คุณบุรุษไปรษณีย์ที่รัก (จบแล้ว) ตอนพิเศษ สัญญา 16-02-2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณบุรุษไปรษณีย์ที่รัก (จบแล้ว) ตอนพิเศษ สัญญา 16-02-2561  (อ่าน 255934 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หุบไม่ลงจริงกับปากที่คอยแต่จะยิ้มอยู่ตลอดเวลาที่อ่านเรื่องนี้และความพยายามของพี่ที่อยากจะสานสัมพันธ์กัับน้องชาย

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ชอบ สายสัมพันธ์เนียนๆ นุ่มๆ

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ตั้งใจอ่านแบเนิ่บๆค่ะกลัวหมดตอนเร็วิิอิอิ

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
ติดตามอยู่ตลอดนะคะ

ออฟไลน์ TrebleBass

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เรื่อยๆ แบบอุ่นๆ  แบบที่พี่ปุ่นเป็น  พี่
ปุ่นเป็นคนที่อบอุ่นจริงๆ ฉลาดด้วย   ค่อยๆ ละลายพฤติกรรมของเต็มไปเรื่อยๆ นะคะ
และน้องตาม รอพี่เต็มอีกนิดนะน้องนะ

ออฟไลน์ แป้งข้าวหมาก

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วหล่ะเต็ม  o13
ต้องให้รางวัลพี่ปุ่นแล้วนะเนี่ยเต็ม  :impress2:

ออฟไลน์ yamapong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
กรี๊ดดดดดด ดีใจกะน้องตามด้วย ดีมากค่ะพี่เต็มทำดีมาก อย่างนี้รักเลย ว่าแต่อย่าทำให้พี่ปุ่นน้อยใจสิคะ ไม่ดีเลย อิอิ

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
พัฒนาของพี่น้องดูดีเชียว
แต่พัฒนาความสัมพันธ์กับพี่ศิธาคงต้องอีกสักพัก
เปิดใจรับพี่ปุ่นเร็วๆน่าาา จะได้ไม่ใช่คนอื่น

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พี่เต็มน้องตามกำลังไปได้ดีเลยน๊ะ

ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
พี่ปุ่นน้อยใจ ชอบเต็มต้องอดทนค่ะพี่ เดี๋ยวดีเอง  :hao7: :hao7: :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ bon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
สายสัมพันธ์สองพี่น้องเริ่มก่อตัว แล้วสองหนุ่มอย่างพี่เต็มกับพี่ปุ่นละ
รอฉากหวานๆ ของสองหนุ่มครับ
ขอบคุณคนแต่ง ที่ทำให้คนอ่านใจพองโตเหมือนกัน

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ค่อยๆ  รักๆ  ละมุนละไมมากจ้า
เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
ว้า ป่วยซะแล้ว
น่าจะให้บุรุษพยาบาลพิเศษดูแลน้า

แต่เต็มตอนนี้น่ารักนะ ทั้งๆที่ไม่สบาย
ยังลุกมาทำกับข้าวให้กำลังใจน้อง
อย่างนี้สิ ค่อยน่าชื่นชมหน่อย

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ความสำพันธุ์กับน้องชายเริ่มดีขึ้น
กับพี่ปุ่น ยัง คงมีแผ่นบาง ๆ ขวางอยู่  :impress2:
+1 ให้กับความน่ารักของ เด็ก ๆ  :z2:

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
เต็มกำลังทำตามคำแนะนำของพี่ปุ่นละน๊าา^^

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนที่ 14 : คนเป็นน้อง



เสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์ที่ดังขึ้นเรียกให้หนุ่มน้อยในชุดนักเรียนที่กำลังง่วนอยู่กับการยืนเลือกขนมต้องหันกลับไปมองตามเสียง นึกว่าใครที่ไหนที่แท้ก็คือพนักงานไปรษณียหนุ่มหล่อซึ่งมาพร้อมกับเจ้าลูกหมาตัวอ้วนในตะกร้าหน้ารถนั่นเอง ตามตะวันยิ้มให้พลางกระชับเป้สะพายหลังก่อนจะหันไปจ่ายเงินให้อาม่าเจ้าของร้าน จัดการเก็บขนม 2-3 ชิ้นลงกระเป๋ากางเกงขณะเดินมาหาศิธาพัฒน์ที่จอดมอเตอร์ไซค์รออยู่


“สวัสดีครับพี่ปุ่น” เด็กชายร่างเล็กกล่าวพร้อมกับแหย่นิ้วหลอกล่อเจ้าขนฟูที่กำลังไล่งับอากาศพร้อมกับเห่าเสียงดังเมื่อทุกอย่างไม่เป็นดั่งใจ


“เป็นยังไงบ้างหนุ่มน้อย ทำข้อสอบได้หรือเปล่า”


“ทำได้ฮะ”


“แล้วนี่เหลือสอบอีกวิชา”


“พรุ่งนี้อีกวันเดียวก็ปิดเทอมแล้วฮะ” ตามตะวันกล่าว หนุ่มน้อยทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อโดนฟันเล็ก ๆ ของเจ้าแข็งแรงงับที่ปลายนิ้ว มันกดเขี้ยวแหลมเล็กลงบนเนื้อนิ่มราวกับกำลังแทะหมูปิ้งของโปรดก็ไม่ปาน แต่แค่เพียงตามตะวันเอื้อมมือบีบปากบนของมันเบา ๆ เจ้าหมาน้อยก็ยอมปล่อยนิ้วเล็ก ๆ ให้เป็นอิสระทันที


“จะกลับบ้านใช่ไหม เดี๋ยวพี่ไปส่ง”


“ขอบคุณครับพี่ปุ่น”


“เกาะดี ๆ นะ”


ศิธาพัฒน์เอี้ยวตัวมาดูให้แน่ว่าเด็กชายขึ้นนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้วก่อนจะออกรถ ฝนที่เพิ่งหยุดตกไปได้ไม่นานทำให้อากาศกำลังเย็นสบาย ชายหนุ่มมองนังหนูแข็งแรงที่นั่งชูคออยู่ในตะกร้าหน้ารถสลับกับเงาสะท้อนของดวงหน้าเล็ก ๆ ในกระจกมองข้าง นังหนูของเขาขณะนี้ปราศจากซึ่งอาการตื่นกลัวผิดกับช่วงแรก ๆ ที่เริ่มจับลงตะกร้าไปไหนมาไหนด้วยกัน มันนั่งเชิดหน้าส่งเสียงเห่าเป็นระยะเมื่อเจอสุนัขแปลกหน้าท่าทางดุจดังสิงโตเจ้าป่าคงลืมไปว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงหมาเจ้าเนื้อเท่านั้น แต่เพียงเท่านี้ก็พอจะทำให้เจ้าตัวกลมดูมีความสุขกว่าใคร ในขณะที่คนนั่งซ้อนท้ายนั้นก็ดูเปี่ยมไปด้วยความสุขไม่แพ้กันเลย


สายลมเย็น ๆ และละอองน้ำเล็ก ๆ ที่สาดกระทบเข้ากับใบหน้านำพาความคิดของตามตะวันล่องลอยไป ดวงตาสดใสทอดมองตึกแถวสองข้างทาง มันเป็นภาพที่เห็นอยู่เกือบทุกวันบนเส้นทางจากบ้านไปโรงเรียน อีกไม่ไกลก็จะถึงร้านข้าวขาหมูเจ้าอร่อยที่ไม่ว่าจะผ่านมาเมื่อไรก็เห็นลูกค้าแน่นร้านทุกครั้ง นึกถึงลูกชายเจ้าของร้านที่ป่านนี้คงกำลังเตะฟุตบอลกับก๊วนเพื่อน ๆ อยู่ที่สนามของโรงเรียนชดเชยที่ต้องโดนเตี่ยกับแม่เคี่ยวเข็ญให้อ่านหนังสือมาเสียหลายวัน 


“มาซื้อขนมร้านอาม่าบ่อยเหรอ”


“ไม่หรอกครับ นาน ๆ ซื้อที ซื้อบ่อย ๆ เดี๋ยวพี่ชลเห็นแล้วตามโดนดุ พี่ชลบอกว่ากินเยอะ ๆ ฟันจะผุ”


คนขับหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะถามถึงใครอีกคน “แล้วพี่ชายล่ะ ดุไหม”


“อืม...ตามไม่แน่ใจฮะ พี่เต็มไม่ค่อยพูดไม่ค่อยยิ้ม จนบางครั้งตามก็กลัว”


“แล้วทำไมตามไม่บอกให้เขายิ้มล่ะ ชวนคุยก็ได้”


“ก็...ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน”


“แต่นี่ก็ได้อยู่ด้วยกันแล้วนี่ ทำไมไม่ลองดูล่ะ”


คนนั่งซ้อนท้ายนิ่งคิด มันก็น่าจะดีเหมือนกันถ้าหากทำแบบที่ศิธาพัฒน์ว่า


“แล้วพี่ปุ่นละฮะ มีน้องหรือเปล่า”


“พี่มีน้องชายน่ะ”


“เหรอครับ แล้วอายุเท่าไรครับ เท่าตาม แก่กว่า หรือว่าอ่อนกว่า”


คนถูกถามส่ายหน้า ดวงตาคมกริบยังคงมองไปที่ทางข้างหน้า “น่าจะอายุพอ ๆ กับพี่ชายของตามละมั้ง”


“ดีจัง แบบนี้ก็คงได้ไปโรงเรียนด้วยกันทุกวัน ตอนเย็นก็รอกลับบ้านพร้อมกันใช่ไหมฮะพี่ปุ่น”


ศิธาพัฒน์ครางรับในลำคอพลางนึกถึงเจ้าน้องชายตัวป่วนที่ทำให้เขาและพี่สาวต้องปวดหัวอยู่บ่อย ๆ


“ตามอยากเป็นแบบนั้นบ้างจัง”


คำพูดนั้นทำให้คนฟังอดหัวเราะไม่ได้ ในความคิดของศิธาพัฒน์บางทีการมีพี่น้องที่อายุไล่เลี่ยกันมันก็ไม่ได้สนุกอย่างที่คิด วันไหนถ้ามีใครตื่นสายสักคนวันนั้นเหมือนฟ้าจะถล่มดินจะทลายพากันสายยกครัว ไม่เว้นแม้กระทั่งพ่อซึ่งทำหน้าที่เป็นสารถีไปส่งลูกลิงไปโรงเรียน ยิ่งพอขึ้นมัธยมทั้งเขาและศิลาก็ถูกแยกให้ไปเรียนโรงเรียนชายล้วนซึ่งอยู่คนละทางกับที่ทำงานของพ่อและโรงเรียนของศิตางค์ ดังนั้นลูกชายคนรองอย่างศิธาพัฒน์จึงต้องรับหน้าที่กำกับดูแลน้องชายจอมกวนแทนพ่อที่ต้องคอยรับส่งพี่สาว การเป็นลูกผู้ชายส่งผลให้พวกเขาถูกสอนให้ทำอะไรหลายอย่างด้วยตัวเอง โดยมีพ่อและแม่คอยให้การสนับสนุนหรือให้คำปรึกษาเมื่อเจอกับปัญหา   


“อาจจะไม่ดีอย่างที่ตามคิดก็ได้นะ”


น้ำเสียงกลั้วหัวเราะของอีกฝ่ายทำให้ตามตะวันนึกสงสัย การได้ไปโรงเรียนกับพี่ชายและกลับบ้านด้วนกันตอนเย็นมันจะไม่ดีได้อย่างไรกัน เขาเองยังนึกอิจฉาเพื่อน ๆ หลายคนที่มีพี่สาวหรือพี่ชายมายืนรอรับเพื่อที่จะกลับบ้านพร้อมกันอยู่บ่อย ๆ


“ทำไมล่ะครับพี่ปุ่น”


“น้องชายพี่มันแสบ ชอบก่อเรื่อง เอาแต่ใจตัวเอง บางครั้งก็ดื้อจนน่าตี” มาถึงตรงนี้คนพูดอดคิดไม่ได้ว่านี่เขากำลังพูดถึงน้องชายตัวเองหรือ ‘ไอ้เด็กแสบ’ นั่นกันแน่


“อยู่ด้วยแล้วทำให้พี่ต้องกลายร่างเป็นยักษ์เป็นมารอยู่เรื่อย แล้วก็ชอบบ่นว่าพี่ใจร้ายทุกที”


“แต่ตามว่าพี่ปุ่นใจดีนะฮะ ตามชอบพี่ปุ่น ยะหยากับหมูอ้วนยังบอกเลยว่าพี่ปุ่นใจดี ขนาดพี่ชลก็ยังชอบพี่ปุ่นเลย ใคร ๆ ก็ชอบพี่ปุ่นกันทั้งนั้นเลยนะครับ”


คนถูกชมได้แต่ยิ้ม ใคร ๆ ที่ว่าคงไม่มี ‘เต็มฟ้า ตติยพัฒน์’ รวมอยู่แน่ ๆ 


.....



เมื่อมาถึงเกสต์เฮาส์ ศิธาพัฒน์ก็พบว่าสมาชิกในบ้านต่างก็อยู่กันอย่างพร้อมหน้า ยกเว้นก็แต่ใครบางคนที่ยังไม่ได้พบหน้ากันเลยตั้งแต่เมื่อวาน  เดือนดาราออกมาต้อนรับแขกขาประจำก่อนจะชวนให้เขาอยู่รับประทานอาหารเย็นด้วยกันเพื่อตอบแทนที่ศิธาพัฒน์มาส่งตามตะวันแถมยังช่วยติวให้เมื่อวาน ส่วนเจ้าแข็งแรงก็ปิดปากเงียบตั้งแต่มาถึงทั้งที่ก่อนหน้านี้มันเห่ามาตลอดทางอยู่แท้ ๆ ลูกสุนัขตัวอ้วนกลมท่าทางสงบเสงี่ยมเจียมตัวเป็นพิเศษเสียจนคนพามารู้สึกหมั่นไส้ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโต๊ะริมระเบียงมานั่งลงยีหัวมันเล่นพลางบ่นให้ได้ยินกันแค่หนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัว


“แกจะไม่เห่าเรียกพ่อแกหน่อยเหรอ หืม..นังหนู”


ทันทีที่มือหนาห่างออกไปเจ้าหมาน้อยก็สะบัดหัวไปมาทำท่ารำคาญก่อนจะนอนลงเงียบ ๆ อย่างไม่แยแสคนที่ให้ข้าวอยู่ทุกวันเลยแม้แต่น้อย


ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่เดินคอตกกลับไปนั่งที่เดิม หัวคิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด พลันริมฝีปากอิ่มก็ยกยิ้มขึ้นน้อย ๆ เมื่อแผนการหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว


“แข็งแรงมานี่มา” ศิธาพัฒน์ร้องเรียกเสียงดังทั้งที่เจ้าตัวอ้วนก็นอนอยู่ห่างออกไปไม่มาก แครกเกอร์อบกรอบที่วิษณุแบ่งให้เมื่อตอนกลางวันถูกล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง ร่างสูงย่อตัวลงนั่งมองลูกสุนัขที่ยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง ไม่มีแม้แต่จะผงกหัวขึ้นมาดูเลยด้วซ้ำว่าเจ้านายเรียกทำไม แต่ถึงอย่างนั้นพนักงานไปรษณีย์หนุ่มก็ยังไม่ละความพยายาม เพียงขยับมือเล็กน้อยเสียงดังก๊อบแก๊บของห่อขนมที่เสียดสีกันก็เกิดพลังมากพอที่จะทำให้หูเล็ก ๆ ซึ่งปกลุมไปด้วยขนขยับเป็นจังหวะ ทันทีที่ซองขนมถูกฉีกเจ้าขนฟูก็พรวดพราดลุกขึ้นราวกับถูกจู่โจมด้วยคลื่นเสียงความถี่ที่สามารถทำให้น้ำลายหยดติ๋งได้


“หึ...แกอยากกินใช่ไหม...นังหนู”


เสียงครางหงิง ๆ และน้ำลายที่หยดแหมะลงกับพื้นพอจะใช้เป็นคำตอบได้ ศิธาพัฒน์ยิ้มก่อนจะยื่นขนมไปใกล้ รอจังหวะที่เจ้าแข็งแรงยื่นปากมางับก็รีบชักมือกลับทันที ได้ยินเสียงปากยาวกระทบกันดังปับ ๆ


“แกต้องเห่าก่อนนะรู้ไหม” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับคำพูดเมื่อสักครู่ให้อดนึกไม่ได้ว่าตัวเขาเองก็ร้ายกาจไม่ใช่เล่น


เจ้าลูกสุนัขที่เลียปากตัวเองแผล็บ ๆ พร้อมกับหายใจฟืดฟาดใช้ขาหน้าปัดจูมกราวกับเด็กที่หงุดหงิดเมื่อโดนแกล้ง


“แข็งแรง ทำยังไงก่อน” ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะเสียงดังไปทำไมทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้


“พี่ปุ่นจะสอนให้แข็งแรงสวัสดีเหรอฮะ” ตามตะวันที่เดินออกมาจากบ้านเอ่ยขึ้นขณะวางหนังสือที่หอบมาด้วยลงบนโต๊ะ
มันแยบยลกว่านั้น ศิธาพัฒน์คิดในใจ อยากจะบอกออกไปแต่ก็ได้เพียงแค่ยิ้มรับ


“แข็งแรงสวัสดีก่อนเร็ว ยกขาสิยกขา” สิ้นเสียงเจ้านายตัวเล็กแทนที่เจ้าแข็งแรงจะยกขาทำท่าสวัสดี มันกลับเห่าเสียงดังจนคนสั่งต้องขมวดคิ้ว ยิ่งแปลกใจหนักเข้าไปอีกเมื่อเห็นเจ้าของขนมกล่าวชื่นชมและยื่นแครกเกอร์อบให้เจ้าหมาน้อย เพียงไม่กี่วินาทีมันก็ทำให้สสารลงไปอยู่ในท้องเข้าสู่กระบวนการย่อยอย่างสมบูรณ์ก่อนจะนั่งเลียปากจ้องมองส่วนที่เหลือในมือของชายหนุ่ม   


“ดีมากนังหนู” มือหนาส่งแครกเกอร์เข้าปากยาวพร้อมกับลูบหัวมันเบา ๆ


“อ้าว ยังไม่ได้สวัสดีเลย”


“ให้มันไปเถอะครับ สงสารมัน” ศิธาพัฒน์พูดไปก็นึกขำตัวเอง นี่ถ้าเจ้าแข็งแรงมันพูดได้มันคงจะฟ้องตามตะวันไปแล้วว่าเขาแผนสูงขนาดไหนและทำอะไรกันมันบ้าง


“อีกชิ้นไหม”


ด้วยพลังของแครกเกอร์อบนี้เองทำให้นังหนูขนฟูแสดงร่างจริงของมันจนได้ มันเห่าเสียงดังพลางวิ่งวนไปมาเมื่อจับทางได้ว่าความปากเปราะจะทำให้ได้รางวัล และไม่นานแครกเกอร์ก็ถูกทำให้หายไปด้วยพลังความตะกละตะกลามของเจ้าหมาน้อย




“ลูกสาวใครเนี่ยเห่าเสียงดังจัง เดี๋ยวจับถ่วงน้ำเสียเลยนี่”



‘เฮ้อ...ในที่สุดก็ออกมาเสียที’ ศิธาพัฒน์มองหาต้นเสียง หน้าตาที่ดูอิดโรยกับเสียงขึ้นจมูกนั่นบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่หายป่วยแน่ ๆ แต่ถ้ามีแรงพูดจากวนประสาทได้แบบนี้แล้วละก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง


“พี่เต็มจะจับแข็งแรงถ่วงน้ำจริงเหรอฮะ”


“อื้อ..เดี๋ยวพี่จะจับมันใส่หม้อถ่วงน้ำไปพร้อมกับขนมในปากมันนั่นแหละ” เต็มฟ้ากล่าวขณะเดินมานั่งลงตรงหน้าต้นเหตุที่ทำให้ตัวเองไม่สบายพร้อมกับยักคิ้วกวน ๆ


“เต่าญี่ปุ่นของพี่ชลก็ปล่อยลงน้ำจนเกลี้ยงบ่อ นี่ยังจะจับหมาถ่วงน้ำอีก ใจร้ายจริง ถามคนเลี้ยงของเขาหรือยังว่าเขายอมหรือเปล่า”


“ก็คนเลี้ยงปล่อยให้มันเห่ารบกวนคนอื่นแบบนี้ก็ต้องโดนแบบนี้แหละ” เจ้าของใบหน้าซีดเซียวยิ้มเยาะ แต่แล้วหัวคิ้วก็ต้องขมวดเข้าหากันเมื่อนึกทวนคำพูดเมื่อสักครู่ “เฮ้ย! เดี๋ยวนะ เมื่อกี้พูดถึงเต่าพี่ชล รู้ได้ยังไงใครเล่าให้ฟัง”


“เขาแซ่ซ้องสรรเสริญกันไปทั้งโลกแล้วไม่รู้หรอกเหรอ”


คนฟังมองตาขุ่น ๆ ก่อนจะอุ้มเจ้าหมาน้อยมาไว้แนบอก รู้สึกได้ว่าตัวมันหนักขึ้นทุกวัน ๆ อีกหน่อยคงจะอุ้มแบบนี้ไม่ไหวแล้ว


“พูดอะไรไร้สาระเนอะแข็งแรงเนอะ” ริมฝีปากที่ไร้ซึ่งสีของเลือดกล่าว เดาว่าคงจะเป็นพี่สาวหรือไม่ก็พ่อของเขาที่เอาเรื่องนี้มาเล่าเป็นเรื่องสนุกทั้งที่ตัวเขาต้องโดนทำโทษให้สำนึกผิดอยู่นานสองนาน


“พูดไร้สาระก็ยังดีกว่า คนที่รู้สึกยังไงก็เก็บเอาไว้เนอะน้องตามเนอะ”


ศิธาพัฒน์กล่าวพลางยืนขึ้นโอบไหล่เล็กของเด็กชายเอาไว้ ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องมาต่อปากต่อคำกับไอ้เด็กกวนประสาทที่ไม่มีท่าทีว่าจะยอมแพ้ง่าย ๆ แทนที่จะพูดกันดี ๆ


ตามตะวันที่จู่ ๆ ก็ถูกลากเข้ามาเกี่ยวได้แต่หัวเราะแหะ ๆ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในสมรภูมิการต่อสู้ของเหล่าดิจิทัลมอนสเตอร์ที่กำลังแผ่คลื่นไฟฟ้าใส่กันแบบที่เห็นในรายการการ์ตูนตอนเช้า


“เอ่อ....ตามว่าตามไปอ่านหนังสือดีกว่า” พูดจบเด็กชายร่างเล็กก็เดินหนีเอาดื้อ ๆ ปล่อยให้สองคนยังคงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกันอยู่อย่างนั้น


“จะพูดดี ๆ กันบ้างไม่ได้หรือไง”


“ใครเริ่มก่อน” เต็มฟ้าทำปากขมุบขมิบ พูดไปแบบนั้นทั้งที่รู้ว่าตัวเองผิดเต็มประตู


“โตแล้วน่าจะรู้”


“เออ ๆ ก็ได้ ๆ เต็มเริ่มก่อน แต่ถ้าพี่ศิธาทนฟังไม่ได้ อุดหูไว้ก็จบ”


“ไอ้เด็กบ้า เป็นเด็กเป็นเล็กแทนที่จะขอโทษ” ศิธาพัฒน์โคลงหัวมองชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังอุ้มลูกสุนัขลุกขึ้น


“ถ้าอย่างนั้นเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องรู้จักให้อภัยถูกไหมครับ”


รอยยิ้มที่มุมปากกับหางคิ้วที่ขยับขึ้นลงถี่ ๆ นั้นทำเอาคนมองแทบอดใจไว้ไม่อยู่ นี่ถ้าเป็นน้องชายคงได้ง้างเท้าเตะเข้าป้าบใหญ่ไปแล้ว ตาคมหรี่มองร่างสูงสมส่วนที่กำลังเดินผิวปากผ่านหน้าไปพร้อมกับท่อง ‘ไม่เตะหนอ..ไม่เตะหนอ’ ในใจ


ศิธาพัฒน์เดินไปไปล้างมือก่อนจะมานั่งลงที่โต๊ะริมระเบียงพลางถอนใจเบา ๆ สายตายังคงจ้องมองแผ่นหลังคนที่นั่งอยู่ที่บันไดท่าน้ำ


“พี่ปุ่นโกรธพี่เต็มเหรอฮะ”


คำถามของตามตะวันทำให้รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าบึ้งตึงอีกครั้ง “ตามอยากให้พี่โกรธไหม”


“ไม่ฮะ ตามไม่อยากให้พี่ปุ่นโกรธพี่เต็ม ตามอยากให้พี่ปุ่นพาแข็งแรงมาบ้านเราบ่อย ๆ”


“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็จะไม่โกรธ ดีไหม”


เมื่อได้ฟังดังนั้นเด็กชายร่างเล็กก็ยิ้มออก “ดีฮะ ดีมาก ๆ เลย”


ศิธาพัฒน์มองเด็กชายร่างเล็กอย่างเอ็นดู ที่พูดไปแบบนั้นก็เพราะไม่ได้รู้สึกโกรธจริง ๆ แต่ทำไมจึงรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า หัวใจก็เต้นแรงแปลก ๆ ทบทวนดูแล้วก็คิดว่าตัวเองไม่ได้กำลังโกรธ แล้วนี่มันอะไรกัน?



“หนุ่ม ๆ ทานข้าวกันได้แล้วจ้ะ”


เสียงของเจ้าของเกสต์เฮาส์ทำให้ทุกคนต้องหยุดกิจกรรมต่าง ๆ และหันไปมองเธอเป็นตาเดียว วันนี้เดือนดาราลงมือเข้าครัวด้วยตัวเอง นาน ๆ เธอจะทำเช่นนี้แสดงว่าต้องมีอะไรเป็นพิเศษ อาหารพื้นเมืองหลายอย่างถูกยกมาวางบนโต๊ะโดยพี่สาวคนโตของบ้าน จากนั้นทุกคนก็มารวมตัวกันที่โต๊ะอาหาร


“วันนี้มีอะไรพิเศษครับ น้าเดือนถึงลงมือทำกับข้าวเอง” เต็มฟ้ากล่าวขณะวางเจ้าแข็งแรงลงให้มันกินอาหารที่คนงานเตรียมให้ชามพลาสติกเอาไว้ให้


“พอดีวันนี้น้าไปเจอเพื่อนเก่ามาจ้ะ เขาเป็นอาจารย์อยู่ที่เชียงรายน่ะ เห็นว่าสอนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางอะไรนี่แหละ น้าก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเดี๋ยวนี้ในมหาวิทยาลัยมีคณะอะไรแบบนี้ด้วย ตอนนี้เขาหันมาจับธุรกิจสปา จะทำพวกผลิตภัณฑ์สปาแบรนด์ของตัวเองก็เลยอยากได้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใคร พอน้าบอกว่าโรงงานของเรารับทำบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเซรามิกเขาก็สนใจใหญ่ นี่เห็นว่าจะหาเวลาว่าง ๆ แวะไปคุยกับพ่อของเต็มที่ไร่ด้วยนะ” เดือนดารายิ้มก่อนจะนั่งลงที่หัวโต๊ะ


“นี่ถ้าตกลงกันเรียบร้อย อีกหน่อยคนที่จะต้องเหนื่อยก็คงต้องเป็นเต็มแล้วนะ” ชลธรกล่าวกับน้องชายพร้อมกับวางโถใส่ข้าวลงบนโต๊ะ จากนั้นเธอก็จัดการตักข้าวแจกจ่ายให้ทุกคนที่ต่างก็นั่งประจำที่ของตัวเอง


“ล้างมือหรือยัง” ศิธาพัฒน์เอ่ยขึ้น แต่คนที่นั่งข้างกันกลับทำไม่รู้ไม่ชี้


“เมื่อกี้อุ้มเจ้าแข็งแรงน่ะ ล้างมือแล้วหรือยัง”


“มันไม่ได้สกปรกนี่” คนดื้อดึงกล่าวพลางทำท่าจะหยิบช้อน แต่อีกคนมือไวกว่าถึงจานหนีออกได้ทัน


“ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ต้องล้างอยู่ดี จะรู้ได้ยังไงว่าวันทั้งวันมันไปทำอะไรมาบ้าง ยิ่งไม่สบายแบบนี้ด้วยยิ่งต้องรักษาความสะอาดนะรู้ไหม”


คำพูดยืดยาวตามประสาพี่ชายผู้คุ้มกฎทำให้ชลธรอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นน้องชายคนรองจำใจลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้ “นี่ที่ไปล้างมือเพราะเชื่อพี่ปุ่นใช่ไหมว่าต้องรักษาความสะอาด”


เต็มฟ้าส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะตอบคำถามที่เรียกเสียงหัวเราะได้จากทั้งโต๊ะ “เปล่า เต็มรำคาญ บ่นอยู่ได้ นี่ถ้าไม่ไปล้างมือคงบ่นจนกับข้าวชืดหมด”


สาวหน้าหวานส่ายหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะหันมาสบตาคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “ดีจังเลยนะที่มีปุ่นช่วยกำราบนายเต็มให้ ไม่งั้นก็ทำอะไรตามใจอยู่เรื่อย”


“ลืมตัวไปหน่อยน่ะครับคิดว่าอยู่ที่บ้าน” ศิธาพัฒน์หัวเราะแก้เก้อ “เจ้าปุ้นน้องชายของผมก็ดื้อแบบนี้เหมือนกัน ต้องให้ใช้ไม้แข็งกันอยู่เรื่อย”


“ดีจ้ะ น้าสนับสนุน ต้องให้มีคนคอยขัดใจบ้างอย่างนี้แหละจะได้ไม่ออกนอกลู่นอกทาง” เดือนดารากล่าวพลางมองหลานชายที่เดินหน้ามู่ทู่กลับมาที่โต๊ะอาหาร


ศิธาพัฒน์เหลือบมองคนนั่งข้าง ๆ ที่ลงมือรับประทานอาหารเงียบ ๆ รู้สึกขบขันกับใบหน้าบอกบุญไม่รับนั่นเหลือเกิน ช่างเหมือศิลาไม่มีผิด ด้วยความที่เป็นน้องชายคนเล็ก เวลาโดนพี่ ๆ ขัดใจก็จะแสดงสีหน้าไม่พอใจแบบนี้ทุกครั้งไป แต่พอพี่ ๆ ง้อเข้าหน่อยก็ยิ้มหน้าบานหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง ไม่รู้ว่าเต็มฟ้าคนนี้จะเป็นเช่นเดียวกับน้องชายของเขาด้วยหรือเปล่า   


“เอ้อ เมื่อเช้าพี่ไปตลาดกลับมาไม่ทันตามไปโรงเรียนเสียก่อนก็เลยไม่ได้ทานอะไรเลยน่ะสิ” ชลธรเอ่ยขึ้นเมื่อนึกได้


“ทานฮะ เมื่อเช้าพี่เต็มทำข้าวต้มให้ตามทาน”


“จริงเหรอเต็ม”


“เปล่า” ผู้เป็นพี่ชายปฏิเสธ


“อืม..แต่เต็มจำได้นะฮะว่าลายมือบนกระดาษโน้ตเป็นลายมือพี่เต็ม” ตามตะวันเกาหัวแกรก ๆ จำได้จริง ๆ ว่านั่นคือลายมือของพี่ชาย แต่ทำไมอีกฝ่ายจึงกลับปฏิเสธเสียได้


“เขียนว่าอะไรเหรอจ๊ะ” พี่สาวคนโตของบ้านหันไปซักไซ้น้องชายคนเล็ก แต่ก็โดนเต็มฟ้าทะลุขึ้นกลางปล้องเสียก่อน


“เขียนว่า......ทานข้าวเถอะนะพี่ชลนะ นะจ๊ะ” ชายหนุ่มยิ้มหวานพลางตักกับข้าวให้พี่สาวอย่างประจบ มองค้อนคนที่นั่งยิ้มอยู่ข้าง ๆ เล็กน้อยจากนั้นจึงลงมือรับประทานอาหารต่อเงียบ ๆ


ชลธรมองน้องชายอย่างรู้ทัน คิดว่าอย่างไรเสียวันนี้เธอก็ต้องถามให้ได้ความจากตามตะวันให้ได้


หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ศิธาพัฒน์ก็ถือโอกาสลากลับ เขาเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ซึ่งจอดอยู่นอกรั้วโดยมีเต็มฟ้าเดินอุ้มเจ้าแข็งแรงตามไปห่าง ๆ


“ทำแล้วทำไมต้องบอกว่าไม่ได้ทำด้วย”


“ทำอะไร”


“ก็ทำอะไรดี ๆ แบบที่ทำให้คนอื่นเขายิ้มได้น่ะ”


“ก็...มันไม่ชิน”


“ไม่ชินก็ทำให้มันชินสิ แค่ยอมรับเอง แล้วนี่จะกลับไปอยู่ที่ไร่เมื่อไร”


“ไม่รู้เหมือนกัน ก็คงรอตามสอบเสร็จก่อนละมั้ง”


คนถามพยักหน้าพลางรับเจ้าตัวอ้วนจากมือของอีกฝ่าย เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสกันเท่านั้นก็ทำให้อากาศเย็นสบายหลังฝนตกก็กลับร้อนอบอ้าวขึ้นมาทันที ใบหน้าเห่อร้อนอย่างไร้สาเหตุทั้งที่ตัวต้นเหตุก็ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ได้ขยับไปไหน



โชคดีเหลือเกินที่ความมืดและแสงไฟสีเหลืองนวลช่วยอำพรางแก้มสีชมพูของเขาเอาไว้ได้




เมื่อเต็มฟ้าเดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งก็พบว่าน้องชายกำลังยืนรอเขาอยู่ ตามตะวันสบตาพี่ชายอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ


“มีอะไรหรือเปล่า”


“คือตาม...ตามจะขอบคุณพี่เต็มสำหรับข้าวต้มเมื่อเช้า”


พี่ชายมองน้องชายที่ยืนตัวลีบก้มหน้างุดพลันรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้า มันอาจจะไม่ชัดเจนจนสังเกตได้ แต่เต็มฟ้าก็รู้ดีว่าตัวเองกำลังยิ้ม นั่นเพราะท่าทางของน้องทำให้รู้สึกได้ว่าเขาคงเป็นพี่ชายที่ใจร้ายเอามาก ๆ น้องถึงได้กลัวขนาดนี้


“พรุ่งนี้อยากกินอะไร”


“ฮะ? อะไรนะฮะ”


“พี่ถามว่าพรุ่งนี้ตามอยากกินอะไร”


“อะ..อะไรก็ได้ฮะ ตามทานได้หมด”


....สำหรับน้องชายแล้ว พี่ชายทำอะไรให้ก็กินทั้งนั้น.... 
 

....



ศิธาพัฒน์หรี่ตามองเจ้าลูกสุนัขตัวกลมที่กำลังยืนสองขาเกาะรั้วทำจมูกฟุดฟิด เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก็พบว่าที่แท้จุดหมายของมันก็คือการเอาถุงพลาสติกใส่ข้าวเหนียวหมูปิ้งที่เกี่ยวอยู่กับเหล็กดัดลงมาจัดการเสียให้เรียบร้อย กลิ่นหอมยั่วยวนนั่นทำเอาเจ้าหมาน้อยน้ำลายไหลยืดเป็นทาง ตาแป๋วมองตามมือหนาที่เอื้อมปลดถุงลงมาพร้อมกับเลียปากแผล็บ ๆ ที่ถุงมีกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งเขียนติดเอาไว้ว่า ‘แบ่งกันนะ อย่าแย่งกันล่ะ’ ทำเอาศิธาพัฒน์หัวเราะหึเป็นฝีมือใครไปไม่ได้นอกจาก ‘ไอ้เด็กแสบ’ นอกจากจะกวนประสาทคนเลี้ยงแล้วยังทรมานหมาอีกต่างหาก หลายวันแล้วที่ไม่ได้ไปที่เกสต์เฮาส์เพราะเขาต้องอยู่ช่วยงานที่ที่ทำงการไปรษณีย์จนมืดค่ำทุกวัน ร่างสูงยกยิ้มมุมปากเมื่อรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่สะกิดที่ขาพร้อมกับเสียงร้องหงิง ๆ


“ไงนังหนู แกอยากกินเหรอ” พูดจบก็ย่อตัวลงนั่งก่อนจะหยิบไม้หมูปิ้งส่งให้ เจ้าแข็งแรงอ้าปากงับพลางนอนลงแทะชิ้นหมูอย่างเอร็ดอร่อย


“พ่อแกนี่ใจร้ายจังเนอะ ไม่รู้ว่าจะรีบไปไหนนักหนา”


เย็นวันนั้นทั้งหมาทั้งคนก็พากันแวะไปที่เกสต์เฮาส์ ศิธาพัฒน์พบว่ารถเก๋งสีดำไม่ได้จอดอยู่ในที่ประจำของมันเหมือนเคย เมื่อถามจากชลธรก็รู้ว่าตามตะวันสอบเสร็จแล้ว สองพี่น้องจึงพากันกลับไปอยู่ที่ไร่แสงดาว



(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2014 20:44:09 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อัพแล้วววววว ดีใจจจจ ขอตัวไปอ่าน แว๊บบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)


พ่อเลี้ยงตรัยเปิดประตูนำลูกชายเข้าไปในโรงนาเก่าที่ถูกแปรสภาพเป็นโรงงานเซรามิกตั้งแต่ที่ภรรยาของเขายังคงมีชีวิตอยู่ เต็มฟ้ามองไปรอบ ๆ พลางนึกถึงสมัยเด็ก ๆ ถ้าไม่ไปนั่งเล่นนอนเล่นที่ใต้ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ซึ่งอยู่อีกฟากของลำธารก็จะมาขลุกอยู่ที่นี่ช่วยหยิบจับโน่นนี่ไปตามประสา เมื่อเวลาผ่านไปจึงพอจะได้วิชาจากแม่และบรรดาลุงป้าน้าอาที่เป็นคนงานติดตัวมาเป็นต้นทุนอยู่บ้าง ร่างสูงแยกตัวออกมาก่อนจะเดินไปตามทางแคบ ๆ ระหว่างชั้นวางภาชนะรูปทรงต่าง ๆ ที่รอการเผาเคลือบ งานทุกชิ้นล้วนปราศจากตำหนิเนื่องจากผ่านกระบวนการคัดกรองที่ค่อนข้างละเอียด งานที่มีรอยแตกร้าวเมื่อนำออกจากเตาเผาก็จะถูกคัดแยกออกไป ดังนั้นงานที่ผลิตจากโรงงานเซรามิกแห่งไร่แสงดาวเป็นที่ยอมรับในเรื่องของฝีมือมาแต่ไหนแต่ไร จึงน่าเสียดายที่จะขายโรงงานนี้ให้กับนายทุนที่คิดแต่จะแสวงหาผลกำไร ดังนั้นลูกชายคนโตของครอบครัวจึงตัดสินใจสอบเข้าเรียนในสาขาเซมิกเพื่อกลับมาสานต่อในสิ่งที่แม่รักและจะได้รักษาโรงงานเซมิกแห่งนี้เอาไว้


“พ่อคิดว่ายังไงถ้าเต็มจะยกเครื่องที่นี่ใหม่”


“ก็เอาสิ โรงนานี่น่ะมันก็เก่าเต็มทีแล้ว ซ่อมแซมใหม่เสียทีก็ดีเหมือนกัน ถ้าเป็นเรื่องเงินทุนละก็ไม่ต้องเป็นห่วง แกลองร่างแบบคร่าว ๆ มาก่อนก็แล้วกัน พ่อจะให้ช่างเขาประเมินราคาให้”


“ถ้าอย่างนั้นเต็มจะเขียนแบบให้ก็แล้วกัน”


ดวงตาแข็งกร้าวของผู้เป็นพ่อกลับอ่อนลงในทันที พ่อเลี้ยงตรัยพยักหน้ารับข้อเสนอก่อนจะเดินเข้าไปโอบไหล่ลูกชายเอาไว้


“พ่อดีใจนะที่แกกลับมา แม่แกเขาก็คงดีใจเหมือนกัน”


“พ่ออย่าทำซึ้งตอนนี้น่า อายคนอื่นเขา”


“บ๊ะ! ไอ้ลูกคนนี้ จะองจะอายอะไรกัน ในนี้ก็พี่ป้าน้าอาที่เห็นแกมาตั้งแต่เด็ก บางคนยังคอยปลอบเวลาแกโดนแม่ดุจนร้องไห้ขี้มูกโป่งด้วยซ้ำ”


“ก็ตอนนี้โตแล้วนี่นาพ่อ ไม่อยากร้องไห้ให้ใครต้องคอยปลอบแล้ว”


“ห่วงหล่อว่างั้น”


“ช่ายยยยยยยย” ชายหนุ่มลากเสียงทะเล้น แต่กระนั้นคนเป็นพ่อก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น นั่นเป็นเพราะเขาสอนลูกเสมอให้เป็นคนเข้มแข็งและอดทน เต็มฟ้าจึงโตมาเป็นเด็กที่เข้มแข็งเสียจนน่าใจหาย เรื่องราวต่าง ๆ ที่ลูกได้ประสบพบเจอระหว่างเรียนอยู่ในโรงเรียนประจำใช่ว่าคนเป็นพ่ออย่างเขาจะไม่รู้ เขารู้เรื่องราวทั้งหมดจากชลธรซึ่งเป็นคนเดียวที่เต็มฟ้าไว้ใจยอมเล่าทุกอย่างให้ฟัง ลูกต้องร้องไห้ ลูกถูกรังแก นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้พ่อรู้สึกเจ็บปวดเสมอทุกครั้งที่ได้รับรู้


“ฝนจะตกแล้ว แกจะกลับบ้านพร้อมพ่อเลยไหม นี่คนงานก็จะกลับกันหมดแล้ว”


“พ่อกลับก่อนเถอะ เต็มอยากอยู่ที่นี่ต่อ”


“ตามใจ” พ่อเลี้ยงตรัยกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากโรงนาไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ท่ามกลางบรรยากาศฝนตั้งเค้า ภายในโรงนาไม่เหลือใครนอกจากนายน้อยลูกชายคนโตของพ่อเลี้ยง


เต็มฟ้าเดินไปหยุดที่แท่นหมุนสำหรับขึ้นรูป มือเรียวค่อย ๆ สัมผัสลงบนผิวหยาบของโลหะที่เกรอะกรังไปด้วยดินแห้ง นัยน์ตาสีเข้มกวาดมองไปรอบ ๆ รู้สึกว่าตัวเองหนีหายไปเสียนาน ทั้ง ๆ ที่คนที่นี่และโรงงานเซมิกแห่งนี้ยังคงรอการกลับมาของเขา แต่นับจากวันนี้เขาสัญญากับตัวเองว่าจะกลับมาทำในสิ่งที่รักอีกครั้งและจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่กำลังของเขาจะทำได้


เสียงเปิดประตูทำให้ร่างสูงต้องหยุดความคิดเอาไว้เพียงแค่นั้น เต็มฟ้าหันไปมองยังต้นเสียงที่น่าจะมาจากด้านหน้าของโรงนา ในที่สุดร่างเล็ก ๆ ของน้องชายก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา


“ตามมาที่นี่ได้ยังไง”


“ขี่จักรยานมาฮะ ตามเห็นพ่อกับพี่เต็มเอารถออกมาก็เลยคิดว่าน่าจะมาที่นี่ ตามก็เลยตามมา”


“แล้วนี่พ่อรู้หรือเปล่า”


“รู้ฮะ สวนกันตรงโรงเพาะเห็ด”


“ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องรอให้ฝนหยุดก่อนค่อยกลับ” เต็มฟ้ากล่าวก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ไม้เตี้ย ๆ พลางเรียกน้องชายให้เข้ามานั่งด้วยกัน


เสียงฟ้าร้องคลืนที่ด้านนอกทำเอาพี่ชายต้องรีบใช้มืออุดหู


“พี่เต็มกลัวเสียงฟ้าร้องเหรอฮะ”


คนถูกถามรีบลดมือลงแต่ก็ยอมพยักหน้ารับความจริง นอกจากไม่ชอบเสียงฟ้าร้องแล้วเขายังไม่ชอบเสียงที่ให้ต้องสะดุ้งตกใจอีกหลายเสียง อย่างเช่นเสียงลูกโป่งแตกหรือแม้กระทั้งเสียงของโทรศัพท์มือถือ และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงไม่ค่อยรับโทรศัพท์เวลาที่มีคนโทร.เข้ามา ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่าโทรศัพท์ถูกตั้งให้เป็นระบบสั่นนั่นเอง


“ไม่ต้องกลัวนะครับ เดี๋ยวรามสูรก็ไปแล้ว”


“รามสูรเหรอ” รู้สึกคุ้น ๆ เหมือนเคยจากปากของใครสักคน


“ใช่ครับ หนังสือภาษาไทยที่ตามเรียนบอกว่าเสียงฟ้าร้องเป็นเพราะรามสูรขว้างขวาน ส่วนที่ฟ้าแลบนั่นก็เพราะว่านางเมขลาออกมาล่อแก้ว เดี๋ยวอีกสักพักพอสองคนนั้นเหนื่อยก็คงกลับบ้านแล้วละฮะพี่เต็ม”


เต็มฟ้าเลิกคิ้วก่อนจะคลี่ยิ้มปลอดโปร่งแม้จะรู้สึกระแวงเสียงคลืน ๆ นั้นก็ตาม


“พี่เต็มยิ้มแล้ว” ตามตะวันร้องขึ้นพร้อมกับยิ้มตามพี่ชายไปด้วย


“ทำไมล่ะ”


“ก็พี่เต็มไม่เคยยิ้มให้ตามแบบนี้เลยนี่ครับ ตามชอบเวลาเห็นพี่เต็มยิ้ม”


ฟังแล้วรู้สึกสะท้อนใจ นี่เขาไม่เคยยิ้มให้เห็นสักครั้งเลยหรือน้องชายถึงได้แสดงท่าทางดีใจขนาดนั้น


“แล้วทำไมตามไม่บอกให้พี่ยิ้มล่ะ”


“ตะ ตาม...”


“พี่น่ากลัวเหรอ”


ตามตะวันรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “พี่เต็มไม่ไม่น่ากลัวฮะ แต่ตามคิดว่าพี่เต็มไม่ชอบตาม”


“ทำไมถึงคิดแบบนั้น”


“ก็เพราะชุดกระโปรง....ชุดกระโปรงสีฟ้าชุดนั้น พ่อบอกว่าพี่เต็มตั้งใจซื้อเตรียมไว้ให้น้องสาว แต่ตาม....”


“ตามก็เป็นน้องพี่ไง”


“แต่ตามไม่ใช่น้องสาว” ประโยคนั้นช่างแผ่วเบาแต่กลับหนักอึ้งอยู่ในหัวอกคนฟัง ตามตะวันคิดว่าที่เต็มฟ้าทำเฉยชานั่นเป็นเพราะว่าตนเองไม่ใช่น้องสาวแบบที่พี่ชายคาดหวัง ถึงจะฟังดูเจ็บปวดแต่นั่นก็ทำให้คนเป็นพี่รู้สึกโล่งใจไม่น้อย เพราะมันน่าจะดีกว่าการได้รู้ความจริงที่เจ็บปวดยิ่งกว่า อย่างน้อยก็ดีที่น้องชายเข้าใจแบบนั้น แทนการเข้าใจตนเองเป็นสาเหตุของการจากไปของผู้เป็นแม่อย่างที่เต็มฟ้าฝังใจมาตลอด


“จะเป็นน้องสาวหรือน้องชายก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเป็นน้องของพี่ก็พอ” พูดจบมือบางก็คว้าร่างเล็ก ๆ ของน้องเข้ามากอดไว้แน่น


“ต่อไปนี้ ให้โอกาสพี่ได้ทำหน้าที่ของพี่ชายดีบ้างนะ”


“พี่เต็ม...”


มือเล็ก ๆ ตบลงเบา ๆ ที่แผ่นหลังกว้างของพี่ชาย พร้อมกับคำปลอบโยนที่ออกมาจากใจ...


“ไม่ร้องไห้นะฮะ ตามอยากเห็นพี่เต็มยิ้ม"
 

(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)


 
ในที่สุดฤดูฝนก็ผ่านไป หากลมฝนได้หอบเอาหยาดน้ำตาของใครหลายคนติดไปด้วย ลมหนาวที่กำลังจะมาก็คงพัดพาเอารอยยิ้มมาแต่งแต้มบนใบหน้าของคนรอ


เต็มฟ้ามองดูเจ้าลูกสุนัขวัยรุ่นที่นั่งเชิดหน้าอยู่บนอานมอเตอร์ไซค์จากอีกฟากของลำธาร มันสวมเสื้อยืดสีชมพูดูตลกพิลึก ขนที่ค่อนข้างยาวและหางที่เป็นพวงทำให้คาดเดาเอาได้ว่าจะต้องมีส่วนผสมของสุนัขพันธุ์บางแก้วไม่ผิดแน่ จากที่เคยนั่งอยู่ในตะกร้าหน้ารถ ตอนนี้มันต้องย้ายตำแหน่งเพราะตัวที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก ทันที่มอเตอร์ไซค์จอดสนิท เจ้าแข็งแรงก็กระโดดแผล็วลงมาวิ่งเหยาะ ๆ สำรวจไปรอบ ๆ แม้ศิธาพัฒน์จะร้องเรียกแต่มันก็ไม่ยอมหยุด


ร่างสูงก้าวลงมายืนมองอาคารสีลูกกวาดที่เพิ่งปรับปรุงครั้งใหญ่เสร็จเมื่อไม่นาน ตอนนี้หากจะนำภาพเก่าจากอัลบั้มมาเทียบก็คงไม่เหลือเค้าเดิมให้เห็น เพราะโรงนาเก่าบัดนี้ได้กลายเป็นโรงงานเซรามิกอย่างสมบูรณ์แบบ จะมีก็แต่ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์เท่านั้นที่ยังคงยืนต้นตระหง่านออกดอกสีชมพูสะพรั่งต้อนรับลมหนาวที่กำลังมาเยือนโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง


เต็มฟ้ามองตามชายหนุ่มที่กำลังเดินตามเจ้าสุนัขเพศเมียจอมซนที่เดินคุ้นโน่นเขี่ยนี่ไปเรื่อยเปื่อย ตอนที่รู้ว่าที่ดินแถบนี้เคยเป็นของแม่ของศิธาพัฒน์มาก่อนนั้นก็ตกใจไม่น้อย ยิ่งรู้ว่าแม่ของเขาทั้งสอนคนเคยเป็นเพื่อนรักกันรวมถึงเหตุผลที่นายหญิงของไร่ตัดสินใจซื้อที่ดินผืนนี้ก็ให้ประหลาดใจหนักเข้าไปใหญ่ พ่อเลี้ยงตรัยเองก็เคยถามศิธาพัฒน์อยู่เหมือนกันเมื่อตอนเริ่มปรับปรุงโรงงานว่าอยากได้ที่ดินผืนนี้คืนหรือไม่แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากอีกฝ่าย เต็มฟ้าจึงไม่แน่ใจว่าทั้งหมดนี้จะเป็นสาเหตุของการที่พนักงานไปรษณีย์หนุ่มผู้นี้สามารถเข้าออกไร่แสงดาวได้อย่างสะดวกหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าศิธาพัฒน์คนนี้จะกลายเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวตติยพัฒน์ไปเสียแล้ว ศิธาพัฒน์ยังคงพาเจ้าแข็งแรงมาวิ่งเล่นในไร่ทุก ๆ วันอาทิตย์ทิตย์ถ้าหากพ่อและนายน้อยของมันไม่ได้อยู่ที่เกสต์เฮ้าส์


มือหนารีบคว้าปลอกคอสีน้ำตาลทันทีเมื่อเจ้าขนยาวกำลังเผลอ จากนั้นก็คล้องสายจูงเข้ากับปลอกคอยื้อยุดฉุดรั้งกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพาเจ้าจอมซนเดินลุยน้ำระดับหน้าแข้งข้ามไปยังอีกฟากของลำธาร เมื่อถึงฝั่งเจ้าแข็งแรงก็ก้มลงดมไปตามพื้นดินโดนไม่สนใจคนจูงและสายจูงที่ตึงเปรี๊ยะเลยแม้แต่น้อย


“ทำไมมาวันนี้” เต็มฟ้าที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนผืนหญ้าใต้ต้นที่ปกคลุมไปด้วยดอกสีชมพูถามขึ้นอย่างแปลกใจนั่นเพราะวันนี้เป็นวันเสาร์


“พี่จะเอาเจ้าแข็งแรงมาฝาก พอดีจะไม่อยู่หลายวัน” ร่างสูงกล่าวพร้อมกับนั่งลงใกล้ ๆ ปล่อยมือจากสายจูงให้เจ้าหมาน้อยวิ่งเล่นตามใจชอบ


“พี่ศิธาจะไปไหน”


“จะไปกรุงเทพฯ ไปงานรับปริญญาน้องชายแล้วก็ลาพักร้อนยาว กลับมาอีกทีก็น่าจะหลังปีใหม่”


“แล้วนี้ไปยังไง เครื่องบินเหรอ”


ศิธาพัฒน์ส่ายหน้ายิ้ม ๆ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาคงจะนั่งเครื่องบินกลับเพราะมันเร็วกว่ากันเยอะ แต่คราวนี้กลับอยากนั่งรถไฟเพียงเพราะอยากจะหาคำตอบของคำถามที่คาใจ “อยากรู้ว่านั่งรถไฟเห็นอะไรที่คนนั่งเครื่องงบินไม่เห็นบ้าง”


“ลงทุนเนอะ” เต็มฟ้ากล่าวพร้อมกับปิดหนังสือลง “แล้วจะไปวันไหน”


“คืนนี้แหละ”


“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเต็มขับรถไปส่งก็แล้วกัน พี่ศิธาก็เอามอเตอร์ไซค์ไปจอดที่เกสต์เฮาส์ กลับมาเมื่อไรก็แวะไปเอา”
ศิธาพัฒน์พยักหน้ารับข้อเสนอก่อนจะลุกขึ้นเดินไปรั้งสายจูงที่ติดอยู่กับกิ่งไม้ใหญ่ทำเอาเจ้าสุนัขที่ปลายสายต้องวิ่งวนจนกระทั่งไปไหนไม่ได้


“มานี่มา” พูดจบมือหนาก็ออกแรงรั้งสี่ขาให้เดินตามมา


“ปรึกษามันก่อนไหม จับมันใส่เสื้อสีหวานขนาดนี้”


“ก็ลูกสาวนี่ ใส่แบบนี้น่ารักจะตาย เนอะแข็งแรงเนอะ”


ถึงจะไม่รู้ว่าเจ้านายพูดอะไร แต่นังหนูก็ขานรับด้วยการเห่าตามประสาหมาน้อยปากเปราะเหมือนเช่นเคย


“ปลอกคอแกเริ่มแน่นหรือยังเนี่ยนังหนู” เต็มฟ้ากล่าวพลางจับที่ปลอกคอ เมื่อเห็นว่ายังพอมีรูเหลือให้ขยับสายได้ก็ค่อยวางใจ ห่วงอยู่ว่าถ้าหากมันโตขึ้นอีกแล้วไม่ได้ขยับปลอกคอให้กว้างตาม นังหูของเขาคงขาดอากาศหายใจกันพอดี


“ลูกสาวใครก็ไม่รู้กินก็จุ แถมยังดื้ออีกต่างหาก” ศิธาพัฒน์กล่าวพร้อมกับลูบหัวมันเบา ๆ   


“ดื้อตรงไหน ไม่เห็นจะดื้อเลย”


“ถ้าอย่างนั้นต้องลองพิสูจน์เอง” ริมฝีปากอิ่มขยับยิ้มยักคิ้วกวน ๆ ก่อนจะส่งสายจูงให้เจ้าของตัวจริง


มือบางรับสายจูงมาพันไว้หลวม ๆ แต่ยังไม่ทันตั้งตัวเสียงเชียร์ให้วิ่งของคนข้าง ๆ ก็ทำให้เจ้าหมาน้อยเกิดคึกวิ่งแน่บจนลืมคนที่ปลายสายจูงไปเสียสนิท ร่างสูงถูกรั้งไปตามแรงของเจ้าสี่ขาจนหนังสือในมือกระจัดกระจาย แม้เต็มฟ้าจะร้องให้หยุดแต่เจ้าแข็งแรงก็ยังคงวิ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตาด้วยคิดว่าเจ้านายกำลังเล่นกับมัน


เต็มฟ้าหอบแฮ่กพยายามเอื้อมมือเกาะสายจูงที่พันแน่นและในจังหวัที่สายจูงคลายออก แรงรั้งสุดท้ายก็ทำให้ร่างสูงล้มลงจนหัวเข่าข้างหนึ่งกระแทกลงกับพื้นที่เต็มไปด้วยกรวดหิน


“เต็ม!” ศิธาพัฒน์ร้องเสียงหลงก่อนจะวิ่งเข้าไปประคองคนเจ็บ หน้าเหยเกกับเลือดแดงฉานที่หัวเข่าทำเอาใจคอไม่ดี นึกอยากจะเขกหัวตัวเองซ้ำ ๆ ที่บังอาจทำให้ผิวเนียนต้องมีแผล “เป็นอะไรหรือเปล่า”


“โอ้โห! ถามมาได้ นี่นึกว่าใช้เอฟเฟกต์หรือไงเลือดออกขนาดนี้”


“ลุกไหวไหม” ปากอิ่มละล่ำละลักกล่าวคำขอโทษพร้อมกับช่วยพยุงร่างเล็กกว่าให้ลุกขึ้น


“ดะ เดี๋ยว ๆ พี่ศิธา เจ็บว่ะ” เต็มฟ้ากล่าวพลางกำแขนเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น รู้สึกตึงไปหมดทั้งขา


“ถ้าอย่างนั้นขี่หลังพี่ไปก็แล้วกัน เลือดออกแบบนี้ยังไงก็คงปล่อยให้ลุยน้ำไปไม่ได้ เดี๋ยวเชื้อโรคเข้าแผลกันพอดี”


“ไม่ต้อง ๆ เต็มเดินเองได้ พี่ศิธาไปจูงแข็งแรงกลับเถอะ”


“อย่าดื้อน่า”


ดวงตาที่แฝงความห่วงใยคู่นั้นทำให้คนเจ็บแอบถอนหายใจเบา ๆ จำต้องกลืนคำโต้แย้งลงคอก่อนจะขึ้นหลังคนเสียงขรึมอย่างว่าง่าย แขนเล็กคล้องคอหนาเกาะแน่นเป็นลูกลิงขณะร่างสูงกำลังพาเดินข้ามลำธาร เหตุการณ์เมื่อครู่แม้จะเกิดขึ้นอย่ารวดเร็วแต่ก็เล่นเอาหอบ แก้มนิ่มแตะลงบนบ่ากว้างเอียงคอมองนังหนูที่เดินลุยน้ำตามมา ปลายจมูกได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายยี่ห้อดังที่มักจะเห็นบนป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ในห้างสรรพสินค้า แม้จะเป็นน้ำหอมสำหรับพวกหนุ่มนักกีฬาแต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นและโรแมนติกอยู่เหมือนกัน     


ศิธาพัฒน์พาเต็มฟ้าเข้ามานั่งพักในโรงงานก่อนจะถามหากล่องปฐมพยาบาล เมื่อรู้พิกัดแน่ชัดเขาก็หายไปพักใหญ่ ๆ จากนั้นก็กลับมาพร้อมกับกะละมังใส่น้ำและกล่องใส่เครื่องมือปฐมพยาบาลเบื้องต้น


“เจ็บมากไหม” กล่าวขณะที่มือบิดผ้าเช็ดหน้าซับคราบสกปรกที่หน้าข้าง


“395.25 หน่วย”


เมื่อได้ฟังคำตอบกวนประสาทคนถามที่อยู่ในอาการเครียดก็ถึงกับขมวดคิ้ว อยากจะดุแต่ก็ไม่กล้าดุเพราะตนเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายต้องเลือดตกยางออก


“เต็ม ตอบดี ๆ”


“เจ็บสิ เจ็บจะ...  โอ๊ย! พี่ศิธา!” เต็มฟ้ากัดฟันกรอดเมื่อสำลีชุ่มแอลกอฮอล์ถูกวางลงมาบนหัวเข่าพลันความแสบก็แล่นจี๊ดจนน้ำตาแทบเล็ด คิ้วหนาขมวดเข้าหากันราวกับจะผูกเป็นปม “ทำอะไรบอกกันบ้าง”


“แสบเหรอ”


“ตอนแรกก็ไม่แสบหรอก จนพี่โปะสำลีลงมานี่แหละ” คนเจ็บยังไม่หยุดโวยวาย แต่เมื่อลมเย็น ๆ ที่ถูกเป่าผ่านริมฝีบอกของคนหน้าเครียดกับสัมผัสแผ่วเบาของสำลีที่ถูกเช็ดวนรอบปากแผลก็ทำให้คลายความโมโหลงได้บ้าง


“พี่เป่าให้นะ เดี๋ยวก็หาย”


ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมประโยคนี้มันช่างเหมือนมีมนต์ขลัง ทั้งที่รู้ว่าเป็นเพียงคำพูดหลอกเด็ก แต่ก็รู้สึกหายเจ็บทุกทีเวลาที่ได้ฟัง เต็มฟ้าทอดสายตามองชายหนุ่มที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า สีหน้านั้นดูจริงจังน่ากลัวเสียจนอยากจะบอกว่าให้ช่วยทำหน้าปกติได้ไหม อันที่จริงแผลแค่นี้มันเล็กน้อยและไกลหัวใจมาก แต่ถึงกระนั้นแอลกอฮอล์ที่ใช้ทำความสะอาดแผลก็ทำเอาแสบจนน้ำตาซึมอยู่เหมือนกัน



“พี่ขอโทษนะ” ศิธาพัฒน์เงยหน้าขึ้นสบตา เมื่อเห็นน้ำใส ๆ ที่หางตาของอีกฝ่ายยิ่งทำให้รู้สึกผิดเป็นทวีคูณ ริมฝีปากอิ่มยังคงกล่าวคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น


“พอแล้วพี่ศิธา ไม่ต้องขอโทษแล้ว เต็มไม่เป็นอะไรแล้ว” พูดพลางวางมือบนบ่าหนาของคนตรงหน้าพร้อมกับออกแรงบีบเบา ๆ เป็นการยืนยันในสิ่งที่ได้พูดออกไปแต่นั่นก็ไม่ทำให้ศิธาพัฒน์รู้สึกคลายใจเลยสักนิด ความรู้สึกผิดยังคงแล่นอยู่เต็มอกเมื่อเห็นผิวขาว ๆ ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วง ชายหนุ่มก้มหน้าก้มตาทำแผลต่อเงียบ ๆ ในขณะที่คนเจ็บเองก็มองตามในสิ่งที่เขาทำอย่างสนใจ


“ทำเป็นได้ยังไงน่ะ”


“พี่สาวพี่เป็นพยาบาล เคยเห็นเขาทำให้คุณย่า ให้น้องชายบ้างก็เลยจำ ๆ มา” น้ำเสียงเรียบ ๆ ทำให้คนถามต้องถอนหายใจเบา ๆ


“เลิกทำเสียงขรึมกับหน้าตาเครียด ๆ ได้แล้ว บอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรแล้วไง”


“แล้วจะให้ทำหน้ายังไง”


“ก็ยิ้มไง ยิ้มน่ะยิ้ม” พูดจบสองมือก็จับที่แก้มเนียนก่อนจะดึงเบา ๆ


แค่ดึงเบา ๆ แต่ทำเอาหัวใจเต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น ศิธาพัฒน์รีบปัดมือของอีกฝ่ายออกก่อนจะจัดการพันผ้าพันแผลเป็นอันเสร็จเรียบร้อย


....


หลังจากห้ามกันอยู่นานคนเจ็บก็ดื้อที่จะขับรถมาส่งที่สถานีรถไฟตามที่ได้พูดเอาไวจนได้ มาถึงสถานีรถไฟฟนครลำปางก็ตอนเกือบหนึ่งทุ่ม เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ กว่าที่รถด่วนพิเศษขบวนที่ 2 ซึ่งมีต้นทางอยู่ที่สถานีรถไฟเชียงใหม่จะมาถึง เต็มฟ้าเดินกระเผลกไปนั่งลงที่ที่นั่งริมชานชาลาพลางทอดสายตามองไปตามรางเหล็กเหล็ก ยังรู้สึกเจ็บแป๊บที่หัวเข่าแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ให้ใครต้องมาเป็นห่วง


“ยังเจ็บอยู่ไหม” ร่างสูงถอดเป้บนหลังก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ


“ไม่แล้ว”


“หึ อ่อนแอบ้างก็ได้มั้ง เจ็บก็บอกว่าเจ็บ ไม่เห็นจะต้องฝืน”


“ก็ไม่เจ็บแล้วจริง ๆ”


ยังไม่ทันที่ศิธาพัฒน์จะโต้แย้งเสียงประกาศแจ้งจากนายสถานีก็ดังขึ้น รถด่วนพิเศษขบวนที่ 14 กำลังจะเข้าจอดเทียบชานชาลาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า บรรดาผู้โดยสารทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างก็ลุกจากที่นั่งเตรียมสัมภาระก่อนจะเดินไปยืนระตามหมายเลขโบกี้ที่ระบุไว้ในตั๋วรถไฟ


“แปลกเนอะ ได้ยินแต่คนบ่นว่ารถไฟช้าบ้างละ เก่าบ้างละ แต่ก็ยังมีคนเยอะแยะที่เลือกเดินทางด้วยรถไฟ”


“ถึงจะเก่าหรือช้าก็พาทุกคนไปถึงจุดหมายปลายทางนะ”


“แล้วที่เต็มเคยบอกล่ะมันคืออะไร”


คนถูกถามนิ่งนึก คงจะหมายถึงเรื่องที่บอกว่า ‘คนนั่งรถไฟเห็นแต่คนนั่งเครื่องบินไม่เห็น’ ละสิ ดวงตาสีเข้มจับจ้องไปที่แสงไฟหน้าขบวนรถที่ปรากฏขึ้นและกำลังใกล้เข้ามา ไม่นานเสียงหวูดก็ดังขึ้นพร้อมกับหัวรถจักรที่เคลื่อนผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว ม้าเหล็กตัวยาวค่อย ๆ ชะลอความเร็วลงจนกระทั่งจอดสนิท และแล้วความโกลาหลและเสียงอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์ก็ดังไปทั้วทั่งสถานี


ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้งบาง ๆ  “ข้อแรกนะ”


นิ้วเรียวชี้ไปที่หน้าต่างบานหนึ่งของขบวนรถไฟที่ยังคงจอดนิ่ง ภาพที่เห็นคือภาพคุณตาคุณยายที่กำลังช่วยกันประคองหลานสาวตัวน้อยซึ่งกำลังเกาะขอบหน้าต่างดูความเป็นไปภายนอก โดยมีหญิงสาวกับชายหนุ่มซึ่งคงจะเป็นพ่อกับแม่ของเด็กนั่งมองอยู่ห่าง ๆ “มันทำให้เราไปไหนด้วยกันได้ทั้งครอบครัว พ่อ แม่ ลูก คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย”


“แล้วข้อต่อไปล่ะ”


“ข้อสองก็คือ.....” เต็มฟ้ากลอกตาขึ้นอย่างใช้ความคิดจนกระทั่งเสียงหวูดรถไฟดังขึ้น “ได้เห็นวิถีชีวิตที่ต่างออกไปไง ได้เห็นต้นข้าวเขียว ๆ ในทุ่งนา ได้เห็นวัด เห็นบ้านในมุมที่คนธรรมดาเห็น แบบที่ไม่ต้องมองจากมุมสูงก็เห็น มันอาจจะเห็นได้ไม่ทั้งหมด แต่ก็เห็นในแบบที่จับต้องได้ รายละเอียดชัดกว่า”


“แล้วข้อสามล่ะ”


“นี่ยังจะเอาอีกเหรอ”


“มีอีกไหมล่ะ” ศิธาพัฒน์กอดอกรอฟัง


“อืม..” คนถูกถามนิ่งคิดพร้อมกับมองขบวนรถไฟที่เคลื่อนออกไปช้า ๆ “ทำให้เราได้มีเวลาอยู่ด้วยกันานขึ้น” เขากล่าวพร้อมกับชี้ไปที่ชายหนุ่มหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันที่ริมหน้าต่างตู้รถไฟที่เคลื่อนผ่านหน้าไป


“เต็มว่าเขารู้จักกันเหรอ ไม่เห็นคุยกันเลย”


“ไม่รู้สิ” ถ้าให้เดาละก็ การที่ต่างคนต่างมองไปคนละทางทำให้คิดได้ว่าทั้งคู่คงไม่ได้มาด้วยกัน “แต่กว่าจะถึงปลายทางคงได้คุยกันบ้างละ ก็เลยทำให้เกิดเป็นข้อสี่....”


“ข้อสี่ว่าไง”


“เราอาจจะได้เพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีกคนไง”


“หมดหรือยัง”


“ไม่หมดก็พอเฮ้อะ! ขี้เกียจคิด” เต็มฟ้ากล่าวพลางเกาขาตัวเองแกรก ๆ ในขณะที่ศิธาพัฒน์เองก็มองชายหนุ่มช่างคิดอย่างเอ็นดู จะลองดูก็แล้วกันว่ารถไฟขบวนที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงจะทำให้เขาเห็นในสิ่งต่าง ๆ ที่คนนั่งเครื่องบินไม่เห็นจริงหรือเปล่า




“ขอบคุณมากนะที่มาส่ง แล้วจะซื้อขนมมาฝาก” ปากอิ่มเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ


คำพูดที่ดูเหมือนคำพูดที่พี่ชายพูดกับน้องเวลาต้องจากกันไปไกล ๆ ทำให้ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอีกครั้ง


“ขอบคุณเหมือนกัน”


“เรื่อง?”


“ก็เรื่องที่ทำให้รู้ว่าการเป็นน้องมันรู้สึกยังไงไงล่ะ”



คนฟังไม่ได้แสดงความยินดียินร้ายกับประโยคที่จบลงไปเมื่อครู่ นั่นเป็นเพราะตัวเขา...



   
‘ไม่ได้อยากเป็นพี่ชายสักหน่อย’






....


สวัสดีค่ะ ขอบคุณมาก ๆ สำหรับการติดตาม (ติดเต็ม ติดปุ่น) นะคะ
ผ่านมาถึงตอนที่ 14 แล้ว ตามความตั้งใจกะว่าจะให้จบภายใน 20 ตอน โดยไม่มีตอนพิเศษค่ะ
ตอนนี้วางแผนเอาไว้แบบนี้ค่ะ เผื่อหลาย ๆ คนคาดหวัง
พอดีว่าใกล้เปิดเทอมแล้ว เด็กวัยกำลังเรียนอย่างเรา (เหรอ) มีภารกิจหลายเรื่องที่ต้องทำ
ช่วงนี้รู้สึกงานยุ่ง ๆ ด้วย เลยอยากเขียนให้เสร็จ จะได้ทำอย่างอื่นแบบสบายใจ คนอ่านก็ไม่ต้องรอด้วย
ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ ^^




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-07-2014 04:09:44 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
อ่านเรื่องนี้ทีไรรู้สึกอบอุ่นใจทุกที เอาใจช่วยพี่ศิธานะ สู้ๆ
มันก็ต้องค่อยเป็น ค่อยไปเนอะ เดี๋ยวจากนัอง ก็กลายเป็นคนรักเองแหละ รีบๆกลับมาทำคะแนนเร็วๆนะ

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
พี่ศิน้องเต็มๆๆๆๆๆ น่ารัก อบอุ่นๆๆๆ

ไม่ได้อยากเป็นพี่ชายสักหน่อย บอกให้เขาได้ยินสิๆๆๆ


>////////////<


ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
แหนะะะ พี่ศิธาคิดอารายยยยยย  :-[ :-[

ชอบเรื่องนี้ม๊ากกกกกก มากกกกก
เป็นความสัมพันธ์ที่ค่อยๆก่อตัวจนเป็นความรัก ทำให้รู้สึกว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกที่ผิวเผิน
มันค่อยๆเป็นค่อยๆไป ค่อยๆเกิดเป็นความรู้สึกที่มั่นคงแข็งแรง
เป็นกำลังใจให้คนเขียนต่อไปค่ะ ติดตามเฟสบุ๊คตลอดแต่เคยเม้นแค่ทีเดียว แหะๆ

ปล.บรรยายบรรยากาศได้ดีมากเลยค่ะ เห็นภาพ
ถึงจริงๆในเมืองลำปางจะรถติด แต่รอบนอกเป็นบรรยากาศแบบที่เล่าเลย
กลิ่นฝน กลิ่นหมอกทำให้คิดถึงบ้าน  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
แล้วเค้าจะจีบ จะเป็นแฟนกันตอนไหน เต็มยังไม่รู้สึกรัยกะพี่ปุ่นเลย :mew1:

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
ไม่ได้อยากเป็นพี่นะจ๊ะนะ
อยากให้เต็มรู้เร็ว ๆ จัง~ ยู้ฮูววว~

>////<

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อ่านเรื่องนี้ทีไรมันอบอุ่นใจทุกที

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
ตอนนี้น่ารักมากเลย รู้สึกถึงการเปิดใจของเต็มที่มีทั้งให้น้องแล้วก็ให้พี่

อ่านแล้วอบอุ่นมาก ชอบความคิดที่นั่งรถไฟด้วย ไว้จะลองไปนั่งดูบ้าง o13

ออฟไลน์ tuckky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
 ชอบจังเลย เขียนได้น่ารักมาก
มีความสุขแบบหม่นๆ บางตอนก็ยิ้มทั้งน้ำตา
ชอบน้องตาม อยากมีน้องชายแบบนี้มั้ง ดูเป็นเด็กน่ารักๆ และรักพี่ชายมากๆเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด