Re: [เรื่องสั้น] รัก(เล่ห์)ร่อน...ของชายจรจัด [ตอนพิเศษ] UP++13/11/2014 P.61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] รัก(เล่ห์)ร่อน...ของชายจรจัด [ตอนพิเศษ] UP++13/11/2014 P.61  (อ่าน 442653 ครั้ง)

ออฟไลน์ naamsomm

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
ตี๋ใหญ่กับคนเล็กน่ารักอ่ะ
แต่พี่ตี๋ใหญ่ไม่ต้องไปแบกหามหรอก
เปิดร้านอาหารดีกว่า
น่าจะมีแวว

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5


เร่ร่อน8



เป็นแบบนี้ไม่ดีเลยจริงๆ


สิ่งที่สมองคิดกับสิ่งที่รู้สึกมันสวนทางตีกันมั่วไปหมด


ความคิด...บอกว่าถูกแล้ว ดีแล้ว เขามีอาชีพ ทั้งยังรู้จักเข้าสังคมคือสิ่งที่เหมาะที่ควร และผมก็ยินดีกับเขาจากใจจริง


แต่...


ความรู้สึก...จิตใจกลับคับแคบ อยากเก็บเขาไว้คนเดียว เพื่อบรรเทาเบาบางความเหงาและเพิ่มพูนความสุขในหัวใจ


‘เหงา’ ที่คนๆหนึ่งช่วยให้ผมลืมเลือนคำนี้ไปเนิ่นนาน


‘เหงา’ ที่คนๆเดียวกันทำให้ผมรู้สึกได้อย่างจับขั้วหัวใจ


แกร๊ก


“กลับมาแล้วหรอ” ผมเผยยิ้มดีใจเดินตรงเข้าไปหานายหมาตูบตัวใหญ่ในชุดทำงานเสื้อกล้ามกางเกงสามส่วน สีผิวนอกเนื้อผ้าเป็นสีแทนคร้ามแดดขึ้น


ใหญ่มองมาก่อนมุ่นหัวคิ้ว หันไปดูนาฬิกาบนผนังที่บ่งบอกว่าเป็นเวลาสองทุ่มครึ่งแล้ว


“คุณรอกินข้าวอีกแล้วหรอ”


ผมพยักหน้า


“ก็กินคนเดียวมันเหงา”


ใหญ่ถอนหายใจเฮือกก่อนเดินเข้าครัวไปอุ่นกับข้าวพร้อมตั้งโต๊ะให้ ซึ่งกับข้าวที่ว่าก็ไม่ได้มาจากไหนเขาทำทิ้งไว้แต่เช้าก่อนออกไปทำงานนั่นแหละ


ใหญ่จะตื่นตั้งแต่ตีสี่ดูได้จากแสงไฟที่ลอดผ่านช่องประตูเข้ามายังห้องนอนของผม หลังจากนั้นเขาจะเข้าครัวไปทำกับข้าว เตรียมมื้อเช้าสำหรับผมครอบไว้บนโต๊ะ และมื้อเย็นจะทำใส่กล่องทัพเพอร์แวร์แช่ไว้ในตู้เย็นเพื่อผมกลับมาจะได้เอามาอุ่นพร้อมกิน


แต่มันก็ช่วยคลายความคิดถึงที่มีต่อเขาไม่ได้อยู่ดี


มันเป็นความคิดถึงคนละแบบ...



เมื่อก่อนมันเป็นความคิดถึงที่ทำให้ใจเต้นแรงเหมือนรู้ว่ามีคนรออยู่ที่บ้าน แตกต่างจากเดี๋ยวนี้ที่คิดถึงแบบเสียดแทงหัวใจเมื่อกลับมาเจอห้องว่างเปล่าดังเดิม


มันดูงี่เง่าใช่มั้ยล่ะ!


ผมรู้ว่าตัวเองงี่เง่าสิ้นดี!! ไม่อยากจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน!!


“งานวันนี้เป็นไงบ้าง” ผมเดินมานั่งตำแหน่งประจำบนโต๊ะเตี้ยในห้องนั่งเล่นเมื่อใหญ่จัดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เขาเดินเข้าห้องน้ำไปล้างมือล้างเท้าก่อนเดินกลับมานั่งอีกด้านของโต๊ะ ตักไข่พะโล้ใส่จานผมก่อนเล่า


"วันนี้ไปส่งของที่อุทัยมา"


“ไปกับรถส่งของหรอ”


ใหญ่พยักหน้า


“ไปกับใคร” คนงานของอาแปะส่วนมากเป็นพวกชาวต่างด้าวจำพวกคนพม่า เขมร ให้ขับรถไปส่งของต่างจังหวัดไม่กลัวเจอด่านหรือไง


จะพาใหญ่ซวยไปด้วยน่ะสิ


“กับคนงานด้วยกัน คุณอย่าเขี่ยข้าวเล่นสิ”


“คนไทยใช่มั้ย”


ใหญ่พยักหน้าตอบ เหมือนพยักส่งๆไปมากกว่าเพราะตอนนี้เขาง่วนอยู่กับการสับไข่ลูกเขยให้ผม ถ้ามันเหนียวขนาดนั้นผมกินทั้งซีกเลยก็ได้นะ


“ใหญ่...พวกไปส่งของไกลๆเนี่ยถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปนะ มีคนอื่นก็ให้เขาไปแทนพวกคนต่างด้าวเขายังมีบัตร แต่ใหญ่ไม่มีอะไรเลยนะ โดนจับขึ้นมามันจะได้ไม่คุ้มเสีย”


“ผมจะระวัง”


หลังจากนั้นมื้ออาหารก็เป็นเสียงผมถามสลับเสียงเขาตอบ ความจริงแล้วเหมือนผมตะล่อมกลายๆให้เขาเล่าการทำงานในหนึ่งวันให้ฟังมากกว่า เขาไม่ค่อยพูดถ้าไม่ซักถาม ผมเลยต้องถามเพื่อให้เขาพูด ให้เราแชร์เรื่องราวในแต่ละวันที่ห่างให้กันและกันได้รับรู้


สี่ทุ่มเราสองคนต่างแยกย้ายกันเข้านอน ผมหอบผ้านวมผืนหนาในตู้ออกมาให้เขาเนื่องจากตอนนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศเย็นลงมาก จากปกติเขาใส่แค่เสื้อกล้ามไปทำงานผมว่าจะบอกให้เขาสวมแจ๊คเก็ตด้วยแล้ว ถึงจะแข็งแรงยังไงแต่ทำงานตั้งแต่เช้าตรู่จนมืดค่ำสักวันได้ป่วยเป็นแน่


“ฝันดีนะ”


ผมยิ้มบอกลาก่อนเดินเข้าห้องนอนปิดไฟจนทุกอย่างมืดสนิทก่อนหลับตาลง


หมดไปอีกหนึ่งวัน ผมยิ้มรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความเหงาก็ไม่ได้แย่สักทีเดียว การได้เห็นเขาได้เติบใหญ่ในโลกที่กว้างขึ้นมันทำให้รู้สึกคับพองในอก เหมือนพ่อแม่ที่ได้เห็นลูกน้อยค่อยๆเติบโตขึ้นเรื่อยๆ


มันเป็นความรู้สึกที่เดี๋ยวก็รู้สึกห่อเหี่ยวจนอยากร้องไห้ แต่บางทีหัวใจก็ยินดีจนยิ้มกว้าง


จนบางทีผมก็คิดว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่


แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนในใจคือ...ใหญ่มีอิทธิพลต่อผมมากมายจริงๆ





จากวันกลายเป็นเดือน...


เป็นเวลาร่วมสามเดือนแล้วที่ใหญ่ทำงานกับอาแปะ ผมเคยขับรถผ่านแวบดูสองสามครั้งก็ประจักได้ว่าเขาเป็นคนขยันมาก ไม่ว่าจะเป็นกล่องลังใบใหญ่หรือกระสอบข้าวอันเท่าแท่นปูน เขาสามารถยกมันได้สบายๆประหนึ่งมันเป็นปุยนุ่นที่ไม่มีน้ำหนักอะไร


เดินเข้าออกร้านยกกล่องเหมือนเขาไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย อึดและถึกมากจริงๆ


แล้ววันนี้ผมก็มาร้านที่ใหญ่ทำงานอยู่ ไม่ใช่ในฐานะนักถ้ำมองเหมือนที่แล้วมา แต่วันนี้ผมมาในฐานะลูกค้าคนหนึ่ง


พอดีที่บริษัทจะจัดงานเลี้ยงอำลาหัวหน้าคนเก่าที่จะไปประจำสาขาที่เชียงใหม่และเลี้ยงต้อนรับหัวหน้าคนใหม่ในอีกสองวันข้างหน้า โดยช่วงเช้าเราจะไปทำบุญที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและช่วงเย็นถึงจะขนทัพกันไปโยนโบว์ลิ่งที่ห้างสรรพสินค้า โดยทางบริษัทได้ติดต่อขอปิดโซนพร้อมสั่งอาหารบุฟเฟ่ต์มาส่งถึงที่ เรียกได้ว่าเป็นเสมือนงานเลี้ยงกลายๆ


เพราะฉะนั้นวันนี้ผมเลยมาซื้อขนมสำหรับแจกน้องๆที่สถานเลี้ยงเด็ก และผมก็เป็นคนเสนอให้มาซื้อร้านขายส่งเพื่อประหยัดงบประมาณ ไม่มีอะไรอื่นแอบแฝง เชื่อได้


“ทำไมต้องร้านนี้วะ” พี่มิ่งที่ขับรถกระบะของบริษัทมายืนเต๊ะท่าพิงประตูรถถามผม เฮ้อ ถึงจะหล่อแต่มีเมียแล้วก็ไม่เกิดผลนะพี่


“คนรู้จักทำงานที่นี่” ผมขยิบตากวนตีนก่อนเดินนำเข้าไปในร้าน กวาดตามองทั่วหน้าร้านไม่เห็นใหญ่สงสัยไปส่งของอีกแน่เลย ผมล่ะห่วงจริงๆว่าจะโดนตำรวจซิวเข้าสักวัน


ถึงข้อดีของการโดนตำรวจจับอาจจะทำให้เขาได้พบญาติ ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง แต่อีกด้าน...ถ้าเขาไม่มีญาติล่ะ ถ้าเขาโดนลอบทำร้าย...


โอ้ยยยย ฟุ้งซ่านอีกแล้ว


“อาตี๋ลื้อจะเอาอะรายยย” อาแปะหัวขาวเขี้ยวยาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เดินงกๆเข้ามาถาม


“ตามรายการนี้ครับ” ผมส่งกระดาษจดรายการของที่ต้องการส่งให้ลูกน้องต่างด้าวของอาแปะ ระหว่างยืนรอผมก็มองหากวาดตาไปทั่วร้าน


“ลื้อมองหาอาใหญ่หรอ อีจัดของอยู่หลังร้าน” อยู่ๆอาแปะก็พูดขึ้น ผมสะดุ้งหันกลับมามองแกเหวอๆ


“อาแปะรู้...”


“โอ๊ยยยย ทำไมอั๊วจะไม่รู้ ตั้งแต่อีมาทำงานนะ ลูกค้าหน้าใหม่ๆสาวๆหนุ่มๆมากันให้เยอะแยะ อั๊วะนะรับทรัพย์เพราะอีอื้อซ่า ฮ่าๆ มีลูกจ้างหน้าตาลีๆแบบนี้อีกสักคนอั๊วะคงรวยมีเงินถุงเงินถัง” แล้วแกก็หัวเราะปากบานเข้าหลังร้านไป


เอ้อ นี่สินะเหตุผลที่แกขึ้นค่าจ้างให้เป็น 160 บาท น่าดีใจจริงๆ!!


แล้วสุดท้ายผมก็ไม่ได้เจอใหญ่ รู้สึกหงอยนิดหน่อยแต่พอเข้าใจ เห็นเขาเล่าให้ฟังว่าเวลามีของมาลงล๊อตใหญ่ๆเขาต้องเป็นแรงหลักเพราะขนได้เยอะและเร็ว ต่อไปผมคงต้องเรียกเขาว่านายควายเทียมแทนนายหมาตูบซะละมั้ง




กลับมาถึงบริษัทก็บ่ายโมงกว่าแล้ว ผมกับพี่มิ่งรีบขึ้นไปทำงานที่คั่งค้างไว้เมื่อเช้าให้เสร็จโดยไวเพราะเย็นนี้ต้องไปจ่ายค่ามัดจำกับทางร้านที่สั่งอาหารไว้ ไม่อยากไปดึกไหนจะนัดเวลากับทางผู้จัดการร้านไว้แล้วด้วย ถ้าไปสายคงดูไม่ควรเท่าไหร่


“สวัสดีครับ” ผมเงยหน้าขึ้นมองบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝั่งของโต๊ะทำงาน นึกสบถในใจว่าใครบังอาจมาลูกเล่นกับผมตอนนี้ แต่พอเห็นว่าเป็นใครก็แทบไถเก้าอี้ถอยหลังลุกขึ้นยืนแทบไม่ทัน


“สวัสดีครับหัวหน้า มีอะไรให้ผมช่วยครับ” หัวหน้าคนใหม่ ชื่อคุณพชร มารับตำแหน่งหัวหน้าได้สามวันแล้ว และเป็นสามวันที่พนักงานหญิงดูแช่มชื่นเป็นพิเศษ ก็อย่างว่าหล่อขาวตี๋โปรไฟล์เลิศขนาดนี้  แถมยังไม่แต่งงานอีก ปลาทูตัวใหญ่ในหมู่แมวเหมียวเชียวล่ะ


“คือผมเพิ่งอ่านเอกสารจบ ยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยง ที่ทางแถวนี้ผมก็ยังไม่ค่อยรู้ ถ้ายังไงรบกวนคุณเล็กไปทานเป็นเพื่อนผมหน่อยได้มั้ยครับ”


อ่า... เอ่อ...


ผมก็อยากจะตกลงนะ แต่งานที่คั่งค้างยังทำไม่เสร็จ อีกเหตุผลสำคัญคือ...


“เฮ้ย เล็กมึงทำงานไปเถอะเดี๋ยวกูพาหัวหน้าไปเอง คงไม่รังเกียจนะครับคุณพชร”


“เอ่อ...ก็ได้ครับ”


“งั้นเชิญครับ” ไอ้ปอนด์ผายมือนำทาง สบตาผมแวบหนึ่งเป็นเชิงรู้กัน


ขอบใจว่ะไอ้ปอนด์ กูเพิ่งเห็นข้อดีของความขี้เสือกของมึงก็วันนี้


เมื่อทั้งสองคนเดินลงบันไดจนลับสายตา (ผมทำงานอยู่ชั้นสอง) ทั้งร่างก็ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้พลางทิ้งตัวไปยังพนักพิงด้วยความโล่งอกระคนหนักใจ


จะว่าผีเห็นผีก็เป็นได้


ตอนแรกผมไม่แน่ใจนัก คิดว่าเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีคนหนึ่ง ใครจะไปหลงตัวเองคิดว่าเขามาชอบตั้งแต่ครั้งแรกจริงมั้ย อีกอย่างเป็นผู้ชายทั้งคู่อีกต่างหาก


เพิ่งมาเริ่มตะขิดตะขวงใจก็เมื่อวาน คงไม่มีหัวหน้าคนไหนที่มีลูกน้องเป็นสิบแต่ชวนพนักงานธรรมดาหน้าใหม่ไร้ประสบการณ์อย่างผมไปทานอาหารเย็นด้วยกัน


พี่มิ่งเป็นผู้ชายแท้ๆยังรู้สึกได้ ผมจะมาแอ๊บแบ๊วทำโลกสวยก็กระไรอยู่


เอาเป็นว่าทั้งออฟฟิศรู้กันหมดแล้วว่าผมกำลังโดนหัวหน้าคนใหม่ตามจีบอยู่


คุณพชรจัดเป็นผู้ชายในอุดมคติของผมเลยก็ว่าได้ เสียอยู่สองอย่าง ขี้ตื้อออกนอกหน้าและสายตาแพรวพราวไปหน่อย


สายตาที่คนอื่นอาจมองว่ามีเสน่ห์ แต่สำหรับผมมันดูบ้ากามชอบกล


อย่างที่ถ้าวันใดวันหนึ่งผมชะล่าใจเมื่อไหร่โดนจับเขมือบแน่

 


หลังห้าโมงเย็นเวลาเลิกงานผมกับพี่มิ่งก็ไปยังร้านเจ้าของอาหารบุฟเฟ่ต์ที่เราได้จัดสั่งไว้เพื่อจ่ายเงินค่ามัดจำครึ่งหนึ่ง รวมถึงปรับแก้เมนูอาหารที่เสนอไปแล้วแต่ขาดวัตถุดิบที่ไม่สามารถทำได้ ซึ่งโดยรวมแล้วทุกอย่างก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย


ขามผมให้พี่มิ่งนั่งรถผมมาส่วนรถพี่แกให้จอดทิ้งไว้ที่บริษัท ดังนั้นเมื่อเสร็จธุระผมต้องวนไปส่งพี่มิ่งที่บริษัทก่อน ดูเวลาก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว อืม แวะไปรับใหญ่ดีกว่า ถึงร้านอาแปะกับคอนโดจะอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่แต่เดินตัดมาอีกสองช่วงตึกคนที่ทำงานมาเหนื่อยๆก็ต้องมีล้าบ้าง


คิดได้อย่างนั้นผมก็ควงพวงมาลัยรถเลี้ยวขวาเข้าซอยที่อยู่ก่อนคอนโดผมสองซอย เคลื่อนรถไปจอดเลียบริมฟุตบาทบริเวณหลังร้าน (หน้าและหลังร้านจะเข้าคนละซอย) ก้มมองดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้งเห็นเป็นเวลาเลิกงานของใหญ่แล้ว แต่คงต้องรออีกสักพักเพราะส่วนมากใหญ่จะถึงห้องช้ากว่าเวลาเลิกงานครึ่งชั่วโมง คาดเดาจากผมได้ว่าอาแปะคงใช้ปิดร้านเก็บของนู่นนี่จนเกินเวลา


แต่วันนี้ดูเหมือนจะเป็นโชคดีของผมที่ไม่ต้องนั่งรอ เมื่อผมหันไปมองทางประตูหลังร้านก็เห็นนายหมาตูบตัวใหญ่กำลังปิดประตูเหล็กพานพับอยู่พอดี


สักพักนายหมาตูบก็หมุนตัวเดินตรงมา


ผมระบายยิ้มขณะปลดเข็มขัดนิรภัยออก มือกำลังจะเปิดประตูรถแต่แล้วสายตาก็ปะทะเข้ากับร่างของหญิงสาวที่ย่างกรายออกมาจากมุมหนึ่ง...ตรงเข้าไปหาใหญ่...เข้าประชิด...และวาดแขนสองข้างโอบรอบลำคอ...


ผมตาโตตกใจ


เอาแล้วไง เขาต้องเจอผู้หญิงดักทำมิดีมิร้ายบ่อยแค่ไหนกัน


ผมรีบผลักประตูรถออก สองขาวางลงบนพื้นหวังเข้าไปช่วยนายหมาตูบของผมให้รอดมือเสือสมิง


แต่แล้วขาสองข้างที่แตะพื้นก็ชาวาบ ทุกส่วนของร่างกายเจ็บแปลบทั้งเย็นเฉียบเหมือนโดนก้อนน้ำแข็งสาดใส่


ผู้ชายแสนซื่อที่ผมคิดว่าเขาต้องทำตัวไม่ถูกเมื่อโดนคนแปลกหน้าถึงเนื้อถึงตัวกำลังวาดแขนข้างหนึ่งรอบเอวคอดแล้วออกแรงยกอีกฝ่ายชิดกำแพง อีกมือทาบลงบนก้อนเนื้อนูนบริเวณหน้าอกก่อนลงแรงบดคลึง ริมฝีปากของทั้งสองตะโบมจูบเข้าหากัน ขณะที่มือของหญิงสาวปัดป่ายถอดเสื้อผ้าทั้งของตัวเองและคนตัวใหญ่ที่ผมคุ้นเคยอย่างรีบร้อน เหมือนเธอไม่ไหวที่จะรีรออะไรแล้ว


สมองผมขาวโพลนหนักอึ้งจนภาพเคลื่อนไหวร้อนแรงตรงหน้าเป็นเหมือนภาพปัดผ่าน เหม่อมองอย่างเลื่อนลอย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างสูงใหญ่รั้งขาเรียวเล็กข้างหนึ่งเกาะเกี่ยวเอวหนา สามนิ้วยาวสอดหายเข้าไปใต้หว่างขาก่อนจะ...


พรึบ!!


รั้งร่างตัวเองเข้ามาในรถทั้งหมดก่อนปิดประตูลง หลับตาแน่นอย่างกับภาพตรงหน้าคือสิ่งแสลงไม่น่ามอง


วินาทีนั้นเองที่ทำให้ผมรู้ว่า...ตัวเองร้องไห้...


น้ำตามากมายไหลผ่านร่องแก้มตกกระทบบนหน้าตัก กางเกงยีนเปียกชื้นขยายขนาดเป็นวงกว้างขึ้น ตอกย้ำให้รู้ว่าผมเจ็บปวดมากเพียงใด



ผมประคองสติขับรถกลับมาถึงห้องด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ เปิดประตูห้องนอนด้วยมือไม้ที่ยังไม่หายสั่นก่อนทั้งร่างจะฟุบลงบนเตียงอย่างไม่เข้าใจในตัวเองหรือรู้แต่ไม่อยากยอมรับ


ทำไมต้องรู้สึกแย่ขนาดนี้ ไม่สิ มันเลยคำว่า ‘แย่’ แต่มันคือ...เสียใจ...เจ็บปวด...ผิดหวัง...จากคนที่รัก


ใช่...ผมคงรักเขาเข้าแล้ว รักนายตี๋ใหญ่ชายเร่ร่อนที่ผมช่วยเหลือเขามาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ แต่บัดนี้ความปรารถนาดี ความสงสาร มันก่อเกิดเป็น ‘ความผูกพัน’ และ ‘รัก’ โดยไม่รู้ตัว


ช่างน่าสมเพชตัวเองสิ้นดี


ในวันที่รู้ว่า ‘ รัก’ หัวใจกลับ ‘เจ็บปวด’ ที่สุด





หลังเหตุการณ์นั้นทุกอย่างยังดำเนินไปอย่างปกติ ผมยังทานอาหารเช้าที่เขาทำให้ รอเขาทานข้าวเย็น ยังได้รับการดูแลเอาใจใส่จากใหญ่เหมือนเดิม


จะไม่เหมือนเดิมก็แค่ผมไม่ได้ชวนเขาคุยตอนทานข้าว ไม่ได้ชวนดูหนังแผ่นช่วงหัวค่ำ และไม่ได้ถามความเป็นไปของชีวิตอย่างเช่นทุกวัน แต่ใหญ่คงนึกชอบใจเมื่อเขาไม่ชอบพูดอยู่แล้ว


ภายนอกที่ดูปกติแต่ใครจะรู้ว่าภายในใจผมอึดอัดเพียงใด ต้องแสร้งทำตัวปกติทั้งที่ผมไม่กล้าจะสบตาเขาตรงๆด้วยซ้ำ กลัวว่าความรู้สึกข้างในจะสื่อออกมาจนเขารู้ตัว


รู้ว่าผมผิดหวัง น้อยใจ เสียใจ เจ็บปวด...และรัก


ภาพร่วมรักของเขากับผู้หญิงคนนั้นมันชัดเจนติดตาขับเคลื่อนให้หัวใจรวดร้าว ขณะเดียวกันเมื่อใกล้ชิดหัวใจกลับเต้นแรงระรัวอย่างสวนทาง


ทำยังไงให้ความรักแปรเปลี่ยนเป็นความสงสารดังเดิม...ทำอย่างไรดี


ผมไม่ชอบเลยที่ต้องทำตัวนิ่งเหมือนทุกอย่างโอเค ทั้งที่มันไม่โอเคเลยสักนิด ผมไม่โกรธเพราะเขาไม่ผิด เขาไม่มีพันธะผูกพันทางใจกับใครจะทำเช่นนั้นย่อมได้


บางที...เขาและเธออาจไม่ใช่เพียงสัมพันธ์ทางร่างกาย


บางที...เขาทั้งสองอาจรักกัน


แล้วผมล่ะ???


สมภารกินไก่วัด ช่างอกุศลสิ้นดี!!


“คุณเล็ก ไปแจกขนมเด็กกันครับ” ผมหลุดจากภวังค์ความคิด เบี่ยงหน้าหลบกระพริบตาถี่เพื่อขับไล่น้ำตา ก่อนหันกลับมาหาบุคคลตรงหน้า


คุณพชร...


เขาจะตามผมไปทุกที่เลยหรือไงกัน


วันนี้เป็นวันที่ทางบริษัทหยุดงาน ให้พนักงานทุกคนเข้าร่วมงานเลี้ยงอำลาหัวหน้าคนเก่าและต้อนรับหัวหน้าคนใหม่ โดยกิจกรรมช่วงเช้าก็คือเลี้ยงอาหารยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตามที่ผมเคยบอกไป


ผมได้ช่วยยกอาหาร ขนม และของบริจาคทั้งหมดเข้าไปไว้ในอาคารหมดแล้ว เหลือแต่การแจกจ่ายและพิธีการบางอย่างเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานหญิงและบุคคลตำแหน่งสูงๆ เลยได้โอกาสให้ผมเลี่ยงออกมานั่งด้านนอก


แต่ก็เพียงไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำก็โดนหัวหน้าคนใหม่ตามออกมาจอแจแทนที่จะอยู่เข้าร่วมพิธีการด้านใน


“เชิญคุณพชรเถอะครับ เดี๋ยวผมจะไปช่วยพี่มิ่ง...”


“ไปเถอะนะครับ วันนี้คุณเหมือนมีเรื่องทุกข์ใจเด็กๆอาจทำให้คุณดีขึ้น” เขาส่งยิ้มกว้างขวางแสดงความจริงใจออกมา ผมนิ่งคิดก่อนพยักหน้า


ก็จริง ความน่ารักของเด็กๆอาจทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น


แล้วเด็กๆก็ช่วยผมได้จริงๆ ความน่ารัก ใสซื่อเสมือนผ้าขาวทำให้ผมอยากช่วยแต่งแต้มความสุขให้เด็กเหล่านี้เติบโตไปเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ไม่ถูกความมืดเทาของสังคมทำลายความบริสุทธิ์ของพวกเขาไป


ผมยังเชื่อเสมอว่า...พวกเขาแค่ขาดความโชคดี แต่ไม่เสมอไป...ถ้าพวกเขายังยึดมั่นในความดี เชื่อในคุณค่าของตัวเอง พวกเขาจะสามารถสร้างความโชคดีได้ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งและดีงามได้


กึก


ในจังหวะที่เงยหน้าขึ้นมาจากการป้อนข้าวน้องน้อยบนตัก ผมก็ปะเข้ากับสายตาของคนตรงข้ามที่จ้องมองมาซึ่งไม่ใช่ใครอื่น คุณพชรเจ้าเก่า


“คุณดูอ่อนโยนมากเวลาอยู่กับเด็ก” เขาระบายยิ้มจาง ซึ่งผมก็ยิ้มตอบ


“คงเพราะผมชอบเด็กๆมั้งครับ”


“เหมือนผมเลย ผมน่ะชอบเห็นพวกเขามีความสุขดีใจ จึงเสนอให้มีกิจกรรมนี้ขึ้นมาไงครับ” เป็นครั้งแรกที่ผมยิ้มให้เขาจากใจจริง บางทีคุณพชรก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ดูแล้วยังเป็นคนที่ดีคนหนึ่งด้วยซ้ำ


“เดี๋ยวเสร็จจากนี่ผมติดรถคุณไปงานด้วยนะครับ”


แต่ก็ยังคงนิสัยขี้ตื้อที่น่ารำคาญสำหรับผมอยู่ดี ==^^





มาถึงห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี เราสามคน(ผม ไอ้ปอนด์ คุณพชร) ก็ขึ้นบันไดเลื่อนมายังชั้นสาม ที่เป็นโซนของเมเจอร์ซีนีเพล็กเกือบทั้งหมด ส่วนที่เหลือฝั่งขวาเป็นร้านคาราโอเกะแบบ VIP ฝั่งขวาเป็นลานโบว์ลิ่งที่กั้นโซนด้วยกระจกทั้งหมด และส่วนนี้คือส่วนจัดเลี้ยงของเราในค่ำคืนนี้


จากที่กวาดตาดูทุกคนก็มากันครบแล้ว ผมโคลงหัวนิด เดินไปนั่งโต๊ะที่มีพี่มิ่งและเพื่อนร่วมงานนั่งอยู่ก่อนแล้ว ไอ้ปอนด์ก็ตามมานั่งหลังจากที่ไปส่งคุณพชรอีกโต๊ะที่จัดไว้ให้ เขาดูละล้าละลังถ้าไม่เพราะมีผู้ใหญ่หลายคนบนโต๊ะนั้นเขาคงแจ้นมานั่งด้วยเป็นแน่


ผมไม่ได้หลงตัวเองเกินไป เชื่อสิ


แต่เมื่อผมนั่งประจำเก้าอี้แล้ว เหมือนกับได้ปลดพันธนาการหน้าที่ทุกอย่างออกไป ผมนั่งดื่มเงียบๆไม่สนใจเสียงพูดคุย การโยนโบว์ หรือกิจกรรมจับของขวัญพนักงาน ร่างกายผมเหมือนแค่ต้องการอยู่เฉยๆได้คิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นและใช้เวลาตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี


“เล็ก มึงกลับพร้อมกูมั้ยพิณมารับแล้ว” ผมยกนาฬิกาขึ้นดู สองทุ่มกว่าแล้ว ถ้าเป็นก่อนหน้านี้หนึ่งวันผมคงกระตือรือร้นกับเข็มสั้นของนาฬิกาชี้ที่เลขแปดอยากกลับห้องใจจะขาด แต่ตอนนี้มันเป็นความรู้สึกหน่วงในใจเมื่อคิดว่าเวลานี้เขากำลังทำอะไรอยู่กับใคร


“มึงกลับก่อนเถอะกูยังสนุกอยู่”


“หน้ามึงสนุกมาก”


“ไอ้ปอนด์”


“โอเคๆ แล้วอย่าดื่มหนักล่ะ เดี๋ยวขับรถไม่ไหว” ผมพยักหน้าเนือยพลางยกแก้วที่ไม่ห่างมือจรดริมฝีปาก ไอ้ปอนด์ส่ายหน้าระอา ถึงมันจะเป็นคนขี้เสือก แต่มันก็รู้ว่าเวลานี้ผมไม่พร้อมจะให้มันคาดคั้น


ผมกลับมาถึงห้องตอนสี่ทุ่มด้วยสภาพกึ่มๆ เข้าห้องมาด้วยการคลำแนวกำแพง พอเปิดประตูห้องเข้ามาก็แทบสร่างเมื่อเจอร่างใหญ่โตบดบังทางไว้


“ยังไม่นอนอีกหรอ” ผมถามทั้งยังไม่สบตา


“รอคุณ” เขาตอบพลางเข้ามาช่วยพยุง ผมเซตามแรงนำจนมานั่งบนโซฟาได้


“อ๊ะ ฉันมาแย่งที่นอนนาย”


“ผมยังไม่ง่วงหรอก นั่งเถอะ” มือใหญ่กดไหล่ผมให้นั่งลงที่เดิม ก่อนเดินหายเข้าไปในครัวและกลับออกมาพร้อมแก้วบรรจุน้ำเปล่า


ผมรับมาดื่มจนหมดแล้วนั่งก้มหน้าเล่นแก้วอยู่แบบนั้น


“ฉันไปนอนนะ รู้สึกปวดหัว” เมื่อเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศชวนอึดอัด จึงตัดสินใจยันตัวลุกขึ้น มีเซนิดหน่อยแต่เขาช่วยจับไว้ “ขอบคุณ”


ดันมือเขาออกเพื่อกลับห้อง แต่ยังไม่ทันก้าวขาอีกฝ่ายก็รั้งต้นแขนผมไว้


“คุณโกรธอะไรผมหรือเปล่า”


เขารู้สึกได้ ฮะๆ ผมว่าผมเนียนแล้วนะ


“ไม่นี่”


“ช่วงนี้คุณแปลกๆ”


“ยังไงหรอ” ผมใจกล้าหันไปสบตาเขาด้วยแววตาเยาะเย้ย เขาขมวดคิ้วจ้องผมอย่างฉงน


“คุณ...ไม่พอใจผม...ใช่มั้ย”


“ทำไมฉันต้องไม่พอใจล่ะ” ใช่...ผมไม่ได้ไม่พอใจเขา เพราะที่เป็นมันมากกว่านั้น


“บอกผมได้มั้ย มันเรื่องอะไร”


ผมจ้องเขานิ่ง บอกหรอ จะบอกได้ยังไง จะพูดออกไปได้หรอ


เมื่อรู้สึกถึงภาพตรงหน้าพร่าเลือน จึงละสายตาออกมา น้ำตาที่คลอหน่วงเต็มหน่วยตาบ่งบอกว่าอีกไม่กี่วินาทีมันจะต้องทักทลายออกมาแน่


“ฉันปวดหัว ขอไปนอนนะ”


“คุณ!”


เขารั้งแขนผมไว้อีกครั้ง


และคราวนี้ทุกสิ่งในใจก็พังทลายลง


ฟุบ


ผมหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า เป็นวินาทีที่ผมรู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรแต่ไม่สามารถห้ามได้ สองมือตะปบเข้าแก้มสากดึงรั้งอย่างแรงลงมาก่อนนาบริมฝีปากลงบนริมฝีปากหนาบดแรงลงไปอย่างระบายออกทุกความรู้สึก ใหญ่อึ้งไปเสี้ยววินาทีก่อนพยายามผลักออกแต่ผมลงแรงมือรั้งใบหน้าเขาไว้


ผมบดปากลงไปจนได้กลิ่นคาวเลือดจึงหยุดแช่ค้างริมฝีปากเพียงแตะไว้ สะอื้นไห้จนตัวโยน น้ำมูกน้ำตาไหลตามร่องจมูกสู่แนวริมฝีปากที่ยังแตะกันจนรู้สึกถึงรสเค็มปร่า ค่อยๆถอนริมฝีปากออกพลางก้าวถอยหลังช้าๆอย่างคนไม่ได้สติ ก้าวกลับเข้าห้องอย่างกระท่อนกระแท่นอย่างคนหมดแรง...หมดกำลังใจ


โดยไม่มีมือใหญ่รั้งไว้อีกแล้ว





เช้ามา


ผมลุกขึ้นแต่งตัวเพื่อไปทำงานด้วยร่างกายไม่พร้อมเต็มที่ ปวดหัวแทบระเบิด ดวงตาก็ปูดบวมจนแทบลืมไม่ขึ้น ทุกอย่างเป็นผลพวงมาจากการร้องไห้อย่างหนักทั้งคืน


ผมสูดลมหายใจลึกอยู่หน้าประตูห้องนอนก่อนหมุนลูกบิดเปิดประตูออกไป อย่างที่คิดใหญ่ยังไม่ออกไปทำงาน


แน่ล่ะ นี่เพิ่งตีสี่


ผมตื่นก่อนเวลาปกติตั้งสามชั่วโมง


ใหญ่ชะงักไปเมื่อหันมาเจอผม ผมสูดหายใจเรียกขวัญอีกครั้งก่อนเดินนำไปโซฟาห้องนั่งเล่น ซึ่งใหญ่คงรู้ว่าผมมีเรื่องต้องการคุยกับเขาแน่ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ตื่นก่อนเวลาขนาดนี้


“เอาน้ำผลไม้สักแก้วมั้ย” ผมส่ายหน้า เขามองมาทางผมก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่และพูดเกริ่นเรื่องก่อน “เมื่อคืน...”


“ฉันขอโทษสำหรับเรื่องบ้าๆนั่น ฉันไม่ได้จะคุยเรื่องนั้นหรอก”


“…??”


“นายทำงานมาสองเดือนแล้วใช่มั้ย”


เขาขมวดคิ้วงงแต่ก็พยักหน้า


“คงมีเงินเก็บประมาณแปดพันได้” ผมพูดต่อ ยิ่งทำให้เขาขมวดคิ้วสงสัยมากกว่าเดิม


“คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่”


 แค่ประโยคเดียวของใหญ่ก็ทำให้กระบอกตาผมร้อนผ่าวขึ้นได้ น้ำลายหนืดเหนียวปิดกั้นหลอดลมจนเปล่งเสียงออกมาได้อย่างยากเย็นเหลือเกิน แต่ถ่วงเวลาไปก็ไม่ช่วยอะไรอยู่ดี


“ฉันคิดว่านาย...” ผมใช้หลังมือปาดน้ำตาพลางกลั้นสะอื้น “...ควรออกไปอยู่ด้วยตัวเองเสียที”


ถูกต้องแล้ว ผมไม่ควรถลำลึกไปมากกว่านี้


ผมจะลืมจุดมุ่งหมายแรกที่ช่วยเหลือเข้าไม่ได้


ถึงเวลาที่ผมต้องทำตามความตั้งใจเดิมของตัวเองเสียที


“ฉันคงช่วยนายได้เท่านี้”





เรื่องดำเนินมาถึงครึ่งทางแล้วนะคะ  :katai5: :katai5:
ขอบคุณทุกกำลังใจเช่นเดิมค่าาาา :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
มาต่อเลยได้มั๊ย... ค้างคา TT //ขอไม่ดูเวลากับวันอัพเลยทีเดียว.... รีบพุ่งมาอ่านทันทีที่เลขวันเปลี่ยน... ตามดูทุกวันเลย อยากเห็นตอนต่อไปแล้วอ่าาาาา

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5

เหนือฟ้ายังมีจักรวาล

  • บุคคลทั่วไป
ง่ะ!!โอ๊ยยย ปวดใจ

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :serius2: นึกว่าใหญ่ก็ชอบเล็กเหมือนกัน

นึกว่าใหญ่ซื่อๆ ที่ไหนได้ดันเล่นหนังสดกลางแปลง

สงสารเล็กอ่ะ แต่ถ้าใหญ่ไม่ได้รักทำอย่างนี้ก็อาจจะดีกว่า  :hao5:

ตอนหน้าก็จะจากกันแล้ว แง  :sad4:

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
โอ้ยย ค้างมาก ใหญ่ไปทำแบบนั้นทำไมอ่ะ
สงสารเล็กจะแย่แล้ว เจ็บแทนมากๆ
ใหญ่มาอธิบายด่วนนน

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PAnppyJunJii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
 :o12: :o12:    ได้แต่ถอนหายใจ   :เฮ้อ:

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
หน่วงงงงงงง ใหญ่ทำอะไรแบบนั้นเล่า  :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ title

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
สงสารคุณเล็กจัง.  :hao5:  :hao5:  :hao5: แต่สงสารตัวเองมากกว่า เพราะอยากอ่านต่อ  :ling2:  :ling2:

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
สงสารทั้งสองฝ่าย   :katai1:

คุยกันมากขึ้นอาจจะเข้าใจกันมากขึ้น

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
ถ้ามองด้วยสายตาคนนอกก็คือ ใหญ่เป็นผู้ชายน่ะนะ
ถึงจะเป็นสิ่งที่เกินกว่าจะนึกว่าใหญ่จะทำก็เหอะ
แต่มันไม่ใช่เรื่องผิดเพราะใหญ่กับเล็กยังไม่ได้เป็นอะไรกัน
ปล.อ่านตอนนี้แล้วเป๋ไปกับเล็กเลย  :o12:

SilverLake

  • บุคคลทั่วไป
ง่ะ อะไร ยังไง อย่างไร :ling1: โถ่ๆๆๆ มาทิ้งบอมแล้วจากไป
กระซิกๆๆๆ สงสารคุณคนเล็ก

ออฟไลน์ naamsomm

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
อ่านแล้วน้ำตาจะไหล
สงสารคนเล็ก
แต่ก็จริงนะ
ถ้าจะตัดใจ  คงอยู่ด้วยกันไม่ได้

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6
ทำไมใหญ่ทำแบบนั้น  :m15:

ออฟไลน์ Mancha KHIRI

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ช็อคค้างฉากนายตี๋ใหญ่ฟัดชะนีดด้วยคน ทำไมนายทำแบบน้านนนน :serius2:

เล็กออกปากขนาดนี้แล้วมันจะเป็นยังไงต่อเนี่ย ค้างจุงเบยย :hao5:

ออฟไลน์ RELAXED

  • ทำไงได้ก็ Y มันเรียกร้อง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 449
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ toshika

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 819
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
ตายๆๆๆ ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมใหญ่ทำแบบนั้นอ่ะ

สงสารเล็ก จะร้องไห้ตามน้อง T^T

ตอนที่9มาคืนนี้เลยได้ไหมคะ ค้างมากกกกกกกก 

จะรอนะ กอดค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ YaoTJi

  • เพราะชีวิต ขาดวายไม่ได่้
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อ่านเพลินๆมาเจอฉากใหญ่ฟัดชะนี  o22

สงสารเล็กจังเลย โอ๋ๆๆๆ ไม่ร้องนะไม่ร้อง  :hao5: (บอกเล็กไม่ให้ร้อง แต่คนอ่านน้ำตานองหน้าแล้วค่ะ)

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
มาต่อเร็วๆนะคะ กำลังเข้มข้นเรย แย่จังที่เล็กต้องมาเห็นภาพใหญ่มีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น

ออฟไลน์ kokikung

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-3
เล็กน่าสงสารจังเลย
จะอีกนานไหมจะมาต่ออีก
อยากอ่านจังเลยว่าจะเป็นไงต่อ
อกหักทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มเลยเล็กเอ๋ย

ออฟไลน์ Cockroach

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เกิดอารายขึ้นนนน โฮฮ ผมไม่ชอบกินมาม่า :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Noi_Noi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ใหญ่....เอ็งทำข้าเสียใจว่ะ  :o12: :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :sad4: ทำใจอ่านตอนนี้ไม่ได้ สงสารใหญ่##หลบเกิบใครเขวิ้ยงมาา

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
เจ็บแทนเมื่ออ่านถึงฉากชะนี :beat: :beat:

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
โอ้ยยยย ไม่โอเครร
เอาตอน9 มาน้าาาา
ทำไมมเกิดอะไรขึ้นนนนน

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
กีสสสสสสสสส
คืนนี้นอนไม่หลับแน่เลย
 :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด