกมากกว่าเดิม จนกระทั่งไอ้เพชรลืมตาขึ้นมองด้วยสายตางัวเงีย
"อะไรวะ"
"แทมมา ลุกได้แล้วมึง"
ไอ้เพชรทำหน้ามึนครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองไอ้แทมที่ยกมือขึ้นทัก พร้อมกับดูดกาแฟเย็นที่ตัวเองซื้อมาอย่างกวนอารมณ์
"ถ้าพี่จะมาเช้าตรู่ทุกวันแบบนี้ ก็มาค้างที่นี่เลยก็ได้" ไอ้เพชรพูดขึ้น แล้วขยับตัวเรียกสติของตัวเอง
"ห้องแคบไป กูอึดอัด" ไอ้แทมบอก ก่อนจะยักคิ้วให้ไอ้เพชรต่อ "ถ้างั้นมึงก็บอกให้เตยกลับไปอยู่กับกูเหมือนเดิมสิ"
"โหย...มันก็อยู่ตรงหน้าเนี่ย พี่ก็บอกมันเองสิวะ" ไอ้เพชรบอก พร้อมกับลุกขึ้นจากเตียง
"กูเคยบอกแล้ว แต่ไม่สำเร็จ คิดว่าเพื่อนสนิทอย่างมึงจะใช้งานได้" ไอ้แทมตอบกลับ แล้วหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นเจ้าของห้องทำหน้ายอมแพ้ ก่อนที่มันจะเดินไปทางระเบียง
ผมถอนหายใจ แล้วนึกระอากับบทสนทนาที่ได้ยิน ผมเดินไปล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนจะเริ่มต้นมื้อเช้าที่มีคนเสิร์ฟให้ถึงที่ พลางมองรอยคล้ำใต้ดวงตาของไอ้แทม
"ง่วงหรือเปล่า" ผมถาม ช่วงนี้นอกจากมันจะมาหาผมทุกเข้าแล้ว ตอนกลางวันก็พาผมตะลอนเที่ยว แถมตอนกลางคืนก็ยังมารอไปส่งผมกลับจากผับอีก มันคงนอนไม่พอสักเท่าไร
"พี่โอเค กาแฟเอาอยู่" ไอ้แทมบอก ก่อนจะหยิบปาท่องโก๋ขึ้นมากิน "เดี๋ยววันนี้ตอนบ่ายพี่ต้องขึ้นเครื่องไปหาแม่ที่ฝรั่งเศส คงไม่อยู่หลายวัน แต่ยังไงพี่ก็จะจีบเตยให้ได้ก่อนเส้นตายของเราแน่"
ผมมองไอ้แทมที่ส่งยิ้มให้ ก่อนจะยกแก้วน้ำเตา้หู้ขึ้นดื่มต่อ โดยไม่ได้โต้ตอบอะไร
++++++++++
หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จ ผมก็มองไปรอบห้อง ก่อนจะหยุดมองไอ้เพชรที่กำลังเล่นเกมในโน้ตบุ๊ก
"แทมไปไหนวะ"
"ไปแล้ว บอกว่าถ้าเจอมึง เดี๋ยวไม่อยากไป"
ผมแค่พยักหน้ารับ พลางหยิบเสื้อกับกางเกงที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าออกมาใส่ อันทีีจริงพอคิดว่าจะไม่ได้เจอกันอีกหลายวัน ผมก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก
"พอพี่เขาไม่อยู่ ก็มาทำหน้าหงอยเหมือนหมาถูกทิ้ง" ไอ้เพชรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่ พร้อมกับมองผมอย่างพิจารณา "มึงจะปล่อยให้พี่เขาเอาใจมึงแบบนี้ไปถึงเมื่อไรวะ"
"ก็คงถึงวันสุดท้าย" ผมตอบเสียงเรียบ แล้วหันไปมองตัวเองที่อยู่ในกระจกเงาบานใหญ่
"มึงแม่งโรคจิต แกล้งพี่เขาไม่พอ ยังทรมานตัวเองเล่นอีก" ไอ้เพชรว่า แล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างมีเลศนัย "หึ! ที่มึงให้พี่เขาตามจีบสามเวลาแบบนี้ มึงตกลงใจจะเป็นเมียพี่เขาแล้วใช่ไหม"
"การที่ถูกจีบจำเป็นต้องเป็นเมียคนจีบหรือไงวะ คิดโง่ๆ" ผมว่ากลับ แล้วถอนหายใจออกมา "เรื่องพรรค์นั้นค่อยว่ากันบนเตียงทีหลังก็ได้ ตอนนี้ขอแค่ได้รักกันก็พอ"
"แต่กูว่า พี่เขารักมึงนะเว้ย เอาใจขนาดนี้ ถ้าเป็นกูไม่ยอมเสียเวลาแบบนี้หรอก มึงไม่รู้สึกเลยหรือไงวะ" ไอ้เพชรถามต่อ พร้อมกับมองผมอย่างสงสัย
"อืม กูรู้" ผมตอบออกไปตามตรง ถึงแม้ว่าการที่มันตามเอาใจแบบนี้จะเป็นแค่วิธีการเล่นเกมที่ผมตั้งขึ้น แต่บางครั้งความพยายามก็ไม่ได้เกิดจากการต้องการเอาชนะเพียงอย่างเดียว
ภายใต้รอยยิ้มและดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นมีบางสิ่งที่ผมคาเหวังอยู่
ความรัก...
ความอาทรที่แผ่วเบาราวกับไม่มีตัวตน ทว่าเมื่ออยู่ใกล้กลับทำให้อบอุ่นใจอย่างน่าประหลาด
"แล้วทำไมมึงไม่รับรัก แล้วกลับไปกกกับพี่เขาที่ห้องวะ จะเล่นตัวแบบนี้ไปทำไม" ไอ้เพชรถามอีกครั้ง แล้วยกยิ้มขึ้น " เพราะมึงโดนหักอกมารอบนึง เลยเอาคืนพี่เขาด้วยการเล่นตัวหรือไงวะ"
"ไร้สาระ" ผมว่ากลับ พร้อมกับตบกบาลของไอ้เพชรที่พล่ามไปเรื่อยอย่างหมั่นไส้ "ถึงกูจะรู้ว่ามันรัก แต่ถ้ามันยังไม่รู้ความรู้สึกของตัวเอง ก็ไม่มีความหมาย"
แทม...มึงไม่รู้ตัวเลยหรือตั้งใจซ่อนเอาไว้กันแน่
หึ! ก็คงต้องวัดใจกันสักที ว่า...มึงหรือกูที่อดทนต่อความรักของตัวเองได้มากกว่ากัน
TBC ++++++++++
Marionetta :::
สวัสดีค่ะ ^^
ตอนนี้ก็ยังมาแบบเบาๆ สบายๆ ตามสไตล์พ่อแง่แม่งอนอยู่ พร้อมกับความรู้สึกที่ว่าทั้งที่แทมจีบเตยแต่เหมือนเตยจีบแทมมากกว่า อิอิ คงต้องรอดูว่าเตยจะทำอย่างไรเพื่อให้แทมเปิดเผยความในใจของตัวเองในตอนหน้าค่ะ >0<
ขอบตุณทุกๆ คอมเมนต์ที่เป็นกำลังใจและติดตามกันจนถึงตอนนี้ค่ะ รู้สึกจะไม่ค่อยมีใครเชื่อใจคำว่ารักของแทมกันเลยนะคะ อิอิ ต้องโทษนิสัยของพี่แกแล้วล่ะ ขนาดเตยก็ยังระแวง ฮ่าๆ ไม่แน่ว่าแทมก็อาจจะพูดออกมาจากใจจริงๆ ก็ได้นะคะ (แต่งเองก็ยังไม่แน่ใจ ^^”) ยังไงก็เอาใจช่วยกันต่อไปด้วยค่ะ
ปล. ตอนหน้าเชียร์ใครเอาไว้ก็จะได้รู้กันแล้วค่ะ (สปอยล์ได้แค่นี้แหละ)