Re: [เรื่องสั้น] รัก(เล่ห์)ร่อน...ของชายจรจัด [ตอนพิเศษ] UP++13/11/2014 P.61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] รัก(เล่ห์)ร่อน...ของชายจรจัด [ตอนพิเศษ] UP++13/11/2014 P.61  (อ่าน 442717 ครั้ง)

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
เล็กจะตัดสินใจไงน้าาา :ling1:
อย่าลืมกลับไทยพาตี๋น้อยกลับด้วยนะ สงสารตี๋น้อย
อยากให้คนเขียนมาต่อให้วันนี้จัง :mew1:

ออฟไลน์ p.spring

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
คนเล็กกลับเมืองไทยเลย ให้เค้าเห็นค่าเรามั้ง
อย่าไปง้อเค้า ปล่อยเค้าไป อึกอัดเปล่าแบบนี้
หาสามีใหม่เลยค่าาาา

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
สงสารคนเล็กมากอ่ะนี่บอกเลยย :a5: :a5: :o12: :o12: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ naamsomm

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
งือออออ

อ่านแล้วจิตตก
สงสารเล็ก   อาใหญ่เอาไงเนี่ย

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
อ่ารวดเดียว 18 ตอนเลยค่า สนุกมาก ตอนแรกสงสารพระเอกแต่ตอนล่าสุดกลับสงสารนายเอกซะอย่างนั้น
ชอบสำนวนค่ะ ลื่นไหลดี เนื้อเรืองพลิกได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่อย่างว่านายตี๋ใหญ่รูปพรรณสันฐานมันให้นี่นา
คุณเล็กสู้ๆ นะคะ ถึงตัวจะอยู่ไกลแต่ใจมั่นคง เชื่อเถอะว่านายใหญ้รักคุณเล็กแต่หน้าที่ก็สำคัญ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ และรอตอนที่ 19 อยู่นะคะ

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5


เร่ร่อน19



เหมือนกระทำความผิดทางกฎหมายและถูกจับตัวมาห้องขัง...


ติดอยู่ที่คุกที่ว่าไม่ใช่พื้นที่สี่เหลี่ยมที่ถูกตรึงด้วยซี่เหล็กถี่แต่เป็นห้องพักชั้นล่างสุดของเพ้นเฮ้าส์


ส่วนเจ้าของห้องตั้งแต่พาผมมาทิ้งไว้ห้องนี้ก็ออกไปด้านนอกและยังไม่กลับเข้ามาเลย


‘ผมต้องไปทำงานก่อน คุณอยู่ในนี้ห้ามออกไปไหนนะ’


สั่งไว้แค่นั้นแล้วก็หุนหันออกไป จะกลับมาเมื่อไหร่ก็ไม่ได้บอกกล่าว


พรุ่งนี้เล็กจะกลับเมืองไทยแล้วนะ ไม่คิดจะใช้เวลาด้วยกันเลยหรือไง


มองไปยังนาฬิกาหัวเตียงบ่งบอกเวลาสองทุ่มสิบห้านาทีแล้ว ผมอยู่ในห้องนี้มามากกว่าสองชั่วโมง...หนึ่งร้อยยี่สิบนาทีอันน่าอึดอัดและเศร้าใจ


ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างสีขาวสะอาดตาอีกครั้ง หลังจากลุกๆนั่งๆมานับครั้งไม่ถ้วน กลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มไม่สามารถกลบกลิ่นกายอันคุ้นเคยของคนในหัวใจได้ กลิ่นที่บ่งบอกว่าตลอดเวลาที่ห่างกันเขาได้พักพิงอยู่ ณ ที่นี่ ในห้องนี้  มันช่างร้องเรียกให้ผมกดแนบใบหน้าลงบนหมอนใบนุ่ม สูดกลิ่นอันหอมหวานพานให้หัวใจคับพองเต็มอก ก่อนจะลีบแฟบปวดแปลบเมื่อนึกได้ว่านับจากพรุ่งนี้ไปไม่รู้อีกนานแค่ไหนกว่าจะได้กลิ่นกายนี้อีกครั้ง


หรืออาจจะไม่มีโอกาสอีกเลย


ก๊อกๆ


เสียงเคาะประตูเรียกให้ผมหลุดออกจากภวังค์ ดีดลำตัวลงจากเตียงนอนและเดินไปเปิดประตูด้วยหัวใจที่เต้นระรัวอย่างยินดี


“กลับมา...” เสียงกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อเปิดประตูออกมาพบว่าคนอีกฝั่งผนังไม่ใช่คนเดียวกับที่คิดไว้


ไม่ใช่ใหญ่...แต่เป็นอีกหนึ่งบอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำยืนตัวใหญ่หน้าเข้ม ก่อนจะเอ่ยปากบอกเมื่อเห็นผมปรากฏตัว “คุณเฟิ่งให้เข้าพบครับ”


หือ??


ผมมุ่นหัวคิ้วอย่างสงสัย ต้องการพบผมไปทำไมกัน หรือมีเรื่องจะพูดคุยด้วยอย่างที่เกริ่นไว้เมื่อตอนเย็น แต่ในเมื่อเขาต้องการคุยกับผมก็ควรลงมาพบผมด้วยตัวเองไม่ใช่หรือ ห้องนี้ก็ใช่ว่าจะคับแคบซะเมื่อไหร่กัน...


แต่เอาเถอะ ในเมื่อเขาคือเจ้านายของใหญ่ ผมก็ควรจะให้เกียรติเขาเช่นเดียวกับเจ้านายของผม


“สักครู่นะครับ” ผมเข้ามาในห้อง หยิบกระเป๋าเป้ใบเล็กของตัวเองขึ้นมาสะพาย หยิบปากกาเขียนข้อความลงในกระดาษแล้วใช้ปากกาวางทับไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง เดี๋ยวใหญ่มาจะได้ไม่ตกใจที่ผมหายไป


จากนั้นผมก็เดินตามบอดี้การ์ดหน้าเข้มผ่านทางเดินทอดยาวสองข้างประกบด้วยผนังสีขาวนำไปสู่ห้องโถงกว้าง ขึ้นบันไดวนไปยังชั้นสองและหยุดอยู่หน้าประตูไม้สักอย่างดีบานหนึ่ง


ก๊อก ก๊อก


คนนำเคาะประตูสองครั้งก่อนแจ้งว่าได้พาผมมาถึงแล้ว นาทีต่อมาประตูก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นห้องสีขาวสะอาดตา ทั้งเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งทุกอย่างล้วนเป็นสีขาวหมด


และตรงนั้น...บนโซฟากว้างสีขาวกลางห้องมีร่างเพรียวของคุณเฟยเฟิ่งนั่งไขว่ข้างอยู่ด้วยชุดสีขาวกลมกลืนกับบรรยากาศของห้อง ผมสีทองดั่งแพรไหมส่งให้ใบหน้าสวยหวานโดดเด่นรับกับรอยยิ้มเป็นมิตรที่ส่งมา


ช่างเป็นผู้ชายที่สวยหยาดเยิ้มจริงๆ


“นั่งก่อนสิครับ”


เครื่องดื่มสมุนไพรถูกยกมาเสิร์ฟ ผมนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวตามคำเชิญก่อนส่งยิ้มบางให้อย่างไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้สิ  เหมือนผมจะรู้สึกผิดกับคุณเฟยเฟิ่งเรื่องที่อิจฉาเขา แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ทุกครั้งที่ผมเจอเขาความอิจฉาจะพุ่งวาบเข้ามาในหัวใจอย่างห้ามไม่ได้เมื่อสมองพลันคิดไปว่าใหญ่ได้ทุ่มเทเวลาให้เขามากขนาดไหน...มันช่างเป็นความรู้สึกนึกคิดที่แย่มากจริงๆ


“บ้านเฟยของเราเล็กไปหน่อย คุณอยู่ได้นะครับ”


“สบายมากครับ” ผมว่าพลางยกแก้วขึ้นจิบน้ำแก้เก้อ กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำสมุนไพรที่โชยเข้าจมูกทำให้ผมผ่อนคลายลง


ที่ว่าเล็กคงหมายถึงเล็กกว่าอาณาจักรจิ่นแน่ๆ เพราะถ้าเทียบกับบ้านทั่วๆไปก็ถือว่าหรูหราอยู่มากโข


“น่าเสียดายนะครับที่คุณจะกลับเมืองไทยแล้ว ตั้งแต่มาฮ่องกงเรายังไม่ได้นั่งคุยเล่นกันเลย” ขาเรียวที่ไขว่ห้างอยู่คลายออกก่อนแผ่นหลังจะพิงพนักด้วยท่าทางสบายๆให้บรรยากาศในการสนทนาดูเบาสบายลง


ผมก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้มฝืนเต็มทีเมื่อคิดได้ว่าเวลาที่จะอยู่เคียงข้างนายหมาตูบมันช่างเหลือน้อยนิดอย่างที่ว่าจริงๆ


“ครับ” แล้วผมจะพูดอะไรได้มากไปกว่านี้กันล่ะ


“คุณคงจะรู้สึกแย่ที่ต้องแยกจากเสี่ยวสือ” ดวงตาสวยคู่มองผมอย่างเห็นใจ แต่ทำไมนะหัวใจผมยังเจ็บปวด


ผมนิ่งไม่ได้พูดอะไรเพราะดูแล้วคุณเฟยเฟิ่งคงไม่ต้องการคำตอบจากผมสักเท่าไหร่ และเรื่องแบบนี้เขาก็รู้อยู่แก่ใจจะให้ผมตอบให้ทิ่มแทงใจเพิ่มไปทำไมกัน


และเหมือนเป็นคำเกริ่นเพื่อเข้าสู่ประเด็นถัดไปมากกว่าที่จะสงสารผมจริงๆ


“คงเหมือนกับผม...” นั่นไง ผมคิดผิดซะที่ไหนกัน “ช่วงเวลาที่คิดว่าเสี่ยวสือได้จากผมไปตลอดกาลมันช่างทรมานเหมือนตายทั้งเป็น”


น้ำเสียงสะท้อนความเจ็บปวดบวกกับสายตาเหม่อลอยเมื่อย้อนคิดไปในช่วงเวลาเมื่อหลายเดือนก่อน เรียกให้ร่างกายผมชาวูบ หัวใจเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง แต่กระนั้นผมก็ยังนิ่งและทำเหมือนรับฟังเรื่องเล่าวันเศร้าใจจากคลับฟรายเดย์ รายการวิทยุโปรดคืนวันศุกร์ของผม


หลายคนบอกเสมอว่าผมเป็นคนใจดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่ผมก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีรักโลภโกรธหลง คงไม่สามารถใจดีกับคนที่คิดไม่ซื่อกับคนรักของผมได้


...ณ เวลานี้ผมมั่นใจแล้วว่าคนตรงหน้าไม่ได้คิดกับใหญ่เพียงแค่เจ้านายลูกน้อง


แล้วใหญ่ล่ะ....


ไม่...ผมจะเชื่อใจเขา


และคงมีแค่ความเห็นใจให้คุณเฟยเฟิ่งเพียงเท่านั้น


ขอเพียงอย่างเดียว...อย่าให้ความเชื่อใจและเห็นใจที่ผมมีให้ ย้อนมาทำร้ายตัวเองเลย...




คุณเฟยเฟิ่งชวนผมมาเดินเล่นในสวนบนชั้นดาดฟ้า หลอดไฟนีออนถูกสับสวิตซ์เปิดให้แสงสว่าง กลิ่นฉุนของดอกไม้โชยปะทะจมูกจนต้องเบ้หน้าหนีทันทีที่เปิดประตูเข้ามา 


แต่เมื่อชินกับกลิ่น...ความละลานตาของพืชพรรณรูปทรงแปลกตา ชูช่อดอกสีสันแตกต่างสลับกับใบสีเขียวสดไม่ว่าจะขาวแดงชมพูเหลืองและอีกสารพัดที่ผมไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือสีอะไร


ดั่งงานพืชสวนโลกขนาดย่อม ผมตะลึงงันกับความสวยงามเบื้องหน้า ภายใต้หลังคากระจกฝ้าค้ำจุนด้วยโครงเหล็กสีขาวพร้อมผนังทั้งสี่ด้านที่ทำจากกระจกใส อุณหภูมิเย็นเยือกให้ต้องยกสองแขนกอดลำตัว สองขาค่อยๆก้าวไปตามทางเดินหญ้าญี่ปุ่นสีเขียวสดที่ถูกตัดสั้นเสมอกันอย่างสวยงาม


สองข้างทางเดินมีดอกไม้หลากหลายชนิดปลูกเรียงกันไล่สีสันสวยงามจนอยากจะเอื้อมมือไปสัมผัส แต่ก็เกรงว่ากลีบดอกแสนบอบบางจะบอบช้ำจึงได้แต่ทอดสายตามอง มีดอกไม้อยู่ไม่กี่ชนิดที่ผมรู้จักเช่นดอกกุหลาบ ลิลลี่ และยกพื้นทางด้านขวาจะเป็นดอกไม้ไทยที่พอคุ้นเคยจำพวกคุณนายตื่นสาย ดาวเรือง เฟื่องฟ้า เทียนทอง ฯลฯ ส่วนอีกร้อยกว่าชนิด (จากที่คาดเดาจากสายตา) ผมไม่รู้จักเลยแต่สามารถพูดได้เต็มปากว่ามันสวยมาก


“ชอบไหมครับ”


“ครับ สวยมากจริงๆ”


“อย่าจับ!” ผมดึงมือกลับอย่างตกใจเมื่อกำลังจะเอื้อมมือไปสัมผัสกลีบดอกผกามาศสีแดงสดที่ชูดอกสวยยั่วยวนอยู่เบื้องหน้า เสียงร้องเตือนจากคนข้างๆก็ดังขึ้น “มันเป็นชนิดมีพิษน่ะครับ สัมผัสโดนผิวหนังจะไหม้ปวดแสบปวดร้อนได้”


ผมหน้าเหยเกก้าวถอยหลังอย่างแหยงๆดอกไม้สวยแต่รูปจูบไม่หอมเกือบจะทำพิษผมเข้าแล้ว คุณเฟยเฟิ่งจุดยิ้มมุมปากก่อนพาผมเดินลึกเข้าไปในสุดซึ่งบรรยากาศด้านในโดยรอบอบอวลไปด้วยละอองน้ำจากสปริงเกอร์


“เอ่อ อันนี้มีพิษไหมครับ” ผมถามอย่างไม่กล้าจับดอกไม้อะไรอีก


“มีครับ”


นั่นไง ว่าแล้วไหมล่ะ อันตรายต่อชีวิตไปหมด


“แถวนี้จับได้ไม่เป็นอะไรครับ จะเป็นก็ต่อเมื่อทานเข้าไป”


“แน่นะครับ”


“ครับ” เฮ้อ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนยิ้มกว้างกับความสวยงามเบื้องหน้า เอื้อมมือไปสัมผัสกลีบมันเบาๆพลางก้มลงสูดดมรับกลิ่นที่คราแรกชวนให้ผมเวียนศีรษะแต่ตอนนี้กลับดึงดูดจนอดใจไม่ไหวกับกลิ่นหอมของมัน


ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสวนดอกไม้บนดาดฟ้าทำให้อารมณ์ย่ำแย่ของผมดีขึ้นมากเลยทีเดียว


คุณเฟยเฟิ่งก็คงรู้สึกเช่นเดียวกันกับผม ร่างเพรียวสวยนั่งยองลงก่อนใช้ปลายจมูกแตะลงบนกลีบดอก ใช้ปลายนิ้วไล้มันเบาๆอย่างอ่อนโยน แววตาทอประกายอ่อนแสงลงอย่างแสนรัก


“ผมชอบดอกไม้มากมาตั้งแต่เด็กๆ และนี่คือดอกไม้ที่ผมชอบมันมากที่สุด” เขาว่าพลางพรมจูบบนกลีบดอกอย่างทะนุถนอม


ผมมองดอกไม้ชนิดที่ว่าอย่างสนใจ ตัวดอกสีชมพูแต้มจุดรูปกรวยสั้นๆออกดอกบนกิ่งเรียวยาวชะลูดขึ้นไปจากโคนต้นจรดปลาย ดอกบานเต็มวัยบานกว้างไล่เรียงไปถึงยอดที่ประดับด้วยดอกตูมเขียวอ่อนเหมือนกับกรวยไอติมที่แต่งแต้มด้วยสีน่ามอง




“ดอกอะไรหรือครับ”


คุณเฟยเฟิ่งลุกขึ้นยืนแล้วโน้มหน้าลงไปสูดดมอีกครั้งก่อนตอบ “ดอกฟอกซ์โกลฟน่ะครับ ถ้าเมืองไทยบ้านคุณจะเรียกมันว่าถุงมือจิ้งจอก”


“ถุงมือจิ้งจอก...” ผมพึมพำทวนคำ ฟังดูเจ้าเล่ห์น่ากลัวพิกล ผมว่ามันสวยออก สวยมากๆ


“คงเพราะภายนอกดูสวยงามแต่แฝงไปด้วยพิษร้ายกระมังครับ มันถึงได้ชื่อว่าถุงมือจิ้งจอก บางพันธุ์มีพิษร้ายแรงทั้งต้นทั้งดอกจะถูกเรียกว่าต้นกระดิ่งคนตาย”


อืม ฟังดูน่ากลัวและไม่น่าเข้าใกล้อย่างมาก แล้วที่ผมสูดมันเข้าไปเต็มปอดเมื่อกี้จะไม่เป็นไรใช่ไหม มันจะไม่แทงข้างหลังผมใช่หรือเปล่า แต่คุณเฟยเฟิ่งยังคลอเคลียเป็นลูกแมวแบบนั้นได้ แสดงว่าชีวิตผมยังปลอดภัยดี


“ฮ่าๆ ทำไมทำหน้าแหยแบบนั้นล่ะครับ”


“ผมแค่สงสัยว่าทำไมคุณถึงโปรดปรานมันนัก มันดูเอ่อ...น่ากลัวพิลึก” ว่าแล้วผมก็ขอใส่เกียร์ก้าวถอยหลังออกมาสักสองสามก้าว


“มีคนให้ดอกฟอกซ์โกลฟกับผมในวันที่ผมสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดไป” ดวงตาทอประกายแสนรักละจากใบหน้าผมลงไปมองดอกไม้แห่งความหลังพลางเอ่ยต่อ “นับจากวันนั้นเขาก็กลายมาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตผมแทน”


นัยน์ตาสวยคู่นั้นทอประกายรักมากกว่ายามพูดถึงดอกไม้เสียอีก


ในขณะเดียวกันปลายนิ้วผมเริ่มเย็นเฉียบก่อนลามไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย


“ผมยังจำได้ดีตอนอายุสิบห้า เพราะกฎของตระกูลทำให้ผมสูญเสียของรักและศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายไป มันช่างสุดแสนทรมานเหมือนตายทั้งเป็น ขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่อยากเจอหน้าใคร คิดว่าตายไปเสียยังดีกว่า...” แววตาทอประกายรักในคราแรกเปลี่ยนเป็นรวดร้าวยามที่ริมฝีปากเอ่ยเล่าเรื่องราวในอดีต ความรู้สึกสงสารตีตื้นเข้ามาในอก “แต่เทวดาคงเห็นใจ...บนความเลวร้ายที่เผชิญฟ้าก็ส่งเด็กชายตัวน้อยมาให้ผม...”


แววตาหม่นแสงกลับมาสดใสอีกครั้ง


“เด็กนั่นเป็นบอดี้การ์ดที่ถูกส่งมารับใช้พี่เฟยหลงตั้งแต่สมัยยังเป็นคุณชายใหญ่ เด็กผู้ชายตัวโตเกินมาตรฐาน หน้านิ่งๆตาดุๆแต่กลับเป็นเด็กที่...เดินถือถาดอาหารเช้าเข้ามาให้ผมแทนแม่บ้านผิง เด็กที่มาพร้อมกับแจกันใส่ดอกไม้ที่ผมมารู้ทีหลังว่ามันชื่อ ‘ดอกฟอกซ์โกลฟ’ ” ดวงตาเรียวสวยหันมาสบตาพลางจุดยิ้มมุมปาก “น่าขำนะครับ จะปลอบใจทั้งทีเอาดอกถุงมือจิ้งจอกมาให้ แต่คำพูดของเด็กสิบขวบก็ทำเอาผมอึ้งและซาบซึ้งทั้งน้ำตาเลยล่ะครับ เขาบอกว่า...เห็นแม่บ้านผิงบอกว่าคุณชายน้อยกำลังเสียใจ ผมเลยเอาดอกไม้มาให้ คุณหมอจางบอกว่ามันช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจได้...โถ เด็กน้อยเอ๋ย ให้ทำตัวขึงขังเป็นผู้ใหญ่ยังไง สุดท้ายเด็กก็คือเด็กอยู่ดี...ใสสะอาด...ชะล้างหัวใจที่มืดมนได้...”


มาถึงตรงนี้ผมสัมผัสได้ถึงสายใยความรักและความผูกพันของทั้งคู่ได้ ริมฝีปากที่เริ่มสั่นน้อยๆเอ่ยถามออกไปแม้ในใจจะกลัวแสนกลัวคำตอบก็ตาม


“ดะเด็กผู้ชายคนนั้น...ใหญ่เหรอครับ...”


นัยน์ตาแววหวานสบตาผมนิ่ง เผยยิ้มบางก่อนตอบ “ไม่ใช่หรอกครับ...”


ลมหายใจที่กั้นไว้ถูกปล่อยพรูออกมา...


“เสี่ยวสือต่างหาก”


 ...แล้วสะดุดลง เหมือนถูกตัดขั้วหัวใจทิ้ง


“เพราะเหตุการณ์ในวันนั้น ผมจึงไปขอเด็กคนนั้นจากพี่ใหญ่เพื่อให้มาอยู่เคียงข้างผมแทน และตั้งแต่นั้นมาเขาก็คือเสี่ยวสือของผม...ของของผม”


หัวใจผมเต้นระรัวในอัตราสูงสุดเกินกว่าที่เคยเป็น!!!




ปึง!!


โครม!!


เฮือก!!


ผมถูกเหวี่ยงจนร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงอยู่ก่อนหน้าไถลตามแรงจนอัดเข้ากับผนังปูน ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วสรรพางค์กาย  ไม่ใช่จากแรงกระทำภายนอก...แต่มาจากภายในร่างกายที่ปวดร้อนดั่งไฟเผา ร่างกายอ่อนแรง ช่วงท้องปวดมวนเหมือนโดนมือที่มองไม่เห็นบีบลำไส้จนบิดเบี้ยว ริมฝีปากลามลงไปยังลำคอปวดแสบปวดร้อนแม้แต่จะเปล่งเสียงพูดหรือหายใจยังลำบาก หัวใจเต้นถี่รัวตึกตักคับอกอย่างกับวิ่งโดยไม่หยุดพักมาสักร้อยกิโล


ไม่...ไม่ใช่เพราะผมตื่นเต้นหรือกลัว...แต่เหมือนกับโดนบางสิ่งเข้าไปกระตุ้นมัน...รวมทั้งอาการแปลกๆทั้งหลายที่เกิดขึ้นด้วย


“คะคุณเฟย ฟะเฟิ่ง...”


“บางอย่างรับในปริมาณที่เหมาะสมมันก็จะสามารถช่วยชีวิตได้ แต่ถ้ารับมากไปมันก็ปลิดชีพได้เช่นกัน” เสียงเนิบหวานเหนือศีรษะเรียกให้ผมค่อยๆเงยหน้า มองใบหน้าหวานฉ่ำที่บัดนี้เรียบเฉย ดวงตาใสแข็งกร้าวมองผมอย่างเคียดแค้น


หลังจากประโยคแสดงความเป็นเจ้าของในสวนดอกไม้บนดาดฟ้าจบลง หัวใจผมก็เต้นระรัว วินาทีแรกผมกลับคิดไปว่าเพราะคำพูดนั้นมันช่างกรีดหัวใจผมยิ่งนัก แต่เวลาถัดมามันไม่ใช่...ร่างกายผมผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆทั้งอ่อนแรง เริ่มปวดแสบปวดร้อนตามร่างกาย และสุดท้าย...ไม่สามารถป้องกันการคุกคามจากโดยรอบได้เลย


มารู้ตัวอีกทีผมก็ถูกพาเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมมืดๆ ซ้ำยังมีกลิ่นคาวฉุนจนอยากอาเจียน


“ทะทำไม...”


“บุญคุณที่ช่วยเสี่ยวสือไว้ทำให้คุณมีชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้ แต่ตอนนี้มันหมดลงแล้ว ทดแทนกันพอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบุญคุณหรือความเป็นเจ้าของเสี่ยวสือ...ที่เพ้อพบไปเอง!!!” เสียงตวาดก้องให้ผมกระถดตัวหนีชิดมุมผนังชื้นอย่างหวาดกลัว


ณ เวลานี้เขาไม่ใช่คุณเฟยเฟิ่งที่สวยสง่าอ่อนโยนคนเดิม ไม่ใช่สิ...คนที่เขาปั้นแต่งขึ้นมาตบตาผม เขาก็แค่...


“โอ๊ย...” ผมร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อร่างกายทวีความทรมานขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งผมแสดงออกมากเท่าไรอีกฝ่ายก็ดูจะพึงใจมากเท่านั้น “คะคุณจะฆ่าผมเหรอ...อึก”


สะแสบคอจัง เสียงแห้งแทบพูดไม่ออกเลย


“ยังไม่ถึงเวลา...แต่เชื่อเถอะ...” ร่างนั้นนั่งลงตรงหน้าผม ใช้ฝ่ามือบีบคางแล้วจิกเล็บลงบนผิวแก้มยามบังคับให้หันมาสบตากัน ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “คุณจะทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็น หึ”


ฟึ่บ!!


ฝ่ามือที่บีบหน้าผมอยู่ออกแรงผลักสะบัดไปด้านข้างให้ผมล้มนอนอย่างไม่อาจต้านทาน รู้สึกเจ็บตรงข้อศอกที่กระแทกพื้นปูนพร้อมกับอีกฝ่ายที่ลุกขึ้นยืน สองมือของผมกอดร่างที่คุดคู้เข้าหากันของตัวเองแน่น แต่กระนั้น...ผมก็ยังอดส่งสายตาเวทนาให้อีกฝ่ายไม่ได้ ถึงสภาพผมจะน่าสมเพชเยี่ยงสุนัข เจ็บปวดทรมานเยี่ยงสุกรถูกเชือด แต่ผมก็ยังรู้สึกสงสารอีกฝ่าย...ที่จิตใจเขายังอยู่ใต้ตม จมอยู่กับความคับแค้นและอิจฉาริษยาจนสามารถทำร้ายเพื่อนมนุษย์กันได้ถึงเพียงนี้...


“อย่ามามองผมด้วยสายตาแบบนี้!! เจียมตัวเองซะบ้าง!!” ตวาดอีกครั้งพร้อมสะบัดตัวหันหลังเพื่อย่ำเท้าก้าวออกไป ผมปรือตามองเขาก่อนเปล่งเสียงแหบแห้งอย่างกระท่อนกระแท่น


“ละแล้วผมจะ...จะแผ่เมตตาหะ...ให้คุณ...”


“ไม่จำเป็น เก็บบุญไว้สวดศพให้ตัวเองคืนนี้เถอะ อย่าปวดใจจนตายก่อนซะล่ะ!” เขากัดฟันพูดโดยที่ไม่ได้หันกลับมา แล้วเดินออกจากห้องไป


ผะผมเจ็บจังเลย...ปะปวดแสบปวดร้อนไปหมดทั้งตัว...เพราะดอกไม้เป็นพิษอย่างนั้นเหรอ...


ไม่สิ...ในเมื่อคุณเฟยเฟิ่งก็สัมผัสมันเหมือนกัน...


ผมพยายามเค้นสมองคิดทั้งที่ปวดศีรษะจนสมองแทบระเบิด กอดตัวเองให้แน่นขึ้น...


เพราะอะไร....เพราะอะไร...ทำไม...


สุดท้ายผมก็ถกเถียงปัญหานี้กับตัวเองได้สำเร็จ...เพราะดอกไม้นั่นแหละ แต่ไม่ใช่ที่สวน ไม่ใช่เพราะสัมผัสโดน ไม่ใช่เพราะดม


....น้ำสมุนไพรแก้วนั้น ผมจำกลิ่นมันได้แล้ว นึกว่าน้ำอะไรที่แท้ก็...


...ถุงมือจิ้งจอก ไม่สิ กระดิ่งคนตาย...



ใหญ่...ใหญ่จะรู้ไหมว่าเล็กหายไป จะตามหาหรือเปล่า เล็กยังเชื่อในตัวใหญ่อยู่นะ...ยังเชื่อว่าจะมาช่วยและยังรอฟังคำอธิบาย...




แกร๊ก!


เสียงเปิดประตูเรียกให้ผมปรือตาขึ้น มองฝ่าความมืดไปก็ไม่เห็นมีการเคลื่อนไหวใดๆเกิดขึ้นเลย แต่เสียงมันใกล้มากจริงๆ


กุกกัก กุกกัก


“คุณเฟิ่งจะอาบน้ำก่อนไหมครับ” สะเสียงนี้...ผมจำได้


“ใหญ่...ใหญ่...” ผมพยายามดันร่างตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง พื้นชื้นเหมือนเลอะไปด้วยเมือกเหนียวทำให้การทรงตัวขึ้นเป็นเรื่องยากลำบาก แต่ผมก็พยายามจนลุกขึ้นนั่งได้สำเร็จ


ผมกระเถิบตัวพิงผนังไว้อย่างอ่อนแรง อาการเจ็บปวดมวลท้องเริ่มทุเลาลงเช่นเดียวกับความปวดแสบปวดร้อนตามร่างกาย ไม่รู้เป็นเพราะพิษหมดแล้วหรือว่าเจ็บจนชาชินกันแน่ แต่เมื่อจับตามเนื้อตัวโดยเฉพาะบริเวณริมฝีปากจะรู้สึกแสบเป็นพิเศษและเหมือนผิวหนังจะไหม้ด้วย


“อืม...ดีเหมือนกัน อาบด้วยกันไหม” เสียงคุณเฟยเฟิ่ง


ผมพยายามกวาดสายตามองหาที่มาของเสียงก่อนจะพบว่ามันดังอยู่เหนือศีรษะผมนี่เอง...บนชั้นถัดไป แต่ผมกลับได้ยินเสียงทั้งคู่ชัดเจนเฉกเช่นนั่งอยู่ในห้องเดียวกัน


ถ้าผมตะโกนเรียกออกไปใหญ่จะได้ยินไหมนะ...แต่จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อผมลองตะเบ็งแล้วกลับไม่มีเสียงอันใดลอดผ่านลำคอผมมาได้เลย...


“เดี๋ยวผมไปอาบที่ห้องก็ได้ครับ”


“ทำไมล่ะ อาบด้วยกันนี่แหละ ก็อาบด้วยกันอยู่ทุกวัน”


“คือผม...”


“เป็นห่วงคุณเล็กหรือไง”


จบคำถามเสียงก็เงียบไปเสี้ยวนาที แต่ช่างยาวนาสำหรับคนรอคอยคำตอบอย่างผมเหลือเกิน


“เปล่าครับ”


“ดี งั้นไปอาบน้ำด้วยกัน ถูหลังให้หน่อย...นะ”


“ครับ”


“ตามเข้ามา ไม่ต้องปิดประตูนะ”


และแล้วน้ำตาที่แม้แต่โดนทรมานหนักหนาแค่ไหนในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมายังไม่เคยไหลลงมาสักหยด บัดนี้มันกลับไหลหลากอย่างไม่สามารถกักกลั้นไว้ได้เพียงถ้อยคำเดียวของคนที่ผมรักหมดใจ


ถ้อยคำที่เหมือนไม่ใส่ใจกัน



ขณะที่เล็กรอใหญ่อยู่ที่อาณาจักรผีดิบนั่น...เข้าใจในตัวตนและงานของใหญ่...แท้จริงแล้วใหญ่เพียงมาปรนเปรอให้เขาใช่ไหม... นี่น่ะเหรองานบอดี้การ์ดอันยิ่งใหญ่ที่เล็กต้องอดทนรอด้วยความคิดถึงตลอดมา...



ผมได้ยินเสียงซ่าในห้องน้ำเดาว่าทั้งคู่คงได้อาบน้ำใต้ฝักบัวเดียวกันสมใจอยากแล้ว แต่ผมคงคิดน้อยไป...นั่นเป็นแค่การล้างตัว การอาบน้ำให้โรแมนติกและแนบแน่นจริงๆมันต้องลงอ่างต่างหาก


“ถอดผ้าเสร็จแล้วก็ตามลงมาสิ” คำสั่งเสียงหวานที่ทำให้ผมต้องหลับตาลงอย่างไม่อยากจะรับรู้อะไรอีก แต่ไม่มีประโยชน์อันใดเลยในเมื่อหูผมยังทำหน้าที่ได้ดีอย่างไม่บกพร่อง ทำไมนะหูมันถึงไม่หนวกตามปากที่พูดไม่ได้ไปซะเลย


จ๋อม


เสียงน้ำกระเพื่อมไหวล้นออกขอบอ่างให้รู้ว่าได้มีวัตถุมวลใหญ่เพิ่มลงไปแล้ว จะเป็นอะไรไปได้นอกจาก...เสี่ยวสือ


ถึงเสียงจากภายในห้องน้ำจะได้ยินเบากว่าด้านนอก แต่ผมก็ยังได้ยินและทุกคำมันช่างวนเวียนอยู่ในสมองผมอย่างชัดเจน


“มา...ฉันช่วยสระผมให้”


“ไม่เป็นไรครับ หันหลังเถอะ ผมจะถูหลังให้”


เงียบผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงดังขึ้นมาอีก


“พอแล้ว” เสียงน้ำกระฉอกออกจากขอบอ่างอีกครั้ง “เสี่ยวสือ...จูบฉันหน่อย”


“...” ร่างกายผมชาวาบถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียงอะไรตอบกลับมาเลยก็ตาม


แล้วจะต้องเอ่ยอะไรอีก เมื่อนาทีต่อมาเสียงครางเครือก็เพียงพอแล้วที่ผมจะเข้าใจในทุกสิ่ง


“อ๊ะ อืมม ปะไปที่เตียงเถอะ”


ฟึ่บ


ตึก


โครม


แล้วเสียงเล่นรักก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง คงจะเร่าร้อนกันมาตลอดทางเดินจนถึงเตียงนอน หลังจากนั้นก็มีแต่เสียงครางระงมอย่างสุขสมของคนทั้งคู่ประสานกับเสียงเนื้อหนังสัมผัสกระทบกันอย่างน่าสมเพช


“อ๊ะ ตะตรงนั้น...บี้แรงๆ อ่ะอื้มมม”


“อ่ะ อา”


ฟึ่บๆๆๆ


...เป็นผมเองที่น่าสมเพช...


เขาทั้งคู่จะรู้ไหมว่าในขณะที่ร่วมรักกัน ผม...ผมที่อยู่ตรงนี้ร้องไห้จนตัวสั่นสะท้าน ร่างทั้งร่างค่อยๆไหลไปตามผนังลงไปนอนกองกับพื้นปูนอีกครั้ง มือสองข้างยกปิดหูพร้อมทั้งคุดคู้หนีความหนาวยะเยือกที่แผ่กระจายไปทั่วกาย ร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด...


ผมเข้าใจคำความหมายว่า ‘ทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็น’ ของคุณเฟยเฟิ่งแล้ว


ผมอยากจะค้าน...เพราะตอนนี้ผมรู้สึกมากกว่านั้นเสียอีก


ความไว้ใจ เชื่อใจ และความรักที่ผมมีให้เขาถูกย่ำยีและเหยียบซ้ำๆจนมันแหลกสลายเป็นผงธุลี


ไม่ใช่เพียงแค่หัวใจที่ถูกกรีดลึก...แต่ทุกตารางนิ้วของร่างกายก็ถูกเขาทำลายลงจนไม่เหลือชิ้นดี



ที่ใหญ่ไม่เคยบอกรักเล็กเลยเป็นเพราะอย่างนี้เองสินะ




ต่อด้านล้างค่ะ

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรที่ผมนอนฟังเสียงสุขสมของคนทั้งคู่ ถึงจะเจ็บปวดทรมานเจียนตายแต่ก็ต้องขอบคุณช่วงเวลาเหล่านั้นที่ทำให้ผมคิดได้


อย่างที่เขาว่ากันว่า...เมื่อเราผ่านวินาทีแห่งความตายมาแล้ว เราจะเห็นค่าของชีวิตตัวเองที่คงอยู่...และผมก็เป็นเช่นนั้น


ผมปรารถนาชีวิตที่เป็นสุขหลังจากนี้ ผมไม่ต้องการตายไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน


ผมต้องรอดกลับไปหาอ้อมกอดของคนที่รักผมอย่างแท้จริง ต้องรอด..


ผมเรียนรู้ที่จะครองสติภายใต้ความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจมากมายที่เข้าถาโถม ตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่ง พลันมือก็ควานสะเปะสะปะในความมืดไปตามพื้นเพื่อสำรวจทางและเผื่อจะเจออะไรที่ทำให้ผมหลุดพ้นไปจากที่แห่งนี้ได้


กึก


มือผมชนเข้ากับบางอย่าง ผมรีบคลานสี่ขาเข้าไปคลำทั่วจนรู้ว่ามันคือกระเป๋าสะพายของผมเอง ผมคว้ามันขึ้นมาพลางเปิดมันด้วยมืออันสั่นเทา ล้วงมือเข้าไปควานหาโทรศัพท์มือถือแล้วสักพักผมก็เจอสิ่งที่ต้องการ...ขอบคุณพระเจ้า...


ผมคว้าเจ้าเครื่องสี่เหลี่ยมขึ้นมาแล้วกดปุ่มวงกลมหนึ่งเดียวบนหน้าจอไอโฟนจนแสงไฟสว่างวาบขึ้น ตัวเลขหน้าจอบอกเวลาเที่ยงคืน ผ่านไปสามชั่วโมงเองหรือ ทำไมมันช่างนานแสนนานในความรู้สึกผมซะเหลือกิน


แสงสว่างจากเครื่องมือสื่อสารทำให้ผมมองเห็นห้องโดยรอบกักขังผมไว้ สองแขนยึดผนังไว้เพื่อพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน พื้นปูนขึ้นเมือกตะไคร่เขียวครึ้ม กลางห้องมีหลอดไฟหนึ่งดวงที่มองไปตามแนวสายไฟจะเห็นสวิตซ์อยู่ชิดกับขอบประตูซึ่งทำจากเหล็ก


แต่ทุกอย่างคงไม่เท่าเพดานสูงกว่าศีรษะผมเพียงแค่หนึ่งคืบเท่านั้น อย่างที่ถ้าผมเขย่งเท้าศีรษะก็จะชนกับเพดานพอดี


อย่างนี้สินะ ผมถึงได้ยินเสียงชัดนัก


แต่แล้วขีดสีแดงมุมขวาของหน้าจอก็เรียกความสนใจของผมกลับมา เตือนบอกว่าแบตเตอรี่เหลือเพียงห้าเปอร์เซ็นต์ ผมมีเวลาไม่มากแล้ว ผมจะทำยังไงดี...โทรหาพ่อแม่อย่างนั้นเหรอ...ไม่ ผมจะต้องกลับไปกราบท่านทั้งสองด้วยตัวเอง จะไม่ให้ท่านต้องมาทุกข์ใจกับสิ่งที่ผมเผชิญอยู่


หนีออกไป...ไม่มีทางเป็นไปได้เลย นอกประตูเหล็กผมมั่นใจว่าจะต้องมีกุญแจดอกใหญ่เพื่อคุมขังผมไว้ ไหนจะเหล่าบอดี้การ์ดที่อยู่ทั่วทุกบริเวณเพ่นพ่านยิ่งกว่าแมลงสาบ


ผมจะทำอย่างไรให้ห้าเปอร์เซ็นต์ที่เหลืออยู่คุ้มค่ามากที่สุด...ใครพอจะช่วยผมได้บ้าง...


ในฮ่องกงคนเดียวที่ผมไว้ใจและเป็นห่วงผมมากที่สุดคงไม่พ้น...ใช่!! เยว่ซิน!!


ผมกดหาเบอร์ที่เมมไว้ ก่อนออกมาจากอาณาจักรจิ่นเยว่ซินได้ให้เบอร์ติดต่อผมเอาไว้ นี่ไง! เจอแล้ว!


นิ้วกำลังจะสัมผัสปุ่มโทรออก แต่...ผมพูดไม่ได้ เสียงผมไม่มี


“อ่ะ...” ผมพยายามเปล่งเสียงเผื่อเวลาที่ผ่านไปจะทำให้เสียงของผมคืนมาบ้าง แต่ไม่เลย มันยังแหบแห้งและไร้ซึ่งเสียงใดๆเหมือนเดิม


ทางออกสุดท้ายที่ผมพอคิดออกตอนนี้คงมีแค่ส่งข้อความไป


‘ช่วยฉันด้วย คุณเฟยเฟิ่งจะฆ่าฉัน ตอนนี้เขาจับฉันไว้ใต้ห้องส่วนตัวของเขา....หมิงจิว’


ยังถือเป็นโชคดีอยู่บ้างหรือเปล่าผมไม่แน่ใจที่ผมกดส่งเสร็จหน้าจอก็ดับสนิททันทีในวินาทีถัดมา


เยว่ซิน ขอร้อง ตอนนี้เธอคือที่พึ่งทางเดียวที่ฉันเหลืออยู่




ทุกอย่างตกอยู่ในความมืดอีกครั้ง ผมจึงพยุงตัวคลำทางไปยังสวิตซ์ไฟ ดีตรงที่ห้องนี้ไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งกีดขวางอยู่เลยทำให้การเดินไม่ลำบากมากนัก นอกจากระวังเรื่องการลื่นล้มเท่านั้น


เปาะ!


ไม่ติด!


เปาะ! เปาะ!


ผมลองกดเปิดปิดสวิตซ์ไฟอีกครั้งแต่ผลก็ยังเหมือนเดิม ห้องยังมืดสนิท ผมจึงเริ่มค้นกระเป๋าตัวเองอีกครั้งเพื่อหวังว่าจะมีสิ่งที่ผมยัดใส่มาจะมีอะไรพอเป็นแสงได้บ้าง


ตุบ


บ้าเอ๊ย!!


ผมนั่งยองลงควานมือเก็บของที่ร่วงลงจากกระเป๋าที่ผมเผลอคว่ำลง ของหล่นกระจายจนผมต้องใช้มือกวาดรวบเข้าหาตัว และก็ต้องเงยหน้าขึ้น หยีตามองเมื่อรู้สึกว่ามีแสงสว่างรำไรให้ผมพอมองเห็นเลือนรางจากบางสิ่งที่เปิดกางอยู่บนพื้น


ผมค่อยๆคลานเข่าเข้าไปหาเจ้าสิ่งนั้น และก็ต้องตะลึงค้างเมื่อแสงสีทองเรืองรองมาจากหนังสือคัมภีร์อาหารยอดยุทธ์ที่ผมพกไว้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ แต่ไม่ใช่จากตัวอักษรจีนที่ผมเห็นจนชินตา


ผมหมุนหนังสือให้กลับหัวลงจากปกติ...และกวาดตามองตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เรืองแสงทั่วหน้ากระดาษอย่างประหลาดใจ


ไม่รู้สวรรค์ลิขิตหรือกำหนดให้หน้าหนังสือที่กางออก เป็นใจความที่สะกิดใจผมอยู่พอดี


แปลเป็นไทยได้ว่า...



กำจัดความเป็นชายของเชื้อสายที่เป็นชายให้หมดสิ้น รักษาเพียงผู้จะเป็นใหญ่ในภายหน้าเพียงเท่านั้น เพื่อป้องกันการแย่งชิงอำนาจสืบต่อไป



และยังมีอีกหลายข้อที่เริ่มต้นย่อหน้าบรรทัดใหม่อย่างเช่นหน้าที่หลักๆของประมุขตระกูลเฟย กฎการเลือกคู่ครอง และทุกๆหน้าที่เปิดดูจะมีอีกหลายร้อยกฎที่ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก


แต่เชื่อเถอะ สิ่งที่ผมสนใจมีแค่ข้อความด้านบน


มันหมายความว่ายังไงกันแน่...


ฟึ่บ!


ผมรีบพลิกปิดหนังสือเพื่อดูปกหน้า และก็เป็นอย่างที่คาดไว้ บนปกที่เคยมีอักษรจีนตัวใหญ่อยู่ตรงกลางบัดนี้กับถูกความมืดดูดกลืนบดบัง หากแต่สิ่งที่ปรากฏคือตัวอักษรภาษาอังกฤษเรืองรองเล่นแสงเช่นเดียวกับข้อความด้านใน


แท้จริงแล้วมันคือหนังสือกฎของบ้านตระกูลเฟยหรือนี่ ช่างทำได้แยบยลยิ่งนัก เล่นเอาคนธรรมดาอย่างผมมึนไปเลย


คนตระกูลยิ่งใหญ่เก่าแก่เขามีความลับซับซ้อนกันขนาดนี้เชียว บ้านของผมก็มีกฎบ้านนะแต่ต่างกันตรงนี้แม่ของผมเขียนลงกระดาษแผ่นใหญ่แล้วติดไว้กลางบ้านให้ทุกคนได้เห็นอย่างชัดเจน


แล้วก็ไม่ใช่กฎพิลึกกึกกือเช่นนี้ด้วย


แกร๊ก!


“$&^%(*)!”


เสียงหน้าประตูทำให้ผมรีบพุ่งตัวไปนั่งทับหนังสือไว้ แต่ก็ช้าไปเสียแล้วเมื่อหญิงชราที่ก้าวเข้ามาพร้อมตะเกียงในมือรีบวางมันลงบนพื้นห้องแล้วเข้ามาดึงร่างผมออก


เมื่อเขาเห็นหนังสือที่พอมีแสงสว่าง สิ่งที่เคยเรืองรองก็เข้าซ่อนเร้นและกลับมาเป็นหนังสือคัมภีร์อาหารยอดยุทธ์เล่มเดิม แต่ดวงตาโปนใต้ตาหย่อนคล้อยคู่นั้นยังเบิกกว้างมองมันและยกนิ้วขึ้นชี้อย่างสั่นระริก


“%#$$&^^*(()&%$” เขาพูดภาษาที่ผมไม่เข้าใจ แต่ผมจับน้ำเสียงที่ดูหวาดกลัวได้


ผมส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่เข้าใจ อ้าปากพะงาบๆให้เขารู้อีกว่าผมพูดไม่ได้ เมื่อนั้นเขาจึงปรับใบหน้าให้ลดความตระหนกลงแล้วเริ่มรื้อหาของในตะกร้าไม้สานที่ผมเพิ่งสังเกตเห็น


เหมือนเขาจะเจอสิ่งที่ต้องการแล้ว ขวดสีชาใบเล็กถูกยื่นมาตรงหน้าทำท่าทางว่าให้ผมดื่มมันเข้าไป ผมกระถดตัวถอยหลังอย่างหวาดระแวง มันเป็นยาพิษหรือเปล่า เขาจะฆ่าผมเหรอ


คิดได้ผมก็ยิ่งกระถดตัวหนีไปไกลขึ้น ถึงจะรู้ว่าหนีไปก็ไม่มีประโยชน์กับพื้นที่สี่เหลี่ยมแค่นี้ แต่สัญชาตญาณมันก็บอกให้ผมหนี


ตึก ตึก


ยิ่งผมถอย สองเท้าก็ย่างก้าวเข้ามาเรื่อยๆ


“อื้อ! อื้อ!” ผมสะบัดหน้าหนีเมื่อมือเหี่ยวย่นจับใบหน้าผมเพื่อจะกรอกของเหลวในขวดเข้ามาในปาก มือสองข้างยกขึ้นปัดป้องพัลวัน จนสุดท้าย...


เพี้ยะ!!


ฝ่ามือย่นตบลงบนแก้มซีกซ้ายจนหน้าสะบัด ผมเงยหน้าขึ้นมองเตรียมจะปกป้องตัวเองอย่างเต็มที่ต่อไป แต่เขาก็ไม่ได้ทำร้ายผมอย่างที่คาด กลับกัน...เขายกขวดสีชาขึ้นดื่ม...กลืนลงไป...ถอนขวดออกจากริมฝีปาก...และมองสบตาผม...เหมือนบอกว่ามันไม่ใช่ยาพิษ...


ผมยังมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง แต่ก็ยื่นมือไปรับขวดสีชาอย่างระแวดระวัง มองขวดในมืออย่างไม่แน่ใจ หันไปสบตาหญิงชราอีกครั้งที่ทำท่าทางให้กระดกมันเข้าไป มองขวดในมือ แล้วสุดท้ายก็ตัดสินใจดื่มมัน


ของเหลวในขวดไหลผ่านริมฝีปาก ผมอมมันไว้พักหนึ่งอย่างไม่กล้า จนโดนตบปากไปทีนั่นแหละถึงยอมกลืน


ผมหลับตาปี๋รอรับปฏิกิริยาที่จะเกิดขึ้น นั่นไง...เริ่มคันยิบๆใบปาก ลามไปในลำคอ และก็รู้สึกแสบๆที่ลิ้นปี่


“อึก”


“ลองพูดสิ” หญิงชราเอ่ยเสียงแหบต่ำเป็นภาษาไทย ผมเบิกตากว้าง ก่อนค่อยๆเปล่งเสียงตามที่บอก


“คะคุณ แค่กๆ พูด ทะไทยได้...” หญิงชราพยักหน้า ซึ่งผมไม่ได้สนใจไปกว่าเสียงของตัวเอง ถึงมันจะแหบแห้งแต่ผมก็ยังดีใจที่สุดท้ายสามารถพูดได้แล้ว


“ได้หนังสือเล่มนี้มาได้ยังไง” หญิงชราถามทันทีเมื่อแน่ใจว่าสื่อสารกับผมได้แล้ว


ผมยังปิดปากเงียบ คนที่นี่น่ากลัวเกินกว่าจะไว้ใจ ผมไม่อยากจะเอ่ยปากเล่าอะไรทั้งสิ้น


“คุณจิ่นตั้งให้ฉันมาช่วยเธอ” ผมนิ่ง จริงเหรอ...เยว่ซินเห็นข้อความแล้วให้บอกให้คุณจิ่นตั้งมาช่วยผมเหรอ


ผมจะเชื่อหญิงชราตรงหน้าได้อย่างไร


“เธอจะเชื่อหรือไม่ก็เรื่องของเธอ ใช่ว่าจะมีทางเลือกมากมายหรอกนะ” สายตาภายใต้เปลือกตาอันหย่อนคล้อยมองมาที่ผมอย่างเยาะเย้ย ผมเม้มริมฝีปากแน่น นั่นสิ...ใช่ว่าผมจะมีทางเลือก อยู่ก็ตาย ดังนั้นเลือกไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า


ผมมองไปบนฝ้าเพดานอย่างไม่แน่ใจ


“พวกเขาไม่ได้ยินหรอก หลับเป็นตายเลยล่ะ” มันเพลียขนาดที่มีคนย่องเข้าห้องยังไม่รู้ตัวเชียวหรือ หึ คงจะเร่าร้อนกันมากสินะ


ผมกระพริบตาไล่น้ำตาที่คลอหน่วง ปัดความคิดฟุ้งซ่าน แล้วมาสนใจหญิงชราที่ถือไพ่เหนือกว่าผม


“ใหญ่...ไม่สิ ของจิ่นสือ” ความจริงใหญ่เก็บเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าที่ห้องส่วนตัวของเขา แต่ผมแอบหยิบมาอย่างรู้สึกว่าผูกพันกับมัน


“เธอคือ...คนรักคนไทยที่เขาพูดถึงกัน”


ผมพยักหน้ารับ


“ไปอยู่บ้านจิ่นมาใช่ไหม”


ผมพยักหน้าอีก


“รู้จักผู้หญิงในรูปนี่ไหม” แล้วเธอก็ล้วงเข้าไปในหน้าอกแล้วหยิบภาพถ่ายใบหนึ่งยื่นมาให้ผมดู


“เยว่ซิน...” ผมพูดชื่อเด็กสาวในภาพออกมา ถึงจะดูเด็กกว่าตัวจริงมากโข แต่ผมก็จำโครงหน้าได้รูป จมูกเชิดรั้น ริมฝีปากบางเฉียบ และดวงตาแววหวานคู่นี้ได้


หญิงชรามีสีหน้าอ่อนโยนขึ้น รอยยิ้มบางแสนเศร้า พร้อมกับฝ่ามือเหี่ยวย่นที่ลูบไปยังใบหน้าของคนในภาพอย่างทะนุถนอม “เยว่ซินงั้นเหรอ...”


“คุณรู้จักหรือครับ แค่ก”


“ไม่ใช่เรื่องของเธอหรอก ตอนนี้เธออยู่ในชั้นใต้ดินของห้องคุณชายเล็ก ฉันจะพาเธอออกไป เครื่องบินส่วนตัวของประมุขเฟยรอพาเธอกลับเมืองไทยอยู่ด้านหลังเพนท์เฮ้าส์ อ้อ แล้วอย่าลืมคืนหนังสือเล่มนี้ให้คุณจิ่นตั้งด้วยล่ะ”


หญิงชราปรับโหมดกลับมาเป็นแม่มดใจร้ายดังเดิมก่อนไปหยิบตะเกียงแล้วเข้ามากระชากแขนซ้ายของผมให้ลุกขึ้นพลางยื่นตะกร้าให้ผมถือ


“ในตะกร้าเป็นยารักษาที่เธอจำเป็นต้องมี ทานให้ตรงเวลาที่เขียนกำกับไว้ ไม่อย่างนั้นเธอเน่าทั้งตัวแน่”


“คะคุณเฟยหลง...เขา...” จะช่วยผมอย่างนั้นเหรอ ในเมื่อเขาดูท่าจะรักน้องชาย แล้วน้องของเขาก็อยากฆ่าผมทิ้งเสียเต็มประดา


“เมื่อคุณจิ่นตั้งตัดสินใจช่วยเธอ นั่นแสดงว่าเธอก็มีประมุขเฟยคุ้มกะลาหัวแล้ว”
 



เธอช่วยผมออกมาจริงๆ ไม่ต้องหลบซ่อนหรือวิ่งหนีเหล่าบอดี้การ์ดทั้งหลาย เพียงแค่เดินออกมาทุกคนก็พร้อมจะหลีกทางให้เหมือนมีคำสั่งไว้ก่อนหน้าแล้ว จนมาถึงลานปูนกว้างด้านหลังเพนท์เฮ้าส์ คุณเฟยหลงและคุณจิ่นตั้งได้รออยู่บนเครื่องเรียบร้อยแล้วพร้อมกับบอดี้การ์ดอีกจำนวนหนึ่ง


หญิงชราประคองส่งต่อผมให้บอดี้การ์ดคนหนึ่งเพื่อให้พาผมขึ้นไปบนเครื่อง ผมมองหญิงตรงหน้าก่อนส่งยิ้มขอบคุณอย่างสุดซึ้ง


“ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริงๆ” ผมยกมือไหว้เธอหลายต่อหลายครั้ง และเพิ่งสังเกตเห็นว่าหลังมือตัวเองเป็นสีน้ำตาลเข้มจากรอยไหม้


“ฉันแค่ทำตามคำสั่ง แต่ถ้าเธออยากจะตอบแทน ไว้มีโอกาสเจอกันอีกครั้งเล่าเรื่องเด็กผู้หญิงในภาพให้ฉันฟังบ้างก็พอ” น้ำเสียงเธอไม่แข็งกระด้างเหมือนก่อนแล้ว ฝ่ามือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบศีรษะผมแผ่วเบา “ไปเถอะ ถ้าสองคนนั้นตื่นจะยุ่งเอา”


ใบหน้ามีอายุพยักหน้าเป็นเชิงให้บอดี้การ์ดพาผมขึ้นเครื่องไปได้แล้ว


สองคนที่ว่าคงหมายถึงคุณเฟยเฟิ่งและ...นายจิ่นสือ...ที่แม้ผมกับหญิงชราขึ้นบันไดจากชั้นใต้ดินมาโผล่ยังห้องนอนที่ทั้งคู่ทอดกายเกาะเกี่ยวกันกลมด้วยร่างเปลือยเปล่า เดินผ่านเตียงมายังประตูออกสู่ด้านนอก ทั้งคู่ยังไม่รู้สึกตัวตื่นเลย...


ผมถูกพาขึ้นมาบนเครื่องบินหรู โค้งขอบคุณคนทั้งคู่ ก่อนจะถูกคุณหมอนำตัวไปรักษาที่ส่วนท้ายของเครื่อง


ผมนั่งเอนอยู่บนเบาะนุ่ม เครื่องบินค่อยๆทะยานขึ้นเหนือพื้นดิน ผมมองผ่านกระจกออกไปด้านนอกที่ตอนนี้แสงสีส้มของพระอาทิตย์เริ่มทอแสงส่องสว่างยังเส้นขอบฟ้าต้อนรับเช้าวันใหม่


ประสบการณ์การมาต่างแดนในครั้งนี้ให้อะไรกับผมมากมาย


และคืนสุดท้ายของการอยู่ที่นี่ช่างนานแสนนานเหลือเกิน


ความเจ็บปวด ความโกรธแค้น ความเสียใจ คราบน้ำตา...และความรัก...ผมขอละทิ้งทุกอย่างไว้ ณ ที่แห่งนี้ ไม่ขอเก็บมันเป็นของฝากกลับไปด้วย..


ขอแค่ร่างกายและหัวใจกลับไปซ่อมบำรุงรักษาและเยียวยาด้วยตัวเองก็พอ





 :katai5: :katai5: :katai5: ตอนหน้าตอบจบแล้วค่าาาา
สุดท้ายขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่ยังติดตามชีวิตคุณคนเล็กกับนายตี๋ใหญ่ เอ๊ะ ไม่สิ ตอนนี้เขาเป็นจิ่นสือนี่เนอะ เชอะ  :katai1:
ขอบคุณทุกเป็ด ทุกความเห็นค่ะ มันคือกำลังใจที่บิ่งใหญ่มากๆค่ะ  :mew1: :pig4: :pig4: :3123:














ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6
ฮือ เกลียดได้ใหญ่แล้วววว :o12:

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
 :hao5:สงสารเล็ก
พาตี๋น้อยกลับไปด้วยนะ อย่าลืมสำคัญมาก :z3:

ออฟไลน์ canister

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
จะจบแล้วหรออออ

คุณเล็ก ฮือออออออ

 :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ actionmarks

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-44
อ่านตอนนี้แล้วทรมานมากอ่ะ เสียใจแทนเล็กจริง ๆ เมื่อเย็นอ่านเฮียโปรดไป ยังไม่ทำร้ายกันขนาดนี้ หมดแล้วจริง ๆ ความรู้สึกที่มี

ออฟไลน์ SungJimun

  • ♥ 끝까지준홍 ♥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โหยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ขอกระโดดยันหน้าอีคุณใหญ่ทีเถอะ  :z6:
คุณเล็กขา ตัดใจจากมันเถอะค่ะ คนมันไม่รักเราก็ปล่อยแม่งไป
หนอยแค้นแทนคุณเล็กเลย จะฆ่ากันยังไม่พอ นี่เล่นให้เจ็บปวดหัวใจแบบสุดๆก่อนตายอีก  :katai1:
กลับเมืองไทยเลยค่ะ ครอบครัวและเพื่อนๆที่แสนดีของคุณเล็กรออยู่นะคะ นั่นแหละถึงจะเป็นความรักที่แท้จริง

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
อ่านตอยนี้แล้วเจ็บดี     แต่ก็ชินกับการที่เขาคนนั้นนอกใจเพราะเขาเคยทำแล้ว

ไม่สิ บางทีเขาอาจจะกินกันมาก่อนหน้าที่พบเล็กแน่นอน

คิดไว้แล้วว่านังนั้นคือตัวร้าย  คิดมาตลอดแล้วก็จริง

ตอนจบไม่อยากให้เล็กคู่กับเขา   เพราะมันมากพอแล้ว  เขาไม่เคยรักเล็ก เขาแค่สงสารเล็กมากกว่า

นี้คือนิยายเรื่องแรกที่ตอนจบไม่อยากให้คู่กัน   ถ้าการจะรักกันลำบากขนาดนั่นก็อย่ารักกันเลย  เก็บทุกอย่างไว้เป็นความทรงจำพอ

เหตุผลที่ไม่เรียยกว่าใหญ่  เพราะใหญ่ของคนอ่านคนนี้ตายไปแล้วครับ

ออฟไลน์ Donaldye

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 563
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
ไม่อยากให้เล็กคู่กับ'มัน'
อยากให้มีผู้ชายดีๆมาดามใจเล็ก
เกลียดดดดดด

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
เกลียดใหญ่ละ ใหญ่หัดขัดขืนให้มากกว่านี้ได้มั้ย
บอกให้เล็กรอแต่กล้าทำแบบนี้ลับหลังไม่ละอายใจหรือไง
ถ้ารู้ว่าจะขัดขืนไม่ได้ก็ไม่ต้องบอกให้เล็กรอสิ แย่ที่สุด
อยากเห็น'จิ่นสือ'กระอักแบบปานตายยยย

มาต่อไวๆนะคะไม่ไหวแล้ว อยากอ่านต่อมากๆๆๆๆ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
แล้วตี๋น้อยล่ะๆๆๆๆ

ออฟไลน์ eye-lifestyle

  • พรุ่งนี้ไม่เคยมีจริง
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0

ออฟไลน์ สิสิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ maxzanaraks

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบมากๆเลย สนุก :)
มาต่อไวๆน้า หน่วงใจมากก อิอิ

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ห่ะ ตอนหน้าจบ

ไม่นะ ใหญ่กลายเป็นนายจิ่นสือไปเเล้ว
เเต่คนที่มีอะไรกับเฟยเฟิ่งอาจจะเป็นเเฝด บลาๆๆๆๆ


เป็นใครก็ไดที่ไม่ใช่ใหญ่
จะจบเเล้วหราาา
ไม่นะ T0T

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ทำไมใหญ่ทำแบบนี้หล่ะ?? :katai1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จริงหรือหลอกโปรดบอกกันที

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
ไม่รู้ว่าที่จินสือทำนั้น ทำไปเพราะสันดานเลวๆของตัวเองหรือเพราะมีเหตุผลข้ออ้างอะไรก็ตามแต่ บอกไว้เลยว่าเกลียดมาก อ่านไปก็เสียความรู้สึกไปพร้อมๆกับคุณเล็ก

4life

  • บุคคลทั่วไป
ยังจบไม่ด้ายยย จนกว่าอิใหญ่จะได้รับกรรมที่มันทำให้ผู้มีพระคุณเจ็บปวดเเบบเน้
เกลียดม๊านนนนนนนนนนนน เเหมเเล้วบอกให้เล็กรอ อิเห็ดสด คู่นอนเเกจะฆ่าเล็กเเกยังบกป้องไม่ได้ เเถมไม่รู้อีก

ออฟไลน์ Fujoshi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
รอตอนหน้าค่ะอยากอ่านต่อค้างงงง :katai1:

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
ดราม่าจัดเต็มจริงๆ  :a5: :a5: :a5:
ตอนจบมาไวไวนะคะ ตอนนี้เค้าจิตตกประหนึ่งเป็นคุณเล็ก  :hao5:

ออฟไลน์ Pnomsod

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
พูดไม่ออกกับสิ่งที่ใหญ่ทำจริงๆ

ออฟไลน์ actionmarks

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-44
ดราม่าจัดเต็มจริงๆ  :a5: :a5: :a5:
ตอนจบมาไวไวนะคะ ตอนนี้เค้าจิตตกประหนึ่งเป็นคุณเล็ก  :hao5:

จริงๆ so sad มากๆ ใจหายเลย กู่ไม่กลับแล้วจริงๆ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
คนแต่งทำเค้าร้องไห้ ดีนะที่ใกล้จบถ้าเป็นอย่างนี้ตั้งแต่กลางเรื่องคงเครียดตาย สงสารเล็ก
เอาความจริงมาบอกเร็วๆนะคนแต่ง

ออฟไลน์ dear77

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :sad4:    .......ต่อดวน อ่านแล้วเสียอารมณ์สุด ๆ เข้าใจใหญ่นะ เจ้าชีวิต แต่ถ้าไร้ปัญญาจะปกป้องคนที่ตัวเองรัก ก็อยู่กับผีเน่าและโลงผุไปเถอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด