Re: [เรื่องสั้น] รัก(เล่ห์)ร่อน...ของชายจรจัด [ตอนพิเศษ] UP++13/11/2014 P.61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] รัก(เล่ห์)ร่อน...ของชายจรจัด [ตอนพิเศษ] UP++13/11/2014 P.61  (อ่าน 442677 ครั้ง)

ออฟไลน์ ohho99

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
อ่านเรื่องนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก วันนี้เป็นสมาชิกแล้วของเม้นต์หน่อยนะคะ
เป็นเรื่องที่สนุกมาก คาดเดาไม่ได้ เรื่องลื่นไหล ภาษาสวย
เห็นได้เลยว่านิยายที่ดีไม่จำเป็นต้องหยาบคาย (เรื่องนี้มีคำหยาบไม่เกิน 10 คำ)
และนิยายที่ดีไม่จำเป็นต้องมีฉาก nc มากมาย (แม้ว่าคนอ่านจะชอบก็ตาม หุหุ)

จะมาขัดใจแฟนคลับก็ 2 ตอนท้ายนี่ล่ะค่ะที่ทำร้ายจิตใจคุณเล็กกับคนอ่านเหลือเกิน
สำหรับคุณเฟยเฟิ่ง ก็น่าสงสารนะคะ ถ้าเป็นจริงอย่างที่เขาเล่ามา
เป็นใครก็ไม่อยากเสียคนรักไป ยิ่งผูกพันกันเป็นสิบปีด้วย แถมโดนกฎของตระกูลอีก

คงต้องรอคนแต่งมาเฉลยความจริงในตอนหน้า
มาต่อไวๆนะคะ รออ่านอยู่ค่ะ

ให้กำลังใจคนแต่งค่ะ ^^

ออฟไลน์ narunarutoboyz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
เฟยถูกตอนเหรอ????......ก็ไม่รู้สินะ

แต่ถ้าเล็กเห็นว่าเป็นใหญ่ที่นอนอยู่บนเตียงตอนหนี ก็คงไม่มีอะไรจะพูดอีก
รับไม่ได้ น่ารังเกียจที่สุด ตอนความจำเสื่อมเราก็พยายามคิดที่ใหญ่บอกว่ารักใครไม่ได้ อาจเป็นเพราะหน้าที่การงาน
ตอนเราเม้น เราจำได้เลย ว่าเราหวังว่ามันคงไม่ใช่ใหญ่มีซัมติงกับเฟย เเต่สุดท้ายก็มีจริงๆ
sex เนี่ย....ถ้าก่อนหน้าที่เค้ามาเจอเรา เค้าจะมีใครไม่ว่านะ แต่หลังจากมีเราเเล้วยังไปมีกับคนอื่นอีก
อันนี้รับไม่ได้ว่ะ เออ ถ้าเล็กให้ไม่ได้ก็ว่าไปอย่าง นี่อะไร
เพราะฉะนั้นจะด้วยเหตุผลอะไร มันก็ทำใจไม่ได้ รับไม่ได้ ไม่อยากให้คู่กันเเล้ว เเต่เล็กเเม่งเป็นคนดีไง
พอใหญ่มีเหตุผล108 มาง้อนิด บอกรักหน่อย เดี๋ยวก็ใจอ่อน สุดท้ายก็มาคู่กันอยู่ดี โวะ!!!!!  :o211:


เป็นกำลังใจให้คนเเต่งรวมเล่มในเร็วพลัน....อิอิ :กอด1:

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
 :L1: :L1: :L1: :L1: มารอบทสรุปคุณเล็กครับผม

ออฟไลน์ mamiya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
ยังรอตอนจบอยู่นะคะ มันค้างอย่างแรง อยากอ่านแล้วจ้าคนเขียนรีบ ๆ มาต่อเร็ว ๆ นะคะ

ออฟไลน์ leefever

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนหน้าจบ!!!
ขออย่าให้เป็น bad end เลยย

ออฟไลน์ actionmarks

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-44
จะบอกว่า ถ้าตอนจบมาลง จะยังไม่อ่านทันมี รออ่าน comment คนอื่น ๆ ก่อน เพราะว่าตอนที่แล้วอ่านแล้วเฟลไปเลย ทำใจไม่ได้ ใจหวิว ๆ ไป 3  วันเลย นอนก็ยังคิดอยู่ เสียใจ ผิดหวังจนไม่รู้จะพูดยังไงดี ถ้าเป็นเล็กก็คงทำใจไม่ได้เหมือนกัน เจ็บอ่ะ เจ็บจริง ๆ

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
ตอนหน้าจบ!!!
ขออย่าให้เป็น bad end เลยย
ใช่เบยๆ เหงด้วยอย่างแรง  :o211:

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
ขอคุณเฟยหลงเป็นพระเอกแทนได้ป่ะ แบบว่าเซ็งใหญ่มากอ่ะ

sweet98

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาบอกว่า รอตอนจบอยู่นะจ๊ะ

ออฟไลน์ yanggi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ยังรออยู่นะคะ  อยากอ่านตอนจบ :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ loveaaa_somsak

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-3
เข้ามารอตอนจบ

ออฟไลน์ lolitar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เข้ามารอตอนจบเหมือนกัน T^T

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ mamiya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
ยังรอตอนจบอยู่นะคะ คนเขียนลืมคนอ่านไปแล้วรึยัง คนอ่านคิดถึงคุณเล็กแล้วจ้า

pooy

  • บุคคลทั่วไป
รอแล้วรออีกเมื่อไหร่จะมาลงคราฟๆๆๆ   :hao7: :ling1: :hao5: :katai4:

ออฟไลน์ dariganae

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
บอกได้คำเดียวค่ะ.....
นี่มันอัลลายยยยยยย~~~~

ออฟไลน์ heroza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ณ จุดๆใครทำอะไรใว้ก็ขอให้รับกรรมก็แล้วกัน

ตอนนี่ไม่หวังให้คุณอดีตตี๋ใหญ่มีความสุขในตอนจบแล้วละจะไปตายหรือโดนทำให้เจ็บบ้างก็ไม่สงสาร

แต่ขอให้เล็กหลุดพ้นจากความเลวร้ายนี่ก็พอ

ปล.คนแต่งคะ ขอ กอดทีค่ะชอบเรื่องนี่จริงๆ ปกติเรื่องสั้นส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาแคบๆ แต่เรื่องนี่สิครบทุกแบบจริงชั่งแตกต่างๆ รอติดตามค่ะ

ออฟไลน์ fiixtion

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รอตอนจบ อย่างได้อารมณ์  :katai1:

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5

เร่ร่อน20





หนึ่งปีผ่านไป


“คนเล็ก!”


ผมหันไปมองตามเสียงเรียก


 “แฮ่ก มาอยู่นี่เอง” เจ้าของเสียงวิ่งย่ำเหยาะลงบนเนื้อทรายสีขาวละเอียดก่อนหยุดปลายเท้าลงตรงหน้า “พี่ตามหาให้ทั่ว”


พี่ไมล์นั่งลงข้างๆ และทันทีผมก็เอนศีรษะซบไหล่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของพี่ชายคนรอง เอามือจับๆตรงกล้ามเนื้อแขนเล่น พี่ชายใครน้าหุ่นก็ล่ำหน้าก็หล่อ


“ก็...เบื่อ” ตามด้วยถอนหายใจอีกเฮือกให้รู้ว่าเบื่อจริงๆ


“ไอ้คุณจริตนั่นมาตอแยอีกแล้วเหรอ”


“เขาชื่อประกิตต่างหาก”


“ก็นั่นแหละ แล้วใช่อย่างที่พี่พูดไหม”


“อืม” ผมพยักหน้า คุณประกิตหรือคุณปรนเป็นลูกชายเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังของจังหวัดชลบุรี และเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท น้ำปลารสเอก จำกัด ของพวกเราด้วย


เมื่อห้าเดือนก่อนผมเจอกับคุณปรนจากการไปประชุมเรื่องการจัดโปรโมชั่นของสินค้า และก็นั่นแหละ...ไม่รู้ว่าส่วนไหนของผมไปกระแทกตาเข้าเลยตามจีบผมอย่างออกนอกหน้าประหนึ่งผมเป็นหญิงสาวสวยหยาดเยิ้ม


ได้ข่าวว่าผมเป็นผู้ชายและเขาก็เป็นผู้ชาย ดีนะที่ครอบครัวผมรับรู้เรื่องรสนิยมทางเพศของผมแล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องเป็นลมล้มพับกันแน่ๆที่มีผู้ชายมาตามจีบคนเล็กของบ้าน


“เขาก็ดูจริงใจ หน้าตาก็ดี ทำไมถึงไม่ชอบล่ะหืมม”


“พี่อยากให้น้องคบกับเขาเหรอ”


“ก็ไม่อ่ะ พี่หมั่นไส้มัน เก๊กหล่อ”


“เขาก็หล่อจริงๆนิ”


“แน๊! แล้วที่นั่งอยู่ตรงนี้หล่อสู้ไม่ได้ตรงไหน” พี่ไมล์ผลักศีรษะผมที่วางบนไหล่อย่างน้อยใจ ผมเลยใช้สองมือยึดเอาไว้แน่น พลางขืนศีรษะไว้สุดฤทธิ์ แล้วพูดจาเอาใจพี่ชายขี้ใจน้อย


“ใครจะมาสู้พี่ชายของผมได้ล่ะ คนเนี้ยหล่อที่สุดแล้ว” แล้วพี่ชายบ้ายอจะต้านทานไปไหนได้ นอกจากนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างหลงตัวเอง


“เปิดใจบ้างนะคนเล็ก” แล้วยิ้มกว้างของผมก็ค่อยๆหุบลงเรื่อยๆเมื่อน้ำเสียงจริงจังแฝงความห่วงใยอย่างชัดเจนกับฝ่ามือหนาอบอุ่นที่เอื้อมมาลูบศีรษะผมอย่างอาทร “ตั้งแต่เรากลับบ้านมาก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานกับหมกตัวอยู่กับบ้าน หรือไม่ก็มานั่งเหม่อลอยอยู่ที่หาด บอกตามตรงว่าพี่เป็นห่วง ออกไปเที่ยวเล่นเปิดหูเปิดตา ใครเข้ามาดูไว้บ้างก็ไม่เสียหาย ถึงพี่จะหวงน้องแต่ก็ไม่อยากให้เกาะคานไปจนตายหรอกนะ”


ถึงท้ายประโยคจะแฝงความหยอกเย้าเอาไว้แต่โดยรวมแล้วมันกลับกระทบความรู้สึกบางอย่างตีตื้นเข้ามาในอกจนต้องกดมันให้ลึกลงไปสุดใจเช่นเดิม


“น้องยังไม่อยากมีแฟนนี่นา อยากอยู่กับพ่อแม่พี่ชายไปอีกนานๆ อีกอย่างยังไม่อยากให้พ่ออายที่ควงผู้ชายเข้าบ้าน”


“หึๆ ก็พูดไปเรื่อย ป่ะ กลับบ้านกันดีกว่า หาดจะปิดแล้ว แม่รอกินข้าวเย็นด้วย” พนักพิงจำเป็นของผมลุกพรวดขึ้นก่อนดึงแขนฉุดให้ผมลุกตาม ใช้อีกมือปัดก้นเอาเม็ดทรายที่ติดกางเกงออก แล้วเดินจูงมือกวัดแกว่งกันไปขึ้นรถ พอถึงก็ปล่อยมือแยกกันขึ้นรถคนละคันของใครของมัน


รถเบนซ์สีดำขลับของพี่ไมล์ขับออกไปแล้ว ส่วนผมยังนั่งอยู่ในรถนิสสันมาร์ชสีขาวคันเดิม สองมือที่จับพวงมาลัยปล่อยลู่ลงอย่างคนหมดแรงพร้อมกับแผ่นหลังที่เอนพิงบนเบาะอย่างเหน็ดเหนื่อย


...คิดถึงเขาอีกจนได้...


หลังจากผ่านเหตุการณ์อันเลวร้ายในคืนนั้น ช่วงสายของวันรุ่งขึ้นจิ่นตั้งก็พาผมมาส่งยังคอนโดหลังจากที่คุณเฟยหลงเข้าไปพักในโรงแรมแล้ว


หนึ่งสัปดาห์ต่อจากนั้นผมยังจำได้ถึงความทรมานในห้องสี่เหลี่ยมที่อบอวลไปด้วยความทรงจำของเราสอง หลอกหลอนผมแม้ยามหลับตื่น จะหนีไปก็ไม่ได้เพราะต้องเก็บตัวอยู่ในห้องเพื่อรักษาแผลตามร่างกายของตัวเองให้หายดีก่อน ขืนออกไปทั้งอย่างนี้ชาวบ้านคงตื่นตระหนกกับคนอวดผีที่ตามร่างกายเต็มไปด้วยแผลพุพองและผิวหนังสีน้ำตาลย่นจากรอยไหม้


แล้วตัวคนเดียวอย่างนี้จะไปพึ่งพาใคร บอกที่บ้านก็ไม่ได้อีก สุดท้ายก็ได้ไอ้ปอนด์กับพิณมาคอยดูแล พิณน่ะไม่เท่าไหร่ช่วยดูแลป้อนข้าวป้อนยาปกติ แต่ไอ้ปอนด์นี่สิเจอหน้าผมก็ก่นด่าไปถึงบรรพบุรุษของเขาซ้ำยังจะบอกทางครอบครัวผมให้ได้


ผมต้องขอร้องอ้อนวอนแล้วระเบิดความอัดอั้นอีกรอบพร้อมหลั่งน้ำตามันถึงจะยอม


แล้วหลังจากสภาพร่างกายผมหายดีบวกกับละอายใจเกินกว่าจะกลับเข้าไปทำงานในบริษัทอีก แน่ล่ะ...หายไปร่วมครึ่งเดือน จึงตัดสินใจกลับบ้านที่พึ่งพิงทางใจเดียวของผม เข้าไปกราบเท้าพ่อแม่ กอดพี่ชายทั้งสอง แม้ทุกคนจะสงสัยในท่าทีของผม แต่ก็ไม่คาดคั้น มีแต่ความยินดีกับการกลับบ้านของผมในครั้งนี้...ความยินดีที่แผ่ออกมาให้อุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ


แล้วผมก็เข้าไปช่วยงานที่บริษัทน้ำปลารสเอก กิจการหลักของครอบครัว ใช้ชีวิตเรื่อยๆอย่างเรียบง่าย แม้ในบางช่วงเวลาจะรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจ แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป และต้องดำเนินต่อไปอย่างมีความสุข...ผมบอกตัวเองเช่นนั้น...สักวัน...สักวันผมต้องมีความสุขให้ได้อย่างแท้จริง...


...ถึงแม้เวลาหนึ่งปีที่ผ่านมามันจะยังไม่พอจะเยี่ยวยาก็ตามที...


ไม่ใช่ผมปิดกั้นตัวเอง...แต่จะให้ผมทำเช่นไร เมื่อความรู้สึกผิดมันเกาะกุมหัวใจเมื่อคิดจะเปิดใจให้ใครสักคนเข้ามา...รู้สึกผิดกับคนที่มีใจเมื่อข้างในผมยังมีใครอีกคนจับจองอยู่ทั่วทุกตารางพื้นที่...รู้สึกผิดกับเขาคนนั้นถ้าผมจะรับใครเข้ามาแทนที่...เพราะแม้เขาจะทำเลวกับผมแต่สิ่งดีๆก็มีก็มากมายเช่นกัน


ถึงจะคอยเตือนว่าเรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้ว...จบไปนานแล้ว...แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลึกๆในใจผมยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นของเขาอยู่เช่นเดิม...


...ผมมันน่าโง่จริงๆ


นั่งนิ่งรวบรวมแรงใจอยู่สักระยะผมจึงติดเครื่องยนต์หมุนควงพวงมาลัยเพื่อกลับบ้าน 


เมื่อก้าวขาเข้ามาในบ้านบรรยากาศอบอุ่นก็โอบล้อมรอบตัวผมให้ความอึดอัดในใจคลายตัวลง ผมสามารถยิ้มได้ หัวเราะได้ มีชีวิตที่ดีต่อไปได้ก็เพราะพวกเขา...ครอบครัวของผม





เป็นเช้าอีกวันที่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงข้อความบอกอรุณสวัสดิ์และแจกันดอกไม้บนโต๊ะทำงาน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าบุคคลที่ส่งมาก็คือคนเดียวกับเจ้าของข้อความหวานเลี่ยน...คุณปรณ


ผมถอนหายใจพลางนั่งลงบนเก้าอี้ สองมือเอื้อมไปเตรียมจะย้ายแจกันดอกไม้ไปไว้มุมโต๊ะเพื่อให้ทำงานได้สะดวก แต่ก็ต้องชะงักเมื่อดอกไม้ในวันนี้แปลกตาไป


ทุกวันจะเป็นดอกกุหลาบ ลิลลี่ สีขาว ชมพู สลับกันไป แต่วันนี้เป็นดอก...forget me not สีม่วง...และภาชนะที่ใส่ก็ไม่ใช่แจกันอย่างทุกที ถ้าสังเกตดีๆมันคือกระถางเซรามิกสีขาวเพ้นท์ลาย ด้านในเป็นดินวิทยาศาสตร์สีชมพูหล่อเลี้ยงต้น forget me not ให้เจริญเติบโต


ตึกตัก ตึกตัก


ไม่รู้ทำไมเมื่อจ้องมองหัวใจถึงได้เต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็น


 บ้าสิ! เพ้อเจ้อกันไปใหญ่แล้ว!


เลิกฟุ้งซ่านบ้าบอแล้วทำงานซะ!!


แต่ก็ไม่รู้ทำไมตลอดทั้งวันสายตาผมถึงได้เอาแต่เหลือบมองช่อดอกสีม่วงอยู่เสมอ แถมเลิกงานตอนกลับบ้านยังหอบหิ้วมาด้วยทั้งที่ทุกครั้งจะเก็บเข้าไว้ในตู้กระจกของห้องทำงาน


คงเพราะความมีชีวิตของมันที่ทำให้ผมทิ้งขว้างไม่ลง


เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาจอดในรั้วบ้านก็ต้องแปลกใจกับรถจิ๊บล้อโตคันสีขาวที่จอดอยู่ ใครมานะ?? เพราะส่วนมากบ้านผมมักไม่ค่อยมีแขกมาในเวลาเลิกงานสักเท่าไร


“แม่ครับ ใครมาเหรอ”


“แขกของพ่อน่ะจ้ะ พอดีพ่อเขาเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”


“แล้วพ่อเป็นอะไรมากไหมครับ!!” ผมถามอย่างตกใจเพราะโดยปกติพ่อเป็นคนขับรถระมัดระวังไม่เคยเหยียบคันเร่งเกินแปดสิบ ไม่ฝ่าไฟแดง ไม่แซงซ้าย มีความเสี่ยงน้อยมากที่จะเกิดอุบัติเหตุ ถ้าเป็นพี่เมตรพี่ไมล์ก็ว่าไปอย่าง สองคนนั้นทำตรงข้ามทุกอย่างที่กล่าวมา


“ใจเย็นๆพ่อเขาไม่เป็นอะไรหรอก แต่คู่กรณีนี่สิ...” แม่ถอนหายใจหนึ่งเฮือก “หมาเขาวิ่งตัดหน้ารถพ่อเรา ตอนนี้พาไปหาหมอมาแล้ว พอดีเขาเป็นชาวต่างชาติมาเที่ยวน่ะลูกเลยพามาพักที่บ้านเราก่อน”


“แล้วหมาเป็นอะไรมากไหมครับ”


“เห็นว่าขาหน้าหักต้องใส่เฝือกอ่อน แต่โดยรวมก็ปลอดภัยดี”


เฮ้อ โล่ง ไม่รู้สิคงเพราะผมเคยเลี้ยงสุนัขด้วยมั้ง เลยอ่อนไหวกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ


“งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ เหนียวตัวมากเลย”


“จ้ะ เดี๋ยวลงมาทานข้าวเย็นกัน”


“ครับแม่ ขอหอมที” ผมชะโงกหน้าเข้าไปหอมแก้มนิ่มของมารดาฟอดใหญ่ก่อนขึ้นมาบนห้อง


ผมเดินเอากระถางต้นไม้น้อยๆมาวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง หลังจากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำคลายความเมื่อยล้า ออกมาเลือกเสื้อผ้าที่ดูสุภาพสวมใส่ แน่ล่ะ วันนี้ที่บ้านมีแขกจะให้ใส่เสื้อยืดย้วยๆกับกางเกงขาก๊วยก็กระไรอยู่ เกรงใจแขกพ่อนิดนึงเนอะ


“อ้าว พี่เมตร ไม่กินข้าวเหรอครับ” ผมหยุดถามพี่ชายคนโตที่เดินสวนขึ้นบันไดมา อีกฝ่ายส่งยิ้มบางพลางส่ายหน้าด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อนพร้อมกับยกมือขยี้หัวผมทักทายและเดินขึ้นห้องไป


สงสัยวันนี้งานจะหนัก


หงิง หงิง


สองขาที่กำลังจะก้าวผ่านห้องนั่งเล่นไปยังห้องอาหารหยุดชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงประหลาดแว่วเข้าหู สายตามองเข้าไปในห้องก็ไม่เห็นมีอะไร สงสัยหูจะฝาด


แต่แค่ขยับปลายเท้ายังไม่ทันพ้นก้าว


หงิง


ไม่ฝาดแล้วล่ะ! ของจริงเลย! เสียงสุนัขอยู่ในห้องนั่งเล่น!


ผมตัดสินใจเบนทิศทางจากเดิมเปลี่ยนเป็นเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นก่อนจะพบสุนัขตัวโตนอนอยู่บนโซฟา ขาหน้าข้างซ้ายมีสิ่งแปลกปลอมสีขาวพันอยู่คาดว่าน่าจะเป็นเฝือกตามคำบอกเล่าของแม่


ที่แท้ก็สุนัขของแขกพ่อนี่เอง


ผมทรุดตัวลงนั่งยองข้างโซฟาพร้อมกับส่งมือเข้าไปลูบลำตัวเจ้าตัวโตที่นอนนิ่งส่งเสียงครางหงิงๆ โถ คงเจ็บน่าดู...ขนสีดำเงางามลื่นมือบ่งบอกว่าเจ้าของคงดูแลอย่างดี ผมระบายยิ้มออกมาเมื่อเจ้าหมาตัวนี้พานให้คิดไปถึงเจ้าตี๋น้อยของผม มันก็ตัวใหญ่มีขนสีดำแบบนี้เหมือนกัน จะต่างกันก็ตรงสุนัขตัวนี้ไม่มีขนสีขาวรอบดวงตาเป็นเจ้าตาแต้ม


หงิง


มะไม่สิ!! มือไม้ผมสั่นขึ้นมาทันทีเมื่อเจ้าตัวที่นอนนิ่งอยู่ในคราแรกลืมตาขึ้น พร้อมส่งเสียงหงิงเหมือนทักทายปนออดอ้อน ลำตัวที่นอนตะแคงข้างพลิกหงายชูสี่ขาขึ้นด้านบนเผยให้เห็นอีกเสี้ยวหน้าที่ซ่อนอยู่ในฟูกของโซฟา


ตาแต้มสีขาวที่คุ้นตาทำให้ขาผมอ่อนแรงจนทรุดลงไปนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นพรม สองตาเบิกมองกว้างอย่างตกใจ


หงิง


มันส่งเสียงอีกครั้งพร้อมใช้ดวงตากลมใสจ้องมองขณะที่หางกระดิกฟาดกับโซฟาส่งเสียงเป็นจังหวะ


ตุบ ตุบ


 ผมเม้มปากแน่น มือสั่นระริกเผลอขยุ้มขนนุ่มมืออย่างไม่รู้ตัว ความรู้สึกหลากหลายปะทุเข้ามาในจิตใจ ไม่...ใจเย็นๆคนเล็ก สุนัขอาจจะมีลายซ้ำกันก็ได้ เหมือนชิสุ โกลเด้นฯ หรือแม้แต่หมาวัดก็ยังเหมือนๆกันเลย อย่าคิด อย่าตกใจ


สะกดจิตให้สติตัวเองกลับมาแล้วสูดหายใจเข้าลึกหลายๆที มองไปทางเจ้าหมาเจ็บด้วยสายตาอ่อนลง คลายแรงมือที่ขยุ้มขนเปลี่ยนเป็นลูบปลอบเบาๆอย่างสำนึกผิด


“ขอโทษน้า เจ็บไหม พี่นี่แย่เนอะ”


“หงิง” ฮ่าๆมันตอบผมด้วยล่ะ มันฟังผมรู้เรื่องใช่ไหม


“คนเล็ก ทานข้าวลูก”


“ครับแม่”ผมขานรับเสียงที่ดังมาทางหน้าห้องนั่งเล่น ลูบหัวเจ้าหมาเจ็บสองทีเบาๆก่อนลุกเดินมายังห้องอาหาร


ห้องอาหารวันนี้ก็มีพ่อนั่งตำแหน่งหัวโต๊ะเช่นทุกวัน ถัดไปทางด้านขวาเป็นพี่ไมล์ตรงข้ามกันเป็นแม่ และถัดมาจากแม่ ผู้ชายตัวใหญ่ที่นั่งหันหลังอยู่คงเป็นแขกของพ่อ


“อ้าว คนเล็ก นั่งสิลูก”


“ครับ” ผมยิ้มแหยๆเมื่อรู้ตัวว่าเสียมารยาทยืนค้ำหัวแขก จึงเดินอ้อมไปอีกด้านของโต๊ะเพื่อนั่งเก้าอี้ข้างพี่ไมล์ ความจริงเก้าอี้ตัวนี้เป็นที่ประจำของพี่เมตร แต่วันนี้คุณพี่ท่านงดข้าวเย็นผมเลยจัดการยึดชั่วคราวซะเลย


ครืด


กึก


โครม!


สองมือที่กำลังยกเก้าอี้ลากออกมาพลันอ่อนแรงหลุดมือตามมาด้วยเสียงโครมของเก้าอี้ที่ล้มหงายตึงลงไป แต่ตอนนี้สมองผมไม่รับรู้สิ่งรอบตัว หูอื้ออึงอย่างไม่สามารถมีเสียงอันใดสะท้อนเข้ามาได้ เหมือนจู่ๆลูกกระเดือกก็ขยายใหญ่อุดตันหลอดลมจนจะพูดก็ลำบากหายใจก็ไม่สะดวก จะมีก็เพียงดวงตาทั้งสองข้างที่ทำงานดีเยี่ยมถึงมองเห็นใบหน้าคมคร้ามสันกรามได้รูปของแขกของพ่อได้ชัดเจนนัก


...ใบหน้าเดียวกับที่ประทับอยู่ในหัวใจผมตลอดมา...


“คนเล็ก เป็นอะไรลูก” เสียงของแม่เรียกให้ผมรู้สึกตัว ก่อนกระพริบตาเพื่อให้มั่นใจว่าผมไม่ได้มองผิดไป


...ใช่ ‘เขา’ จริงๆ...


“ขะขอโทษครับ ผะผมซุ่มซ่ามไป” ว่าแล้วก็รีบก้มลงจัดการกับเก้าอี้ แต่มื้อไม้ก็สั่นเกินกว่าจะยกมันตั้งขึ้นมาได้ สุดท้ายก็ทำมันหลุดมือให้ส่งเสียงโครมครามอย่างไม่น่าฟัง


“มาพี่ช่วย เป็นอะไรน่ะเรา” สุดท้ายพี่ไมล์ก็มาช่วยแล้วจับไหล่ผมทั้งสองข้างเพื่อช่วยประคองให้นั่งลงบนเก้าอี้...ตรงข้ามกับเขา


“นะน้องไม่เป็นไร” ผมบอกปัดเมื่อพี่ไมล์เริ่มเข้ามาลูบหน้าลูบตาอังหน้าผากเสมือนผมเป็นไข้ จนพ่อต้องตัดบทนั่นแหละถึงจะยอมหยุด


“พอแล้ว สองพี่น้องนี่ พ่อมีแขกอยู่อย่าเสียมารยาทสิ”


“แหะๆขอโทษครับ เออนี่...เดี๋ยวพี่แนะนำแขกพ่อให้รู้จัก คุณตี๋ใหญ่เป็นคนฮ่องกง ฮ่าๆตลกเนอะ มันต้องชื่อจีนๆไม่ใช่เหรอ ทำไมชื่อตี๋ใหญ่ ฮ่าๆ”


“ไมล์”


“อุ้ย ขอโทษครับ แต่ผมสงสัยจริงๆนี่” พี่ไมล์หันไปขอโทษบุคคลที่กล่าวอ้างว่าตัวเองชื่อตี๋ใหญ่ ขณะที่ผมยังจ้องหน้าเขาอย่างเหม่อลอย ผมอยากจะหลบสายตา ลุกไปให้ไกลจากตรงนี้ หรือไม่ก็ตะโกนด่าให้สาสมกับที่โดนกระทำ แต่ไม่...ไม่เลย...ผมไม่อาจละสายตาตัวเองไปจากใบหน้าเขาได้เช่นเดียวกับหัวใจที่ไม่อาจห้ามความคิดถึงที่ล้นทะลักออกมา


...ผมยังคิดถึงเขา ยังรักเขา ไม่น้อยไปกว่าเดิมเลย...


“ผมชื่อตี๋ใหญ่ครับ...คนสำคัญผมเป็นคนตั้งให้” สายตาคมนิ่งเรียบแฝงประกายมองสบตาอย่างสื่อความหมาย ผมหลบสายตาวูบสองมือกำแน่นอย่างไม่อยากรู้สึกอะไรกับดวงตาคู่คมอีก...ไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว ถ้ามากกว่านี้...ผมคงต้องเจียนตายจริงๆ “ส่วนชื่อเดิมที่เป็นชื่อจีน ผมจำมันไม่ได้แล้วล่ะครับ”


“คุณตี๋ใหญ่เขาเพิ่งได้สัญชาติไทยมาน่ะ เห็นว่าจะย้ายมาอยู่ประเทศไทยถาวร”


โกหก


เผาะ!


“โห ที่แท้ก็ย้ายตามสาวมานี่เอง”


ผมอยู่ไม่ได้...อยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว ผมห้ามน้ำตา...ความเจ็บปวด...ความสับสน...ไม่ไหวแล้ว...ทนไม่ได้แม้สักวินาทีเดียว


ครืด


“ผะผมขอตัวก่อนนะครับ เหมือนไม่ค่อยสบาย” ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้และวิ่งออกจากห้องอาหารอย่างไม่สนใจอะไรอีก


“อ้าว ไม่ทานข้าวก่อนเหรอลูก”


รู้เพียงแต่ว่า...


“เป็นอะไรของเขากัน”


ถ้าอยู่ตรงนี้อีกเพียงแค่เสี้ยววินาที...


“หรือว่าไอ้คุณปรณมันทำอะไรคนเล็ก!!”


อีกแค่นิดเดียว...


“เหลวไหลน่าตาไมล์”


...ผมคงไม่อาจเข้มแข็งฝืนทนความเจ็บปวด กดเก็บความรวดร้าว ต่อต้านความคิดถึงได้อย่างแน่นอน...ผมไม่อยากให้เขาเห็นความอ่อนแอ...


และที่สำคัญผมไม่อยากให้เขารู้...ว่ายังรักเขาอยู่


ไม่ว่าเขาจะมาปรากฏตัวด้วยจุดประสงค์อันใด...ความบังเอิญหรือตั้งใจ...สุดท้ายทางของเราสองคนก็ไม่อาจมาบรรจบกันได้อีก




ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ยกมือขึ้นกุมขมับเพราะรู้สึกปวดหัวจี๊ด หนังตาหนักอึ้งจนแทบลืมไม่ขึ้น ความมืดที่ปกคลุมไม่เป็นผล...ผมยังรู้สึกแสบตาเช่นเดิม


คงเป็นผลจากการร้องไห้อย่างหนักเมื่อช่วงหัวค่ำ


ผมพยุงร่างกายตัวเองลุกขึ้นนั่ง ร่างกายรู้สึกอ่อนแรง...ไม่ ผมต้องเข้มแข็ง


ในเมื่อมันไม่ใช่ความฝันอย่างที่ภาวนาให้เป็น ผมก็ต้องอยู่กับความเป็นจริงได้อย่างแข็งแกร่งที่สุด


เพราะฉะนั้นถึงจะไม่รู้สึกหิวเลยสักนิดแต่ผมก็ประคองตัวเองลงไปในครัว เปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำเปล่าและนมจืดดื่ม


หมับ


“อ๊ะ!” แก้วนมหลุดมือผลจากความตกใจที่ถูกคุกคามจากกอดทางด้านหลัง แต่มือปริศนาก็รับมันไว้ได้ทันก่อนจะตกแตกบนพื้นแล้วจัดการวางไว้บนเคาน์เตอร์ครัวโดยที่แรงกอดรัดยังไม่คลายลง


ส่วนผมเมื่อรู้สึกตัวได้ก็ดิ้นสุดแรง แต่ขนาดตัวเท่าลูกแมวหรือจะไปสู้คนตัวเท่ายักษ์ได้


“ปล่อย!! อ๊ะ” ผมเบี่ยงหน้าหลบเมื่อปลายจมูกอีกฝ่ายจรดลงบนลำคอ ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดเรียกให้ผมดิ้นรนหนีจากการคุกคามมากขึ้น


“คุณเล็ก...” เสียงทุ้มต่ำส่งเสียงผะแผ่วโหยหา ปลายจมูกหยุดรุกไล่คุกคามแต่ยังกดแช่ทิ้งไว้ให้สัมผัสได้ถึงลมหายใจกรุ่นไออุ่น


ลมร้อนที่ทำให้ผมหยุดดิ้น สองมือที่พยายามปัดป่ายจิกแน่นลงบนข้อมือหนาที่โอบรัดช่วงเอว ตัวผมสั่นสะท้านเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังจะพังทลายลง


“...ผมคิดถึงคุณ” ผมถูกจับตัวหมุนหันหน้าเอาหาอีกฝ่าย เสี้ยววินาทีต่อมาใบหน้าในแสงสลัวก็โน้มลงมาแนบชิด สายตาที่ห่างเพียงปลายจมูกกั้นจ้องมองมาอย่างลึกซึ้ง โหยหา ยามที่หัวใจผมโยกคลอนคำเอ่ยเอื้อนก็เปล่งออกมาจากริมฝีปากหยักลึกที่เสียดสีกันผะแผ่วตอกย้ำให้หัวใจผมเพิ่มเป็นสั่นไหวอย่างรุนแรง “...คิดถึงที่สุด”


จุ๊บ


จากนั้นริมฝีปากอุ่นร้อนก็ประกบลงมาอย่างหนักหน่วงทว่านุ่มนวล บดขยี้เค้นคลึงตักตวงความหอมหวานจากผมไปอย่างไม่มีทีท่าจะสิ้นสุด ลิ้นร้อนสอดแทรกแหวกกลีบปากเข้ามาเกาะเกี่ยวสอดรัดเข้ากับลิ้นหยุ่นของผมให้ความรู้สึกกำซ่านทั่วโพรงปากลามแผ่ไปทั่วสรรพางค์กายพร้อมกับกวาดต้อนน้ำบ่อน้อยกอบโกยเข้าชิมรสอย่างไม่รู้จักพอ


ขณะเดียวกันผมก็ได้แต่ยืนนิ่งรับสัมผัส ไม่โต้ตอบ ไม่ผลักไสหรือแม้แต่ห้ามปรามฝ่ามือร้อนที่เริ่มคุกคามไปตามร่างกาย ทำได้เพียงใช้นัยน์ตามองเปลือกตาสีเข้มเบลอเบือนที่ปิดสนิทเนื่องจากเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสวาบหวาม อีกทั้งน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้แต่สุดท้ายก็ยังคลอหน่วงรอบหน่วยตายิ่งทำให้ภาพตรงหน้าไม่ชัดเจน


เขาจะรู้บ้างไหมนะว่าสัมผัสของเขาทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากเช่นไร...จูบของเขาเสมือนยาพิษที่ถึงแม้รสชาติปรับให้หอมหวานนุ่มลิ้นแต่สุดท้ายก็พรากลมหายใจไปอย่างช้าๆ...ฝ่ามือที่ลูบไล้เปรียบดังมีดปลายแหลมคมกรีดลึกลงบนเนื้อหนังให้เจ็บแสบทรมานไปทั่วร่างกาย


ผ่านไปนานแสนนานความขมขื่นแสนวาบหวามก็จบลง


“คุณเล็ก...” ใบหน้าคมถอนออกพร้อมกับเปลือกตาเปิดปรือขึ้น ฝ่ามือที่ประคองท้ายทอยเลื่อนขึ้นมากอบกุมใบหน้าพลางใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยหยาดน้ำตาบนผิวแก้มให้อย่างอ่อนโยน


“ผม...”


“พอใจหรือยัง”


“...”


“ถ้าพอใจแล้วก็ไปสักที กลับที่ของนายไปได้แล้ว!!” ผมพูดเสียงเรียบเย็นชา ไม่ได้ตวาดหรือตะคอกแต่อย่างใด


เขารั้งผมเข้าไปกอดแน่นอีกครั้ง


“ผมจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ที่ของผมคือข้างๆคุณ ผมขอโทษ ขอโทษสำหรับทุกสิ่ง คุณฟังผมอธิบายก่อนนะ...”


“ถามฉันสักคำหรือยังว่าฉันต้องการหรือเปล่า” ผมพูดแทรก ซึ่งก็เพียงพอให้เขาหยุดเสียงลง ผมจึงออกแรงดันแผ่นอกกว้างซึ่งคราวนี้เขาก็ยอมปล่อยแต่โดยดี


“ฉันไม่ได้ต้องการนายแล้ว...คุณจิ่นสือ” จบคำผมก็ดันเขาออกให้พ้นทางแล้วเดินจากมา


“ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าคุณจะเลิกรักผมแล้ว”


ปลายเท้าผมชะงักลงแต่ก็ไม่คิดจะหันหลังกลับไป


“รักงั้นเหรอ มันไม่ได้สำคัญอะไรอีกแล้วล่ะ” ผมกลืนก้อนสะอื้นลงคอพร้อมกับเค้นเสียงที่ตรงกับหัวใจผมออกมา “เพราะมันลบล้างกันไม่ได้เลยกับการทรยศหักหลัง”


ใช่แล้วล่ะ...ต่อให้ผมรักเขามากมายแค่ไหน เราก็กลับมาคบกันไม่ได้อยู่ดี...เพราะผมคงเชื่อใจเขาไม่ได้อีกต่อไป แล้วการอยู่อย่างหวาดระแวงมันจะมีความสุขได้เช่นไร


แม้แต่ประโยคที่ว่าเขาจะกลับมาอยู่ข้างๆกัน ผมยังไม่ปักใจเชื่อเลย...ผมไม่มีทางเชื่อว่าเขาจะทิ้ง ‘คนๆนั้น’ เพื่อมาหาผมได้


มันก็คงเหมือนกับทุกครั้งที่สุดท้ายแล้วคนโดนทิ้งก็คือผมอยู่ดี...





คิดว่าคำพูดของผมเมื่อคืนมันจะทำให้เขาถอดใจหรือเปล่า...ขอตอบเลยว่าไม่ เพราะเช้ามากลิ่นหอมของอาหารยังลอยโชยมาพร้อมกับประโยคแสนชื่นชมของแม่


“เช้านี้เกี๊ยวกุ้งเต้าหู้ไข่ฝีมือคุณตี๋ใหญ่เขา อร่อยมากเลยนะลูก พ่อกับแม่ลองชิมมาแล้ว”


ผมมองชามเกี๊ยวตรงหน้าก่อนมองเลยไปยังอีกคนที่ส่งยิ้มบางตอบกลับมา จึงตัดสินใจคว้ากระเป๋าเอกสารแทนการหย่อนก้นลงบนเก้าอี้เหมือนอย่างเช่นทุกเช้า


“ผมไปทำงานก่อนนะครับแม่ พอดีวันนี้มีประชุมกับฝ่ายศิลป์”


“อ้าว ไม่ทานอาหารเช้าก่อนล่ะลูก”


“ไม่ล่ะครับ ผมกินไม่ลง”


แล้วผมก็เดินออกมาเลยไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าอีกคนแต่หางตาก็เผลอมองเห็นสีหน้าผิดหวังได้อย่างชัดเจน  มันยังคงซ่อนไว้ภายใต้ใบหน้านิ่งเรียบเช่นเดิม จึงขัดใจตัวเองอยู่ไม่น้อยที่ยังอุตส่าห์มองออกอีก


โฮ่ง


แต่แล้วก็ต้องระบายยิ้มออกมาเมื่อข้างรถนิสสันมาร์ชของผมมีเจ้าหมาขาหักนั่งหูตั้งรออยู่


ผมเดินเข้าไปทรุดตัวนั่งยองลงตรงหน้ายื่นมือออกไปและแทบจะทันทีเจ้าตี๋น้อยก็ยกขาข้างที่หักขึ้นมาวางบนฝ่ามือ


“คิดถึงจังเลย~” แล้วฉลาดอย่างเจ้าตี๋น้อยน่ะหรือถึงจะฟังไม่ออก มันจัดการกระโดดโถมเข้ามาในอ้อมกอดผมพร้อมทั้งส่งลิ้นสากมาเลียใบหน้าจนแฉะน้ำลายไปหมด 


“โอ๊ย พอๆพี่เลอะหมดแล้ว ฮ่าๆ ไม่เอาๆเดี๋ยวโดนขาเดี้ยงกว่าเดิมนะ” ปล้ำเล่นกันอยู่พักหนึ่งจนผมล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปนั่งแผ่กับพื้นนั่นแหละมันถึงจะยอมหยุด


ผมก้มลงจุ๊บเหม่งเมื่อมันยอมสงบเสงี่ยมนอนหมอบลงไป ก่อนให้รางวัลด้วยการใช้สองมือประคองให้หน้ามันแหงนขึ้นมาแล้วจุ๊บลงบนปลายจมูกสีดำ


“อยู่กับพี่ด้วยกันที่นี่ไหม ไม่อยากให้กลับไปเลย” พูดพลางลูบหัวมันอย่างเอ็นดู เพิ่งเจอกันได้แค่วันเดียวก็ต้องจากกันอีกแล้ว หนึ่งปีที่ผ่านมาผมคิดถึงมันมากเลยนะ แค่คิดว่ากลับมาจากทำงานจะไม่ได้เห็นมันอีกผมก็ใจหวิวๆแล้ว “หึ ไม่อยู่ด้วยกันก็ไม่ต้องมาอ้อนเลย”


ก็มันเล่นเอาหัวมาดันๆถูๆขาก่อนนอนหงายท้องพลิกตัวไปมาซ้ายขวาแล้วทำเหลือบตาเหลือกมองมาอ้อนๆ ชิ ยังจะมีเสียงคราหงิงด้วยนะ


ฉลาดไม่มีใครเกินเลยเจ้าตี๋น้อยผมเนี่ย!!


“ท่าทางมันจะชอบน้องนะ กับพี่มันโคตรหยิ่งเลย” ผมหันไปตามเสียงก็เจอเข้ากับพี่ไมล์ในชุดออกกำลังกายยืนเท้าเอวมองไปยังเจ้าตี๋น้อยอย่างหมั่นไส้


“พี่หน้าตาไม่ดีล่ะสิ”


“โห ช่างกล้า แต่พี่หมั่นมันจริงๆนะ เมื่อเช้าลูบหัวเล่นหน่อยทำเป็นสะบัดหนี ทีกับน้องล่ะอ้อนเอาๆอย่างกับเป็นเจ้าของมันอีกคนแน่ะ”


อึก พูดเหมือนมีตาทิพย์


“สงสัยมันถูกชะตากับน้องมั้ง เอ่อ ผมไปทำงานดีกว่า แล้ววันนี้พี่ไม่เข้าบริษัทหรือ” ผมเปลี่ยนเรื่องพลางลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่


“เข้าช่วงบ่าย พอดีเดี๋ยวพี่ต้องเข้ากรุงเทพฯไปส่งคุณตี๋ใหญ่ขึ้นเครื่อง”


กึก


“เขาจะกลับวันนี้แล้วเหรอครับ”


“น่าจะนะ พ่อว่ามาอย่างนั้น”


ผมนิ่งไปก่อนค่อยๆก้มลงไปมองเจ้าตี๋น้อยตรงหน้า ย่อตัวลงแล้วใช้อ้อมแขนกอดมันไว้แน่นพลางซุกใบหน้าเข้าหาขนสีดำขลับ


“ฮึก กอดลานะตี๋น้อย”


“หงิง”






ต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
ซ่า~ ซ่า~


สายลมโบกพัดลู่ใบหน้าหอบเอากลิ่นอายของน้ำทะเลโชยเข้าจมูกพร้อมกับพัดพาเอาเกลียวคลื่นสาดซัดเข้าหาฝั่งจนเกิดฟองสีขาวล้อกับหาดทรายเนื้อนวลละเอียดตา บรรยากาศที่ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้น


ยิ่งช่วงนี้มรสุมเข้านักท่องเที่ยวจึงบางตาลง เลยได้ความเงียบสงบอย่างใจต้องการ...


แม้จะเป็นคนไล่ให้เขาไป แม้จะบอกว่าเราไม่สามารถเดินไปด้วยกันได้ แม้จะเป็นคนที่ทรยศหักหลังกันอย่างเลือดเย็น แต่สุดท้ายก็อดจะวูบโหวงในใจไม่ได้


หลังเลิกงานก็เหมือนเช่นเกือบทุกวันที่จะมานั่งปล่อยใจลงทะเล ต่างกันที่ทุกทีผมจะหนีความวุ่นวายไปหาดนางรำ หาดทรายสีขาวเนียนละเอียดตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าครามสดใส รอบเกาะมีโขดหินสีน้ำตาลเข้มจัดวางตามเป็นแนวอย่างที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ไว้กลมกลืนกับประติมากรรมรูปปั้นพระอภัยมณีกับนางผีเสื้อสมุทรอันเป็นเอกลักษณ์ของหาด


แต่วันนี้ผมมายังหาดพลาที่ถึงแม้น้ำทะเลจะสีสวยสู้หาดนางรำไม่ได้ เนื้อทรายไม่ขาวละเอียดเท่า ซ้ำยังมีแนวปูนสูงเกือบสองเมตรกั้นชายหาดเอาไว้ แต่อย่างน้อยหาดก็ไม่ได้ปิดตอนหกโมงเย็น สามารถให้ผมนั่งอยู่ตรงนี้จนถึงเมื่อไหร่ก็ได้อย่างใจต้องการ


ผมก็เชื่อว่า...หาดทุกหาดมีมนต์ขลังของมันอยู่..


อย่างเช่นเวลานี้ผมนั่งมองพระอาทิตย์สีส้มกำลังจะจมหายลงในทะเล แต่ยามจะลาลับก็ยังทอแสงสีทองลงบนผืนน้ำสีดำให้เกิดประกายวิบวับดั่งดวงดาวนับล้านจากฟากฟ้าเต้นระบำปล่อยแสงระยิบระยับแข่งกัน


ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ


ผมหลุดจากความคิดเมื่อเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น


“ครับแม่”


“อยู่ไหนน่ะเล็ก มืดแล้วนะลูกยังไม่กลับบ้านอีก”


“ผมอยู่หาดพลาน่ะครับ”


“ถึงว่าตาไมล์ไปหาที่หาดนางรำไม่เจอ ทำไมวันนี้ไปไกลจังลูก ทุกคนรอทานข้าวอยู่นะ”


“ทานกันได้เลยไม่ต้องรอครับ เล็กว่าวันนี้จะนอนค้างที่หาดคงไม่กลับบ้าน” เสียงแม่เงียบไปสักพักหนึ่งก่อนเอ่ยเอื้อนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอาทร


“ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าลูก”


“ผมแค่อยากนอนฟังเสียงคลื่นน่ะครับแม่ ไม่ต้องห่วงนะครับ รักแม่นะ พรุ่งนี้เจอกันครับ”


วางสายจากแม่ไปแล้วผมก็นั่งทอดสายตาไปยังผืนน้ำทะเลสีดำกับฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนจากเย็นย่ำเป็นหัวค่ำมืดสลัวและ ณ ตอนนี้ มืดมิดเงียบสงัด...ทุกสิ่งอย่างถูกความมืดปกคลุม มีเพียงแสงจันทร์เรืองรองสะท้อนให้เห็นรูปทรงเรือนราง โชคดีที่ท้องฟ้าเปิดโล่งไร้เมฆบดบังจึงได้เห็นกลุ่มดวงดาวพราวระยับแข่งกับผิวน้ำดั่งภาพสะท้อนของกันและกัน


“เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกครับ”


ขวับ


ผมหันไปตามเสียงของคนที่คิดว่าบินกลับไปฮ่องกงแล้ว แต่ ณ ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงหน้าผมในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นอย่างที่สมัยก่อนเขาชอบใส่...สวมทับด้วยเสื้อแจ๊คเก็ตสีแดงตัวคุ้นตา...ตัวที่ผมซื้อให้


ฟึ่บ!


ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินหนีทันที แต่ก็ช้ากว่าอีกคนที่เข้ามาคว้าต้นแขนเอาไว้


“ไหนว่ากลับไปแล้วไง!!” ผมสะบัดมือหันหน้ามาตวาดสุดเสียง


“จะให้ผมไปไหนก็หัวใจผมอยู่นี่!!”


“ไปตายซะไป!”


ไม่ได้คิดเช่นนั้นแต่ปากมันไปเอง เหมือนเป็นปฏิกิริยาตอบโต้อัตโนมัติเพื่อปกป้องหัวใจตัวเองจากประโยคกลลวงที่อีกฝ่ายสร้างขึ้น


...เมื่อก่อนเคยบอกรักที่ไหนกัน...


“ผมรู้ว่าผมเลว แต่ช่วยฟังกันหน่อยได้ไหม”


“ไม่ฟัง!!! ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น! ไม่ฟังๆ” สองมือยกขึ้นปิดหูแน่นพลางนั่งคู้ทิ้งตัวลงบนปลายเท้า ศีรษะส่ายไปมาอย่างไม่อยากรับรู้อะไรอีก


“เล็ก...คุณเล็ก!!”


เพี้ยะ ปั่ก ตุบ


ผมยกมือขึ้นปัดป่ายกันไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใกล้


“...!!” สุดท้ายเขาก็ยอมล่าถอยออกไป ร่างกายสูงใหญ่ยืนนิ่งใช้สองตาจ้องผมอย่างผิดหวังเสียใจ แต่เชื่อเถอะไม่เท่ากับที่ผมเคยรู้สึกหรอก ก่อนจะทำในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงคือ...ค่อยๆเดินถอยหลังห่างออกไป...โดยทิศทางนั้นเป็นทะเลแสนมืดมิดและน่ากลัว


ช่วงขายาวค่อยๆก้าวถอยหลัง...ทีละก้าว...ทีละก้าว โดยตลอดเวลานัยน์ตาคู่คมยังจ้องมองมาที่ผมอย่างไม่ละสายตา ระยะห่างของเราสองไกลห่างกันเรื่อยๆ จนกระทั่งเท้าทั้งสองข้างของเขาสัมผัสกับระลอกคลื่นร่างกายผมก็ผวาเฮือกจะกระโจนไปหา...


....แต่ก็หยุดตัวเองลง...มันเป็นแค่แผน...เป็นแค่เล่ห์กลให้ผมหลงไปติดกับ...เขาไม่คิดจะตายจริงๆหรอก...ก็แค่อยากให้ผมใจอ่อนก็เท่านั้น...


ซ่า!~ ซ่า!~


เสียงคลื่นไม่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายอีกต่อไปแล้ว ตรงข้าม...มันกลับเหมือนปีศาจร้ายที่พร้อมกลืนกินทุกสรรพสิ่งให้หายไปในความมืดมิดอันน่ากลัว...ความรู้สึกร้อนรุ่มกระสับกระส่ายเกิดขึ้นกับตัวผมจนไม่สามารถที่จะทนอยู่เฉยได้อีกต่อไป สองเท้าวิ่งลงไปยังริมหาดพร้อมกับตะโกนเสียงกึกก้องแข่งกับเสียงคลื่นให้คนที่อยู่กลางทะเลหยุดกระทำบ้าๆสักที


“ขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!! จะบ้าหรือไง อยากตายจริงๆใช่ไหม ฉันบอกให้ขึ้นมา!!”


ซ่า~ ซ่า~


เขายังคงเดินถอยหลังต่อไปเรื่อยๆขณะที่สายตายังจ้องมองกัน แม้จะในความมืดอันห่างไกลผมก็ยังเห็นแววตาแน่วแน่ของเขา สายตาที่ว่าเขาจะไม่ยอมหยุด...จนกว่า...


ครืน!~ ครืน!~


ผมแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้ามืดมิดที่บัดนี้ไร้ประกายดาวด้วยเมฆหมอกก้อนดำทะมึนเคลื่อนตัวมาปกคลุมทั่วพื้นที่ เสียงฟ้าร้องครืนพร้อมกับลมกระพือพัดโหมเป็นสัญญาณว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าลมฝนต้องกระหน่ำลงมาแน่นอน


 นั่นยิ่งทำให้ผมร้อนรน หันไปมองอีกฝ่ายที่เวลานี้ถูกท้องทะเลดำมืดกลืนหายไปจนถึงช่วงอกแล้ว มิหนำซ้ำสายฝนยังเริ่มโปรยปรายลงมา ลมพัดโหมให้ใบไม้ต้นหญ้าปลิวลู่โน้มเอียงตามแรงลม เม็ดทรายกระจายขึ้นฟุ้งทั่วหาด ผืนน้ำที่นิ่งสนิทเริ่มตื่นตัวโยกคลอนก่อเกิดเกลียวคลื่นตีกระทบจนเกิดเสียงเซ็งแซ่ช่างน่ากลัวจับใจ


แปะ แปะ แปะ


“พอ!! เลิกเดินลงไปได้แล้ว! ฉันบอกให้นายหยุดแล้วขึ้นมา!”


ครืน!~ ซ่า!~


เปรี้ยง!!


ผมวิ่งสวนกระแสคลื่นที่เริ่มก่อตัวขึ้นสูง ตีแหวกแรงต้านลงไปกลางทะเล แต่ก็ไม่สามารถถึงตัวเขาได้เนื่องจากเขาอยู่ลึกเกินกว่าที่ความสูงของผมจะเอื้ออำนวย ผมลูบละอองน้ำที่กระเซ็นเปรอะใบหน้าบดบังการมองเห็นในขณะที่ตะโกนก้องอยู่ตลอดเวลา


“ขึ้นมา! อยากตายจริงๆหรือไง!!”


“ผมรักคุณนะคุณเล็ก ขึ้นฝั่งเถอะครับมันอันตราย” คราวนี้คนที่เงียบมาตลอดเปิดปากตะโกนกลับมาเมื่อเห็นว่าผมเริ่มเดินลุยน้ำลึกลงไปอีกครั้ง


“มาบอกรักบ้าอะไรตอนนี้ ขึ้นมา แค่กๆ ขึ้นมานะ! บอกว่าหยุดเดินได้แล้วไง!”


ครืนนนนนน! ซ่า!~


“คุณเล็กกลับไปมันอันตราย! ผมผิดจนไม่น่าให้อภัย ทำตัวน่ารังเกียจ สมควรแล้วที่คุณไล่ให้ไปตาย แต่ผมรักคุณนะ รักคุณจริงๆ” ผมพยายามเดินเข้าไปหาเขาจนตอนนี้น้ำปริ่มริมฝีปากแล้ว


“ฮึก ฉันไม่ได้อยากให้นายตายจริงๆสักหน่อย...ฮึก แค่กๆ”


ตูม!!


ในจังหวะที่ผมเดินแหวกน้ำพลางตะโกนโต้กับเขาอยู่นั้นคลื่นยักษ์ที่มาจากไหนไม่รู้โถมแรงเข้าหาอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างของผมดิ่งลงสู่ความมืดมิด ลำตัวถูกเกลียวคลื่นพลิกกลับกลายเป็นสองเท้าลอยคว้างสัมผัสความว่างเปล่าแต่เป็นสองมือที่ตะกุยตะกายสัมผัสพื้นทรายของก้นทะเลลึก


ผมพยายามตะกายเพื่อให้ตัวเองโผล่พ้นผืนน้ำ แต่มันช่างยากเหลือเกินกับการต่อสู้กับเกลียวคลื่นอันบ้าคลั่ง  ยามที่น้ำเค็มไหลบ่าเข้าจมูกเข้าปากแทรกซึมแย่งอากาศ ดวงตาแสบพร่าระคายเคือง


หมับ


แรงกระชากที่แขนดึงผมจากก้นทะเลลึกสู่ด้านบน เมื่อโผล่พ้นผืนน้ำสู่บรรยากาศที่เต็มไปด้วยออกซิเจนให้ผมสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างตะกรุมตะกรามพร้อมทั้งไอสำลักไปพร้อมๆกัน


“คุณ...เป็นไงบ้าง” เจ้าของมือหนาที่ช่วยดึงผมขึ้นมาและยังช่วยลูบใบหน้าเอ่ยถามด้วยเสียงเป็นกังวล ใบหน้าหวาดกลัวของร่างที่ผมกำลังเกาะยึดทำให้ผมร้องไห้โฮออกมา พลางใช้มือข้างหนึ่งทุบตีเขาไม่หยุด


“ไอ้บ้า ฮือออ ไอ้หมาบ้า นายเป็นต้นเหตุทำให้ฉันเกือบตายอีกแล้วนะ ฮึก ฮือออ” ผมสะอื้นไห้ไม่หยุดซ้ำยังไม่คิดจะออมแรงมือ ปากก็พร่ำด่าอย่างเจ็บแสบ...


แต่ใครจะรู้ดีไปกว่าใจผม...ว่าสาเหตุที่หลั่งน้ำตามันมาจากความเจ็บใจตัวเอง...ที่ลึกๆแล้วก็ไม่สามารถโกรธแค้นคนตรงหน้าได้เลย ซ้ำยังยอมอภัยให้ง่ายๆเพียงแค่เห็นเขาจะหายไปต่อหน้าต่อตา


ในระหว่างที่จมลงใต้ทะเลผมตกใจ ผมหวาดหวั่น แต่ไม่มีความกลัวเลย เพราะผมมีเขาอยู่...มั่นใจว่าเขาต้องช่วยผมได้


“ผมขอโทษ...ผมเสียใจ...รักคุณนะ”


“ฮือออออ”


ณ วินาทีนี้ผมยอมแล้ว ยอมลดทิฐิทุกอย่างลงเพื่อฟังเขาอีกสักครั้ง

.........................................................................................


ด้านตี๋ใหญ่


เช้าที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง สายลมเย็นพัดเข้ามาทางหน้าต่างพร้อมแสงแดดสีทอง ผมนอนตะแคงมองร่างในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวของคนที่นอนหลับสนิทอย่างอ่อนเพลีย เสี้ยวหน้ากว่าครึ่งจมหายไปในหมอนใบนุ่มฉายแววกังวลไว้แม้ยามหลับไหลสังเกตจากคิ้วเรียวที่ยังขมวดมุ่นจนต้องส่งปลายนิ้วโป้งไปนวดวนให้คลายออก


และเมื่อได้สัมผัสผิวนุ่มลื่นแล้วก็ยากที่จะละออก ปลายนิ้วจึงค่อยๆสัมผัสแผ่วไปตามโครงหน้าที่แสนคิดถึง ผิวแก้ม ปลายจมูก และหยุดบดคลึงนิ้วกับริมฝีปากนุ่มหยุ่นก่อนประทับแทนด้วยริมฝีปากของผมอย่างยากจะห้ามใจ


จุ๊บ


ผมหวงแหนคนตรงหน้านี้เหลือเกิน และก็เสียใจอย่างสุดซึ้งที่ไม่สามารถปกป้องคนรักของตัวเองไว้ได้ ซ้ำร้ายยังทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บปวดกับการทรยศจากตัวผมอีก


ไม่ได้อยากจะแก้ตัว...แต่ไม่ว่าร่างกายผมจะผ่านใครต่อใคร แต่หัวใจผมมีแค่คุณคนเดียวจริงๆ...


“อืมม” คุณเล็กเริ่มรู้สึกตัวขณะที่ใบหน้าผมยังแนบชิด และเมื่ออีกฝ่ายตื่นเต็มตาก็ผละถอยหลังหนีอย่างตกใจจนผมต้องคว้าเอวเอาไว้อย่างกลัวว่าจะพลาดท่าตกเตียงไปเสียก่อน


เมื่อคืนนี้หลังจากที่ฝ่าพายุคลื่นขึ้นมาบนฝั่งกันได้ คุณเล็กก็หมดแรงล้มพับลงให้ผมต้องอุ้มกลับบ้านพัก(เป็นบ้านของครอบครัวคุณเล็กที่สร้างทิ้งไว้ คล้ายๆบ้านพักต่างอากาศ) จัดการจับร่างเพรียวถอดเสื้อผ้าอาบน้ำอย่างกลัวจะเป็นไข้ คุณเล็กขัดขืนไม่ยอมอยู่สักพัก แต่ผมก็ไม่มีทางยอมให้ร่างอ่อนแรงเข้าไปอาบน้ำให้เสี่ยงต่อการล้มหัวฟาดพื้นแน่ๆ


ต่อจากนี้ผมจะดูแลเขาให้ดีที่สุด...ไม่ใช่เพื่อชดเชยความผิดเพราะมันไม่สามารถทดแทนกันได้ แต่เพื่อชดเชยเวลาหนึ่งปีที่ห่างกัน...


ผมยังรู้สึกใจชื้นอยู่บ้างที่เห็นใบหน้าแดงๆเมื่อเราทั้งสองเปลือยร่างอาบน้ำด้วยกัน แม้จะยังดื้อดึงแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจ


แล้วหลังจากที่คุณเล็กสัมผัสพื้นเตียงนอนนุ่มก็ผล็อยหลับไปอย่างอ่อนเพลีย ผิดกับผมที่ไม่กล้าแม้จะข่มตาปิดสักวินาที..กลัวว่าถ้าลืมตาตื่นขึ้นมาอีกฝ่ายจะหายไป


“ปล่อยสิ มากอดทำไมเนี่ย” ตื่นขึ้นมาก็เริ่มพยศอีกครั้ง ผมจึงเพิ่มแรงกอดรัดมากขึ้นแล้วถามด้วยเสียงอ้อนวอน


“คุณเล็กจะฟังผมแล้วใช่ไหม...” ริมฝีปากบางเม้มแน่นพลางจ้องผมด้วยสายตาหวั่นไหวชั่วอึดใจก่อนบอก


“ฟังก็ฟังสิ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้นายมาจับตัวตามใจชอบสักหน่อย!!” ท่าทางไม่ยอมจนผมต้องถอดใจยอมคลายแรงกอดรัดออก คุณเล็กกระโดดผลุงลงจากเตียงแล้วมองผมตาขวาง


“ฉันจะไปอาบน้ำ เสร็จแล้วค่อยคุยกัน” แล้วก็หมุนตัวหนีหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมระบายยิ้มอ่อนออกมาเพราะถึงแม้จะดื้อดึงแต่อย่างน้อยคุณเล็กก็ไม่ได้เย็นชาอย่างคราแรกที่เจอกัน


คุณเล็กเดินเช็ดผมออกมาพร้อมกับที่อาหารเช้าเสร็จพอดี ผมเลื่อนเก้าอี้ให้ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมนั่งลงง่ายๆ และเมื่ออีกฝ่ายนั่งเรียบร้อยแล้วผมก็พาตัวเองไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม


“ทานอาหารเช้าก่อนครับ” ผมเลื่อนชามข้าวต้มหอยนางรมไปให้ คุณเล็กก้มลงมองแต่ก็ไม่หยิบช้อนขึ้นมาทาน


“เอาเรื่องของนายก่อนเถอะ ฉันพร้อมจะฟังแล้ว”


“รองท้องก่อนเถอะครับ”


“ไม่ สรุปจะพูดไหมถ้าไม่ฉันจะได้กลับบ้าน” ผมคว้าข้อมือที่วางอยู่บนโต๊ะทันทีอย่างกลัวว่าโอกาสของตัวเองจะหมดลง


“ผมไม่ขอให้คุณเล็กให้อภัยเพราะผมรู้ว่าผมทำผิดต่อคุณมากมายเหลือเกิน ขอแค่อย่าไล่ผมไปจากคุณก็พอ”


“พูดมาก” ถึงปากจะว่าแต่ใบหน้างอง้ำน่ารักก็เพียงพอแล้วสำหรับแสงนำทางแห่งโอกาสของผม





ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว...คืนแห่งหายนะ


“คุณเฟิ่งจะให้ผมไปเกาลูนเหรอครับ”


“ใช่ พอดีมีคนมาก่อกวนย่านที่เราปกครองอยู่ อยากให้นายไปจัดการที”


“แต่เจิ้งกังดูแลอยู่ ผมว่าเขาน่าจะจัดการได้” และทันทีที่ผมพูดจบ สายตาที่ใครต่อใครก็ว่าอ่อนโยนก็ตวัดคมกริบขึ้นมอง


“ฉันอยากให้เสี่ยวสือไป ได้ไหม???” ประโยคร้องขอขัดกับน้ำเสียงเด็ดขาดทำให้ผมจำยอมก้มหัวับคำสั่งอย่างขัดไม่ได้ เรื่องไปเกาลูนน่ะไม่เป็นปัญหาสำหรับผมหรอก จะห่วงก็แต่คนที่รออยู่ในห้อง


“ไม่ต้องห่วงมากหรอก ตั้งแต่พรุ่งนี้ก็จะได้ไปอยู่ด้วยกันแล้วไม่ใช่เหรอ”และนั่นเหมือนประโยคหลอกให้ผมตายใจจนไม่ได้เคลือบแคลงเลยว่าจะเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นกับคนรักของตัวเอง


เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ผมได้เข้าไปคุยกับคุณเฟิ่งเรื่องจะขอถอนตัวจากการเป็นบอดี้การ์ด ยอมทิ้งสกุลจิ่นเพื่อกลับเมืองไทยไปใช้ชีวิตธรรมดากับคนรัก


เมื่อกลับมาสวมหัวโขนเป็นจิ่นสือแล้วผมจะรับคุณเล็กมาอยู่ด้วยกัน ไปสู่ขอจากครอบครัวให้เป็นเรื่องราวและรับรู้ว่าผมจริงใจกับลูกชายของพวกเขา ชีวิตบอดี้การ์ดที่มีภยันตรายรอบด้านถ้ามีคนรักอยู่เคียงข้างคงจะมีความสุขไม่น้อย...ผมเคยคิดอย่างนั้น


แต่มันไม่ใช่เลย...การดึงคุณเล็กเข้ามาในโลกของผมไม่ได้ทำให้โลกอันดำมืดสว่างไสว ตรงข้ามความบริสุทธิ์สดใสของคุณเล็กกลับค่อยๆหมองหม่นลง...ทีละนิด...ทีละนิด


สิ่งที่หล่อหลอมให้ผมเป็นคนมีหัวใจ มีความรู้สึกได้ก็คือจิตใจที่งดงาม เอื้ออาทรต่อคนอื่น และการมองโลกในแง่ดีของคุณเล็ก ซึ่งผมไม่อยากให้มันกลืนหายไปในโลกที่แสนดำมืด


และยิ่งจิ่นตั้งมาเตือนว่าให้พาคุณเล็กออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดผมยิ่งกังวล รอบตัวผมอันตรายเกินไป ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะกลับไปอยู่ในโลกของคุณเล็กแทน...โลกที่ผมและเขาต่างมีความสุขด้วยกัน


ผมยังจำได้ดีว่าวันที่ผมก้าวเข้าไปบอกคุณเฟิ่งเขาอาละวาดหนักแค่ไหน คุณเฟิ่งที่หน้าตางดงาม น้ำเสียงแว่วหวาน กิริยาอ่อนโยน แต่จะมีสักกี่คนรู้ว่าภายในใจที่ผ่านความบอบช้ำมาอย่างหนักและยาวนานบัดนี้มันบิดเบี้ยวผิดรูปไปมากเพียงใด


และผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่รับรู้และเห็นใจ ถึงได้ยอมถวายชีวิตเพื่ออยู่รับใช้...แต่นั่น...มันก็ก่อนที่ผมจะเจอเจ้าของหัวใจ


แล้วสองวันต่อมาคนที่อาละวาดจนแทบเสียสติก็ยอมรับคำขอของผม แต่ยื่นข้อเสนอเพียงว่าก่อนทิ้งเขาไปอยู่กับคนรักที่เมืองไทย ช่วงเวลาที่เหลือมอบให้เขาจะได้ไหม...ซึ่งผมก็ตกลงคงเพราะในใจก็รู้สึกผิดกับคุณเฟิ่งอยู่มากมาย


ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่คุณเล็กสอนให้ผมได้รู้จักมัน...เพราะถ้าเป็นจิ่นสือคนเก่าก็คงเป็นเพียงผู้จงรักภักดีที่หัวใจด้านชา แม้แต่ฆ่าคนให้ตายแทบเท้าก็ไม่รู้สึกอะไร


แต่กว่าจะล่วงรู้ว่ามันคืออุบายที่จะทำลายหัวใจของผมให้เจ็บปวดทรมานเจียนตาย...มันก็สายไปเสียแล้ว


“กลับมาแล้วเหรอ ที่เกาลูนเรียบร้อยใช่ไหม”


“ครับ” ผมกลับมาถึงบ้านเฟยก็ปาเข้าไปตีหนึ่งแล้ว คุณเฟิ่งดูจะอารมณ์ดีผิดปกติ แต่ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรมากเพราะความสนใจผมไปอยู่ที่คนในห้องที่ป่านนี้คงรอผมจนหลับไปแล้ว


“เสี่ยวสือ...คืนนี้นอนกับฉันนะ” ร่างเพรียวบางขยับเข้าแนบชิดพลางใช้ฝ่ามือลูบยั่วยวนที่หน้าอก แค่นี้ผมก็รู้ความหมายของคำว่า ‘นอน’ ที่ว่า


“ผมคงไม่สะดวก” ว่าแล้วก็ถอยหลังหนีหนึ่งก้าว


เมื่อก่อนผมยอมรับว่าผมทำหน้าที่บนเตียงตอบสนองความใคร่ให้คุณเฟิ่ง เนื่องจากความจำเป็นบางอย่างที่ผมต้องทำ และอีกเหตุผลคือร่างกายในส่วนลับอันขาดหายไปของคุณเฟิ่ง แต่ตั้งแต่ที่ผมมีคุณเล็กผมก็ไม่คิดจะปรนนิบัติเรื่องอย่างว่าอีกเลย จะมีก็เพียงช่วยขัดหลังให้ยามอาบน้ำเท่านั้น


“คืนนี้คืนสุดท้ายที่ฉันจะมีนายแล้วนะ ขอร้อง”


“ให้ผมดูแลอย่างอื่นแทนนะครับ แต่เรื่องนี้...”


“ฉันมีแค่สองทาง...” เรียวแขนขาวตรงเข้ามากระชากปกเสื้อผมเข้าไปหาพลางใช้แขนอีกข้างโอบรอบคอผมเอาไว้ ใบหน้าเคลื่อนชิดใกล้พร้อมกับกดจูบที่มุมปาก เสียงหวานกรีดกรายดั่งน้ำผึ้งอาบยาพิษ “เสี่ยวสือจะนอนกับฉันในคืนนี้แล้วได้กลับไปอยู่กับคนรักสมใจหรือ...ไม่มีใครได้ไปไหนเลย!”


 สุดท้ายผมก็ต้องกล้ำกลืนทรยศหัวใจตัวเองอีกครั้งยอมเดินตามคุณเฟิ่งกลับไปยังห้องพัก ในใจพร่ำขอโทษเจ้าของหัวใจอย่างรู้สึกผิด...อีกแค่ครั้งเดียว...ครั้งสุดท้าย...ผมขอโทษ...


แต่ความผิดของผมสวรรค์คงไม่เห็นใจ เมื่อแสงสว่างของเช้าวันใหม่มาถึงหัวใจผมก็โบยบินหนีไปไกลแสนไกล ผมตามหาคุณเล็กอย่างบ้าคลั่งแต่ก็ไม่พบ...จนแม่บ้านเจิ้งหญิงชราประจำบ้านเฟยมาส่งข่าวผมถึงรู้เรื่องทั้งหมด...ว่าคนรักของผมได้กลับเมืองไทยไปแล้วพร้อมกับร่างกายและหัวใจอันแสนบอบช้ำ


ทำไมผมถึงไม่เฉลียวใจเลย คนอย่างคุณเฟิ่งน่ะหรือจะยอมปล่อยผมไปง่ายๆ...ไม่มีทาง...


ยังดีที่สุดท้ายจิ่นตั้งมาช่วยชีวิตคุณเล็กไว้ได้ด้วยการปล่อยควันยาสลบเข้ามาในห้องนอนซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคืนนั้นผมถึงไม่รู้สึกตัวเลย แล้วช่วยพาคุณเล็กออกไปจากห้องลับใต้ดิน....


เพียงแค่คำบอกเล่าก็ทำให้ผมเหมือนถูกฉีกหัวใจเป็นชิ้นๆ ไม่ต้องคิดเลยว่าภาพย่ำแย่ของคุณเล็กที่จิ่นตั้งส่งมาจะทำให้ผมยิ่งกว่าตายทั้งเป็น


“หึ รู้เรื่องแล้วเหรอ ก็ดี ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะรู้นะว่าควรทำตัวอย่างไร!!” คุณเฟิ่งไม่มีทีท่าเดือดเนื้อร้อนใจเมื่อทราบว่าผมรู้สิ่งเลวร้ายที่เขาได้กระทำต่อคนรักของผมแล้ว ซ้ำยังขมขู่ให้ผมได้เกรงกลัว


ซึ่งผมก็กลัวจริงๆ...ทำไมผมจะไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ผมนอนด้วยทุกคนก่อนหน้าถึงหายตัวไปอย่างลึกลับ บางคนก็กลายเป็นศพปริศนา เพียงแต่ผมไม่คิดจะสนใจเสียมากกว่า แต่กับคุณเล็กไม่ใช่...เขาไม่ใช่เพียงแค่หัวใจแต่รวมถึงชีวิตและจิตวิญญาณของผมด้วย


ผมจึงไม่สามารถไปหาคุณเล็กอย่างใจคิด ทำได้แค่เพียงตามสืบข่าวอยู่ห่างๆว่าเขายังอยู่สบายดีความสุข


ส่วนคุณเฟิ่งผมก็ตามอารักขาอย่างบอดี้การ์ดทั่วไป ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้นอีกเพราะผมถือว่าสิ่งที่ติดค้างกันเอาไว้ผมได้ชดใช้ไปหมดแล้ว


จนถึงวันที่ทุกอย่างระเบิดขึ้น


เคร้ง!


“เสี่ยวสือ!! อยากให้ฉันฆ่ามันจริงๆใช่ไหมถึงได้ทำเย็นชากับฉันแบบนี้” แจกันใบโตถูกขว้างเฉียดแก้มผมไปนิดเดียวด้วยฝีมือเจ้าของใบหน้าโมโหจัด สองมือสั่นระริกกำแน่นอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่


“ผมทำหน้าที่ที่สมควรทำอย่างดีที่สุดแล้ว” ผมว่าเสียงเรียบนิ่งอย่างไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด นั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายคลุ้มคลั่งมากกว่าเดิม เสียงเล็กแหลมเหมือนผู้หญิงตวาดลั่น


“อย่าคิดว่าพี่ใหญ่คุ้มกะลาหัวมันไว้แล้วฉันจะทำอะไรไม่ได้ คอยดูฉันจะฆ่ามัน! ฆ่าให้ตาย!”


“อย่าทำอะไรคุณเล็ก ผมก็อยู่กับคุณตามคำสั่งแล้วนี่ไง!” ผมว่าเสียงเข้ม พยายามข่มความพลุ่งพล่านภายใน แค่คิดว่าคุณเล็กจะต้องเป็นอะไรใจผมก็เจ็บไปหมด


“คำสั่งเหรอ! ไม่! นายต้องอยู่กับฉันด้วยใจสิ! นายต้องรักฉัน!”


“ผมรักคุณเล็ก!!”


“ไม่จริง!! นายรักฉัน! นายเคยบอกว่ารัก รักฉันคนเดียว!!” คนร่างเพรียวเริ่มทำลายข้าวของรอบตัว


“ผมไม่ใช่จิ่นโซว!!”


กึก


แล้วร่างนั้นก็หยุดชะงักไปทันที ใบหน้าค่อยๆแหงนมองผมอย่างช็อกตกใจสุดขีด ชื่อ ‘จิ่นโซว’ พี่ชายฝาแฝดของผมเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ผมก็ตัดสินใจพูดออกไป ผมว่ามันถึงเวลาแล้วที่คุณเฟิ่งต้องรับความจริงให้ได้เสียที


จิ่นโซวในวัยสิบแปดปีที่ปกป้องบุคคลอันเป็นทั้งเจ้านายและเจ้าของหัวใจจากการลอบทำร้ายด้วยชีวิตตัวเอง


“คนที่คุณรักและรักคุณคือจิ่นโซว คนที่เป็นคนให้ดอกไม้คุณ คอยดูแล คอยปลอบใจคือจิ่นโซวไม่ใช่ผม ถึงเขาจะตายไปก็ใช่ว่าความรักจะตายตาม จิ่นโซวจะเสียใจแค่ไหนที่ต้องมาเห็นคนที่เขารักมากกว่าชีวิตเป็นแบบนี้ ผมเชื่อว่าวิญญาณจิ่นโซวยังคอยติดตามอยู่ข้างๆคุณ แล้วดูสิ่งที่คุณตอบแทนจิ่นโซวสิ!!” ตอนนี้ร่างของคุณเฟิ่งทรุดลงไปนั่งแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างเหม่อลอย น้ำตาจากดวงตาทั้งสองข้างไหลอาบแก้ม


“เสี่ยวโซว ฮึก เสี่ยวโซว”


“คุณเฟิ่งครับ ผมเหมือนกับจิ่นโซวก็แค่หน้า ที่ผ่านมาเราผิดที่ผิดทางกันมามากพอแล้ว หยุดเถอะนะครับ”


“เสี่ยวโซว ฮึก คิดถึง ฮือออ คิดถึงเสี่ยวโซว...ถ้าเสี่ยวโซวยังอยู่...ฉะฉันก็คงไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้ ฮือออ”


สุดท้ายพันธนาการบิดเบี้ยวที่ล่ามเราทั้งสองคนไว้ก็ถูกปลดปล่อยเสียที...





แล้ว ณ ตอนนี้ผมก็นั่งมองเจ้าของหัวใจตัวจริงน้ำตาไหลอาบแก้ม หลังมือปัดป่ายแก้มเหมือนเด็กน้อยพลางลำตัวก็สะอื้นฮักอย่างน่ารัก


“ร้องไห้ทำไมครับ หืมม” ผมจับมือนุ่มออกอย่างเบามือแล้วค่อยๆปาดน้ำตาให้อีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล


“เล็กสงสารคุณเฟิ่ง ฮึก” นี่แหละคุณเล็กของผม จิตใจดีและขี้สงสาร แม้คนนั้นจะเคยทำร้ายให้เจ็บสาหัสแค่ไหนก็ตาม


“แล้วไม่สงสารผมบ้างเหรอ” ผมหยอด ซึ่งคนนิ่งๆเย็นชาอย่างผมจะมาทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่อง่ายนัก แต่ตอนนี้ทางไหนที่พอทำให้ผมลดหย่อนโทษได้ผมก็พร้อมจะลอง


“ฮึก ไม่ คนนิสัยไม่ดี” แต่เหมือนลูกหยอดของผมจะไม่ได้ผลเพราะมือเล็กปัดมือผมทิ้งและเริ่มต้นร้องไห้อีกครั้งให้ผมใจหายวูบ


ผมจึงลุกจากเก้าอี้ลงมานั่งคุกเข่าที่พื้นตรงหน้าคุณเล็กที่ทำตาโตกใจกับการกระทำของผม


ผมกอบกุมสองมือของอีกฝ่ายไว้ก่อนค่อยๆจรดริมฝีปากลงไปอย่างแสนรัก


“คุณเล็ก...ผมเล่าทุกอย่างให้คุณฟังไปแล้ว ผมรู้ว่ามันคงไม่ทำให้คุณหายโกรธหายเกลียดผมได้...ผมขอแค่ให้คุณเข้าใจและอย่าไล่ผมไปไหนอีกเลย ผมรักคุณจริงๆนะ จะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีคุณ”


นี่คงเป็นประโยคยาวหวานเลี่ยนประโยคแรกในชีวิตของคนเถื่อนๆอย่างผม ที่ผ่านมาผมคิดว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูดเสมอ แต่แท้ที่จริงแล้วคำพูดและการกระทำต้องไปพร้อมๆกันต่างหากมันถึงเป็นความรักที่สมบูรณ์


“ฮึก ทีอย่างนี้ล่ะบอกรักถี่นัก ทีเมื่อก่อนไม่ยักกะพูด”


“ผมขอโทษ ต่อไปผมจะพูดให้คุณฟังทุกวันเลยดีไหม”


“แล้วใครบอกจะให้นายอยู่ด้วย”


“คุณเล็ก...” คราวนี้คุณเล็กทำหน้าจริงจังให้ผมรู้สึกหวั่นไหวในอก ความหวังที่เริ่มส่องสว่างกลางใจเริ่มอ่อนแสงลิบหรี่ลง


“ฉันให้อภัยและเข้าใจนายทุกอย่าง แต่นายก็ต้องเข้าใจฉันเช่นกัน สิ่งที่เจอมามันเลวร้ายเกินกว่าปุบปับจะยอมรับได้ แค่นายมาพูดไม่กี่คำแล้วจะให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิมมันเป็นไปไม่ได้ ฉันเจ็บปวดมามากเกิน...”


“ผมเข้าใจ” ผมก้มหน้านิ่ง ขอบตาร้อนผ่าวอย่างชีวิตนี้ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้จะทำใจมาบ้าง แต่พอโดนปฏิเสธเข้าจริงๆมันก็เจ็บแทบล้มทั้งยืน


“แต่ถ้านายพร้อมจะเริ่มใหม่...” ผมเงยหน้าขวับขึ้นมองใบหน้าที่ประดับยิ้มอ่อนโยน หัวใจผมเต้นกระหน่ำรุนแรงอย่างมีหวังอีกครั้ง “...ฉันก็พร้อมจะเปิดโอกาสให้”


“ผมพร้อม ผมพร้อม จะต้องใช้เวลาเป็นเดือนเป็นปี หรือทั้งชีวิตผมก็พร้อมจะทำให้คุณรักผมอีกครั้ง” ผมรีบตอบรับรัวเร็วอย่างกลัวคนที่ผมดึงเข้ามากอดจะเปลี่ยนใจ ฝ่ามืออบอุ่นที่ยกขึ้นกอดตอบพร้อมลูบแผ่นหลังผมแผ่วๆเสมือนสายน้ำชโลมหัวใจผมให้ชุ่มชื้นขึ้นทันตา


“พยายามเข้านะนายตี๋ใหญ่”


“ขอบคุณ...ขอบคุณจริงๆ” ผมกดจูบลงบนต้นคออีกฝ่ายซ้ำไปซ้ำมาอย่างโหยหา ช่างหอมหวนเหลือเกิน ความอบอุ่น อ่อนหวาน เป็นสุขที่ห่างหายไปได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง...


ต่อจากนี้ไม่ว่าจะต้องเจออีกกี่อุปสรรค ร้อยพันปัญหา ผมก็จะไม่ปล่อยมือคู่นี้อีก จะโอบกอดเอาไว้แนบอกไม่ให้เขาต้องเจ็บปวดทรมาน ผิดหวัง ชีวิตต่อจากนี้จะทำให้เขามีความสุขยิ้มได้ในทุกๆวัน ไม่ให้จิตใจที่แสนดีบริสุทธิ์ต้องมัวหมองช้ำใจ


ช่วงเวลาต่อไปผมจะทำให้คุณเล็กกลับมาเชื่อมั่นในตัวผมอีกครั้ง และให้เขารับรู้ว่าผมรักเขาที่สุดไม่ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ก็ตาม


... ขอบคุณการเริ่มต้นใหม่ที่ทำให้ผมไม่สูญเสียหัวใจไป...

 








END

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
:katai5: :katai5: :katai5: กระดึ๊บๆมาลงตอนจบ เลทจากที่คิดไว้ว่าจะลงไปหลายวันมาก ขอโทษทุกคนจริงๆค่ะ :z3: :z3:
เชื่อว่าตอนจบมีทั้งถูกใจและไม่ถูกใจ(แม่ยกหลายๆคน) แต่คนเล็กก็ยังคงเป็นคนเล็กนะคะ (เป็นมดนี่อิตาใหญ่ไม่ได้มาเชิดหน้าได้อย่างนี้หรอก) :angry2:
สุดท้ายนี้อยากขอบคุณนักอ่านทุกๆท่าที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงโค้งสุดท้ายนะคะ ขอบคุณที่รักและเอ็นดูบ้านหลังนี้  :o8: ไหนๆนี่ก็เป็นตอนสุดท้ายแล้วเนอะขอความรู้สึกผู้อ่านทุกท่านที่มีต่อนิยายเรื่องนี้ได้ไหมคะ จะชมจะติน้อมรับหมดค่ะ  :L2: :L2:
สุดท้ายและท้ายสุดขอแจ้งเรืองตอนพิเศษอาจไม่ได้ลงในเว็บให้อ่านกันนะคะ สารภาพว่าตอนนี้ยุ่งเรื่องงานวิจัยมาก จึงขอยัดตอนพิเศษไปไว้ในเล่มเลยแล้วกัน อยากอ่านตอนพิเศษแบบไหนกระซิบบอกกันไว้ได้ค่ะเพื่อเป็นไอเดียให้เค้าเนอะ อ้ออออ รวมเล่มกับสำนักพิมพ์ Hermit เจ้าเดิมนะคะทุกคนนนน  :กอด1:
ปล.ไปกดติดตามแฟนเพจไว้ได้นะคะ จะเอาตอนพิเศษมาสปอยล์พร้อมพูดคุยเวิ่นเว้อ ประกาศข่าวสารต่างๆ  :z2:

สุดท้ายแล้วจริงๆ ขอบคุณนักอ่านที่คอยให้กำลังใจกันตลอดมาอีกครั้งค่าาาา :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ actionmarks

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-44
ไม่นะ เทียบกับตอนที่แล้ว เข้าใจว่าใหญ่คงมีปมอะไรสักอย่าง แต่มันทรมานจริง ๆ นะ เฮ้อ เอาเป็นว่าเคลียร์แล้วกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2014 01:23:07 โดย actionmarks »

ออฟไลน์ min_min_min

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-0
ขอบคุณมาก

ติดตามมานาน ไม่ได้ คอมเม้น อะไรเลย

จำได้ว่า ติดตาม ตั้งแต่คนเขียน ได้เริ่ม ตอนแรก และ จนถึงวันนี้เป็นตอนสุดท้าย

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารักๆ

 :mew1:

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6
จบแบบนี้ถูกใจเรามากนะ  :L2:

ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของใหญ่แล้วละนะ

ใช้ความรักให้คุณคนเล็กเชื่อใจอีกครั้ง

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
ถอดหายใจด้วยความโล่งอก
แฮปปี้กันแล้ว ทำเอาแม่ยกปวดใจซะนาน
อยากขอตอนพิเศษหน่อยนะคะ ก็คุณคนเล็กทรมาณทรกรรมมาตั้งหลายตอน
แฮปปี้กันแค่ตอนท้ายๆเอง แม่ยกยังไม่ฟินเลยอ่ะค่ะ
แต่งต่ออีกนิดนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ heroza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ถึงจะรู้ความจริงแต่ก็ยังคันไม้คันมืออย่าเตะใหญ่หลายที
จริงๆนะคะคนแต่ง วางเนื้อหาก่อนหน้ามาดีมาก

จนขนาดเรารู้ความจริงยังรู้สึกโกรธประสมกับหมั่นไส้อยู่เลย

เล็กนี่คนดีขี้ใจอ่อนจริง นี่ละนะความรัก รักแล้วใช่ว่าเลิกรักง่ายๆ :katai4:

ออฟไลน์ ploy789456

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
บอกตรงๆเลยว่าผิดหวังกับเรื่องนี้จริงๆ

นายเอกยอมคนเกินไป

ออฟไลน์ Mississippi

  • Don't act like it's a bad thing to fall in love with me
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :hao7:กรี๊ดดดดนั่งรอดูบอลเปิดเข้ามาเจอพอดี ว่าแต่หนังสือเริ่มจองได้เลยมั้ยคะ ฮรี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :impress2:

ออฟไลน์ Phut

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
 จบแล้ว!! ขอบคุณจ้า
จะบอกว่าชอบมาก ไม่รู้จะบอกยังไง

ติดตามเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนแรกๆ ตั้งแต่ยังไม่มีไอดีเล้า แต่ก็เข้ามารอทุกวัน
ตอนเดินลงทะเลมันบีบหัวใจสุดๆ ลุ้นมากทั้งตอนเลย ตอนเขาป๊ะกันก็ด้วยเจอกันแบบลุ้นอ่ะ รู้ทั้งรู้ว่าจะต้องเป็นใหญ่ แต่ก็ยังตื่นเต้น

เหตุผลของใหญ่ก็เข้าใจนะ ใหญ่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบจะให้เคลียร์ทุกอย่างปุบปับให้ได้อย่างใจเลยมันคงทำไม่ได้

แล้วใหญ่ก็ไม่รุ้ว่าเฟิ่งทำไรเล็กจะโทษใหญ่เต็มมันก็คงไม่ได้ เพราะใหญ่เองก็เสียใจกับสิ่งที่เกิด

หุหุเยอะไปปะ

อ่านแบบเก็บทุกตัวอักษรเลยหุหุ จบแบบคลายทุกปม แจ่ม
รู้สึกว่าใหญ่จะมีบทพูดมากกว่าทุกตอน แบบว่าใหญ่ลน ใหญ่เปลี๊ยนไป๋ คุณเล็กก็ยังคงใจดีเสมอต้นเสมอปลายดีจริงๆ



ขอบคุณอีกครั้งที่จบแบบแฮปปี้ จ้า :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-07-2014 09:20:51 โดย Phut »

ออฟไลน์ GOOD•DAMN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-0
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่เขียนให้อ่านจนจบ 55555  :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด